ทำใจเฉยๆ เป็นเพียงนิวรณ์มารบกวน ตอนเราสร้างความดี
.........อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้มีนามว่า "หลวงปู่แสง"เดิมท่านอยู่ที่วัดมณีชลขันธ์ [MEDIA]
เมื่อจิตมันออกไปคิดเรื่องอื่นภายนอกตัว เมื่อจิตรุ้ว่าคิดเรื่องไรอยู่เรารู้เฉยๆ แล้วควรรีบดึงจิตตัวเองกลับมาอยู่ที่ลมเหมือนเดิมคับ...
ก็รับรู้อาการที่เกิดขึ้นทางกาย และความรู้สึกที่จิตไว้ พอรู้แล้วประคองจิตว่าเกิดอะไรขึ้น ทำอะไรอยู่ ณ ตอนนี้ น้อมจิตมาอยู่ที่คำภาวนา...
ส่วนใหญ่ส่งไปหามันก่อนทั้งนั้น เพราะคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็เลยต้องคิดแล้วคิดอีก แต่อย่างว่าจิตมันมีหน้าที่รับรู้อารมณ์แล้วคิดตามอารมณ์ที่รับมา...
หุ้นตัวนี้ซื้อไว้ก็ไม่เสียหลาย
จขกท.เป็นสายพุทธวจนะ เวลาจะพูดอะไร ต้องมีพระสูตรไว้กล่าวอ้างเสมอ ถ้าไม่มีอะไรอ้างอิง เหมือนสิ่งแสดงออกนั้นจะไร้น้ำหนักและทิศทาง
ถ้าตัดความคิดออกไปได้ จิตก็ไม่ส่งออกไปข้างนอกตัวแล้ว พูดง่าย แต่ทำยากนัก อุบายวิธีคือ จงอยู่กับผู้รู้ แปลให้ชัด คือมีสติอยู่กับจิตใจให้นานที่สุด...
ใช้การเดินจงกรมช่วยก็ได้เหมือนกัน เป็นการดูกายล้วน เป็นจัดการกิเลสให้อ่อนกำลังได้เช่นกัน เดินจงกรมแล้วมานั่ง คนๆนั้นจะได้เปรียบมาก...
ถ้าเป็นสีขาวจะดี แต่ถ้าให้ดียิ่งกว่า ควรเป็นสีเหลืองหรือสีทอง แสดงถึงความประณีตบริสุทธิของจิต แต่ผมไม่ใช้สายอภิญญา...
บอสใหญ่คืออวิชชา ชักใหญ่อยู่หลังสุดของผู้รู้ ยังห่อหุ้มจิต เป็นม่านหมอกบังจิตอยู่ บังตัวผู้รู้หรือธาตุรู้ของเราอยู่ แค่จัดการเวทนา หลบเวทนาได้...
รู้สึกว่า อธิษฐานในทางธรรม จะดีกว่าคับ อธิษฐานแบบนี้จะมีผลทั้งทางโลกทางธรรมที่เกิดประโยชน์กว่า คือครอบจักรวาลกว่า เช่น "ขอให้ไม่มีทุกข์...
เกิดจิตที่รู้สึกตั้งมั่นแล้วเราจะเดินวิปัสสนาได้เรยไหม ====>>ใครที่ทำถึงขั้นนี้ได้แล้ว ก็เหมือนว่าวที่ติดลมบน เราคงต้องเป็นห่วงมันไหม...
กท.นี้สอนให้รู้ว่า "สติ"ตัวเดียว หยุดโลกแห่ง ความนึกคิดได้
ถ้าให้โหวตกัน ก็คงบอกว่าส่วนมากคงเลือก ฌานเป็นเรื่องสำคัญ คนส่วนใหญ่ก็อยากปฏิบัติถึงขั้นนี้ด้วยกันทั้งนั้น อยากได้ฌาน...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา