ปาฏิหาริย์สมเด็จพระนเรศวร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 10 กรกฎาคม 2007.

  1. SaNdolLaR

    SaNdolLaR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +415
    หนูบูชาพระนเศวรมากที่สุด ที่สุด ที่สุด เลยคะ
     
  2. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ถวายบังคม ก้มศิระ แทบฝ่าพระบาท
    ความภักดี ยังข้ามชาติ มาถึงนี่
    เคยถวาย อารักขา ด้วยชีวี
    400 ปี มิลืมเลือน เหมือนวันวาน
    ดาบสองมือคู่ใจไปทั่วทิศ
    พร้อมด้วยมิตร ทหารกล้า พระองค์ท่าน
    เข้าสู้ศึก ปัจจะมิตร คิดรุกราน
    รักษาบ้าน เมืองไว้ ให้อยู่ดี
    ตายแล้วเกิด มาใหม่ อีกชาติหนึ่ง
    ยังคงซึ้ง พระคุณ ธ.ทรงศรี
    หากพระองค์ ทรงบัญชา ให้ราวี
    ตายอีกที เพื่อพระนเรศ ดัง เจ
    ต ฯ เอย

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  3. หยุย

    หยุย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +350
    ครับ เคยอ่านมาแล้วเหมือนกันครับจากที่หลวงพ่อฤๅษีของเราไปพบเทวดารักษาสมบัติแผ่นดิน ท่านถามถึงสมเด็จพระนเรศวร เทวดาตอบว่าสมเด็จพระนเรศวรมาเกิดแล้วและจะกลับมาครองบ้านเมืองอีกครั้ง(ตอนนั้นสมัยร.7) ตอนนี้รู้รึยังครับว่าเกิดเป็นใคร
     
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ผมมาต่อให้อีกนิด... หลวงปู่บุดดา ถาวโร เคยกล่าวกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า พระนเรศวรในชาตินี้ ท่านมาเกิดและโตในต่างประเทศ และจะกลับมาเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ถ้าเอาให้ใกล้อีกนิด ท่านเกิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่มลรัฐอะไร หลายคนน่าจะรู้แล้ว....


    ผมได้รู้จักกับอดีตจาตุรังคบาทของสมเด็จพระนเรศวรอยู่ท่านหนึ่ง ตอนนี้ท่านอายุ 60 กว่าปีแล้ว ท่านเล่าว่า ได้พบกับสหายอีก 2 ท่านแล้ว ท่านหนึ่งบวชเป็นพระอยู่ อีกท่านหนึ่งจำไม่ได้ว่าทำงานหรือทำอะไร ท่านผู้นี้เล่าให้ฟังว่า จตุรังคบาทนั้นมีอยู่หลายคน ไม่ใช่เพียงแค่ 4 คน มีเป็นกองร้อย หากมีจตุรังคบาทคนใดคนหนึ่งเพลี่ยงพล้ำเสียชีวิตลง คนอื่นจะเข้ามาทำหน้าที่แทนทันที เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกเข้าถึงตัวช้างและทำอันตรายแก่ช้างได้ ท่านเล่าช่วงเหตุการณ์ที่ท่านทำหน้าที่ขณะทำยุทธหัตถีจนถึงวาระสุดท้ายของการทำหน้าที่ในชีวิตของท่าน ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น แต่ก่อนก็นึกว่าจตุรังคบาทมีเพียง 4 คน เท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่ จะมี 4 คน ที่ทำหน้าที่เป็นทหารคู่พระทัย และมีคนอื่นๆ คอยเข้ามาทดแทน 4 คนหลักนั้นมาเกิดแล้ว และอายุมากแล้ว แต่ละคนจะมีอายุและรูปร่างไล่เลี่ยกัน (เขาคัดกันมาอย่างนั้น) แต่ยังหาอีกคนหนึ่งไม่เจอ ทั้ง 4 คน ได้มาทำงานรับใช้สนองคุณชาติในรูปแบบที่แตกต่างกันไป อันนี้ผมฟังท่านนั้นเล่ามาอีกทีครับ....

    .
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    .................................................................................

    ขอโมทนากับ คุณ Websnow ที่ได้นำเรื่องที่ดี ๆ ของพระมหากษัตริย์ ผู้มีพระคุณล้นแผ่นดิน ช่วยให้มองเห็นเป็นรูปธรรม ยิ่ง

    ขอแสดงความเห็นด้วย กับ คุณ Tamsak เรื่องเกียวกับพระนเศวร ที่ลงมาเกิดแล้ว นั้น....

    องค์หลวงพ่อฯ ท่านกล่าวไว้ในหนังสือ "หลวงพ่อธุดงค์" ในหน้าที่ไม่น่าจะเกินหน้าที่ 50 ในตอน ธุดงค์ที่ป่าศรีประจันต์ มีภุมเทวดา มาคุย มาเล่า มาตอบคำถามที่องค์หลวงพ่อฯ ถามเทวดา ท่านก็เล่าให้ฟังอย่างละเอียด(องค์หลวงพ่อเล่าให้ฟัง ในขณะนั้น ท่านเพิ่งบวชได้ 2-3 พรรษา (น่าจะเป็น พ.ศ.2481)

    องค์หลวงพ่อฯ ท่านบอกว่า ท่านเล่าเรื่องที่เทวดาเล่าให้ฟัง ใครไม่เชื่อ ก็ไปเถียงกับเทวดา เอาเอง.. แต่องค์หลวงพ่อฯ ก็สรุปว่า....

    เทวดา เขาตรง เขาไม่มีพูดโกหก....

    ...................................................................................
    (พอดีผมมาโพสที่บ้านพี่ชายฯ เลยไม่ได้ค้นหนังสือ หามีเวลาค้น จะได้นำมาโพส ให้ได้อ่านกัน ครับ)
     
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ...................................................................................

    ขอโมทนา ที่ได้อ่านมาแล้ว....

    แต่มีข้อแตกต่างนิดหนึ่ง.. ผมพอจะจำได้ว่า....
    ในสมัยนั้น ที่เทวดามาพูดกับองค์หลวงพ่อฯ น่าจะเป็นสมัยของรัชกาล ที่ 8 นะครับ(หากจำไม่ผิด)

    องค์หลวงพ่อฯ ท่านถามเทวดาหลายเรื่อง เช่น สถานที่ยุทธหัตถี อยู่ตรงไหน ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่ใช่บริเวณเจดีย์ยุทธหัตถี แต่เลยออกไป....

    ถามว่า ในเมื่อพระนเรศวร เป็นนักรบ ต่อสู้กับข้าศึก ฆ่าคู่ต่อสู้ ไปก็เยอะ....
    จะตกนรกไหม....
    เทวดาตอบว่าไม่ตก.. ด้วยเหตุผล ว่า.. (โอ้ผมพิมพ์ได้ช้ามาก รอ Scan กีกว่า

    องค์หลวงพ่อฯ ถามเทวดา ว่า ขณะนี้ พระนเรศวร อยู่ที่ไหน....

    เทวดา ตอบว่า ขณะนี้ พระนเรศวรเกิดแล้ว ที่ต่างประเทศ เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็จะเข้ามาเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย....
    (ในสมัยนั้น เป็นสมันของรัชกาล ที่ 8)

    ก็ลองไปหาอ่านดู นะครับ....
    ที่เล่ามา ก็เพียงจากความจำ อันอาจจะผิด ก็ได้ครับ.

    ...................................................................................
     
  7. kaewta77

    kaewta77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +627
    เมื่อได้อ่านกกระทู้นี้ทำได้ผมคิดถึงสมัยที่ได้ฝึกมโนมยิทธิใหม่ๆ เมื่อประมาณปี 37-38 และได้ไปเที่ยวอยุธยากับเพื่อนๆที่ฝึกรุ่นเดียวกัน เมื่อผมได้ปีนขึ้นไปบนเจดีย์แห่งหนึ่ง และกำหนดจิตดูรอบๆ ทำให้ผมเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างผอมผิวดำแดง ใส่เสื้อกั๊กสีแดงขลิบทอง นุ่งโจงแดงม้วนชายสั้นๆ ถือดาบสองมือ ยืนตั้งท่าพร้อมรบและหายใจหอบแรงๆ ทำให้ผมสงสัยมาจนวันนี้ว่าคนนั้นคือใคร หลายคนบอกว่าคือตัวผมเอง แต่ใจผมก็ค้านว่าไม่ใช่ จนทุกวันนี้ก็ยังค้านอยู่ มีใครรู้ช่วยตอบผมที

    แต่ผมรู้สึกนะว่าผมเคยเกิดเป็นทหารใต้ร่มบารมีท่าน แต่ผมก็ไม่กล้าทำสมาธิดูเองเพราะกลัวใจตัวเองจะไม่เป็นภาพจริง เพราะทุกวันนี้สมาธิผมก็ไม่ชำนาญเท่าไรเพราะทิ้งไปนานมาก

    พออ่านมาถึงข้อความของคุณ chaya maruty กระทู้ที่23 ทำให้ผมมีอาการขนลุกที่หัวไหล่ซ้ายไปขนถึงข้อศอก ไม่รู้ว่าผมอ่านแล้วอินมากไปรึป่าวนะ

    เมื่ออ่านมาถึงข้อความของคุณtamsak กระทู้ที่33 มาถึงตอน จาตุรงคบาท ทำให้ผมมีอาการน้ำตาคลอเบ้าจะร้องไห้ ผมไม่บังอาจคิดว่าถ้าผมเป็นทหารในใต้บารมีของท่าน แล้วผมจะเป็นถึงตำแหน่งนั้นหรอกนะครับ แต่ผมก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกจะร้องไห้ขึ้นมา(สงสัยจะอ่านจนอินหนักเข้าไปอีก)

    อย่างไรก็ตามผมก็ขออนุโมทนากับทุกข้อความที่ได้ลงในกระทู้นี้ทุกๆท่านด้วยครับ

    เอาไว้วันหลังผมจะเล่าเรื่องความเชื่อของผมที่ได้เคยเกิดเป็นทหารเมืองถลางใต้ร่มบารมีของย่ามุกและย่าจัน หลังจากยุคของพระนเรเศวรประมาณ 200ปีให้อ่านกันนะครับ
     
  8. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ทหารในหน่วยจาตุรังคบาท ในสมัยท่านมี ถึง หนึ่งหมื่นหกพันกว่าคน ระดับบัญชาการมี 5 คน 1ใน 5นี้ เป็นระดับแม่ทัพ ระดับนายกองมี 48 คน ระดับ ราชอารักษ์มี 100 กว่า ราชอารักษ์จะเป็นแบบ ไปไหนไปด้วย 24 ชม. เปลี่ยนกันไปน่ะ คือเข้าเวร พวกนี้เป็นสุดยอดฝีมือ คัดจากทหารที่เก่ง ๆ ใช้อาวุธได้ทุกอย่าง มาประลองคัดเลือกกัน ทหารเหล่านี้ ตายแทนพระองค์ท่านได้ทุกคน บางครั้งพระองค์ไม่ได้เสด็จสมรภูมิ พวกนี้ก็จะมีงานสำคัญทำเสมอ แต่ในสงครามยุทธหัตถี หน่วยนี้ เกือบตายทั้งหน่วย เพราะบกพร่อง ในการถวายอารักขา คิดมาทีไร ยังเสียใจไม่หาย ดีที่พระวันรัตน์วัดป่าแก้วมาขอชีวิตไว้ รวมทหารในราชอาณาจักร ก็มีราว หกแสน ไม่แปลก ถ้าคุณจะเป็นใครสักคนในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่จะรู้ตัวทั้งสิ้น บางคน ไม่ต้องเข้าสมาธิเพื่อทบทวนสัญญาเลย มันปรากฎให้รู้เอง เพราะเป็นชาติที่สร้างวีระกรรม สัญญาความจำจึงแรงโดยแสดงออกให้เห็นในรูปแบบเป็น ปีติแบบต่าง ๆ ดั่งที่คุณ kaewta77 เล่า นั่นล่ะครับ นั่งสมาธิมาก ๆ ก็รู้เองเห็นเองครับ ว่างคุยกันน่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2007
  9. pal

    pal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +856
    อยากให้ไปดู..ไปเห็นที่วัดวรเชษฐ์( นอกเกาะ) หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างยังคงอยู่ตรงบริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิพระองค์ท่าน หรือของพระพี่นางสุพรรณกัลยาที่หลวงปู่โง่นนำมาบรรจุไว้ หรือแม้กระทั่งของสมเด็จพระพนรัตน์ (แตงโม) พระมหาเถรคันฉ่อง ล่าสุด (อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ เพราะยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปพิสูจน์ นอกจาก จิตสัมผัส ) มีการค้นพบบริเวณที่คาดว่าจะเป็นที่ถวายพระเพลิงพระองค์ท่าน ขณะนี้กำลังบูรณะกันอยู่ เอาเป็นว่าเชื่อไม่เชื่อแล้วแต่ ลองใช้ความผูกพัน สมาธิ นิมิต หรืออะไรที่แฝงอยู่ในตัวสัมผัสเองดีกว่า เพราะขนาดเราซึ่งไม่เก่งอะไรเลย รู้แต่ว่าเคารพบูชาองค์ท่านทั้ง 3 มากๆ ยังสัมผัสได้
    ยิ่งเห็นพระอาจารย์สิงห์ทนท่านดูแลวัดนี้อยู่ อยากช่วยท่านมาก ๆ อยากให้ทุกคนช่วยกันดูแล ทนุบำรุงบ้านเมืองและพระพุทธศาสนามาก ๆ อิฐแต่ละก้อนของวัดนี้ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และด้านจิตใจมาก ๆ ยังงัยอย่าลืมไปไหว้ท่านที่วัดนี้นะคะ คิดว่าไปดูโบราณสถานก็ได้ เผื่อสัญญาเก่า ๆ ของพวกท่านจะทำให้ท่านสัมผัสได้ ..ค่ะ
     
  10. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เมื่อครั้งที่ยายผีป่า น้องเดสิเรDes บูบู้ และคุณพงศ์ สมาชิกเวบพลังจิตเมื่อเกือบสองปีคงได้ หลังจากที่ ยาย เด และบูบู้ กลับจากพิธีบวงสรวงพระอุปคุตที่ภูเก็ตหลังสึนามิ ก็นัดคุณพงศ์ว่าจะไปทองผาภูมิบ้านยายผีป่า และพวกเขาต้องการกราบหลวงพี่เล็กด้วย
    ราออกเดินทางมาก็ค่ำแล้วเพราะไปกราบคุณป่านิภามาที่บ้านพักท่านที่กรุงเทพก่อนการออกเดินทาง

    ตลอดทางส่วนมากเราคุยเล่นคุยหัวกันกับเบื้องบนที่ท่านมาคุยด้วย คุณพงศ์สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต แต่หลงมาคบพวกเรา เขาไม่รู้เรื่องณาณอะไรเลย เขายังดื่มแหลกอยู่และมีสาวๆ (อุ๊ย มาอ่านเจอจะโดนค้อนไหมนี่) แต่ก็ด้วยความที่นับถือกันเลยมากับคณะเรา (รถคุณพงศ์อาสามาส่งจ๊ะ)

    ก็คุยย้อนอดีตมากมายแล้ววกมาที่สมัยอยุธยา เล่าเรื่องสงครามของพระนเรศวร ทิพย์ท่านก็ลงมาคุยจ้อๆ ปู่ฯ ท่านก็คอยคุม

    ทีนี้คุณพงศ์เขาสงสัยเรื่องลี้ลับว่าพวกเราเพี้ยนกันหรือเปล่า ก็คงอยากเห็นน่ะ

    ยายก็บอกอยากเห็นอดีตเหรอ

    อยากรู้เรื่องมิติพิศวงใช่ไหม

    เราก็เปลี่ยนเรื่องคุยมากมาย จนถึงตลาดเมื่องกาญจน์ บอกทุกคนว่า นี่ผ่านศาลหลักเมืองแล้วนะ เราเคยเกี่ยวเนื่องกับท่านเช่นกัน

    แล้วย้ำคุณพงศ์ว่าถ่าเห็นป้ายไทรโยตค ตามเส่นนั้นไปนะ ในขณะที่บอกก็มาคุยเรื่องสงครามยุคพระนเรศวรต่อ ใกล้หกทุ่มแล้ว

    ย้ำอีกว่า จะมีทางเลี้ยวซ้ายข้างหน้านะ ไปไทรโยค
     
  11. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ไม่มีคนหลับนะ โดยเฉพาะยายผีป่าที่ต้องบอกทาง ในขณะนั้นไม่ง่วง เพราะจ้อกันมาตลอด เจ้าบูบู้ก็คอยแอบบันทึกเวลาทิพย์ท่านมาคุยด้วย ทั้งๆ ที่ท่านสั่ง ห้ามอัดเสียงไว้นะ

    ไม่รู้อะไรปิดตายายผีป่า จนใกล้ตีหนึ่ง ยายรู้สึกผิดสังเกตุ เอ๊ะ ทำไมมันจะมีทหารมาตั้งด่าน แล้วทำไมมันมีเนินขึ้นเขา เลยบอกคุณพงศ์ว่าย้อนไปด่านทหารทีสิ เรากลับมาก็ทราบว่าหลงมาทางศรีสวัสดิ์
     
  12. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เราต้องย้อนกลับมาท่ามกลางความมืด และยังไม่วายที่จะคุยเรื่องลี้ลับต่อ ปู่ท่านมาเตือนว่า เห็นอะไรตัดหน้า ให้ชนเลย อย่าจอดรถ อย่าทัก!

    พอทีนี้ตีสอง ยายดูเวลาที่หน้ารถ
    ตลอดเวลาที่ยายคุย แต่จิตยายอธิษฐานภาวนาตลอด แผ่เมตตาตลอด(หลายคนสงสัยแยกจิต แยกภาวนาได้ด้วยเหรอ คนอื่นยายไม่รู้ แต่ยายทำของยายได้ค่ะ )

    ทางข้างหน้าเหมือนมีควันลอยผ่านรถสลัวๆ
    ยายสัมผัสถึงอะไรได้บางอย่าง น้องเดหันมามองหน้ายาย เรานั่งข้างหลังด้วยกัน บูบู้ และคุณพงศ์เริ่มเงียบ ยายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปู่ฯ ท่านมาช่วย แล้วบอกว่า จะช่วยคุ้มครอง ไม่มีอะไรหรอก
     
  13. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ปู่ท่านสวดมาตลอดทาง ยายก็ภาวนาตลอดทาง ทีนี้ทุกคนล่ะการจ้อ แต่ไม่มีใครหลับ ยายคอยบอกทาง จนถึงบ้านยายก็เกือบตีสี่เห็นจะได้

    ทุกคนตื่นแต่เช้าเพื่อไปกราบหลวงพี่เล็กที่วัดท่าขนุน

    และเมื่อกลับมาบ้านยาย

    ยายถามคุณพงศ์และบูบู้ว่า

    เห็นใช่ไหม

    นี่ล่ะคือเหตุที่ทำให้คุณพงศ์และบูบู้ได้สัมผัสเรื่องพิศวงร่วมกับยายผีป่าและเจ้าเดสิเร (ซึ่งยายกะเดมันจูนกันได้ บ้าพอกัน)
     
  14. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ไม่ทราบว่าผมเป็นหนึ่งในจาตุรังบาทราชอารักษ์หรือไม่ เพราะตอนนี้ยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะระลึกรู้อดีตชาติได้ เพียงแต่ว่าเคยมีหมอดูลายมือทักว่าเคยเป็นทหารรักษาเท้าช้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวร ก็เคยคุยกันกับพี่ตั้มศักดิ์ ซึ่งพี่ตั้มก็บอกว่าตัวเองก็เป็นเหมือนกัน ก็ได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นจากคุณ chaya maruty แต่ว่าไม่ทราบว่ารู้ด้วยตัวเอง หรือเอาข้อมูลมาจากไหนครับ
    ถ้าไม่รังเกียจก็เล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ขอบคุณครับ
    ชาตินี้ผมไม่ได้เป็นข้ารองพระบาทใกล้ชิด แต่อย่างน้อยก็ได้เคยกล่าวถวายคำสัตย์ปฎิญานตนและเดินสวนสนามผ่านหน้าพระพักตร์มาครั้งหนึ่งในชีวิต ถึงแม้ว่าพระองค์จะมิทรงมองเห็น แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็รู้สึกปลื้มปิติเป็นล้นพ้น...
     
  15. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +10,787
    อย่าให้ผมเล่ามากกว่านี้ ผ่านกระทู้เลยครับ คุณ พรหมประกาศิต มันเป็นเรื่องปัจจะตังรู้เฉพาะตัว คนเชื่อก็แล้วไป ถ้าไม่เชื่อก็จะมาว่าขี้โม้ ผมรู้เองครับ บางเรื่องไม่ต้องกำหนดจิต เป็นภาพขึ้นมาให้เห็น แล้วจิตก็รู้เอง ผมนั่งสมาธิมาตั้งแต่ 2525 ครับ ตอนนั้น อยู่ ม.4 นั่งเองเลย ไม่มีใครใดๆชวน ลุยเอง 25 ปีแล้ว มาเริ่มเห็นผี เห็นอดีต ปี 28 ก็เห็นมาเรื่อย รูปผมที่เห็นน่ะ ตอนอายุ24 น่ะ ตอนนี้ 42 แล้วครับ มีเรื่องหนุก ๆ เยอะ ถ้าอยากรู้จะ pm ให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2007
  16. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ดีครับ ผมชอบเรื่องหนุกๆ ผมก็นั่งสมาธิมานานแล้วเหมือนกัน แล้วก็เริ่มต้นนั่งก่อนหน้าคุณด้วยนะ แต่ว่า ผลุบๆ โผล่ๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ก็เลยไม่มีอะไรให้เห็นเลยแม้แต่กระผลีก เรื่องของเรื่องก็คือขี้เกียจนั่งอ่ะครับ แต่ถ้านั่งจั่วไพ่หรือโจ้เหล้านั่งล่ะก็ได้นานเป็นพิเศษ..ฮา..เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นนั่งหน้าจอมอนิเตอร์แทน นั่งสมาธินี่นานๆครั้ง...มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษก็ช่วยแนะนำบ้างนะครับ
    ขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูง..(f)
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** บารมี ****

    โลกุตตระ (พระไตรปิฎก)
    กล่าวไว้ว่า...
    บารมีของพระองค์ ยังไม่พอ ...ที่จะผ่าพ้นกรรม ในรอบหลังกึ่งพุทธกาลไปได้
    จึงต้อง พึ่ง ...โลกุตตระ และ สัจจะ

    ส่วนเหล่ากองทัพธรรม ทหารหาญในอดีต
    หากปรารถนาจะช่วยชาติบ้านเมือง ศาสนา และพระมหากษัตริย์
    จะต้องพึ่ง โลกุตตระ และสัจจะ ตลอดชีวิต...เช่นกัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    602
    ค่าพลัง:
    +13,306
    สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้วกับพระสงฆ์ราชาคณะยี่สิบห้ารูปได้ไปเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยมเยียนถามข่าวหลังจากเสด็จกลับจากราชการสงคราม
    พระนเรศวรเป็นเจ้าก็ตรัสเล่าเรื่องการสงครามให้สมเด็จพระพนรัตและพระสงฆ์ราชาคณะทั้งหลายฟัง
    สมเด็จพระพนรัตจึงถวายพระพรถามดังข้อความซึ่งผมขอคัดจากพระราชพงศาวดารฉบับกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ดังต่อไปนี้
    "สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้ามีชัยแก่ข้าศึก เหตุไฉนข้าราชการทั้งปวงจึงต้องราชทัณฑ์เล่า"
    สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงตรัสตอบว่า
    "นายทัพนายกองเหล่านี้อยู่ในกระบวนทัพโยม มันกลัวข้าศึกมากกว่าโยม ละให้แต่โยมสองคนพี่น้องฝ่าเข้าไปในท่ามกลางศึก
    จนได้กระทำยุทธหัตถีกับมหาอุปราชามีชัยชนะแล้ว จึงได้เห็นหน้ามัน นี่หากว่าบารมีของโยมหาไม่ แผ่นดินจะเป็นของหงสาวดีเสียแล้ว
    เพราะเหตุดังนี้โยมจึงให้ลงโทษตามบทพระอัยการศึก"
    สมเด็จพระพนรัตจึงถวายพระพรว่า

    "อาตมภาพพิเคราะห์ดู
    อันข้าราชการเหล่านี้จะไม่รักไม่กลัวพระราชสมภารเจ้านั้นหามิได้
    และเหตุดังนี้จะให้พระเกียรติยศพระราชสมภารเจ้าเป็นมหัศจรรย์
    เหมือน สมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้า
    เมื่อพระองค์เสด็จเหนือปราชิตบัลลังก์ควงพระมหาโพธิ ณ เพลาสายันห์
    ครั้งนั้น เทพเจ้ามาเฝ้าพร้อมอยู่ทั้งหมื่นจักรวาล
    และพระยาวสวัติมายกพลเสนามารมาผจญครั้งนั้น
    ถ้าได้เทพยดาเจ้าเป็นบริวารและมีชัยแก่พระยามาร
    ก็หาสู้เป็นมหัศจรรย์นักไม่
    ที่เผอิญให้หมู่อมรินทร์พรหมทั้งปวงประลาตหนีไปสิ้น
    ยังแต่พระองค์เดียวอาจสามารถผจญพระยามาราธิราช
    กับพลเสนามารให้ปราชัยพ่ายแพ้ได้
    จึงสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้าได้ทรงพระนามว่า
    พระพิชิตมารโมฬีศรีสรรเพชญดาญาณ
    เป็นมหัศจรรย์ดาลดิเรกทั่วอนันตโลกธาตุเบื้องบน
    ตราบเท่าถึงภวัคพรหมเบื้องต่ำตลอดถึงอโธภาคอเวจีเป็นที่สุด
    ก็เหมือนพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ในครั้งนี้
    ถ้าเสด็จพร้อมด้วยเสนานิกรโยธาทวยหาญมาก
    และมีชัยแก่พระอุปราชานั้น
    หาสู้เป็นมหัศจรรย์แผ่พระเกียรติยศ
    ปรากฎไปนานาประเทศใหญ่น้อยทั้งปวงไม่
    พระราชสมภารเจ้าอย่าทรงปริวิตก โทมนัสน้อยพระทัยเลย
    อันเหตุที่เป็นนี้เพื่อเทพเจ้าทั้งปวงอันรักษาพระองค์
    จักสำแดงพระเกียรติยศดุจอาตมาภาพถวายพระพรเป็นแท้"


    ความปลอดภัยอันแท้จริงมาเกิดขึ้นเพราะพระนเศวรเป็นเจ้าพระองค์เดียว
    ผู้ทรงก่อให้เกิดความคิดใหม่ วิธีการใหม่ และความหวังใหม่ขึ้นในใจคนไทย
    ถึงคนไทยจะเกรงกลัวพระราชอาญาแห่งพระนเรศวรเป็นเจ้ายิ่งกว่าความตาย
    ความกลัวนั้นก็ยังดีกว่ากลัวพม่า
    หรือความหวาดหวั่นผู้มีอำนาจจากทิศอื่น เช่น พระยาละแวก
    ความเกรงกลัวพระราชอาญาพระนเรศวรเป็นเจ้านั้น
    เกิดจากความเคารพรักและภาคภูมิใจ
    เพราะพระนเรศวรเป็นเจ้าทรงปฏิบัติพระองค์ให้แลเห็นได้ชัดทั่วกันว่า
    พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นั้น
    เป็นไปเพื่อประโยชน์ร่วมกันของคนไทยและเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
    มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนพระองค์เองเลยแม้แต่น้อย
    จะเห็นได้ว่า
    ส่วนใหญ่แห่งพระชนมชีพนั้นอยู่ในสนามรบหรือในชนบท
    ประทับแต่ในพลับพลาหรือในค่าย
    มิได้เสวยสุขอยู่แต่ในปราสาทราชมณเฑียรหรือในพระนคร
    ในยามสู้ศึกก็มิได้ทรงปล่อยให้ทหารรบสู้แต่ตามลำพัง
    แต่ได้ทรงเข้ารบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทั้งปวง
    เมื่อครั้งทรงกระทำยุทธหัตถีนั้น
    ได้ทรงสละพระองค์เพื่อชาติบ้านเมืองโดยสิ้นเชิง
    หากแต่ความชำนิชำนาญในการสู้รบ
    และอำนาจเทพยดาที่รักษาพระมหาเศวตฉัตรของไทยได้คุ้มครองพระองค์
    กลับมีชัยแก่ข้าศึกด้วยพระองค์เองโดยปราศจากรี้พล
    ชาวมลายูเรียกพระนเรศวรเป็นเจ้าว่า พระอัคนิราช หมายถึง ไฟ
    อันไฟนั้นย่อมมีทั้งความร้อน มีพลังงาน และมีแสงสว่าง
    พระบรมราชกฤษฎาภินิหารของพระนเรศวรเป็นเจ้าก็เป็นดังนั้น
    ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งใดมากหรือน้อยมาบดบัง
    แสงสว่างอันเจิดจ้านั้นก็ยังส่องออกมาให้เห็นปรากฎแก่ตาแก่ใจคนจนได้
    พระบรมราชกฤษฎาภินิหารของพระนเรศวรเป็นเจ้า
    จึงเป็นกฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ ด้วยประการฉะนี้


    จาก "กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้"
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2007
  19. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    602
    ค่าพลัง:
    +13,306
    หลายท่านที่จงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน
    อ่านแล้วอาจจะมีความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนพระเดชพระคุณของพระองค์ท่าน
    ผมคิดว่าขอให้เราทุกคนเป็นคนดี คิดถึงส่วนรวม
    หากสามารถช่วยเหลือส่วนรวมและประเทศชาติได้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ควรทำ
    และที่สำคัญคือ การปฏิบัติธรรม ถือศีล และบริจาคทาน
    และไม่ลืมที่จะถวายกุศลแด่พระองค์ท่าน
    พระบูรพกษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์
    และเหล่าวีรบุรุษ วีรสตรีที่ร่วมกู้ชาติไว้ทุกท่าน
    พระองค์ท่านก็คงจะพอพระทัยและโมทนากับทุกท่านครับ

    หากข้าบาทเพียงแค่เคยเป็นเศษดินที่รองรับพระบาทของพระองค์ท่าน
    ยามเสด็จออกราชการสงครามเพื่อกู้ชาติและรักษาไว้ซึ่งแผ่นดินสยาม
    ก็ยังความภาคภูมิใจอย่างประมาณมิได้ยิ่งแล้ว

    โมทนากับทุกท่านครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2007
  20. kkk23m

    kkk23m เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2007
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +270
    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ และขอเพิ่มเติมข้อมูลให้กับผู้ตั้งกระทู้นี้ด้วยนครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ที่ปลงพระศพพระนเรศกับวัดวรเชษฐ์ที่ถูกลืม!!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 กุมภาพันธ์ 2550 09:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระปรางค์ซึ่งอาจจะเป็นที่เก็บพระบรมโกศและพระบรมอัฐิของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สภาพการจราจรในเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังดินแดนกรุงเก่าอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันธรรมดาช่วงกลางวันนั้นไม่สู้จะติดขัดมากนัก ทำให้ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเศษ ถนนจากตัวจังหวัดที่ทอดสู่อำเภอเสนาปรากฏแก่สายตา และเมื่อผ่านสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาลงไปเพียงประมาณไม่กี่ร้อยเมตร ก็ได้เห็นหมู่เจดีย์ที่เก่าแก่ทรุดโทรมตามกาลเวลา ทว่าแฝงความขลังด้วยประวัติศาสตร์ที่เหล่าเจดีย์ทั้งหลายดังกล่าวนั้นได้ผ่านผันมาหลายยุคหลายสมัย...จนนำพามาให้ยืนยงอยู่ ณ วันนี้

    ป้ายเล็กๆ กลางเก่ากลางใหม่บอกนามวัดไว้อย่างเลือนรางจนแทบมองไม่เห็นว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...