(แจกยาจินดามณี)ตำหรับอาจารย์เทพย์สาริกบุตร จะปิดแจกวันที่ 25 กย.นี้ จองที่หน้า>> 8

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย ยอดบารมี, 14 กรกฎาคม 2013.

?
  1. ชอบ เชื่อ เพราะเป็นของโบราณ

    11 vote(s)
    100.0%
  2. เฉยๆ เชื้อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

    0 vote(s)
    0.0%
  1. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    เมื่อวานก่อน(9 มิ.ย.56)ไปร่วมพิธีปรุงยาจินดามณีตำหรับครูเทพ สาริกบุตรมาครับ ของพ่อครูผมปรุงเอง​


    ห่อละ 100 บาทนะ

    จองแล้วรบกวนโอนเงินภายใน 3 วัน นะครับ เกินจากนั้นขอให้สิทธิ์คนที่จองถัดไปครับ

    สำหรับท่านที่สมัครไว้แล้วแต่เข้าโพสไม่ได้
    ติดต่อมาที่ตรงนี้นะครับผม
    หากมีอะไรติดต่อมาได้เลยครับผม ส่วนอีเมล คือ dramaraksa@gmail.com (เมลอากงเอง)
    เบอร์ร่วมบุญติดต่อได้ที่ 091-2582661 หลานอากง" กงผ่านให้หลานจัดการครับผม

    การโอนเงิน
    เมื่อโอนมาแล้ว ให้แจ้ง เป็นเศษสตางค์ วัน เวลา ที่
    โอนเพื่อง่ายในการตรวจสอบ ที่ Pm
    เช่น โอน วันที่ 10 ตค 2555 เวลา
    09.45 นาที จำนวน 100.19 บาท ที่บัญชี ???? สาขาเป็นต้น

    -โอนเงินผ่าน ธ.กรุงศรี สาขาบิ๊กซี(หาดใหญ่)
    เลขที่บัญชี 661-1-01918-2
    ชื่อ Mr.Ahrunnopparat (โครงการร่วมบุญยอดบารมี)<<<<บัญชีของกงครับ

    -หรือโอนเงินผ่าน ธ.กรุงศรี สาขาเซ็นทรัลชลบุรี
    เลขที่บัญชี 631-1-16958-5
    ชื่อ Mr.Ahrunnopparat (บำเพ็ญกุศลทางศาสนา)<<<<บัญชีของกงครับ

    -หรือโอนเงินผ่านบัญชี ธ.ธนชาติ สาขา (608)ถนนพระยาสัจจา(ชลบุรี)
    เลขที่บัญชี 608-6-00951-5
    ชื่อ parinya sang <<< บัญชีผมของน้อง นโมนมัส

    แจกเรื่อยๆจนกว่าจะหมดน่ะครับผม
    *แล้วแต่ความศรัทธาของทุกท่านนะครับ ม่ายด้ายบังคับใครนะจร๊ะ

    ** ขออนุญาติให้สิทธแก่ผู้ที่โอนเงินก่อนนะคับ เนื่องจากของมีจำนวนจำกัดคะหมดแล้วหมดเลยครับ**


    หรือ โพส ที่หน้าเวปบอร์ด ครับ เมื่อได้รับการโอนเงิน มาแล้ว จะรีบดำเนินการจัดส่งครับ

    จองแล้วรบกวนโอนเงินภายใน 3 วัน นะครับ เกินจากนั้นขอให้สิทธิ์คนที่จองถัดไปครับ

    รายได้ร่วมบุญสร้างศาลเจ้าที่จ.ลพบุรี สาธุ สาธุอนุโมทนามิ


    ท่าใคร จอง10 ห่อ
    กงจะมอบ เม็ดยาจินดามณี เม็ดเอก ฟรี ราคาบูชา 1,000บาทให้ 1เม็ด(ตอนนี้หมดแล้ว กงได้มาจำนวนหนึ่ง)
    บรรจุกล่อง อย่างดี เม็ด ใหญ่ขนาด 7 มม.(โดยประมาณ) ปิดทอง สวยมาก
    กงกำลังจะเปิดบัญชีชมรมกลุ่มยอดบารมีธรรมรักษา ให้เป็นกิจลักษณะน่ะนะ รวบรวมเงินได้จำนวนหนึ่งแระ ร่างระเบียบการเสร็จแระ กำลังจะไปเปิดบัญชี รายได้ร่วมกิจกรรมการกุศลนะลูกนะ แล้วกงจะเอาภาพกิจกรรมมาลงเรื่อยๆ ลูกนะ


    ท่านครูได้แจ้งข่าวให้ผมทราบว่าท่านทำเป็นการภายในขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐-๒๑.๐๐ น. เป็นวันยามกระทิงวันครับ เดี๋ยวจะประมวลภาพมาลงให้ชมครับผม
    ประมาณ 6 โมงเย็นของ วันที่ 3 มิย. ผมได้รับโทรศัพย์จากหลานชายโทรมาจาก อ.อู่ทอง ได้เล่าเรื่องกิจกรรม น่าสนใจ เพราะผมเคยปวารณาไว้ว่า หากพ่อครูมีกิจกรรมอะไรในพิธีกรรมที่น่าสนใจให้บอกผมด้วย ผมจะได้ไปร่วมกิจกรรม(จริงๆใจอยากไปแอบเอาวิชา ท่าได้ก็ดี ท่าไม่ได้ ก็อยากรู้อยากเห็นมากกว่าแฮ่ๆๆๆๆ)

    ว่าด้วยเรื่อง"ยาจินดามหามณี"

    “ ดอกคราด ดอกจันทร์ เกสรบุษบัน เปราะหอม กำยาน
    โกฐสอ โกฐเขมา ทองน้ำประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่ากัน
    ผสมแล้วตำบด พิมเสมชมด น้ำผึ้งรวงรัน
    กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือขื่นคั้นผสมยาเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน
    เป็นยาวาสนา เลิศล้ำตำรา ในโลกแดนดิน
    อุปเท่ห์กล่าวไว้ ผู้ใดได้กิน จะสวัสดิโสภิน กว่าคนทั้งหลาย
    พัสดุเงินทอง จักพูนกูนกอง กว่าโลกหญิงชาย
    นำมาบูชาอภิวาท์บ่วาย ระงับอันตราย ทั้งสี่กิริยา
    โทษหนักเท่าหนัก มาตร์แม้นประจักษ์ ถึงกาลมรณา
    ถ้าแม้นได้กิน ซึ่งยาวาสนา กลับน้อยถอยคลา เคลื่อนคลายหายเอยฯ ”

    เป็นโครงกลอนตำราที่ได้ยินท่านครูท่อง แต่จริงแล้วมันมีมานานแล้ว
    (ก็แหงหล่ะ ท่านไม่ได้แต่งตำรานี้นี่นา มันเลยเป็นเหตุให้ผมชวนถามว่า พ่อครูทำเป็นหรือเปล่า คำตอบที่ตามมา สั้นคือว่า "เป็น " ก็เลยเป็นเหตุให้อยากรู้ว่า ทำได้จริงเปล่า อยากหาเวลาคุยแต่ก็ไม่ว่าง เลยคลาดเคลื่อนเวลาเพราะการทำงาน ที่ครูท่านท่องก็ไม่สำคัญเท่าได้ลงมือทำว่าจริงไหมล่ะคุณๆ เพราะยังไงก็เป็นความรู้ที่มารื้อฟื้นใหม่ในยุค มากกว่าเป็นแค่สมุดให้ฝุ่นเกาะแต่เป็นตำราเก่าๆที่ครูบาอาจารย์ใด้สำเร็จเป็นชื่อเสียงมามากมายหลายท่านทั้งที่มีชื่อหรือไม่มีชื่อเสียงในทางนี้)ก็มีเกจิอาจารย์โบราณหลายท่านก็เคยปรุงกินจำหน่ายจ่ายแจก เมื่อยามที่เกิดทุพพิกภัย(โรคระบาด/หลายครั้งที่มีห่าลงในบางกอก)หรือแม้กระทั้งยามศึกสงคราม วัด/พระก็เป็นที่พึ่งแก่สาธุชนเสมอ
    วันที่ 6เช้า ผมเป็นเจ้กบ้านไฟไหม้เลย ผมโทรไปกวนครูท่านแต่เช้า ได้ยินเสียงโทรศัพย์เหมือนยังไม่ตื่นนอน แต่ผมก็ได้มีโอกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมพร้อม ที่จะไปร่วมกิจกรรมสำคัญในชีวิตของผม
    เช้าวันที่ 8 ผมเดินทางด้วยอีแก่คันเก่าค่อยๆปุ่เรงๆๆ ไปเพื่อให้ถึงเป้าหมายสำคัญคือปรนนิบัติกิจกรรม(พร้อมกับแอบสอดรู้ในวิชายาดำวาสนาจินดามณี
    สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนทำพิธี เช่นนี้ โอกาสไม่มีง่ายๆนะครับ!!!!!!!!)

    ถึงที่จุดหมายปลายทาง ก็ประมาณบ่าย ไปถึงก็พอดีกับ การช่วย ครูท่านดงยา นึ่งยาเพื่อเตรียมผึ่งลมกับแดดอ่อน ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 9 มิย.
    แล้วก็กลับมาทบทวนคาถามหาจินดามณี ท่านได้เล่าท้าวความว่า จริงๆ มนต์บทนี้เป็นการผูกมนต์ด้วยบาลีอันเป็นบทประพันธ์ในพระปรีชาญาณของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ ในเรื่องพระสังข์ทอง บทประพันธ์พื้นบ้านเรื่องนี้ มีกลบทที่ผูกในสรรพวิทยาคมปะปนซุกซ่อนไว้หลายประการเป็นกลบท และด้วยพระปรีชาชาญของร.๔ ก็นำมาขยายอรรถและผูกประพันธ์ชำระความเป้นเรื่องราวที่ยาวขึ้น และเป้นเรื่องราวที่ละเอียดละออขึ้น อย่างมนต์มหาจินดา ก็ถูกผูกขึ้นด้วย ความชำนาญในเรื่องไวยากรณ์บาลีของร.๔ ในขณะที่ทรงผนวชและศึกษามูลกัจจาย และอรรถบาลี เป็นความสามารถที่ถูกนำมาใช้ในบทแห่งมนต์จินดามณีนี้ด้วย

    คุยกับท่านหลายเรื่องครับ จนเกลือบทุ่มกว่า เราก็มีโอกาสมาทบทวนมนต์บทมหาจินดามณีกันครับผม

    คาถาจินดามณี ใช้เสกเวลาบดยาในพระอุโบสถ และต้องประกอบไปด้วยเครื่องสักการะบูชา ที่ถูกต้องด้วย

    ท่านท่องว่า

    "จินดามะณี ปิยังมันตัง ยะสัง ทาสัง โกมัง อุปะสันติ สิเนหัง มาตาปิตาวะโอระสัง ปะโพตัญจะ มหาราชา ตะวังมังโป สัตถุโนทิปัง กาเรเทโว สุโป เสทิ กิญจิเทโว สักโกปัชชัง พัสมิง กินเนวา ทัตวาปิยังกัตตะ สิรีปุตโต ภะวันตุเม สิทธิลาภัง ชะนานะเย"

    หลังจากนั้นก็ทบทวนและบันทึกเรื่อง จุกจิกเบตล็ดในการประกอบพิธีกรรม

    มีดังนี้...............

    แท่นหินบดยา ลงด้วยยันต์ อิสะวาสุ สุสะวาอิ …ยันต์สี่เหลี่ยม 16 ตา

    ลูกหินบดยา ลงด้วยยันต์ตรีนิสิงเห ซึ่งเป็นยันต์เดียวกับยันต์ลงพระชั้นเดียว

    หาฤกษ์สำหรับบดยา ควรใช้ฤกษ์ในเวลาเช้าจะได้มีเวลามากๆ และสะดวกไปถึงบ่าย แต่ในวันนั้น ใช้ฤกดิ์เย็นครับ ช่วงเช้า เครียร์และเตรียมสถานที่ เพื่อรอฤกดิ์เข้ายา

    เตรียมเครื่องยาให้ครบ จัดตั้งภายในประรำพิธีให้พร้อม

    นิมนต์พระมาสวด ในวันทำพิธี โดยต้องหาพระอาจารย์ที่มีญาณแก่กล้า เตรียมพระอุโบสถที่จะทำพิธี เตรียมสายสิญจน์ในพิธีไว้ให้เรียบร้อยล่วงหน้า 1 วันต้องมีการบูชาเทวดา บูชาครู และบูชาครูหมอยา สวดมนต์เหมือนการปลุกเสกพระ สะเดาะเคราะห์ แต่ต้องสวดพระปริตรทุกบท และเพิ่มบทอื่นๆ ตามแต่จะเห็นสมควร รวมทั้งที่ใช้เสกยา

    เตรียมบัตรพลี เครื่องสังเวย ชุดใหญ่ 1 ชุด สำหรับใช้ในพิธี

    ถาดใหญ่ๆ ใบตอง สำหรับรองหินบดยา และรองรับตัวยา

    ที่สำหรับปั้มเม็ดยา เป็นแบบกดๆ เพื่อสะดวกในการปั้นเม็ดยา หรือแบบร่อนทำยาลูกกลอน ที่ตามร้านรับปั้นยาลูกกลอนใช้กัน หรือจะนำตัวยาไปปั้นเป็นเม็ดที่ร้านภายหลังเสร็จพิธีก็ได้

    แผ่นทองคำเปลว ชนิด 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับติดกับยาทุกเม็ด หรือนำไปปั่นรวมกันเวลาขึ้นรูปเม็ด

    น้ำที่ต้มจากไม้กฤษณา ไว้สำหรับผสมยาตอนหมักยา หรือเรียกว่าหม่ายา ใส่พร้อมพิมเสน น้ำมะนาว น้ำมะเขือขื่น และเครื่องยาอื่นๆ

    น้ำดอกไม้ ซื้อตามร้ายขายยาไทย ใช้พรมยาเวลาบดยาจะช่วยให้บดง่าย

    ชะมดเช็ด กินโดยตรงไม่ได้เป็นพิษ ต้องฆ่าก่อนนำไปใช้ ประกอบยา (รียกกันว่าประสระ หรือสะตุ) โดยใช้ใบชะพลูซอยให้ละเอียดๆ ใส่ในทัพพีเงินแท้ และเอาชะมดเช็ดวางข้างบน เอาไฟเทียนใหญ่ๆ ลนทัพพีพอชะมดเช็ดละลาย หาผ้ากรองเอาขี้ฝุ่นขี้ผงออกให้สะอาด เอาแต่น้ำมันไปใช้ผสมยา (ชะมดเช็ดจะมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อฆ่าแล้วจะมีกลิ่นหอม ชะมดเช็ดเกิดจากตัวชะมดเช็ดตัวเมีย เอาเหนียงเพศของมันไปเช็ดไว้ตามกิ่งไม้ เข้าใจว่าเพื่อใช้กลิ่นเรียกตัวผู้ หรือแสดงอาณาเขตของตน และคนไปเก็บมาใช้ทำยา ต้องใช้อย่างดี กลิ่นแรงๆ ถ้าซื้อถูกๆไม่แพง มีคนขายแถว(นัยว่าเลี้ยงไว้หลายตัว) เขาย้อย จ.เพชรบุรี ถามคนแถวนั้นดูพวกวินมอเตอร์ไซด์ กำนัน นายอำเภอจะรู้ดี ต้องสั่งล่วงหน้าหลายเดือน

    น้ำประสานทอง เหมือนกันคือเอาไปสะตุก่อน ร้านขายยารู้วิธี และเวลาซื้อเขาทำให้เสร็จเรียบร้อย

    ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบวิธีฆ่าพิษโดยนำภาชนะไปตั้งไฟให้ร้อน เมื่อภาชนะร้อนดีแล้วจึงนำน้ำประสานทองซึ่งลักษณะเป็นผงสีขาวๆ ใส่ลงไป พอโดนความร้อนน้ำประสานทองจะแปรรูปเป็นก้อนๆ คล้ายข้าวโพดแตกตัว (ให้ร้านขายยาทำให้ดีกว่า)

    ดอกจันทร์ ต้องใช้ดอกจันทร์จากจังหวัดกระบี่ ตรัง สตูล สั่งได้ที่ร้านขายยาหรือจากทางภาคใต้ คล้ายดอกพิกุล ดอกเล็กๆ ต้องหาเอง อย่าไปเอาที่ร้านเจ้ากรมเป๋อ เป็นดอกใหญ่ๆไป เพราะเป็นจันทน์ คนละอย่างกัน

    กำยาน ต้องให้ร้านขายยาตำเพราะเราทำไม่เป็น มันจะเหนียว แต่กำยานแท้ๆ จะเหมือนยางสนที่ขัดสายซอ กรอบ ร่วน แตกง่าย

    ดอกคราด สั่งทางเหนือแม่สาย เชียงใหม่ตามตลาดในเชียงใหม่จะมีขาย เดือน 11-12 มีดอกเยอะ ต้องเอามาตากแห้ง ทางเหนือใส่ในแกงแค ดอกสีเหลืองๆ และจังหวัดราชบุรี เรียกดอกคราดหัวแหวน ลักษณะคล้ายหัวแหวน บางทีมีขายแถวตลาดเทเวศน์ เพราะบางคนนำมากินกับขนมจีน เรียกดอกผักเผ็ด บางคนนำมาใช้อุดฟันแก้ปวดฟันได้

    มะเขือขื่น มีขายแถวราชบุรี ต้องเป็นมะเขือที่ขึ้นเอง สังเกตุดูตรงจุกต้องมีหนาม ไม่ได้ใส่ปุ๋ย และเวลาใช้ต้องคั้นเอาแต่น้ำเท่านั้นไปผสมกับยา

    เกสรบุษบัณ ให้ใช้แต่เกสรดอกบัวเผื่อนเท่านั้น เอาแต่เกสรจริงๆ มาใช้ โดยมากเสร็จฤดูทำนาจึงจะออกดอก หาได้แถวสุพรรณ เด็ดเฉพาะเกสรให้เสร็จและตากแห้ง มิฉะนั้นจะเน่าภายในคืนเดียว แล้วรีบตากในตอนเช้าทันที
    สั่งได้กับพระวัดศรีสิมมา ชื่อพระสุชน อยู่บ้านแพ้ว สั่งให้ตากแห้งแล้วเด็ดให้เสร็จ กิโลละ 4000 บาท ท่านไปสั่งที่สุพรรณอีกที

    ไม้กฤษณา เอามาต้มเสร็จแล้ว เอาแต่น้ำของมันไปใช้ (ใช้อย่างเนื้อไม้ดี) ตุ๋นหรือต้มประมาณ 5-6 วันใช้หม้อไฟฟ้าก็ได้เพราะสะดวก

    พิมเสน ต้องเอาอย่างดี แบบเป็นเยื่อไผ่แท้ๆ ราคาบาทละประมาณ 1000 กว่าบาท ของญี่ปุ่นก็มี

    เปราหอม เอาแต่หัวมาใช้ (ที่กินกับปลาไหล)

    น้ำผึ้งเดือนห้า ต้องเป็นน้ำผึ้งป่าของแท้

    ร้านขายยาบางซื่อเภสัช ติดตลาดบางซื่อ มีทุกอย่างยกเว้นชะมด ดอกจันทร์ ดอกคราด ดอกบัวเผื่อน
    เจ้ากรมเป๋อ
    หรือเวชพงษ์ แยกวัดตึก

    เริ่มพิธี
    คืนแรกหลังจากได้ยามาครบแล้ว เสกด้วย สักกัตตะวา เพื่อรักษาโรค และพระปริตร หลังจากนั้นในตอนเช้าเอายาไปบดให้เรียบร้อย และกรองเอากากออกให้เรียบร้อย (เสกเองที่บ้านก็ได้ ในวันนั้น ครูท่านเสกที่ห้องท่านครับ) เสกมาเรื่อย เกลือบอาทิตย์แล้วด้วย

    คาถาสักกัตวา

    สักกัตวา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
    หิตังเทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุเม

    สักกัตวา ธัมมะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
    ปาริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุเม

    สักกัตวา สังฆะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
    อาหุเณยยัง ปาหุเณยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุเม

    และสวดพระปริตรด้วยทุกบท

    เที่ยงวันของวันที่ 9 มิย.

    ส่วนหมักยา เพื่อเตรียมก่อนที่จะเคลื่อนของและอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าสู่เขตพัทธสีมา (โบสถ์มหาอุตม์) เริ่มช่วยกันโดยเอาทุกอย่างประสมกันหมด การใส่น้ำผึ้งต้องระวังอย่าให้มากเกินไป เพราะยาจะแฉะไม่แห้ง ใส่เพียงให้ยาเกาะกันได้เท่านั้น และเอาผ้าขาวชุบน้ำคลุมปากหม้อไว้ แล้วเสกด้วยบทเหมือนคืนแรก (เสกเองที่บ้าน) คือบทสักกัตวา
    เมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงวเย็นก็เริ่มช่วยกันขนย้านถ้วยถังกะละมังหม้อ หินบดยา แจกันโต๊ะหมู่เชิงเทียนโอ่งน้ำมนต์ และก็เริ่มทำเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมเสร็จ รอเวลา และหลังจากนั้น ก็เป็นส่วนในพิธีกรรม ภายในโบสถ์(หผมขออนุญาติอุ้ปส์!!ไว้ก่อนหล่ะกันไว้บอกตอนหลังครับ ) และก็ปั้นยากันจนเช้า

    ในเช้ารุ่งขึ้นวันที่10 เป็นส่วนพิธีลาเครื่องยา เมื่อพระอาทิย์ขึ้น ในพิธีต้องตั้งบัตรพลี เครื่องสังเวยชุดใหญ่ 1 ชุด สังเวยเทวดา ไหว้ครู ไหว้ครูหมอยาด้วย
    นิมนต์พระสวดในพิธี สวดพระปริตร สวดนพเคราะห์ เพื่อแก้คราด ถูกศูนย์ ถูกจันทร์ ถูกลัคนา สวดแบบสะเดาะเคราะห์ เป็นต้น

    ตำรานี้ท่านครูบอกว่าเป็นตำหรับของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ที่อยู่บนหิ้งตำราทั้งหมดฯลฯ

    หลังจบพิธีต้องสวดบทอัญเชิญเทวดากลับด้วย มิฉะนั้นจะลุ่มร้อนไปหมด เพราะท่านอยู่ไม่สบายเหมือนวิมานท่าน



    ส่วนในโบสถ์ ขณะบดยา ในพิธีบดยาที่กระทำภายในพระอุโบสถ โดยเอายาที่บดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาเข้าบดในพิธี ตามฤกษ์ที่ได้หาไว้สำหรับเริ่มบดยา
    โดยมีพระคอยสวดขณะที่บด ส่วนคนที่บทยาก็ต้องท่องคาถาจิดามณีไปด้วย
    หินบดยา ลงยันต์แก้วสาระพัดนึกที่ลูกบดยา อิสะวาสุลงแท่นหินบดยา เพื่อบดในโบสถ์

    หลังจากนั้นเสร็จพิธีเอายาไปปั้นเม็ดที่โรงงานก็ได้ หรือปั้นเม็ดที่วัด ที่บ้านก็ได้ แต่ในเหตุการณ์นี้ ทำการปั้นในฤกดิ์ในโบสถ์
    ตอนปั้นแล้ววางไว้พอหมาดๆ ก็ปิดทอง หรือหากใช้เครื่องพอหมาดๆ ก็นำทองคำเปลวไปติดในเครื่อง เมื่อยากลิ้งไปกลิ้งมาก็ติดเอาทองไปด้วย

    การบดใช้หินบดที่เตรียมไว้ และใบตองรองถาดรองหินบด เวลาบดคนที่บดต้องว่าคาถาจินดามณีไปเรื่อยๆ และบดไปด้วยพร้อมกัน จนกระทั่งพระสวดเสร็จ (ยาที่จะบดนี้เราจะไปจ้างเขาบดแห้งไว้ก่อนด้วยเครื่องบดยา ให้ละเอียด และนำไปบดเพิ่มเติมในพิธีเท่านั้น เพราะหากไปบดในพิธีทั้งหมดจะทำไม่ทัน และได้ตัวยาน้อย ออกมาไม่สวย) ขณะบดพรมน้ำดอกไม้จะช่วยให้บดง่ายขึ้นแต่ต้องไม่ให้แฉะเกินไป เสร็จแล้วนำไปปั้น จะปั้นที่วัดหรือที่บ้านก็ได้ โดยใช้ที่กดๆ ปั้มเป็นเม็ดยาออกมา หรือใช้เครื่องปั้นยาลูกกลอน แต่ในวันนี้ เราปั้นด้วยในฤกดิ์

    การตากยา ควรตากภายในร่ม และอากาศถ่ายเทสะดวก อย่าตากกลางแดดเดี๋ยวกลิ่นหอมหายหมด


    ข้อควรระวัง ห้ามบดเครื่องตัวยาเก็บเอาไว้นานๆ จะมีตัวแมลงเกิดเป็นตัวขึ้นมากินหมด เพราะในตัวยามักมีไข่ของพวกนี้ แต่ตาเรามองไม่เห็น
    ให้เอาตัวยามาตากแห้งไว้ก่อนบดได้ และเมื่อถึงเวลาใกล้วันทำพิธีค่อยนำไปบด สำหรับผู้ที่อยากทำนะครับผม

    น้ำหนักเครื่องยา มี 2 วิธีคิดคือ

    แบบแรกชั่งยาทุกอย่างเท่ากันหมด ชั่งให้พอดี แล้วนำไปบดปนกันหมดแล้วคัดกากออก

    แบบที่สองแยกบดทีละอย่าง แล้วจึงค่อยนำมาชั่งน้ำหนักให้เท่าๆ กันในภายหลัง

    การหาน้ำหนักยาจึงมี 2 แบบ แต่อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ท่านใช้แบบแรกคือวิธีชั่งน้ำหนักก่อน

    แล้วนำไปบดปนกันหมดจากนั้นจึงคัดกากออก เหลือแต่ผงยาที่ละเอียดๆ

    แผ่นทองคำเปลวของแท้ สำหรับอาจารย์เทพย์จะใช้ติดที่เม็ดยาทุดเม็ด หลังจากเม็ดยาแห้งหมาดๆ แล้ว ติดเพียงเล็กน้อยขนาดกว้างยาวเพียง 1/10 นิ้วต่อเม็ดยา ซึ่งค่อนข้างติดยาก ในภายหลังลูกศิษย์ใช้การปั้นโดยไปจ้างตามร้านแล้วใช้เครื่องปั้นเป็นยาลูกกลอน และนำทองลงผสมโดยปิดอยู่ในภาชนะไปเลย เมื่อยากลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อขึ้นรูปเม็ดกลมๆ ก็จะคลุกเอาทองไปด้วย เม็ดยาจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร ถึง 1 เซนติเมตร แล้วแต่ใครจะชอบขนาดไหน สำหรับทองคำเปลวนี้ในตำราไม่ได้เขียนไว้แต่ อาจารย์เทพย์ใช้มาตลอด และย้ำอยู่เสมอ ว่าในร่างกายคนนี้มีธาตุทองอยู่ด้วย ถ้าขาดก็ไม่ดีทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ แต่ถ้ามีมากไปก็เป็นโทษเหมือนกัน ดังนั้นการใส่ทองจึงต้องทำแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเม็ดยาเสร็จใช้กล้องส่องดูเห็นเพียงไรๆ ในเนื้อยาเท่านั้น

    เป็นที่น่าสังเกตุว่าทองคำนี้ไม่ได้กล่าวโดยตรงในบทกลอนแต่กล่าวซ่อนกลบทไว้ว่า ."พัสดุเงินทอง จักพูนกูนกอง กว่าโลกหญิงชาย” ".ซึ่งมีคำว่าทองซ่อนอยู่ เข้าใจว่าเป็นความลับของอาจารย์จะบอกเฉพาะศิษย์ที่ต้องการให้รู้จริงๆ

    และหากส่องกล้องดูในพระนางพญาที่สภาพสวยๆบางองค์จะเห็นทองไรๆ ในเนื้อพระลักษณะเป็นปื้นๆ



    เมื่อเนื้อยาเสร็จการที่เจ้าพิธีหรืออาจารย์จะแอบใส่ทองลงไปโดยไม่ให้คนอื่นรู้ก็ทำได้ง่ายเพราะใช้จำนวนไม่มากนัก

    คุณสมบัติพิเศษของยาวาสนาจินดามณี อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เคยบอกไว้ ใครที่ได้กินยานี้ แม้ป่วยหนักแค่ไหนมีชีวิตต่อไปได้อีก 7 วัน เมื่อครบ 7 วันหากได้กินอีกก็ต่อชีวิตได้อีก 7 วันไปเรื่อยๆ แบบนี้จนกว่าจะกินยาไม่ได้ (ความหมายคือกินไปตลอดชีวิตว่างั้น)

    ในเวลาที่ดวงชะตามีเคราะห์หนักๆ หากได้กินยา สามารถคลายให้เป็นเบา หรือไม่เกิดขึ้นเลย

    ท่านยังบอกว่า นำยาจิดามณีมาผสมสร้างเป็นพระติดตัวไว้ก็สามารถคุ้มครองตัวได้เช่นกัน แต่ผมเห็นว่าในคำกลอนบอกให้กิน เลยกินมาตลอดตั้งแต่ปี 2518 จนถึงปัจจุบัน 2552 หลังจากนั้นก็หยุดกินเพราะไม่มีเวลาทำ และไม่มีเวลากินยา

    อาจารย์เทพย์ทำยาครั้งหนึ่งส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยาแต่ละอย่างหนักอย่างละ 4 บาท เพราะเครื่องยาหายากและมีราคาแพง และอาจารย์ให้ฟรีนอกจากใครอยากช่วยค่ายา แต่พี่ตุ๊กแกใช้อย่างละ 2 กิโลกรัม และเก็บไว้ใช้นานๆ และขายเม็ดละ 20 บาท

    ในการทำครั้งแรกควรติดต่อหาตัวยาจากแหล่งเดิมจะได้ตัวยาที่ถูกต้องมาเรียนรู้เป็นต้นแบบ ของ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร บรมครูทางศาสตร์ไทย


    ..............................................................

    "จินดามณีโอสถอันพิลาส" ประกอบดอกคลาด ดอกจันทร์ เกสรบุษบัน เปราะหอม กำยาน โกฐสอ โกฐเขมา ทองน้ำประสาน เปลือกกุมชลธาร กรุงเขมาเท่ากัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้งรวงรัน กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือขื่นคั้นผสมยาเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกินเป็นยาวาสนาเลิศล้ำตำราในโลกแผ่นดิน อุปเท่ห์กล่าวไว้ ผู้ใดได้กินจะสวัสดิโสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุเงินทองจักพูนกูลนองกว่าโลกหญิงชาย นำมาบูชาอหิวาต์ก็มิวาย ระงับอันตรายทั้งสี่กิริยาโทษหนักเท่าหนัก มาตรแม้นประจักษ์ถึงกาลมรณา ถ้าแม้นใครกินซึ่งยาวาสนากลับน้อยถอยคลาเคลื่อนคลายหายเอย



    นอกจากนี้ยังได้แยกเครื่องยาไว้อย่างละเอียดว่า สมุนไพรชนิดใดจะเอาส่วนไหนประกอบกับอะไร บดเป็นผงละเอียด เคล้ากับตัวประสานสมุนไพรนั้นมีมากมายหลายชนิด แยกออกเป็นสัดส่วนว่า ส่วนไหนใช้เท่าใด และให้ลงหรือเสกด้วยคาถาอย่างไรบ้าง เมื่อปลุกเสกเครื่องยาแต่ละส่วนตามคาถาที่กำกับแล้วก็ เอาเครื่องยามาผสมกับมีคาถาฤาษีประสมยา ประกอบไว้อีกโสดหนึ่ง ในเรื่องสัดส่วนของสมุนไพรตลอดจนสมุนไพรนอกจากที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นนั้น และพระคาถากำกับการเสกสมุนไพรมากมายหลายบท จากนั้นท่านได้แจกแจงรายละเอียดเอาไว้ในส่วนการลงลูกหินและแม่หิน ซึ่งจะใช้บดยาว่า "แม่หินต้องลงอักขระเลขยันต์อีกแบบหนึ่งและมีคาถาประกอบขณะบดยา"

    การจัดพิธีส่วนมากท่านให้เลือกเอาวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๑๒ ซึ่งหากปีใดได้ราชาฤกษ์หรือเพชรฤกษ์ แต่ ครั้งนี้ ใช้วันกระทิงวัน คือวันที่ 9มิย. 56

    จัดว่าดีเยี่ยมให้จัดเครื่องสังเวยเทวดาบัตรพลีต่างๆ รวมทั้งราชวัตร ฉัตรธงภายในพระอุโบสถ และมีสายสิญจน์ รอบพระอุโบสถแต่ละทิศให้ลงยันต์ประจำทิศด้วยผ้าแดง ด้านหน้าพระอุโบสถแต่ละทิศ ให้ลงยันต์ตรีนิสิงเห และยันต์จินดามณีประกอบไว้เป็นพิเศษด้วย เมื่อได้ฤกษ์ให้ชุมนุมเทวดา แล้วให้พระภิกษุและฆราวาส ที่ร่วมพิธีพร้อมกัน โดยเฉพาะฆราวาสนั้น หากเป็นหญิงให้ใช้สาวพรหมจารีย์ ซึ่งรักษาศีลอุโบสถ (ศีล ๘) มาแล้ว ๓ วัน ส่วนชายก็ให้รักษาศีลอุโปสถเช่นกัน


    ผู้ร่วมพิธีปั้นเม็ดยา หรือกดพิมพ์พระจะต้องภาวนาพระคาถาไปด้วย ไม่ว่าเม็ดยา หรือพระพิมพ์ที่ปั้น และกดเสร็จแล้วจะต้องนำไปปลุกเสกด้วยมนต์ขลังอีกอย่างน้อย ๗ เสาร์ ๗ อังคาร การสร้างยาจินดามณีนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ยาวาสนา" ซึ่งมิใช่มีเฉพาะตำหรับของวัดกลางบางแก้วเท่านั้น วัดอื่นก็มีสร้างกัน เช่น วัดปากครองบางครก อ.บ้านแหลม จ. เพชรบุรี ก็มีการสร้างในสมัยของหลวงพ่อโศก (พระครูอโศกธรรมสาร) เกจิอาจารย์ผู้พระเดื่องนาม ในการสร้างปลัดขิก พระขรรค์และผ้ายันต์ราชสีห์เส้นคู่ ตำหรับการสร้างผงยาจินดามณีของวัดปากคลองบางครกนี้ ก็มีกรรมวิธีการสร้างและอุปเท่ห์การใช้อย่างเดียวกันกับของวัดกลางบางแก้ว ผู้เขียนเข้าใจว่าคงเป็นตำราที่สืบทอดแตกแยกกันออกไป เมื่อได้พูดถึงสูตรผงยาจินดาตรีของทั้ง ๒ สำนักแล้ว ก็อยากจะนำอุปเท่ห์การใช้มาเขียนลงไว้อย่างชัดเจน โดยขอกล่าวถึงอุปเท่ห์การใช้ยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้วก่อน ใครได้รับประทานยาจินดามณีแล้วจะบันดาลให้เกิดศิริสวัสดีและลาภผล หากบูชาเอาไว้จะป้องกัน


    และรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แม้แต่อหิวาตกโรคผู้ใดมีไว้จะปราศจากอันตรายใดๆ ในทุกอิริยาบถผู้ใดต้องโทษทัณฑ์ก็จะบรรเทาเบาบางลงได้ ผู้ใดป่วยหนักแม้แทบจะสิ้นชีวิต หากได้รับประทานอาจินดามณีแล้ว ก็จักรอดตายฟื้นหายจากโรคนั้นสำหรับวิธีการใช้ยาขอยกเอามาเพียงบางส่วนดังนี้
    ถ้าใช้รักษาอหิวาตกโรคให้เอายอดทับทิมต้มผสมกับกานพลูและน้ำปูนใส แล้วฝนเม็ดยาใส่ลงไปดื่มรับประทานหายจากโรคแล
    แก้โรคเสมหะตีขึ้น(คนป่วยถ้าเสมหะตีขึ้นแล้ว มักจะไม่รอด) ให้ใช้ดีหมีผสมน้ำร้อน แล้วใส่ยาจินดามณีผสมลงไปรับประทาน
    ถ้าเกิดคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล ให้เอายาใส่น้ำเสกด้วย "เอกัง จินดามณีมันตัง" เป็นเมตตามหานิยม แล้วเอาน้ำประพรมศรีษะ เอาเม็ดยาอมไว้ตลอดเวลา จะชนะความทั้งสิ้นแล

    หากจะให้ปัญญาดี ให้เสกด้วยพระคาถาต่อไปนี้ ๓ คาบ
    "ตะโตโส ปัณฑิโต ปิหิโส อัตถะ ทัสสีมะโหสะ โถ" แล้วอมยาจะท่องมนต์คาถาสารพัดวิชา จำได้สิ้น ที่หลงลืมก็จะระลึกได้อุปเท่ห์การใช้ผงยา

    จินดามณี ของวัดกลางบางแก้วนี้ยังมีอีกมาก เอาไว้กล่าวถึงในบทเฉพาะเกี่ยวกับพระคาถาอาคมของหลวงปู่บุญ

    สิทธิการิยะ จะกล่าวถึงสรรพคุณวิเศษของยาจินดามณี ตำหรับวัดปากคลองบางครก (อันที่จริงก็ตำรับเดียวกันนั่นแหละครับ เพียงแต่แตกแยกออกไปเท่านั้น)

    แก้โรคในจักษุ ๖ แก้ในจมูก ๓ ประการในลิ้น ๖ ประการ ในฟันในท้อง ๔ ประการ แก้ไขบั้นปลายก็ได้ แก้ลมมหาสดมภ์ แก้ลมราชยักษ์กุมภัณฑ์ยักษ์ แก้อ่อนเปลี้ยเพลียใจ คลื่นไส้เอาเจียรเป็นยาครรภ์รักษา แก้หัวพิษ หัวกาฬ ละลอกน้ำ ละลอกไฟ

    ผิวเป็นอัมพฤก อัมพาต ตายไปทั้งตัวก็ดีฝ่ายซ้ายขวาก็ดี ตีนมือ คาง ขากรรไกร ก็ดีหาสมประดีไม่ได้ไซร้ ให้เอาหญ้าฝรั่ง พิมเสนทองคำ บดด้วยยาละลายกรอกลงไปได้สติลืมตามีน้ำตาไหล น้ำลายยืดแล้วหายแล ถ้าคนไข้บีบมือเหมือนจะออกคำ แต่ออกมิได้ให้เอาดีหมีก็ได้ถ้าไม่มีดีงูก็ได้ ต้มน้ำให้ละลายประมาณครึ่งถ้วยพริก ใส่เหล้าครึ่งให้กินเถิดถึงเสลดหางวัวตีขึ้นก็จับกลับหาย หายมากแล้ว

    ถ้าผู้บ่าวสาว ชักดิ้นงักงอ หมดสติตีนมือเกร็ง มีมายาต่างๆ เหมือนผีสิงก็ดีกัดฟันหน้าเบี้ยว ให้เอาพิมเสนมาบดด้วยยาใส่ฝิ่นรำหัส ให้ต้มน้ำขิงทุบ เอาน้ำอุ่นเยี่ยวหนูให้กิน ถ้ามิฟังให้เอาหัวหอม ๓-๔ หัวตำ คั้นน้ำบดยาให้กิน

    แก้กำหนัดกามราคะขึ้น เป็นลมเบื้อนสูงสงบและเลือดระดูทำพิษให้เอาเสนียด คำฝอยต้ม

    แก้สวิงสวาย หน้ามืดตาลาย กระวนกระวายเป็นทุกข์ระส่ำทรวง หัวใจเต้นดังตีปลาเหงื่อกาฬแตก บดยาใส่น้ำดอกไม้สด น้ำมะลิ บังหลวง กระดังงาก็ได้ ทั้งกินทั้งดมหายใจแลแก้ร้อนใน น้ำดอกไม้เทศ

    แก้ทราง ละลายน้ำพ่น ชะโลมตัวหายแล

    แก้เลือดตก น้ำมะขามเปียกครึ่งชามแกงแซกเหลือตัวผู้ แก้ลมบ้าหมู น้ำมะนาว แก้ไอมะนาวแทรกเกลือ
    ตกลงป่วง ลงราก โรคห่า ละลายน้ำยา ด้วยน้ำฝนกินให้อิ่มหายพลัน ถ้ามิฟังเอาเปลือกมะม่วง ๓ เปลือก ต้มใส่ปูนน้อยหนึ่ง ต้ม ๓ เอา ๑ ละลายกินเถิดหาย

    แก้บิดมูกเลือด ขมิ้นข้น ๓ แว่น ทายาฝิ่นหรือขี้ยากรอบงโรยลงปิ้งไฟเกรียม บดด้วยน้ำปูนใสใส่ยา ๑ เม็ดกิน ๓ ที หายดีนัก แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อใช้น้ำขิงต้ม

    แก้โรค อุปทม ทุเลาวสา มุตกิต มุตฆาต ยักน้ำกระสายธาตุ ๔ ต้ม ให้ถ่ายใช้เกลือหนัก ๑ ชั่ง
    ธาตุหนักก็เพิ่มขึ้น ใบมะขามต้มเป็นกระสาย

    องคชาติปวดแสบในลำปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะเป็นกำลัง บานไม่รู้โรยขาว ทั้งห้าต้นแทรกสารส้ม รำหัสละลายยากินเถิดหาย
    มักหนักถ่วงท้องน้อย บางครั้งมีแน่นให้เอาใบมะดัน ๙ ใบลงด้วยนวหรคุณต้มแทรกสารส้มกินหาย เมื่อทุเลาแล้วแต่งยาชื่อกษัยองคสุตรกินเสียหายแล

    แก้หัวพิษ หัวกาฬ หัวละลอก ใช้น้ำครำฝนยาทาใช้น้ำขี้เถ้าดินเผาไฟก็ได้ใบมหากาฬตำก็ได้

    แก้บาดทะยัก เอาผักปราบตำใส่ปูน น้ำมะนาวบีบลงในยานี้ทาหาย ถ้าชักกระตุกแล้วให้รีบทาเถิด ยักยาอื่นตายแล

    อนึ่งทารกแรกเกิด ให้เอายาฝนกับน้ำผึ้งรวงแล้วหยอดให้ทารกนั้นกิน ๓ วันแรกเสียงจะดีนักแล เลี้ยงง่ายปัญญาดีแล

    ถ้าให้มีปัญญาพาที ให้เสกด้วยพระคาถานี้ ๓ จบ แล้วอมยาไว้จะเล่าบ่นมนต์คาถาสารพัดวิชาจำได้สิ้นที่เลือกลืมหลงก็จะรำลึกได้แล
    ให้เสกด้วยมนต์มหาจินดาติดตัวไปเป็นเสน่ห์บังเกิดลาภผลที่ตนปรารถนาแล

    สู้ความชนะ ให้เสกด้วย พัสสมิงกิเนนโตฯ
    ให้เสกด้วย เอกจินดา มณีมนตํ ติดตนไปเป็นมหานิยมภาวนา อุอากะสะ ทำการไร่นามิเหนื่อยแล
    ให้ภาวนาด้วยบท ยันทุนนิมิตตัง จบหนึ่งเอายาติดตัวไว้กลัวลางนิมิตร้ายแล
    อมยาแล้วนั่งเหนือลมภาวนา อิตถีจิตตํ ปิยํ มะมะ รักและหลงเรา จากไปมิได้แล

    เมื่อจะเดินทางไปสารทิศ เข้าหายเจ้านายผู้ใหญ่ ใช้ยานี้แช่น้ำใช้น้ำนั้นสระหัวอมยา แล้วภาวนา สัตถาเทวมนุสสานัง พุทโธ ภควาติ ๗ คาบผู้ใหญ่ เจ้านายหายโกรธ ช่วยเหลือเราทุกทางเลย

    ถ้าเผชิญด้วยหมู่ศัตรูหมู่ร้าย ให้อมยาแล้วภาวนา พามานา อุกะสะนะทุ ๘ คาบ ชนะศัตรู ศัตรูทำร้ายมิได้ แคล้วคลาดสารพัดแล

    เอายาติดตัวไปป้องกันสรรพโรคภัย ป้องกันเสนียดจัญไร กันย่ำยีด้วยคุณไสย คุณผี คุณคน สารพัดพิษ ผิดสำแดง
    เมื่อต้องยาเบื่อมา เอารากมะปรางหนึ่ง หัวนุมานกระทบแท่งหนึ่ง ฝนทำน้ำกระสาย หรือ
    เอาแต่อย่างหนึ่งก็ได้กินเถิดมิเป็นไรอย่าประมาทเลย เคยแก้ยาสั่งมาแล้ว ถ้าติดตัวไปมิต้องเราแล

    ให้มีติดตัวถึงคราวอับจนจะได้ใช้ ตามืด หูมืด ใช้ได้ทุกเมื่อ มีอำนาจวิเศษคุณมากตีค่าไว้ถึง ๘ ชั่งทองแล
    ............................................................

    พระคาถาเสกยาจินดามณี
    "จินดามณี ปิยังมันตัง ยะสังธาสังโกนัง อุปะสันติ สิเนหัง มาตาปิตาวะ โอระหัง ปะโพตันจะ มหาราชา ตะวังมังโปสัตถุ โนทีปัง กาเรเทโว สุโป เสทิ กิญจิ เทโว เย สักโก ปัชชัง ทัสมิง กินเนวา ทัตตาปิยัง กันตัง สาริปุตโต ภวันตุ เม สิทธิลาภัง ชนานะเย มณีจินดา ปิยัง จะ ธะนังสัพเพชะนา พหูชะนา ปิยังมะมะ"

    มนต์จินดาบทนี้มีคุณเป็นเอนกประการ ขอให้ผู้มีเม็ดยาหรือพระยาจินดามณี หมั่นท่องบนภาวนาเป็นประจำจะช่วยเสริมอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ของยาให้บังเกิดสรรพคุณเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แต่หากท่านยังไม่มีเม็ดยาหรือพระยาจินดามณี ถ้าจะจดจำเอาไว้สวดภาวนาอยู่เป็นนิจก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด พุทธคุณนั้นมากหลาย โดยจะขอจำแนกแจกแจงตามวิธีใช้ดังต่อไปนี้ ขอทบทวนบทที่เขียนไปแล้ว ๒ บทด้วยคือ


    ถ้าเกิดคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล ให้เอายาใส่น้ำเสกด้วย "เอกัง จินตามณีมันตัง" เป็นเมตตามหานิยม แล้วเอาน้ำปะพรมศรีษะ แล้วอมเม็ดยาไว้ตลอดเวลาจะชนะความสิ้นแล และเป็นเมตตามหานิยมแก่คนทั้งปวง


    ถ้าให้ปัญญาดีเสกด้วยคาถาบทนี้ ๓ จบ "ตะโต โส ปัณฑิโต ปีหิโส อัตถะทัสสิ มะโหสะโถ" แล้วอมยา จะท่องบ่นมนต์คาถาสารพัดวิชาจำได้สิ้นที่หลงลืมก็จะรำลึกได้

    ถ้าป้องกันงูและสัตว์พิษ ให้ท่องมนต์บทนี้ "เอกัง จินตามณี นาคา มันตัง" งูทุกชนิดจะไม่อาจทำอันตรายได้

    ถ้าอยากจะให้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการงานท่านให้ภาวนามนต์ต่อไปนี้ "อุ อา กะ สะ"

    ถ้าต้องการให้เหตุร้ายกลายเป็นดี ท่านให้ภาวนามนต์ต่อไปนี้ ให้ภาวนาด้วยบท
    "ยันทุนนิมิตตัง อวมังคะลัญจะ"

    ถ้าอยากให้คนรัก รักเราเป็นนิรันดร์ท่านให้อมเม็ดยาเอาไว้ แล้วนั่งเหนือลมภาวนามนต์
    "อิตถี จิตตัง ปิยัง มะมะ"

    เมื่อจะเดินทางไปสารทิศใด เข้าหาเจ้านาย ผู้ใหญ่ ให้เอายาแช่น้ำ ใช้น้ำนั้นสระผม อมเม็ดยา ไว้แล้วภาวนา "สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ" ๗ คาบ ผู้ใหญ่เจ้านายหายโกรธ ช่วยเหลือเราทุกเมื่อ

    ถ้าเผชิญศัตรูหมู่ปัจจามิตร ท่านให้อมเม็ดยาแล้วภาวนาหัวใจพาหุงว่า "พามานา อุ กะ สะ นะ ทุ" ๘ คาบ ชนะศัตรู ศัตรูทำร้ายเรามิได้ แคล้วคลาดสารพัดแล

    ท่านครูได้แจ้งข่าวให้ผมทราบว่าท่านทำเป็นการภายในขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐-๒๑.๐๐ น. เป็นวันยามกระทิงวันครับ เดี๋ยวจะประมวลภาพมาลงให้ชมครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2013
  2. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ยาวาสนาจินดามณี
    พุทธคุณเป็นเลิศ ใช้ในทางโชคลาภ-เมตตามหานิยม เป็นเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น และดีทางคุ้มครองป้องกัน ทั้งแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรีครบเครื่อง ต้นตำหรับการสร้างงยาวาสหนาจินดามณีนั้น มีมาตั้งแต่สมมัย กรุงศรีอยุธยา ต่อมาวิชาสายนี้ได้สูญหายไปเพราะการศึกสงครามคงมีแต่ที่เก็บรักษาเป็นการเฉพาะตัว จดจำเอาไว้สือต่อถ่ายทอดเป็นเฉพาะสืบต่อกันมาจนถึงพระปลัดปาน วัดตุ๊กตา และท่านถ่ายทอดให้กับพระธรรมปิฏกน่วม วัดสระเกศ จากนั้นก็ถ่ายทอดเป็นรุ่นๆจนถึงหลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐมและท่านได้ถ่ายทอดให้ ท่านเจ้าคุณศรีสนธิแห่งวัดสุทัศน์ กับศิษย์เอกของท่านหลวงปู่เพิ่ม และท่านก็ถ่ายทอดให้หลวงพ่อเจือ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน กระบวนการสร้างค่อนข้างยุ่งยาก ตั้งแต่เตรียมวัศดุตัวยาและการวางฤกษ์ยามในการจัดสร้างให้ถูกต้องตามตำราด้วย จึงมีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง สำหรับตัวยาที่จะนำมาปรุงยาวาสนาจินดามณีมีดังนี้
    เกสรบุษบัน 1 เปลือกกุ่มชลธาร 1
    เพราะหอม 1 กรุเมา 1 ดอกจันทร์ 1
    กำยาน 1 ดอกคราด 1
    น้ำประสานทอง 1
    โกฐสอ 1 พิมเสน 1
    โกฐเขมา 1 ชะมดเชียง 1
    ภูกฤษณา 1 น้ำผึ้งรวง 1
    น้ำมะนาวคั้น 1 น้ำมะเขือขื่น 1

    โยการบดผสมตัวยาทั้งหมดคลุกเคล้ากัน โดยกระทำพิธีในพระอุโบสถ โดยต้องตั้งเครื่องบูชาครูก่อน และต้องเลือกกระทำพิธีในวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือวันเพ็ญเดือน 12 ผู้ทำการบดยาหายากเป็นชายต้องอาบน้ำสระผมให้สะอาด นุ่งขาวห่มขาว ถือศีล 8 บริบูรณ์ หากเป็นผู้หญิงต้องเป็นสาวพรหมจารี มีศีลบริสุทธิ์ ร่างกายสะอาดหมดจดไม่มีรอบเดือน หากเป็นพระภิกษุต้องสรงน้ำให้สะอาด ครองจีวรให้รัดกุม ปลงอาบัติให้เกิดความบริสุทธิ์ก่อน เมื่อได้ตัวยาสำเร็จแล้วให้ปั้นเป็นเม็ดกลม ผึ่งตากให้แห้งสนิท

    หลังนำมาปลุกเสกด้วยพระคาถา ดังนี้

    มณีจินดาสะหัสสะโกฏิเทวานัง มะนุสสะเทวานัง
    อะมนุสสะเทวานัง สะมัยยะจิตตัง มหาสะมัยยะจิตตัง
    สรรพจิตตัง เอหิอาดัจฉันติ ปะริเทวันติ
    มณีจินดา ปิยัง ปัญจะธะนัง ยะสังทาสา ทาสี ปะสันติ
    ทิสวานะมาตาปุตตังวะโอระสา สัเพขะนา พะหูขะนา
    มหามณีจินดาเอหิพุทธัง ปิโยเทวะมะนุสสะนัง
    มหามณีจินดาเอหิธัมมัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม
    มหามณีจินดาเอหิสังฆัง ปิโยนาคะสุปัณนานัง
    ปิณิทริยัง นะมามิหัง พุทโธโภควา ธัมโมโสภควา สังโฆโสภควา อินทร์สิเน่หา
    พรหมะธิเน่หา ราชาเทวี มนตรีรักขัง จิตตังมรณัง จิตตังมะมะ


    ซึ่งพระมนต์บทนี้เชื่อกันว่า นางยักษ์พันธุรัตน์ถ่ายทอดให้กับพระสังข์ทอง ใช้เรียกเนื้อเรียกปลา ใช้ได้สารพัด ปลุกเสกเครื่องหอม ทาตัว ทำน้ำมนต์อาบสารพัด รวมทั้งใช้เมตตามหาเสน่ห์และปลุกเสกยาวาสนาจินดามณีด้วย ตามตำรากล่าวว่า
    ผู้ใดได้กินยาจินดามณี จะมีความเจริญในทุกด้านมากกว่าคนทั้งหลาย ทั้งลาภยศ เงินทอง จะหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย และถ้าบูชาไหว้ทุกวันจะระงับทุกข์ภัยต่าง ๆได้ แม้ว่าจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาสมีโทษหนักถึงตายก็จะลดลงไปหรือพ้นโทษได้ หากพกบูชาติดตัวไว้จะเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป เจรจาเป็นที่จับใจ ตลอดจนความมีสง่าราศี ใครเห็นใครรักใครพบใครหลง รักใคร่เอ็นดู จนถูกขนานนามว่า “ยาวาสนาจินดามณี” เป็นที่เสาะแสวงหาของทุกวิชาชีพทั้งดารานักร้อง นักแสดง ลิเก ลำตัด พ่อค้า แม่ค้า เรียกว่าประชาชนทุกระดับต่างแสวงหากันมาก และมีความศรัทธาเชื่อมั่นในพุทธคุณของยาตำรับนี้อย่างมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2013
  3. ใส้เดือน

    ใส้เดือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +2,085
    ละเอียดมากๆ ครับ เหมือนเป็นคนปลุงเองเลยครับ
     
  4. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    อ๋อ รอดูรูป ดีกว่าครับ รูป ตอนทำ เจ๋งกว่าอีก
    ครูท่านชอบบอกผมบ่อยๆว่า
    V
    V
    V
    ตำราใคร่ครวญศึกษารู้ลึก
    แต่ยากที่ลงมือฝึกปรือทำ
    รู้มากทราบมากเพราะจำ
    แต่ไม่รู้ทำ ยากยิ่งกล้าลอง

    ผมเป็นเพียงแค่ผู้รู้ครับ(หรืออาจจะเป็นกูรู้-คนอื่นไม่รู้ั 5555) แต่ไม่กล้า ทำ เพราะเคยซื้อตำราทำกับข้าวมาทำพอเสร็จแล้วกิน ฮึ!!ไม่อร่อย เผ็ด+เค็ม
    ครูท่านบอกว่าพวกอุตริคน มีเยอะครับ แค่รู้ก็บอกว่าทำเป็น (คงจะเหมือนผมนะ แต่ผมยังดีนะคือรู้ก็บอกว่ารู้แต่ไม่กล้าทำ) และใจผมเองก็ไม่กล้าพอครับเพราะเป็นของมีครู มันแรงครับ มีทั้งญาณว่าน ญาณยา มีทั้งคำสาปแช่งในตำหรับตำรา และพวกวิทยาธรที่คอยแย่งฤทธิ์ยาก็เยอะ (อันนี้ครูท่านบอกผมมาแถมผม แค่รู้เรื่องยาวาสนา แต่ลืมนึกไปว่าวิทยาธรแย่งฤทธิ์ขโมยยา แถมเรื่องเฉลวเพชรปักกลั่นยา โอ้ย เรื่องจุกจิกเยอะครับ คงไม่มานะทำหรอกผม) แถมเป็นยากิน อันตรายทั้งคนกิน(เสี่ยง/เรื่องอะไรจะให้เขามาเสี่ยงกับผู้รู้แต่ไม่เคยทำ-ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญชำนาญยา)และคนปรุงยา(ก็อันตรายต่องแรงครูทั้งมวล) เหมือนกับ พอเมื่อคราวที่ผมเห็นแม่ผมทำผัดกระเพรา เลยลองเข้าไปช่วย แค่สองจานเลยทำเป็น ตำราแทบไม่ต้องใช้ คราวหลังพออ่านรู้ส่วนประกอบนิดหน่อย กับการทำก็เป็น แต่นี่เป็นยา ไม่ใช่ข้าว
    ..............พ่อท่านครูท่านช่วยหลวงปู่ท่านทำยาจินดามณีบ่อยครับ แต่สูตรหลวงปู่ของท่านครู ท่านบอกว่า จุดหมายจะเอาไปทำมวลสารทำพระ เลยขาดหลักอนามัย กินม่ายด้าย!!!!!!!!!!!!!!!!(ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ )
    แต่ของครูท่าน สะอาด ถูกหลักอนามัย ทำแล้วกินได้ เป็นของมงคลก็ได้ครับผม อดใจรอหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะเอาภาพมาลง
    พอดีไม่ค่อยมีเวลาช่วงนี้ครับ และวันที่ท่านทำผมอยู่ในเหตุการณ์อ่าครับผม อายุผม ปีนี้ ก็ 56 ปีแล้ว เริ่มเข้าวงการ ก็สมัยหนุ่มๆ เสาะหากินเหนียวกินคงกินว่าน กินยา ก็สมัยวัยรุ่น 18-19 สมัยนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกันกับเมื่อก่อน ตามประสาวัยรุ่นครับ ทั้งเคยกิน เคยคบหารุ่นพี่ รู้บ้าง(คิดเองว่ามาก แต่ไม่รู้ลึก) ยาจินดามณี สมะัยผมเป็นวัยรุ่นก็ได้กินหลายครัง แต่ไม่ค่อย บ่อยเพราะหายาก หลักๆ ก็เรื่องสาวๆ ครับ วัยคึกคักอ่านะ ฮ่าๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2013
  5. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ตัวเม็ดยาจินดามณี ที่ปรุงมาหอมมากครับ ยิ่งผสมน้ำผึ้งยิ่งเป็นเม็ดยิ่งหอม ในพิธีกรรมการทำยาหอมวาสนา จินดามณีนี้หอมมาก ไม่กล้ากิน กลัวหมด ครับผม
     
  6. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    การปรุงยา ใช้เวลาปรุงสามส่วนครับผม

    ส่วนในฤกดิ์(คือวันกระทิงวัน) มีไม่มากครับ หมดฤกดิ์เมื่ออรุณรุ่ง เป็นเม็ดยาปิดแผ่นทอง เอามาเสกสำทับ ตอนเช้า(ทำวัตรเช้าอีกทีหนึ่ง)
    ดังนั้นส่วนแรกมีไม่เยอะครับผม เป็นม็ดยาในฤกดิ์ กดด้วยเครื่องกดยา แล้วปั้นกลมด้วยมือครับผม ปิดทองแท้ 100%
    ทำกันในเขตราชวัตรมีอุโบสถเก่าเป็นปริมณฑล(โบสถ์มหาอุตม์ของวัดแห่งหนึ่งในจ.สุพรรณ)

    ในส่วนที่ 2 คือ หมดฤกดิ์กระทิงวัน แต่ยา มีส่วนผสมของส่วนน้ำ เช่น น้ำผึ้งรวง 1 น้ำมะนาวคั้น 1 น้ำมะเขือขื่น 1
    ซึ่งเป็นส่วนที่ ทำให้ยาเปลียก และยามีสีดำ ครูท่านจึงนำมาปั้นเป็นแท่งกลมขนาด 5-6นิ้ว
    แล้วตากแห้ง ได้รับการช่วยเหลือจากศิษย์ก้นกุฏิจากอ.อู่ทอง นำเครื่องอบร้อน นำเข้ามาในเขตสีมาแทน เพราะยกเข้าโบสถ์ไม่ได้ เนื่องจากเป็นโบสถ์เก่า แถมกลางคืนค้างคาวเพียบ(ครูท่านบอกว่าเหม็นมันถ่ายมูล)จึงทำให้ เช้าในวันที่ 11 แห้งพอดี
    ท่านจึงนำหินบดยามาลงอักษระด้วยแท่งนวหรคุณอีกที

    ####แท่งนวหรคุณที่ท่านทำ คือดินสอพองสะตุด้วยน้ำส้มซ่ากับน้ำมะกรูด หุงจนป่นเป็นผง(อบแกลบ) เอามาผสมกับเกษรบัว ขอนดอก หญ้าฝรั่ง ผงชลูด แล้วปั้นเป้นแท่ง เก้บไว้ในโหลกันชื้นอย่างดี เพื่อเอาไว้ ทำเป็นแท่งชนวนเขียนยันลบผง(ท่านบอกวิธีทำแบบนี้เพราะมีการสะตุหรือฆ่าเชื้อดินสอพองแล้ว สะดาดแบบกรรมวิธีโบราณ ยังสามารถเอาไว้กวาดยาเด็กก็ได้สะอาดดี/คือว่าง่ายๆ กินได้แหละพี่น้องเอ๋ย)

    แท่งนี้ท่านเอามา บรรจงเขียนยันต์บนหินบด เพื่อบดยาจินดามณีที่เป็นแท่งอบแห้งอีกรอบ ให้เป็นผง

    จึงกล่าวได้ว่า ยาส่วนที่สองเป็นยาจินดามณีที่บวงสรวงในฤกดิ์แต่ปั้นไม่ทั้นพ้นฤกดิ์แล้ว จึงต้องทำให้กลายเป็นยาผง
    เนื้อยาก็มีสีดำกลิ่นและสีคล้ายกับยาเม็ด แต่ไม่ได้ปิดทองครับ

    ท่านเอามาบดลงหินบดเมื่อวัน วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:45-18:30 น.ดูตามภูมิโหรวันเวลานั้น ลัคนาสถิตย์ราศีพิจิก ประกอบด้วยสมโณฤกษ์ ตรงกับขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปี มะเส็ง

    แล้วหยุดพัก 1ชม. เพื่อเริ่มต่อเวลา19:30-20:15 น.อันเป็นเป็นมหัธโนฤกดิ์
    (ฤกษ์ วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 19:30-20:15 น. ลัคนาสถิตย์ราศีธนู ประกอบด้วยมหัทธโนฤกษ์ ตรงกับขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปี มะเส็งในวันเดียวกัน)

    ส่วนเรื่องฤกดิ์นั้น ท่านไม่ได้บอก ผมก็ไม่ได้ถามท่าน แต่ผมซนเล็กน้อน ชอบเอามาตรวจดูเล่นๆ ผมเคยเป็นนักศึกษาวิชาโหราศาสตร์ของวัดราชนัดดารามครับผมเลยคำนวนได้ แต่พอเอามาตรวจดูเลยรู้ว่าท่านครู มีความรู้เรื่องฤกดิ์ยามดีมากเก่งมาก แต่ไม่ค่อยพูด เหมือนอมภูมิครับผม

    ส่วนที่ยาเป็นยาที่บวงสรวงในฤกดิ์ส่วนผสมเหมือนกัน แต่ไม่ทันลงส่วนที่เป็นของเหลวอันได้แก่น้ำผึ้งรวง 1 น้ำมะนาวคั้น 1 น้ำมะเขือขื่น 1 นั้น ก็มีสีจางลง กลิ่นก็แตกต่างกันเล็กน้อย ก็ถูกนำมาเสกด้วยกันทั้งสามส่วนตลอดขั้นตอน

    เหตุผลที่ต้องแบ่งเป็นสามส่วนนั้นเพราะ
    1.เพราะสั่งตัวยาเยอะ
    2.ท่านไม่ให้ยุ่งเพราะจะทำเอง
    3.เวลาจำกัด
    จึงทำในส่วนในฤกดิ์ได้น้อยมากแถมได้ไม่กี่เม็ดเพราะเสร็จเป็นเม็ดยังไม่ทันแห้งแบบเปลียกๆ ก็เสร็จลูกสิษย์ช่วยงานไปคนละ 9เม็ด โดยเฉพาะผมแล้ว 1คน อิอิ (หวงครับ ไม่ให้ ไม่แบ่ง ไม่ขาย)
    แต่ยาก็ยังเหลือ เพราะสั่งมาอย่างละ 9 กิโลกรัมครับผม

    ดังนั้นในส่วนยาผง ก็จะมีอยู่สองส่วน

    คือ

    1.มีสีดำเพราะมี น้ำผึ้งรวง น้ำมะนาวคั้น น้ำมะเขือขื่น จะเป็นผงสีดำแต่ดันหมดซะก่อน ไอ้น้ำมะนาวกับน้ำมะเขื่อขื่น ท่านบอกว่ารู้งี้ เอามาเยอะๆก็ดี ผงที่เหลืออีกบานเลย

    กับ

    2.คือส่วนที่ไม่มี น้ำผึ้งรวง น้ำมะนาวคั้น น้ำมะเขือขื่น สียาก็จะจางไปกลิ่นและสีก็ต่างกันเล็กน้อย

    เหตุการณ์ครั้งนี้ผมไม่ทันอยู่เพราะกลับมาก่อน แต่ทิ้งกล้องถ่ายรูปไว้ให้หลานชายถ่ายให้ และพยายามโทรถามเหตุการณ์ตลอดเวลา

    ขอบอกว่ามีเฉพาะ คนที่ไปช่วยเป็นลูกมือให้มาคนละ 9 เม็ดก่อน
    แต่จริงๆ ยังไม่เสร็จครับเพราะท่านจะรอฤกดิ์วันที่ 22 กค. 56 นี้ครับ เป็นวันจันร์เพ็ญ (มหาจันทร์ หรือ จันทร์ ซ้อนจันร์ที่ท่านจะเสกปิดท้าย แล้วก็จะสำเร็จเป็นประสิทธิ ก็เริ่มใช้ได้แล้ว )

    ช่วงนี้ ก็ยังเก็บข้อมูลไว้ครับ ที่ท่านบอกว่าไม่ค่อยอยากใช้คนเยอะปิดข่าวเพราะต้องการรักษาความสะอาดของการปรุงยาวาสนาจินดามณี
    เพราะช่วงนี้พวกไวรัสไข้หวัด โรคติดต่อเยอะมาก อย่าพึ่งให้คนรู้มาก เดี๋ยวมากันบานลำบากต้องหาผ้าปิดปาก กับแอลกรอฮอร์ล้างมือให้ก่อนเข้าเขตปริมณฑลกันวุ่นวาย เพราะใครรู้ก็อยากได้อยากเห็นอยากร่วมพิธีกันทั้งนั้น
    ดังนั้นพอเสร็จแล้ว ก็เผยแพร่ได้ ท่านอนุญาติไม่หวง แต่ตอนนี้ ขอเอาที่คัดเลือกกันไว้ก่อนครับต้องการควบคุมการผลิตให้สะอาดปลอดภัยจริงๆครับผมเสียดายที่ไม่ได้ร่วมเหตุการณ์ในตอนหลังเพราะผมกลับมาก่อนตั้งแต่วันที่ 10 กค. เพราะต้องมาทำงาน
    แต่ก็ส่งเหยี่ยวข่าวหน้าใสไว้หนึ่งคนครับผม


    ข้างล่างเป็นภาพประกอบเรื่องเท่านั้นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2013
  7. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
  8. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ตอนนี้ ที่พอทราบ มีอยู่สองส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 ปั้นเป็นเม็ดปิดทองส่วนเนื้อยา สีน้ำตาลออกดำ เข้าสูตรตามตำหรับเก่า ที่บันทึกไว้ ทำในฤกดิ์(วันกระทิงวัน/วันที่ ๙ มิ.ย. ๕๖)ท่านอบควันเทียนเก็บไว้ในโหลแก้วหน้าหิ้งพระครับผมเสกไปเรื่อยๆเพื่อรอบวงสรวง ทุดท้ายวันที่ 22กค.นี้ครับ เป็นวันมหาจันทร์ (จันทร์ซ้อนจันทร์) เพื่อความจำได้เรียกเม็ดยานี้ว่าเม็ดยาจินดามณีครับ

    ส่วนที่ 2 คือเป็นผง ไม่มีทอง เนื้อยาสีน้ำตาลออกดำ (เดียวกับเม็ดยา) จะบรรจุเป็นซองประมาณ 15 กรัมต่อซอง เรียกว่า ผงยาจินดามณี

    ส่วนที่ 3 เป็นผง สีออกน้ำตาลอ่อน ท่านเรียกว่ายาวาสนา เห็นว่าจะเก็บไว้ทำพระหรือวัตถุมงคลครับผม ท่านบอกว่าไม่ได้เข้าน้ำผึ้งไม่ได้เข้าน้ำมะนาวไม่ได้เข้าน้ำมะเขื่อขื่น เลยไม่ให้ใคร
    ยาเม็ดมีน้อย ทำมาไม่มาก กินคงไม่ไหว ผมแนะนำเอาไว้เป็นของขึ้นคอจะดีกว่า แต่ยาท่าน ผมการันตีความสะอาด เพราะท่าน ทำเองครับ
    ส่วนที่เป็นผง อันนี้ ผมกะว่าจะเอามาปั้นน้ำผึ้นด้วยตัวเองเอาไว้กิน ท่านบอกว่า ชงน้ำร้อนกินก็ดี อฐิษฐานก่อนกิน แล้วเสกคาถาด้วยจะดีมาก

    ท่านกล่าวว่า.....

    จะภิญโญโสภาคเจริญผล
    มงคลศิริจักรักษาในราศรี
    โพยภัยโรคาจะไม่มี
    อัปรีย์เสนียดไม่เบียดตัว
    คุณมนต์อวิชาไม่อาจใกล้
    คุณไสยอาคมไม่กล้ากลั้ว
    คุณผีปีศาจก็หวาดกลัว
    เขี้ยวงาที่เลวชั่วไม่กล้ำกลาย
    คุณพระจะคุ้มครองป้องรักษา
    เทวดาจะพิทักษ์เหมือนทองสาย
    ทุกเส้นเนื้อขุมขนให้เพริศพราย
    ยามแก่กายมีวังชาปัญญาดี
    ไม่ลุ่มหลงเลอะเลือนเฟอะเฟือนฟั่น
    กินทุกวันมีสง่าและราศรี
    ทั้งโรคภัยไม่มาเที่ยวราวี
    เป็นยาดีอายุวัฒนะมงคล


    ..........................................
    ประมาณว่ากินแล้วทุกวัน ทุกวัน จะแข็งแรงครับ สุขภาพร่างกาย ก็ไม่มีโรคภัยเบียดเบียด มีกำลังวังชาดี
    ยอมรับครับพิธีดี ฤกดิ์ยามมี ครบครับผม
    .............................
    จากที่ได้ รับข้อความจากเพื่อนร่วมเว็ปที่สนใจ

    ผมได้ โทรศัพย์ไปกราบขอความอนุเคราะห์พ่อครู ท่านบอกว่า " เอาสิ ยอดมารับวันที่ 22 ตอนเย็นเลย"
    ผมไม่ได้ไปบ่อยด้วยสิ เอางี้ไหมครับ
    ผมจะไปขอพ่อครู จำนวนหนึ่ง
    ขอแจกท่านละ ๓ เม็ด เท่านั้นครับผม

    แต่ ขอค่าส่ง 100บาท
    ส่วนที่เหลือจากค่าส่งผมจะรวบรวมไปมอบให้พ่อครูร่วมทำบุญค่าตัวยาสมุนไพรที่ท่านต้องซื้อมา

    แถมมันมีน้อยด้วยสิ ปั้นได้ไม่กี่เม็ด

    ผมว่าส่วนนี้เก็บเป็นวัตถุมงคลจะดีมากๆครับ ส่วนที่ส่วนที่เป็นผง คงจะบรรจุซองออกจำแนกแจกจ่ายไวไวนี้แหละครับผม
    จะขอเปิดเริ่มรับผู้ที่ต้องการ วันที่ 23 กค. 56เป็นต้นไป นะครับผม
    ท่านบอกว่ายาท่านปลอดสารสเตรลอร์ย ไม่มีปรอท สารกันบูด ส่วนพิกัดมีดังนี้ 99.99 %สมุนไพรล้วนๆ และอีก 00.01% คงเป็นขี้มือท่านครูครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ (ปั้นมือครับ ไม่ใช่เครื่องปั้น มันคงแหงๆ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2013
  9. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    อนุโมทนาครับ รอ หลังวันที่ 22 กค.นี้นะครับผม
     
  10. จริยากุ

    จริยากุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,314
    ค่าพลัง:
    +1,446
    รอๆๆ___/\___
     
  11. chain1977

    chain1977 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +330
    ขอจองด้วยคนครับ
     
  12. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ด้วยบารมีและกระแสแห่งญาณอังแรงกล้าของหลวงปู่บุญซึ่ง สร้างยาจินดามณีขึ้น จึงทำให้ยาของหลวงปู่บุญมีความเข้มขลังลือชาปราก เป็นที่ต้องการและแสวงหากันมากขึ้น ในปัจจุบันนี้ ในขณะที่ของหรือเม็ดยาของท่านมีจำนวนเท่าเดิมและลดน้อยลงไป เนื่องจากบางส่วนคนได้นำไปใช้เป็นยาไปไม่น้อย จำนวนคนที่เพิ่มขึ้น ความต้องการก็แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางจึงทำให้ “ ของปลอม ” เกิดขึ้น ซึ่งเป็นกฏเกณฑ์ธรรมดาเมื่อความต้องการสูงแต่ของไม่มีก็ทำให้ผู้ที่ต้องการ แสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งคอยหาจังหวะหาโอกาส “ ทำของปลอมแพร่ระบาดออกมา ” ผู้ที่ไม่รู้ไม่ทราบ ไม่เคยเห็นของแท้ก็หลงเป็นเหยื่อของการแสวงหาผลประโยชน์ของนักฉกฉวยโอกาสไป ในที่สุด

    ยาจินดามณีที่ปลอม

    เริ่มแพร่ระบาดมาเมื่อประมาณ ๑๐ กว่าปีนี้มานี้เองเพราะความต้องการมีอยู่สูง การกำหนดค่าเป็นราคาจึงสูงไปด้วยทำให้มีผู้ลงทุนทำของปลอมขึ้น เพื่อหลวอกลวงผู้เข้าใจผิด หรือผู้ที่มีความศรัทธาต้องการแต่ไม่มีความรู้ไมเคยเห็นของแท้มาก่อนทำให้ ต้องหลงงมงาย เสียเงินเช่าหาบูชากันเอาไว้ นำไปใช้ก็อาจไม่เกิดผลอะไร บางทีเอาไปกินหวังจะให้โรคหายก็อาจจะต้องตายไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ถ้าไม่กินยาก็อาจจะไม่ตาย เนื่องจากยาปลอมอาจจะมีสารพิษผสมผสานอยู่ด้วยจะโดยเจตนาของผู้ปลอมแปลงหรือไม่ก็ตาม

    ของปลอมนั้นมีลักษณะพอจะจำแนกได้ ๓ ประการ คือ
    ยาจินดามณีปลอมโดยไม่มีส่วนสัดหรือยาประสมอยู่ด้วย เป็นการปลอมโดยเน้นลักษณะความเหมือนของสีและเนื้อของมวลสารเป็นสำคัญ

    ยาจินดามณีปลอมใช้สูตรยาใกล้เคียงของจริงนับ เป็นวิวัฒนาการขั้นที่ ๒ ของการปลอมยาจินดามณี เพราะการปลอมในวิธีที่ ๑ มีคนรู้กันมากขึ้น เนื่องจากได้เห็นของแท้มาแล้วตามที่กล่าวในข้อ ๑ จึงมีการพัฒนาการปลอมให้ใกล้เคียงมากขึ้น โดยนำเอาสมุนไพร เครื่องยาตามตำราที่ผู้เขียนเคยเอามาเปิดเผยเฉพาะในส่วนโองการหรืออุปเท่ห์ ซึ่ง บอกตัวยาไว้คร่าว ๆ ไม่ครบทุกอย่าง นักปลอมจึงนำเอาตัวยาเท่าที่ทราบไปปลอมยาขึ้นมา ซึ่งค่อนข้างไดผลดีเพราะมวลสารใกล้เคียง สีและลักษณะทั่วไปเหมือนของแท้ กลิ่นนั้นถึงแม้จะไม่เหมือนนัก เพราะเขาไม่ทราบตัวกระสาย ตัวแปรสมุนไพรแต่ก็ขอยอมรับว่าใกล้เคียงมากทีเดียว แต่ถ้าพิจารณาเนื้อมวลสารและกลิ่นอย่างละเอียดรอบคอบ และใช้เวลาสักเล็กน้อยก็ทราบได้โดยไม่ยากมากนัก

    ยาจินดามณีของปลอมชนิดน่ากลัว การปลอมยาจินดามณีชนิดนี้จะเรียกว่า “ ของปลอม ” ก็ไม่ถูกนักเพราะไม่ใช่ของปลอมเสียทีเดียว เพียงแต่ว่ามิใช่ของหลวงปู่บุญ เนื่องจากนำเอายาจินดามณีซึ่งสร้างในภายหลังโดยหลวงปู่เพิ่มและพระปลัดใบ มาดัดแปลงเป็นยาของหลวงปู่บุญ เนื่องจากความต้องการยาจินดามณีมีมาก และคนหลงเข้าใจผิดไป เช่าบูชาของปลอม บางคนเอาของปลอมไปกินจึงน่าเป็นห่วงต่อสุขภาพและชีวิตเป็นอย่างยิ่ง ทั้งของหลวงปู่บุญของแท้ก็ลดน้อยลงไปหาได้ยากยิ่งขึ้นในขณะที่ความต้องการยา จินดามณีมีอยู่มากมายทั่วไป การแสวงหา “ ยาจินดามณีของหลวงปู่บุญ ” ท่านยังมีโอกาสทำได้ แต่ต้องคอยจังหวะโอกาสและใช้วิจารณญาณที่รอบคอบ ประกอบด้วยเหตุผล และอาศัยความรอบรู้เป็นผู้ควบคุมตัวเองอยู่เสมอ แล้วท่านอาจจะโชคดีในวันหนึ่งเมื่อโอกาสและจังหวะมาถึงอย่างแน่นอน
    อภินิหารและประสบการณ์ ยาจินดามณี

    “ ยาจินดามณี ” นับเป็นยาที่มีคุณวิเศษโด่งดังของวัดกลางบางแก้วมาแต่อดีต เช่นเดียวกับยาอีกสองขนานของวัดกลางบางแก้วคือ “ ยาวิเศษอนันตคุณ ” และ “ ยารัตนวาโย ” แต่ยาสองขนานหลังนี้ไม่ค่อยมีคนรุ่นหลังรู้จักมากนัก เพราะไม่ได้สร้างขึ้นต่อเนื่องมาและแพร่หลาย เช่น “ จินดามณี ” หรือ “ ยาวาสนา ” ความจริงยาวิเศษอนันตคุณและรัตนวาโยนั้นก็มีคุณค่าความขลังเอาการทีเดียว ขนาดคนเป็นอัมพาตนอนมาเป็น ๕ – ๑๐ ปี กินเข้าไปแล้วยังสามารถหายเป็นปกติได้
    “ ยาจินดามณี ” นอกจากจะเป็นยาใช้บำบัดรักษาโรคอันมีอานุภาพอัศจรรย์แล้ว ยังถือได้ว่าเป็นของขลังที่มีพุทธานุภาพอย่างยิ่ง เหตุที่เรียกว่ามี “ พุทธานุภาพ ” ก็เนื่องจากการประกอบยาจินดามณีทุกขั้นทุกตอนนั้นประกอบขึ้นด้วยพุทธมนต์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นการประกอบในพระอุโบสถเบื้องหน้าองค์พระประธานอันเป็นสัญลักษณ์ของพระ พุทธองค์เป็นสำคัญเหตุที่ “ ยาจินดามณี ” โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วไปนั้นก็สืบเนื่องจาก “ ยาจินดามณี ” มีประสบการณ์จากผู้ที่นำไปใช้มากมายได้ผลดีจนแทบไม่น่าเชื่อนั่นเอง ยาจินดามณีของหลวงปู่บุญ ผู้ที่นำไปใช้ในทางต่าง ๆ ล้วนแต่มีเรื่องเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ที่แปลก ๆ มากมาย ผู้เขียนได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ และจำความได้ติดตาตรึงใจอยู่เสมอ


    “ ยาจินดามณี ” นอกจากจะเป็นยาใช้บำบัดรักษาโรคอันมีอานุภาพอัศจรรย์แล้ว ยังถือได้ว่าเป็นของขลังที่มีพุทธานุภาพอย่างยิ่ง เหตุที่เรียกว่ามี “ พุทธานุภาพ ” ก็เนื่องจากการประกอบยาจินดามณีทุกขั้นทุกตอนนั้นประกอบขึ้นด้วยพุทธมนต์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นการประกอบในพระอุโบสถเบื้องหน้าองค์พระประธานอันเป็นสัญลักษณ์ของพระ พุทธองค์เป็นสำคัญเหตุที่ “ ยาจินดามณี ” โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วไปนั้นก็สืบเนื่องจาก “ ยาจินดามณี ” มีประสบการณ์จากผู้ที่นำไปใช้มากมายได้ผลดีจนแทบไม่น่าเชื่อนั่นเอง ยาจินดามณีของหลวงปู่บุญ ผู้ที่นำไปใช้ในทางต่าง ๆ ล้วนแต่มีเรื่องเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ที่แปลก ๆ มากมาย ผู้เขียนได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ และจำความได้ติดตาตรึงใจอยู่เสมอ




    ในสมัยอดีต คนนครชัยศรีเรียก “ ยาจินดามณี ” หลวงปู่บุญ “ ยาหอมหลวงปู่บุญ ” ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่ายาดังกล่าวนั้น หมายถึงยาจินดามณี หรือ “ ยาวาสนาเม็ดดำ ” นั่นเอง สมัยนั้นจะหาคนเรียกชื่อว่ายาจินดามณีมีน้อยเหลือเกิน ส่วนใหญ่พอกล่าวว่า “ ยาหอมหลวงปู่บุญ ” ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างดี แม้กระทั่งหลวงปู่เพิ่มเองท่านก็เรียกว่า “ ยาหอมหลวงปู่บุญ ” เมื่อคราวที่ผู้เขียนไปลาสิกขากับท่าน ท่านหยิบเอาพระพิมพ์นาคปรกเล็กมาส่งให้ผู้เขียนองค์หนึ่ง แล้วท่านก็บอกว่า




    “ เก็บไว้ให้ดีน่ะ นี่เป็นพระยาหอมของหลวงปู่เก่า ”

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.watkbk.com/page.php?a=10&n=207&cno=113
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2013
  13. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ยาวาสนาจินดามณี ตำรายานี้นำมาแต่กรุงศรีอยุธยาโดยหลวงพ่อทองท่านเป็นคนกรุงเก่าเมื่อครั้งกรุงแตกท่านได้พายเรือมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า วัดคงคาราม ตำรับยานี้ หลวงพ่อทองท่านบอกว่า ตำราการจัดสร้าง ยาวาสนาจินดามณี เดิมเป็นของท่าน "เจ้าพระคุณสมเด็จนพรัต วัดป่าแก้ว " (วัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน) จ.พระนครศรีอยุธยา พระอาจารย์ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งผู้รู้หลายท่าน บอกว่าเป็นองค์เดียวกับ " พระมหาเถรคันฉ่อง ."

    แม่ชีสมจิตร วัดใหญ่ชัยมงคลเคยบอกผมว่า......... สมเด็จนพรัตวันป่าแก้ว หรือ พระมหาเถรคันฉ่อง ... ท่านมีนามเดิมว่า "... หลวงปู่เพิ่ม... "

    หลวงพ่อทองเป็นผู้หอบหิ้วนำมาด้วย บางเล่มเขียนหนังสือสีขาวพื้นสมุดสีดำ บางเล่มเขียนด้วย ตัวหนังสือสีทองพื้นสมุดข่อยสีดำ นอกจากนี้ยังมีวิธีการสร้าง " ประคำพระนเรศวรปราบหงสา " เอาไว้ด้วยเหล่านี้เป็นเพียงหนึ่งใน "ตำราพิชัยสงคราม"

    ยานี้จากการบอกตามตำราที่จารึกไว้ว่า...ใครโดนพิษอะไรที่ร้ายแรงหรือป่วยเป้นโรค ฯลฯ ตลอดทั้งโดนของที่เป็น ประเภทยาสั่งรู้แล้วว่า โดนแน่ ก็ต้องกินยาวาสนาจินดามณี นี้แก้จะหายโดยพลัน หรือหากไม่แน่ใจ เวลาที่ต้อง เดินทางไปไหน พกเอาไว้กิน เพื่อกันและแก้ได้เช่นกัน วิธีการทำยาวาสนาจินดามณี

    ยาวาสนาจินดามณี.. โดนมากนิยมทำกันในวันข้างขึ้น เดือน 12 หลวงปู่บุญท่านถือฤกษ์ทำยาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เวลาจะบดยาต้องเอาฤกษ์ยามตามที่โบราณกำหนด ต้องตั้งฉัตรราชวัติซึ่งเป็นลักษณะแนวรั้วที่มีร่มกาง เขียนยันต์จินดามณีเอาไว้ตามหลักมุมต่างๆ ตอนเคล้ายาต้องได้ฤกษ์ยามเหมาะสมแก่กาลปัจจุบัน คนที่ปั้นยาเป็นเม็ดลูกกลอนต้องนุ่งขาวห่มขาวถือศิลอุโบสถ ยาของแท้นั้นเมื่อเป็นเม็ดลูกกลอนแล้วจะแข็ง ค้อนทุบไม่แตก แข็งมาก ก่อนกินก็ต้องอารธนาให้ดีมีคาถาบริกรรมกำกับ การบดยาใช่ว่าจะบดแบบรวมๆ กันไปแต่ต้องมีการบดยาตามลำดับ ยาบางชนิดต้องบดด้วยกันเพื่อให้ตัวยาทั้งสองเข้ากันก่อนที่จะนำมาผสมยาตัว อื่น เพราะยาสมุนไพร่นั้นมีการส่งเสริมกันและฆ่าฤทธิ์กันก็มี ผู้ปรุงยาชนิดนี้ต้องศึกษาให้ละเอียด ในเทียบหรือตำรับยาจินดามณีนั้นมีตัวยาอย่างน้อย 1 ชนิดที่มีพิษ หากนำมาประกอบผิดวิธีก็จะเกิดโทษจากเล็กน้อยจนถึงตายได้ ตัวยยานั้นก็คือ "น้ำประสานทอง" ผู้ที่ประกอบการปรุงยาชน้ดนี้ควรปรึกษาเภสัชกรด้วย

    ตัวยาหลักของยาวาสนาจินดามณีนั้นเท่าที่ทราบก็มีดังนี้
    โกฐสอ, โกฐเขมา, น้ำประสานทอง,เปลือกุมชลธาร, กรุงเขมา อย่างละเท่าๆ กัน บดผสมกับพิมเสน ชะมด นำผึ้งรวงรัน กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือคั้น นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีสมุนไพรอื่นๆ คือสมุนไพรประเภทเก็บเองต้องเก็บตามฤกษ์ยามตามโบราณกำหนด ยาบางอย่างต้องเก็บกลางวัน บางอย่างต้องเก็บกลางคืน บางอย่างต้องเก็บข้างขึ้น บางอย่างต้องเก็บข้างแรม ทำไมการเก็บยาต้องมีฤกษ์ยาม ถือเป็นภูมิปัญญาที่ค่อนข้างเหนือชั้นมากเพราะสมุนไพรบางตัวจะหลังสารที่ เป็นตัวยาออกมาในเวลากลางวัน บางในเวลากลางคืน ฯลฯ ด้วยเหตุนี้คนโบราณจึงกำหนดฤกษ์เอาไว้ ฤกษ์ก็คือช่วงเวลาที่เก็บยานั้นเอง...

    ยาสมุนไพรประเภทพลี (บัดพลี) ต้องทำพิธีขอจากเจ้าป่าเจ้าเขา, เทวดาอารักษ์ ต้องทำให้ถูกพิธีกรรมด้วย ต้องอาศัยฤกษ์ข้างขึ้นข้างแรม เช่นกัน ยาสมุนไพร บางตัวต้องสั่งจากจีน อย่างอำพันทอง หายากมาต้องสั่งจากแคนาดา (อำพันทอง คือตัวเชื่อที่ลอยขึ้นเหนือน้ำ จากที่ปลาวาฬผสมพันธุ์กันแล้วจะลอยขึ้นเหนือผิวน้ำที่เป้นน้ำแข็ง เกาะจับกันเป็นก้อนแข็งมากก้อนสีเหลืองๆ แต่มีกลิ่นเหม็นเขียว ตอนไปซื้อคลานั้นต้องไปซื้อแข่งกับญี่ปุ่นเพราะญี่ปุ่นซื้อเอาไปทำยาโรค หัวใจ บำรุงหัวใจ)

    ดอกบัวคู่หรือบัวแฝด...เป็นดอกไม้ที่หาได้ยากมาก ลักษณะบัว 1 ก้านมี 2 ดอก และต้องมีความสมบูรณ์ เป็นสูตรลับที่ปกปิดกัน และที่ทำกันอยู่ทั่วไปมักจะขาดดอกบัวคู่ อันเป็นมวลสารสำคัญชนิดนี้ ซึ่งนำมาประกอบเครื่องยาวาสนาจินดามณี การตัดดอกบัวชนิดนี้ก็ต้องตัดตามฤกษ์ ห้ามใช้มีดหรือของมีคม จึงจะมีผลสูงสุด เพี่อความเป็นเมตตามหานิยมสูงสุด ต้องนำบัวแฝดนี้มาปลุกเสกด้วยพระคาถาโดยเฉพาะซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีพิมเสนเกิดในปล่องไม้ไผ่และยังมีอีก 1 ตัวยาสำคัญที่ขาปกปิดไว้เป็นสูตรลับ ซึ่งแต่ละชนิดต่างก็มีวธีเฉพาะในการนำมาใช้เป็นเครื่องยาวาสนาจินดามณี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    การประกอบยานี้ทุกขั้นตอนด้วยพระพุทธมนต์และทำในพระอุโบสถเบื้องหน้าองค์พระประธานอันเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์เป็นสำคัญ และยังประกอบด้วยอาถรรพณ์วิทยาที่ซับซ้อนอีกหลายประการ ถือได้ว่าเป็นของขลังที่มีฤทธานุภาพในการใช้บำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้ เช่น

    - ถ้าใช้รักษาโรคอหิวาตกโรค หรือท้องเดิน ให้เอายอดทับทิมผสมกับกานพลูและน้ำปูนใส แล้วฝนยาเม็ดใสลงไป ดื่มแล้วหายจากโรคแล
    - แก้โรคเสมหะตีขึ้น ให้ใช้ดีหมีผสมน้ำร้อนแล้วฝนยาหอมจินดามณีผสมลงไปรับประทาน
    - เมื่อต้องยาเบื่อยาเมา เอารากมะนาวหนึ่ง มะปรางหนึ่ง หัวหนุมานกระทืบแท่นหนึ่ง ฝนทำน้ำกระสาย กินเถิดมิเป็นไร อย่าประมาทเลย เคยแก้ยาสั่งมาแล้ว ถ้าติดเม็ดยากับตัวไปมิต้องเราเลยแล
    - เอาเม็ดยาติดตัวไว้ป้องกันสรรพโรคภัย ป้องกันเสนียดจังไร กันยายีด้วยคุณ ไสย คุณผี คุณคน สารพัดพิษ ผิดสำแดง ให้มียาเม็ดติดตน ถึงคราวอับจนจะ ได้ใช้ ตามืด หูมืด ใช้ได้ทุกเมื่อ ฯลฯ
    - หากใครได้รับประทานแล้วจะบันดาลให้เกิดสิริสวัสดิ์และลาภผล หากบูชาเอาไว้ จะป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แม้แต่อหิวาตกโรค ผู้ใดมีไว้จะปราศจาก อันตรายใดๆ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน
    - ให้เสกด้วย "เอกัง จินดามณี นาคา มันตัง" ไปที่ไหนๆ งูมิกัด
    - ให้มัปัญญาดี เสกด้วย "คะโตโส บัณฑิโต ปีหิโล อัตถะ ทัสสีมะ โหสะโถ" 3 จบ แล้วอมยา จะ เล่าบ่นมนต์คาถา สารพัดวิชาจำได้สิ้น ที่ลืมหลงก็จะรำลึกได้แล
    - ถ้าเกิดคดีความขึ้นศาล ให้เอายาใส่น้ำ เสกด้วย "เอกัง จินดามณี มันตัง" เป้นเมตตามหานิยม เอาน้ำประพรมศีรษะแล้วอมเม็ด ยาไว้ตลอดเวลา จะชนะความสิ้นแล และเป้นเมตตามหานิยมแก่คนทั้งปวง ผู้ใด ต้องโทษทัณฑ์ใดๆ ก็บรรเทาเบาบางลงได้
    - เมื่อจะเดินทางไปไปสารทิศไหน เข้าหาเจ้านายผุ้ใหญ่ ให้เอายาแช่น้ำ ใช้ เป็นน้ำมนต์สระหัว อมเม็ดยา แล้วภาวนาว่า "สัตถาเทวะมนุสานัง พุทโธภะคะ วาติ" 7 จบ ผุ้ใหญ่ เจ้านาย หายโกรธ ช่วยเหลือเราทุกทางแล
    - ถ้าเผชิญด้วยหมู่ศัตรูคิดร้าย ให้อมเม็ดยา แล้วภาวนาว่า "พามานา อุ กะ สะ นะ ทุ" 8 คาบ จะชนะศัตรู ศัตรูจะทำร้ายเรามิได้ แคล้วคลาดสารพัดแล
    - ทำไร่ทำนา ทำการงานใดๆ อมเม็ดยาไว้ ภาวนาด้วย "อุ อา กะ สะ" จะมิรู้เหน็ดเหนื่อยแล

    *** ก่อนใช้ยาท่านให้เสกยาด้วยพระคาถา ว่า "จินดามณีปิยังมันตัง ยะสังทาสังโกมัง อุปะสันติสิเนหััง มาตาปิตาวะโอระสัง ปะโพตันจะมหาราชา ตะวังมังโปสัตกุโนทีปัง กาเรเทโว สุโปเสทิ กิญจิเทโว เยสักโกปัชชัง ทัสมิง กินเนวา ทัตวาปิยัง กันตัง สาริปุตโต ภะวันตุเม สิทธิลาภัง ขนานะเย มณีจินดา ปิยังจะธะนัง สัพเพชะนาพหูชะนา ปิยังมะมะ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    โองการพินธุนาถง อุปปันนัง พรหมมาสะหะ ปะตินามัง อาทิกัปเป สุอาคะโต ปัญจปะทุ มังทิสะวา นะโมพุทธายะ วันทะนัง
    * เสฐฐันติ ระตะนัง โลเก วันทิตตะวา ปะการะนัง อิมัง เลขะสมุทยัง ปะริสายะ ยะถาพลัง..
    *โอมมนัสสิตะวา นพพระคาถา ตถาคตธรรมคัมภีร์ นพสงฆ์สิกขา นพอาจารีย์ นพโหราตรี เวทย์วิทยาศาสตร์ไสย์
    * มนัสสิตะวา อิศรี สิทธิโลกะนาถัง อนุตะรัง อิศรี จะวัฒนะ อหังวันทามิตัง อิศรี ยะมะหัง ครูอาจาริยังสะระณังคะโต อิมินา สักกาเรนะตัง ครูอาจาริยังอภิปูชะยามิ

    อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. jeeraa

    jeeraa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +254
    ผมจองด้วยครับ แล้วบัญชีเลขที่อะไร ธนาคารไหน
     
  17. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    รอหลัง วันที่ 22 กค.นี้ครับ(เป้นวันจันทร์ซ้อนจันทร์/วันมหาจันทร์ครับผม) วันเสกเชิญญาณว่าน ญาณยา และทำพิธีล้อมธาตุยาครับผม เป็นเคร็ดสุดท้ายในการปรุงยามหาจินดามณีแล้วผมจะสอบถามพ่อครูอีกทีครับว่าจะจัดการกันยังไง แต่กลัว ว่าคนเยอะกลัวหมดก่อน แต่เอาน่ะ ยังไงก็คงต้องเหลือเผื่อสิษย์ก้นกุฏิยังผมก่อนชัวร์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2013
  18. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    เรามาทำความเข้าใจเรื่องวันจันทร์ซ้อนจันทร์ดีกว่าครับ

    ฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์ ถือว่าเป็นสุดยอดอย่างยิ่งแห่งมหาเสน่ห์ ครูอาจารย์แต่โบราณถือฤกษ์นี้ปลุกเสกวัตถุมงคลทางเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ ได้ทุกอย่าง ถ้าประจุอาคมลงในวันจันทร์ซ้อนจันทร์ ถือว่าสุดยอดยิ่ง ด้วยพลังแห่งแรงวันเป็นเสน่ห์เมตตา วัตถุมงคลนั้นๆผู้นำไปใช้บูชา จะเป็นผู้เปี่ยมเสน่ห์ ใครเห็นใครหลง ใครเห็นใครรัก ใครเผลอร้องทักต้องรักหมดใจ ด้วยพลังแห่งพระจันทร์ เทวดาประจำวันที่ทรงเสน่ห์ชวนหลงไหล พระจันทร์นั้นรูปกายงดงามหมดจรด ผิวพรรณผุดผอง ผิว่าผู้ใดได้เห็นแม้เพียงแค่แสงรัศมีกาย ก็จะหลงไหลเคลิบเคลิ้มอยู่ในภวังค์เหมือนต้องมนต์

    เป็นฤกษ์สุดยอดทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม และโชคลาภ ซึ่งเป็นวันที่เป็นมงคล ฤกษ์ที่สุดโบราณจารย์กล่าวไว้ว่าหากทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ในวันนี้จะแรงและมีอานุภาพสุงสุด ฤกษ์นี้ไม่ได้มีบ่อยนัก ตามตำราโบราณบรรดานางในวรรณคดีที่มีชื่อต่างๆ ผู้ประพันธ์จะกำหนดให้จุติในวันจันทร์ เพื่อเกิดมาเป็นางเสน่น์ที่มีแต่คนหลงไหล



    จันทร์ซ้อนจันทร์...ถือเป็น ฤกษ์งาม แห่งความ ร่ำรวยและเมตตามหานิยม...!!!

    จันทร์...ตามคติความเชื่อว่าเป็น เทพเจ้าแห่งความงดงามและเงินตรา ซึ่ง พระอิศวร ได้ สร้างขึ้นจากผงนางฟ้า 15 นาง รูปร่างจึงงดงาม ยิ่งส่งผลทำให้ สาวๆในชั้นเทพพากันหลงใหล...ยอมมอบกายมาเป็นสนมรับใช้หลายองค์

    แต่บางตำราว่า...เหล่าเทวดาได้ร่วมกันกวนน้ำทิพย์ พลังมีอิทธิฤทธิ์ทำให้เกิดเทพ ขึ้นมาหลายองค์ หนึ่งในนั่น คือ พระจันทร์ โดย เป็นเทพที่มีทรัพย์สินมากมายและมีพระวรกายเป็นยองใย เป็นที่พึงพอใจแก่สาวๆโดยทั่วไป แม้แต่ชายาของพระพฤหัสซึ่งเป็นครูใหญ่พึงใจ... พระจันทร์จึงเจ้าชู้ที่สุด


    ตาม ปรัชญาของโหราศาสตร์...เชื่อว่า ดาวแต่ละดวงมีเทพประจำ คุ้มครองรักษาแต่ละองค์ ในจักรวาลการขับเคลื่อนทำมุมองศาต่อกันตามเส้นทางโคจร ซึ่งส่งผลให้เกิดพลังและอิทธิพล...ส่วนจะแรงในด้านไหน มีพลังดีหรือร้ายนั้นก็แล้วแต่

    ราหู (โลก)...มีการสัมพันธ์กับพระจันทร์อย่างต่อเนื่อง ในบางมุมของคาบเวลาก็ส่งผลในทางโชคลาภและอารมณ์ต่อปวงมหาชนที่บนโลก อาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ ได้กำหนด กาลในปฏิทินขอเงินจากพระจันทร์ตามพิธีโหร...ซึ่งก็ สัมฤทธิผลในโชคลาภ ตามต้องการ

    ทุกๆ 30 วัน...พระจันทร์จะมาฉายความงามส่องส่งแสงสว่างขาวนวลยังราหู คือ ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ และช่วงเดือน 10 พระจันทร์ก็จะมาเยือนราหูตรงกับจันทร์ที่ 12 กันยายนจึงเป็น จันทร์ซ้อนจันทร์ ตามพลังอิทธิฤทธิ์ที่โดดเด่น เมื่อทับซ้อนเป็นสองเท่า...พระจันทร์ยิ่งเพิ่มในความเข้มขลัง

    และเมื่อที่ผ่านมา เป้นวันจันทร์ซ้อนจันทร์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 (ท่านครู ไดทำพิธีเสกแป้งนวลจันทร์ผสมผงว่าเสน่ห์จันท์อีกด้วย)
    แต่วันที่ 22 นี้ เป็นวันจันทร์เพ็ญ พระใหญ่ คือวันอาสาฬหบูชา ซึ่งตรงกับ ตรงกับวันที่ 22 กรกฎาคม (ขึ้น 15 คํ่า เดือน 8) และวันเข้าพรรษา ตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม (แรม 1 คํ่า เดือน 8) ทางโบราณอาจารย์เรียกว่าวันจันทร์เข้าศิล และเป็นวันมหาจันทร์ คือวันจันทร์ ที่ตรงกับวันเพ็ญแถมวันที่ 22นี้ เป็นวันเพ็ญใหญ่ เรียกว่ามหาเพ็ญ และได้เลข 2 (อันแทนค่าพระจัทร์ ถึง สองตัว) จัดเป็นจันทร์เข้าศิลที่สมบูรณ์แบบเลยที่เดียวครับ
    ที่นี้เข้าใจกันเปล่าครับว่า ทำไมต้องรอวันที่ 22 กค. 56 นี้ ของดีอดใจรอ กันหน่อยนะครับผม

    ผมเอาภาพของแป้งเสกนวลจันทร์มาลงนะครับผม เป็นแป้งที่ท่านเสกไว้เมื่อ วันที่ 10 มิย. ที่ผ่านมาอันนี้เป็นของขอแจมร่วมโพสนี่ครับผมขออิงๆหน่อยคงไม่ว่ากันนะครับผม อีกอย่างเป็นข้อมูลอิงๆเชื่อมๆกันอยู่ ผมเห็นที่วัดให้บูชากระป๋อง ละ 399 บาทครับผม มีอะไรน่าสนอยู่ที่เดียว พ่อครูบอกว่า " ใครก็ทำได้ คนไทยเก่งจะตาย ปลอมของนี่เนียนเชียว เชือดิ" สงสัยท่านคงกันเหนียวไว้ก่อน มีทั้งฉลากประทับตรา แถมพอลอกออกมา ต้องมีลายเซ็น ถึงเป็นของที่ท่านปลุกเสกชัวร์แท้แน่นอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  19. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    พลังจากดวงจันทร์จากความเชื่อของคนโบราณ

    พระจันทร์นั้นมีอิทธิพลโดยตรงต่อธาตุน้ำบนโลก โลกของเรานั้นมีน้ำอยู่ถึงสามในสี่ส่วนของพื้นที่ทั้งหมดของโลก ดังจะเห็นได้จาก ยามพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงเมื่อใด นำในทะเล แม่น้ำ ลำคลองก็จะขึ้นเต็มตลิ่ง น้ำในทะเล แม่น้ำ ลำคลองก็จะขึ้นเต็มตลิ่ง น้ำขึ้นเนื่องจากพลังของดวงจันทร์ส่งแรงดึงดูด กระทำต่อธาตุน้ำที่อยู่บนโลก จอกจากดวงจันทร์จะมีผลต่อการขึ้นลงของระดับน้ำบนโลกแล้ว พระจันทร์เต็มดวงนั้นยังส่งผลต่อปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกอีกด้วย นอกจากนี้ ยามเมื่อพระจันทร์โคจรเข้ามาใกล้โลกพลังลึกลับแห่งพระจันทร์ยังมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก ความคิด จิตใจ เลือดในกาย และอื่นๆ อีกหลายเรื่อง

    ตามตำนานของประเทฯทางยุโรปได้กล่าวถึงเรื่องราวความลึกลับของดวงจันทร์ที่เกี่ยวข้อกับมนุษย์ประเภทครึ่งคนครึ่งสัตว์ ที่มกจะกลายร่างเป็นสุนัขป่าในคืนวันเพ็ญหรือในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ทั้งนี้เพราะดวงจันทร์มีอำนาจลึกลับทางไสยศาสตร์ และยังส่งผลกระทบต่อจิตใต้สำนึกของมนุษย์โดยเฉพาะสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ เป็นเหตุให้คลื่นสมองของมนุษย์ช่วงพระจันทร์เต็มดวงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมากมายนอกจากนี้ยังพบว่าบรรดาคดีฆาตกรรมในสหรัฐซึ่งได้รวบรวมจัดทำสถิติเอาไว้พบว่ายิ่งใกล้ช่วงพระจันทร์เต็มดวงยิ่งพบว่าเกิดเหตุฆาตกรรมมากขึ้นมากกว่าช่วงข้างแรมพระจันทร์มีอำนาจลึกลับที่สามารถให้ทั้งคณแลโทษในคืนที่พระจันทร์เนทางโคจรเข้ามาใกล้โลกของเรา เหตุการณ์แปลงๆ จึงเกิดขึ้นบนโลก

    ครูบาอาจารย์ไทยสมัยก่อนรู้ถึงพลังอำนาจอันลึกลับของพระจันทร์ จึงเกิดมีวิชาต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการบูชา และรับพลังจากแสงจันทร์ตามตำราโหราศาสตร์จึงมีหลักของจันทรคติถือดิถีข้างขึ้นข้างแรมของพระจันร์เป็นเกณฑ์ในการกำหนดฤกษื ด้วยเชื่อว่าอิทธิพลจากพลังอำนาจพระจันทร์ ในข้างขึ้นข้างแรมก็ดีด้วยการโคจรของพระจันทร์จนได้องศาก็ดี หรือเล็งกับดางดวงหนึ่งดวงใดก็ดี พลังอำนาจจากพระจันทร์ในแต่ละช่วงนั้น ย่อมที่จะส่งผลต่อมนุษย์บนโลกในแง่ต่างๆ ตามวิถีแห่งพระจันทร์นั้น พลังของพระจันทร์ มักใช้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวทางไสยศาสตร์ ทางจิตวิญญาณ โดยบูรพาจารย์แต่โบราณพบว่าพลังอำนาจของพระจันทร์ในดิถึข้างขึ้นจะทรงอำนาจทางเสน่ห์และเมตตามหานิยมยิ่งนัก ในขณะที่พลังของพระจันทร์ในช่วงข้างแรมก็จะส่งผลทางด้านมหาอุตตม์คงกระพันชาตรี ซึ่งก็เป็นการกล่าวถึงพลังอำนาจของพระจันทร์ ตามหลักกว้างๆ เท่านั้น ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับดิถีของดวงจันทร์ อันจะส่งผลในด้านต่างๆ เกี่ยวกับชีวิต จิตใจ ความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้อีกมากมายยิ่งนัก การโคจรของดวงจันทร์ ตำแหน่งของดวงจันทร์ ย่อมมีผลโดยตรงต่อชะตาชีวิตของมนุษย์บนโลกและการถือกำเนิดขึ้นของมนุษย์บนโลก ล้วนถูกกำหนดจากตำแหน่งของพระจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้า

    อำนาจเร้นลับของพระจันทร์ในข้างขึ้นหรือในคืนวันเพ็ญ ย่อมสามารถส่งผลแก่มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกอย่างแน่นอน ในที่นี้เราจะกล่าวถึง พลังของพระจันทร์วันเพ็ญ อันมีอิทธิคุณทางด้านเสน่ห์เมตตา ผู้รู้ในยุคสมัยก่อนก็มีอุบาย หรือวิธีการในการรับพลังงานจากแสงจันทร์มาใช้ประโยชน์ในด้านนี้ได้อย่างดี วิชานี้เราเรียกว่าคืนวันเพ็ญเสน่ห์จันทร์หรือการอาบน้ำเพ็ญ

    น้ำเพ็ญ คือ หนึ่งในบรรดาพิธีกรรมอันเกี่ยวเนื่องด้วยพลังจากแสงจันทร์ ที่สามารถดึงพลังงานของพระจันทร์ในข้างขึ้น เอากำหนดขึ้น 15 ค่ำ เป็นหลักในการทำพิธี ด้วยเชื่อว่าพลังอำนาจของพระจันทร์ในข้างขึ้น 15 ค่ำนั้นพระจันทร์จะทรงพลานุภาพสูงสุด โดยเฉพาะทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม จึงมักเรียกการประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ในคืนวันเพ็ญนี้ว่า พิธีแห่งคืนเพ็ญเสน่จันทร์ (พิธีกรรมทางไสยศาสตร์อาทิ ฝังรูปฝังรอย เสกนะเมตตา เสกแป้ง เสกน้ำมันจันทร์อาบน้ำเพ็ญทำเสน่ห์ยาแฝด เป็นต้น)

    น้ำเพ็ญจึงเป็นพิธีกรรมที่ผู้คนนิยมมากที่สุด เนื่องจากพิธีกรรมไม่ย่องยากซับซ้อนเหมือนพิธีกรรมอื่น เริ่มจากการน้ำเอาน้ำที่สะอาดมาใส่ในภาชนะอันสมควรจัดตั้งไว้กลางแจ้ง (ให้แสงจากดวงจันทร์สัมผัสผิวน้ำได้โดยตรง) และเมื่อถึงเวลาที่พระจันทร์อยู่ในตำแหน่งสูงสุดคือ กลางกระหม่อม อันเป็นตำแหน่งที่พระจันทร์ทรงพลานุภาพสูงสุดนั้น แสงและเงาสะท้อนของพระจันทร์ก็จะปรากฏอยู่ในภาชนะที่ บรรจุน้ำนั้น แสงพระจันทร์ที่สาดส่งลงบนน้ำที่นำมาตั้งไว้กลางแจ้ง ย่อมก่อให้เกิดพลังอำนาจอันอัศจรรย์ ซึ่งขบวนการนี้เป็นไปเองโดยธรรมชาติขิงน้ำและแสงจากดวงจันทร์ ธาตุน้ำย่อมสามารถซึมซับพลังอำนาจจากแสงจันทร์ได้เป็นอย่างดี ที่น่าแปลกคือ ขณะที่พระจันทร์อยู่ในตำแหน่ง (ตรงกลางศีรษะ) เวลาเที่ยงคืนพอดีเงาสะท้อนของพระจันทร์ที่ปรากฏอยู่ในภาชนะที่กระทำพิธี จะเกิดการทรงกลดขึ้นภายในภาชนะนั้นด้วย

    ถือได้ว่า น้ำที่ได้ผ่านพิธีกรรมอาบแสงจันทร์นี้จะได้รับพลังอำนาจจากพระจันทร์อย่างเต็มที่ ด้วยการปะกอบพิธีกรรมอย่างถูกต้องของครูบาอาจารย์ พลังอำนาจแห่งพระจันทร์ผนวกกับพลังอำนาจแห่งจิตของบูรพาจารย์ผู้ประกอบพิธี เราจึงเรียกว่า น้ำเพ็ญ น้ำเพ็ญมีอานุภาพทางด้านเสน่ห์เมตตาอย่างสูง ผู้ที่ได้ดื่มกินและอาบน้ำเพ็ญในช่วงเวลาเที่ยงคืนพอดี ในปีหนึ่งจะมีเพียงครั้งเดียว คือในเวลาเที่ยงคืนของคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง จะเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี เมตตาอยู่ในกายสูงส่ง แม้นเข้าพบผู้ใหญ่ก็จะได้รับความเอ็นดู ช่วยเหลือ หันหน้าไปในทิศใดก็ไม่มีผู้รังเกียจ เป็นที่รักใครของทั้งมนุษย์และเทวดา นอกจากนั้นยังทำให้เกิดโชคประเสริฐดีนักแล
     
  20. ยอดบารมี

    ยอดบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ส่วนสำคัญของจินดามณีคืออำพันทะเล

    แม้ผงยาจินดามณีจะขึ้นชื่อว่ามีทั้งพุทธคุณและสรรพคุณสูงแต่มักไม่มีนักสร้างวัตถุมงคลกล้าลงทุกสร้าง เพราะมวลสารผสมยาจินดามณีส่วนใหญ่เป็นของหายากและมีราแพง เช่น งาช้างน้ำ งาช้างบก งากำจัด งากำจาย และเขากวางหลุด เป็นต้น แต่ที่หายากแบบสุดๆ มี ๓ ชนิด คือ

    ๑.อำพันปลาวาฬซึ่งเป็นน้ำเชื้อของปลาวาฬที่ผ่านการผสมพันธุ์แล้วหลุดลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำระหว่างสัมผัสกับน้ำทะเลก็จะแข็งตัวคล้ายๆ กับพลอยสีเหลือง ทั้งนี้ชาวประมงที่พบเห็นจะเก็บและหวงแหนมากเพราะถือเป็นของหายาก และใช้เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง มีคุณทางเมตตาและแคล้วคลาด ราคาซื้อขายกันหลักแสนต่อเม็ด (ขนาดใหญ่กว่านิ้วแม่มือเล็กน้อย)

    ๒.น้ำนมเสือหย่า (เสือคัด) ซึ่งเป็นน้ำนมของแม่เสือที่ไม่อยากให้ลูกกินนม เนื่องจากลูกฟันขึ้นแล้วเมื่อกินก็จะรู้สึกเจ็บ ดังนั้นแม่เสือจะเอาลำตัวไปนาบลงบนแผนหินเพื่อให้นมไหลออกมา ซึ่งพบในป่าลึกตามผนังถ้ำ หรือแผ่นหิน ราคาซื้อขายไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๒ แสนบาท และ ๓.นอแรดแม้จะหาไม่ยากแต่มีราคาแพงมากต้องสั่งซื้อจากต่างประเททศเท่านั้น ราคานอละไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท

    ขณะเดียวกันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจคือหากศึกษาประวัติการจัดสร้างยาผงจินดามณี ต้องทำเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์เท่านั้นจะทำเป็นการค้าหรือพุทธพาณิชย์ไม่ได้ เพราะเป็นเคล็ดลับของวิชานี้ซึ่งมีการสาปแช่งไว้ว่า ใครทำขายทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวต้องมีอันเป็นไปหากใครได้ศึกษาข้อมูลย้อนหลังของพระและวัดใน จ.นครฐม ที่ทำยาจินดามณีแล้วหาประโยชน์ใส่ตัวไม่นำไปบำรุงพระพุทธศาสนา หรือไม่สร้างสาธารณประโยชน์ส่วนรวมต้องมีอันเป็นไปทุกราย ด้วยเหตุนี้เมื่อพระและวัดใดสร้างผงยาจินดามณีต้องทำเพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกผู้ร่วมบุญกับวัดเท่านั้น

    ด้วยเหตุที่มวลสารที่นำมาผสมเป็นตัวยาวาสนาจินดามณีมีราคาแพงการจัดสร้างพระด้วยผงยาจินดามณีจึงไม่ค่อยมีนักสร้างวัตถุมงคลรายใดกล้าสร้าง ส่วนใหญ่จะเป็นวัดสร้างเองและสร้างได้จำนวนไม่น้อย เพื่อแจกจ่ายเป็นของที่ระลึกในบุญประเพณีของวัดเช่นเดียวกับโบราณาจารย์ในอดีต ผู้ที่ได้รครอบครองพระผงยาจินดามณีจึงมีแต่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหรืออยู่ติดกับวัดเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...