พลังงูไฟ( กุลฑณี )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 1111, 9 มีนาคม 2005.

  1. 1111

    1111 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่รู้ว่าเขียนถูกไหม แต่ถ้าใครมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้บอกด้วย แล้วจะคอย
     
  2. อืม

    อืม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +91
    เขาเรียกกุณฑลิณีครับ
     
  3. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ... ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ

    งูไฟ คือ สางห่า ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของนาคเทวี
     
  4. nong0063

    nong0063 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +81
    จะฝึกพลังนี้หรือครับ
    .......ถ้าไม่อย่ารู้เลยดีกว่าเพราะมันเป็นเสี้ยวหนึ่งของกสิณไฟเอง....ทำกสิณไฟได้เมื่อไหร่
    .....พลังนี้เหมือน....หมอดูเผชิญพ่อมดเลย......แต่ถ้าหลงไปรู้จักมัน...กสิณไฟจะไม่ได้เอา
    รู้เพียงว่าวิชานี้เท่าที่รู้...........พวกฤาษีเขาฝึกกัน
    ....................โชคดีนะครับ........กุณฑาริณี....หมุนๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........อิอิอิ....เจอสายน้ำดับหมด
     
  5. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    เหมือนอ้างอิง จาก เพชร พระอุมาเลย นะ ปู่ อิ อิ อิ คุ้นๆ(smile)
     
  6. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    พลังงูไฟ ใช่อันเดียวกันกับที่ มหาฤาษีรามด๊าส ใช้ในกระทู้นี้หรือเปล่าครับ กระทู้ที่ชื่อว่า "หลวงพ่อกัสสปมุนี ผจญ โยคี แดน ภารตะ "

    ตามลิงค์ http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=5903

    ดูแล้วน่าจะใช่... นะครับ
     
  7. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,010
    ไปร้านหนังสือนะคะ

    ร้านแพร่พิทยา หรือซีเอ็ด หรือนายอินทร์ก็ได้

    หนังสือ ของ พีระ บุญจริง เป็นหนังสือเกี่ยวกับโยคะ ค่ะ


    เลือกเล่มที่สอนโยคะแบบแรกเริ่มนะคะ จะกล่าวถึงพลังกุณลฑิณีไว้ค่อนข้างละเอียด

    (ตำรับโยคะ,โยคะชำระโรค)
     
  8. เสก

    เสก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +12
    บอกคร่าวๆได้ไม๊ครับ ว่ามันเป็นยังไง พลังงงูไฟนะครับ
     
  9. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ก็ได้ครับ.... ถ้าอยากรู้...

    ง่ายๆ ... ก็เป็นการบังคับเปลวไฟ ให้เลื้อยไล่ไปสู่จุดหมาย จุดประสงค์ เพื่อแผดเผาและทำลายทุกๆ สิ่ง... ให้พินาศไป ...ด้วยอำนาจแห่งพระเพลิง ... และร้อนแรง

    ข้อเสีย .... คุณจะพ่ายแพ้ต่อ อาโปฯ ขอให้ถอยห่าง ... มิเช่นนั้นจะไม่รอด!!!!!
     
  10. 1111

    1111 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ห่ดหรำ

    บอกอีกได้ป่าว
     
  11. 1111

    1111 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    งูไฟ

    พลังงูไฟอาศัยพลังจิตเป็นตัวเหนี่ยวนำหรือป่าว
     
  12. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,481
    ค่าพลัง:
    +1,831
    งั้นคนได้กสิน10 เสกงูดิน งูไฟ งูน้ำ งูลม ได้สินะ เหอๆ ^^"
     
  13. peppay

    peppay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +45
    Kundalini (คุนดาลินี, กุนทาลินี, แล้วแต่จะเรียกครับ)

    พลังกุณฑาลินีนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับ กสิณไฟ(เพ่งไฟ) ในพุทธศาสนาเราเลยครับ

    ในตัวคนเรานั้น มี "ไฟฟ้า" หรือ "พลังชีวิต" คอยหล่อเลี้ยงอยู่ครับ และ การจะเกิดไฟฟ้าในร่างกายเราได้นั้น มันเกิดจาก การมีอยู่ของ ขั้ว + และ - ครับ

