สมาธิเสื่อม เเท้จริงๆ มันเป็นเช่นไรครับ ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Jera, 20 ธันวาคม 2015.

  1. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +2,040
    วันนี้ก็มีข้อสงสัยอีกเช่นเคยครับ

    คือเคยได้ยินบ้างท่านว่า บางคนสมาธิเสื่อมเเล้ว

    ก็เข้าสมาธิ อีกไม่ได้เลย (ส่วนตัวไม่เคยเจอเเบบนี้ จริงๆครับ)

    คือส่วนตัว ผมเข้าใจว่าสมาธิเสื่อเกิดจากการจิตเราตก ชั่วคราว

    ถ้าจิตกลับสู่ปกติก็จะน้อมเข้าได้เหมือนเดิม .เเล้วถ้าอย่างเช่นคนที่มี

    นิสัยวาสนาเก่า มันจะเสื่อมเเบบหายไปเลยไหมครับ

    .เเล้ว ฌาณ เสื่อม กลับ สมาธิเสื่อมมันต่างกันใช่ไหมครับ

    คำถามครับ

    คนสมาธิเสื่อมเเล้ว ก็เข้าสมาธิ อีกไม่ได้เลย จริงป่ะครับ

    คนที่มีนิสัยวาสนาเก่า มันจะเสื่อมเเบบหายไปเลยได้ไหมครับ

    ฌาณ เสื่อม กลับ สมาธิเสื่อมมันต่างกันใช่ไหมครับ

    ขอความเมตตาจากผู้รู้เพื่อ ไข้ข้อข้องใจให้กระจ่างด้วยครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2015
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ฟ้า กับ เหว สิครับ

    เอาแค่สมาธิ กับ ฌาณ. นี่ก้ฟ้า. กับ เหวอยุ่แล้ว

    คือเข้าใตผิดคิดว่า ฌาณ. คือ สมาธิ

    ดังนั้น สมาธิ คืออะไร. ก็ไม่รุ้ตักหรอก. หาดไปเข้าใจว่า ฌาณ. คือ สมาธิ

    แต่ หากเคยฝึก ฌาณ มาตริงละก้ สมาธิ มันไม่ได้ยากแล้ว


    เพียงแค่ ทำการยกเห็น. ฌาณ. คือ. ของโลกีย์ ของโลกๆ. ของชาวบ้าน
    ของคนขาดการสดับธรรม

    คนที่หมั่นสดับธรรม จะทำความเข้าใจคำว่า. เปนของโลกีย์ ของโลกๆ
    ของชาวบ้าน เพราะว่า มันไม่เที่ยง

    กำหนดรุ้สามัญลักษณ์ของฌาณ ว่ามันไม่เที่ยง. อาสัยระลึก เพื่อเจริญสติ

    จิตจะค่อยพบ. จิตตั้งมั่นต่อความแปรปรวนของฌาณ

    ภาวนาไปเรื่อยๆ. จนจิตตั้งมั่นบ่อยๆ. ก้จะ อ๋อ. ตรงนี้ต่างหาก. สมาธิ

    พอสมาธเสื่อม. คืม มันมีนิกันติ อุปกิเลส. หลอกเอาจังหนับว่า
    เห็นวิมุตติ

    สรุป. สมาธิเสื่อม. เพราะ เข้าใตผิดว่า โคตรภุคือนิพพาน
    เข้าใจผิดว่าปฐมฌาณคือนิพพาน. เก้าลอเก้า. เยอะมาก
    ด้วยอาการเข้าใจผิดว่าญาณทัสนะต่างๆเป็นอาการวิมุตติ

    พุดง่ายๆ คือ. จิตไม่ตั้งมั่น ถุก นิวรณ์เล่นงาน

    หรือ

    ในแง่ของ มรรค. คือ. ขาดการกำหนดรุ้ ขาดโยนิโสมนสิการ
    ขาดการสดับธรรมจากสัตบุรุษ
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ยกตัวอย่าง. หลวงปุ่มั่น เล่าถึง ตอนที่เดินเข้าไปในเมือง. มีสามีฝาหรั่ง
    ถามหลวงปู่มั่นว่า. เห็นภรรยาเขาเดินผ่านมาทางนี้ไหม

    หลวงปู่มั่นทวนจิตดู ก้เห็นแต่กองกระดุกเดินผ่านไป. เลยตอบว่าไม่เหน

    พอฝรั่งเดินลับไปแล้ว ทวนจิตอีกที ก้พบว่า แท้จริงกองกระดุกที่เดินผ่าน
    ไปคือ แหม่ม แฟนฝาหรั่งเดินผ่านไป

    เลยทำให้ทราบว่า. จิตเสื่อม. โดนอำนาจฌาณหลอกเอาว่าสำเร็จธรรมบางประการ


    หรือ. หลวงตามหาบัว. เล่าตอนจิตเสื่อม. คล้ายๆกัน. คือเข้าใจว่าสำเร้จ พอกำหนด
    รุ้กามสัญญาก้เหนว่า มันลงด้วย อสุภะตลอด. เหนหญิงสาว จิตเหนเปนซากศพ
    เน่าหนอนตลอด. เอะใจได้ ก้เลยกลับข้าง. พิจารณาให้จิตมันไปทางสุภะบ้าง

    จึงเหนอาการจิตมันหลอก. ไม่ตั้งมั่น. กำหนดสุภะ มันก้พาไปเหนอสุภะตลอด

    เดชะบุญเลยแก้จิต ที่ถุกอุปกิเลส. นิวรณ์ธรรม เล่นงานเอาจั๋งหนับ

    ไปคว้าฌาณแฌณญาณทัสนะ. เปน ผล

    แทนที่จะอยุ่กับ กริยาจิต. หรือมรรค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2015
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ถ้าเจ้าของกระทู้เข้าใจ

    เวลาเหน ฌาณ. หรือ ญาณทัสนะ. ที่ตนคล่อง มันหายไป นี่คือ โอกาส
    กำหนดรุ้เหนความเสื่อม

    กำหนดรุ้ไม่ทันท่วงที จะเหน. อาการของจิต. ไม่พอใจ. มันปรากฏ

    พอทำๆ. ตั้งใจประกอบ. ทำได้ จะเหน. อาการของจิต. พอใจ. มันปรากฏ

    อาการของจิต ที่แปรปรวนไปตาม. ความพอใจ. ไม่พอใจ. นี่คือ. จิตไม่ตั้งมั่น
    สมาธิเสื่อม อยุ่ตรงนี้

    แต่ถ้า. เจริญก้ทำเปนช่าง. เสื่อมก้ทำเปนช่าง. อันนี้ นิกันติมันเล่นงาน

    จะต้องยกตัวนี้พิจารณาอีก

    จนจิตมันอิสระจริงๆ. ไม่ฉวยจิตขึ้นมาเปนเราของเรา. เราจะภาวนา
    สักแต่ว่า. อาสัยระลึก. เหนความเกิดดับ ของเวทนา. สุขทุกข อทุขมสุข
    จนมันขาด. สันตติขาด. จิตตั้งมั่น. จิตแลอยุ่ที่จิต. ไม่ฉวยจิต

