สิ่งมีชีวิตในดวงอาทิตย์

จินตนการผมนะ บวกจิตรู้และบางสิ่ง มาอธิบายนอกกรอบวิทยาศาสตร์

เมื่อเรามองฟ้าในยามราตรี เราพบดวงดาวมากมาย และมีดวงดาวมากมายที่เป็นดาวฤกษ์ หรือดวงอาทิตย์ แต่ต่างจักรวาลที่มากมาย

ผมเป็นบุคคล 1 ที่มองดวงอาทิตย์ได้ด้วยตาเปล่า และมอบให้ใคร และบอกว่าคนใดสามารถส่งต่อของการมองดวงอาทิตย์ได้โดยสายตายังปรกติ (ที่ผ่านมายังไม่มีใครตามหาผมแล้วบอกว่าตาบอดสักรายนะ)

ดังนั้นจินตนาการผมก็แอบคิดไปว่า ศูนย์กลางของพลังงานที่สร้างพลังในระบบสุริยะเรานี้ จะมีสิ่งมีชีวิตไหมนะ

ก็ลองมาดูเทียบกับเรา เมื่อมีชีวิตอยู่ แสงที่กระทบกับวัตถุและสะท้อนเข้าไปในดวงตา รูม่านตา และระบบของเลนส์ตาส่งความถี่แสงไปสู่สมองประมวลผลขึ้นมาเป็นภาพต่างๆ ถ้าไม่มีแสงก็จะมืดบอดสีดำไม่สามารถมองเห็นได้( จำจากวิทยาศาสตร์ที่เคยเรียนผ่านมาไม่รู้ถูกต้องเพียงใด)

ความถี่บางประเภทที่มีคลื่นความถี่ที่แตกต่างก็ไม่สามารถพบเห็นด้วยตาเรา เช่นวิญญาณ คนทั้วไปมองไม่เห็นหรอกเพราะความถี่มันต่างกะนแสงกระทบก็ไม่อาจะพบเจอ นอกจากมีวาระกรรมร่วมกัน กับผู้ที่ผูกพันธ์กับบางสิ่งเกิดมาเลยเห็นวิญญาณ ภูติผี หรือปีศาจ

ผมก็เลยเอาไปเทียบว่า (ดูหนังเปรียบเทียบไปด้วย) ถ้าศูนย์กลางของพลังงานสามารถสร้างสรรสิ่งมีชีวิต ก่อเกิดการเจริญเติบโต ตัวเขาเองก็น่าจะมีอะไรอยู่ภายใน เพียงแต่ระดับปัญญาของคนในยุคปัจจุบันยังไม่อาจเข้าถึงและสัมผัสได้

เพราะดวงอาทิตย์ที่ให้พลังงาน คงมีมิติที่ปกปิดบางสิ่งให้เราไม่สามารถึ้นพบได้ มีแค่เครื่องมือตรวจวัดความร้อน รังสี ความถี่และอื่นๆที่ มนุษย์เราพอจะศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์ แม้กระทั้งผู้มีพลังจิตระดับสูง ก็อาจเข้าไม่ถุงเพราะถูกปิดบังไว้แบบไม่มีใครในโลกเราเข้าถึงได้ หรืออาจรับรู้ แต่อธิบายไปคนก็หาว่าบ้า ก็นิ่งเสียจะดีกว่า ว่ามะ

ก็พิจารณากันไป จิตผมจะบอกว่าทุกดวงดาว น่าจัมีสิ่งมีชีวิต แต่เขามีความถี่ คลื่น ตัวตนที่เราไม่อาจเขเาถึงได้ก็เป็นไปได้

การที่ดวงอาทิตย์จะมีสิ่งมีชีวิต ทั้งที่ระดับความร้อนมากมายมหาศาล แต่ถ้าเรานอกกรอบวิทยาศาสตร์และจินตนาการไปตามกระแสจิตที่ล่องลอย

อาจคิดได้ว่าเขาสร้างมิติพลังงานเป็นแกนนำส่งถ่ายพลังความร้อนให้มีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสร้างเกราะคุ้มกัน ให้มีอาณาเขตเฉพาะดาวเขาถึงจะรับรู้ว่ามีตัวตน

คนที่คุณรู้จีกอาจถูกจิตแฝงของพวกเขาเหล่านั้นส่งมาตรวจสอบชาวโลกอยู่ก็อาจเป็นได้นะ

ปล.มันก็แค่จินตนาการไปตามวาระ จะเท็จจริงเพียงใด มหาปัญญาของแตาละบุคคลจะชี้นำเอง ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม นะครับ

 

ร้อนแรงขนาดไม่ทันเข้าใกล้ก็เป็นฝุ่นผงไปแล้ว
คิดว่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้นะครับคุณโจ๊กโซคูล

 

จินตนาการแบบที่คาดไม่ถึงเลยค่ะ ^^

 

แต่ก็ไม่แน่นะคะ เพราะขนาดใต้ทะเลลึกที่มีป่องภูเขาไฟและมีลาวาและกำมะถันรวมถึงความร้อนที่เกินจุดเดือด ยังมีสิ่งมีชีวิตประเภท กุ้ง ปู อาศัยอยู่ได้ (ดูจากสาระคดี)ฉะนั้นอะไรที่เราคิดว่าไม่มี ไม่อาจอยู่ได้ อาจมีและอาจอยู่ได้ ถ้าสิ่งนั้นปรับตัวเองได้ แต่ไม่ใช่มนุษย์และสัตว์ในโลกนี้แน่ๆ เพราะห่างกันไกลขนาดนั้น ยังไงดวงอาทิตย์ก็ยังคงสภาพเป็นดาวขนาดเล็กอยู่...ข้างใต้นั้นจะมีเฉพาะความร้อน รังสี พื้นผิว แร่ธาตุ แค่นั้นแน่เหรอ?

 

ถามว่าในดวงอาทิตย์น่าจะมีสัตว์หรือวิญญาณอยู่หรือไม่?

ก่อนอื่นมาฟังสิ่งที่ร้อนไม่แพ้กัน คือ "ไฟนรก"
ไฟนรกร้อนมากกว่าไฟปกติ ก้อนหินน้อย ๆ ทิ้งลงไปในไฟปกติ ไฟเผาอยู่ตลอดวันก็ไม่ย่อยยับ
ส่วนก้อนหินโตเท่าปราสาททิ้งลงไปในไฟนรก ก็ย่อยยับไปในขณะเดียว

ดังนั้นถ้าจะมีจิตวิญญาณไปอยู่ ก็อาจจะไปอยู่ด้วยเหตุผลที่ต้องไปใช้กรรมกระมัง!

 

15 ค่ำเดือน 11 สิ่งที่เห็นอาจไม่ไช่สิ่งที่คิด ก็ได้นะ

 

มนุษย์โลกทำไมไม่พากันคิดเรื่องของชาวโลกกันนะ
แสงของดวงอาทิตย์ยังส่องสว่างมายังโลก แสงดวงอาทิตย์มีประโยชน์ต่อโลก
แล้วจิตชาวโลกไปทวนกระแสแสงสว่างเพื่อสิ่งใดกันนะ เมื่อไหร่จะเห็นประโยชน์ของตนเอง

 

อ้าว! มาผิดที่ งั้นไปละ

 

ในความมืดไม่มีแสงกับในความสว่างจากแสง มนุษย์ควรมองดูด้านใดกันนะ
ในความสว่างที่ไกลตัวกับความสว่างที่ไกล้ตัว มนุษย์ควรมองดูตรงไหนกันนะ
เมื่อมีแสงสว่างมนุษย์ควรหันมามองดูตัวเองหรือหันไปมองสิ่งนอกตัวกันนะ
ถ้ามีแสงสว่างส่องที่ตัวมนุษย์แล้วมนุษย์จะรู้ตัวของตัวเองเพิ่มขึ้นมั้ยนะ
ถ้าโลกมีแสงสว่างส่องมา มนุษย์ควรทำสิ่งใดกันนะระหว่างให้ความสนใจที่จุดเกิดแสงกับให้ความสนใจกับเรื่องของตนเองเมื่อแสงสว่างส่องมาถึงตน

 

โยงซะไกลเลย!

 

ปัญญาโลกัสมิง ปัตโชโต ปัญญาคือแสงสว่างส่องโลก

 

ส่วนสิ่งตรงข้ามปัญญา แม้โลกจะสว่างก็ดูเหมือนมืดมิดปิดตา?

 

ปัญญาสร้างได้ด้วยตนเอง จงค้นหาปัญญาในตนเมื่อแสงสว่างส่องมา เมื่อแสงสว่างส่องมาที่ตน จงเอาเวลานั้นค้นหาความจริงของตนเอง เพื่อสร้างปัญญาในตน อย่าให้แสงสว่างนั้นไร้ความหมายสำหรับตน

 

ที่ใดมีแสงสว่างที่นั่นย่อมทำให้เรามองเห็นสิ่งรอบตัว
สิ่งรอบตัวหาได้สร้างปัญญาให้เกิดกับตัวเราไม่
จงอย่าลืมอาศัยแสงสว่างนั้นมองดูตัวเองให้ได้รู้เห็นถึงความจริงแห่งตน
นี่คือทางแห่งปัญญา

