5 ประเทศในโลกนี้ที่บัญญํติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ

เดี่ยวนี้ชาวไทย ส่วนมากทำงาน ทำเงิน หนีปัญหาชีวิต คิดมาก โลภ หลงในวัตถุ จนไม่ได้คิดว่าตนเองนับถืออะไรอยู่ ไม่มีสติคิดในสิ่งดีดี อย่างเดียวคือเอาตัวรอดก่อนเสมอ ไม่มีครัยลองเดินไปในที่ชุมชน แล้วลองหยุดมองไปรอบดูความ โลภ โกรธ หลง ของมุนษย์ รอบกายเรา จะเห็นว่า มันเสื่อมโทรมหมดแล้วจิตใจของมนุษย์ แต่อีกทางหนึ่งเราก็รู้ว่าตนเองและผู้ที่คิดได้ เกิดมาเพื่อช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ได้มากที่สุด โดยยังมีคนที่รักเรา และพึ่งพาอาศัยกัน กับสิ่งต่าง ๆ ที่มองไม่เห็น เช่นเทวดา เจ้าที่ วิญญาณ ถ้าเขาขอให้ช่วยเราก็จะช่วย และพยายามทำดีให้มากที่สุดเพื่อเขาเหล่านั้นจะได้บุญกับเราด้วย...............แม้ไม่มีครัยรัก พ่อแม่ไม่รัก คนรักไม่รัก คนรอบกายไม่รัก ทำดีเข้าไว้ เทวดารัก วิญญาณรัก เจ้าที่เจ้าฐานรัก นั้นไงยังมีครัยต่อครัยอีกเยอะแยะที่รักเรา ทั้งที่เราอยู่วคนเดียว แต่ที่ไหนได้เรามีท่านอื่น ๆ ที่อยู่กับเราอีกมาก ( ไม่รู้เกี่ยวกับตอบกระทู้นี้หรือเปล่านะ แต่มันเป็นความจริงอยู่ในหัวนี่ละ )

 

ที่จริงการบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน เพราะประเทศไทยมีหลายศาสนาอยู่ ซึ่งต่างฝ่ายก็เคารพให้สิทธิในการนับถือ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในการประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ(ใจจริงอยาก) แต่ก็กลับกระทบกระเทือนต่อศาสนาอื่น แต่ถึงว่าไม่ประกาศ ถ้าคนไทยรวมใจทำนุบำรุงศาสนา เผยแผ่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง และมุ่งทำความดี ยึดหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิตแล้วหละก็ ศาสนาก็ไม่มีวันตายหรือสูญหายไปไหน มีแต่จะยิ่งเจริญงอกงามขึ้นไป ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันมากน้อยแค่ไหน การประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติก็แค่นามธรรม อย่าไปยึดติด ขอให้ใจมุ่งมั่นเข้าใจหลักคำสั่งสอนเจริญรอยตามวิถีทางแห่งธรรม ก็เสมือนพวกเราช่วยประกาศศาสนาไปในตัวแล้วหละ อย่างพ่อหลวงของเราที่ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีต่อพุทธศาสนิกชนโดยแท้ สาธุ....

 

คนไทยนับถือศาสนาพุทธตามทะเบียนบ้านเยอะนะ

พระบวชตามประเพณีก็เยอะ (แต่ก็ยังดี)

พระนอกรีตก็เยอะ

อุบาสก อุบาสิกา ส่วนหนึ่งในพุทธบริษัท4 แต่ไม่รู้เรื่องบริษัทตัวเองก็เยอะ

ปัญหาที่ควรรีบแก้ก่อนก็คือตรงนี้แหละ ทำไมชาวพุทธทะเบียนบ้านในไทย ไม่เชื่อผลของกรรม ไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เชื่อว่าตายแล้วศูนย์ ไม่เชื่อว่าต้องยึดมั่นศีล5เป็นหลักหากไม่ต้องการไปท่องเที่ยวอบาย ไม่เชื่อว่าผลการปฏิบัติมีจริง หลายๆคนเชื่อว่าศาสนาก็แค่เครื่องมือให้คนปกครองง่ายด้วยซ้ำ(ประัมาณว่าดีแล้วอยากเชื่อก็เชื่อไปจะได้ไม่มาแย่งเสพทรัพยากรโลก ซะงั้น)

แล้วพวกเราที่นับถือพุทธจริงๆ ทำอะไรได้บ้างหละ ก็นำผลปฏิบัติไปให้เค้าเห็น เผชิญทุกข์เมื่อทุกข์มาอย่างสันติ เพราะพุทธศาสนาเป็นของจริง เที่ยงแท้ทนทานต่อการพิสูจน์ คนที่ไม่เชื่อศรัธทาก็เพราะไม่ได้เคยพิสูจน์มาก่อน

 

อนุโมทนาด้วยเนอะ ... กับเจ้าของกระทู้ ทุกท่าน และประเทศเหล่านั้น
เสียดายที่ผู้อำนาจในประเทศไทยไม่ค่อยเห็นความสำคัญของศาสนาพุทธเลย
ทั้งๆที่เป็นศาสนาที่ดีมากๆ ให้ความสงบใจ สุขใจ แก้ปัญหา ชีวิต สังคม
ได้ทุกอย่าง แต่ไม่สนใจ มัวไปเพ่งพัฒนาแต่วัตถุ และให้ความสำคัญกับวัตถุมากเกินไป
ปัญหาก็แก้ไม่ได้ นับวันยิ่งเสื่อมลงไปทุกวัน เด็กๆก็บ้าตาม
อารยธรรมตะวันตกที่เค้าไม่เข้าใจ แต่ก็ตามไปเพราะเป็นแฟชั่น
แต่ชาวตะวันตกบางคนซะอีกที่กับให้ความสำคัญกับเรื่องจิตวิญญาณ
และ นับถือศาสนาพุทธกันมากขึ้น มันกลับกัน ย้อนไปย้อนมาอย่างไรไม่รู้เนอะ ...

 

บัญญัติหรือไม่ไม่สำคัญ อยู่ที่การกระทำสำคัญกว่า

 

......หุ หุ ...ลองมองกลับกันนะครับ ที่เราไม่บัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินี่นับว่าดีข้อหนึ่งคือ เราจะกลืนกลุ่มชนที่หวังยึดบ้านเมืองเรา หวังกลืนศาสนาเราในอนาคตนั่นเอง......เขาคิดว่าเราหมู....แต่ผิดเลย ความเรียบง่าย ใจดี ความกันเอง เข้าได้ทุกกลุ่มของเรานั่นแหละคือไม้ตาย ที่ท้ายสุดแล้วเขาจะอยากเป็นคนไทยอยากนับถือพุทธศาสนา ทั้งที่ตอนแรกหวังกลืนบ้านเมืองเราเต็มที่ ....นี่แหละวาระกรรมจัดสรรค์ที่ลงตัวยิ่ง....

 

(good) เห็นด้วยนะ (good)

 

ขอให้กลับไปอ่านประวัติศาสตร์ใหม่ สมเด็จพระนเรศวรกู้ชาติเพื่ออะไร

ขอให้อ่านประวัติศาสตร์ ตอนนี้ให้จงดี ว่าพระปณิธานที่ทรงเสียสละอย่างใหญ่หลวงที่สุดของสมเด็จพระนเรศวร กู้ชาติไว้เพื่ออะไร

แล้วปัจจุบันเป็นอย่างไรพวกเราได้สืบทอดรักษาคำมั่นนี้ไว้หรือไม่เพียงใด ?
**********************************************
ขณะนั้นเสียงปืนจากการปะทะกัน ระหว่างทัพหน้าของไทย กับทัพหน้าของพม่าดังขึ้นพระองค์จึงดำรัสให้จมื่นทิพเสนาปลัดกรมตำรวจ เอาม้าเร็วไปสืบข่าว ได้ความว่าพระยาศรีไสยณรงค์ได้ยกกำลังออกไป และได้ปะทะกับข้าศึกที่ตำบลดอนเผาข้าวเมื่อเวลาเช้าฝ่ายข้าศึกมีกำลังมากต้านทานไม่ไหว จึงแตกถอยร่นมาสมเด็จพระนเรศวรจึงปรึกษาแม่ทัพนายกองว่า สถานการณ์เช่นนี้ควรจะทำอย่างไรบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลายกราบทูลว่า ควรให้มีกองทัพหนุนออกไปช่วยต้านทานข้าศึกไว้ให้อยู่เสียก่อนแล้วจึงให้ทัพหลวงออกมาตีภายหลังสมเด็จพระนเรศวรไม่ทรงเห็นชอบด้วยมีพระดำรัสว่า กองทัพแตกลงมาเช่นนี้แล้วจะให้กองทัพไปหนุน ไหนจะรับไว้อยู่มาปะทะกันเข้าก็จะพากันแตกลงมาด้วยกันควรที่จะล่าถอยลงมาโดยเร็วเพื่อปล่อยให้ข้าศึกยกติดตามมาอย่างไม่เป็นกระบวนพอได้ทีให้ยกกำลังส่วนใหญ่เข้าโจมตีข้าศึก ก็คงจะได้ชัยชนะโดยง่ายสมเด็จพระนเรศวรจึงมีรับสั่งให้จมื่นทิพเสนา กับ จมื่นราชามาตย์ขึ้นม้าเร็วรีบไปประกาศแก่พวกกองทัพหน้าของไทยว่าอย่าได้รั้งรอข้าศึกให้รีบล่าถอยหนีไปโดยเร็วกองทัพหน้าของพระยาศรีไสยณรงค์ก็พากันถอยหนีไม่เป็นกระบวน ข้าศึกเห็นดังนั้นก็พากันรุกไล่ลงมาด้วยเห็นได้ที จนไม่เป็นกระบวนเช่นกัน

สมเด็จพระนเรศวรสงบทัพหลวงรออยู่จน 11 นาฬิกาเห็นข้าศึกตามลงมาไม่เป็นกระบวน ก็สมคะเน ทรงดำรัสสั่งให้บอกสัญญาณกองทัพทั้งปวงให้ยกออกตีข้าศึกพระองค์และพระเอกาทศรถ ยกกองทัพหลวงเข้าโอบกองทัพหน้าข้าศึกทัพท้าวพระยาอื่น ๆ ได้ทราบกระแสรับสั่งได้เร็วบ้างช้าบ้างเนื่องจากเหตุการณ์กระทันหัน มีเวลาน้อยมากทำให้ยกไปไม่ทันเสด็จเป็นส่วนมากคงมีแต่กองทัพพระยาสีหราชเดโชชัยกับกองทัพเจ้าพระยามหาเสนาซึ่งเป็นปีกขวาตามกองทัพหลวงเข้าจู่โจมข้าศึกกองทัพหน้าของพม่าไม่คาดว่าว่าจะมีกองทัพไทยไปยอทัพก็เสียทีแตกหนีอลหม่าน

เหตุการณ์ตอนนี้มีเรื่องบันทึกไว้ในบางแห่งว่าขณะที่สมเด็จพระนเรศวรประทับรอฟังข่าวทัพหน้าอยู่นั้น ได้บังเกิดเมฆเยือกเย็นตั้งเค้ามืดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแล้วกลับกลายเป็นเปิดโล่งเห็นดวงตะวันสาดแสงสว่างกระจ่างตาสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเคลื่อนทัพตามเกล็ดนาคซึ่งตามตำราพิชัยสงครามได้กำหนดไว้ว่าในวันใดหัวนาคและหางนาคอยู่ทางทิศใดต้องไปตั้งทัพทางหัวนาคแล้วเคลื่อนทัพไปทางหางนาคเป็นการเคลื่อนที่ตามเกล็ดนาคไม่ให้เคลื่อนที่ย้อนเกล็ดนาคเมื่อช้างพระที่นั่งของทั้งสองพระองค์ได้ยินเสียงฆ้องกลองรบและเสียงปืนที่ทั้งสองฝ่ายยิงต่อสู้กันก็เกิดความคึกคะนองด้วยเหตุที่กำลังตกมันแล้ววิ่งถลันเข้าไปในหมู่ข้าศึกควาญไม่สามารถคัดท้ายอยู่บรรดาแม่ทัพนายกองและไพร่พลทั้งปวงตามเสด็จไม่ทันผู้ที่สามารถตามเสด็จไปด้วยได้คงมีแต่ผู้ที่มีหน้าที่อยู่ประจำช้างพระที่นั่งคือกลางช้าง ควาญช้างและจตุลังคบาท ที่มีหน้าที่รักษาเท้าช้างสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทอดพระเนตรเห็นข้าศึกมีกำลังมากมายไม่เป็นทัพเป็นกองจึงทรงไสช้างพระที่นั่งเข้าชนช้างข้าศึกเหล่าข้าศึกพากันระดมยิงอาวุธมาดังห่าฝนแต่ไม่ถูกช้างทรง ทันใดนั้นก็บังเกิดตะวันตลบมืด ท้องฟ้ามืดมิดราวกับไม่มีแสงตะวันจนมองไม่เห็นกันสมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นดังนั้น จึงได้ประกาศแก่เทวดาพระพรหมทุกชั้นฟ้าถึงปณิธานของพระองค์ที่ได้มาสืบวงศ์กษัตริย์และมุ่งหวังที่จะทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา ทันใดนั้นก็บังเกิดพายุใหญ่พัดปั่นป่วนในท้องฟ้าสนามรบก็สว่างแจ้ง พระองค์แลไปเห็นนายทัพข้าศึก นั่งอยู่บนหลังช้างเผือกตัวหนึ่งมีฉัตรกั้นอยู่ใต้ร่มต้นข่อย มีพล 4 เหล่าเรียงรายอยู่มากมายก็ทรงตระหนักแน่พระทัยว่าเป็นพระมหาอุปราชา.....................................

.............อ่านแล้วคิดใหม่ได้

 

คนไทยที่เรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธ เอาแค่ศีลห้าที่เป็นสิ่งที่คนปรกติควรทำกัน รักษากันได้มากน้อยแค่ไหน ผมเองพยายามอยู่บางครั้งก็ยังด่างพร้อยบ้าง ผมก็ยังไม่กล้าพูดว่าผมเป็นชาวพุทธแบบไม่น้อยหน้าใครครับ
และถ้าไม่มีความละอายต่อบาปและความเกรงกลัวต่อบาปแล้ว ยังกล้าเรียกตัวเองเป็นชาวพุทธไหมครับ

 

President of Republic of Kalmykia <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" background=../images/dot.gif border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>


Kirsan Ilyumzhinov
President of Republic of Kalmykia, FIDE President
Born: April 5, 1962
Ethnic background: Kalmyk
Education: graduated from Moscow State Institute of Foreign Relations

Degrees and titles:
- Honored Academician of Interregional Science of Science Academy of Russian Federation
- Honored Doctor of Nation Academy of Applied Sciences of Russian Federation
- Full Member of Russian Social Sciences Academy
- Full Member of New York Academy of Sciences
Awards:
- Gold Medal of Peace for Humanitarian Activities
- Medal "300 Years of Russian Navy"
- F. Plevako Gold Medal
- Order of Friendship
- Order of St. Nicolas
- Order of Dignity - St. George with sword
- Triumphal Crown of the National Academy of Applied Sciences
- Honored Citizen of Elista
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=488 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32></TD><TD class=headline colSpan=4>Al and Ellen Smith - Page 1</TD><TD class=breadcrumb>

