พระแก้วคู่บารมีพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 23 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. Kump

    Kump เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +508
    อะไรเป็นเหตุที่ทำให้พระประจำองค์สีต่างกันออกไป

    แล้วพระประจำองค์มีปรากฏออกมาในช่วงไหนของพระพุทธประวัติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ถามเรื่องลึกเลย สาธุ แต่ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนเลยว่า
    เรื่องนี้ให้ผมอธิบายเองนั้นยาก เพราะเป็นเรื่องที่ครูบาอาจารย์
    ของผมนั้นท่านเล่าให้ฟัง แต่ถ้ากล่าวโดยพื้นๆก่อน
    ในส่วนของพระแก้วนั้นสีจะแตกต่างกันไป
    ตามบารมีที่ท่านสร้าง เช่นพระศรีอาริยเมตไตรย
    นั้นท่านบำเพ็ญมาแบบวิริยธิกะ ซึ่งบารมีกำลังบุญท่านมาก
    และต้องสร้างบารมีถึง 16 อสงไขยกว่า นับแต่ได้รับพยากรณ์ครั้งแรก
    ซึ่งนี้ยังไม่รวมถึงการบำเพ็ญช่วงปราถนาก่อนได้รับพยากรณ์อีก
    ซึ่งนานยิ่งกว่านั้นมาก ซึ่งเป็นการสร้างบารมีที่ยาวนาน บารมีท่านเข้มข้น
    ทำให้ยุคศาสนาของท่านนั้นคนชั่วจะไม่มีสิทธิ์มาเกิดเลย อยู่อบายภูมิกันหมด
    และพระแก้วประจำองค์ของท่านนั้นเป็นพระแก้วสีแดง ซึ่งสีแดงนั้น
    เป็นสีที่สื่อถึงบารมีที่ท่านสร้างมาอย่างมากมายนั้นเอง อันนี้อธิบายตามที่พอจะพูดได้

    ส่วนที่ถามถึงการปรากฎของพระแก้วนั้นถ้าอ่านดูเนื้อหาหัวกระทู้ก็จะพบ
    คำตอบที่ท่านหาอยู่เองครับ เรื่องเหล่านี้เป็นวิสัยของหน่อพุทธภูมิทั้งหลาย
    ที่บารมีเต็มแล้ว และมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ครับ

    ธรรมรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2012
  3. Kump

    Kump เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +508
    โมทนาครับ ด้วยเท่าที่ผมทราบในพระพุทธประวัติ

    ผมเข้าใจว่าช่วงนั้นยังไม่มีการปั้นพระพุทธรูป

    เพราะยังคงมีพระองค์จริงอยู่และพระองค์ท่านเองก็ไม่ปรารถนาให้สร้างรูปเคารพ

    ซึ่งได้มีการจัดสร้างรูปเคารพหลังจากพระองค์ท่านดับขันธ์ลง

    จึงอยากทราบว่าพระประจำองค์ได้ปรากฏมีในช่วงใดของพุธประวัติ อาจไม่ปรากฏในช่วงที่พระองค์ท่านอยู่บนโลกมนุษย์ แต่จะปรากฏในช่วงที่พระองค์ท่านเสด็จโปรดพระมารดาพร้อมกับจำพรรษาบนสวรรค์ ทั้งนี้แล้วแลด้วยการกล่าวถึงความแตกต่างของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ได้ระบุไว้ว่า

    1. ความต่างแห่งพระชนมายุของพระพุทธเจ้า
    2. ความต่างแห่งพระสรีระ
    3. ความต่างแห่งเวลาบำเพ็ญทุกขกิริยาในพระชาติสุดท้ายก่อนการตรัสรู้
    4. ความต่างแห่งพุทธรังสี
    5. ความต่างแห่งตระกูล
    6. ความต่างแห่งยานออกมหาภิเนษกรม
    7. ความต่างแห่งไม้ที่ตรัสรู้
    8. ความต่างแห่งปราชิตบัลลังค์


    ไม่มีในส่วนของพระประจำองค์ตามที่ได้กล่าวไว้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ 3 ทางคือ

    1. พระประจำองค์มีอยู่จริง แต่ไม่ได้มีความแตกต่างในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ หมายความว่า พระประจำองค์มีขนาดไม่ต่างกัน สีไม่ต่างกันในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะขัดแย้งจากข้อมูลที่คุณWisdomให้ จึงไม่ได้ระบุรวมอยู่ใน 1-8 ข้อ ตามที่กล่าวมา

    2. พระประจำองค์ไม่มีอยู่จริง จึงไม่ระบุไว้ใน 8 ข้อ และไม่ปรากฏมีในพระพุทธประวัติ

    3. พระประจำองค์มีอยู่จริง แต่ไม่ได้ระบุไว้เนื่องจากว่า มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่มีในความต่างของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญหลักที่จะเอามาระบุไว้เป็นความต่าง เช่นว่า

    พระพุทธเจ้าเกิดในตระกูลที่ต่างกัน เป็นกษัตริย์บ้าง เป็นพราหมณ์บ้าง ย่อมมีภรรยาที่มาจากตะกูลที่ต่างกันบ้าง ดังนั้นความต่างของตระกูลภรรยาก็ไม่ได้ถูกระบุไว้ใน 8 ข้อนี้

    อีกตัวอย่างหนึ่งคือ จำนวนพระสาวกในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่มีจำนวนไม่เท่ากัน เนื่องจากระยะเวลาในบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณต่างกัน ซึ่งในเรื่องจำนวนของพระพุทธสาวก ก็ไม่ได้ระบุไว้ในความต่างของพรพุทธเจ้าแต่ละพระองค์

    แลแม้กระทั่งในส่วนของระยะเวลาการบำเพ็ญพระโพธิญาณเอง ที่ทราบกันดีว่าแต่ละพระองค์มีระยะเวลาบำเพ็ญบารมีที่ต่างกัน ก็ยังไม่ถูกระบุไว้ในความต่าง 8 ข้อนี้

    อาจเ็ป็นไปได้ว่าพระประจำองค์มีจริงแต่เป็นความต่างที่ไม่ถูกกล่าวไว้ หากว่าปรากฏมีในพระพุทธประวัติหรือในพระไตรปิฏก ย่อมเป็นหลักฐานที่ชัดเจนในการยืนยัน



    รบกวนคุณ Wisdom หรือท่านใดทราบช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2012
  4. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    โมทนาด้วยครับที่นำข้อมูลมาให้อ่าน เรื่องเหล่านี้ถ้าให้ดี
    ก็อยากให้ปฎิบัติแล้วจะทราบได้ อย่างที่หลวงปู่ดู่ท่าน
    พาศิษย์ขึ้นไปดูพระแก้วบารมีรวมของพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆในสมัยท่าน
    ตามเนื้อหาในหัวกระทู้ ส่วนเรื่องพระพุทธรูปนั้น พระโพธิสัตว์
    ทุกๆพระองค์ในช่วงที่ท่านสร้างบารมี พระโพธิสัตว์แต่ละท่าน
    ก็ทำบุญ สร้าง บูรณะ ปิดทองพระพุทธรูปมาในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ
    มานับไม่ถ้วนเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธรูปจะมีเพียง
    ยุคขององค์ปัจจุบันเท่านั้น อันนี้ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่ามา
    เพราะการสร้างและบูรณะพระพุทธรูป เป็นบารมีอย่างหนึงที่พระโพธิสัตว์สร้าง
    เรื่องพระแก้วคู่บารมีพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์
    เรื่องนี้ขอยืนยันว่ามีจริง ตามที่หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าท่านสอนมา
    แต่หากจะให้ผมลงลึกไปถึงรายละเอียดก็ดูจะไม่เหมาะสมนัก
    เพราะที่นำมาถ่ายทอดก็เฉพาะตามแต่ที่ครูบาอาจารย์ท่านถ่ายทอดมา
    ไม่ต้องการที่จะนำเอาคำพูดหรือการอธิบายของตนเองมาเสริมเจือปน
    ในเนื้อหาที่ได้ถ่ายทอดไว้ดีแล้ว เอาเป็นว่าใครอ่านแล้ว
    ก็ถือซะว่าเป็นเรื่องรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
    เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นวิสัยของพระโพธิสัตว์
    หน่อพุทธภูมิทั้งหลายครับ สุดท้ายขอทิ้งท้าย
    ว่า อย่าสับสนระหว่าง พระพุทธรูป กับ พระแก้วบารมีรวม
    ของหน่อพุทธภูมิที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านะครับ นะครับ
    เพราะเนื้อหาที่นำมาถ่ายทอดในกระทู้นี้ คือ
    "พระแก้วคู่บารมีพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์"
    ไม่ได้มานำเสนอถึงการสร้างรูปเคารพในโลก
    แต่ที่นำเสนอคือเรื่องของพลังงาน บารมี
    ในโลกทิพย์ และ เรื่องที่เป็น โลกุตระ
    ซึ่งก็หมายถึงพระแก้วคู่บารมีนั้นเอง

    วันหนึ่งหลวงปู่ดู่ได้เล่าถึงการปฏิบัติครั้งคุมสมาธิศิษย์
    ยกใจความมาตอนหนึงว่า


    วันหนึ่งหลวงพ่อได้เล่าถึงการปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธมีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์"


    ธรรมรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มีนาคม 2012
  5. saranbhat

    saranbhat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +46
    มีรูปพระแก้วคูุ่พระบารมีพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ครบทั้งห้าองค์ให้ดูไหมครับ หรือหาดูได้ที่ใหนครับ...
     
  6. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    หามาให้แล้วครับ พระแก้ว 5 พระองค์ จากหนังสือ ใครจะใหญ่เกินกรรม
    วัดพุทธพรหมปัญโญ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    ธรรมรักษาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5Buddha.JPG
      5Buddha.JPG
      ขนาดไฟล์:
      22.2 KB
      เปิดดู:
      20,057
  7. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    เรื่องราวของพระแก้วบารมีที่ได้ถูกกล่าวถึง จากครูบา อาจารย์ผู้มีอภิญญาญาณ เป็นดังพระโพธิสัตว์เจ้าแห่งวัดสะแก อยุธยา คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ได้บอกเล่าให้รู้ถึงพระแก้ว บารมีประจำองค์พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ พระแก้วบารมีประจำองค์พระพุทธเจ้า แต่ละพระองค์ จะมีได้ตั้งแต่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ และจะปรากฎชัดเจนขึ้น ตาม ความเข้มข้นของบารมีที่สร้าง

    พระแก้วบารมีประจำองค์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์
    1. พระกุกุสันโธพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีพระแก้วขาวมีวรรณะใสดังเพชร มีหน้าตักกว้าง 20 วา หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครั้งแรก จากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพระพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร บำเพ็ญทุกขกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน พุทธรังษีสร้านไปไกล 10 โยชน์ หรือ 160 กิโลเมตร

    2.พระโกนาคมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีพระแก้วเหลืองมีวรรณะดังบุษราคัม ประจำองค์ มีหน้าตัก 15 วา หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพระพุทธเจ้า อายุไข 30,000 พรรษา พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร บำเพ็ญทุกขกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน พุทธรังษีสร้านไปไกลตามแต่พระประสงค์

    3. พระกัสสปพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระแก้วน้ำเงินมีวรรณะดังไพริน มีหน้าตัก 10 วา หลังได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครังแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้า 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพระพุทธเจ้า อายุไข 20,000 พรรษา พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังษีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์

    4. พระศากยมุณีโคดมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระแก้วสีเขียวมีวรรณะดังมรกต หน้าตัก 5 วา หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 4 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้า 24 พระองค์ (ข้อมูลเดิม) อาจมากกว่านี้ เป็นปัญญาพุทธเจ้า อายุไข 80 พรรษา พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยา ชาติสุดท้าย 6 ปี *** พุทธรังษีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ

    5. พระศรีอริยเมตตรัยสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระแก้วแดงวรรณะดังทับทิมทรงเครื่องจักรพรรดิ์ หน้าตัก 20 วา หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้า 477,029 พระองค์ เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร บำเพ็ญทุกขกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังษีสร้านไปไกล กำหนดไม่ได้ พระแก้วบารมีประจำองค์ เป็นเสมือนพุทธมณีปฏิมา แห่ง บารมีรวมสูงสุดของแต่ละพระองค์ พระแก้วบารมีแต่ละพระองค์ นั้นจะช่วยคอยค้ำจุนอายุพระศาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละ พระองค์ตลอดไป เรื่องพระแก้วบารมีประจำองค์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้ ในกาลต่อมาในสมัยแห่งองค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าสมนโคดม ได้มีผู้มีจิตเลื่อมในในคุณแห่ง พระรัตนตรัยเป็นจำนวนมาก ที่จะสร้างพระพุทธปฏิมากร ด้วย วัสดุล้ำค่า เช่น ทองคำ เงิน และแก้วมณีรัตนชาติทั้งหลาย เพื่อ ถวายเป็นพุทธบูชา แลค้ำจุนพระศาสนาให้ครบถ้วน 5000 ปี ในบรรดาของมีค่าต่าง ที่จะนำมาสร้างพระ แก้วมณีต่าง ๆ ถูก นำมาสร้างพระเป็นจำนวนมาก เพราะถือว่าแก้วบารมีมณีเป็น ของสูงค่าหาได้ยาก เป็นแก้วมณีสำคัญแห่งบารมีผู้สร้าง และ เป็นแก้ววิเศษมีเทวดารักษา

    ดังจะกล่าวถึงพระแก้วบารมีอีกองค์ หนึ่ง คือ พระแก้วเสตังคมณี สร้างจากแก้วบารมี มณีขาว ใสบริสุทธิดังเพรชน้ำค้าง เป็นคติของกษัตริย์ให้สมัยโบราณที่ จะสร้างพระแก้วบารมี แห่งพระองค์ที่จักเป็นที่ปกป้องคุ้มครอง บ้านเมือง แลสืบต่ออายุพระศาสนาให้ครบถ้วน 5,000 ปี เป็น พระแก้วบารมีแห่งองค์พระนางเจ้าจามเทวีจอมนางผู้เป็น กษัตริย์แห่งเมืองหริภุญไชย และในสมัยพระองค์ทรงถือได้ว่า เป็นผู้ที่ได้สร้างพระแก้วบารมีเป็นจำนวนมากที่สุด มีหลากหลาย สีสัณวรรณะ แกะสลักโดยช่างฝีมือเอก ถวายไว้บรรจุตามพระ ธาตุเจดีย์ต่าง ๆ ที่มีจำนวนมากคือพระแก้วบารมีกรุเมืองฮอด*

    ตำนานพระแก้วขาวเสตังคมณี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ได้ 700 ปี ในวันเพ็ญ เดือน 7พระสุเทวฤาษีได้นำดอกจำปา 5 ดอก ขึ้นไปบูชาพระ จุฬามณียังดาวดึงส์ ได้พบปะสนทนากับพระอินทร์ ฯ จึงบอกแก่ สุเทวฤาษีว่า ขึ้น เดือนวิสาขะเพ็ญที่ ลวะรัฐจะสร้างพระพุทธ มณีปฏิมากรด้วยแก้วขาว ครั้นท่านฤาษีกลับจากเทวโลกแล้ว จึง ไปสู่เมืองละโว้ ขณะนั้นพระยารามราชเจ้าเมืองละโว้กับพระ กัสสปะเถระเจ้าจะสร้างพระแก้วขาว ซึ่งพระอรหันต์ได้นำแก้ว ขาวมณีบริสุทธิ์บุษยรัตนมาจากจันทเทวบุตร และขอให้พระ วิษณุกรรมมาเนรมิต สำเร็จเป็นองค์พระปฏิมากรล้ำค่า พระสุ เทวฤาษี และฤาษีองค์อื่น ๆ ได้ประชุมช่วยในการสร้างองค์พระ เป็นจำนวนมาก ครั้นสำเร็จ ก็อัญเชิญพระบรมธาตุบรรจุในการ สร้างองค์พระแก้วขาวด้วย

    พระบรมธาตุบรรจุในพระแก้วขาว 4 พระองค์ 1.พระโมลี(กระหม่อม) 2.พระนลาต(หน้าผาก) 3.พระอุระ(หน้าอก) 4. พระโอษฐ์(ปาก) เมื่อสร้างเสร็จพระแก้วขาวได้ประดิษฐานอยู่ที่กรุง ละโว้ สืบมาเป็นเวลานาน เมื่อพระฤาษีที่เป็นบรมครูแห่งพระ นางเจ้าจามเทวี ได้สร้างพระนครหริภุญชัย กับฤาษีทั้ง 108 ตน สำเร็จ ได้ใช้ให้ควิยะอำมาตย์ ไปเชิญพระนางเจ้าจามเทวี พระธิดา ของเจ้ากรุงละโว้ มาครองเมืองหริภุญชัย พระนางจึง ของอนุญาติจากพระราชบิดา นำพระแก้วเสตังคมณีมา ประดิษฐาน ณ เมือง นครลำพูนหริภุญชัย เพื่อเป็นพระแก้ว บารมีประจำพระองค์ ปกปักรักษาบ้านเมือง สืบพระศาสนาให้ ถาวร

    พระแก้วขาวเสตังคมณีได้มาประดิษฐานอยู่เมืองหริ ภุญชัยนานหลายร้อยปี บรรดากษัตริย์ราชวงค์ลำพูน แลราช วงค์อื่น ๆ ต่างเคารพบูชาพระแก้วเสตังคมณี เป็นพระแก้วบารมี ประจำองค์ สืบมา และยังได้สร้างหอพระแก้วเป็นที่ประดิษฐาน ในพระราชวัง พระแก้วขาวประดิษฐานอยู่นคร หริภุญชัย มาจน ถึงรัชสมัยพระยายีบา เป็นกษัตริย์ครองเมือง ในครั้งนั้นพระ เจ้าเม็งรายเป็นเจ้านครเงินยวง (เชียงแสน) ได้ยกทัพไปปราบ เมืองต่าง ๆ ตกเป็นเป็นเมืองขึ้นเป็นอันมาก แต่พระนครหริภุญ ชัยมีกำลังกล้าแข็งเป็นอันมาก พระองค์จึงคิดอุบายให้ขุนอ้าย ฟ้า คนสนิท ไปทำการจารกรรม และทำให้แตกความสามัคคี นานถึง 7 ปี เมื่อได้โอกาสจึงส่งข่าวให้พระเจ้าเม็งรายยกทัพไป ตี จนถึงศักราช 1824 ได้ทำศึกโดยใช้ธนูไฟยิงเข้าไปเผาบ้าน เมือง แลราชวังเป็นการเสียหายอย่างมาก แต่มีเหตุแห่งพระแก้ว ขาวบารมีที่สถิตอยู่ในหอพระแก้ว ไม่ได้ถูกไฟไหม้แต่อย่างใด จึงทำให้ พระเจ้าเม็งรายเกิดพระราชศรัทธา อัญเชิญพระแก้ว ขาวมาประดิษฐานที่นครเงินยวงเชียงแสน และทรงถือว่าเป็น พระแก้วบารมีประจำพระองค์ และบ้านเมืองตลอดมา การสร้างพระแก้ว จากแก้วมณีล้ำค่า เป็นพระแก้วบารมี ประจำองค์พระมหากษัตริย์ ด้วยบารมีแห่งพระแก้วจะปกป้องคุ้ม ครองบ้านเมืองให้มีความอุดมสมบูรณ์ และเพื่อสืบพระศาสนา ให้ครบถ้วน 5,000 ปี ตามพุทธพยากรณ์

    ในกาลต่อมาพระมหากษัตริย์ หลายพระองค์ที่มีพระบรม เดชานุภาพมาก จะถือตามคติการสร้างพระแก้วบารมีประจำ พระองค์ และได้มีการสร้างพระแก้วที่สำคัญอีกหลายองค์ใน เวลาต่อมา คือ
    1.พระแก้วบุษราคัม 2.พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง 3.พระแก้วโกเมน 4.พระแก้วไพฑูรย์ 5.พระแก้วขาวบุษยรัตน (พระแก้วหยดน้ำค้าง) 6.พระแก้วขาวบุษยรัตน์จักรพรรดิพิมลมณีมัย 7. พระแก้วดอนเต้า

    พระแก้วสำคัญทั้ง 7 องค์นี้จะกล่าวถึงประวัติในกาลต่อไป -พระแก้วบุษราคัม ประดิษฐาน อยู่ที่ วัดศรีอุบลรัตนาราม -พระแก้วขาวเพรชน้ำค้าง อยู่ที่ วัดสุปัฏนาราม -พระแก้วโกเมน อยู่ที่วัดมณีวนาราม -พระแก้วไพฑูรย์ อยู่ที่วัดทุ่งศรีเมือง เป็นพระแก้วบารมีคู่บ้านคู่เมือง อุบลราชธานี -พระแก้วบุษยรัตน(พระแก้วขาวหยดน้ำค้าง) ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ที่ เมืองยโสธร -พระแก้วขาวบุษยรัตน์จักรพรรดิ์พิมลมณีมัย ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร -พระแก้วดอนเต้า ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ พระธาตุลำปาง หลวง เมือง ลำปาง พระแก้วบารมีทั้งหลาย ส่วนใหญ่สร้างจากทางเหนือ ของ ประเทศ แต่เมื่อมีภัยแห่งสงคราม หรือบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ ต่าง ๆ พระแก้วก็จะถูกอัญเชิญไปประดิษฐานในที่อันควรหรือ มี การนำพระแก้วไปเก็บไว้ในเมืองที่เป็นที่ตั้งแห่งพระศาสนา เมืองอุบลราชธานี นับว่าเป็นเมืองสำคัญยิ่งที่มีพระ แก้วคู่บ้านคู่เมืองมาประดิษฐานถึง 4 พระองค์ หากมีเมื่อ ถึงเวลาอันควร ก็จะมีพระแก้วปรากฏขึ้นอีก นับเมื่อถึงเวลาพระ ศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นตลอดไป

    ที่มา: http://www.facebook.com/note.php?note_id=190235311046091
     
  8. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
  9. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,071
    พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีพระแก้วประจำองค์
    และมีได้ตั้งแต่ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่และจะปรากฎชัดขึ้น
    ตามความเข้มข้นของบารมีที่สร้าง

    - ขอสอบถามนิดนึงจากข้อความข้างบนที่คุณ Wisdom เขียนไว้ที่หน้าแรกครับ

    - อยากทราบว่าอย่างพระโพธิสัตว์ท่านที่มีพระแก้วคู่บารมี ท่านจะมีพระแก้วคู่บารมีได้ต่อเมื่อบำเพ็ญบารมีถึงขั้นไหนครับ

    - พระโพธิสัตว์องค์นั้นท่านต้องได้รับพุทธพยากรณ์ก่อนหรือไม่ถึงจะมีพระแก้วคู่บารมี

    - ขอขอบคุณครับ
     
  10. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    อยากทราบว่าอย่างพระโพธิสัตว์ท่านที่มีพระแก้วคู่บารมี ท่านจะมีพระแก้วคู่บารมีได้ต่อเมื่อบำเพ็ญบารมีถึงขั้นไหนครับ

    - อันนี้ตามความเข้าใจของผมนะครับ ตามที่พระแก้วคู่บารมีของพระโพธิสัตว์
    จะชัดขึ้นตามความเข้มข้นของบารมีที่สร้าง ซึ่งหลวงตาม้าเคยบอก
    ผมว่าพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีถึงระดับอุปบารมีแล้ว (บารมีถึงครึ่งแล้ว)
    โพธิสัตว์องค์นั้นจะปิดอบายภูมิได้แล้ว และถึงใช้กรรม ก็จะลงมาใช้
    กรรมในช่วงเวลาที่บำเพ็ญอยู่ในภูมิมนุษย์ ซึ่งอาจจะเกิดเป็นมนุษย์
    หรือสัตว์พระโพธิสัตว์ เรียกว่าเกิดแบบเวียนบนนั้นเอง เลิกเวียนล่างแล้ว

    พระโพธิสัตว์องค์นั้นท่านต้องได้รับพุทธพยากรณ์ก่อนหรือไม่ถึง
    จะมีพระแก้วคู่บารมี

    - พระแก้วคู่บารมีก็เหมือนสื่อรูปลักษ์ของบารมีที่สร้าง หากบำเพ็ญ
    มาถึงระดับหนึงแล้ว เวลาภาวนา หากกำลังถึง ก็สามารถกำหนด
    ดุพระแก้วคู่บารมีของตนเองได้ครับสำหรับผู้ปราถนาพุทธภูมิ
    ซึ่งในกรณีนี้ ขนาดของพระแก้ว และความชัดก็สามารถเป็นเครื่อง
    แสดงถึงบารมีของตนเองได้ครับ แต่อย่าไปยึดติดเพราะจะเสียเวลา
    และจะเป็นอุปาทานไปเปล่าๆ หมั่นบำเพ็ญเพียรดีกว่าครับ สาธุ

    ธรรมรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2012
  11. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/N2-WWizmHkQ?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  12. bisco

    bisco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2006
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +150
    วันหนึ่งหลวงพ่อได้เล่าถึงการปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธมีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์"

    ที่มา: พระแก้วคู่บารมีพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์[/QUOTE]

    เท่ากับองค์แรก องค์แรกคือท่านใดหรือครับ

     
  13. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    เท่ากับองค์แรก องค์แรกคือท่านใดหรือครับ

    [/quote]

    องค์แรกหมายถึงพระแก้วคู่บารมีของพระกกุสันโธ
    พระพุทธเจ้าองค์ต้นกัป (องค์แรกของภัทรกัปนี้)
    ซึ่งมีหน้าตักกว้าง 20 วา พระศรีอริย์องค์ที่ห้า
    มีหน้าตักเท่ากับพระพุทธเจ้าองค์ต้นกัปครับ

    ธรรมรักษา
     
  14. CHOLPRATAN319

    CHOLPRATAN319 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +2,552
    ข้าพเจ้าขอกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ด้วยเศียรเกล้า
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญด้วย
    อ่านแล้วรู้สึกดียิ่งๆขึ้น
     
  15. blackorchid

    blackorchid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    กราบอนุโมทนา พระคุณของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์นั้น สุดจะประมาณหามิได้ สาธุๆๆๆๆๆ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...