nopam
ความเคลื่อนไหวล่าสุด:
18 กันยายน 2009
วันที่สมัครสมาชิก:
21 พฤษภาคม 2008
โพสต์:
36
พลัง:
1

โพสต์เรตติ้ง

ได้รับ: ให้:
ถูกใจ 1 0
อนุโมทนา 0 0
รักเลย 0 0
ฮ่าๆ 0 0
ว้าว 0 0
เศร้า 0 0
โกรธ 0 0
ไม่เห็นด้วย 0 0

แชร์หน้านี้

nopam

สมาชิกใหม่

nopam เห็นครั้งสุดท้าย:
18 กันยายน 2009
    1. ake7440
      ake7440
      ฝากกระทู้งานบุญด้วยครับ
      ขอเชิญร่วมบุญสร้างวิหารบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ ณ วัดเขาพระครับ
      เชิญร่วมบุญหล่อพระพุทธรูป ประดิษฐานประจำวิหารบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    2. ภัทรปัญโญเฮ
      ภัทรปัญโญเฮ
      เอาไว้ให้ ถึงเวลาที่เหมาะสม คงได้ พบกันในเบื้องหน้า ครับผม...ถึงผมเป็นฆราวาส..แต่ผู้ที่มาชี้ผมนั้น ไม่ไช่ จิตมนุษย์ ครับ.....เขาคือ ผู้ซ่อม....ส่วนผม คือ ผู้รักษาความจริง...ผมไม่มีระดับ ใน พระธรรมครับ....
    3. ราเมง
    4. ภัทรปัญโญเฮ
      ภัทรปัญโญเฮ
      อย่าลืม เอาให้ พระเกษมอ่านนะครับ เพราะผม ต้องเป็นคน มาช่วยท่าน แต่ก่อน ท่านมีบุญคุญกับผม เพราะ เมื่อก่อนผม ก็ ใช้วิธีเบิกบุญ ของท่าน ผมจึงล้าง กรรมทุกอย่างของผมได้ จนได้ปัญญา....จริงๆ....เพราะผมไม่เอา อรหันต์ ไม่เอานิพพาน ไม่เอาจิตเอาใจ....
      ทุกท่านก็เหมือนกัน....สามารถ สะสมปัญญา และรู้ความจริง แบบนี้ได้....
      เพราะ มันคือ ปัญญาจริงๆ...ไม่ไช่....อะไรที่ปลอมๆ...ที่ตีความกันผิดมาตลอด....
    5. ภัทรปัญโญเฮ
      ภัทรปัญโญเฮ
      เพราะ ถ้าทุกอย่าง สมมุติ โลก นรก สวรรค์ รูป นาม เป็น อนัตตาแล้ว....ก็คือ ไม่มีนั่นเอง
      เราล้าง จิตเราให้ ปราศจากของพวกนี้...นั่นคือ ความสะอาด บริสุทธิ์ ของดวงจิต และ สุดท้าย จิต(นาม) เองก็เป็น อนัตตา.....ก็ไม่มีอะไรเหลือ อีกแล้ว เวลาตาย ก็ ทิ้งไว้ทั้งหมด..
      ในเบื้องหลัง....สาธุ.....สิ่งที่พระพุทธะเจ้าเพียรสอน นั่นคือ...ปัญญาล้วนๆ.....
      ศีล ก็คือ ...เราไม่เคยคิด ชั่ว คิดดีตลอด...ก็ไม่ต้องผิดศีลข้อไหน...สมาธิ ก็คือ สติ ที่ สงบเพื่อ เกิดปัญญา...ปัญญาก็คือ การรู้ความจริง ..ของโลกสมมุติ รูปนาม สมมุติ เพื่อ การ วิมุตติ....
      .......................
      สุดท้าย...ในใจ ไม่มี บุญมีบาป ไม่มีนรกสวรรค์ ไม่มีธรรม ไม่มี อะไรเลย สมองว่างเปล่า....ก็ไร้ทุกข์...โดยสิ้นเชิง.....แล้ว ก็เป็นการ หลุดพ้น จากวงจร วัฏสงสาร ..ได้แล้วจริงๆ นั่นเอง......
      ......................
      และแน่จริง.....อิอิ มา.............กับผมสิ...
    6. ภัทรปัญโญเฮ
      ภัทรปัญโญเฮ
      สวัสดีครับ ผมเป็นฆราวาส...ผมเป็นนักปราชณ์ ผมเป็นได้ทุกอย่างที่อยากเป็น...ยกเว้น โกนหัว ห่มผ้าเหลือเป็นพระ ...และที่จริง คุณแค่ ก็อบ คำพูดของผม ถวายท่านพระเกษม ให้ท่านได้อ่านผ่านตา ผมว่า พระอาจารย์เกษมท่าน ก็เข้าใจได้แล้วครับ.....ดังนี้
      1.พระเกษมเอง นามของท่าน จะข้ามขั้น ของอรหันต์ (ของใครของมัน) ข้ามไปสู่ จิตพุทธะ ที่เป็นที่รู้ได้ด้วย คนที่มีปัญญาเท่านั้น จึงจะทราบได้...นาม(จิต)ของพระเกษม นั้น เข้าไปสู่ เขตของ อนัตตา นั่นคือ รูป(กาย)และนาม(จิต) จะต้องหลุดพ้น จากโลกสมมุติ เพื่อข้ามไปสู่ ความวิมุตติ...แต่ตัวพระเกษมเอง จะยังข้ามอรหันต์ ไปสู่ จิตพุทธะ ยังไม่ได้ เพราะว่า...นาม(จิต)ของพระเกษม ท่าน ยังปล่อยวาง อภิญญา ความวิเศษ อิทธิฤทธิ์ ต่างๆ ทิ้งให้ได้เสียก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ มันมีเฉพาะ ในโลก สมมุติ เท่านั้น ถ้าจะข้ามไปสู่ความวิมุตติ พระเกษมเอง ต้องทิ้งให้ได้ พวก อภิญญา ความวิเศษ อิทธิฤทธิ์ เหล่านี้ อันนี้เป็นข้อแรก.....ข้อที่สอง พระเกษม ท่านต้อง ทิ้งความเป็น พระ ของรูป(กาย) ทิ้งศีล 227 ข้อ ให้ได้.....เพราะว่า ขอบเขตของพระ อยู่ได้ สูงสุดแค่พระ อรหันต์(ทางธรรม)...ดังนั้นตัวพระเกษมเอง นามมันพ้นจากความเป็นพระ แต่รูป ยังเป็นพระ หัวโล้น ห่มเหลือง มีศีล 227 และ ยังมี อภิญญาต่างๆ ...นั่นล้วนแต่เป็น ของที่มีในโลกสมมุตติ เท่านั้น ถ้าพระเกษมอยาก มีจิตพุทธะ มีโลกุตตรจิต ต้อง ทิ้งสิ่งเหล่านี้ให้ได้ วิธีทิ้งก็คือ...หาความจริงให้ได้ว่า รูป(กาย)ของพระเกษมเป็นใคร...จริงหรือ ปลอม อภิญญา คืออะไร คือสิ่งของภายนอก หรือ เป็นของไม่เที่ยง หรือ เป็นของจริง ที่ยั่งยืน....มีมัน กับไม่มีมัน อะไร สร้างทุกข์ได้...
      เพราะ จิตพุทธะ หรือ โลกุตตรจิตนั้น ...จะต้องเหลือ แค่ รูป(กาย)กับนาม(จิต) ที่ตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง และไม่ร่วมกันสร้าง อุปาทานขันธ์ 5 ขึ้นมาได้อีก โดย มีแต่รูป(กาย) เท่านั้น ที่ยังมีความต้องการ ตามธรรมชาติ ของกาย เช่น หิว หนาว ร้อน เจ็บ อื่นๆ แต่ นาม (จิต)นั้น มันก็แค่รับรู้ แค่ว่า มีรูป(กาย) ที่คงอยู่ เป็นปกติ ไม่ไช่ของวิเศษอะไร และนาม(จิต) ก็ไม่ได้ ปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม เช่น รูป(กาย)มีสุข ก็สุขเท่าที่ รูปกายของพระเกษมมี จิต จะไม่ไป ปรุงแต่งเพิ่มเติม สุข ใหเป็นไปมากกว่านี้ได้ และถ้า รูป(กาย) ของพระเกษมมีทุกข์ ก็ทุกข์ เท่าที่กาย เป็นจริงๆ นาม(จิต) จะไม่ไปรังเกียจ ไม่ไป หนีทุกข์ หรือ ซ้ำเติม หรือ ปรุงแต่งให้มัน ทุกข์มากกว่า ที่รูป(กาย) มันจะเป็นไป.......
      ดังนั้น ธรรมทั้งหมด ที่พระเกษม ท่านมี....ก็ต้องทิ้งให้หมด....ทั้งธรรม ทั้งรูป ทั้งนาม...ล้วน เป็นของสมมุติ เท่านั้น ต้องทิ้งโดยปัญญา ที่มองว่า ทุกสิ่ง เป็น อนัตตา....
      แล้วพระเกษมเอง ก็ต้อง เอานาม(ที่วิมุตติ) มาอยู่กับรูป(กาย) ที่เป็นจริง คือ เป็นพระหัวโล้น ห่มเหลือง แบกศีล 227 ข้อ โดย ไม่มีอภิญญาใดๆ หรือ ถ้ามี ก็ เหมือนไม่มี คือ ...
      ตอนนี้ นาม(จิต) มันจะกลับเข้ามาอยู่ บ้านเก่า(รูปกาย) ได้อย่างสมบูรณ์ หรือ ที่เรียกว่า ทางสายกลาง...รูป สมดุลย์กับนาม.....โดยไม่ส่งออก จิต(นาม) ให้เป็นทุกข์ แต่ อยู่กับรูปกายที่เป็นอยู่ โดย ดี.......โดยเดินบนท่างสายกลาง นั่นคือ มรรค 8 โดยสมบูรณ์
      ....................
      ดังนั้น...สิ่งที่พระเกษม ต้องทำ ก็คือ
      1.ทิ้งอภิญญา...ทิ้งโดยการเข้าใจ ว่า มันคืออะไร มีได้อย่างไร ใครมี ...อะไรมี
      2.ทิ้งความเป็นพระ...นั่นคือ คิดว่า ตนเองมีรูปกาย เป็น มนุษย์ ธรรมดาคนหนึ่ง เท่านั้น
      3.ทิ้งธรรม...เพราะธรรมเป็นแค่กรอบ ...ในการปฏิบัติเพื่อ อรหันต์ ถ้าอยากพ้นอรหันต์ ไปสู่โลกุตตร...ต้องทิ้งธรรม ให้ได้
      4.เหลือ รูปกาย 1. นามจิต 1...แยกกันโดยสิ้นเชิง..เป็นอนัตตา
      5.นามจิต(วิมุตติ) ต้องกลับมาอยู่กับรูปกาย(สมมุติ)...และอยู่ในโลก(สมมุติ)ของคนอื่น
      หรือ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม.....เพราะ มันก็เป็นเช่นนั้นเอง
      .............
      จิตพุทธะ ก็มีแค่นี้แหล่ะ......การที่รูปนาม แยกกันได้ โดย อนัตตา เป็น การไม่มี อุปาทานขันธ์ 5 โดยสิ้นเชิง และการที่รูปนาม เป็น อนัตตา ก็เป็นการตายก่อนตายนั่นเอง...รับรองว่า ไม่กลับมาเกิดอีกแน่นอน เพราะหมดความอยาก ความสงสัย ...เหลือแค่อยู่ไปวันวัน บนโลกสมมุติใบนี้...เท่านั้น......
    7. BRAVA
      BRAVA
      หวัดดีค่ะ
    8. BRAVA
      BRAVA
      สวัสดีค่ะ วันนี้เข้ามาค่ำหน่อย คุณออนอยู่หรือเปล่า ไว้มีโอกาสก็คุยกันนะคะ
    9. BRAVA
      BRAVA
      หวัดดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    10. sasitorn2006
      sasitorn2006
      ส่งข้อมูลบางอย่างไปทาง อีเมลล์แล้ว ลองพิจารณาด้วยสตินะ
    11. paranyu
      paranyu
      ของผมก็คล้ายๆคุณ nopam ล่ะครับ แรกเริ่มก็นับถือไปเรื่อย ศึกษาไปเรื่อย เช่น
      หลวงปู่โต หลวงปู่ครุบาชัยยะวงศาพัฒนา หลวงปู่ปาน หลวงปู่ฤาษีลิงดำ หลวงพ่อจรัญฯลฯ แต่ก็มาจบที่หลวงปู่เกษมเหมือนกันครับ

      ด้วยพอมานั่งพิจารณาแล้ว เราอ่าน เราศึกษา ประวัติ บ้าง คำสอนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ท่านเหล่านั้นเป็นคนเขียน คนพิมพ์ ด้วยความรัก ความเคารพครูบาอาจารย์ของแต่ละท่านมีความเกินจริงปนมาบ้าง อะไรบ้างเราก็รับมาเต็มๆ แต่มาเจอคำสอนหลวงปู่
      ท่านเทียบเคียง ยกตัวอย่าง ในพระไตรปิฏก ก็หยุดเลยครับ เก็ตเลย
    12. paranyu
      paranyu
      ;aa21สวัสดีครับ.........
      ชอบการตอบในกระทู้จังครับ
    13. สันโดษ
      สันโดษ
      สำหรับที่นี้ คือที่ที่สันโดษเเละ เพื่อนๆจินตนาการว่า

      ถอดจิตจากโลก มนุษย์ คะ

      พวกเรา เข้าไปเล่นตามห้องนู่น ออกห้องนี้ จินตนาการเอาว่าเป็น สวรรค์คะ

      ไม่ว่า พวกเราปราถนานิพพาน หรือ พุทธภูมิก็เเล้วแต่ นะคะ ก็ดีทั้งนั้นเลยคะ

      สำหรับสันโดษเวลาเข้ามาที่นี้ .......

      สันโดษจะปิดมือถือ ปิดการติดต่อ และ ให้ ตนเองเป็นเหมือน จิต

      จิตที่ปราถนาดีเเละมอบสิ่งดีๆ ผ่านโดย คุณตัวอักษรทั้งหลาย

      มนุษย์ปัจจุบันได้ใช้เวลากับอินเตอร์เน็ต วันละหลายชั่วโมง

      ดังนั้นความคิดคุณธรรมและการหล่อหลอม

      ความเป็นคนไม่ว่าจะดีหรือไม่ได้เกิดที่นี้

      สันโดษจึงตั้งใจหาสิ่งดีๆ และ ตัวหนังสือที่ดีๆ เพื่อจรรโลงใจเพื่อนๆ

      ให้ มี จินตนาการที่สวยงาม อย่างไร้ขอบเขต เเห่งการสร้างความดี

      สันโดษ คิดว่า ทำดี สำหรับ คนที่สันโดษรู้จัก จาก 1 เป็น 2

      จนตอนนี้ ความดี ที่สันโดษสร้าง ขยาย มากขึ้นเรื่อยๆ

      ถึงเเม้ ตัวอักษร จะ ไม่มีราคา ไม่มีความหมาย

      แต่ ชั่วขณะหนึ่ง เรา สามารถ ทำให้คน บ้างคน หยุดคิด หยุดทุกข์ได้

      เเม้ เพียง วินาทีเดียว ที่ทำให้คนมีความสุข

      เท่านี้ โลกเรา ก็ ความสุข 1 คน ในวินาทีนั้นคะ

      ขอให้ มีความสุข และ รักตัวเองก็พอนะคะ

      เเม้เพียงวินาทีเดียว ก็ดีกว่า ไม่รู้จักกับคำว่า ความสุขเลยคะ
  • Loading...
  • Loading...
Loading...