Smith home page​

</TD><TD width=32> </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=32> </TD><TD width=144> </TD><TD width=16> </TD><TD width=104> </TD><TD width=16> </TD><TD width=144> </TD><TD width=32> </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=32> </TD><TD class=bottnav colSpan=3>
The Smiths' daughter Allison, Pastor Valeri Eroshkin, and three babushki in Bolkhov, Russia. All were busy preparing a meal for the crew of men finishing the new church building. Bolkhov Baptist Church is a new partner, entering a relationship with Browning Heights Presbyterian Church in Fort Worth, Texas. </TD><TD width=16> </TD><TD class=bottnav width=144>
Al with daughter Meg outside of the Moscow Kremlin on a very cold day in February 2002.
</TD><TD width=32> </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=32> </TD><TD width=144> </TD><TD width=16> </TD><TD width=104> </TD><TD width=16> </TD><TD width=144> </TD><TD width=32> </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=32> </TD><TD class=bottnav width=144>
The Smiths visited the rehabilitation center for ex-prisoners run by the Baptist Church in Plavsk. This church has an active ministry within the prison. They hope to set up a machine shop to provide job training for the ex-prisoners.


*-* นายกประเทศนี้หน้าตาหล่อนะเนื่ย คนประเทศนี้ จะมี 2 เชื้อสายหลักๆคะ คือ เชื้อสายมองโกล และ เชื้อสายพวกรัสเซีย

</TD><TD width=16> </TD><TD class=bottnav colSpan=3>
Summer children's ministry-Elista Evangelical Christian Church, Republic of Kalmykia. Kalmykia is one of three Buddhist republics in Russia and one of Russia's poorest regions.</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

จริง ๆ การเขียนชักชวนให้มีการทะเลาะกันก็ปาบนะครับ แต่ผมอยากบอกว่า มีคนองค์กรหนึ่งบอกว่าอะไรรู้ไหมครับ เขาบอกว่า เขาจะอาศัยความใจอ่อน ความใจดีของคนในศาสนาพุทธ เป็นทางไปสู่การกลืนศาสนาพุทธ สิ่งที่ผมเขียนคงไม่น่าเป็นการชวนให้ผิดใจกัน แต่เป็นการเตือน บอกเล่าให้ฟังจากข้อมูลที่ผมได้มา ผมถือว่าสิ่งที่ผมทำคือการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา รักษาศาสนาพุทธให้สืบต่อไปครับ

 

ปัญหา??????ที่ต้องแก้ไข..ก่อนบรรจุฯ

ข่าวสด วันที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6124​

สลด20เณรตั้งวงก๊งเหล้าในกุฏิ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
แประ- ตำรวจควบคุมตัวสามเณร 6 รูปและนักเรียนหญิง 4 คนมาสอบปากคำ หลังพบว่าตั้งวงดื่มสุรากันในกุฏิวัดศรีคุณเมือง อ.เมืองหนองคาย บางรูปอยู่ในสภาพเมามายไม่มีสติ จึงส่งตัวให้วัดต้นสังกัดดำเนินการ ส่วนนักเรียนหญิงให้ผู้ปกครองมารับตัวไป


</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 ก.ย. พ.ต.ต.วิเศษ ลานอุ่น สวป.สภ.อ.เมือง จ.หนองคาย รับแจ้งเหตุมีสามเณรจับกลุ่มดื่มสุราส่งสียงเอะอะโวยวายอยู่บนกุฏิวัดศรีคุณเมือง ถนนมีชัย เขตเทศบาลเมืองหนองคาย จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุเป็นกุฏิ 2 ชั้น ได้ยินเสียงผู้ชายและผู้หญิงเอะอะดังออกมาจากห้องบนกุฏิ เมื่อเปิดประตูออกพบสามเณรประมาณ 20 รูป และนักเรียนหญิง 4 คน ตั้งวงดื่มสุรา เมื่อเห็นตำรวจต่างวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง สามารถจับกุมสามเณรได้ 6 รูป อยู่ในอาการเมาสุรา และนักเรียนหญิง 4 คน เป็นนักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.หนองคาย พร้อมของกลางเหล้าขาว 4 ขวด

จากการสอบปากคำสามเณรทั้งหมดยังให้ปากคำไม่ได้มากนัก เพราะอยู่ในอาการเมาสุราพูดจาวกวนไปมา ทราบแต่ว่าศึกษาอยู่ที่โรงเรียนปริยัติธรรมบาลีสาธิต วัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.หนองคาย ส่วนนักเรียนหญิงทั้ง 4 คน ให้การว่าเพิ่งเข้าไปในห้องบนกุฏิ เพราะสามเณรที่นั่งดื่มสุราอยู่ได้โทรศัพท์ไปหาและชวนมาร่วมวง พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ดื่มเหล้า เจ้าหน้าที่จึงทำประวัติไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งไปยังโรงเรียนให้มารับตัวกลับไป

พระมหาบุญถม สุนทรเวธี ผู้ช่วยผอ.โรงเรียนปริยัติธรรมบาลีสาธิต วัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องจากตำรวจ จึงรีบมาดู เพื่อให้เกิดความชัดเจน เห็นแล้วรู้สึกอนาถใจ ทั้งที่โรงเรียนพยายามสอนให้เป็นคนดีทุกอย่าง ส่วนสามเณรที่ถูกจับกุมได้และที่หลบหนีไปได้อีก 10 รูป ส่วนมากเป็นนักเรียนสามเณรที่ไม่เชื่อฟัง หรืออาจขออนุญาตครูสอนออกมาโดยใช้ข้ออ้างต่างๆ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรกับสามเณรกลุ่มนี้ จะเสนอต่อ ผอ.โรงเรียนและเจ้าอาวาสที่สามเณรจำวัดอยู่ อาจต้องให้สึกทั้งหมด

(กรอบบ่าย)

[FONT=Tahoma,]หน้า 11[/FONT]

ข่าวสด วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6126​

ตร.บุกจับคาม่านรูด-พระวัยดึกกับสีกาแก่

อ้างขุ่นๆ นัดปรึกษา คดีความ ก่อนจะไป ขึ้นศาล!




