ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าหลวงพ่อ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย pattarawat, 4 มีนาคม 2007.

  1. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,981
    จากเว็บแดนนิพพาน (www.dannipparn.net)






    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าหลวงพ่อ

    ๖.๐๐ น. หลวงพ่อท่านบอกให้ถอดน้ำเกลือออก ท่านบอกว่าห่วงงาน เพราะจะต้องไปที่ตึกริมน้ำ ไปจ่ายเงินคนงาน นัดให้ธนาคารมาเบิกจ่ายเงินให้คนงาน
    ๗.๐๐ น. พอรถหลวงพ่อมาจอดที่หน้าตึกริมน้ำ เห็นพวกทหารหามหลวงพ่อลงมาจากรถพากันอุ้มหลวงพ่อ หลวงพ่อหายใจแรงมาก ปากอ้าเพราะความเหนื่อย ต้องหายใจทางปาก เปลือกตาหนัก ลืมไม่ค่อยจะขึ้น หน้าซีด พระปลัดวิรัชจึงรีบตามเข้าไปนั่งในห้องด้านใน ไปนั่งดูหลวงพ่อที่หน้าเตียง เกินครึ่งชั่วโมง หลวงพ่อทรุดโทรมมากจนผิดปกติ จ่าตุ๋ยและนกเอี้ยงเข้าไปให้ออกซิเจน ๑๕ นาทีหลวงพ่อหน้าซีด เนื้อตัวแขนเป็นรอยจ้ำๆสีจางกว่าที่ขา ที่ขามีรอยจ้ำเป็นสีคล้ำๆ วงใหญ่ๆ จนเลยหัวเข่าขึ้นมาทั้งสองข้าง พระปลัดวิรัชโทรศัพท์ไปกรุงเทพฯ ปรึกษากับนายแพทย์จรูญ ปิรยะวราภรณ์ ๓ ครั้ง ในเวลาไร่เรี่ยกัน หลวงพ่ออาการหนักมากแล้วและดูจะผิดปกติมากๆ หมอจรูญจึงสั่งมาว่าให้บอกหมออี๊ดให้น้ำเกลือหลวงพ่อและจับชีพจรและความดันทุกๆ ๒ - ๓ ชั่วโมง เพราะว่ากำหนดหลวงพ่อเข้าบ้านสายลมวันที่ ๓๐ ตุลาคม จะได้ช่วยพยุงอาการหลวงพ่อไว้ได้ เพราะหลวงพ่อไม่มีทางเข้าโรงพยาบาลแน่ ซึ่งไม่มีใครกล้าฝืนใจหลวงพ่อในเรื่องนี้

    ขณะที่พระทั้งวัดและทุกๆคน เฝ้าดูอาการหลวงพ่อ เห็นคล้ายว่าหลวงพ่อจะนอนหลับ จึงได้ซุบซิบกันเรื่องไปบ้านสายลม ท่านพระครูปลัดอนันต์พูดกับพระปลัดวิรัชว่า "เรื่องไปสายลมตัดไปได้เลยตอนนี้ ดูหลวงพ่ออย่างนี้ท่านไปไม่ได้อยู่แล้ว" พระปลัดวิรัชจึงย้อนถามว่า "ถ้าไม่ไปแล้วหลวงพ่อจะยอมหรือ?" ท่านก็พูดว่า เรื่องนี้รอไปก่อน สักประเดี๋ยวอยู่ๆ หลวงพ่อก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากเต็มที แล้วก็พูดกระท่อนกระแท่น ลิ้นแข็งพันกัน ท่านค่อยๆ พูดทีละคำ ด้วยความยากลำบากว่า " สาย...สาย...สาย...ลม...น่ะ...ต้อง...ไป...เพราะ...ประ...กาศ...แล้ว...ว่า...จะ...ไป...พ่อ...จะ...ไป...บอก...เขา...ว่า...พ่อ...ป่วย" จับความได้อย่างนี้

    ขณะที่แต่ละคนฟัง กว่าคำพูดจะหลุดมาได้แต่ละคำ คล้ายกับใจท่านจะขาดไปในนาทีนั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นต่างก็ระงับน้ำตาไว้ไม่อยู่ ช่างเป็นภาพที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง หลวงพ่อพยายามบอกเหตุผลเพื่อให้เรายอมรับด้วยกันกับท่าน ใครๆ ที่ได้ยินก็ต้องพยายามคล้อยตามท่าน นกเอี้ยงและจ่าตุ๋ยอยู่ใกล้หลวงพ่อ จึงเอาหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ หลวงพ่อ แล้วตอบดังๆให้หลวงพ่อได้ยินว่า "ใช่ครับหลวงพ่อ ต้องไปบ้านสายลม ไปบอกเขาว่าหลวงพ่อป่วย" เท่านั้นเอง หลวงพ่อก็ร้องออกมาด้วยความโล่งอกว่า "เอ้อ"

    เวลา ๑๒.๐๐ น. หลวงพ่อถามว่า "บ่ายโมงหรือยัง?" (เพราะว่าเป็นเวลาที่ท่านจะต้องลงไปรับแขก) ท่านถามเป็นระยะๆ ท่านตั้งเวลาไว้ที่นาฬิกาเรือนใหญ่ และข้างเตียงหนึ่งเรือน พรนุชแอบเลื่อนนาฬิกาไว้ไม่ให้ถึงเวลา เพราะอยากให้หลวงพ่อพักนานๆ กะว่าจะให้ท่านหลับจนเลยเวลารับแขก(รับแขกถึงบ่าย ๓ โมง)

    ท่านหันไปมองนาฬิกาเป็นเวลาบ่ายโมงครึ่งพอดี เป็นเวลาที่จะต้องลงไปรับแขก ท่านขอกินโอเลี้ยงขณะนั้นหนังตาหลวงพ่อยังลืมไม่ค่อยขึ้น มองดูแล้วท่านพยายามฝืนตัวเองคล้ายกัดฟันเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นให้ได้ ท่านพยายามลุกขึ้น ยืนให้ตรง แต่มีคนประคองทั้งสองข้างพระและฆราวาสเกือบ ๒๐ คนมองดูท่านด้วยความสงสารยอมแพ้ในความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งของท่าน แม้ใกล้จะถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต ท่านไม่ยอมแสดงอาการให้พวกเรารู้สึกว่าท่านอ่อนแอเลย ท่านพยายามฝืนกายของท่านให้พวกเราเห็นว่า ท่านยังสามารถลงไปรับแขกได้แน่นอน หลวงพ่อพูดกับหมอว่า "ขอบใจที่ดูแล เวลานี้เพิ่งตื่นนอนใหม่ ร่างกายเพลีย ตัดสินใจอะไรไม่ได้(หมายความว่าจะไม่ยอมไปโรงพยาบาล)" แล้วหลวงพ่อก็พูดอีกว่า "ต้องไปรับแขก..!!"


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ขณะที่หลวงพ่อรับแขกอยู่ ท่านทักทายคณะร้านศิลาหยก คณะนี้บอกว่าหลวงพ่อสั่งให้มาหา หลวงพ่อทักทายคนได้แม่นยำ ท่านพูดปลอบใจผู้อื่นและให้กำลังญาติโยมพุทธบริษัทที่มากราบท่านในวันนี้ ท่านพูดว่า "อยากจะพูดกับทุกๆ คน แต่เสียงไม่ค่อยจะมี" คุณอ้อและอีก ๒ คนร้องไห้โฮเสียงดัง ท่ามกลางความเงียบสงบและบรรยากาศอันสร้อยเศร้า คนพากันนั่งน้ำตาไหลเป็นแถว คุณอ้อร้องเสียงดัง "นิมนต์หลวงพ่อไปพักเถอะ ร่างกายหลวงพ่อไม่สบาย"

    หลวงพ่อพูดว่า "ลูกเอ๋ย นี่เป็นธรรมดาของร่างกาย มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตายเป็นธรรมดาสังขาร มันเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงหรอก ทุกขังมันอยู่มันก็เป็นทุกข์ แต่ผลที่สุดมันก็อนันตาสลายไป มีแค่นี้ อย่ามายึดสังขารพ่อเลย ลูกเอ้ย" นี้เป็นปัจฉิมโอวาทที่หลวงพ่อไว้มอบไว้ในคราวลงรับแขกเป็นครั้งสุดท้าย...ท่านพูดขาดเป็นช่วงๆ ไม่ชัดบ้าง เพราะลิ้นแข็ง

    วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ นำหลวงพ่อเข้าโรงพยาบาลศิริราชกลางดึกอาการของหลวงพ่อน่าเป็นห่วงมาก ม่านตาไม่ตอบสนอง สมองขาดออกซเจน หลวงพ่อติดเชื้ออย่างแรง ทำให้เป็นปวดบวมข้างขวาทั้งแถบ การขับถ่ายปัสสาวะไม่ค่อยออกจนแพทย์วิตกมาก และหลวงพ่อยังมีอาการช๊อค ทำให้ระบบไตไม่ดี

    วันศุกร์ที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หมอหญิงได้รายงานอาการหลวงพ่อให้ฟังคร่าวๆว่า ความดันหลวงพ่อดีขึ้นเกิน ๑๑๐ หน้าตาดีขึ้นปากแดง (เมื่อวานนี้ยังปากเขียวอยู่) ตอนนี้ตาเปิดเองได้(เมื่อวานตาหงายกลับ) แต่หมอเอาที่ปิดตาปิดไว้ ระบบไตยังไม่ดี และตอนนี้หลวงพ่อไม่ได้หายใจเอง หมอหญิงบอกว่าโอกาสรอดคือศูนย์ หากหลวงพ่อมีชีวิตกลับคืนมาอีก สมองของท่านก็จะไม่ปกติ อาจเป็นอัมพาต อาจมีลักษณเหมือนหลวงพ่อชา ฟังดูแล้วก็หมดหวัง....

    พระครูปลัดอนันต์ หลวงพี่ยงยุทธและหลวงพี่พระปลัดวิรัชพากันกลับบ้านสายลมเพราะเป็นวันที่หลวงพ่อจะต้องลงมารับแขก กะว่าจะไปรับสังฆทานและไปอธิบายให้คนที่มาสายลมทราบ ส่วนหลวงพี่พระใบฎีกาประทีปและพระอภิชัยพักอยู่ทางโรงพยาบาล ปรากฏว่าพอเวลา ๑๖.๐๐ น. เศษ มีโทรศัพท์แจ้งมาว่า หลวงพ่อมรณภาพแล้วที่โรงพยาบาลศิริราช เวลา ๑๖.๐๐ น.

    จากนั้นพระครูปลัดอนันต์พระยงยุทธ และพระปลัดวิรัชรีบกลับมายังโรงพยาบาลศิริราช พอเข้าไปถึงห้อง ซี.ซี.ยู ก็ตรงเข้าห้องที่หลวงพ่อมรณภาพ ภายในห้องนั้น เห็นหลวงพ่อนอนนิ่ง มีผ้าคลุมร่างกายอันสงบนิ่งของหลวงพ่อถึงหน้าอกหลวงพี่ปลัดวิรัชตรงรี่เข้าไปกราบหลวงพ่อใกล้ๆ และเพื่อดูหน้าหลวงพ่อให้ชัดๆ ทันใดนั้นหลวงพ่อยิ้มออกมา โดยที่ริมฝีปากหลวงพ่อยืดออก(ยิ้ม) เดี๋ยวนั้นเป็นอาการยิ้มโดยฉับพลันอย่างมีความสุขบนใบหน้าไม่มีอาการของคนที่ป่วยหนักเหลืออยู่เลย ท่านหลับตาพริ้มคล้ายมีชีวิต ทันทีที่เห็นปรากฏเช่นนั้นหลวงพี่ปลัดวิรัชบอกว่า "จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นเดียวกับหลวงพ่อ ดีใจที่หลวงพ่อสบายแล้ว" ความสังเวช สลดใจหายไปในขณะนั้น เกิดปิติมากจนลืมตัว ตะโกนเรียกให้ท่านพระครูปลัดอนันต์ และหลวงพี่ยงยุทธให้รีบมาดู "เร็วๆ เข้า มาดูหลวงพ่อ หลวงพ่อยิ้มใหญ่เลย...ๆๆๆ"