    ตำแหน่งของ kundalini นั้น จะอยู่ที่ปลายก้นกบครับ ว่ากันว่า ถ้าพลังนี้ตื่นขึ้นมา จะไหลผ่าน แนวกระดูกสันหลัง ขึ้นไปที่จุดกลางกระหม่อมครับ

    การไหลของ kundalini นั้น จะไหลผ่าน จุดสำคัญของร่างกายหลายจุดครับ (chakra หรือ vortex) ไล่ไปตั้งแต่ จุด 1.ปลายก้นกบ 2.สะดือ 3. เหนือสะดือขึ้นมา 2 นิ้วมือ 4. กลางทรวงอก 5. กลางลูกกระเดือก 6. กึ่งกลางระหว่างคิ้ว 7. กลางศีรษะครับ

    ถ้าพลังนี้ตื่นขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น????
    เกิดได้ 2 อย่างครับ
    1. เป็นยอดมนุษย์ สามารถมี อภิญญาเล็กได้ และสามารถ ฝึกใหญ่ได้เร็วกว่าปกติครับ
    ขอขยายความว่า : แท้ที่จริงแล้ว จุดที่สำคัญมามากมายนัก แต่ว่า ตอนนี้เค้าพูดกัน แค่ 7 จุดนี้ (อีกจุดที่ผมว่าสำคัญคือ ท้ายทอยครับ)

    ที่ตำแหน่งของ จุดที่ อยู่เหนือสะดือขึ้นมา 2 นิ้วนั้น จะเริ่มทำให้ผู้ที่ปลุกพลังขึ้นมานั้น เริ่มเห็นอะไรที่ คนธรรมดาไม่เห็นครับ (และ จะเห็นเป็น "เพชร" เนื่องจากจุดนี้คือ มนีปุระ ครับ)
    เราสามารถ ต่อยอดตรงนี้ โดยการ เห็นเป็น "เพชร" ได้ ทำให้ได้ กสิณ ง่ายมากครับ เนื่องจาก อารมย์ "เพชร" เป็นจุดที่กสิณต้องผ่านครับ (อธิบายยาก เอาเป็นว่า ถึงเป็นกสิณไฟ แต่ ท้ายที่สุด สีจะกลายเป็น สีเพชร ครับ)

    ถ้าเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาอีก ที่จุดอื่นๆ เช่น กลางทรวงอก ก็จะมีลักษณะต่างๆกันไปครับ

    2. ตาย หรือ เป็น บ้า เนื่องจาก ธาตุไฟ แตกครับ
    ดังนั้น อย่าไปกำหนดจุด ซี้ซั้วครับ เวลาทำสมาธิ ไม่เช่นนั้น อาจมีอันตรายได้ครับ

    *** พวกโยคะนั้น เวลาทำสมาธิ จุดสูงสุงของเค้าคือ ดับหมด ไม่เว้นเเม้แต่ ปัญญา แต่ว่า พุทธของเรานั้น ดับ โลภ โกรธ หลง หมด ด้วย "ปัญญา" ครับ

    สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนเมื่อ kundalini ตื่นคือ เราจะเป็นคนที่ "ใจกว้าง" และ "ตื่นตัวอยู่เสมอ" ครับ
    ดังนั้น ถ้าฝึกสาย kundalini นี้แล้วสามารถปลุกพลังได้ ผู้ฝึกจะเป็นคนที่ใจกว้าง และไม่ยึดติดกับวิชา เพียงแต่ว่า ผู้ฝึกควรจะ เน้น "วิปัสนาญาณ" ควบไปด้วยครับ จะดีมากๆๆ เลยครับ

    ส่วนการปลุกนั้น ทำอย่างไร?????
    มีหลายวิธีมากครับ
    ผมไม่กล้าแนะนำ เพราะอาจมีอันตรายได้ สิ่งที่ผมแนะนำได้คือ ลองไปดูใน internet ครับ ที่ amazon.com และ พิมพ์ว่า "kundalini awakening" การปลุก kundalini ประมาณนี้ครับ
    ขอให้โชคดีครับ
     
  14. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมจะดีกว่าการเพ่งเป็นจุดนะครับ ทำให้จิตใจกว้างขวางไม่คับแคบ
     
  15. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ถึงขั้นธาตุไฟแตกเลยรึ ช่างเป็นพลังที่รุนแรงจริงๆ
     
  16. Anice

    Anice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +751
    ถ้าได้เปิดจักระที่ 7 แล้ว
    เผลอไปลองเปิดจักระที่ 1 เข้าครั้งหนึ่ง จะเป็นอะไรมากมั้ยค่ะ
    เพราะเคยมีคนบอกว่า งูไฟ จะขึ้นไปบนสมอง ทำให้ร้อนมาก
    ถ้าทนไม่ไหวอาจทำให้ สมองไหม้ เสื่อมไป ความจำสั้นลง
    มีทางแก้มั้ยค่ะ
     
  17. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ตามประสบการณ์ที่ผมเคยฝึกมา การเพ่งเป็นจุดๆนี้เหมาะสำหรับการฝึกอยู่ในที่เงียบๆจึงจะเหมาะ เพราะว่าการปฏิบัติจะค่อนข้างเป็นการกดข่มอารมณ์ต่างๆเอาไว้(ลองคิดดูว่าเราจะเอาความคิดและอารมณ์ทุกอย่างมากดข่มเอาไว้ที่จุดๆเดียวทั้งๆที่ธรรมชาติของความคิดและอารมณ์ต่างๆเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา)ถ้าเกิดได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์รุนแรงมากๆ(ถ้ายังพอทนได้ก็จะไม่มีปัญหาสติก็จะยังมั่นคงอยู่ที่ฐานได้อยู่) สติก็อาจจะหลุดออกจากฐานและอารมณ์กับความคิดที่ถูกสกัดกั้นไว้ก็จะพรั่งพรูออกมาจนทำให้ความคิดและอารมณ์ฟุ้งซ่านพลุ่งพล่านจนควบคุมอาการไม่ได้ อาการนี้แหละครับที่เรียกว่ากรรมฐานแตกหรือสติแตก จนบางคนอาจจะเป็นบ้าได้เลย.......

    แต่ถ้าเราลองขยายสติให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม สติก็จะรับรู้สิ่งต่างๆด้วยความเป็นธรรมชาติตามอายตนะต่างๆ สติจะมีอิสระในการเคลื่อนไหวและการกำหนดรู้ในส่งต่างๆได้อย่างตรงจุดตรงประเด็น(สติจะเคลื่อนไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังกระทำโดยอัตโนมัติอย่างเป็นธรรมชาติ) และเมื่อตามรู้สิ่งต่างๆตามอายตนะทั้ง 6 ไปเรื่อยๆ ก็อาจสามารถที่จะให้เกิดสมาธิและปัญญาขึ้นมาได้ครับ

    ลองดูผลบางส่วนที่เกิดจากการเจริญสัมมาสติในคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระสูตรดูนะครับ:-

    [๓๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุสงัดจากกาม สงัด
    จากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอ
    ยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่วิเวก ไม่มี
    เอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่วิเวกจะไม่ถูกต้อง ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพนักงานสรงสนาน หรือลูกมือของพนักงานสรง-
    *สนานผู้ฉลาด โรยจุณสำหรับสรงสนานลงในภาชนะสำริดแล้ว เคล้าด้วยน้ำให้
    เป็นก้อนๆ ก้อนจุณสำหรับสรงสนานนั้น มียางซึม เคลือบ จึงจับกันทั้งข้างใน
    ข้างนอก และกลายเป็นผลึกด้วยยาง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือน
    กันแล ภิกษุย่อมยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุข
    เกิดแต่วิเวก ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่วิเวก
    จะไม่ถูกต้อง เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้
    ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอัน
    เป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ
    [๓๐๔]
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเข้าทุติยฌาน มี
    ความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอยังกายนี้แล ให้คลุก
    เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่ง
    กายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เปรียบเหมือนห้วงน้ำพุ ไม่มีทางระบายน้ำทั้งในทิศตะวันออก ทั้งในทิศตะวันตก
    ทั้งในทิศเหนือ ทั้งในทิศใต้เลย และฝนก็ยังไม่หลั่งสายน้ำโดยชอบตามฤดูกาล
    ขณะนั้นแล ธารน้ำเย็นจะพุขึ้นจากห้วงน้ำนั้น แล้วทำห้วงน้ำนั้นเอง ให้คลุก
    เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยน้ำเย็น ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งห้วงน้ำทุกส่วนนั้นที่
    น้ำเย็นจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อม
    ยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ
    ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง
    เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความ
    ดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภาย
    ในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ
    [๓๐๕]
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้วางเฉยเพราะ
    หน่ายปีติ มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าตติยฌานที่
    พระอริยะเรียกเธอได้ว่า ผู้วางเฉย มีสติ อยู่เป็นสุขอยู่ เธอยังกายนี้แล ให้
    คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยสุขปราศจากปีติ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกาย
    ทุกส่วนของเธอที่สุขปราศจากปีติจะไม่ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือน
    ดอกบัวขาบ หรือดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว แต่ละชนิด ในกอบัวขาบ
    หรือในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว เกิดแล้วในน้ำ เนื่องอยู่ในน้ำ ขึ้นตามน้ำ
    จมอยู่ในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้ คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซึมซาบด้วยน้ำเย็นจนถึงยอด
    และเง่า ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งดอกบัวขาบ หรือดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว
    ทุกส่วนที่น้ำเย็นจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล
    ภิกษุย่อมยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยสุขปราศจากปีติ
    ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่สุขปราศจากปีติจะไม่ถูกต้อง เมื่อ
    ภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริ
    พล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายใน
    เท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้
    อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ
    [๓๐๖]
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเข้าจตุตถฌาน
    อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้
    มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ เธอย่อมเป็นผู้นั่งเอาใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องแผ่ไปทั่ว
    กายนี้แล ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องจะไม่
    ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษนั่งเอาผ้าขาวคลุมตลอดทั้งศีรษะ
    ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของบุรุษนั้นที่ผ้าขาวจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อมเป็นผู้นั่งเอาใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง
    แผ่ไปทั่วกายนี้แล ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ใจอันบริสุทธิ์
    ผุดผ่องจะไม่ถูกต้อง เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่
    อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้น
    ได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ
    [๓๐๗]
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไรๆ ก็ตาม เจริญกายคตาสติแล้ว
    ทำให้มากแล้ว ชื่อว่าเจริญและทำให้มากซึ่งกุศลธรรมส่วนวิชชาอย่างใดอย่างหนึ่ง
    อันรวมอยู่ในภายในด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลไรๆ ก็ตาม
    นึกถึงมหาสมุทรด้วยใจแล้ว ชื่อว่านึกถึงแม่น้ำน้อยที่ไหลมาสู่สมุทรสายใดสาย
    หนึ่งอันรวมอยู่ในภายในด้วย ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล
    ภิกษุไรๆ ก็ตาม เจริญกายคตาสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ชื่อว่าเจริญและทำให้
    มาก ซึ่งกุศลธรรมส่วนวิชชาอย่างใดอย่างหนึ่งอันรวมอยู่ในภายในด้วย ฯ

    ที่มา:
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=กายคตาสติสูตร&book=9&bookZ=33
     
  18. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    ชิบหายล่ะ พอดีผมไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้แต่7จุด ก็กระตุ้นทั้ง7จุดเลย คือเอาลมปราณไปกระตุ้นอ่าครับ แต่เวลาเกิดอาการขี้เกียจเล่ามันยาว มันจะเป็นอันตรายมั้ยครับ 6- -พอดีขี้เกียจกระตุ้นที่ละจุด เลยกระตุ้นที่เดี่ยวให้ครบเลย
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ลองอ่านดูนี่นะครับ...
    เดี๋ยวผมจะทะยอยโพสมาให้อ่านเรื่อยๆ
    เพื่อเป็นความรู้นะครับ..
    ไม่ได้แนะนำให้เอาไปฝึก
    โดยไม่มีครูบาอาจารย์กำกับดูแล..

    เดี๋ยวจะอันตรายครับ..

    ------------------------------------------------------------
    พลังกุณฑลิณี

    [​IMG]

    จากหนังสือชื่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1st-001-2.jpg
      1st-001-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      9,035
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พลังกุณฑลิณี

    ประวัติผู้เขียน (โดยย่อ)

    Geneveive Lewis Paulson
    เป็นผู้อำนายการและเจ้าของสถาบัน
    Dimensions of Evolvement
    รัฐอาร์คันซอ USA
    สถาบันแห่งนี้เป็นที่ที่มีการศึกษา
    เรื่อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...