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
มั่วสีกา - ตำรวจสภ.อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จับกุมพระแนบ จิตญาโณ อายุ 73 ปี และนางถาวร รัตนรัตน์ อายุ 63 ปี ในห้องพักโรงแรมไทยโฮเต็ล โดยหลวงพ่อให้การอ้างเป็นผัวเมียกัน มาปรึกษาเรื่องคดีความ ไม่ได้เสพเมถุน ตามข่าว


</TD></TR></TBODY></TABLE>
ทำงามหน้าอีกแล้ว พระภิกษุพาสีกาเปิดห้องโรงแรมที่ทุ่งสง-นครศรีธรรมราชตำรวจบุกเข้าตรวจค้น เจอจะจะสีกานุ่งกระโจมอก ส่วนพระภิกษุนุ่งผ้าขนหนูชิ้นเดียว เอาจีวรซุกไว้ในตู้เสื้อผ้า เผยภิกษุอายุ 73 ปีเพิ่งบวชเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นัวเนียอยู่กับภรรยาวัย 63 ปีในห้องพักสองต่อสอง พระภิกษุอ้างจะไปขึ้นศาลที่เป็นโจทก์คดียักยอก ให้ภรรยามาเปิดห้องโรงแรม เอาอาหารเพลมาถวาย และปรึกษาเรื่องคดีความ แต่ตร.ไม่เชื่อเพราะนุ่งน้อยห่มน้อยกันทั้งคู่เลยพาไปจับสึกก่อนปล่อยตัวกลับบ้านทั้งคู่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.ย. ขณะที่ ร.ต.ต. สุวัฒน์ พงศ์พรหม รองสวป.สภ.อ.ทุ่งสง จ.นครศรี ธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อย ที่หน้าโรงแรมไทยโฮเต็ล ถนนชลปรีดา ต.ปากแพรก เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรม ว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งพาผู้หญิงมาเปิดห้องพักโรงแรม ห้องเลขที่ 613 ชั้น 6 และทั้งคู่อยู่ภายในห้องเป็นเวลานาน

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงหน้าประตูห้องได้ยินเสียงชายหญิงกำลังพูดคุยกะหนุง กะหนิงกันอยู่ภายใน จึงเคาะประตูเรียกอยู่พักใหญ่ ปรากฏว่ามีผู้หญิงนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอกออกมาเปิดประตู เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและขอตรวจค้นภายในห้องพัก ก็พบชายชราศีรษะโล้นอยู่ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูเช่นเดียวกัน พบย่ามและจีวรซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ให้ทั้ง 2 คนสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยชายชราห่มจีวรเป็นพระภิกษุ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.อ.ทุ่งสง

จากการสอบสวนพระภิกษุรูปดังกล่าวทราบชื่อ พระแนบ รัตนกาญจน์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 1 ต.อินคีรี อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยพระแนบให้การว่า เป็นพระภิกษุจริง ฉายา จิตญาโณ เพิ่งบวชเป็นพระภิกษุเมื่อประมาณต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา จำพรรษาอยู่ที่วัดตะโหนดด้วน ต.กระแสสินธุ์ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ส่วนผู้หญิงชื่อนางถาวร รัตนรัตน์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182/1 หมู่ 9 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

พระแนบให้การต่อว่า ก่อนมาเปิดโรงแรม เดินทางมายังศาลจังหวัดทุ่งสง ในฐานะโจทก์ในคดียักยอกทรัพย์ตามหมายนัดของศาลในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ โดยให้นางถาวรซึ่งเป็นภรรยามาเปิดห้องพักให้ หลังจากเดินทางมาถึงก็นัดหมายนางถาวรให้มาพบที่โรงแรม เพื่อนำอาหารเพลมาให้ฉัน และเตรียมจะปรึกษาหารือถึงแนวทางของคดีในชั้นศาล ขณะที่กำลังนั่งปรึกษากันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคาะประตูเรียก ทั้งที่ไม่มีอะไรกัน

เจ้าหน้าที่สอบถามถึงสาเหตุที่ทั้ง 2 นุ่งผ้าขนหนูและกระโจมอกว่า ถ้าไม่มีอะไรกันแล้วนุ่งผ้าขนหนูทำไม พระแนบกับนางถาวรไม่ยอมพูด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวพระแนบให้เจ้าคณะอำเภอทุ่งสง ทำพิธีสึก ในตอนแรกพระแนบไม่ยอม แต่เมื่อได้พบกับเจ้าคณะอำเภอ พระแนบจึงยอมให้สึกแต่โดยดี จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวทั้ง 2 คนกลับบ้าน โดยไม่ดำเนินคดีใดๆ เนื่องจากไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่เป็นเพียงความผิดด้านวินัยสงฆ์เท่านั้น

