เพิ่มเติมจิตผ่องใสคืออวิชชา...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ฟางว่าน, 28 กรกฎาคม 2012.

  1. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ที่หลวงปู่ชาท่านกล่าวว่า จิตผ่องใสคืออวิชชา หมายความว่า จิตผ่องใสนั่นแหละพระอนาคามี พระอนาคามีจิตท่านว่าง ใจท่านจวนจะบริสุทธิแล้ว ที่เหลือก็คือกิเลสละเอียดที่นอนเนื่องที่ท่านเรียกอนุสัย ส่วนจิตผ่องใสคือตอนนั้นมีความสุขทางใจ ไม่ข้องกับกาม ไม่เจตนาเสพกาม ปฏิฆะความขัดใจความหงุดหงิดใจดับ อย่างมากถ้าพระอนาคามีโกรธท่านก็ข่มด้วยสติและปัญญา น้อยคนนักที่จะเอะอะอาละวาด นี้คือคุณสมบัติพระอนาคามี ส่วนพระสกทาคามีน่ะเอะอะโวยวายได้ ท่านๆที่ได้พระสกทาคามีอย่าจมอยู่ที่ขั้นนี้เลย ไม่ควรคิดว่าเราจะเป็นพระสกทาคามีแล้วชาติหน้าไปพรหมหรือเทวดาแล้วลงมาเกิดอีก 1 ชาติเลือกเกิดได้แล้วเป็นพระอรหันต์ คือเลือกเกิดเข้าใจว่าต้องการรูปร่างหน้าตาดีหรือหล่อสวยใช่ไหมล่ะ ไม่ควรคิดอย่างนั้นนะ รีบปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานขั้นสูงขึ้นไป อันนี้จึงจะถูก เพราะไม่งั้นถ้าเป็นพระสกทาคามี ความสุขทางกามก็ครึ่งๆกลางๆ และยังบันดาลโทสะได้ นี้คือพระสกทาคามี ท่านที่ได้พระอนาคามีมีจิตผ่องใสนั้นถูก คือวิชชานั้นก็ถูก เพราะอวิชชาเป็นสังโยชน์ข้อ 10 ถ้าละอวิชชาได้ก็พระอรหันต์นั่นเอง...*_*..........
     
  2. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    เจ้านี่ มั่วไม่เลิก
    กล่าวตู่ธรรมะไปทั่ว
    แน่ใจนะว่าตายแล้วจะได้ไปเป็นพรหมสุทธาวาส?

    Luangta.Com -

    เรื่องจิตว่างนี่ โลกียฌาน ก็จิตว่างได้ เอากำลังสมาธิข่มมันเข้าไว้สิ มันก็ว่างเอง ความเป็นพระอริยะ คือการที่ความคิดชั่ว มันไม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะเชื้อมันดับไปแล้ว ไล่จากตัวหยาบๆ ก่อน แล้วค่อยเป็นตัวที่ละเอียดขึ้นไปต่างหาก
    ไอ้การมาบอกว่า พระอนาคามี โกรธ แล้วดับโกรธด้วยสติ อันนั้นเป็นการปฏิเสธคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตรง...
     
  3. LoveViolet

    LoveViolet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +10
    ปุถุชนก็สามารถข่มความโกรธไว้ด้วยสติปัญญาได้ ไม่อาละวาดก็ได้
    ปุถุชนสามารถปฏิบัติเนกขัมมบารมีได้ แม้แต่ฌานสมาบัติก็ยังทำได้
    อย่างที่คุณยกตัวอย่างมาปุถุชนทำได้หมด
    แล้วอะไรล่ะ คือความเป็นพระอนาคามีในเมื่อปุถุชนทำได้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2012
  4. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    เป็น นั่น แล้ว ต้อง เป็น นี่ ต้อง เป็น ต้อง ได้ นั่น นี่ = ตัณหา อวิชชา ทั้งนั้น

    เห็นทุกข์ขนาดนี้ แล้วยัง อยาก เป็นอยู่ไหมครับ <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. vichayut

    vichayut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +665
    พิจารณาให้ดี ก็เห็นข้อดีของเขาเหมือนกัน
    เหมือนเราเห็นทางสายอื่น แยกออกจากทางสายเอกให้ได้พิจารณา
    ไว้ทดสอบภูมิธรรมของเรา