    เนี่ยะ สัมมสมาธิ ไม่มีเรื่องเสื่อม. มีแต่ตกกระแส. มุ่งสุ่นิพพานด้วยมรรค

    ไม่ใช่การไล่ตระครุบ เงา ผล ของจิตด้วยอาการปักใจเชื่อ ทำตามๆกันไป


    ความชำนาญในฌาณ. ในทัสนะ ที่เราหมั่นประกอบ เพื่ออาสัยระลึกตามเหนความไม่เที่ยง ฯ
    จะเปนเพียง ลาภ ไม่ใช่ เป้าหมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2015
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สมาธิ ตามพจนานุกรมแปลว่า ที่ตั้งมั่นแห่งจิต พูดง่ายๆว่าการ
    ทำใจให้นิ่งนั่นหละครับ ซึ่งมีหลายระดับครับ...
    ฌาน โดยหลักๆคือ การเพ่งครับซึ่งก็มีหลายระดับเช่นกันครับ...
    ส่วนคำว่าเสื่อมนั้น ก็คือ มันค่อยๆลด จนกระทั่งไม่มีครับ...
    นั้นแสดงว่า สมาธิหรือฌาน มันต้องเกิดหรือมีกับเราเป็นปกติมาก่อนนะครับ
    ถ้าสมมุติว่า เราเคยนั่งสมาธิได้ระดับโน้นนั่นนี่ หรือเคยเข้าฌานได้
    ระดับโน้นนั่นนี่ ไม่ได้หมายความว่า เรามีสมาธิระดับนั้น ฌานระดับนี้นะครับ
    อย่างนี้เรียกว่าเคยเข้าได้เฉยๆ ถ้าเผลอไปยึดจะทำให้หลงตัวเองได้ครับ
    ถ้ายึดเอาระดับที่ตนเองเคยเข้าได้มาก่อนนะครับ ประเด็นนี้ต้องระวังครับ

    มันต้องดูต่อไปว่า ตัวจิตเรามันสามารถใช้งานได้
    ในกำลังสมาธิระดับนั้นๆหรือไม่
    หรือตัวจิตเรามันสามารถใช้งานได้ในฌานระดับนั้นๆได้หรือไม่
    และใช้ได้ในเวลาลืมตาปกติ
    หรือในทุกขณะที่เราคิดจะใช้งานได้
    และสามารถใช้งานได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีร่วมด้วย..
    และสามารถใช้งานได้มานานพอสมควร ถึงจะเป็นเครื่อง
    ยืนยันได้ว่า มันมีกับตัวเราครับ

    การที่เราเคยเข้าฌานได้ระดับโน้นนี่นั่น หรือ ทำสมาธิได้ระดับโน้นนี่นั่น
    แล้วเรามาทำอีกครั้งไม่ได้ ไม่ถือว่าเสื่อมครับ ถือว่าไม่สามารถทำได้อีกครับ....

    แต่คำว่าเสื่อม ก็คือ เราต้องเคยใช้งานได้ในเวลาลืมตาปกติมาก่อน
    และในกำลังสมาธิระดับนั้นๆภายในไม่กี่วินาที และใช้งาน
    ในสมาธิระดับนั้นมานานพอสมควร
    และใช้งานในเวลาลืมตาปกติในระดับฌานนั้นๆในเวลาลืมตาปกติภายในไม่กี่วินาที
    และใช้งานในระดับนั้นๆมานานพอสมควร

    แต่อยู่มาวันหนึ่ง เอ๊ะมันยังสามารถใช้งานได้อยู่แต่ว่า
    มันช้าลง มันตะกุกตะกั๊ก กำลังสมาธิต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
    ระดับฌานที่ตนเองเคยใช้งานได้เมื่อเทียบต่ำกว่าเมื่อก่อนครับ

    ยกตัวอย่าง ปกติใช้งานได้ภายในวินาทีเดียว แต่ปัจจุบัน ๑๐ วินาที
    อย่างนี้คือเข้าข่ายว่าเริ่มเสื่อม
    และสุดท้ายไม่สามารถใช้งานได้เลย อย่างนี้เรียกว่า เสื่อมครับ....

    การที่เราเคยทำสมาธิหรือเข้าฌานได้ระดับไหนมาก่อน ไม่ได้เรียกว่า
    เราเป็นผู้มีสมาธิหรือทรงฌานระดับนั้นๆนะครับ เรียกว่าเคยนั่ง
    ได้เคยเข้าได้ครับ...
    ให้วัดกันตรง ความสามารถในการนำมาใช้งาน ในเวลาลืมตาปกติ
    ภายในเวลาไม่กี่วินาทีรวมทั้งมีระยะเวลา
    ในการใช้งานได้ที่นานพอสมควรมาก่อนครับ
    ลองอ่านทำความเข้าใจดูดีๆนะครับ

    ปล.ดูตรงที่ใช้งานได้นะครับ ณ ปัจจุบันด้วยครับ
    ไม่ใช่ตรงที่เคยเข้าได้มาก่อนใน อดีต นะครับ
    ไม่งั้นมันจะหลอกให้เราหลงตัวเองได้
    หลงเพราะไปยึดตรงที่เคยเข้าได้มาก่อนนั่นหละครับ
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ส่วน อาการเจริญไม่ได้อีก. อันนั้น มันต้องมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป

    การภาวนาอยุ่ดีๆ. เสื่อม. แล้วไม่เจริญอีก แบบลอยๆ ไร้ต้นสายปลายเหตุ อันนี้ไม่มี


    ต้นสายปลายเหตุ ที่ ทำดีไม่ขึ้น ภาวนาไม่ขึ้น. ทางธรรมก้เรียกว่า. ขุดตน

    การขุดตน. ก้เปนเรื่อง. การไปมุ่งทำความเข้าใจคุณธรรมอย่างนั้น อย่างโน้นไม่มี
    โดยมีเป้าหมายตัวบุคคล. ไม่ได้กล่าวด้วยธรรม

    ยกตัวอย่าง. เราไปเหนเด็กทำผิด. เราเอ็ด. มุ่งหมายที่ตัวเด็กให้เจบใจ อาย
    อันนี้จะเกิด. เวรกรรม ขุดตน. ทำดีไม่ขึ้น

    แต่หากจิตของเรา เอ็ดเด็ดเพื่อให้เขา. พิจารณาน้อมไป ยังสิ่งที่เปนกุสลกว่า
    แต่ทว่าเด็กอาจจะยังไม่เข้าใจ. เด็กมันเลยเจ็บใจ. อันนี้ไม่เปนไร. เราไม่เสื่อม
    แต่ไม่ได้หมายความว่า. เราจะพ้นกรรม. กรรมอาจจะส่งผลให้เด็กฆ่าเราตาย
    แต่ จิตเราไม่ไปอบายเพราะการฆ่านั้น. เด็กคนนั้นหากเอะใจ นึกถึงคำสอน
    เราทัน. ความดีทุกอย่างที่เราได้ จะตกเปนมรดกแกเด็กนั้นทั้งหมดทันที

    คือ ถ้าเราภาวนาถูก จิตเปนธรรม. โลกเขามีแต่จะได้ประโยชน์ ไม่มีเรื่อง
    ธรรมเปนอันตราย. เว้นแต่เจ้าตัวจะเข้าใจธรรมผิด


    ถ้าเข้าใจผิดอยุ่ตลอด. มันก้ไม่ต่างอะไรกับ. ขุดตน
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    จะเหนว่า. พวกเสื่อมจากความดี อันเกิดจาก เข้าใจธรรมผิด ไม่เลิก

    ที่เรียกว่า นิยตมิจฉาทิฏฐิ นี่น่ากลัวที่สุด. ภาวนาไม่ขึ้น

    ไม่ได้แปลว่า. นิยตมิจฉาทิฏฐิ ไม่สำเร็จฌาณ. ไม่มีญาณทัสนะ นะ

    พวกทิฏฐิ62. บางพวกนี่ เผาจักรวาลเปนจุลได้เลย แค่หายใจ

    ดังนั้น ต้องพิจารณาให้ดีๆ.

    อะไรคือ สมาธิ อะไรคืออาสัยความเจริญความเสื่อมเพื่ออาสัย
    ระลึกสิ่ง ยิ่งกว่า เกนือกว่า. พ้น เรื่องเสื่อม เรื่องเจริญ อันเปนเรื่อง
    ของชาวบ้าน ของโลกๆ เขาสำคัญว่านั่นคือภุมิธรรม แท้จริงแล้ว
    ว่างเปล่า
     
  8. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +2,040
    พอเข้าใจหล่ะครับ จะเก็บไว้ไปพิจารณาให้ละเอียดกว่านี้ครับ

    เเต่ผมยังสงสัย อีกข้อหนึ่งครับ เคยได้ยินพระชอบพูด

    ผู้ที่ได้บรรลุในธรรมเเล้วเเต่ยังไม่ทราบในธรรมที่ตนบรรลุ

    เป็นบุคคลที่ไม่น่าสรรเสริญในพุทธศาสนา มี 4 ข้ออะครับ ผมจำไม่ค่อยได้

    ไม่ทราบว่ามีเเบบนี้ด้วยหรอครับ
    <iframe width="0" height="0" src="https://www.youtube.com/embed/HInNFWrFYMs?&autoplay=1" list=FLpaR_6CSE3PLvrS9X9JSwBQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2015
  9. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    สมาธิ คือความตั้งมั่นของจิต ฌาน ก็ คือ ฌาน 1-8 ทั้งสองไม่เหมือนกันแต่คาบเกี่ยวกัน (ไปหาอ่านเอานะ ทั้ง สัมมาสมาธิ สมาธิปกติ มิจฉาสมาธิ อารัมมณูปนิชฌาน ลักขณูปนิชฌาน มันแยกย่อยแต่สำคัญมากหากจะภาวนา)


    สมาธิ /ฌาน มันเป็นของเสื่อมโดยปกติ ถึงจะภาวนาทุกวันมันก็จะมีขึ้นมีลง บางวันสดใส บางวันขุนมัว แม้เป็นพระอริยเจ้าก็ยังมีเสื่อมหากไม่ฝึกซ้อม

    สมาธิจะบริบูรณ์ เมื่อเป็นพระอนาคามี แต่ฌานหากไม่ฝึกเลยก็มีเสื่อมได้ มีเพียงพระพุทธที่จะมีฌานสมบูรณ์ตลอดพระชนม์ชีพ

    ส่วนที่ถามว่ามีบางคนที่เสื่อมจนไม่สามารถฝึกคืนมาเหมือนเดิม ถ้าเสื่อมถาวรเลยคือ คนทำอนัตริยกรรม 5 ไม่มีทางจะฟื้นได้เลยในชาตินี้(ชาติหน้าเริ่มใหม่)

    รองลงไปคือพวกด่าพระอริยเจ้า ณาน/สมาธิจะเสื่อม ต้องขอขมาถึงจะหาย

    หากพวกทำผิดศีลก็ขวางสมาธิ/ณาน ต้องมาถือใหม่ให้สมบูรณ์

    แต่ทั้ง ณาน สมาธิ ญานฯลฯ เป็นของสะสมข้ามภพข้ามชาติ มันไม่หายแบบสิ้นเชื้อ วันข้างหน้าถ้าทำถูกมันก็จะฟื้นขึ้นมา อย่างพระอริยเจ้าโสดา-พระอรหันต์ เมื่อได้มรรคผล พวกฌาน ฤทธิ์ ญานทัศนะต่างๆที่เคยสะสมจะคืนกลับมาตามแต่ที่เคยทำมาในอดีตและการฝึกฝนในชาติปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2015
  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขอบพระคุณค่ะ อย่างนั้นเพียงแค่เข้าได้ก้อดีแล้วเข้าใจถูกต้องมั้ยคะ? หรือว่าเข้าได้แล้วต้องนำไปใช้งานได้ด้วย?? ..เน้นว่าเข้าได้เพื่อเป็นกำลังของการเจริญวิปัสสนาก้อพอแล้วใช่มั้ยคะ? ไม่ต้องสนใจพลังจิต?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2015
  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขออนุญาติแสดงความเห็นนะคะ จริงๆในใจสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าความเชื่อว่าบุคคลเมื่อเกิดมาในชาติมนุษย์แล้ว อย่างน้อยควรสำเร็จพระโสดาบันเป็นขั้นต่ำ ความเชื่อหรือค่านิยมนี้มีมาแต่เมื่อใด ไม่รู้ว่าพุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติธรรมโดยมีจุดหมายที่การสำเร็จโสดาบันเป็นหลัก หรือเพื่อการพ้นทุกข์เป็นหลัก เพราะแค่ทำความสงบใจก้อได้เข้าข่ายว่าพ้นทุกข์แล้วหรือเปล่า เพียงแค่ทำเหตุปัจจัยด้านทาน ศีล ภาวนา ก้อพอแล้วรึเปล่า... ข้าน้อยคงต้องทำความเข้าใจใหม่ เพื่อปล่อยวางความต้องการของตนเอง ที่ผูกตนเองไว้ ไม่ให้พ้นทุกข์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +2,040
    อันนี้เเหละครับ 5 ข้อ
     
