จะภาวนาจำเป็นต้องรู้มากขนาดไหน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 26 พฤศจิกายน 2015.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    เห็นหลายกระทู้ถล่มกันด้วยคารมบ้าง
    อารมย์บ้าง โดยมีเนื้อหาอันล้ำลึกที่ทำ
    ให้ผู้เริ่มสนใจในการภาวนาถึงกับมึนงง
    กับภาคทฤษฎีที่ว่าต้องมีนั่น แล้วจึงจะมีนี่
    และไปโยงกับโน่นถึงจะใข่
    ถ้าผิดจากนี่ก็ไม่ใช่แนวทางพุทธะบ้าง เป็น
    สัทธรรมปฏิรูปบ้าง เป็นศาสนาคนป่าบ้าง
    เป็นคนไม่มีศาสนาแอบมาสอนบิดเบือนบ้าง
    สารพัดจะโต้แย้งกัน

    จึงอยากได้ความเห็นว่าควรรู้แค่ไหนก่อนลง
    มือปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดสภาวะ "ความรู้เกิน"
    แต่เอาแค่ความสงบระงับก็ยังทำไม่ได้
    จริงมิจริงฮะ
     
  2. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    แนะนำว่า ท่านควรไปศึกษาจากพระอริยะเจ้าดีกว่าครับ

    คำสอนที่พระอริยะเจ้า องค์ใดที่ท่านฟังแล้วตรงจริตท่าน ท่านก็ทำตามคำแนะนำนั้นๆครับ



    อย่างผม พระอริยะเจ้าที่ผมฟังท่านสอนแล้วตรงจริต

    ก็คือ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    ส่วนท่าน ก็หาฟังจากพระอริยะเจ้าหลายๆองค์ ว่าคำสอนของพระอริยะเจ้าองค์ได

    ที่ท่านฟังแล้วถูกจริต ก็ทำตามคำสอนของพระอริยะเจ้าองค์นั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2015
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ในกรณีไม่สามารถหาอริยะครูมาเป็นผู้ควบคุมให้
    องค์ความรู้ที่ต้องรู้ก่อนลงมือปฏิบัติที่"ขาดไม่ได้"
    มีมากแค่เพียงไร
    และมีสิ่งใดบ้างที่ไม่ควรหรือไม่จำเป็นต้องรู้ก่อน
    เพราะอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการปฏิบัติภาวนาได้
     
  4. มงคล พิมพา

    มงคล พิมพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +184
    ทุกข์
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    จริง!! ไม่เห็นทุกข์ก็จะไม่หาทางออกจากทุกข์
    ก็จะไม่มาสนใจการภาวนา
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    แน่นอนว่ามรรคต้องทราบก่อน
    แล้วผลจำเป็นต้องทราบก่อนหรือ
    หรือว่าถ้าดำเนินมรรคถูกต้องผลจะปรากฎ
    ขึ้นมาที่จิตของผู้ปฏิบัติโดยไม่ต้องมีการซักถาม
    หรือฟังคำอธิบายจากผู้อื่นผู้ใด
     
  7. มงคล พิมพา

    มงคล พิมพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +184
    ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆแม้ดำเนินตามมรรคอย่างถูกต้อง
    มีผลแห่งการปฏิบัติเกิดแก่ตนเอง
    ก็ยังต้องซักถามเทียบเคียงฟังคำอธิบายอยู่
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ข่วงเวลาที่ท่านใช้ปฏิบัติภาวนาสม่ำเสมอและได้ผลดีเป็นช่วงไหนของวันล่ะฮะ
     
  9. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    เขียน ๒๑.๔๐

    วิธีที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

    ถ้าแบ่งความรู้ออกเป็นสิบระดับ ตั้งกะหนึ่งถึงสิบ
    ทั้งสิบระดับ ล้วนสามารถทำจิตตภาวนาได้ทั้งสิ้น