(กรอบบ่าย)

[FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]



<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>บุกจับพระมั่วยา-ไพ่ เจอฉี่ม่วงทั้งแก๊ง!</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย ข่าวสด<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน เสาร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2550 08:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575><!img001:m:r>รวบพระ 4 รูปพร้อมลูกศิษย์อีก 1 ปิดบ้านชุมชนหลังตลาดเก่าวัดพระยาไกร มั่วสุมเสพยาบ้า-เล่นไพ่ ชาวบ้านทนไม่ไหวแจ้งตำรวจมาจับ ก่อนนำไปตรวจฉี่พบฉี่ม่วงทุกคน ยกเว้นพระวัดอรุณฯ เจ้าของบ้าน แต่รับเล่นไพ่กับเพื่อนเลยถูกจับสึกเหมือนเพื่อน ทั้งที่บวชมาแล้ว 8 พรรษา จนได้นักธรรมเอก

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 ส.ค. ร.ต.อ.ขวัญชัย แป้นมณฑา รองสว.สส.สน.วัดพระยาไกร ด.ต.สุชาติ แสงคล้าย ด.ต.สมหวัง เกตุอรุณ ด.ต.อภินันท์ ศรีปัญญา จ.ส.ต.วรชัย เจนก่อเกียรติกุล และ ส.ต.ท. สมคะเน มีฤกษ์ใหญ่ นำกำลังเข้าปิดล้อมและตรวจค้นบ้านเลขที่ 109 กลางซอยชุมชนหลังตลาดเก่าวัดพระยาไกร แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม หลังรับแจ้งจากชาวบ้านเห็นพระภิกษุหลายรูปเข้าไปมั่วสุมเสพยา

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบพระอมร เฉลิมวัฒน์ อายุ 37 ปี เจ้าของบ้าน พระประวิทย์ จันทร์ฉาย อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ซอยวัดอินทรวิหาร แขวงพระนคร เขตพระนคร ทั้ง 2 เป็นพระลูกวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ฝั่งธนบุรี พระนกน้อย แก้วปานกัน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.ทะเลบก อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี พระลูกวัดหงษ์ทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พระธีระชัย ชุมชาติ อายุ 31 ปีอยู่บ้านเลขที่ 44 ม.4 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พระลูกวัดบางพูดใน และนายสุริยา ยุทธไกร อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 225 ถ.สุขุมวิท ต.กระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นลูกศิษย์พระวัดอรุณราชวราราม พร้อมของกลางยาบ้าสีส้ม 2 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ และไพ่ 1 สำรับ ซึ่งหลังจากจับกุมเจ้าหน้าที่ได้นำทั้งหมดไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ก็พบว่าทั้งหมดมีปัสสาวะเป็นสีม่วง ยกเว้นพระธีระชัย

ร.ต.อ.ขวัญชัยเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านชุมชนหลังตลาดเก่าวัดพระยาไกรว่า มักมีการมั่วสุมเสพยาบ้าเป็นประจำ แต่ในวันนี้พบพระภิกษุเข้าไปในบ้านของพระอมร ตนจึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบว่าทั้งหมดกำลังเสพยาบ้ากันอยู่ยกเว้นพระธีระชัย ที่นั่งอยู่ข้างวง ซึ่งพระธีระชัยบวชเรียนมาแล้ว 8 พรรษา ได้นักธรรมเอกแล้ว จึงเข้าจับกุมโดยพระให้การว่ายาบ้าเป็นของลูกศิษย์ ตนจึงนำตัวไปตรวจปัสสาวะก็พบว่าเป็นสีม่วง ยกเว้นพระธีระชัย ส่วนไพ่ยอมรับสารภาพว่า ร่วมกันเล่นไพ่ผสมสิบจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะนำตัวไปให้เจ้าอาวาสวัดราชสิงขรทำการสึกเพื่อดำเนินคดีต่อไป หน้า 1<!--END--> <!--PICLIST-->

</TD><TD width=10 rowSpan=4></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight align=right>หน้านี้ถูกเปิดอ่านแล้ว <!-- Start Counter --><SCRIPT language=javascript src="http://app.sanook.com/counter/js/counter.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=javascript type=text/javascript>counter('site=news&id=165133')</SCRIPT>83<!-- End Counter -->ครั้ง</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight align=right>อ่านข่าวทั้งหมดของ ข่าวสด ได้ที่นี่

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พระพุทธศาสนาจักต้องรุ่งเรืองในดินแดนแห่งนี้สืบไปถึง ๕,๐๐๐ ปี พระเจตนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจักต้องได้รับผลสัมฤทธิ์

ผู้ใดก่อกรรมไว้กับพระพุทธศาสนา ผู้ใดที่พยายามและเจตนาบิดเบือนพระพุทธศาสนา ผู้นั้นมีกรรมยิ่งแล้ว และจักได้รับกรรมที่ก่อนั้นไปเองไม่ช้านาน
อนุโมทนาสาธุค่ะ...เห็นด้วยอย่างยิ่ง

และขอเพิ่มเติม...จากหนังสือพุทธทำนาย..บอกไว้ว่า....

หลังกึ่งพุทธกาล...ไทยและลาวจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา...สืบทอดต่อไปจนครบ..5,000ปี...<!-- / message --><!-- edit note -->

 

ต้องทำตามนี้ครับ

 

ฝ่ายกลางขอแสดงความคิดเห็นบาง
ขอโทษทีน่ะครับ ประกาศหรือไม่ประกาศมันต่างกันยังไงเหรอครับ
จะยังไง ศาสนาก็เป็นศาสนา ใครๆก็ว่าศาสนาตนดีทั้งนั้น แต่ไม่มีศาสนาใดสอนว่า เป็นศาสนาที่ดีที่สุด
ประกาศหรือไม่ประกาศ ไม่เห็นมีผลใดๆ ประโยชน์ของคำสอนที่ดีคือผู้กระทำตามด้วยสติ และกระทำอย่างยึดมั่น อย่ามาพูดเรื่องนี้กันอีกเลยครับมันผ่านไปแล้ว กระทำตามคำสอนกันเถอะดีกว่าครับ

 

คุณ tianshi ครับ ผมเคยคิดแบบคุณนี่แหละ ผมเคยคัดค้านการบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะประเทศไทย คือประเทศของเสรีภาพ ศาสนาทุกศาสนาสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ คนในไทยสามารถนับคือศาสนาอื่นได้ ผมเคยคัดค้านเพื่อต้องการให้ศาสนาทุกศาสนาในไทย อยู่อย่างสงบ ให้เกียรติซึ่งกันและกันของผู้นับถือศาสนานั้น ๆ ศาสนาพุทธก็อยู่คู่ประเทศไทยมาช้านานแล้วครับ แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออะไร คือการทำความดี ละเว้นความชั่ว ใช่หรือไม่ การปฏิบัติความดี ละเว้นความชั่ว ไม่เบียดเบียนกันเป็นสิ่งที่ดีครับ ทำไมเราไปมุ่งแต่เรื่องนอกตัว เรื่องในตัวเราทำไมเราไม่สนใจมาปฏิบัติ ขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ ผมก็คิดอย่างนี้ครับ และผมก็หวังและต้องการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้อยู่กับประเทศไทยตลอดไป แต่ถ้าคุณได้ข้อมูลว่า มีองค์กรหนึ่งกำลังมุ่งทำร้าย ทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้เข้าวางรากฐาน และเตรียมการไปมากกว่าครึ่งแล้ว คุณจะทำอย่างไรในฐานะที่คุณเป็นพุทธบริษัท ผู้นับถือศาสนาพุทธและผู้ที่ต้องทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้ดำรง มั่นคงอยู่ต่อไปครับ

 

อนุโมทนาค่ะ สำหรับความรู้ค่ะ

เห็นด้วยกับ คุณnong music ปัจจุบันนี้รู้สึกว่าคนไทยเปลี่ยนไปมาก เพื่อนคนที่ดิฉันรู้จักเปลี่ยนศาสนาไปแล้วหลายคน

ปัจจุบัน หากไม่ใช่ในพุทธทะเบียนบ้าน แล้วบางคนนับถือศานาอื่น ๆ แต่เขียนพุทธเพราะหลีกเลี่ยงการปะทะกับครอบครัว บางคนหันหน้าเข้าหาวัดแสวงหาความสงบ หรือตั้งใจศึกษาพระธรรม มองว่าเป็นคนแปลก มีปัญหา ยิ่งคนที่เป็นโสดแล้ว ที่สุดท้ายคือวัด คนที่ไปวัดปฎิบัติธรรม ต้องการเพียงแค่แก้บนปฎิบัติธรรมแล้วรวย อะไรอย่างนั้น

ปัจจุบันเราคงต้องหาอะไรที่จะพิทักษ์พุทธศาสนาเราบ้าง หากว่าไม่มีพุทธศานาสิ่งที่ไม่มีต่อมาแน่นอนคือวัฒนธรรรม และอีกหลายอย่าง

 

เห็นว่าสนใจประเทศนี้กันเลยเอาข้อมูลมาฝากครับ *-*


สาธารณรัฐคัลมึคเกี้ย




วันอังคารที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐

ถ้าเป็นคนชอบดูแผนที่ ผมอยากแนะนำให้คุณเหลือบดูที่ราบสักแห่ง ซึ่งกินบริเวณจากฮังการีในยุโรปตะวันออกจนถึงมองโกเลียในเอเชีย อยากรู้ว่ากว้างเท่าไร ให้เอาแผนที่ประเทศไทยมาต่อกันหลายๆ หน แผ่นดินกว้างขนาดนั้น แต่ไม่มีป่าไม้ พืชพรรณที่ธรรมชาติให้มา มีแต่เพียงหญ้ากับไม้พุ่มเตี้ยเท่านั้น