  13. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2015
  14. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    กรณีหลวงปู่เทศก์ เทศก์รังสี อธิบาย เช่น
    ................
    ฌาน และ สมาธิ นี้จิตรวมเหมือนกัน ถ้าจิตไม่รวมก็ไม่เรียกว่า สมาธิ และ ฌาน มีแปลก ต่างกันที่ ฌาน นั้น เมื่อจิตรวมเข้าแล้วจะลืมสติ เพ่งพิจารณาแต่อารมณ์อันเดียว หรือมีสติอยู่ แต่ไป เพลินหลงอยู่กับภาพนิมิตและความสุขอันนั้นเสีย ไม่พิจารณาพระไตรลักษณญาณต่อไป หรือที่เรียก ว่าความเห็นไปหน้าเดียว นี่เรียกว่า ฌาน ส่วน สมาธิ นั้น เมื่อจิตรวมหรือไม่รวมก็มีสติรักษาจิตอยู่ ตลอดเวลา รู้ตัวอยู่ว่าเราอยู่ในสภาพเช่นไร พิจารณาอะไร หยาบหรือละเอียดแค่ไหน เรียกว่า สมาธิ

    อ่านต่อที่นี่
     
  15. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    ส่วนที่ จขกท.(เจ้าของกระทู้)

    ติดที่คำว่าสมาธิเสื่อม

    คงเป็นเพราะ ได้ยินได้ฟังมาแบบ ตามๆกันมา

    สมาธิเสื่อม หากหมายไปที่ สัมมาสมาธิที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีทางเสื่อม
    เพราะสัมมาสมาธิมุ่งที่ทางพ้นทุกข์ ไม่ได้เอากำลังไปกระทำอิทธิฤทธิ์
    มุ่งไปในทางประหารกิเลสแต่ฝ่ายเดียว

    แต่หากสมาธิที่เป็นทางโลกีย์ มิจฉาสมาธิ อันนี้ เสื่อมได้
    เนื่องจากเป็นเพียงกำลัง ซึ่งเป็นของกลางๆ
    พร้อมที่จะไปทางกุศลและอกุศล อยู่ที่ผู้ใช้
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ถ้าสำเร็จได้ขั้นโสดาน่าจะเหมาะกับชาวพุทธทุกคน
    ส่วนใครจะได้ขั้นนี้หรือสูงกว่านี่

    ต้องเป็นไปตามกำลังปัญญาและบารมี
    ไม่ใช่ความอยากหรือฉันทะความพอใจ
    จะสำเร็จพียงอย่างเดียว

    หากมีปัญญาพอและบารมีพอ...เมื่อถึงวาระ.....ก็จะ
    เป็นไปเองฮะ
     
  17. จริยากุ

    จริยากุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,314
    ค่าพลัง:
    +1,446
    คือของเราเอาอานาปาณสติกำหนดไว้ตลอดเว้นแต่ช่วงทำงานสมาธิอยู่ที่งาน อาการที่เห็นคือสมาธิเกาะแน่นกับลมตลอดเวลาไม่ต้องกำหนดเข้าออกใดๆ ลมเข้ารู้ ลมออกรู้ กระแสลมนี้เหมือนประจุไฟฟ้าอ่อนๆๆหุ้มตัวเราไว้บางๆแค่หายใจไม่ทันสิ้นลมหายใจเข้าหรือออกก็รู้แล้ว ต่อมาอาการนี้หายไป เราก็มีความวิตกกังวลมาก และสมาธิก็ไม่ตั้งมั่นเหมือนเดิมในระยะหนึ่งซึ่งนานมาก มันมีความวิตกกังวลปนอยู่ในช่วงแรกที่เรายังไม่รู้วิธี เราก็เข้าใจว่าแบบนี้แหละ....
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    หากทำอีก ภาวนาต่อ ตรงที่ พอจะระลึกถึง อานาปานสติ จิตไปเห็น
    ความยิ๊บๆ แย๊บๆ ตามผิวหนัง แสบบ้าง เย็นบ้าง เหมือนแมลงไต่บ้าง
    เหมือนคนเอาเข็มนับแสนแทงบ้าง

    อย่าไป สนใจ ที่อาการเหล่านั้น ให้ ทำการระลึกตรง จังหวะที่ จิต
    มันระลึกถึง อานาปานสติกรรมฐาน หลังจากนั้น อาการต่างๆ มันจึงเกิด

    อาการเกิด เหล่านั้นเป็นเพียง วิบาก เราไม่ต้องไป วางจิต ตะครุบ สิ่ง
    ที่เป็นวิบาก ให้เรา ทำการเห็นว่า อาการปิติ ยิ๊บๆ แย๊บๆ ตามผิวหนัง
    เป็นเพียง ผลของจิต ที่ระลึก "ธรรมปฏิบัติ" เอาเท่านี้พอ

    เมื่อวางจิตมาที่เหตุ มาพิจารณาที่ จิตใจ ที่ระลึกถึง กรรมฐาน

    เราจะเห็นว่า เวลาจิตว่างจากกรรมฐาน ซึ่งแรกๆ จะอ้าง หน้าที่การงาน
    ทางโลก มาคั่น จิตใจที่ ระลึกในกรรมฐาน ก็หายไป

    การเห็น จิตที่มันใส่ใจกรรมฐาน เป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง ยกขึ้น กำหนดรู้
    การเห็น จิตที่มันใส่ใจโลกอ้างไม่ทำกรรมฐาน เป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง ยกขึ้น กำหนดรู้

    เห็นสภาวะ จิต สองอย่างนี้ได้ จะเป็นการ พิจารณา จิตในจิต โดยมี
    กรรมฐานอานาปานสติ กรรมฐาน เป็น สื่อกลาง เป็น วิหาร

    ลองภาวนาดู

    ถ้าวางจิต ถูก ไม่ไป คว้าเอาอาการ ควันไฟ อันเกิดจากเหตุ เราจุดไฟ
    กรรมฐาน จิตเราจะรู้อยู่ที่จิต โดยไม่ฉวยจิต ความแน่น จะหายไป

    ความแน่น จะเป็น อาการที่เรา จงใจ จะระลึกถึง กรรมฐาน

    ซึ่ง แท้จริงแล้ว คนที่ ภาวนาอานาปานสติ จนถึง จิตมีปิติ5 โลดโผน
    ต่างๆ เพื่ออภิญญา5 ได้แล้ว เราจะไม่ต้อง จงใจ ระลึกจะทำกรรมฐานอีก

    จิตที่มัน ระลึก ว่า จิตปราศจากวิหาร แล้ว มันแล่นไป ทำของมันเอง
    ปิติ5 อันโลดโผนมันจะเกิดของมันเพื่อ อภิญญา อยู่แล้ว ธรรมวิจัยเกิด
    ของมันอยู่แล้ว

    แต่ ความที่ เราไปฟังธรรมมาผิด ฟังธรรม(ภายในน้อย) ทำให้ ยัง
    กลัวว่า ภาวนาไม่เหมือน คนอื่นที่เขาสอน

    ลองดูนะ ข้ามฝากตาย จะเหลืออีกนิดเดียว

    ถ้า ข้ามฝากตายได้ ปิติ จะเกิดทั้งวัน ทุกลมหายใจ เข้าออก ไม่เว้น
    ว่ากำลังทำงาน หรือไม่ทำงาน กำลังยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด
    คิด ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ

    จิตจะไม่ห่างจาก กรรมฐาน อานาปานสติ อีก ไม่ต้อง จงใจ สมทาน
    อีก เพราะเป็นเรื่อง ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเหมือน
    คนอื่น มันหลอกเอา


    พอมันหลอกได้มากๆ เข้า เราก็เลย ท้อถอย ทั้งๆที่ อีกนิดเดียว จิต
    จะทรงสมาธิพุทธศาสนาได้อยู่แล้ว พอทำตรงนี้ได้ บารมีที่พร่องใดๆ
    จะเต็มไว อย่างผลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน บารมีที่พร่อง จะทำให้เต็มได้ในชาติ
    นี้ ในลมหายใจเข้าออก ปัจจุบันนั้น เลยก็ยังได้ ถ้าไม่ได้ พระพุทธองค์
    ตรัสว่า ในอัสสาสะ ปัสสาสะ สุดท้ายของชีวิต สามารถเป็น ปรินิพพายี บุคคล ยังได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2015
  19. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ขอตอบข้อกลางแล้วกันนะครับ

    คนที่มีวาสนา เก่า ย่อมเปรียบเสมือนคนที่มีทุนเก่าคอยหนุนอยู่

    ขนาดตอนที่ยังไม่มีอะไรเลยทุนเก่ายังสามารถผลักดันให้ประสบความสำเร็จได้

    ดังนั้นเมื่อมีแล้ว ถึงแม้ภายหลังเสื่อมไป น่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนที่ไม่มีทุนเก่านะครับ
     
  20. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +2,161
    ขอตอบจากประสบการณ์นะครับ เรื่องการเสื่อมของฌานจะเกิดได้เป็นปกติ แต่จะขอกล่าวในส่วนที่เสื่อมแล้ว สร้างให้กลับคืนมาได้ยาก

    จากที่เคยทรงฌานได้บ่อยและชอบเล่นกับฌาน ถ้าลักษณะที่เสื่อมนานมาก จะเกิดจากกำลังใจตก คือหมดความเชื่อมั่น หมดความมั่นใจ ซึ่งถ้าอารมณ์ตอนที่เราเคยทรงได้ตามใจนึก เราจะรู้สึกว่าอารมณ์มันง่ายมาก ๆ แต่ความจริง มันอาศัยการฝึกและจิตเราทำจนชินในระดับนึงจนทรงตัว คือจิตมันจำอารมณ์ได้อัตโนมัติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของจิตเรา

    พอเราเจอเรื่องใดเรื่องนึง ที่ทำให้ฌานเสื่อม กระแสจิตเดิมที่เคยทำได้จะถูกอุปทานในเรื่องที่ทำให้เสื่อม เข้าแทนที่ ทำให้อารมณ์เดิมที่เคยทรงได้เพราะความเคยชิน ก็จะทำไม่ได้อีกต่อไป อุปมาเหมือนเติมน้ำในแก้ว ถ้าเรายังไม่เทน้ำเก่าออก ก็จะใส่น้ำใหม่ไม่ได้ จิตก็เหมือนกัน

    ทางแก้มีอยู่ครับ อย่างแรกที่ต้องทำจริง ๆ ก็คือเรื่องศีล เพราะแท้ที่จริง กำลังฌานที่จะทรงได้มั่นคงไหมนั้นจะอยู่ที่ว่า จิตแนวแน่เป็นอารมณ์เดียวได้ไหม ถ้าเราไม่เริ่มด้วยศีลก่อน ก็ทรงฌานได้ครับ เพียงแต่เสื่อมง่าย เพราะสิ่งที่เข้ามาทำให้เกิดนิวรณ์โดยเฉพาะแค่ศีลห้า จะเป็นตัวกวนจิตให้ไม่สงบได้อย่างมาก เว้นแต่ว่าคน ๆ นั้นจะมีกำลังใจแก่กล้าจริง ๆ ถึงจะทรงฌานได้แม้ทำผิดศีล ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องบุญอย่างเดียวเป็นบาปก็ได้

    แต่สุดท้ายตัวที่จะทำให้จิตทรงฌานได้นานกว่าจะต้องอยู่ในเขตของบุญ การรักษาศีลจึงเป็นคำตอบที่แน่นอนกว่า การทรงอภิญญาห้า สำหรับคนปกติทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะทรงความดีให้เกิดคุณทั้งในชาตินี้และชาติหน้าเป็นของทำได้ยากกว่ามากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...