    __________________
    ดูจิต.........ด้วยสติ
     
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    นี่ท่านสอนพระอานาคามี พระสกิทาคามี... ไม่ได้สอนปุถชน
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อย่าทำตัวเหมือนเด็กนั่งบนหลังกระบือ เพราะเด็กนับแต่กระบือตัวอื่น ไม่นับตัวที่ตนเองนั่งอยู่

    ขอบคุณ คุณปุณบพิธ ที่นำข้อธรรมมาแสดงครับ เพราะผมไม่เคยได้รับฟังข้อธรรมนี้ครับ

    แต่จะเป็นอวิชชาได้ ก็ต่อเมื่อเข้าไปยึดติด มีผู้ปฎิบัติมากมายที่ยึดติดในความเป็นสุข

    จนไม่สามารถก้าวข้ามออกมาได้ สิ่งที่ผมจะบอกกล่าวนั้น คือ รักษาความเป็นปกติ ครับ

    ไม่ต้องสนใจระดับขั้น ไม่ต้องสนใจสิ่งที่วิเศษ ไม่ต้องสนใจสิ่งที่เลอเลิส

    สาธุครับ
     
  8. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    ฟังเพลงเพื่ออะไรครับ? :cool:
     
  9. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    แล้วทำไมต้องทำให้อารมณ์ดีด้วยครับ? :cool:
     
  10. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    เคยเห็นคนคริสต์ หรือคนอิสลาม ไม่โกรธไหมครับ?
    เขาอาจจะโกรธอยู่ภายใน แต่เขาระงับได้ไม่แสดงออกมาภายนอกเลย
    เขานึกถึงพระเยซู เขาก็ข่มใจไว้ได้ นึกถึงพระอัลลาห์ ก็ข่มใจไว้ได้
    แต่คริสต์ กับ อิสลาม เขาเป็นพระอริยะไม่ได้นะครับ
    แล้วทำไมเขาข่มความโกรธได้ครับ?
     
  11. ไร้นา

    ไร้นา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +108
    ปัญหามันเยอะ นะโลกนี้ สังสัยก็ไม่น้อยที่เดียว คิดมากก็สงสัยมาก
    ปัญญาจงตามให้ทันถ้าไม่ทันละยุ่ง คนที่จะตามจะเพิ่มบารมีก็ดี ถ้าคนที่ไม่ตามให้ดูย้อนหลังไปคำที่ 39 ปัญหาอยู่ที่ท่านแล้ว ปัญญาจะอยู่ที่ใคร
     
  12. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    ที่ว่ามาก็ถูกนะฟางว่าน แต่มันเกี่ยวข้องกับการไม่โกรธตรงไหนกันหนะ???
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    สังโยชน์
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    สังโยชน์ (บาลี: samyojana) คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ

    ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
    1. สักกายทิฏฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
    2. วิจิกิจฉา - มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    3. สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย

    4. กามราคะ - มีความติดใจในกามคุณ
    5. ปฏิฆะ - มีความกระทบกระทั่งในใจ


    ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
    6. รูปราคะ - มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
    7. อรูปราคะ - มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
    8. มานะ - มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
    9. อุทธัจจะ - มีความฟุ้งซ่าน
    10. อวิชชา - มีความไม่รู้จริง

    พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
    พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
    พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อแรกได้หมด
    พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  14. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ฟางว่าน แย้งพระพุทธเจ้าอีกแล้วนะ... พระอนาคามี ไม่มีปฏิฆะแล้ว ไปอ่านดูในพระไตรปิฎกนะ

    ฟางว่านไม่รู้เหรอว่า จิตพระอริยะ เป็น"สมาธิ"ตลอดเวลา???
     
  15. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ที่ๆ ฟางว่านกับคีย์บอร์ดฝันว่าจะไป
    หากยังคิดว่า มีเขา มีเรา ยังมีอัตตา หากยังคิดว่า มีความดี ความชั่ว
    หากยังคิดว่า มีตำแหน่ง สูง ต่ำ มียศถาบรรดาศักดิ์
    หากยังคิดว่า ต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ หากยังมีความคาดหวัง
    ไปไม่ถึงหรอกนะ...
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เมื่อไหร่คุณถึงจะมีความเป็นปกติครับ ผู้ที่เป็นอนาคามีนั้น ไม่มาประกาศหลอกครับ

    เพราะผู้ที่เป็นพระอนาคามีนั้น จะไม่สนใจในเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง และ การสวดภาณยักษ์

    จะไม่มีผลกับผู้ที่เป็นพระอนาคามีครับ เพราะพระอนาคามีไม่มีราคะ และ ปฎิฆะ

    สาธุครับ
     
  17. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมไม่เคยบอกกล่าวว่าผมเป็นพระพุทธเจ้า หากคุณมีหลักฐานก็นำมาครับ

    อย่ามากล่าวหาผม และ ผมบอกไปหลายครั้งแล้วในเรื่องนี้

    คุณบอกเองว่าคุณเป็นพระโสดาบัน คุณบอกเองว่าเป็นพระอนาคามี

    ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเสียด้วยครับ ผู้คนในที่แห่งนี้เป็นพยานได้ครับ

    เรื่องตัวกู-ของกู คุณคงจำได้นะครับ ที่ได้ใช้วาจาที่หยาบคายกับผมไว้ขนาดไหน

    แค่ความเป็นปกติ คุณยังไม่เข้าใจเลย ผมไม่ทราบว่าคุณยึดอะไรอยู่ถึงไม่เข้าใจ

    ดิ้นรนไปก็เท่านั้น แสวงหาไปก็เท่านั้น ที่สุดก็กลับมาอยู่ที่เดิม ที่ๆยืนอยู่ตรงนี้

    ไม่ได้เหาะเหินเดินอยู่บนอากาศชั้นฟ้าเสียที่ไหน ก็เป็นเพียงแค่คนเดินดินเท่านั้น

    เที่ยวประกาศว่าตนสำเร็จขั้นนั้น ขั้นนี้เพื่ออะไรครับ ถามตนเองดูสิครับ

    ว่าคนอื่นได้รู้ว่าคุณเป้นเช่นนั้น เช่นนี้ แล้วได้อะไรครับ อยากได้อะไรครับ

    ศาสนาพุทธสั่งสอนให้แสวงหาความหลุดพ้นครับ ไม่ได้สั่งสอนให้ประกาศว่าตัวข้านี้

    สำเร็จขั้นนั้น ขั้นนี้แล้ว ประกาศออกไปเพื่อให้ผู้อื่นมาสรรเสริญ มายกย่อง

    ผมไม่สนใจในระดับขั้นหลอกครับ และ ผมเคยกล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า

    " ผมเป็นเพียงบุคคลธรรมดา " ครับ ไม่ได้วิเศษอะไร ไม่ได้ยิ่งใหญ่จากไหน

    ไม่ได้อยู่สูงไปกว่าใคร เป็นเพียงคนธรรมดาที่อยู่อย่างปุถุชน ผมประกาศชัดแล้วนะครับ

    สาธุครับ
     
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  19. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    คุณ ฟางว่าน / คีย์บอร์ด

    รู้ไหมว่าคุณ โชคดีแค่ไหน ที่มีกัลยามิตรที่หวังดีต่อคุณ
    ไม่ใช่ว่าคุณเป็นบุคคลสำคัญต่อเขา แต่เพราะว่า เรา คือเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน
    ประสบพบทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน เมตตาธรรม คือ สิ่งที่ช่วยเหลือ เกื้อกูล
    ไม่มีใคร ประเสริฐ กว่า หรือ น้อยกว่า เราหรอกครับ อย่ากล่าวหาว่าใครอีกเลย
    เปิดใจให้กว้างครับ อย่าได้ปิดกั้นความหวังดีของผู้อื่น เป็นกำลังใจให้นะครับ
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ก็นี่แหละครับ ที่ทำให้เป็นทุกข์ ที่คุณนำมากล่าวนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความอยาก

    ความอยากมีมากกว่านี้อีกครับ ไม่ใช่แค่ที่คุณนำมากล่าว หากคุณมองเห็นความเป็นจริงของโลก

    คุณก็จะเข้าใจเองครับ ว่าเหตุใดมนุษย์จึงได้เป็นทุกข์ อะไรที่ปิดบังอยู่

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...