    ไม่มั่นใจนะ ว่าข้อกำหนดของคำว่า ภาวนา ของท่านคืออย่างไร
    เราขอใช้คำว่า จิตตภาวนา แทนละกัน ท่านเจ้าเกาะนาฬิเกร์ให้มาอย่างเนี้ย

    แปลสั้นๆ ว่าคือการทำจิตให้ดีขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกวันทุกคืน
    เราไม่มีปัญญาอธิบายหรอก ขอยกตำราจากเกาะนาฬิเกร์ มาละกันนะ เนอะ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2.406792/


    จากกระทู้นั้น เราจดมาจากหนังสือ เมื่อเกือบสามปีก่อนน่ะครับ
    คิดเอาเองนะ ว่าเป็นการโดนเรียกตัวไปติวเข้ม ทบทวนวิชา ก่อนไต่ระดับครั้งใหญ่ มากกก

    พวกแมงโม้ที่ยังเป็นตัวอ่อน มักจะบอกว่าต้องนิพพาน ต้องให้สูงๆ เข้าไว้
    แต่เราเป็นแมงโม้ตัวเต็มวัย เปี่ยมด้วยประสบการณ์ เทคนิคและแทคติกเพียบ
    ขอบอกว่า ต้องเริ่มจากตรงที่ตัวเองยืนอยู่ก่อน ถึงจะถูกต้อง เหมาะควร

    จะมีความรู้แค่ไหน ก็ล้วนต้องทำจิตตภาวนาทั้งหมดทั้งสิ้น
    แม้แต่ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะเลย ก็ยังสามารถทำจิตตภาวนาได้นะ เนอะ
    ถ้าดูจากในคัมภีร์ "ธรรมโฆษณ์" แล้ว จะพบว่า ทำกันได้ทุกเพศทุกวัย

    รู้มากรู้น้อย รู้แค่ไหน ก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ ไม่ต้องรอ ลุยได้เลย
    เป้าหมายคือการทำจิตให้ดีขึ้น สูงขึ้น งามขึ้น และเท่ห์ด้วย ถ้าเป็นไปได้ ๕๕๕

    ธรรมมะ เรียนด้วยใจ ผลการเรียนออกมาที่กาย
    เมื่อฝึกฝนและค้นหาไม่หยุดยั้ง ผลความก้าวหน้าควรออกมาที่การปฏิบัติตน

    ไม่ใช่รู้มากแล้วเอามาอวดกัน จะแบกเรือไปไหนวะเฮ้ย หึหึหึ
    ขอบ่นนิดนึง ไม่ได้ว่าลุงไม่เลี้ยงแมวนะครับ อย่าเข้าใจไม่ถูก ๕๕๕


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / เหล่าเต้บในสวน

    .
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ตรงนี้ต้อง "พิจารณาให้ตรงทาง" ว่า บุคคลเช่นนั้น "มีจิตที่แปรปรวนมากหรือไม่ (วิปริต-วิปราศ)" โดยดูที่ การโพสท์ว่า "ก่อนโพสท์ ได้กินยาตามหมอสั่ง มาก่อนแล้วหรือไม่"

    +++ หาก "กินยาตามหมอสั่งก่อนโพสท์" การโพสท์ ก็จะ "พออ่านรู้เรื่อง และ ไม่กลับกรอกไปมามากนัก (สับปรับ เพราะ มโนตีกันมั่วอยู่ในหัวของมัน)" ทำให้พูดไม่รู้เรื่อง

    +++ หาก "ไม่ได้กินยาตามหมอสั่ง" จะมีอาการ อยากโพสท์จนตั้งสติไม่ได้ และ วิถีการโพสท์จะเลอะเลือนไปมา รวมทั้งการ "ใช้ภาษาของสัตว์ชั้นต่ำ" จะปรากฏออกมาเป็นระยะ ๆ รวมทั้ง "การใช้ภาษาที่กลบเกลื่อนร่องรอย แบบไม่ให้ผิดกฏของเวป" แต่เจตนา (กรรมเกิดที่เจตนา) จะระบุ "ชี้ชัดเจน" ว่า "เป็น อกุศล" อย่าง "ชัดเจน" และ มันก็ฟ้องอยู่ในตัวมันเองนั่นแหละ ตรงนี้ "ทุกคนดูออกได้ง่ายอย่างยิ่ง"

    +++ อาการที่แสดงออกว่า "ทุกคนผิดหมด กูถูกคนเดียว" ชี้ชัดเจนว่า "มีอัตตาที่หนาทึบ" การใช้ภาษาเหน็บแนมตลอดเวลา ชี้ชัดว่า "จิตของมันโดนทุกข์รุมเร้า" ตลอดเวลาที่โพสท์

    +++ มันมักจะบอกว่า "ให้กำหนดรู้ทุกข์" แต่ตัวมันเองไม่รู้หรอกว่า "ทุกข์กำลัง กินหัวมันอยู่ เพราะมันไม่รู้จักทุกข์" ดูจากการโพสท์ก็ รู้ชัดเจนว่า "อะไรครองจิตของมันจนมืดมิด"

    +++ "สติ" เด็ก ๆ ก็พูดได้ แต่ "จะทำได้หรือไม่ ให้ดูที่ อาการที่โพสท์ออกมา" เป็นอาการที่ "ไร้สติอย่างยิ่ง" โดยเฉพาะ "ต้องเถียงทุกคำ" แม้ว่า "ผู้อื่นจะถูกต้อง" แล้วก็ตาม มันจะต้อง "มโนหาคำผิด มาบิดเบือนจนได้" เคยเตือนไว้แล้วว่า "ไปอบายแน่นอน"

    +++ ทำความ "รู้สึกตัวทั่วถึง" แล้ว อยู่กับมัน" ถ้าทำเป็น "ก็เป็นต้นทางที่มากเกินพอ ที่จะพัฒนาไปด้วยตนเพียงลำพัง"

    +++ "รู้สึกตัวทั่วถึง" จะเป็น "สติ+สัมปชัญญะ+สมาธิ" อยู่ในตัวของมันเอง ทำได้เมื่อไร จะชัดเจนได้เองว่า "สติครองฌาน มีอาการเป็นเช่นไร" และ อาการของ "ดำรงค์สติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า" ก็คือ อาการของ "สติครองฌาน" นั่นเอง นี่คือต้นทางของ "สติ สมาธิ ปัญญา" อยู่ตรงนี้ทั้งหมด

    +++ ยามใดที่เริ่ม "รู้ธรรมเฉพาะหน้า" เมื่อไร เมื่อนั้นก็จะ ชัดเจนในคำว่า "ญาณทัศนะ" มีอาการอย่างไร ขึ้นมาเอง

    +++ "ความรู้เกิน" จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ในยามที่ ตั้งอยู่กับ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" เพราะ "อาการปรุงแต่ง เพ้อเจ้อ นึกเอาเองเดาเอาเอง" จะปรากฏขึ้นไม่ได้ ด้วยเหตุที่ "สติเป็นสมาธิ" ด้วยตัวของมันเอง

    +++ เริ่มต้นที่ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" เป็นเหตุ นอกนั้น ผลลัพธ์ทางธรรม จากการปฏิบัติตรงนี้ "จะตามมาเอง ตามความเป็นจริง" ทุกประการ นะครับ
     
  11. สาสนี

    สาสนี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +210
    สัมมาทิฐิ ความเห็นถูกต้องเกิดในใจตนก่อน

    ความคิดที่ถูกต้อง จะทำให้ดำเนินชีวิตปกติ แล้วจะเกิดความเพียรอย่างต่อเนื่อง

    ความระลึกนึกได้จะตามมา ความสงบของจิตไม่ฟุ้งซ่านทำให้เกิดปัญญา

    รู้ได้แค่ไหนนะ

    สัมปชัญญะ ความรู้ทั่วด้วยดี

    ปัญญา ความรู้ทั่วถึง

    วิชชา ความรู้แจ้ง

    สัมมาญาณณะ ความรู้ถูกต้องชอบธรรม

    ยถาภูตญาณทัสสนะ ความรู้+ความเห็นตามที่เป็นจริง

    วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง

    ธัมมวิจัยยะ การวิจัย การเลือกเฟ้นธรรม

    เพื่อนำความรู้นี้ไปสู่การละ นิพพิทา วิราคะ นิโรธะ วิมุตติ
     
  12. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ไม่จำเป็นต้องรู้มาก อย่างภูมิของพระศาสดา
    รู้แค่ทางดับทุกข์ก็พอก็จะสำเร็จพระนิพานได้ รู้ไปมากกว่านั้นจะไป ติดตัวสัญญา แล้วเห็นผิดว่าเป็นปัญญาของตนไปได้
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ในหลายพระสูตรที่พระพุทธทรงสอน. จะมีการสำทับว่า ให้ใส่ใจด้วยดี จำให้ขึ้นใจ ท่องให้คล่องปาก


    พระพุทธทรงเปนผู้รู้จริง. ไม่เคยกล่าวเลยแม้แต่คำเดียวว่า. สัญญาจะทำร้ายการปฏิบัติ

    ความรู้ไม่จริง. ขาดการสดับ ไม่จำให้ขึ้นใจ ท่องให้คล่องปาก ต่างหากที่เปนภัย

    ไม่ใช่แค่ทำลายการปฏิบัติ แต่หมายเอาการทำลายสัทธรรมของพระพุทธองค์ด้วย


    ใครก็ตามที่รู้ไม่จริง. ไม่เคยภาวนา ภาวนาไม่เปน แล้วบอกเราว่า สัญญาจะทำร้ายการปฏิบัติ


    ลองถามเขาว่า. สัญญาเที่ยง. หรือไม่เที่ยง

    ถ้าคนๆนั้นภาวนาเปน เหนตามความเปนจริง. ไม่มีอวิชชาในขณะที่ตอบ
    ไม่มีอาการสัตว์สัญญาเสีย. ใช้ภูมิธรรมที่เลื่อนลอย. จะไม่มีทางกล่าว
    เลยว่า สัญญาจะทำร้ายการภาวนา

    มีแต่ สัญญาจะแสดงธรรมให้ดูตลอด แม้นขณะที่ท่องได้อย่างถูกต้อง
    จำได้ขึ้นใจ

    สัญญาอย่างหนึ่งเกิด. สัญญาอย่างหนึ่งดับ

    ถ้าสัญญาไม่ดับ


    สัตว์นั้นจะพูดได้คำเดียวทั้งชีวิต
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    มาอีก เราบอกว่าไม่ชอบไม่ชอบ สติสตังไมดีฟังไม่เข้าใจ
    ออกไปห่างๆ ไปห่างๆ หน่อย รำคาญแมงโม้อวดตนเกินชาวบ้านแถมถูกด่าทั้งวัน
    ศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้ถ้ามีคนพูดไม่รู้เรื่องมาเผยแผ่
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    คนประเภทยกตนเองให้สูงส่ง
    แม้รูปแทนตัวก็อ้างว่าเป็นแมวเจ้า
    เพื่ออะไร...เพื่อเอาบารมีแมวมาเสริม
    บารมีตนเอง แทบทุกเม้นต์ต้องมีการ
    อ้างพระพุทธเจ้าทรง..เพื่อให้ดูว่าตน
    เคยเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าเคยนั่ง
    สนทนาธรรมอย่างใกล้ชิด....มันจริงหรือ
    พยายามยกระดับอัพเกรดอย่างไม่ประมาณตน
    เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่น้องๆหนูๆ ได้หรือการประ
    พฆติตนแบบนี้
    พูดมากไป กล้วยไข่ก็ยิ่งเสียภาพลักษณ์
    พอแล้วพอแล้ว ออกไปห่างๆ หน่อยนะ
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    นี่เจ้าสังขะราดเอ๊ย....
    มันมีทั้งหมดแหละที่ผู้ใฝ่ธรรมเข้ามาเม้นต์
    แบบสัญญาก็มี
    แบบตำราก็มี
    แบบผสมผสานก็มี
    แบบปฏิบัติมาล้วนๆ ก็มี
    แบบมะโนเอาบ้างก็มี

    แล้วของสังขะราดนี่มันแบบอะไร
    ถึงพูดแล้วฟังไม่เข้าใจยอกไปย้อนมา
    คนใหม่ๆ เขาได้รับประโยชน์สักกี่มากน้อย

    กล้วยไข่ฟังได้ทั้งหมด ถ้าถ่ายทอดออกมาแบบ
    คนมีสติดีพูดกัน
    ลูกเราก็จบรามมาเหมือนกัน มันก็โม้เหมือนกัน
    แต่ไม่หยาบคายแบบหนังไข่ของท่านสังขะราดนะจ๊ะ
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ผู้ประพฤติธรรมจากสัญญาก็ต้องมีการสำรวมระวังเช่นกัน
    อาจเหนื่อยกว่านักบวชด้วยซ้ำเพราะยังต้องเผชิญกับความวุ่นวายของโลกภายนอก แต่ความที่อยากบำเพ็ญ
    ตนให้บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ

    ในขณะที่ผัสสะเกิดง่ายกว่า
    เพราะทวาร ๕ เปิดการทำงานเต็มที่
    ต่างจากผู้ที่อยู่ในที่วิเวกย่อมมีช่องทาง
    รับผัสสะจากความคิดเป็นหลัก

    แล้วทำไมเราจะเลื่อมใสผู้ใฝ่ธรรมที่กล่าว
    ธรรมจากสัญญาล้วนๆ ไม่ได้วะ
     
  18. สาสนี

    สาสนี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +210
    อิทัง ทุกขัง อริยะสัจจันติเม ภิกขะเม
    ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง
    อุทะปาทิ ญานัง อุทะปาทิ ปัญญา
    อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ

    ปฐมเทศนา ธัมจักรกัปปวัตตนสูตร กล่าวไว้อย่างชัดเจน

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดวงตาเห็นอริยสัจ เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
    ความรู้ เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ความรู้ทั่วทั้งหมด เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
    ความรู้แจ้ง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ความสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
    ในธรรมที่เราไม่เคยฟังมาในกาลก่อนว่า...

    อริยสัจ คือ ทุกข์ เป็นอย่างนี้อย่างนี้ ดังนี้
    อริยสัจ คือ ทุกข์ นั้นแล เป็นสิ่งที่ควรรอบรู้อย่างถ่องแท้ ดังนี้
    อริยสัจ คือ ทุกข์ นั้นแล เรารอบรู้อย่างถ่องแท้ได้แล้ว ดังนี้

    อริยสัจ คือ เหตุเกิดทุกข์ (ความเกิดร่วมกันแห่งทุกข์ คือ ตัณหาเกิดร่วมกันกับขันธ์ห้า) เป็นอย่างนี้อย่างนี้ ดังนี้
    อริยสัจ คือ เหตุเกิดทุกข์ นั้นแล เป็นสิ่งที่ควรละเสีย ดังนี้
    อริยสัจ คือ เหตุเกิดทุกข์ นั้นแล เราละได้แล้ว ดังนี้

    อริยสัจ คือ ความดับทุกข์ เป็นอย่างนี้อย่างนี้ ดังนี้
    อริยสัจ คือ ความดับทุกข์ นั้นแล เป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้ง ดังนี้
    อริยสัจ คือ ความดับทุกข์ นั้นแล เราควรทำให้แจ้งได้แล้ว ดังนี้

    อริยสัจ คือ ทางดำเนินชีวิตให้ถึงความดับทุกข์ เป็นอย่างนี้ อย่างนี้ ดังนี
    อริยสัจ คือ ทางดำเนินชีวิตให้ถึงความดับทุกข์ นั้นแล เป็นสิ่งที่ควรทำให้เกิด ให้มี ดังนี้
    อริยสัจ คือ ทางดำเนินชีวิตให้ถึงความดับทุกข์ นั้นแล เราทำให้เกิด ให้มี ได้แล้ว ดังนี

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตราบที่ปัญญาเครื่องรู้เห็นตามความเป็นจริง
    มี 3 รอบ มี 12 อาการ เช่นนั้น ในอริยสัจสี่เหล่านี้
    ถ้ายังไม่บริสุทธิ์ หมดจด เพียงใด......

    แต่ถ้าความบริสุทธิ์ หมดจด เกิดขึ้นก็แล ความรู้และการเห็นได้เกิดขึ้นแล้ว
    ความหลุดพ้นเกิดขึ้นแล้ว ไม่สะเทือนแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
    ความเกิดอีก ย่อมไม่มี ดังนี้
     
  19. สาสนี

    สาสนี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +210
    ตัวสติ จะเกิดขั้นได้ ก็คือ....

    ถิรสัญญา คือ ความจำที่มั่นคง
    เป็นเหตุให้เกิดสมาธิ

    ความจำที่มั่นคงอะไร คือ รู้ร่วมกับอาการที่เกิดขึ้น
    ว่า การเอาขันธ์ห้ามายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตน
    จึงทำให้มีการเกิดอีก เป็นต้น
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ก็บอกไปแล้ว คุยไปหลายรอบแล้วว่า

    กระทู้ เว็บบอร์ดมันเป็นของสาธารณะ จะห้ามโน้นห้ามนี่ เอาอาการ
    พอใจ ไม่พอใจ มาบังหน้า ก็ทำไปสิ แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับ การที่
    เว็บบอร์ดเขาทำออกมาเพื่อเป็น ของสาธารณะ สมาชิกเข้ามา ก็มีสิทธิ
    เต็มที่ ที่จะใช้

    สัญญาเกิดดับตลอด แม้นคำว่า สัญ ญา ก็เกิดดับ สองคำ
    แต่ละคำ ก็อาจจะมี หลายขณะ เช่นคำว่า สัญ คำเดียว
    คนที่พิจารณาธรรม ตามพุทธองค์ ย่อมเห็นได้ถึงความไหว
    สั่นสะเทือน แล่นไปใน ความหมายหลายความหมาย เพียง
    แต่ ความเป็นกลุ่มก้อน บริบท หรือ มายา มันเกาะกลุ่ม
    กันกลายเป็น ภาษาเผ่าพันธ์มนุษย์ ภพหนึ่ง ชาติหนั่ง กลุ่ม
    หนึ่ง โคตรหนึ่ง(ไม่ใช่คำหยาบ) แล้วยังอาจะแล่นไปใน "เวรกรรม"
    ที่ตนทำไว้ แล้วรับสนองผลไปในอาการต่างๆ ตามแต่ละคนที่
    ไม่ได้กำหนดรู้ ไม่มีสติกั้น

    สัญญา จึงเกิดดับ อุปมาเหมือน พยับแดด ที่มองๆไป ก็สำคัญว่า
    มันเป็นกลุ่มก้อน ไม่เกิดไม่ดับ กลายเป็นเห็น ผืนน้ำบนผืนทราย

    นี่คือ ธรรมพื้นฐาน ที่คนธรรมดา ก็รับทราบได้ วิญูชนจึงรู้
    ถ้อยคำสอนได้ด้วย อุปมา


    ธรรมอุปมา สัญญาเกิดดับ ดั่งพยับแดด สอนเด็กปถม ยังได้เลย
    ว่าเคยเห็นไหม รู้จักไหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...