ถึงเวลาที่สยบข่าวภัยพิบัติ  ทางสายเอก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย คมสันต์usa, 14 ธันวาคม 2012.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    บทกลอน เครดิตคุณหนึ่งชีวิต แค่สองก้าว's photo. จากเฟสต์บุด
    ทำกรรมชั่วตายไปในภพอื่น..ต้องขมขื่นแหวกแนวเป็นแมวหมา..
    เป็นกบเขียดเต่าหนูเป็นปูปลา..
    เป็นนาคาเกลื่อนกล่นล้นสาคร..
    เป็นเสือสีงห์กระทิงแรดในป่าลึก..
    เป็นโคถึกเฝ้านาเป็นกาสร..
    เป็นอูฐลาเต่าตุ่นเป็นกุญชร..........
    เป็นอัสดรมิ่งม้าอาชาไนย
    เป็นสัตว์ชดใช้กรรมกี่ภพชาติไม่อาจรู้
    ทำกรรมดีดีไว้ก่อนดีกว่า เผื่อวันข้างหน้าจะได้เสวยผลบุญ


    ตอบ
    เป็นสัตว์มนุษย์สุดเลิศประเสริฐนัก
    ได้รู้จักสร้างต้นทุนบุญกุศล
    ยากยิ่งนักที่จะเกิดมาเป็นคน
    รีบฝึกตนข้ามพ้นภพจบชาติกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      44
    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      49
  2. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    บุรุษผู้ตกอยู่ในคูถ เห็นสระมีน้ำเต็มเปี่ยม ไม่ไป
    หาสระนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของสระไม่ฉันใด
    เมื่อสระคืออมตะในการที่จะชำระล้างมลทินคือกิเลส
    มีอยู่ เขาไม่ไปหาสระนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของ
    สระคืออมตะไม่ ฉันนั้นเหมือนกัน.
    คนผู้ถูกศัตรูกลุ้มรุมเมื่อทางหนีไปมีอยู่ไม่หนีไป
    ข้อนั้นหาเป็นความผิดของทางไม่ฉันใด คนที่ถูกกิเลส
    กลุ่มรุม เมื่อทางปลอดภัยมีอยู่ไม่ไปหาทางนั้น ข้อ
    นั้น หาเป็นความผิดของทางที่ปลอดภัยนั้นไม่ ฉันนั้น
    เหมือนกัน.
    คนผู้เจ็บป่วยเมื่อหมอรักษาโรคมีอยู่ ไม่ยอมให้
    รักษาความเจ็บป่วยนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของ
    หมอนั้นไม่ ฉันใด คนผู้ได้รับทุกข์ถูกความเจ็บป่วย
    คือกิเลสเบียดเบียนแล้ว ไม่ไปหาอาจารย์นั้น ข้อนั้น
    หาเป็นความผิดของอาจารย์ผู้แนะนำไม่ ฉันนั้น
    เหมือนกัน.

    (ทุเรนิทาน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 60 flower.JPG
      60 flower.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      44
  3. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    บุรุษผู้ตกอยู่ในหลุมคูถ ไม่อาจช่วยอีกบุคคลที่ตกในหลุมคูถนั้นได้
    ควรพึงนำตนเองออกจากหลุมคูถก่อน จึงจักยื่นมือไปช่วยอีกบุคคลนั้นได้
    เช่นเดียวกับผู้ตกในวัฏสงสาร ตกในกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรมนั้น
    หาได้ช่วยผู้อื่นได้ไม่ พึงทำตนเองหนึ่งเดียวออกจากสงสารวัฏก่อน จึงคิดช่วยผู้อื่นนั้น
     
  4. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เรื่องอดีต-อนาคต ก็ต้องวางไว้ก่อน
    ยกจิตของเรา ขึ้นสู่องค์ภาวนา คือ
    นึกถึงลมหายใจ "ลม" เป็นส่วนปัจจุบัน ของรูป
    ปัจจุบัน ของนาม ได้แก่ "ตัวรู้"

    จิตของเรา ก็จะเหมือนกับ "ลูกโป่ง" ที่ลอยอยู่
    ในอากาศ เพียงตัดเชือก เส้นเดียวเท่านั้น
    เราก็จะหลุดได้ … คือ เมื่อตัด "สัญญา"
    ขาดจิตของเรา ก็จะเข้าไปสู่ องค์ภาวนา ได้ทันที

    โปร่งสบาย ใจก็สูง เหมือนลูกโป่ง
    สิ่งที่จะตามขึ้นไป ทำลาย รบกวนก็ยาก
    เพราะธรรมดา ขี้ฝุ่นนั้น ก็จะกลบได้แต่เพียง
    แค่ศีรษะคนเท่านั้น ที่มันจะปลิวขึ้นไป กลบถึง
    ยอดภูเขา หรือ ยอดไม้สูงๆ นั้น … ย่อมไม่ได้

    ฉะนั้น เมื่อจิตของเรา สูงขึ้นแล้ว
    "นิวรณ์" ทั้งหลาย ก็ไม่สามารถ
    จะกลบจิตของเรา ให้เศร้าหมองได้ ดังนี้


    (พระธรรมคำสอน…ท่านพ่อลี ธัมมธโร)

    เครดิตจากเฟสต์บุค โดยเพื่อนธรรม DrNatdhnond Sippaphakul
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 60 flower.JPG
      60 flower.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2013
  5. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ถึงมนุษย์ จะเปลี่ยนรูปร่าง ไปตามภพภูมิ
    ที่ตนเองเกิด แต่ "จิต" มันไม่ได้เปลี่ยนรูปร่าง
    ไปด้วยกับเรา ทุกอย่าง ที่ผ่านมา
    จิต มันจะบันทึก เอาไว้หมด

    แต่เพราะ "กิเลส" มันปิดกั้นจิตเอาไว้
    คนเรา จึงไม่รู้ที่มาที่ไป ของตนเอง
    พอธรรม มันเปิดออกมา เท่านั้นล่ะ

    ทุกอย่าง มันก็จะเปิดออกมา ให้เราได้รู้
    ได้เห็นทั้งหมด กี่ชาติ ที่ผ่านมา มันจะพรั่งพรู
    ไหลออกมา จนนับไม่หวาดไม่ไหว

    เมื่อเกิดขึ้น ก็ให้นำมาพิจารณา ให้เห็นทุกข์ เห็นโทษ
    เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    เห็นอริยสัจ ๔ … เร่งดำเนินสู่ "อาสวักขยญาณ"
    ถอดถอน "อาสวกิเลส" ให้สิ้นไป ดับไป


    (พระธรรมคำสอน…หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)

    เครดิต จากเพื่อนธรรมจากเฟสต์บุค DrNatdhnond Sippaphakul
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      44
  6. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    **สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
    **สันทิฏฐิโก
    **อะกาลิโก
    **เอหิปัสสิโก,
    **โอปะนะยิโก
    **ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ

    //พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นตรัสดีแล้ว
    //เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิปัติ พึงเห็น ได้ด้วยตนเอง
    //ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นสิ่งที่ปฏิปัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล
    //เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด
    //เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามา ใส่ตัว
    //เป็นสิ่งที่ อันวิญญูชน (ผู้รู้) พึงรู้ได้เฉพาะตน
    เครดิตจากเฟสต์บุค
    คุณพระไตรปิฎก พร้อมหัวข้อธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      50
    • DSC05715.JPG
      DSC05715.JPG
      ขนาดไฟล์:
      557 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSC06073.JPG
      DSC06073.JPG
      ขนาดไฟล์:
      518.3 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2013
  7. Ajintai

    Ajintai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    549
    ค่าพลัง:
    +1,638
    ขออนุญาตนำไปไว้ในเฟสบุ้คด้วยนะทั่น:cool:
     
  8. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ปรากฏการณ์เณรคำ
    ปรากฏการณ์เณรคำ : บทบรรณาธิการประจำวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2556