 

ความจริงของสิ่งรอบตัวกับความจริงของตัวเอง ความจริงอันไหนที่สร้างปัญญา
แสงดวงอาทิตย์ส่องสว่างแก่โลกฉันใด ปัญญาย่อมส่องสว่างแก่มนุษย์โลกฉันนั้น

 

อันที่จริงความสว่างเทียบเท่าปัญญาไม่มีนะครับ
แม้โลกจะมืดถ้ามีปัญญาญาณก็ยังเห็นแจ้งแท่งตลอดได้

 

ที่ใดมีรักที่นั้นมีสุขหรือทุกข์หว่า อ้าว มาผิดงาน อิอิ

แต่ถ้าพูดถึงสิ่งมีชีวิตในดวงอาทิตย์นะท่าน จขกท ข้าน้อยว่าไม่มีนะ แต่มีใครบางตนต้องการพลังงานจากดวงอาทิตย์ไปใช้บ่อยๆ จากที่ข้าน้อยเคยดูคลิปจากนาซ่า เห็นได้ว่า มีบางสิ่งคล้ายดวงดาว มีความใหญ่พอๆกับโลก บินแว๊ปไปแว๊บมาอยู่บนเปลวเพลิงของดวงอาทิตย์นะคะท่าน ท่านว่า นั้นคืออะไรเอ่ย

 

ดีใจ ที่มีคนให้ความสนใจ ไม่มีผิดหรือถูก เพราะทุกสิ่งมัน เป็นสิ่งที่พบเจอตามวาระที่แต่ละคนสัมผัสมา

1 ปีที่หายไป หลังจากลงข้อมูลในที่นี้ แล้วมีเหตุของหลายบุคคล ทั่วโลกส่งบางสิ่งมา มันก็ทำให้เรียนรู้และพัฒนา ขอขอบคุณที่ ได้ทำให้ผมเรียนรู้ การให้อภัย หรือการป้องกันตัว ทำให้ผมได้มีจินตนาการนอกกรอบมากมาย ตามวาระที่เกิดขึ้นในทุกวินาทีที่มีผลแสดงออกมา ให้เห็นในโลกความจริง (แค่เกริ่นๆไป)

ในความจริงนั้น สภาวะของมนุษย์ ยังมีแค่จุดเริ่มต้นที่ยังต้องเดินทางอีกยาวไกล มหาปัญญา ของภาคมนุษย์ยังคงเป็นแค่เศษธุรีผง ถ้าเทียบกับมหาปัญญาของจักรวาลที่ไกลออกไปสูงล้ำกว่า อจินไตย ดังนั้น มันนอกกรอบ ที่ บางที คนที่สร้างบางสิ่งในโลกยังอาจไม่สามารถเข้าถึง

กลไกที่ผมสัมผัส ที่หายไป ยกตัวอย่าง เมื่อผมมองฟ้ายามราตรีที่มีดวงดาว จะมีใครเชื่อไหมว่า จะมีดวงดาว เคลื่อนคล้อยลงมาปลายยอดไม้ หลายดวงมีสีแดง เริ่มต้นกระแสที่ตาเราไปมองนั้น จะดูคล้ายเคลื่อนไหวเล็กน้อย (คงไม่ได้เกิดจากไปมองดวงอาทิตย์หรอกนะ) แล้ว ผมก็สัมผัสได้ว่า ดาวคงอยู่ที่เดิม แต่เขาคงส่งคลื่นความถี่ ที่สามารถปล่อยคลื่นแสงให้เราได้เห็นว่าเขาเคลื่อนที่ แล้วเคลื่อนลงมาต่ำปลายยอดไม้ ซึ่งถ้าผมเห็นคนเดียวก็คงผิดปรกติ ไปเองกระมัง ผมทำให้ หลายคนที่ศรัทธาผมได้เห็น ครอบครัวพี่น้อง และคนรู้จักบางคนที่ผมคิดอยากจะให้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ ไม่ใช่ดวงเดียวแต่มากมายตามอัตราที่ดวงใดสามารถส่งพลัง ส่งถึงซึ่งกันและกัน

มันอาจจะเกิดจินตนาการสำหรับใครที่ ไม่เคยพบเจอ แต่ทุกสิ่ง ในจินตนาการนั้นมันมีมาก่อนแล้ว เพียงแต่มนุษย์ยังเข้าถึงไม่ได้ ด้วยจิตที่ยังไม่บริสุทธิ์พอ หรือกาลเวลาที่ให้หลายคนในต่างจักรวาล ลงมาถ่ายโอนกำเนิดเป็นมนุษย์ หรือเรียก Seed star ตามที่มีคนนำบทความมาเผย (ผมก็เพิ่งอ่านแล้วไปตอบมา)

ดังนั้น คนอ่านแล้วว่ามันเกินความจริงก็คิดว่าเป็นแค่นิยาย จินตนาการไป แต่คนที่คิดว่ามันคือสิ่งที่แปลกแล้วอาจเป็นไปได้ ถ้าเรา เป็น เมล็ดพันธ์จากต่างดาว ด้วยกัน เราจะสามารถมองดวงดาวแล้วขอบางสิ่งที่แตกต่าง ตามที่ผมกล่าวให้บังเกิด ยามมองทอ้งฟ้า

หรือจะยกผลลัพธ์ของผม คือ มหาจิตกุศลมหาอนันตดาราจักรวาลส่งกุศลนี้ไปให้ สิ่งมีชีวิตที่เราขอผลลัพธ์ให้เขาสะท้อนให้เมื่อเรามอบกุศลไป ให้เห็นสิ่งมหัศจรรย์

ถ้ามองดีๆๆยามค่ำคืน(สำหรับผม) จะมีเส้นแสง วิ่งไปมาเป็นเส้นสายมากมาย ถ้าจ้องมองดีๆๆจะมีเหมือนคลื่นหมุนวน ถ้าชี้นิ้วไป จะสัมผัสได้ว่ามี พลัง(ออร่า) ที่ออกมาสัมผัสกับสิ่งแปลกและแตกต่าง มันก็คือสิ่งที่ผมพบด้วยตัวผมเอง แต่ผมคิดว่าผมสามารถถ่ายทอดให้ ใครที่คิดสร้างสรรได้พบเจอได้นะ

ใครคิดบวกคิดกุศล คิดสร้างสรร ลองหันไปมองดาวยามราตรีแล้วทำตามผมบอก ด้วยใจบริสุทธิ์ จะเห็น จานดาวเทียม จะเห็นดวงดาวเคลือ่นไหวลงมาปลายยอดไม้

ลองดูนะว่าใครมีสิ่งสัมผัสได้เหมือนผม เมื่อถึงเวลา พวกเราจะนำพลังที่แตกต่างไปประยุกต์ใช้ ในการเปลี่ยนจิต คน สร้างสรร คนให้เป็นมนุษย์ ให้มีความเป็นมนุษย์ เพราะตอนนี้คน เดินทางไปเป็นอสูรกายหรือสัตว์เดรัจฉานกันมากมาย

จิตใจที่ตกต่ำกันไปตามวาระ ต้องมีการแก้ไข

แต่ใครจะมาสละแก้ไข ถ้าไม่มีจุดเริ่ม ที่ไม่เหมือนสิ่งที่เรารู้กันมา คือแตกต่าง ต่างขั้วทางความคิด นั้นคือ พลังจักรวาล

ลองคิดจินตนาการที่เป็นไปไม่ได้ และประยุกต์ไปครับ มันคงจะมีช่วงกระแสที่เราตั้งใจและสรรพธาตุรับรู้ทำให้เราพบเจออะไรที่มีความพิเศษกว่าคนทั่วไป

เพราะในที่นี้ ถ้าไม่เป็นคนที่ มีความต่าง ของความคิด มีบางสิ่งที่เชื่อ มีบางอย่างที่อยากให้เป็นไป ตามกาลเวลาของที่มีมา หรือไม่เคยมีมาก็ตาม ก็ลอง พิจารณาไปตามมหาปัญญาที่ตนเองมีนะครับ

 

เรามนุษย์ มองเห็นในสิ่งที่มนุษย์ควรมองเห็น เห็นแสงเป็นแสง นี่คือถูก ส่วนมองแสงเป็นเส้นแสงนี่คือ รู้ ดังนั้น ใครจะมองเห็นเป็นเช่นไร อาจเห็นได้ต่างกันบ้าง แต่ แสงที่ควรจะเห็นเป็นแสง มันจะดีกว่าหรือไม่นะ อย่างบางคนมองเห็นผีแต่ถ้ามองไม่เห็นจะดีกว่ามั้ยนะ

 

ดังนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะเอาความจริงที่เห็นมาพูดคุยกัน ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอาสิ่งที่ตนรู้แต่ทำให้คนอื่นรู้ตามไม่ได้มาพูด ควรอย่างยิ่งที่จะพูดในสิ่งที่พิสูจน์ได้ตามที่เห็น ถ้าสิ่งใดรู้แต่เอามาพิสูจน์ให้คนทั้งหมดรู้ตามไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควร