สะกดจิตระลึกชาติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย zipper, 21 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,227
    ค่าพลัง:
    +10,593
    ก่อนสะกดจิตตัวเองเพื่อระลึกชาติ ทำความเข้าใจกันสักนิด ว่าการสะกดจิตระลึกชาติก็เหมือนการเดินทางไปในสถานที่หนึ่งที่ห่างไกลไม่มีใครเคยเห็นและรู้จักด้วยมโนจิต หรืออาจจะเคยไปแต่เราก็ลืมไปแล้ว จำไม่ได้ เราอาจกลัว ระแวง หรือบางทีอาจได้เห็นภาพที่พึงปรารถนา ถ้าแน่ใจว่าจิตใจมีความสงบพอ เป็นคนใจแข็งพอ ท่านทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมนัก แต่หากไม่แน่ใจอาจลองทำตอนกลางวันหรือให้มีใครที่เราไว้ใจอยู่ใกล้ ๆ ก็จะทำให้เราสบายใจขึ้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ภาพที่เราเห็นไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในด้านบวกหรือลบ ขอเพียงให้เราคิดว่าเราได้ดูภาพนิ่ง ละคร หรือภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ให้ความรู้สึกในการชมกินใจลึกซึ้งกว่าปกติเท่านั้นเอง ภาพเหล่านั้นจะไม่ก่อผลด้านลบหรือทำอันตรายใด ๆ กับเรานอกจากจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น มีโอกาสพัฒนาและปรับปรุงตัวเองหรือเข้าใจวิถีทางที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดบกพร่องบางอย่างในอดีตได้ สรุปคือมีแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้นเกิดขึ้นกับเรา

    อีกวิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุดก็คือ บรรยายคำพูดที่ให้เป็นตัวอย่างนี้ใส่ไว้ในเทปและเปิดฟัง ตัวอย่างคำบรรยายนี้จะช่วยเราอย่างเบ็ดเสร็จในทุกขั้นตอน คือ

    1. เตรียมตัวสะกดจิตตัวเอง
    2. สะกดตัวเองเข้าสู่ภวังค์
    3. ทดสอบตัวเองเข้าสู่เสมือนภาวะหลับลึก
    4. นำการสร้างจินตนาการ
    5. เข้าสู่ชาติภพต่าง ๆ
    6. กลับคืนสู่ปัจจุบัน
    7. คืนจากการสะกดจิต คุณพร้อมแล้วยัง เราจะเริ่มกัน ณ บัดนี้

    เตรียมเทปให้พร้อม (เมื่อกดอัดเทป ควรนับในใจจากหนึ่งถึงยี่สิบแล้วจึงเริ่มบรรยาย เพื่อความแน่ใจว่าคำบรรยายในเทปจะไม่หายไปกับหัวเทป และให้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ) ปรับแต่งเสียงที่ไม่เบาหรือดังจนเกินไป เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดเทป (เรามีเวลาประมาณยี่สิบวินาทีในการนอนหรือนั่ง และเตรียมจิตให้สงบ ก่อนที่เสียงคำบรรยายจะดังขึ้น) กดเทป และนั่ง หรือนอนในท่าที่สบายเหมาะสม ทำจิตใจให้สบาย ทำสมอง ความคิดคำนึงให้นิ่งสักครู่เดียว และปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ยินจากเทป


    (เริ่มบันทึกเทปที่นี่)

    ทำใจให้สบาย ทำใจให้สบาย เสร็จแล้วเราค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง เราจะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ปิดเปลือกตาลงให้ช้าที่สุด เมื่อปิดเปลือกตาลงแล้วเรารู้สึกสบาย รู้สึกผ่อนคลาย จิตใจของเราปลอดโปร่งโล่งสบาย เปลือกตาของเราหนึก ๆ เรารู้สึกอิ่มใจ รู้สึกมีความสุข รู้สึกสงบ สงบมากขึ้นทุกที ทุกที ทุกที จิตใจของเราสงบลง สมองของเราปลอดโปร่ง ร่างกายของเราผ่อนคลาย กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่อนคลาย กล้ามเนื้อหัวคิ้วผ่อนคลาย กล้ามเนื้อแก้มผ่อนคลาย กล้ามเนื้อกรามผ่อนคลาย กล้ามเนื้อคางผ่อนคลาย กล้ามเนื้อคอ กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อไหล่ผ่อนคลาย กล้ามเนื้อเอวผ่อนคลาย กล้ามเนื้อสะโพกผ่อนคลาย กล้ามเนื้อหน้าท้องผ่อนคลาย กล้ามเนื้อต้นขาผ่อนคลาย เรารู้สึกผ่อนคลาย เราค่อย ๆ ผ่อนคลายมากขึ้นทีละน้อยไปตามทุกส่วนของร่างกาย (เว้นระยะสักครู่) ดีแล้ว ดีมาก ขณะนี้เรารู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่างกาย รู้สึกสงบ รู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกโล่งสบาย รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ผ่อนคลายมากที่สุด

    ร่างกายของเราตอนนี้ เหมือนถุงน้ำที่มีน้ำใสอยู่เต็ม มีเข็มเล่มเล็ก ๆ มาเจาะเป็นรูเล็ก ๆ ที่ปลายนิ้วเท้าโป่งทั้งสองข้าง น้ำค่อย ๆ ไหลออกไปทีละน้อย ระดับน้ำในร่างกายค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย ทีละน้อย ระดับน้ำลดลงจากเส้นผมถึงหนังศีรษะ ถึงหัวคิ้ว ถึงตา ถึงแก้ม ระดับน้ำลดลงถึงปากถึงคาง ระดับน้ำค่อย ๆ ลดลงถือคอ ถึงหน้าออก ระดับน้ำลดลงทีละน้อย ทีละน้อย ถึง ถึงเอว ถึงสะโพก ระดับน้ำค่อย ๆ ลดลงถึงต้นขา ระดับน้ำค่อย ๆ ลดลง ลดลง ลดลงถึงเข่า ระดับน้ำลดลง ลดลง ถึงตาตุ่ม ถึงส้นเท้า ถึงผ่าเท้า ถึงปลายเท้า ขณะนี้น้ำไหลออกไปจากร่างกายจนหมดแล้ว เรารู้สึกหวิว หวิว รู้สึกสบาย เราปล่อยร่างกายให้นอน (นั่ง) จมดิ่งแน่นิ่งอยู่อย่างนี้อย่างมีความสุข หยุดการฝืน หยุดบังคับ หยุดควบคุมร่างกาย ปล่อยร่างกายเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่ง นอก (นั่ง) สงบแน่นิ่งอยู่อย่างไร้ความหมาย ไร้ความรู้สึก ไร้การควบคุม เรี่ยวแรงกำลังวังชาของเราค่อย ๆ หายไปทีละน้อย ทีละน้อย เรี่ยวแรงกำลังวังชาของเราค่อย ๆ หายไปทีละน้อย ทีละน้อย เรารู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง หมดกำลังวังชา

    ขณะนี้เรารู้สึกสงบอย่างที่สุดแล้ว รู้สึกสงบอย่างที่สุด เรารู้สึกเหมือนเรากำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ เราล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ เมฆสีขาวห้อมล้อมร่างกายของเราไว้ เรารู้สึกมีความสุข รู้สึกอิ่มใจ รู้สึกเบาสบาย เราล่องลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆสีขาว เราก้มลงมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามอยู่เบื้องล่าง ขณะนี้เรากำลังล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า รู้สึกเบาสบาย รู้สึกมีความสุข รู้สึกอิ่มใจ รู้สึกปลอดโปร่งอย่างที่สุด เราล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ล่องลอยไปอย่างมีความสุข เรารู้สึกอิ่มใจ เบาสบาย มีความสุข เบื้องหน้าของเรามีประตูอยู่หนึ่งบาน เป็นประตูไม้ขนาดใหญ่ มีลวดลายสวยงามมาก เราเข้าไปใกล้ประตู มองดูลวดลายแกะสลักที่อ่อนช้อยสวยงามของประตูนี้ ที่ประตูมีมือจับขนาดเหมาะมือ เราเอื้อมมือไปจับและค่อย ๆ ดันประตูให้เปิดออก เมื่อใดก็ตามที่ประตูเปิดออก สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเราจะเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตชาติของเรา เป็นภาพเหตุการณ์ในชาติภาพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์เหล่านี้จงปรากฏขึ้น จงนำเราไปสู่ตัวเราเองในชาติภพที่แล้ว ภาพของตัวเราเองในชาติภพที่แล้วจงเกิดขึ้น จงบอกกล่าวแก่เขา ให้เขานำพาเราไปพบกับชีวิตเหตุการณ์ของเขาในวัยที่มีอายุมาก ถอยหลังไปสู่วัยหนุ่มสาว วัยรุ่น และวัยเด็ก จงบอกแก่เขาให้พาเราไปพบกับคู่ชีวิตของเขาในชาติภพที่แล้ว คู่ชีวิตของเราในชาติภพที่แล้วยิ้มให้กับเรา แววตาของเขามองเราอย่างมีความสุข มองเราอย่างเปี่ยมล้นด้วยความยินดี เรารู้สึกมีความสุข รู้สึกอบอุ่น รู้สึกอิ่มใจ เรารู้สึกมีความสุข

    เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด ภาพที่ทำให้เราประทับใจที่สุดจงเกิดขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความทุกข์ที่สุด มีความเศร้าที่สุด ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความท้อแท้นอ้ยเนื้อต่ำใจมากที่สุดจงบังเกิดขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา บุคคลต่าง ๆ ที่เราเคยพบและคุ้นเคยในอดีตชาติจงปรากฏขึ้น ภาพของคู่ชีวิตของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของพ่อของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของแม่ของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของพี่น้องของเราจงปรากฏขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น จงล่องลอยต่อไป ล่องลอยต่อไป และเห็นภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา และจดจำเอาภาพเหล่านี้ไว้ จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น

    เมื่อเพียงพอแล้ว จึงบอกกับตัวเองว่าเราจะเดินทางไปสู่อีกชาติภพหนึ่งที่ไกลออกไปอีก สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเราจะเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตชาติของเราที่ไกลออกไปอีก เป็นภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเราอีกชาติภพหนึ่ง ภาพเหตุการณ์เหล่านี้จงปรากฏขึ้น จงนำเราไปสู่ตัวเราเองในชาติภพที่แล้วที่ไกลออกไปอีก ภาพของตัวเราเองในชาติภพที่แล้วอีกชาติภพหนึ่งจงเกิดขึ้น จงบอกกล่าวแก่เขา ให้เขานำพาเราไปพบกับชีวิตเหตุการณ์ของเขาในวัยที่มีอายุมาก ถอยหลังไปสู่วัยหนุ่มสาว วัยรุ่น และวัยเด็ก จงบอกแก่เขาให้พาเราไปพบกับคู่ชีวิตของเขาในชาติภพที่แล้ว คู่ชีวิตเขาเราในชาติภพที่แล้วจงปรากฏขึ้น คู่ชีวิตของเราในชาติภพที่แล้วยิ้มให้กับเรา แววตาของเขามองเราอย่างมีความสุข มองเราอย่างเปี่ยมล้นด้วยความยินดี เรารู้สึกมีความสุข รู้สึกอบอุ่น รู้สึกอิ่มใจ เรารู้สึกมีความสุข

    เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด ภาพที่ทำให้เราประทับใจที่สุดจงเกิดขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความทุกข์ที่สุด มีความเศร้าที่สุด ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความท้อแท้น้อยเนื้อต่ำใจมากที่สุดจงบังเกิดขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา บุคคลต่าง ๆ ที่เราเคยพบเห็นและคุ้นเคยในอดีตชาติจงปรากฏขึ้น ภาพของคู่ชีวิตของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของพ่อของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของแม่ของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของพี่น้องของเราจงปรากฏขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น จงล่องลอยต่อไป ส่องลอยต่อไป และเห็นภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา และจดจำเอาภาพเหล่านี้ไว้ จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น

    สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเราจะเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตชาติของเรา เป็นภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์เหล่านี้จงปรากฏขึ้น จงนำเราไปสู่ตัวเราเองในชาติภพที่แล้ว ภาพของตัวเราเองในชาติภพที่แล้วจงเกิดขึ้น จงบอกกล่าวแก่เขา ให้เขานำพาเราไปพบกับชีวิตเหตุการณ์ของเขาในวัยที่มีอายุมาก ถอยหลังไปสู่วัยหนุ่มสาว วัยรุ่น และวัยเด็ก จงบอกแก่เขาให้พาเราไปพบกับคู่ชีวิตของเขาในชาติภพที่แล้ว คู่ชีวิตของเขาเราในชาติภพที่แล้วยิ้มให้กับเรา แววตาของเขามองเราอย่างมีความสุข มองเราอย่างเปี่ยมล้นด้วยความยินดี เรารู้สึกมีความสุข รู้สึกอบอุ่น รู้สึกอิ่มใจ เรารู้สึกมีความสุข เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด ภาพที่ทำให้เราประทับใจที่สุดจงเกิดขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เราล่องลอยไปในภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความทุกข์ที่สุด มีความเศร้าที่สุด ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความท้อแท้น้อยเนื้อต่ำใจมากที่สุดจงบังเกิดขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เราล่องลอยไปในภาพ


    เหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา บุคคลต่าง ๆ ที่เราเคยพบเห็นและคุ้นเคยในอดีตชาติจงปรากฏขึ้น ภาพของคู่ชีวิตของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของพ่อของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของแม่ของเราจงปรากฏขึ้น ภาพของพี่น้องของเราจง ปรากฏขึ้น จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น จงล่องลอยต่อไป ล่องลอยต่อไป และเห็นภาพเหตุการณ์ในชาติภพที่แล้วของเรา และจดจำเอาภาพเหล่านี้ไว้ จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น

    เราซึมซับเอาภาพเหตุการณ์เหล่านั้นไว้ จงหยุดนึกหยุดคิด หยุดสงสัย หยุดความหวาดกลัว เพียงแต่จดจำและเก็บเอาภาพเหล่านี้ไว้เท่านั้น เรารู้สึกเพียงพอแล้ว จงกลับมายังประตูบานที่เราก้าวผ่านเข้าไปเรากลับมาถึงประตูแล้ว เมื่อเปิดผ่านประตูออกไป เราจะกลับไปสู่ปัจจุบันของเรา และกลับคืนสู่ภาวะปกติที่เราเป็นอยู่ แต่จะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น รู้สึกอิ่มใจมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น นับจากนี้ เพียงแต่ได้ยินคำว่าจงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง เราก็จะปิดเปลือกตาและหลับลึกดำดิ่งอย่างนี้ทุกครั้งไป ต่อจากนี้เราจะนับหนึ่งถึงห้า เมื่อนับถึงห้าแล้วเราจะตื่นขึ้นและกลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่จะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น รู้สึกอิ่มใจมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น นับหนึ่งเรารู้สึกสบาย นับสองเรารู้สึกผ่อนคลาย นับสามเรารู้สึกมีสมาธิเพิ่มมากขึ้น นับสี่กำลังวังชาของเราฟื้นกลับคืนมา (เว้นระยะสักครู่) นับห้า เราตื่นขึ้นสู่ภาวะปกติ จงลืมตาขึ้น
     
  2. พรายแสง

    พรายแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +371
    น่าสนใจ วันว่าง ๆ จะลองทดลองดูแล้วได้ผลอย่างไรจะมาแชร์ประสบการณ์นะคะ
     
  3. khunsri1972

    khunsri1972 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +924
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  4. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,066
    ไว้ว่างๆ ก้อยก็จะมาทำเหมือนกันน่ะค่ะ
     
  5. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ขอบคุณ อาจารย์ซิปเปอร์ ครับ
     
  6. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    Bravo...
     
  7. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    คอยลองนั่งทำกับเพื่อนครับ
    ผมเป็นคนอ่านให้มันฟังเอง

    จัดบรรยากาศ แสงไฟ บิ๊วอารมณ์ขณะนั้นอย่างเนียนมากครับ

    ก็เริ่มไปซักพักเห็นเพื่อนมันเคลิ้มๆ
    ก็นึกในใจว่า "เริ่มได้ที่แร้ว"
    เลยหยุดดูจังหวะ...เอ๊ะ ทำไมมันนิ่งผิดปกติ...

    ที่ไหนได้ ...[-___-]zZzZzZzZ
     
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,227
    ค่าพลัง:
    +10,593
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,227
    ค่าพลัง:
    +10,593
    ใครเสียงดีๆ ก็ลองอัดเสียงใส่คอม แล้วเอามาโพสให้คนเอาไปลองฟังกันก็ได้นะ ไม่ผิดกติกา(กติกาอะไรหว่า)
     
  10. พรายแสง

    พรายแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +371
    จัดบรรยากาศดีซะขนาดนั้น ไม่หลับก็ไม่รู้ว่างัยแล้ว 555
     
  11. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    หลับคือการเข้าสู่ในระดับจิตของ "เดลต้า" จ้ะ

    แต่ในระดับของคลื่นสมองที่อยู่ในคลื่นของเดลต้า คือ
    เดลต้าหนึ่ง .... หลับธรรมดา (ตรงนี้แหล่ะที่เรายังควบคุมได้)
    เดลต้าสอง..... หลับลึก (ไม่มีสติ .... ควบคุมไม่ได้จ้ะ)

    เลือกเอาว่าคลื่นสมองระดับสี่ คือ เดลต้า ... หนึ่ง หรือ สอง
     
  12. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,010
    บทสะกดจิตนี้เคยอ่านเจอในตำราของอาจารย์ชนาธิป



    อาจารย์อยู่ประจำที่ www.thaihypno.com เห็นว่าเดี๋ยวนี้ไปนำเข้าแว่นระลึกชาติมาแล้วนี่ น่าลองดีนะ



    เคยลองซื้อเทปสะกดจิตระลึกชาติมาฟังสมัยปีก่อน ก็หลับอ้ะ มันหลับไปเลย ฝันว่าไปเที่ยวอินเดีย ฝันว่าไปบ้านใครไม่รู้ ตื่นมาเหนื่อยๆหมดแรง
     
  13. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    เราจะข้ามเวลามาพบกัน [Only love is real] <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="20%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="80%">[font=AngsanaUPC,BrowalliaUPC,Thonburi,CordiaUPC,FixedDB ThaiText New,DB ThaiTextFixed,MS Sans Serif][size=+1]ผู้เขียน : ดร.ไบรอัน แอล. ไวส์ (Brian L. Weiss, M.D.)
    แปลเรียบเรียง : มณฑานี ตันติสุข
    [font=AngsanaUPC,BrowalliaUPC,Thonburi,CordiaUPC,FixedDB ThaiText New,DB ThaiTextFixed,MS Sans Serif]สำนักพิมพ์ : ดอกหญ้า[/font]
    พิมพ์ครั้งที่ : หก เดือนธันวาคม 2541
    ราคาปก : 120 บาท
    [/size][/font]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยการระลึกชาติด้วยวิธีสะกดจิตของดร.ไวส์ ทำให้ค้นพบว่า บุพเพสันนิวาสหรือพรหมลิขิตนั้น ได้กำหนดทุกชีวิตมาแต่ชาติปางก่อน แนวเขียนเป็นเหมือนการเขียนบันทึก จึงทำให้ดูน่าเบื่อไปบ้าง แต่ถ้าผู้ที่สนใจในเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้วว่า คู่แท้มีจริงหรือ, ดวงวิญญาณไม่มีการแตกดับ หรือผู้ที่กำลังอยากหาคำตอบในเรื่องนี้ คงวางหนังสือเล่มนี้ไม่ลง...

    ดร.ไวส์เขียนเรื่องแรกก่อนเล่มนี้มาแล้วหนึ่งเรื่อง คือ Many Lives, Many Masters เนื้อหาคล้ายกัน เกี่ยวกับการกลับมาพบกันของ "คู่แท้"(Soulmate) หาอ่านกันได้ค่ะ

    เรื่องของพระเอกนางเอกทั้งคู่ ที่เกิดขึ้นจริงนี้จะเผยคำตอบว่า Destiny มีจริง Soulmate มีจริง ในแบบที่เราไม่เคยได้ศึกษามาก่อน เพื่อนๆ เคยคิดไหมว่าทำไมบางคนถึงขี้หึง ทั้งๆที่ก็รู้แก่ใจ ว่าคู่รักของเรานั้นไม่เคยคิดนอกใจเลย, ทำไมบางคนถึงเจ็บปวดอวัยวะ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ทั้งๆที่พยายามรักษาทั้งชีวิตก็ยังไม่หาย ...หนังสือเล่มนี้สามารถให้คำตอบ

    "เราจะข้ามเวลามาพบกัน" ..หนังสือที่ติดอันดับขายดีที่สุดมาแล้ว!!!
     
  14. pitsinee

    pitsinee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +36
    บทสนทนาระหว่าง โจ-มณฑานี ตันติสุข กับ สุวินัย ภรณวลัย
    อันเนื่องมาจาก "สารรักจากสวรรค์" ของ ดร.ไบรอัน ไวส์


    ๑. กายกับจิตต้องรวมกันเป็นหนึ่ง
    "เมื่อเจ้ามองดูคนๆ หนึ่ง ไม่ว่าจะมองในการมีสัมพันธ์กันในการบำบัดหรือในชีวิตก็ตาม จงมองให้เห็นดวงวิญญาณของพวกเขาที่ผ่านชาติภพมาแล้วซึ่งกัปกัลป์"
    สารรักจากสวรรค์
    มณฑานี - มีคนเขามาปรึกษาโจ เขาอยากทำอะไรเกี่ยวกับวัยรุ่น ให้วัยรุ่นรู้จักฉลาดคิด เขาเน้นสุขภาพกาย ขณะเดียวกันก็สนใจเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณด้วย เรื่องสุขภาพนี้โจเจอมากับตัวเองคือโจมีปัญหาเกี่ยวไมเกรนเป็นประจำ แล้วโจหายได้ด้วยสมาธิ โดยที่ก่อนหน้านี้ทานยาเท่าไหร่ก็ไม่หาย โจจึงเชื่อว่าสุขภาพกายเกิดจากสุขภาพจิตโดยตรง เราจึงรักษาโรคจากต้นตอคือรักษาสุขภาพจิต ไม่ให้กายมันเกิดโรค โจจึงแนะนำเขาไปว่าถ้าอย่างนั้นต้องทำเวิร์กช็อป อย่างเดียว ต้องพาวัยรุ่นไปทำอะไรร่วมกันในที่ที่หนึ่งไม่ใช่การรณรงค์แบบทำสติกเกอร์ ป้ายโฆษณา ซึ่งโจเห็นว่ามันไม่ได้ผล และไม่คุ้มค่ากับเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทที่ลงทุนไปในการโฆษณา

    สุวินัย - ใช่ มันต้องทำให้เป็นแบบ...ให้พวกวัยรุ่นเขามีประสบการณ์โดยตรงด้วยตัวเขาเอง ผมว่าถ้าจัดโครงการแบบเข้าค่ายมีการฝึกโยคะสมาธิและสาธิตวิธีการบำบัด ก็น่าจะเข้าทีนะ

    มณฑานี - โจว่าการทำสมาธิเป็นอะไรที่ได้มากกว่าการมาแก้ไขโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคทางกายหรือทางจิต เพราะโจเองก็ได้จากสมาธิ

    สุวินัย - มันต้องบูรณาการกิจกรรมที่หลากหลายเข้าด้วยกันเช่น วาดรูปสมาธิ

    มณฑานี- ใช่อย่างการบำบัดด้วยศิลปะ (Art Therapy) เมืองไทยก็มีผู้รู้ทางด้านนี้นะ

    สุวินัย-หรือแม้แต่การสอนทำอาหารสมาธิ หรือการปรุงอาหารที่จิตใจเปี่ยมด้วยความรัก ความเมตตาและความหวังดีต่อผู้อื่น

    มณฑานี-โจว่าคนเราถ้าไม่รักตนเองมันจะป่วยนะ

    สุวินัย-คนเราจึงควรหันมาอยู่หรือใกล้ชิดธรรมชาติให้มากขึ้นเช่นการทำสวน ปลูกต้นไม้ก็ได้ก็เป็นการฝึกให้กายกับจิตมารวมกันได้อย่างเดียว การรับการบำบัดด้วยการนวดตัว หรือนวดเท้าก็ดีนะ

    มณฑานี-แล้วเราน่าจะนำเสนอเรื่องกายกับจิตรวมกันเป็นหนึ่ง อย่างไงดีคะ


    ๒. ความรักคือการอดกลั้น
    "มาบัดนี้เรารู้แก่ใจแล้วว่าลำพังแค่เทคโนโลยีหรือวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหามนุษย์ทุกประการได้ เราใช้เทคโนโลยีในทางดีก็ได้ ทางเลวก็ได้ มีแต่ยามที่เราใช้เทคโนโลยีด้วยความรู้แจ้งด้วยความสมดุลเท่านั้นเทคโนโลยีถึงจะช่วยเราได้จริง เราต้องหาสมดุลตัวนั้นให้เจอ รักคือสมดุลค้ำจุนตัวนั้น"
    สารรักจากสวรรค์

    มณฑานี-ตอนนี้ "ซีลีน ดิออน" นักร้องที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ไททานิคเพิ่งออกอัลบั้มล่าสุดเป็นอัลบั้มที่เกี่ยวกับการให้กำลังใจคนโดยเฉพาะ เพราะเธอมีความรู้สึกว่าสิ่งที่คนต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือความรักและกำลังใจ

    สุวินัย-ในแง่ของเยาวชนสังคมเราต้องมีพื้นที่ (Space) ให้พวกเขาได้เติบโต แต่พื้นที่เช่นนี้หาได้ยากเหลือเกินในสังคมนี้

    มณฑานี-โจกลัวว่า สิ่งที่โจจะทำเพื่อเยาวชนจะถูกสื่อที่งี่เง่าบางสื่อตีความออกไป ในเชิงยัดเยียดศาสนาใหม่ให้แก่วัยรุ่น จริงๆ แล้วที่ผ่านมาโจจัดสัมมนาเล็กๆ มาตลอด โจคิดว่าเราต้องเข้าใจพวกเขา พอเข้าใจพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ต้องคิดเองเพราะมันเป็นปัญหาของพวกเขานี่ ไม่ใช่ปัญหาเรา

    สุวินัย-เพราะฉะนั้นพวกวิทยาการที่จะมาอบรมพวกเยาวชน ไม่จำเป็นต้องเป็นพระหรือผู้นำศาสนาหรอกเป็นใครก็ไที่สามารถสื่อกับพวกเขาได้ ในเชิงจิตวิญญาณอย่างคุณโจก็เป็นได้

    มณฑานี-เมื่อก่อนโจเคยจัดอบรม เรื่องคู่แท้ (Soulmate) พอทำตอนแรกโจก็หวั่นไหวเหมือนกันเพราะเล่นขึ้นปกเนชั่นสุดสัปดาห์ (ยิ้ม) ตนนั้นโจปฏิเสธตนเองไม่กล้าทำเรื่องคู่แท้อีก แต่พอปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๔๔) จนถึงปีนี้ท้ายที่สุดโจก็ต้องมานั่งทำการอบรมอีก โจทำมันด้วยความรัก แล้วเรื่องคู่แท้เป็นเรื่องที่ดีออกจะไปหนีมันทำไม มันเป็นตัวตนของเรา ตอนนั้นเราไม่ทำเพราะไม่อยากให้คนอื่นว่าเรา แต่เมื่อเรามองย้อนไปไอ้คนที่ว่าเราก็คือคนที่แปลงานของดอกเตอร์ไวส์เหมือนกันนี่แหละ

    สุวินัย-มันแย่มากนะที่ แปลงานที่ตนเองไม่ได้รักในงานนั้น ผมเองก็รับไม่ได้

    มณฑานี-เมื่อ ๒ ปีก่อน โจอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับความรักมีจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาเขียนกันหลายคน
    โจอ่านบทหนึ่งดีมากเกี่ยวกับความรัก เราจะทำอย่างไรให้รักแล้วไม่ทุกข์ โดย คุณวิทยา นาควัชระ เสร็จแล้วโจก็ไปอีกบทหนึ่งซึ่งเขียนแบบไร้สาระมาก ทั้งๆ ที่คนเขียนก็เป็นนักจิตวิทยาคนหนึ่ง นักจิตวิทยาชื่อดังมากเลย

    สุวินัย-คุณหมอวิทยาท่านเคยผ่านทุกข์ที่ท่านเจอกับตัวเองมาแล้ว

    มณฑานี-อันนี้โจเข้าใจเลยเพราะถ้าคุณหมอไม่ผ่านทุกข์มาขนาดนั้นคงเขียนเรื่องความรักได้ดีขนาดนั้นไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันคนที่เขียนโจมตีคุณหมอวิทยาก็คือคนๆ เดียวกับที่เขียนแบบไร้สาระมากคนนั้น


    สุวินัย-โจมตีแบบเหยียบหัวขึ้นมาดังแทนทำนองนั้น

    มณฑานี-โจมีความรู้สึกว่า คุณหมอวิทยาท่านเก่งมากที่ทนได้ขนาดนี้

    สุวินัย-คนที่ทนได้ขนาดนี้มักผ่านการตายของอัตตาตัวตนทำให้เติบโตทางจิตวิญญาณได้อีกระดับหนึ่ง ผมเองก็เคยในกรณีเปรตกู้จึงพอจะเข้าใจตรงนี้ได้

    มณฑานี-โจเคยบอกพรรคพวกไปนะว่า คนเราถ้าจะสอนคนอื่นได้ในเรื่องชีวิตเราต้องผ่านทุกข์มาจริงๆ ก่อน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการสอนวิชาเฉยๆ

    สุวินัย-แบบว่าไม่มีพลังในคำพูดเพราะไม่ได้พูดจากความรู้สึกลึกๆ เนื่องจากตนเองไม่ได้ผ่านทุกข์มาจริงๆ


    ๓. "สารรักจากสวรรค์"

    "การรักษาเยียวยาคือการเข้าใจว่าชีวิตคืออะไร
    และเราสามารถพลิกชีวิตให้กลับเหมือนใหม่ได้อย่างไร
    โปรดเข้าใจด้วยเถอะว่า เราไม่เคยสูญเสียคนที่เรารักไปเลยในสายตาแห่งนิรันดร์"

    สุวินัย-ผมได้อ่าน"สารรักจากสวรรค์" ที่คุณโจแปลออกมา และก็ได้อ่านภาษาอังกฤษที่ดอกเตอร์ไวส์เป็นคนเขียน (Messages from the Masters) ด้วย ผมชอบงานแปลชิ้นนี้ของคุณโจนะ มันให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากฉบับจริงที่เป็นภาษาอังกฤษตรงที่หนังสือ "สารรักจากสวรรค์" ของคุณโจเล่มนี้ มันมีทั้งตัวตนของคุณโจและของดอกเตอร์ไวส์อยู่ในนั้นด้วย แบบว่าคุณโจคอยเป็นพี่เลี้ยงให้คนไทยที่ไม่ค่อยอ่านชำนาญภาษาอังกฤษและเรื่องจิตวิญญาณได้เข้าใจความหมายของคำบางคำลึกซึ้งยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นงานแปล "สารรักจากสวรรค์" เล่มนี้ของคุณโจ มันเป็นตัวเชื่อมแบบนิวเอจได้ต่อไปพอเขาไปอ่าน ภาษาอังกฤษแบบนิวเอจเขาจะไม่ติดเพราะมีพื้นฐานที่มั่นคงจากหนังสือเล่มนี้ของคุณโจ
    อีกอย่างหนึ่งผมว่าคุณโจอธิบายคำศัพท์นิวเอจแบบเข้าใจปัญหาโลกทัศน์ของคนไทยชัดเจนซึ่งไม่เห็นในงานแปลของคนอื่น อย่างเช่นมุมมองใหม่ของนิวเอจในเรื่องกฎแห่งกรรมที่ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นบทเรียนเพื่อความก้าวหน้าทางจิตในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป จริงๆ อยู่ความเข้าใจแบบนิวเอจเช่นนี้ไม่ใช่ของใหม่ ตัวผมรู้เรื่องนี้มาสิบกว่าปีแล้ว แต่จะหาคนเขียนที่มีพลังมาอธิบายมุมมองนิวเอจในเมืองไทยนี้ได้น้อยคนเหลือเกิน แต่คุณโจเป็นคนหนึ่งในนั้นนะ พออ่านเราก็รู้ทันทีเลยว่า คนๆ นี้แปลงานชิ้นนี้ด้วยใจด้วยความรัก

    คนญี่ปุ่นที่เขาแปลงานของดอกเตอร์ไวส์เขาก็แปลแบบนี้ แต่ในเมืองไทยนี้ผมเพิ่งเห็นคนที่แปลหนังสือแนวนิวเอจออกมาด้วยความรัก พิถีพิถันก็อย่างงานแปลของคุณโจนี่แหละ ซึ่งน่าจะกลายเป็นมาตรฐานการแปลงานแบบนิวเอจในเมืองไทย ต่อไปนี้ถ้าใครจะแปลเรื่องจิตวิญญาณแล้วแปลไม่ได้มาตรฐานอย่างคุณโจทำไว้พวกเราต้องต่อต้านไม่อุดหนุนไม่อ่าน ที่ผ่านมาคนที่แปลหนังสือแนวนิวเอจส่วนใหญ่แปลด้วยอาชีพไม่ได้แปลด้วยความรัก ผมผ่านตาหนังสือแปลเช่นนี้มาเยอะ มันทำลายคุณค่าของหนังสือ เพราะสักแต่แปลมาเพื่อขายเท่านั้น หนังสือแปลทางจิตวิญญาณควรเป็นหนังสือที่ผู้แปลกับผู้เขียนต้องเป็นหนึ่งเดียวกันถึงจะมีพลังในการถ่ายทอดต่อผู้อ่าน ตอนที่ผมใช้เวลาร่วม ๓ ปี ในการเรียบเรียง "มูซาชิฉบับท่าพระจันทร์" ออกมาเป็นภาษาไทยจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น ผมก็ต้องเป็นหนึ่งเดียวกับมูซาชิและคนเขียน หนังสือเล่มนี้จึงกลายเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง (Long seller) ของผมและพิมพ์ซ้ำมากครั้งที่สุดกว่าหนังสือเล่มอื่นใดของผม

    มณฑานี-โจคิดว่าการแปลเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ คนแปลต้องมีหลักการและยึดมั่นต่อหลักการที่ดีของนักแปลที่ดีที่มุ่งรับใช้ผู้อ่าน

    สุวินัย-อยากย้ำอีกครั้งว่ามีนักแปลหลายคนที่แปลแบบชนิดหากิน แบบว่าคุณแปลทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ศรัทธาในเรื่องนั้นเลยแล้วคุณแปลไปทำไม มิหนำซ้ำบางคนแปลไปแล้วยังไปนินทาคนเขียนอีก มันเหมือนกับคุณทำอาหารให้เขากินแล้วถ่มน้ำลายลงไปในอาหาร

    มณฑานี-แต่โจกังวลเหมือนกันนะว่า คนไม่อยากได้งานแปลอย่างนี้ของโจ

    สุวินัย- "สารรักจากสวรรค์" เล่มนี้บางทีคุณโจอาจต้องทำใจนะครับว่าอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จมากเท่า "เราจะข้ามเวลามาพบกัน" เพราะเรื่องมันหนังขึ้น แต่หนังสือ "สารรักจากสวรรค์" เล่มนี้ความเป็นจริงเล่มที่สุดยอดของดอกเตอร์ไวส์นะครับ เขารวมประสบการณ์และองค์ความรู้ทั้งหมดตลอดชีวิตของการบรรจุไว้ในเล่มนี้เล่มนี้เล่มเดียวจริงๆ ก็ว่าได้

    มณฑานี-ในเล่มนี้ดูเหมือนดอกเตอร์ไวส์ก็เคยโดนโจมตีจากฝ่ายที่ไม่ใช่จิตวิญาณหนักเหมือนกัน แต่ท่านก็ผ่านมาได้อย่างสง่างาม

    สุวินัย-เรื่องนี้ทุกคนต้องเคยเจอมาทั้งนั้นแหละครับ (หัวเราะ) ทั้ง ดอกเตอร์ไวส์ คุณโจ ผมเคยโดนมาทั้งนั้นสิ่งเดียวที่เราควรทำและต้องทำคือต้องเขียนต่อไป คุณค่าเป็นที่ต่อสู้ได้มา งานเขียนงานแปลหนังสือเป็นสิ่งที่จะหลงเหลืออยู่ คนเขาจะอ่านงานของเราที่หลงเหลืออยู่เพื่อพิสูจน์ความจริงคืออะไรและตัวเราจริงๆ คือใคร อย่างเล่มนี้ของดอกเตอร์ไวส์ผมอ่านแล้วก็คิดว่าท่านเป็นผู้รู้แจ้งในระดับคุรุคนหนึ่งแล้วนะ


    ๔.วิถีของฆราวาส
    "ความรักคือพลังงานอันสมบูรณ์สูง ความรักไม่มีวันจบสิ้น แม้ร่างกายจะแตกดับไปแล้ว" สารรักจากสวรรค์

    มณฑานี-คำสอนเถรวาทที่โจสัมผัสคล้ายกับจะบอกว่า ถ้าอยากรู้แจ้งหลุดพ้นก็ต้องบวชตัดทางโลกให้หมด โดยบอกว่าเถรวาทเป็นคำสอนที่แท้ของพระพุทธเจ้าแต่เซนกับวัชรยานบิดเบือน

    สุวินัย-ในแง่นี้ผมโน้มเอียงไปทางฝ่ายเซนกับวัชรยานนะ แบบว่าฆราวาสที่ยังเสพกามยังมีเพศสัมพันธ์อยู่ก็สามารถใช้เรื่องนี้ในการฝึกจิตได้ แบบเห็นว่า การเสพกามเป็นการกระทำของกายที่ผู้นั้นกระทำได้อย่างมีสติได้ ถ้ายอมรับเรื่องนี้ได้วิถีแห่งการพัฒนาทางจิตวิญญาณของฆราวาสก็ยังเปิดกว้างอยู่

    มณฑานี-โจเคยทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้อยู่นานนะ ว่าจะเอายังกับชีวิตถ้าความรักเป็นกิเลส ดังนั้นเราจะมีความรักไปทำไม

    สุวินัย-ความรักถ้าเป็นความรักแบบครอบครองเป็นกิเลสและเป็นทุกข์แน่นอน

    มณฑานี-ใช่แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เพราะเถรวาทมักจะสอนแค่ว่า "ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์" ดังนั้นความรักคือทุกข์คือกิเลสจึงไม่ควรมีความรักและไปบวชเถิด....จบ

    สุวินัย-อันนี้คุณโจต้องไปอ่าน "ความรักสิบมิติ" ของท่านโพธิรักษ์แห่งสันติอโศก ซึ่งมีตั้งแต่ความรักหนุ่มสาวเป็นขั้นต่ำสุด รักระหว่างสายเลือดพ่อแม่เป็นขั้นที่ ๒ รักสังคมเป็นขั้นที่ ๓ รักประเทศชาติเป็นขั้นที่ ๔ รักทั้งโลกเป็นสากลนิยมก็เป็นก็เป็นความรักขั้นที่ ๕ ถ้าขั้นที่ ๖ ก็เป็นความรักแบบเทพเจ้าที่รักทุกสรรพสิ่ง และก็มีความรักที่จะไร้รักเป็นขั้นที่ ๗ จนกระทั่งถึงขั้นสุดท้ายเป็นความรักที่กลายเป็นโพธิปัญญาหรือโพธิญาณอย่างพระพุทธเจ้าจะเห็นได้ว่า การเติบโตทางจิตของคนเรานั้นก็คือการที่ความรักมันใหญ่ขึ้นๆ จากรักแค่ ๒ คน จนเป็นรักทั้งจักรวาล

    มณฑานี-ความจริงโจสนใจเรื่องจิตวิญญาณมาตั้งแต่เด็กนะ แต่คนธรรมดาทั่วไปจะชอบบอกว่ามันเป็นเรื่องยาก ไม่มีใครเข้าใจแต่โจจะค้านตลอดว่า ถ้าคุณพูดภาษาให้ง่ายๆ และรู้ความจริงจากประสบการณ์ของตัวเองมันก็ไม่ยาก

    สุวินัย-ใช่ ความยากเกิดจากที่ตัวเขาไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง การที่คนเราพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้จริงๆ นั้นมักจะต้องผ่านกระบวนการที่เจ็บปวดก่อนเสมอ เพราะในด้านหนึ่งมันหมายถึงการตายของ "ตัวตนเก่า" ของเขาคนนั้น ไม่อาลัยในความเป็นตัวตนเก่าของตนเอง

    มณฑานี-โจชอบคำพูดประโยชน์หนึ่งมากเลย "คนเราต้องกล้าพอที่จะเป็นนักรบ" ในสมัยก่อนโจทำตัวเป็นคนกล้านะแต่กล้าไปทางที่ผิดหน่อย อย่างเรื่องประท้วง ต่อต้านอะไรนี่โจทำหมด แต่มันคงเป็นสิ่งที่โจต้องผ่านก่อนที่จะเข้าใจถึงความหมายที่ที่แท้จริงของคนกล้าที่เป็นความกล้าหาญทางจิตวิญญาณ


    ๕. การแสวงหาคนรุ่นใหม่ในตะวันตก

    "จงหาเวลาจดจำความศักดิ์สิทธิ์งดงามของเราให้ได้เพราะนั่นคือ ธรรมชาติที่แท้แห่งจิตวิญญาณของเราเอง"
    สารรักจากสวรรค์

    สุวินัย-มีงานวิจัยของเมืองนอกออกมา เขาบอกว่าในสหรัฐฯ ช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมานี้รายได้ของคนอเมริกันเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ความสุขที่พวกเขารู้สึกหรือได้รับมิได้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนเดียวกันเลยหรือไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ สิ่งนี้หมายความว่ายังไง? มันหมายความว่าหลังจากที่คนเราไม่มีปัญหาเรื่องปากท้องไม่ต้องกังวลเรื่องตกงาน มีความมั่นคงในชีวิตแล้ว จำนวนเงินหรือรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่านั้นแทบไม่มีผลต่อการก่อให้เกิดความสงบสุขภายในจิตใจของคนผู้นั้นเลย มนุษย์สมัยนี้จึงแสวงหาความสุขสงบอย่างเอาเป็นเอาตายกัน!

    มณฑานี-เดี๋ยวนี้หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ จะขายดีมากเพราะว่าเขา Back to basic

    สุวินัย-บ้านเรานี่ต้องให้ฝรั่งมามีอิทธิพลเหนือเราก่อนคือต้องให้เมืองนอกบูมก่อนเราถึงจะแห่ตาม อย่างตอนนี้ชาวอเมริกันกว่า ๒๐ ล้านคนกำลังแห่เรียนโยคะกัน ๒๐ ล้านคนจาก๒๐๐ กว่าล้านคนนี่ถือว่าเป็นตัวเลขที่มากนะ ตอนนี้ไปอเมริกาเมืองไหนก็มีศูนย์โยคะเปิดเต็มไปหมดแต่ปัญหาคือครูโยคะที่เป็นครูที่แท้ที่สามารถชี้นำทางจิตวิญาณได้มีไม่เพียงพอ โยคะที่บูมในอเมริกาจึงทำท่าทีจะกลายเป็นแอโรบิกอย่างหนึ่งทั้งๆ ที่แก่นแท้ของมันคนละเรื่องกับแอโรบิกเลย มันเป็นวิถีทางจิตต่างหากไม่ใช่วิถีทางกายเพื่อลดน้ำหนักหรือเพื่อความสวยงามภายนอกแต่อย่างใด

    มณฑานี-โจชอบบทหนึ่งที่ ดร.ไวส์ เขียนว่า "อยากจะบอกให้พวกเขา (พวกนิวเอจ) เลิกหาคำตอบจากภายนอก เลิกหาวิธีแก้ปัญหาชีวิตแบบฉับพลันแต่กลับหันมามองลึกเข้าไปข้างในตัวเอง และจงอย่าเพิ่งรับความคิดเห็นใดๆ ก่อนใช้ปัญญาญาณของตนเองพิจารณา จงหยุดใฝ่หาพระอาจารย์เหล่าคุรุแล้วจงหาตัวคุณเองให้พบ"

    สุวินัย-ผมเห็นด้วยนะ โดยเฉพาะใน "สารรักจากสวรรค์" ที่ตอนหนึ่งพูดไว้ชัดเจนเลยว่า "ภารกิจของเราไม่ใช่เดินตามไสบาบา แต่จงเป็นไสบาบาเถิด ท่านไสบาบาเป็นเป็นความรักตลอดทุกการกระทำของท่าน และพวกเจ้าก็ต้องเป็นความรักในทุกการกระทำเช่นกัน"
    สุดท้ายในฐานะที่เป็นตัวแทนคนอ่าน ผมขอกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งที่คุณโจได้กรุณาแปลหนังสือที่ทรงคุณค่าน่าอ่านอย่าง "สารรักจากสวรรค์" เล่มนี้ให้คนไทยเราได้อ่านกัน และหวังว่าคุณโจคงจะผลิตผลงานที่สร้างสรรค์ด้วยความรักเช่นนี้มาให้พวกเราได้อ่านและชื่นชมอีกด้วย

    มณฑานี-ค่ะ

    "แล้วทุกประการจะแจ่มแจ้งแก่เจ้าเมื่อถึงเวลา แต่เจ้าจะต้องมีเวลาไตร่ตรองบางความรู้ที่เราได้มอบให้แก่เจ้าไปแล้ว" สารรักจากสวรรค์



    (จากนิตยสารอาทิตย์รายสัปดาห์)
     
  15. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มี ให้อ่านแย้ว ขอบคุงก้าบบบบ
     
  16. khunsri1972

    khunsri1972 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +924
    หนังสือเล่มนี้ อ่านแล้วค่ะ ดีมากค่ะ สนับสนุนให้หามาอ่านนะค่ะ เมื่อก่อนคุณ โจ เคยจัดอบรมที่โรงแรม แถวๆ โบ๊เบ้ เรื่องเกี่ยวกับ soule mate ดิฉันก็ได้ไปสังเกตุการณ์ ก็ดีค่ะ
     
  17. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,227
    ค่าพลัง:
    +10,593
    หนังสือของดร.ไบรอันทุกเล่มและหนังสือเล่มอื่นที่คุณมณฑานีแปลมาผมซื้อไว้ทุกเล่มเลย ชอบอ่านมาก หนังสือเรื่อง Many lives, Many Master ก็ดีเหมือนกันนะ หนังสือของดร.ไบรอันก็มีบอกคำพูดที่ใช้ในสะกดจิตระลึกชาติด้วย ตอนแรกก็อยากจะพิมพ์มาให้อ่านกัน แต่เห็นมันยาว ก็เลยไม่ได้ทำซักที แล้วมาเห็นอันนี้ก็เลยก็อปมาให้อ่านกัน ถ้าว่างๆ อาจจะพิมพ์ของดร.โบรอันมาให้อ่านกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2005
  18. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,040
    ดีจังค่ะ
     
  19. ผู้ไม่รู้

    ผู้ไม่รู้ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    อ่านแล้วค่ะ ดีมากๆๆๆๆๆๆ จงเชื่อมั่นในรักแท้ค่ะ
     
  20. ผู้ไม่รู้

    ผู้ไม่รู้ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    ตอนนี้ดร. ไบรอัน ออกหนังสือใหม่แล้วนะคะ คุณ มณฑาณี แปล เหมือนกันค่ะ ชื่อเรื่อง MASSAGES FROM THE MASTERS สารรักจากสวรรค์ ลองหาอ่านดูน่ะ แต่หนังสือออกมาประมาณ 2ปีแล้วค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...