ซาตานสามารถ "ยืมบุญในอนาคต" ของคุณมาให้คุณเสวยจนหมดในชาตินี้เลย ก็ได้?

ซาตานสามารถนำบุญในอนาคตของคุณเอง
มาให้คุณในปัจจุบัน เสวยจนหมดในชาตินี้
เลยก็ได้ ทำให้ "ชาติข้างหน้า" คุณไม่มีบุญ
เหลือต่อไปเลย ชาติภพหน้าของคุณอาจมี
แต่ "อบายภูมิ" เท่านั้น


เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไร?

 

ซาตานที่เป็นมารจะขวางไม่ให้มนุษย์ต่อสายธรรมที่อยู่บนสวรรค์ได้


เทพเทวดาที่บรรลุธรรมบนสวรรค์มีมากมาย หลังจากพระพุทธองค์ทรงได้
ไปโปรดเมื่อครั้งโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ดังนั้น สายธรรมเบื้องบนจึงมี
อยู่ไม่ขาดเลย แต่จะต่อได้เมื่อมนุษย์ได้ขึ้นสวรรค์ไปฟังธรรม ต่อจากท่าน
ที่ได้บรรลุธรรมแล้วเท่านั้น และเมื่อบรรลุธรรมแล้วภาคสว่าง ก็จะมีจำนวน
มากขึ้น ดังนั้น ภาคมืด จึงทำการ "ตัดสายธรรม" เสียตั้งแต่มนุษย์ยังอยู่ใน
โลกนี้ ด้วยการเอาบุญของมนุษย์ในชาติข้างหน้า มาให้มนุษย์เสวยจนหมด
ไม่มีเหลือพอที่จะขึ้นสวรรค์ได้ และต้องเข้าสู่ "โลกมืด หรือ อันตรภพ" ซึ่ง
ซ้อนซ่อนอยู่ในโลกนี้ และอยู่นอกระบบสามภพ กลายเป็นกำลังของฝ่ายมืด
ต่อไป นี่คือ "กลอุบาย" ที่ภาคมืดจะตัดทาง ตัดสายธรรมของภาคสว่างลง


การเผาผลาญบุญในชาตินี้จนหมดแล้วเอาบุญของชาติหน้ามาเสวยต่อนั้น มี
ได้ เพราะ "พญามาร" ตนหนึ่ง ที่มีฤทธิ์เคลื่อนย้ายพลังกรรม, พลังบุญ เอา
บุญในอนาคตชาติมาให้เสวยในชาตินี้ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ บุญที่คนจะได้บ้าน
ในอีก 10 ปีข้างหน้า (อนาคต) ซาตานก็เอามาให้เสวยเลย ณ "ปัจจุบัน" ก็
ได้ ซึ่งก็คือ "ระบบเงินผ่อน-เงินดาวน์" นั่นเอง สิ่งนี้คือ "ส่วนน้อย" ที่เราพอ
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ยังมี "ส่วนใหญ่" ที่ตาเปล่ามองไม่เห็นอีกมากมาย

 

กระบวนการเผาผลาญบุญในอนาคต จะเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ และแนบเนียน


เพื่อให้แผนการของภาคมืดสำเร็จ การทำลายบุญ เผาผลาญบุญในอนาคตของคน
จึงเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเพียง "เสี้ยวคิดเดียว" เท่านั้น ซาตานก็ปรากฏตัวมาใน
มิติที่คนคิดมองไม่เห็น แล้วประทานพร (ที่ผูกมัดด้วยการแลกเปลี่ยน) ให้สมดังใจ
ได้ทันที เพียงเสี้ยวคิดเดียวโดยไม่ต้องไปกราบไหว้พระ ขอพรที่ไหนเลยหรือจะไป
ก็ไม่ต่างกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างง่ายดายมาก สะดวกที่สุด เพียงเสี้ยวคิดเดียวเท่า
นั้นเอง และเกิดขึ้นอย่างแนบเนียนที่สุด คนส่วนใหญ่ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพวกเขา ก็
ตกอยู่ภายในแผนการของซาตานเหล่านี้แล้ว แต่ถ้าเราตั้งสติให้ดี ลองพิจารณาดีๆ
ก็จะพบว่า "คนปัจจุบัน เสวยผลบุญมากกว่าฮ่องเต้ที่มีบุญบารมีมากในอดีตเสียอีก"
นี่ไม่ใช่การอิจฉาที่พวกเขาเสวยเยอะขนาดนั้น แต่เพราะต้องการ "เตือนสติ" ให้ดู
ให้ดีๆ ว่ามันจริงหรือไม่? ว่าฮ่องเต้ในอดีต แม้แต่น้ำดื่มสารพัดประการ ยังไม่ดีเท่า
ของที่เราซื้อได้ในปัจจุบัน ที่กว่าจะผลิตได้มาตรฐานของมนุษย์ปัจจุบันขนาดนั้นก็
ต้องทำลายทรัพยากรธรรมชาติ, กดขี่ใช้แรงงานคนและเครื่องจักรเท่าไร? ถ้าลอง
พิจารณาดู จะพบว่าบริโภคเกินควรหรือไม่? เกินบุญในชาติหนึ่งที่ตนควรรับหรือไม่
อนึ่ง ข้าพเจ้าเคยได้พบคนๆ หนึ่งลองสังเกตเขาดู เขาเป็นผู้มีบุญบารมีทำมาแต่ครั้ง
ในอดีตก็เคยเกิดเป็นพระราชา ทำบุญบารมีมาก็มาก แต่ปัจจุบัน เขาเป็นเพียงชาวนา
และมีทรัพย์สินน้อยเมื่อเทียบกับคนยุคนี้ แต่จริงๆ แล้วเขาก็มีรถยนต์เก่าๆ ใช้ มีอะไร
ใช้มากมาย เช่น เครื่องมือ, เครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งหลาย ชาวนาไทยที่ยากจน ก็มีกันอยู่
แล้ว จะว่าไปของเหล่านี้ แม้แต่พระราชาในอดีตก็ยังไม่มีใช้ด้วยซ้ำไป นี่บุญไม่ใช่จะ
ไม่มี เพียงแต่ "เราชอบเอาของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น" ที่เขามีมากกว่า แล้วก็
คิดว่าเราด้อยหรือมีน้อย จนไม่พอใจ ในสิ่งที่มีอยู่ เสวยบุญอยู่ จึงได้หลงกลภาคมืด

 

อ้าวงั้น ทุกวันนี้คนที่ทำพิธีเบิกบุญก็เป็น สมุนของซาตานซิครับ...

 

ซาตาน เป็นใคร บุญของผม ใครก็เอาไปไม่ได้ โจรลักไม่ได้ บุญของใครของคนนั้น
แผ่ให้คนอื่นได้ แต่ บุญไม่ลด ยิ่งแผ่ยิ่งเพิ่ม

บุญผม ผมทำเอง เบิกเอง ถอนเอง เป็นของส่วนตัว

ซาตานไม่มีสิทธิ์ มั่วจริงๆ

ซาตานมายุ่งกับบุญผม เดี๊ยะ เรียก"ไอ้ปื้ด" จัดการ

 

คุณ จขกท ไม่น่ามาเปิดเผยเหมือนนิทานอ่านเล่นแบบนี้เลยนะครับ ผมก็หวังว่าจะไม่มีใครเชื่อ ถึงเชื่อไปมันก็ไม่มีเป็นประโยชน์ ทำอะไรไม่ได้
สมัยหนึ่งเวลานั้นปริพาชกและพวกอาศัยอยู่ในมัลลิการาม ซึ่งมีศาลาหลังเดียวเป็นสถานที่ชุมนุมโต้ตอบเรื่องลัทธิความเชื่อต่างๆ นั่งเถียงกันเรื่องอัตตา
พระศาสดาทรงสรุปว่า อัตตานั้นเป็นเพียงชื่อที่อยู่ในโลก เป็นภาษาของโลก เป็นโวหารของโลก พระองค์ทรงใช้ตามนั้นแต่มิได้ยึดถือ เหมือนกับที่เราพูดว่าพระอาทิตย์ตก แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ทรงแสดงเรื่องทุกข์และการดับทุกข์
โปฎฐปาทสูตร เล่ม9 ข้อ 275-313
โดยสรุปความเห็นของผมก็คือ การทำความดี มีศีล 5ครบถ้วนระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ง่ายๆอย่างนี้คือทางแห่งสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค

 

เข้าใจว่าบุญแผ่ไม่ได้นะ ที่แผ่ได้น่ะคือเมตตา

บุญก็เหมือนเงินไง ให้แล้ว เงินเราก็ลด

 

เข้าข่ายๆ อาจจะมาแนวใหม่ที่เนียนกว่าเดิม เพราะมาร ซาตาน ขึ้นชื่อด้านความ "เนียน" อยู่แล้ว

 

ที่สำคัญไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม หรืออยากได้อะไรเลยก็ตาม คือ "อย่าขอ" ไม่ว่าจะในใจ หรือการบนบานศาลกล่าวอะไรก็ตาม

เคยสังเกตป่ะว่า ยิ่งเราขอ ยิ่งเราได้ ก็เหมือนกับว่าชีวิตของเรายังต้องการอยู่ไม่สิ้นสุด แต่เมื่อเราหยุด เราพอ ทุกอย่างก็โอเค (แต่น้อยคนนักจะทำได้)

 

เคยอ่านเจอในบทความหนึ่ง กล่าวว่า สัญลักษณ์ที่ใช้แลกเปลี่ยนการซื้อขายในยุคนี้ที่เกี่ยวข้องกับซาตานก็คือ "บาร์โค้ด"

 

ปกติเรื่อง "บัญชีบุญกรรม" มีเทพที่ดูแลอยู่แล้ว
ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไปยุ่ง ไปกระทำ ปล่อยตาม
ธรรมชาติดีที่สุด


พระพุทธเจ้าสอนให้เบิกบุญหรือไม่นะ? ขอไม่ตอบ
แต่ผมเคยอธิษฐานถวายบุญให้พระพุทธศาสนาเพื่อ
ต่ออายุพุทธศาสนา ปรากฏว่าไม่นานนัก บุญปัจจุบัน
ของผมหมด ชีวิตผมเปลี่ยนกลายเป็นอีกคน เกือบจะ
เป็นยังกะขอทาน แต่ได้อาศัยผ้าเหลืองรอดตัวไปอยู่
ช่วงหนึ่ง แถมอายุขัยก็หดสั้นด้วย (หมอดูที่ไหนก็บอก
เหมือนกันหมดเลย) กว่าจะรอดช่วงนั้นมาได้


ถ้าจะให้ดีอย่าไปยุ่งกับบุญกรรมเลยครับ ปล่อยมันให้
เป็นไปตามธรรมชาติดีที่สุด โชคไม่เข้าข้างเราเสมอไป

 

บุญที่แผ่ได้เป็นบุญระดับอรูปพรหม
คนที่มีจิตถึงระดับอรูปฌานแล้ว ยัง
สามารถแผ่พลังบุญได้แบบไร้รูปคือ
เป็นพลังแผ่ออกไป แต่ผู้รับก็อาจไม่
ได้อะไรมากนัก


คนที่ฝึกทำบุญแล้วแผ่พลังบุญ ถ้า
บารมีถึงเมื่อไร ก็เข้าถึงสวรรค์ชั้น
อรูปพรหมชั้นต้นได้เหมือนกันครับ

 

คุณเข้าใจผิดนะครับ

บุญยิ่งให้ยิ่งได้ "ส่วนแห่งบุญนี้ เราอุทิศให้ท่าน "

บุญ เช่นเดีวกับเทียน ยิ่งให้ เหมือนต่อเทียนต่อๆกัน ยิ่งต่อ คนอื่นยิ่งได้ เราไม่ลด แต่แสงไฟจากเทียนจะยิ่งสว่าง เพราะมาจากคนอื่นด้วย

หาพระไตรปิฏกอ่านนะครับ
อย่าคิดเอง เดาเอง

 

บุญที่เราทำแล้วให้คนอื่น
ส่งผลให้บุญละเอียดขึ้น
หรือบารมีเพิ่ม เวลาเสวย
บุญขึ้นสวรรค์ชั้นบนมากขึ้น
อย่างนี้ ก็มีได้ เป็นได้


บางครั้งเราอนุโมทนาบุญร่วม
กับคนอื่น ไม่มีปัจจัยไปร่วมด้วย
เหมือนคนที่ได้ส่วนแบ่งจากคนอื่น
แต่ต้องอยู่ในฐานะที่ไม่ใช่ของตัวเอง


การทำบุญแล้วเอาบุญไปลงทุนเหมือน
หุ้น เพื่อให้ออกดอกผลกำไร อันนี้ ท่าน
ตั๊กม้อบอกแก่พระเจ้าเหลียงบู๊ตี่ว่า "เป็นศูนย์"
เลยถูกพระเจ้าเหลียงบู๊ตี่ ไล่จากแคว้นไป


บุญที่พัวพันกับคนมาก แต่ใช้ปัจจัยน้อย เช่น
บุญที่ส่งทอดต่อๆ กัน แบบนี้ก็ออกดอกผลไป
อีกแบบ เคยเห็นคนตกทุกข์ได้ยากเรียงคิวรับ
อาหารเหมือนกัน ส่งต่อทอดๆ กันไหมครับ?

 

พุทธแท้ๆทำไมต้องไปเชื่อหมอดูครับ ทำไมต้องมีพิธีกรรมอะไรต่อมิอะไรมากมาย ดอกไม้ ธูปเทียน กายวาจาใจแค่นี้ไม่พอหรือ อีกอย่างสมัยนี้คนที่เป็นพุทธแท้นั้นหายาก ที่มีทุกวันนี้มีแต่พุทธลูกผสมทั้งนั้น ทำพิธีกรรมแต่ละอย่างมักจะเอาแบบพาราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง สงสารจัง

 

การทำบุญ การสร้างบุญ
มองให้เข้ากับการทำมาหากินในปัจจุบัน
ก็เหมือนกับการ ขายตรง....????

เอ๊ะ...ยังไง

ทำบุญเอง ก็ได้บุญเอง
ชักชวนคนอื่นทำบุญ ก็ได้ค่าคอมฯ เป็นบุญ เป็นกุศล
ยิ่งชวนคนทำบุญได้มาก กุศลก็มากตาม

แต่...ต้องบริสุทธิ์ใจครับ

 

ไม่ทราบเคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ

"ใครจะใหญ่เกินกรรม"

สิ่งที่เราทำในอดีต คือสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน
สิ่งที่เราทำในปัจจุบัน คืออนาคตที่เราทำไว้

ถ้าเรื่องที่ จขกท เขียน เป็นความเห็นส่วนตัว อย่าเอามาเปิดเผยเลยครับ เก็บไว้เตือนสติตัวเองคนเดียวก็พอ เดี๋ยวนี้ กระแสมันอ่อนไหว เดี๊ยวก็มีลัทธิใหม่มาอีกลัทธิหรอกครับ
บูชาซาตาน เพราะจะได้รวย เพราะไม่เชื่อว่าโลกหน้ามีจริง กุสุขชาตินี้กุพอแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้สังคมจะยิ่งแย่กว่าที่เป็นอยู่นะครับ
แล้วเรื่องที่คุณ จขกท อธิฐานเนี่ยนะ มันก็เป็นเรื่องกรรมของคุณ มันไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาพุทธซักหน่อย ข้างบ้านผมเป็นที่สอนศาสนาวันอาทิตย์ก็ชอบยกเรื่องแบบนี้มาโฆษณาชวนเชื่อให้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาเค้า ผมศรัทธาคำสอนที่ทำให้หลุดพ้นมากกว่าจะมาชี้นำให้คนงมงาย

 

นี่ก้ออีกข้อความ หลักของศาสนา คือทำจิตให้บริสุทธิ์
ในเมื่อยินดีกับบุญที่ผู้อื่นทำ มันก็เป็นหนึ่งในพรหมวิหารไม่ใช่เหรอครับ
ส่วนเรื่องใครจะได้ผลยังไงมันเป็นเรื่องของกรรมที่ทำไว้ ตายแล้ว จขกท มีความคิดแนวนี้
คุณนี่ชักจะยังไงแล้วนะ มาป่วนศาสนาเหรอครับ ถ้าไม่แน่น หลบไปครับ อายเค้า

 

แบบนี้น่าจะมี Universe ฺBank นะครับ เอา ATM ไปใส่ตู้ กดรหัส จึก จึก ถอนเอาตังออกมาใช้ ได้จำกัด ฝากเงินเดือนละร้อย ได้ค่าออม สองบาท เหมือนเอาน้ำพริกไปแลกปลาทูข้างบ้าน แซบดีครับพี่ ธนาคารก็ได้หมุนเวียนของเขาไปไม่เจ๊ง เรามีเก็บมีกินมีเหลือ แต่ทุกวันนี้มีม๊ามี๊เป็นธานาคาร โดนลูกเทวดาอย่างผมไถ่ทุกวันเลยน่าฉงฉานแม่ฉันที่สู๊ดด ^ ^

 

เจ้าของกระทู้ ไปเห็น ไปรู้ เรื่องเเบบนี้ ได้เช่นไร

หรือว่าคิดเอง เออเอง เเล้ว ก็ เข้าใจไปเอง ตามเรื่อง ตามราว ตามกําลังความฟุ้งซ่าน