ทำไมพระพุทธรูปแต่ละวัด มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ากัน ใครพอทราบช่วยตอบทีนะครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คนทำสงคราม, 27 ธันวาคม 2011.

  1. คนทำสงคราม

    คนทำสงคราม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +24
    ตัวผมเพิ่งกลับจากจังหวัดตาก ไปไห้วหลวงพ่อทันใจ วัดพระบรมธาตู
    เพื่อขอให้ธุรกิจการงานสำเร็จดังปารถนา พอกลับถึงบ้านก็รู้สึกเหนื่อยมาก
    จึงทำให้คิดว่าทำไมเราต้องไปไห้วพระไกลถึงจ.ตากทั้งที่กทมมีวัดตั้งมากมาย
    (ที่ไปเพราะคนรู้จักชวนไปบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ขอเรื่องงานสำเร็จแน่)
    แล้วที่ผมกลับมาคิดไปคิดมา พระพุทธรูปก็คือตัวแทนพระพุทธเจ้าแล้วทำไมถึงมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ากัน ทำไมคนสมัยนี้ถึงนิยมไปทำบุญแต่วัดดังๆที่มีพระพุทธรูปดังๆขอโชคขอลาภได้ดังหวัง (ตัวผมก็เป็นอยู่เพิ่งมาคิดได้เลยมาถาม)
    หลังจากที่ผมขอพรเสร็จ ในใจคิดแต่เรื่องอนาคตว่าจะได้สมปารถนาไหม
    แต่ไม่ได้นึกถึงพระพุทธเจ้าเลย ขนาดประนมมือไห้วขอพรจ้องหน้าพระพุทธรูปนะนี่ กลับมาย้อนคิดตอนนี้รู้สึกผิดนี่เราหลงอะไรไปหรือเปล่าและผมเชื่อว่าส่วนมากหลายคนจะเป็นแบบผม เน้นขอพร เน้นความศักดิ์สิทธิ์ ผมนี่มันเลวจริงๆเฮ้อ
     
  2. คนทำสงคราม

    คนทำสงคราม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +24
    ผมมีคำถามอยากจะถามอีกเรื่อง
    ทำไมพระพุทธรูปแต่ละวัดถึงตั้งชื่อไม่เหมือนกัน ทำไมถึงไม่ตั้งชื่อพระพุทธเจ้าไปเลย
    ทั้งๆที่พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้ามิใช่หรือ
    หรือตัวผมเข้าใจอะไรผิดไป อาจจะดูว่าถามโง่ๆ(ผมมีความรู้เรื่องนี้น้อยมากครับ คือไม่รู้จริงๆและงงมานาน) ใครพอรู้ช่วยชี้แนะผมทีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2011
  3. คนทำสงคราม

    คนทำสงคราม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +24
    ไหนก็ตั้งกระทู้ถามแล้ว ขอถามอีกเรื่องไปเลยจะได้ไม่ต้องตั้งกระทู้ถามให่ม
    ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปแต่ละองค์เกิดจากองค์ประกอบใดบ้างครับ
    ใครมีความรู้เรื่องนี้ช่วยตอบผมทีครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง
     
  4. เวียงละกอน

    เวียงละกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +391
    ตามที่หลวงพ่อจรัญได้บอกไว้คือว่าพระพุทธรูปแต่ละองค์มีเทวดารักษาไม่เท่าจึงส่งผลให้ความศักสิทธิ์ไม่เท่ากัน(น่าจะขึ้นอยู่กับภพของเทวดาแต่ละองค์ด้วยนะผมว่า)ที่นี้ทำไมจึงมีเทวดาไม่เท่ากันนั่นก็เพราะว่ามีผู้คนไปสวดมนต์ กราบไหว้มากน้อยไม่เท่ากันหากพระพุทธรูปองค์ไหนมีคนสวดมนต์กราบไหว้เยอะๆเทวาดาก็มากันมากเป็นธรรมดาเพราะท่านเหล่านั้นชอบเสียงสวดมนต์...ประมาณนี้ครับ
     
  5. คนทำสงคราม

    คนทำสงคราม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +24
    อย่างนี้ก็เท่ากับว่าผมขอพรกับเทวดาใช่ไหมครับ
    เพราะท่านเป็นคนให้พร ที่ผมไม่ได้กวนนะครับ กำลังงงและเป็นประเด็นในใจผมอยู่น่ะครับ
     
  6. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    ใช่แล้ว มันขึ้นอยู่กับเทวดา เทวรูปสร้างใจให้น้อมถึงพุทธองค์ เกิดเป็นกำลังแห่ง
    พุทธานุสติ ละลึกถึง......
     
  7. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    ความรู้ตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเล่าเอาไว้ และครูบาอาจารย์ได้อธิบายเพิ่มเติม ความว่า...

    ในยุคที่มนุษย์อยู่ในปกครองของธรรมภาคขาว(กุศลาธัมมา) เรียกว่า ยุคตรีขันธ์ คือมนุษย์มีใจอยู่ใน ทาน-ศีล-ภาวนา ไม่เบียดเบียนกัน ใจมีแต่ศีลธรรม ต่างอยู่เย็นเป็นสุข จะคลอดลูกก็เหมือนถ่ายอุจาระ-ปัสสาวะ คือไม่เจ็บท้องคลอดอย่างง่ายดาย ผู้คนในยุคนั้นไม่ต้องใช้กฏหมายปกครอง อายุยืนยาว ไม่มีการตายแบบยุคปัจจุบัน เวลาแก่ก็แก่อย่างเพชรอย่างพลอย กล่าวคือ ยิ่งแก่บารมียิ่งมากกายก็ยิ่งผ่องใสสวยงาม ไม่ใช่แก่อย่างผักอย่างปลาร่างกายมีแต่ทรุดโทรมเหมือนในปัจจุบัน อาการที่เรียกว่า “ตาย” ไม่มี มีแต่หมดอายุขัยแล้วก็ไปพักอยู่บนสวรรค์ รอมาเกิดสร้างบารมีกันต่อไป เมื่อบารมีแก่รอบหรือเต็มส่วนก็ได้มรรคผล เวลาจะเข้านิพพานก็เข้าทั้งกายเนื้อ ไม่ต้องให้กายเนื้อตายก่อนแล้วเอากายธรรมเข้านิพพานเหมือนในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เข้านิพพานทั้งกายเนื้อ กล่าวคือ เมื่อถึงเวลาก็เดินวิชชาเชื่อมกายทุกกายให้ใสเป็นเพชร กายมนุษย์หยาบก็ใสเป็นเพชรแล้วลอยหายแว๊บเข้านิพพานกันทั้งเป็นๆ เลยทีเดียว เรียกว่านิพพานไม่ถอดกาย หรือ นิพพานกายมนุษย์ เรียกย่อๆ ว่า “นิพพานเป็น”
    [​IMG]


    ในยุคนี้แบ่งการสร้างบารมีออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายอาณาจักร และ ฝ่ายพุทธจักร


    ฝ่ายอาณาจักร ได้แก่ ผู้สร้างบารมีเป็นพระจักรพรรดิ คอยบำรุงเลี้ยงอาณาจักรและบำรุงเลี้ยงผู้ที่สร้างบารมีฝ่ายพุทธจักรด้วย ท่านก็สั่งสมบารมีในฝ่ายของพระจักรพรรดิ


    ฝ่ายพุทธจักร ได้แก่ ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็สร้างบารมีเพื่อตรัสรู้ธรรม สมัยนั้นก็คือพระพุทธเจ้านิพพานไม่ถอดกายหรือนิพพานเป็นนั่นเอง
     
  8. DarKKazE

    DarKKazE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +240
    อา......สวัสดีครับ คุณคนทำสงคราม
     
  9. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    เรามาสรุปความเบื้องต้นเกี่ยวกับพระจักรพรรดิกันก่อน เมื่ออ่านเนื้อหาที่ได้เรียบเรียงทั้งหมดนี้ เราพอสรุปได้ว่า...

    พระจักรพรรดิ แต่แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นมนุษย์อย่างพวกเรานั่นแหละ เพียงแต่มีมาตั้งแต่มนุษย์มีใจเป็น ทาน ศีล ภาวนา ในยุคพระพุทธเจ้านิพพานเป็นแล้ว ถามว่ายุคนี้เราสามารถสร้างบารมีเพื่อเป็นพระจักรพรรดิได้ไหม ท่านอาจารย์ของกระผมท่านบอกว่า “ได้” ครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    สำหรับจักรพรรดิที่เป็นกายละเอียด ท่านไม่จัดเป็นเทวดา เพียงแต่เมื่อเราเดินวิชชาไปเห็น เราจะเห็นเป็นกายทรงเครื่อง(คล้ายกับพระพุทธรูปทรงเครื่องตามภาพที่ได้นำเสนอนั้น) คือ กายใส่ชฎา เครื่องทรงเหมือนตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เครื่องทรงก็ดี ความใสสว่างของกายก็ดี รัศมีกายก็ดี ขนาดของกายก็ดี ก็เป็นเครื่องบ่งบอกถึงบารมีของจักรพรรดิองค์นั้นๆ

    [​IMG]
    ๑. พระจักรพรรดิ แบ่งเป็น...


    ๑.๑ จักรพรรดินอกกาย
    สำหรับเรื่องของจักรพรรดินอกกายว่ามีความเป็นมาอย่างไรนั้นก็ได้แก่เรื่องที่ได้อธิบายให้ฟังแล้วตามความรู้ตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเล่าเอาไว้ และครูบาอาจารย์ได้อธิบายเพิ่มเติมแล้วนั้น พระจักรพรรดิแต่แรกเริ่มก็คือมนุษย์อย่างเราๆ ที่สร้างบารมีฝ่ายอาณาจักรคอยบำรุงเลี้ยงอาณาประชาราษฎร์และผู้บำเพ็ญบารมีฝ่ายพุทธจักรด้วย


    ๑.๒ จักรพรรดิในกาย
    สำหรับเรื่องของจักรพรรดิในกายอันได้แก่จักรพรรดิที่มีประจำกายในกายทั้ง ๑๘ กายไปจนสุดกายหยาบกายละเอียด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าภาคผู้เลี้ยงในกาย เท่าที่ทราบก็คือจักรพรรดิที่ทำหน้าที่เป็นภาคผู้เลี้ยงในกายนั่นเอง เป็นของมีมาควบคู่กับกายในกายของเราไปจนสุดหยาบสุดละเอียด ทำหน้าที่คอยดูแลกายในกายให้แข็งแรงและปลอดภัยนั่นเอง จะขออธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อภาคผู้เลี้ยงนะครับ



    อนึ่ง ท่านต้องทราบก่อนว่า จักรพรรดิทั้งนอกกายและในกายนั้นยังแบ่งออกเป็น ๓ ระดับตามความรู้ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ อันได้แก่ จุลจักร มหาจักร บรมจักร (คำว่า จักร ก็คือ จักรพรรดิ)


    -> จักรพรรดิระดับจุลจักร ได้แก่จักรพรรดิที่บารมีน้อยกว่าอีก ๒ ระดับ เมื่อบารมีน้อย การบำรุงเลี้ยงก็ทำได้น้อย หรือขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยพอดีนัก เนื่องจากบารมีของท่านยังอ่อนอยู่


    -> จักรพรรดิระดับมหาจักร แปลว่าบารมีมากขึ้น คือมากกว่าจุลจักร แต่ยังน้อยกว่าบรมจักร ก็แปลว่าท่านสามารถดูแลบำรุงเลี้ยงอาณาจักรหรือเขตปกครองรวมทั้งคู่บารมีของท่านได้ดียิ่งขึ้น

    -> จักรพรรดิระดับบรมจักร แปลว่ามีบารมีมาก มีความสมบูรณ์มาก ดูแลอาณาเขตปกครองและคู่บารมีของพระองค์ได้อย่างเต็มที่บริบูรณ์ทีเดียว ใครมีจักรพรรดิระดับบรมจักรมาคอยบำรุงเลี้ยงถือว่าโชคดีมีแต่ความอุดมสมบูรณ์
     
  10. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    ค่อยๆอ่านและทำความเข้าใจไปนะครับ เราจะสังเกตุเห็นได้ว่าถ้าเราไปบางวัดกลับพบว่ามีพระอะไรแต่งกายเป็นพระทรงเครื่อง มีชฎา อินทรธนู ดูเป็นเทวดาซะมากกว่า นั่นคือลักษณะที่ผู้ทำวิชาไปเห็น แล้วมาถ่ายทอดให้เราได้บูชากันครับ
     
  11. toskilo12

    toskilo12 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +16
    ถ้ารู้สึกขัดข้องในใจกับการไหว้พระพุทธรูป ก็อย่าไปไหว้ไปขอพรครับ

    แต่ถ้าเข้าวัดไปไหว้พระพุทธรูป ไปขอพร และรู้สึกสบายใจ มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต
    ก็ไหว้ไปเถอะครับ

    ไม่มีใครหรืออะไรมาบังคับเรานิครับ

    ส่วนเรื่องพระพุทธรูปทำไมศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ากัน ก็คงเหมือนพระสงฆ์อะครับ
    ที่มีคนนับถือไม่เท่ากัน มันมีหลายองค์ประกอบครับ
     
  12. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ผมว่าน่าจะอยู่ที่ว่ามีตัวอะไรมาสิงในพระพุทธรูป อาจจะเป็นผีเทวดา ซึ่งฤทธิ์อำนาจแตกต่างกันไป
    แล้วก็การที่มีคนมาทำการสักการะบูชาเยอะ
     
  13. nuttyty

    nuttyty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +579
    ทำบุญอย่างง่าย ให้อภัย ให้โอกาส ให้ชีวิต
    ปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า ทาน ศีล ภาวนา
    แค่นี่เราก็ได้บุญแล้วครับ แล้วอย่าลืมส่งบุญให้ เจ้ากรรมนายเวร เทวดาประจำตัว
    สรรพสัตว์ด้วยครับ
     
  14. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมมีครั้งหนึ่ง ผมอยากเห็นกายในตัว ไม่เห็นสักที พอผมนัง่สมาธิหลับตา แล้วชั่งมันแล้วก็เห็นกายตัวเอง ผมไม่แน่ใจตอนนั้นผมอยากเห็น กายของพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย หรือ กายผมเอง จําไม่ได้ แล้วผมก็เห็นร่างแบบนั้นอ่าครับเหมือนแบบนั้นแต่เห็น พระรูปแบบนั้น นั่งใต้ต้นไม้ แล้วเหนื่อยมาก ไม่รู้จะเหนื่อยอะไร ชุดอะไรพวกนี้ก็เศร้าหมองอ่าครับ

    ตอนนี้ก็ไม่เห็นแล้ว
     
  15. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    คุณเวียงละกอน ตอบดีมาก มีเหตุผลดีมากครับ
    ผมขอเสริมจากประสพการณ์จริง ว่าศีลที่พระท่านรักษานั้นมีผลให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งเหลือเชื่อเกิดขึ้นได้จริง คือ เมื่อผมเป็นเด็กไปบวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งหนึ่ง ยังมีหลวงปู่รูปหนึ่งท่านเคร่งในพระวินัยมาก พวกผมก็เล่นไปตามประสาเด็กบังเอิญพลาดล้มไป ไปชนถูกที่ปลายสังฆาฏิของหลวงปู่ท่านเข้า ผลก็คือเกิดเป็นกรากขึ้นที่ศีรษะ ของสามเณรทั้งคู่ ก็สงสัยว่าเป็นอะไร พอสืบสาวราวเรื่องไปก็รู้ว่าอ้อไปวิ่งชนหลวงปู่เข้า จึงแต่งขันดอกไม้ไปขอขมาท่าน ปรากฏว่ากรากที่เป็นก็หายไป อย่างน่าอัศจรรย์ นี่เป็นเรื่องจริง ฯ เรื่องที่สอง คือ ที่วัดเดียวกันนี้ มีหลวงปู่อีกองค์หนึ่ง ได้ยินว่าท่านเคร่งวินัยมาก หลวงปู่ท่านมรณภาพไปนานแล้ว แต่ท่านยังมาเข้าทรงเป็นบางครั้ง ตามที่ลูกศิษย์นิมนต์ท่านมา ลูกหลาน และชาวบ้านเคารพท่านมาก ลูกศิษย์จะปูอาสนะที่นั่งไว้โดยเฉาะถวายท่านที่ห้องโถงสวดมนต์ มีอยู่วันหนึ่ง มีพระ คือหลวงลุงของผม กับพระอีกรูปหนึ่ง ไปนอนเล่น โดยเอาศีรษะไปหนุนบนอาสะนะนั้น ผลก็คือหัวโนขึ้น 2-3 ปุ่ม หลวงลุงก็ตกใจ แต่พอได้สติว่านอนหนุนที่ของหลวงปู่ จึงแต่งขันดอกไม้ขอขมาโทษ ปุ่มน้้นก็หายไป นี้เป็นเรื่องจริงอีก ฯ อาจเป็นอานุภาพศีล ของหลวงปู่ หรือเพราะเทวดา ทำให้เป็นก็ไม่ทราบได้ แต่ท่านหลวงปู่ท่านสอนตอนที่ท่านเข้าทรงนั้นว่า ให้รู้จักกาละเทศะ อย่าทำอย่างนั้นอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไปนั่ง นอน เล่น บริเวณนั้นเลย ฯ ในกรณีที่แต่ละวัดพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ากัน ก็คงเป็นด้วยอานุภาพศีล ทาน ภาวนา ของพระสงฆ์ และของชาวบ้านที่มีมากน้อยต่างกันกระมังครับ ทำให้เทวดาอารักษ์มาไม่เท่ากัน จึงเกิดมีความศักดิ์สิทธิ์ต่างกัน ฯ อยากรู้จริงต้องเข้ากรรมฐานให้ใจเป็นสมาธิ เข้าฌานระดับหนึ่ง จึงจะเห็นได้ เหมือนกับโทรทัศน์ที่มีสัญญาณดีสูงต่ำต่างกัน ก็รับได้ชัดเจนหรือไม่ต่างกัน เช่นทีวีขาวดำ ก็รับได้เป็นสีขาวดำ ถึงแม้ต้นทางถ่ายทอดมาเป็นภาพสีดีที่สุดคืออยู่กับระดับจิตที่แตกต่างกัน จึงมองเห็นได้ต่างกัน ที่ท่านเรียกว่าหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้ใจผู้ิื่อื่น เป็นต้น แต่สำหรับผมยังเป็นหูทึบ ตาทึบอยู่ ไม่รู้แม้เแต่ใจตัวเอง ก็คงเป็นอย่างนี้อีกต่อไปอีกนาน หึๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2011
  16. Pouring

    Pouring สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +0
    แรงศรัทธา แรงศรัทธา แรงศรัทธา
     
  17. โปรเซดอน

    โปรเซดอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +171
    คิดว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจััย เช่น จิตที่สะอาดบริสุทธิ์ของผู้สร้าง ผู้ทำพิธี จำนวนและภพภูมิของเทวดารักษา มวลสารมงคล

    ว่าแต่หลวงพ่อทันใจ ถ้าใก้ลหน่อยก็ วัดกลางคลองสระบัว อยุธยา เลยท่าน
     
  18. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +729
    ท่านเจ้าของกระทู้ ก็เปลี่ยนใหม่สิครับ
    แทนที่จะไป วิ่งไปวิ่งมาขอพร จากพระ ก็หันมา ทำบุญให็มากขึ้นอย่างเช่น สร้างพระ สร้างมหาวิหาร สร้างพุทธศาสนสถาน แล้วอธิฐาน อุทิศกุศลผลบุญที่คุณ ตั้งใจทำดีแล้ว ให้แก่เหล่าเทพเทวดา พรหม ครุฑ นาค ยักษ์ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ และเหล่าพระภูมิ เจ้าที่ ทั้งหลาย ให้เค้าร่วม อนุโมทนา ด้วยน่ะครับ เพราะเหล่าที่เทวดา จะปกปักรักษา ผู้ที่ชอบ ทำบุญ ถือศีลบริสุทธิ และบำเพ็ญเพียรภาวนา เสมอ ๆ น่ะครับ ทีนี้ เวลามีอะไรติดขัด ก็อธิฐานจิตเอา ให้เขารับรู้ เขาก็จะช่วยเราเอง ครับ ลองทำดูนะครับ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย ลำบากวิ่งไปวิ่งมา แต่ก็ยังนับถือ พระพุทธเจ้า เช่นเดิม
     
  19. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    และศรัทธาของมหาชนค่ะ
     
  20. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ตอบเท่าที่สัมผัสได้แล้วกัน

    เคยไปไหว้พระพุทธโสธร คนอื่นก็คงจะมองเห็นเป็นพระพุทธรูปธรรมดา แต่ผมเห็นภายในพระพุทธรูปนั้นเป็นเทวดา ท่านมาจากสวรรค์ชั้นสี่ครับ วันนั้นอธิษฐานขออะไรบางอย่างแต่ แต่ท่านตอบว่าให้ไม่ได้ เพราะชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว รอบๆพระพุทธรูปก็มีเทวดาอารักษ์ เทวดาอารักษ์ชอบช่วยเหลือคนที่ไปไหว้ท่านนะครับ โดยส่วนใหญ่เขาจะต้องดูว่าคำอธิษฐานนั้นให้ได้หรือไม่ครับ ส่วนบางวัดก็เป็นเทวดาชั้นสองเป็นส่วนใหญ่ที่เจอชั้นสี่มีแค่ พระพุทธโสธรครับ

    ขอให้ใช้สติในการพิจารณาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...