    เรื่องราวของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานที่พักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ดำเนินมาถึงตอนใกล้อวสานเข้าไปทุกที เมื่อคณะสงฆ์ต้นสังกัดมีความเห็นพ้องต้องกันว่า เมื่อพระรูปนี้ไม่ยอมมาพบเพื่อให้ปากคำแก้ต่างความผิดทั้งทางโลกและทางธรรมวินัย ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้แจ้งข้อหาไว้ 8 กระทงด้วยกัน ก็จะดำเนินมาตรการอัปเปหิลับหลังให้เป็นพระไร้สังกัดหรือพระเร่ร่อน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการล่าตัว จับสึกพ้นสมณเพศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลายมาตรการที่จะใช้ในการเยียวยา เรียกคืนศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พร้อมๆ กับการกำจัดอลัชชีออกจากวงการสงฆ์ไปได้อีกรูปหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ปรากฏการณที่เกิดขึ้นก็เป็นอีกบทเรียนที่ทุกฝ่ายควรจะต้องกลับมาทบทวนกันถึงมาตรการในเชิงป้องกันไม่ให้ อลัชชี สมีทั้งหลาย เข้ามาครองจีวรหากินอีกต่อไป

    ใครที่ได้อ่านเรื่องราวความเป็นมาของหลวงปู่เณรคำ จะพบว่า เส้นทางการสร้างศรัทธา ความเชื่อ ขึ้นในตัวหลวงปู่เณรคำนั้น มีการวางแผนเอาไว้เป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งการสร้างเรื่อง ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ และทำการตลาดเพื่อกระตุ้นความลุ่มหลง เหมือนกับที่นักการตลาดอัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายในหลากหลายรูปแบบ โดยสรุปก็คือ เป็นกระบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชนที่มีผู้สมรู้ร่วมคิดกันเป็นจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งในกรณีนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ควรจะต้องสาวลึกลงไปในรายละเอียดของผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด เพื่อปฏิบัติการถอนรากถอนโคนกาฝากที่เกาะกินพระพุทธศาสนาให้สิ้นซาก ขณะเดียวกัน ตลอดเส้นทางของขบวนการ 18 มงกุฎรายนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ใหญ่ยักษ์ที่เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพเข้ามาปอกลอกหลอกลวงประชาชนได้อย่างง่ายดาย ภายใต้ความเชื่อที่อยู่เหนือการให้ความรู้ทางพระธรรมคำสอนอย่างแท้จริง

    ในแวดวงสังคมชาวพุทธพูดกันมานานแล้วถึงมาตรการป้องกันคนไม่ดีเข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากิน แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไปพร้อมๆ กับการจับสึกอลัชชีสักรูปหนึ่งซึ่งเหมือนกับเป็นการเซ่นสังเวย เพราะจะว่าไปแล้ว คำว่า "ความศรัทธา" ที่มี "ชุดความเชื่อ" อีกระดับหนึ่งซ้อนทับอยู่อีกชั้น เช่น การไม่ท้าทาย ไม่ลบหลู่ ไม่ข้องแวะ ฯลฯ อันเกิดจากการขาดองค์ความรู้ในพระพุทธศาสนา ยังถือเป็นสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่คู่กับสังคมที่มักอนุญาตให้ใครสักคนที่ยังประโยชน์แก่ตนไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สินหรือจิตใจก็ตามได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไป เป็นเสมือนน้ำเลี้ยงให้เนื้อร้ายในพระพุทธศาสนาเจริญเติบโตและขยายกิ่งก้านสาขาออกไปไม่หยุดหย่อน ดังเช่นว่า หลวงปู่เณรคำย่อมไม่ใช่อลัชชีรูปสุดท้าย ตราบเท่าที่ความมืดบอดทางปัญญายังครอบงำผู้คนอยู่อย่างมิดชิดสนิทแน่น เว้นเสียแต่ว่า ทุกฝ่ายจะตระหนักถึง "บ่อเกิดทางปัญญา" ที่จะมาบ่มเพาะภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เชื้อแห่งความหลงผิดครอบงำสังคม ถึงตรงนี้ก็ต้องถามหา การปฏิรูปการศึกษา ที่มุ่งสอนให้คน "เรียนรู้ตลอดชีวิต" นั้น ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว หรือว่ายังมะงุมมะงาหราอยู่ในโครงสร้างเดิมๆ ของหน่วยงานที่จะต้องรับหน้าที่เป็นหัวรถจักรขับเคลื่อนขบวน

    เครดิต นสพ คมชัดลึก 
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      50
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      44
    • PICT0541.JPG
      PICT0541.JPG
      ขนาดไฟล์:
      853.4 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC04110.JPG
      DSC04110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      536.9 KB
      เปิดดู:
      43
  9. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ด้วยความยินดีครับ ธรรมะเป็นของกลางไม่ควรสงวนสิทธิ์ มาช่วยกันเผยแพร่ครับ
    แต่เราให้เครดิตกับท่านผู้ที่นำมาโพสต์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      45
    • DSC06331.JPG
      DSC06331.JPG
      ขนาดไฟล์:
      609.8 KB
      เปิดดู:
      45
    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      43
  10. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ครับ สุภาษิตหรือคำพังเพยที่ถูกนำมาใช้ ควรจะประกอบไปด้วยหลักธรรม
    คือจะต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
    บุคคลที่จะฉวยโอาสจะใช้คำคมหรือคำพังเพยหาประโยชน์ จากคนที่จิตอ่อน
    และผู้ที่อ่อนแอกว่า และพยายามให้แสวงบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา
    ดังเช่น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ควรจะเป็น ไม่รู้ต้องหาศึกษาจากผู้รู้
    บุญทำกรรมแต่ง -- รู้จักและเข้าใจในบุญที่ไม่เจือบาป
    ต้องมาแก้กรรม --เข้าปฏิบัติกรรมฐานเพื่อให้รู้กฏแห่งกรรม
    เสริมชะตาชีวิต -- รู้จักมงคล๓๘ประการ
    กำลังดวงตก -- มีสติรักษาจิต
    พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ---เข้าวัดรักษาศีล
    มาพรมน้ำมนต์ ---- เจริญพรหมวิหาร ๔
               มาสร้างพระที่องค์ใหญ่ฯ ------สร้างคุณธรรมให้กับตัวเองศึกษาพระธรรมวินัย
                                              และน้อมนำมาปฏิบัติ

    ด้านซ้ายมือท่านมีแต่โอกาสที่จะเสียเงินเสียของทั้งหมด

    ส่วนทางด้านขวามือท่านไม่ต้องเสียอะไรเลยครับ

    พระพุทธองค์ทรงสอนมิให้นำธรรมะของท่านมาเร่ ขาย อย่างแน่นอนครับ
     
  11. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    โพสต์รอบที่ ๒ ครับ
    การสร้างวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม

    จะต้องเริ่มด้วยการศรัทธา จากผู้คนส่วนในหมู่บ้านรวมตัวกันและเห็นสมควรว่า
    ควรจะมีสถานที่ปฏิบัติธรรมใว้รองรับญาดิโยมเพื่อที่จะเข้ามาแสวงหาบุญกุศล
    ในเขตบวรพระพุทธศาสนา จึงมีการตั้งกองทุนรวบรวมศรัทธา และเริ่มหาสถานที่ที่เหมาะสม และจึงไปนิมนต์พระที่จะมาเผยแพร่ธรรม มาอยู่แล้วจึงช่วยกันเริ่มสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างฯถวายวัดเป็นของสงฆ์ ตามแต่กำลังทรัพย์และศรัทธา
    การสร้างสึ่งปลูกสร้างต่างฯ จึงเป็นหน้าที่ของอุบาสก และอุบาสิกา และ
    ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นฯ สมัยก่อนจึงมีสิ่งปลูกสร้างแค่เท่าตามความจำเป็น
    เท่านั้น ในการเผยแพร่ธรรม มีกุฏี ที่พระสงฆ์อยู่ และศาลาการเปรียญ
    ใว้รองรับสารพัดงาน มีห้องเล็กฯขนาดพอนอนได้ ๑ คนสำหร้บผู้ที่จะมา
    เข้าปฏิบัติกรรมฐาน ใว้ราวห้าถึงสิบห้อง และเตาที่เผาศพทำแบบง่าย
    เพียงเทปูนเป็นกำแพงทั้งสองด้านพื่อที่จะวางโลงศพได้เวลามีงานเผาศพ
    นอกเหนือจากนั้นถือว่าเกินความจำเป็น การสร้างนั้นค่อยเป็นไปตามกำลัง
    ศรัทธา โดยมิใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่จะมาขอเรี่ยไรหรือหาทุนแต่อย่างไร
    และการเผยแพร่ธรรมนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่ฯโตฯมากมาย และหาคนปฏิบัติ แทบจะไม่ได้

    เตือนชาวพุทธอีกครั้ง
    พระพุทธเจ้าทรงประสูตร ที่ใต้โคนต้นไม้
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ที่บนกองหญ้ารองนั่ง
    พระพุทธเจ้าทรงดับขันธ์ปรินิพาน ที่ใต้โคนต้นไม้
    ส่วนสถานที่จะทำให้บรรลุเข้าถึงธรรมได้นั้น ไม่ต้องเสียเงินมาปลูกสร้างเลย
    แม้นแต่เพียงสตางค์เดียว กับเป็นธรรมชาติของเราที่มีอยู่แล้ว ที่ผู้เผยแพร่
    พระพุทธศาสนาและผู้ที่ปฏิบัติ กลับมองข้ามไป ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      42
    • DSC06067.JPG
      DSC06067.JPG
      ขนาดไฟล์:
      569.8 KB
      เปิดดู:
      47
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      39
  12. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    โพสต์ครั้งที่ ๒

    การเผยแพร่พระพุทธศาสนาและการสืบทอดในพระพุทธศาสนานั้น
    เป็นหน้าที่โดยตรง เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาในพระพุทธศาสนาท่านใด้มอบมรดกอันล้ำค่าคือพระธรรมคำสั่งสอนใว้ให้ และได้ฝากใว้กับพุทธบริษัท ๔
    คือ พระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
    สิ่งใหนที่ไม่ถูกต้องหรือที่ผิดไปจากหลักธรรมหรือออกนอกลู่นอกทางก็ต้องช่วยกันติเตือนโดยธรรม และหาทาง เพื่อเตือนสติ ตามความรู้และสติปัญญาและภูมิธรรมของแต่ละท่าน
    เรียกว่าช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนา แม้นจะมีบางท่านอาจจะไม่ถูกใจบ้าง
    แต่คงจะไม่มีใครที่จะปฏิเสธหรือค้านในพระธรรมสิ่งที่พระองค์ศาสดาทรงสอนมาอย่างแน่นอนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06073.JPG
      DSC06073.JPG
      ขนาดไฟล์:
      518.3 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      47
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      36
  13. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    จากกรณีปิรามิด สายคาดเอ็ว หรือ  ที่มีขนาดสี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม ของ พระอาจารย์รัตน์ ถึง ที่สร้างพระแก้วองค์ใหญ่ เพื่อต้านภัยพิบัติ  ของ พระเณรคำ หรือ (หลวงปู่เณรคำ)
    ทั้งสองกรณี เป็นบทเรียน ราคาแพง ของชาวพุทธที่ควรนำมาศึกษา อย่างยิ่ง
    เพราะอาศัยเพียงแต่ความเชื่อ หรือศรัทธา ที่ขาดไปด้วยสติมาควบคุมตัวปัญญา จึง เป็นอย่างที่ได้พบเห็นกันครับ  ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ชาวพุทธเราจะ เข้ามาศึกษาในพระธรรมวินัย  เพื่อทำความเข้าใจกับพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง และเลิกส่งเสริมและสนับสนุนในสิ่งที่เป็นภัยพิบัติ ต่อพระพุทธศาสนา อย่างจริงจัง ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      41
    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      49
  14. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    เครดิต ท่านคมสันต์ ที่นำมาลง
    ศาสนาแห่งปัญญานี้ ผ่านการพิสูจน์ช้านานด้วย ศรัทธาและจบที่ปัญญา ท่านทรงเชิญผู้ที่สงสัยมากระทำให้เห็นแจ้งประจักษ์แห่งความจริงด้วยตนเอง มาบัดนี้กึ่งพุทธกาล ขอพี่น้องทั้งหลายจงใช้ปัญญาพิสูจน์ศาสนานี้ด้วยตัวของท่านเอง ทำให้แจ้งด้วยตัวท่านเองเทอญ
     
  15. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    **รายละเอียดของนรกแต่ละขุม**

    สำหรับภิกษุที่ละเมิดพระวินัย (ทุศีล) อยู่เป็นประจำโดยไม่คิดจะแก้ไข – ปรับปรุง – เรียนรู้
    เมื่อตายเพราะกายแตกจะต้องไปรับโทษในมหานรกตามความหนัก – เบาของการละเมิดนั้นๆ

    รายละเอียดของมหานรกขุมต่างๆ แบบย่อๆ

    สัญชีวนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะต้องถูกนายนิรยบาลที่ถืออาวุธต่างๆที่มีไฟลุกโพลง ตัดร่างกายของสัตว์นรกให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ ให้สัตว์นรกนั้นถึงแก่ความตายแล้วสัตว์นรกนั้นก็กลับมีชีวิตขึ้นมารับกรรมอีก
    เป็นอยู่เช่นนี้ จนกว่าจะสิ้นอายุ

    ************************************

    กาฬสุตตนรก = นรกขุมนี้ นายนิรยบาลทั้งหลาย
    จะพากันตะโกนโห่ร้องด้วยเสียงอันดังติดต่อกันไม่ขาดระยะ
    ถืออาวุธต่างๆที่มีไฟลุกโพลง ไล่ติดตามทำร้ายสัตว์นรกทั้งหลายที่กำลังวิ่งหนีไปๆมาๆ อยู่เหนือแผ่นดินเหล็กที่มีไฟลุกโพลง เมื่อสัตว์นรกล้มลงบนแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟแล้ว จึงขึงสายบรรทัดที่ลุกโพลงด้วยไฟ แล้วถือขวานที่มีไฟติดลุกโพลง พากันโห่ร้อง กระทำสัตว์นรกผู้กำลังคร่ำครวญอยู่ด้วยเสียงอันน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
    ตัดร่างกายของสัตว์นรกนั้น ให้เป็น 8 ส่วนบ้าง 16 ส่วนบ้าง นรกขุมนี้จะดำเนินไปอยู่อย่างนี้

    ************************************

    สังฆาฏนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกนายนิรยบาล จัดให้อยู่ในแผ่นดินเหล็กที่ลุกโพลง มีระยะได้ 9 โยชน์ (144 ก.ม.) เพียงเอว แล้วทำให้สัตว์นรกเหล่านั้นเคลื่อนไหวไม่ได้ จากนั้นภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงลูกใหญ่ๆ เกิดขึ้นแต่ด้านทิศตะวันออก ครางกระหึ่มเหมือนสายฟ้าฟาด กลิ้งมาบดสัตว์นรกเหล่านั้น ราวกับว่าจะบดเมล็ดงาให้เป็นผุยผง แล้วไปตั้งอยู่ทิศตะวันตก
    แม้ภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงที่ตั้งขึ้นทางด้านทิศตะวันตกก็กลิ้งมาบดสัตว์นรกเหล่านั้น แล้วไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก อนึ่ง เมื่อภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงทั้ง 2 ลูกนั้น
    กลิ้งมาปะทะกันแล้วบดขยี้สัตว์นรกนั้น เหมือนกับลำอ้อยที่ถูกบีบในเครื่องยนต์สำหรับบีบอ้อย
    สัตว์นรกทั้งหลายย่อมประสบทุกข์อยู่ในสังฆาฏนรกนั้น ฉะนี้

    **************************************

    โรรุวะนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกควันแสบแทรกเข้าไปในปากแผล (ทวาร) ทั้ง 9 ของสัตว์นรก แล้วควันอันแสบนั้น จะทำลายร่างกายของสัตว์นรกให้เป็นผง แล้วใหลออกมาคล้ายแป้ง
    สัตว์นรกทั้งหลายย่อมร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง

    *************************************

    มหาโรรุวะนรก = นรกขุมนี้จะเต็มไปด้วยเปลวไฟอันแดงคล้ายเลือด
    ตั้งอยู่ตลอดกัป เปลวไฟนั้นจะแทรกเข้าไปตามปากแผล (ทวาร) ทั้ง 9 ของสัตว์นรก
    แล้วเปลวไฟก็จะเผาร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้น สัตว์นรกย่อมร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง

    *************************************

    ตาปนรก = นรกใดเผาสัตว์นรกไม่ให้กระดิกได้ นรกนั้นมีชื่อว่า ตาปนรก
    เพราะนายนิรยบาล ย่อมให้สัตว์นรกนั่งอยู่บนหลาวเหล็กอันลุกโพลง มีประมาณเท่าลำต้นตาล แผ่นดินภายใต้จากหลาวเหล็กนั้นย่อมลุกโพลง ส่วนหลาวเหล็กนั้นไม่ติดไฟ แต่สัตว์นรกทั้งหลายย่อมลุกเป็นเปลวเพลิง นรกนั้นย่อมเผาสัตว์ไม่ให้กระดิกได้ ด้วยประการฉะนี้

    ************************************

    มหาตาปนรก = สัตว์นรกในขุมนี้จะถูกนายนิรยบาล ทำร้ายด้วยอาวุธต่างๆที่กำลังลุกโชน แล้วให้ขึ้นสู่ภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลง ในเวลาที่สัตว์นรกนั้นยืนอยู่บนยอดเขา
    ลมที่เกิดจากบาปกรรมเป็นปัจจัย ย่อมพัดสัตว์เหล่านั้น สัตว์นรกเหล่านั้นก็ไม่อาจจะทรงตัวอยู่ได้ ก็ตกลงมา จากนั้นก็มีหลาวเหล็กลุกเป็นไฟที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินเหล็กเบื้องต่ำ หัวของสัตว์นรกเหล่านั้นก็กระแทกกับหลาวเหล็ก
    และร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้นก็ทะลุเข้าไปในหลาวเหล็กที่กำลังลุกโพลงเผาใหม้อยู่
    นรกนั้นย่อมเผาสัตว์ให้เร่าร้อนอย่างเหลือเกิน ด้วยประการฉะนี้

    ************************************

    อเวจีมหานรก = ความทุกข์ – เปลวไฟ ในนรกขุมนี้ย่อมไม่มีที่ว่าง ย่อมไม่มีระหว่างคั่น เปลวไฟทั้งหลายตั้งขึ้นจากฝาทางด้านทิศตะวันออก ย่อมกระทบฝาด้านทิศตะวันตกเป็นต้น แล้วเปลวไฟก็ทะลุฝาออกไปประมาณ 100 โยชน์ (1,600 ก.ม.) เปลวไฟจากเบื้องต่ำย่อมกระทบเบื้องบน
    เปลวไฟจากเบื้องบนย่อมกระทบเบื้องต่ำ เปลวไฟทั้งหลายในอเวจีย่อมไม่มีระหว่างอย่างนี้
    ภายในนรกขุมนี้ เต็มไปด้วยสัตว์นรกหาที่ว่างไม่ได้เลย เหมือนกับทะนานที่เต็มไปด้วยน้ำนมและแป้ง
    ถึงแม้ว่าสัตว์นรกจะมีปริมาณมากขนาดนั้น แต่สัตว์นรกก็ไม่เบียดเสียดซึ่งกันและกัน
    ย่อมใหม้อยู่ในที่เฉพาะตนๆเท่านั้น

    *************************************

    ข้อมูลนี้จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 62 หน้า 180 อรรถกถาสังกิจจชาดกที่ 2

    เครดิต จากเฟสต์บุค  พระไตรปิฎก พร้อมหัวข้อธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC09046.JPG
      DSC09046.JPG
      ขนาดไฟล์:
      518.5 KB
      เปิดดู:
      41
    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      52
  16. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
     

    วัฏฏะวนวุ่นวาย...!!!

    (สัตตสูตร) เล่ม27/หน้า428/บรรทัด12
    [๓๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแลท่านพระราธะได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคม
    ///พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์ ดังนี้ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล จึงเรียกว่าสัตว์ ?
    ///พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ เพราะเหตุที่มีความพอใจ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากในรูปแลเป็นผู้ข้องในรูป เป็นผู้เกี่ยวข้องในรูปนั้น ฉะนั้นจึงเรียกว่าสัตว์ เพราะเหตุที่มีความพอใจ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากในเวทนา... ในสัญญา... ในสังขาร... ในวิญญาณ เป็นผู้ข้องในวิญญาณเป็นผู้เกี่ยวข้องในวิญญาณนั้น ฉะนั้น จึงเรียกว่าสัตว์
    ///ดูก่อนราธะเด็กชายหรือเด็กหญิงเล่นอยู่ตามเรือนฝุ่นทั้งหลาย เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ไม่ปราศจากความพอใจ ไม่ปราศจากความรักไม่ปราศจากความระหาย ไม่ปราศจากความกระวนกระวายไม่ปราศจากความทะยานอยากในการเล่นขายของเหล่านั้น อยู่เพียงใดย่อมอาลัย ย่อมอยากเล่น ย่อมหวงแหน ย่อมยึดถือเรือนฝุ่นทั้งหลายอยู่เพียงนั้น
    ///ดูก่อนราธะ แต่ว่าในกาลใด เด็กชายหรือเด็กหญิง เป็นผู้ปราศจากความกำหนัด ปราศจากความพอใจ ปราศจากความรักปราศจากความกระหาย ปราศจากความกระวนกระวาย ปราศจากความทะยานอยากในการเล่นขายของเหล่านั้นแล้ว ในกาลนั้นแลเด็กชายหรือเด็กหญิงเหล่านั้น ย่อมรื้อ ย่อมทำลาย ย่อมกำจัด ย่อมทำเรือนฝุ่นเหล่านั้นให้เล่นไม่ได้ ด้วยมือและเท้า ฉันใด
    /// ดูก่อนราธะแม้เธอทั้งหลายก็จงรื้อ จงทำลาย จงกำจัด จงทำรูป ให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงทำลาย จงกำจัดจงทำเวทนา ให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหาจงรื้อ จงทำลาย จงกำจัด จงทำสัญญาให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงทำลาย จงกำจัด จงทำสังขารให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงทำลายจงกำจัด จงทำวิญญาณให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา ฉันนั้น นั่นเทียวแล ดูก่อนราธะ เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหาเป็นนิพพาน.
    จบ สัตตสูตร

    เครดิตจากเฟสต์บุค    พระไตรปิฎก พร้อมหัวข้อธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      57
  17. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 6
    ทรงแสดงฌานสี่และวิชชาสาม

    ภ. เราก็เหมือนอย่างนั้นแล พราหมณ์ เมื่อประชาชนผู้ตกอยู่ใน
    อวิชชาเกิดในฟอง อันกระเปาะฟองหุ้มห่อไว้ ผู้เดียวเท่านั้นในโลก ได้ทำลาย
    กระเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม
    เรานั้นเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดของโลก เพราะความเพียรของเราที่
    ปรารภแล้วแล ไม่ย่อหย่อน สติดำรงมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบ ไม่กระสับ-
    กระส่าย จิตตั้งมั่นมีอารมณ์เป็นหนึ่ง.
    ปฐมฌาน
    เรานั้นแล สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม ได้บรรลุ
    ปฐมฌานมีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่วิเวกอยู่.
    ทุติยฌาน
    เราได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต ฯ ภายใน เป็นธรรมเอก
    ผุดขึ้นไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขซึ่งเกิด
    แต่สมาธิอยู่.
    ตติยฌาน
    เรามีอุเบกขาอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะ
    ปีติสิ้นไป ได้บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า เป็นผู้มีอุเบกขา
    มีสติ มีสุขอยู่ ดังนี้.
    จตุตถฌาน
    เราได้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และ
    ดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 57 flower.JPG
      57 flower.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      56
    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      48
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      40
  18. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 41
    ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลาย ย่อม
    ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียร เพ่งอยู่
    ในกาลนั้น ความสงสัยทั้งปวงเทียว ของ
    พราหมณ์นั้น ย่อมสิ้นไป เพราะได้รู้แล้วซึ่ง
    ความสิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย.
    ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลาย ย่อม
    ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียร เพ่งอยู่
    ในกาลนั้น พราหมณ์นั้น ย่อมกำจัดมารและ
    เสนามารได้เหมือนพระอาทิตย์ยังท้องฟ้าให้
    สว่างอยู่ ฉะนั้น.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC08951.JPG
      DSC08951.JPG
      ขนาดไฟล์:
      568.3 KB
      เปิดดู:
      48
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ห่างหายจากกระทู้นี้ไปนาน วันนี้ได้โอกาสแวะมาอ่านค่ะ
     
  20. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ส่วนใหญ่ ท่านๆ ทั้งหลายที่ว่ามาข้างต้น จะนิยม อันนี้ครับ สมีทั้งหลายเตรียมตัวเอาไว้ ไม่ผ่านที่ไหน พุ่งหลาว ลงไปเลย :cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...