ที่นี่เรียกว่าเขตสเตปป์ บางส่วนของทุ่งหญ้าสเตปป์เป็นที่อยู่ของคนมองโกลอยด์ ผิวเหลือง ผมดำ รัสเซียเรียกพวกนี้ว่า คนคัลมึค มียุ่บยั่บอยู่ในสาธารณรัฐปกครองตนเองคัลมึคเกี้ย เป็นรัฐที่มีเมืองหลวงชื่องามนามเพราะว่าเอลิสตา อยู่ระหว่างแม่น้ำโวลกากับเทือกเขาคอเคซัส ที่อยากเขียนถึงรัฐคัลมึคเกี้ย ก็เพราะคนที่นี่นับถือศาสนาพุทธเหมือนพวกบูเรียตที่เคยเล่าไปตอนมารัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว

ต้นศตวรรษ ขึ้น ค.ศ.1900 (พ.ศ.2443) ประเทศยุโรปส่วนใหญ่ ทันสมัยกันหมด เหลือแต่รัสเซียยังล้าหลัง คนไม่รู้หนังสือเป็นเกษตรกร ทำไร่ไถนากันซะส่วนมาก กระทั่งเลนินล้มระบบซาร์ได้ รัสเซียเป็นคอมมิวนิสต์ พลเมืองถึงอพยพเข้าในเมืองทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม

พวกที่เหลือก็อาศัยตามทุ่งหญ้า ป่าเขา พื้นน้ำแข็งแต่ละเมืองห่างกันเป็นร้อยกิโลเมตร มีเทือกเขากั้น มีทะเลทรายคั่น ไปมาหากันลำบาก ความเจริญไหลไปไม่ถึง เดี๋ยวนี้ดีขึ้นบ้างที่มีเครื่องบิน มีรถไฟ แต่ก็ขอวิจารณ์ตรงๆ ว่า ชนบทรัสเซียยังล้าหลังกว่าชนบทของประเทศอื่นอยู่อีกมาก

คนทิเบตและมองโกเลียนำศาสนาพุทธเข้ามาในรัสเซีย เมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ปักหลักปักฐานครั้งแรกที่บริเวณรอบทะเลสาบไบคาล ต่อมาก็ขยายจนเต็มพื้นที่รัฐบูเรียตเตีย รัฐตูวาและรัฐคัลมึคเกี้ย เลยเข้าไปถึงจังหวัดเอียรคุทสค์และชิตา

ขออนุญาตเล่าซ้ำอีกที ขณะนี้รัสเซียยังมีสาธารณรัฐอีก 16 แห่ง ซ้อนกันอยู่ในพื้นที่ของประเทศ จำได้ไหมครับตอนที่มีสงครามกับพวกเชเชน เยลต์ซินส่งพลเอกเลเบ็ดไปเซ็นสัญญาสงบศึกกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเชเชนยา

ท่านผู้อ่านคงจะคิดว่า ถ้ารัฐเชเชนยามีประธานาธิบดีของตนเองได้ ก็น่าจะเป็นประเทศอิสระและมีอธิปไตย อย่าเข้าใจผิดครับ ผมเปรียบเทียบประธานาธิบดีประเภทนี้ของรัสเซีย ให้เท่ากับผู้ว่าการรัฐของอเมริกาดีกว่าจะง่ายขึ้น

สาธารณรัฐคัลมึคเกี้ย มีประธานาธิบดีชื่อ คีรซาน อีรีนซือนอฟ ขอเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ดูหน่อย kirsan Ilunzhinov ใครชอบเล่นหมาก-รุกต้องรู้จัก เพราะเป็นประธานสมาคมหมากรุกโลก ตอนนี้อายุ 34 ปี ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่อายุ 32 ปี ในยุโรปตะวันออกคนนี้ดังมาก ดังแบบน่ารัก จะเทียบกับใครดีเพื่อให้เห็นภาพ ต้องคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงจะเหมือน

บางคนคิดว่า คุณอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีเมืองไทยเข้าสักวัน คนคัลมึคก็ฝันว่าสักวัน คุณอีรีนซือนอฟจะไปไกลถึงประธานาธิบดีรัสเซียได้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่มาจากชนกลุ่มน้อย แต่ผู้คนก็ยอมรับ ขอบอกคุณพรุ่งนี้ว่าทำไม

คนรัสเซียบ้าหมอดูที่สุด ดูกันมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจแย่ คนไม่มีทางออกก็หันไปพึ่งหมอดูกันมากขึ้น คุณอีรีนซือนอฟก็เคยเสียสตางค์ให้หมอดูลายมือกะเขาเหมือนกัน หมอทำนายว่าชาตินี้จะได้เป็นเพรสซิเดนท์ 2 ครั้ง ไม่นานเจ้าตัวก็ชนะเลือกตั้งได้เป็นเพรสซิเดนท์ของรัฐคัลมึคเกี้ย ที่เหลืออีกครั้งคนคัลมึคก็หวังว่าจะต้องเป็นเพรสซิเดนท์ (ประธานาธิบดี) ใหญ่ของรัสเซียทั้งประเทศ

ต่อมา...อีรีนซือนอฟได้รับเลือกเป็นเพรสซิเดนท์ (ประธาน) ของสมาคมหมากรุกโลก

ผมก็เลยคิดว่า วาสนาของอีรีนซือนอฟน่าจะมีแค่นี้

นิติภูมิ นวรัตน์
[20/5/2540] <!--MsgFile=1-->

ที่มา http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5748888/K5748888.html

 

ขอฝากกระแสจิตไว้กับพระพุทธศาสนา

 

เหรียญกลมใหญ่ และ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดย..