วิถีมนุษย์ แบบมนุษย์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นาย เอ, 5 มกราคม 2014.

  1. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    ไม่ยากหลอกมนุษย์
    ไม่ยากหลอกที่จะเป็นมนุษย์
    ยากที่จะเข้าใจมนุษย์ทั้งที่ยังเป็นมนุษย์
    ยากที่จะหลุดพ้นจากวิถีมนุษย์
    เพราะยังเป็นมนุษย์
    แต่ก็แค่ยาก
    ไม่ไช่
    ว่าไม่มีทาง.......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2014
  2. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    มนุษย์หมดอายุขัย ก็พ้นจากความเป็นวิถีมนุษย์แล้ว
    ยากตรงไหน
     
  3. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    กินยาเขย่าขวดบ้างนะ

    มีใครเห็นท่านอาจารย์อาเล้งยี้ของผมมั้ย ท่านอาจารย์อาาาาาาาาาาาาาาา
     
  4. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    ขออภัย ที่ข้อความอาจสั้น จุดประสงค์เพื่อผู้ฉลาด ได้ใช้หลักของจินตามยปัญญา

    จนทำให้ท่านผู้อ่านบางท่าน รู้สึกว่าไม่น่าคิด ไม่น่ามอง หรือไม่ผ่านแม้สุตตมยปัญญา

    ขอบคุณที่เตือนให้เขย่าขวดก่อนทานยา

    แนวข้อความในมุมมองนี้ เป็นมุมมองความหมายของคำว่า มนุษย์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Homo sapiens, ภาษาละตินแปลว่า "คนฉลาด" หรือ "ผู้รู้")

    มุ่งแน่นมุมมองทางธรรม

    ไม่ยากหลอกมนุษย์ หมายถึง ไม่ยากหลอกที่จะฉลาด หรือรู้

    ไม่ยากหลอกที่จะเป็นมนุษย์ หมายถึง ไม่อยากหลอกที่จะเป็น ผู้ฉลาด หรือรู้ โดยมีหลักการและแนวคิด

    ยากที่จะเข้าใจมนุษย์ทั้งที่ยังเป็นมนุษย์ หมายถึง ยากที่จะเข้าใจ ว่า อะไรคือความฉลาด ความรู้ ที่แท้จริง ทั้งที่ยังถือความฉลาด ความรู้ จากการอ่าน การฟัง การคิด การใช้ตรรกะ การเปรียบเทียบ โดยอาศัยหลัก สุตมยปัญญา และจินตามยปัญญา
    คือมีความรู้ ทางธรรมมากมาย ท่องได้หลายพระสูตร คำพูดนี้ผิด คำสอนนี้ถูก โดยจากการฟังแล้ว ชอบ การเปรียบเทียบแล้วว่า ใช่ หรือไม่ไช่ โดยไม่ลองหลับตาและทำโดยตัวเอง ตามหลักกาลามสูตร

    ยากที่จะหลุดพ้นจากวิถีมนุษย์ หมายถึง ยากที่จะหลุดจากการถือในความคิดของตนเอง เพราะมีเหตุผลทางความฉลาด ต่่างๆ
    ตามแบบของมนุษย์ที่ฉลาด
    และลงมือทำ รู้ด้วยตนเอง โดยภาวนามยปัญญา

    แต่ก็แค่ยาก เปรียบเทียบโดย มนุษย์ส่วนน้อยที่ปฎิบัติ รู้โดยตัวเอง

    ไม่ไช่
    ว่าไม่มีทาง....................... แปลว่า มีทาง แต่มนุษย์ส่วนมากไม่ทำ

    ห้องแห่งความจริง เปิดรอมนุษย์ ผู้ฉลาดอยู่แล้ว มันเป็นห้องที่ผู้ฉลาดหลายๆท่าน เล่าต่อๆกันไป ทั้งที่ได้ฟังจากผู้ที่เคยเข้าไป หรือการพิจารณา จากหลักการตามความเป็นจริง แต่จะมีกี่ท่าน ที่มุ่งมั่นที่จะเข้าไปสัมผัสห้องแห่งความจริง โดยตัวเอง
     
  5. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,946
    ขอถามหน่อยครับ อะไรคือหลุดพ้น อะไรคือไม่หลุดพ้น
     
  6. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    ขอบคุณสำหรับคำถามครับ
    เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบปลายทาง
    คำตอบ หลุดพ้น คือไม่ติดอยู่ ไม่หลุดพ้น คือยังติดอยู่
    แนวทางนำไปสู่ทางหลุดพ้น คือ
    ศีล....ตรงกับคำว่าสะอาด
    สมาธิ....ตรงกับคำว่าสงบ
    ปัญญา...ตรงกับคำว่าสว่าง

    จริงๆอยากตอบสั้นๆ เพราะด้วยหลักการและเหตุผล คุณ และผู้มีธรรมทุกท่าน ทราบอยู่แล้ว แต่ขออธิบายคร่าวๆเผื่อผู้อ่านบางท่านนำไปเปรียบเทียบพิจารณา
    ศีล สมาธิ ปัญญา ฟังดูเผินๆคล้ายจะเข้าใจง่ายๆ ความสอดคล้อง และการเกื้อหนุนกันของศิลสมาธิและปัญญา จะนำไปสู่การหลุดพ้น

    การหลุดพ้นในทางธรรม มีขั้นตอนตาม ศีล สมาธิ ปัญญา คือ
    กระบวนการของศีล การเห็นใด้ยินหรือสัมผัสต่างๆของการเกิดมา ตั้งอยู่ และดับไป คล้ายเรามีหลักทีจะทำความสะอาดห้องให้สะอาดอย่างละเอียด เราจะเห็นหลายสิ่งในห้องเรามากมาย ทั้งที่ในแต่ละวันสิ่งที่เราสนใจมีเพียงไม่กี่อย่าง

    กระบวนการของสมาธิ ความสงบ คือการลงมือทำความสะอาดห้อง มีการขจัดขยะต่างๆออกจากห้อง มีการจัดเรียงสิ่งของตามหมวดหมู่ มีการทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ และทุกกระบวนการก็มีขั้นตอน และพบรายละเอียดมากมาย เช่น เจอรูปถ่ายแฟนเก่าหลายคน มีเหตุการในแต่ละรูป มากมาย ปัจจุบันรูปยังอยู่ แต่คนไม่อยู่ สิ่งที่ติดอยู่คือในใจเรา

    กระบวนการของปัญญา คือการเข้าใจในกระบวนการ ว่าแต่จะครั้งเรามีความสุขและทุกข์ กับเหตุการนั้นๆมากมาย เหตุการมี เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป หลายประการ และเกิดความเข้าใจ ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง เช่นเข้าใจว่าแต่ละครั้งว่าในเวลาโดนทิ้ง หรือเลิกกัน ทรมานจนทนไม่ได้ แทบตาย แต่ก็ผ่านมามองมันแบบเรื่องปกติในปัจจุบัน

    มนุษย์ เราก็เหมือนกัน หลุดพ้นในการเปรียบเทียบเบื้องต้น ไม่ใ่ช่ออกไปอยู่นอกห้อง เราคงอยู่ในห้องเดิม แต่เรามีความเข้าใจ ในตัวเอง และเข้าใจห้อง เข้าใจว่าห้องๆเดิมมีเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่แน่นอน แต่เราก็ยังต้องนอนทุกวัน ถ้าห้องสกปรก มีแต่ความเครียด ความทรงจำแย่ๆ แม้ตาจะหลับแต่ก็นอนไม่สงบ



    การหลุดพ้น ปรัชญาของท่านพุทธทาสคือ
    การพ้นไปจากอำนาจของ"ตัวกู-ของกู"ด้วยอำนาจของสิ่งที่บังเอิญประจวบเหมาะ
    ความดับแห่ง"ตัวกู" ซึ่งเป็นไปด้วยอำนาจของการประพฤติหรือการกระทำทางจิต หมายถึง ขณะนั้นมีการกระทำจิตให้ติดอยู่กับอารมณ์ของสมาธิอย่างใดอย่างหนึ่งตามแบบของการทำสมาธิ
    ความดับ"ตัวกู" ด้วยการกระทำทางปัญญา คือการทำลายอวิชชาลงอย่างสิ้นเชิง


    ชาบูชิ เห็นจากโฆษณา แล้วรู้ว่าน่ากิน เราก็รู้เลยว่ามันต้องอร่อยมาก เข้าไปในร้านและพิจารณาอาหารต่างๆ ก็ยิ่งมันใจ ว่ามันอร่อยมาก

    แต่ก็เป็นกระบวนการ สุตมยปัญญา และจินตามยาปัญญา
    แต่หากได้ลองกินเอง ก็จะรู้ว่า มีหลายเมนูที่อร่อย บางอย่างก็จึดไป แต่เพื่อนกลับบอกว่าอร่อย บางอย่างที่เราชอบเพื่อนบอกว่าเค็ม

    สิ่งที่ผมบอกได้ ผมก็แค่แนะนำ ร้านอาหารที่อร่อย หากคุณยังสงสัยว่า ผมอาจจะแค่ดูจากโฆษณาแล้วบอกต่อ หรือเคยไปชิม ก็ยังถือเป็นการแนะนำร้านที่ผมเข้าใจว่าอร่อย อร่อยจริงไหม หรือผมเคยไปกินจิงไหม โดยที่คุณก็อาจจะเคยไปมาหลายครั้ง
    มันก็จะมีผลมากที่สุดก็ในระดับ เปรียบเทียบด้วยหลักการและเหตุผล เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2014
  7. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,946
    มี สติ อยู่กลับ ปัจจุบัน หยิบ แล้ว วาง รับรู้ ไม่ยึดติด ก็พอแล้วนิครับ
     
  8. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    สติ หรือ ความนึกขึ้นได้ ความไม่เผลอ ฉุกคิดขึ้นได้ การคุมจิตไว้ในกิจ
    ทำโดยประจำหรือมหาสติ การหยิบ วาง รับรู้ การตื่นตัวอยู่เสมอ


    การหลุดพ้นคือปลายทาง

    สติ เป็นกระบวนการที่ระลึกได้อยู่เสมอ ทำได้ตลอดเวลา

    ไม่ยึดติด เกิดขั้นจากหลักการและเหตุผล ความรู้ ความเข้าใจ และการปฏิบัติเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่นำสู่การหลุดพ้น
    ไม่ยึดติด มีข้อแต่งต่าง
    "ผู้ไม่ยึดติด" เป็นความปรุงแต่งอย่างหนึ่ง มีตัวตนเป็นผู้กระทำกริยาไ่ม่ยึดติด
    "ความไม่ยึดติด" เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะไม่ยึดติดอยู่แล้วโดยตัวของมันเอง โดยไร้ความพยายามใดๆ ตรงต่อความไม่ยึดติด ตรงต่อความหลุดพ้น
    ทุกสิ่งอย่างมีรายละเอียด ตามมุมมอง ความต้องการ และมักพบว่า บางอย่างก็เยอะเกิน บางอย่างก็น้อยเกิน หากเราใช้มาตรฐานจากการดูฟัง อ่าน เปรียบเทียบ สังเกต หลักการ เหตุผล เป็นตัวชี้วัด
     
  9. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,946
    พอกำลัง สติ มัน มากพอ ก็ สามารถ ควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดเป็น อินทรียสังวร จนเห็นแค่ รูป นาม เกิด ดับ ทุก ลมหายใจ

    แล้วนิครับ มีด้วยหรอครับ มาตรฐาน กิเลส มันสามารถ วัดปริมาณ ได้หรอ ว่า กิเลสตัวนี้มากน้อย แค่คิด ก็เป็น กิเลส แล้วนิครับ

    สาธุ เจริญธรรม
     
  10. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    เข้าใจตรงกันครับ

    สำหรับนักบินที่เคยบินมาหลายชั่วโมงบินแล้ว กระบวนการและรายละเอียด เป็นอัตโนมัติ และเรียบง่าย
    ซึ่งนักบินอาวุโส จะมองในความธรรมดาของการสำรวมในอินทรีสังวร เป็นความธรรมดาของสภาพธรรม
    แต่สำหรับ นักบินฝึกหัด แม้ในเรื่องเล็กๆของการ Take off ของ มือใหม่ ต้องอาศัย การลงรายละเอียด การทำความเข้าใจ คล้ายแผนที่ หรือคู่มือการใช้ ครับ

    ส่วนมาตรฐานกิเลส การเปรียบเีทียบ มากน้อย มีครับ (เห็นชัดจากคำว่า
    มีด้วยหรอครับ)
    มีในส่วนของ สุตมยปัญญา และจินตามยปัญญา ในส่วนของการรับรู้ และพิจารณา เหมือนที่เรากำสังแสดงความคิดเห็นกันอยู่นี้
    แต่ไม่จำเป็นในส่วนสำคัญ คือ ภาวนามยปัญญา หรือการลงมือทำ โดยตนเอง รู้ได้โดยตนเอง


    ยินดีในบุญครับ ที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็น ในการปฎิบัติธรรมในมุมต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่าน รับรู้ และพิจารณา เพื่อนำไปสู่ทางปฎิบัติต่อไป

    การรับรู้ การพิจารณา เป็นตัวเกื้อหนุนสำคัญ ของการลงมือทำ ครับ

    สภาพวธรรมที่ผมปฎิบัติยังน้อยนิด อาจมีความเข้าใจ คลาดเคลื่อน ผู้อ่านโปรดช่วยพิจารณา ชี้แนะ และแลกเปลี่ยนข้อมูลทางปัญญา สู่แนวทางการเจริญปัญญา แด่ท่านผู้อ่าน แด่กันและกัน ครับ
     
  11. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,946
    กิเลส ชั่งน้ำหนัก ได้ด้วยหรือ ? แค่ คิด อกุศล ก็ เกิด กิเลส ตัณหา อุปาทาน เข้าไปคอบงำ ทำให้ จิตใจ เศร้าหมอง แล้ว แบบนี้ จะให้ ชั่งน้ำหนักได้อย่างไร ? ครับ ผู้รู้
     
  12. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    ขอบคุณครับ ที่ตั้งคำถามให้ คิดพิจารณา
    กิเลสเป็นต้นตอทำให้เกิดตัณหา เพราะกิเลสเป็นความชั่วที่นอนนิ่งอยู่ในใจของเรา มันจะเป็นตัวบงการให้เราเกิดความอยากในเรื่องต่าง ๆ ก็คือตัณหา

    เมื่อเกิดตัณหาขึ้นมาแล้วก็จะไปยึดมั่นถือมั่นว่า อันนี้เราชอบ อันนี้เราไม่ชอบ ก็จะเป็นอุปาทาน แล้วในส่วนของกิเลสกับตัณหาและอุปาทาน พอถึงเวลาหนึ่งจะชักจูงให้เราลงในทางที่ต่ำมากกว่า ก็คือจะไปสร้างอกุศลกรรมเหล่านั้น

    พอไปสร้างอกุศลกรรมก็จะไปสั่งสมสร้างกองกิเลสนั้นให้พอกพูนมากขึ้น ๆ พวกนี้มันเป็นเชือกเส้นเดียวกัน เพียงแต่คนละเกลียวเท่านั้นเอง
     
  13. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    ทำความเข้าใจยากจัง
     
  14. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    ขออภัยด้วยครับ ผมอาจใช้ข้อความที่ไม่กระจ่าง
    หากผมกำลังเข้าใจผิด หรือเรียบเรียงวิธีที่ผิด
    รบกวนแสดงความกระจ่างเพื่อเพิ่มปัญญา เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย ไว้เป็นแนวทาง ในการนำไปปฎิบัติ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...