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    พอพวกหลวงพี่เข้ามาดูพร้อมๆกัน หลวงพ่อก็ยิ้มอีก แล้วก็ยิ้มรวมเป็นการยิ้ม(ยืดริมฝีปาก)เพิ่มอีก ๓ ครั้ง ความอัศจรรย์ที่ริมฝีปากหลวงพ่อยิ้ม ออกจนสุดขอบยิ่งมองดูดวงตาที่หลับพริ้มอยู่กับริมฝีปากที่ยิ้ม คล้ายกับทักทายพวกเรา มองดูแล้วเหมือนมีชีวิต มองดูแล้วยิ่งมีความสุข ริมฝีปากบนมีลักษณะคล้ายหลวงพ่อขำอะไรมากๆ หรือคล้ายกับหลวงพ่อกำลังล้อเล่นอะไรขำๆ ท่านยิ้มมากแต่ไม่เห็นฟัน ตอนท่านมีชีวิตอยู่ ท่านยิ้มให้พวกเราเสมอและอยากให้พวกเรายิ้มกับท่าน ท่านอยากเห็นเราอารมณ์ดี เราจึงมักจะเห็นท่านเป็นฝ่ายยิ้มก่อนเสมอๆ ครั้นถึงเวลาที่ท่านจากพวกเราไปแล้ว สิ่งแรกที่ท่านทำก็คือ ต้องการเห็นเรายิ้มกับท่านอีกเช่นเคย....

    จากนั้นสักประเดี๋ยว นายแพทย์ชน ศิริยานนท์ แห่งโรงพยาบาลศิริราชก็เข้ามาดู แล้วอุทานออกมาว่า "เมื้อกี้นี้ ผมเข้ามาดูแล้ว หลวงพ่อไม่ได้เป็นแบบนี้ หลวงพ่อไม่ได้ยิ้ม พอหลวงพี่มาถึงท่านจึงยิ้ม ยิ้มมากด้วย ผมขอยืนยัน " ต่อมานายแพทย์วัฒนะ ฐิตดิลก ก็เข้ามา ก็พูดคล้ายกันว่า "เออดูซิ หลวงพ่อยิ้มสวยมาก ยิ้มสวยมาก ดูซิ...."

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    หลวงพ่อท่านไปดีแล้ว ไปสบายแล้ว ไปรอพวกเราอยู่ที่นิพพาน อีกไม่นานพวกเราทั้งหลายก็จะได้ไปกราบท่านบนนั้นและอยู่ที่นั้นกับท่านสมใจ....

    จากหนังสือพระราชพรหมยาน
     
  2. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,981
    ศิษย์คนนี้ขอน้อมรับคำสอนของหลวงพ่อด้วยหัวใจ
    และจะประพฤติตนเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนาจนชีวิตจะหาไม่
    หากกำลังใจดีพอ ศิษย์คนนี้ขอไม่มาเกิดอีก
    และจะไปกราบหลวงพ่อที่บนดินแดนแห่งนั้น
     
  3. PCO

    PCO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +3,626
    สำหรับผมที่มีความรู้สึกต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้นสุดที่จะบรรยายนึกถึงท่านคราวใดน้ำตามันใหลง่ายมาก ก็ขอสดุดีต่อพระมหากรุณาธิคุณของพ่อท่านพร้อมกันนี้เนื่องในการครบรอบ14ปีแ่ห่งการละขันธ์ห้าของพ่อซึ่งการละในครั้งนี้เป็นการละครั้งสุดท้ายของมหาพุทธภูมิที่ยิ่งใหญ่แต่นี้ไปตราบนานเท่านานพ่อจะไม่หวนย้อนกลับมาในฐานะของมนุษย์ที่มีขันธ์ห้าอันเป็นทุกข์ที่พ่อต้องทนทุกข์มานานหนักหนาก็เพียงเพื่อต้องการนำพาสรรพสัตว์ข้ามให้พ้น วัตฏสงสาร
    มาบัดนี้พ่อได้ทำในสิ่งที่พ่อปรารถนาและพ่อก็สมความปรารถนาแล้วคณะที่ติดตามพ่อทั้งหมดก็ล้วนมั่นคงในคำสั่งสอนของพ่อและจะติดตามพ่อเข้าพระนิพพานกันในชาตินี้ก็ขอโมทนากับทุกๆท่าน

    ส่วนลูกของพ่อคนนี้ขอกราบอนุโมทนาและขอรับในส่วนกุศลทุกๆอย่างที่พ่อ
    บำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนอวสาน จะขอจดจำจารึกปฏิปทาลีลาสัมมาปฏิบัติ
    น้อมนำมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปประพฤติปฏิบัติให้จงได้อย่างที่พ่อต้องการ
    และจะรักษาสมบัติที่พ่อให้คือพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะพิเศษนี้ให้ยิ่งกว่าชีวิต
    และจะขอนำธงชัยของพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษอันเป็นสมบัติของพ่อนี้
    ไปถวายท่านแม่และท่านพ่อที่พระนิพพานเมืองแก้วในอนาคตกาลให้จงได้
    ลูกของพ่อขอให้สัจจะอธิฐานสัญญาพระพุทธเจ้าข้า<!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2007
  4. artty

    artty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    662
    ค่าพลัง:
    +2,386
    อาร์ตอ่านแล้วปลาบปลื้มใจค่ะ ชอบประโยคสุดท้ายที่สุดค่ะ ว่าท่านไปรอลูกๆทุกคนที่นิพพาน ท่านไม่ทิ้งลูกทุกคนจริงๆ ขออนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2007
  5. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    - หลวงพ่อจากไปแต่สังขาร แต่ความความดีและแนวคำสั่งสอนของหลวงพ่อยังอยู่ตลอดเวลาครับ สาธุๆๆๆ / thaiput007@hotmail.com
     
  6. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    อ่านแล้วจะร้องไห้ คิดถึงหลวงพ่อ.............
     
  7. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    กราบหลวงพ่อครับ
     
  8. maiyasan

    maiyasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +1,182
    ลูกขอกราบแทบบาทพระเดชพระคุณหลวงพ่ออันเป็นที่รักยิ่งทูนไว้สูงสุดขอรับ
     
  9. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    พอดีวันนั้นอยู่ที่ร.พ วันที่ท่านจากไป เฝ้าท่านตั้งแต่เช้าเพราะมีรางสังหร แล้วท่านก็ได้จากไปจริงๆ ก่อนหน้าที่หลวงพ่อจะเข้าร.พที่อาการหนักสุด ก็ไปหาท่านที่วัดเพราะ"เจ้าพระคุณสมเด็จวัดสามพระยา" มีธุระให้"หลวงพี่หนู พระเลขา" มาพบหลวงพ่อคุณแม่ก็เลยรับ"หลวงพี่หนู"มาหาหลวงพ่อ พอเจอหน้าท่านก็ทักทาย เราสังเกตุเห็นหลวงพ่อตัว"บวม"มากๆบวมผิดปกติ แต่หลวงพ่อก็ยังทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าน"อึด"มากๆ

    ท่านเป็นห่วงลูกศิษมากๆโดยเฉพาะเรื่อง"การสอนกรรมฐานสอนธรรมมะ" ถึงตัวไกล้จะตายร่างกายไกล้จะดับแต่ก็ไม่ย้อท้อในการสอนธรรม....แต่ใครจะไปรู้มาถึงพ.ศ2550 หลังจากที่ท่านจากไปก็มีเหตุการแปลกๆเกิดขึ้นมากมายทำให้คนเค้าแปลคำสอนของท่านไปในทางที่พิดที่เพื้ยนไป......จริงๆแม้แต่"ศาสนาขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ถูก"ย่ำยี" คนที่ย่ำยีก็ไม่ใช่ใครแต่ก็คือ"ลูกศิษ"ของพระพุทธเจ้าเองทั้งนั้น..........
     
  10. ปุ

    ปุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +456
    ธรรมใดที่หลวงพ่อถึงแล้ว...ลูกๆขอถึงธรรมนั้นด้วย สาธุๆๆ
     
  11. manote

    manote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    924
    ค่าพลัง:
    +5,996
    ยังระลึกถึงคำสอนหลวงพ่อไม่เสื่อมคลาย แม้เพียงได้พบหลวงพ่อเพียง 2 ครั้ง ที่สายลมแต่ยังจำ ภาพใบหน้าหลวงพ่อตราตึงอยู่ในจิตใจ

    ขอกราบแทบเท้าแด่พระสุปฎิปัณโณ ผู้มีใจเมตตา เสียสละแด่ ลูกๆ หลานๆ ทั้งหลาย ทั้งได้สร้างสิ่งต่างๆที่วัดท่าซุงให้เราได้เห็นด้วยตาเนื้อว่ามีสิ่งใดหลังความตายที่จะได้เจอ หากเราหมั่นสร้างความดี โดยที่บางคนแม้ตัวผมยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยกายทิพย์ก็ตาม
     
  12. atittan

    atittan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +313
    ขออนุโมทนา และปิติกับปัจฉิมโอวาสของหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่งค่ะ
     
  13. Manob

    Manob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +469
    " สาย...สาย...สาย...ลม...น่ะ...ต้อง...ไป...เพราะ...ประ...กาศ...แล้ว...ว่า...จะ...ไป...พ่อ...จะ...ไป...บอก...เขา...ว่า...พ่อ...ป่วย"

    อ่านแล้วจะร้องไห้ หลวงพ่อท่านยังรักลูกศิษย์ทุกคน ขอบคุณที่เอามาให้อ่านครับ โมทนาสาธุครับ
     
  14. wudiman

    wudiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,333
    ปลาบปลื้ม

    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ กับ เรื่องราวนี้ เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รู้เรื่องการมรณภาพของหลวงพ่อ ซึ่งครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้อ่านหลังสือที่ท่านตอบปัญหา คิดว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ คือ ในปีนี้ 2550 ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่ได้รู้ว่าท่านได้ละสังขารไปแล้วกว่า 15 ปี เพราะข้าพเจ้าเองคืดว่าถ้ามีโอกาศจะไปนมัสการท่านสักครั้ง ที่วัดท่าซุง แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าเห็นภาพท่านยิ้มแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจมาก และ กราบขอบพระคุณท่านที่ให้ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมะดีๆ จากท่าน ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าพระอรหัตต์นั้นยังมีอยู่ในโลกนี้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มีนาคม 2007
  15. Fullmoonman

    Fullmoonman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ไม่มีคำบรรยายใดๆ..ครับ
    รู้แต่ว่าต้องไปอยู่กับหลวงพ่อที่นิพพานให้ได้
     
  16. ท่าข้าม

    ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +2,513
    โมทนากับทุกคนจ้ะ อ่านแล้ว เข้าใจถึง "น้ำใจพ่อ น้ำใจพระ" ความเข้มแข็งและอดทนของหลวงพ่อเป็นแบบอย่างที่ ท่าข้ามพยายามจะปฎิบัติตามเสมอ
     
  17. ri_thai13

    ri_thai13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +2,253
    อนุโมทนาสาธุ คุณธนวิสุทธิ์ ที่ได้สร้างเวป แดนนิพพาน.คอม บันทึกความทรงจำเรื่องราวพระธรรมคำสั่งสอนของหลองพ่อ และจริยาวัตรอันงดงามของพ่อ ความอ่อนโยนของพ่อ ที่แสดงออกจากดวงตาและรอยยิ้มของท่าน เมื่อได้เห็นที่ไร ใจอบอุ่นและเป็นสุขภายในใจลึกๆ สัมผัส ได้ด้วยใจของดิฉันเองเลย ดิฉันเหมือนคนมีกรรมเป็นคนอุทัยเสียเปล่า พึงจะรู้สึกเข้าใกล้พ่อ ก็เป็นช่วงที่พ่อจากไปนานแล้ว เมื่อเช้าได้อ่านจาก เวปแดนนิพพาน อ่านแล้ว ร้องให้ ต้องแอบซ่อนไม่ให้เพื่อนๆ ที่ทำงานเห็น ลูกคนนี้คงมีกรรม พึงจะได้รู้สึกใกล้ชิดพ่อ จากการอ่านหนังสือของพ่อ จากเวปนี้เอง ทั้งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม มีช่วงหลังที่ได้ทำบุญกับหลวงพ่อ ด้วยความปรานีของพี่ มหาหินและ ทีมงาน ดิฉัน ตั้งจิตอธิฐานไว้ของให้ลูกคนนี้ได้มีโอกาสไปบวชถือศิลบูชาองค์พระสัมนาสัมพุทธเจ้า และ พระพูทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ หลวงพ่อฤาษี เป็นที่สุด ที่วัดท่าซุง เพื่อให้ลูกคนนี้ได้แน่ใจว่า มีหนูหนึ่งคนที่เป็นลูกพ่อนะคะ (จะร้องให้อีกแล้ว) พ่ออย่าทิ้งลูกคนนี้และทุกคนในครอบครัวนะคะ ลูกคนนี้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพ่อ รักษาศิล 5 ให้บริสุทธิ์ เป็นคนดี รักษากายใจ ไม่ให้เป็นบาป ถือศิล ทาน ภาวนา ทำความดีให้ถึงพร้อม เพื่อ จะได้ไปอยู่ กับพ่อนะคะ โปรดอย่าทิ้งลูกคนนี้เลยนะคะ พ่อ กราบ กราบ กราบ
     
  18. soonyata

    soonyata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +3,675
    สองวันนี้ได้เห็นรูปสังขารของพระอาจารย์สององค์ในขณะที่เพิ่งมรณภาพ คือ หลวงพ่อฤาษีและหลวงพ่อสมชายวัดเขาสุกิม ทำให้ปลงได้และพึงระลึกไว้เสมอว่า

    สังขารไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง
     
  19. จันทิตา แพรศรี

    จันทิตา แพรศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +225
    ไม่เคยได้พบหลวงพ่อขณะที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่เลยค่ะ ได้รู้จักหลวงพ่อเมื่อพ.ศ.2546นี้เอง และได้อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อและพบข้อความว่า บุคคลใดที่เป็นลูกหลวงพ่อมาก่อนแต่ชาติภพใดก็ตาม จะมีเหตุให้มารู้จัก ให้อยากรู้จัก ให้อยากติดตามชีวประวัติเรื่องราวของหลวงพ่อ บอกไม่ถูกเลยค่ะว่าดีใจ ปลื้มใจแค่ไหน ที่ได้เป็นลูกหลวงพ่อด้วยเหมือนกัน หลวงพ่อได้มีเมตตา กรุณา และแผ่บุญกุศลของหลวงพ่อมาถึงตัวเราด้วย แม้ว่าในปัจจุบันชาตินี้ไม่เคยได้พบกันเลยแต่เหมือนได้รู้จักกันมาก่อนแล้ว เหมือนเคยได้พบ ได้พูดคุยมาก่อน และทุกๆท่านที่ไม่เคยได้พบหลวงพ่อเหมือนเช่นตัวเรา เรามั่นใจว่าหลวงพ่อได้ส่งความรักความเมตตาถึงลูกของหลวงพ่อทุกคน หลวงพ่อคุ้มครองป้องภัยร้ายต่างๆ ก่อนที่จะมาถึงตัวเสมอ ลูกขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อด้วยหัวใจด้วยความเคารพบูชายิ่งค่ะ
     
  20. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,981
    เช่นกันครับ คุณจันทร์จัน ผมเองก็เพิ่งรู้จักหลวงพ่อเมื่อปลายปี 49 ที่ผ่านมานี้เอง แต่มีความศรัทธาหลวงพ่อมาก และได้ติดตามเรื่องราวคำสอนของท่าน และปฏิบัติตาม แม้ว่ายังห่างไกลอยู่มากแต่ก็จะพยายามฝึกปฏิบัติต่อไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...