การทรมานในนรกที่เห็นคือภาพเสมือนจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย snakejoke, 21 กันยายน 2014.

  1. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    บทความนี้ถ้ามีผลกระทบต่อสิ่งใดก็ลบได้นะครับ ตามกาล

    ทำความดี ขึ้นสวรรค์ ทำความชั่ว ตกนรก มากล่าวถึงนรกกัน

    การทรมาณในนรก คือภาพเสมือนจริง ทำไมผมกล่าวแบบนั้น

    ลองมาคิดเล่นๆๆนะครับคิดว่านิยายนอกกรอบความคิดทั่วๆไป

    เมื่อคนเราเสียชีวิต ทำแต่ความชั่ว ก็คง ถูกยมบาลจับตัวพิพากษาตามความผิดที่เคยกระทำ คนที่สัมผัสภาพที่เห็น เพลิงอเวจี เผาผลาญ ทำร้ายร่างกาย ให้ทรมาน นานาประการ แล้วไปแจ้งให้คนบนโลกรู้ว่าทำแบบนี้ เกิดผลอย่างไรอย่าได้ทำกันนะ ตกนรกมันทรมาณนับกัปกัลป์

    ผมเลยคิดต่างว่า เทียบกับ การที่เราเห็นนักเรียนทำผิดร้า่ยแรง เราก็เลยพิพากษาตาม กฏหมายให้ลงโทษสถานหนักให้จำคุกให้ทรมาณ ในครั้งแรกที่เขาพลาดพลั้ง หมดโอกาสแก้ไข จะมีใครเข้าใจจิตใจของคนที่ทำผิดว่า จริงๆแล้วเขาตั้งใจ หรืออารมณ์หรือเกิดจากเหตุผลใดที่ทำ มันสมเหตุสมผลที่ทำหรือทำเกินมากจนต้องรับการลงทัณต์

    แต่ถ้าเราให้โอากาส คอยตักเตือนสอนสั่ง แนะนำ แต่ให้มีกฏบัญญัติควบคุม แต่ไม่ทำลายใจ คอยสอนใจให้เขากลับกลายพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มันจะดีไหมนะ กลับกายใช้กำลังกับกฏที่คิดๆๆกันมาเพื่อสั่งสอนให้หลาบจำ

    เลยมาเทียบกับการตกนรก

    ใครเคยไปสัมผัสทั้งชีวิตที่นรกบ้าง มีใครเคยไปไหม เพราะที่เห็นมากล่าวไม่ว่าจะผู้มีบารมีสูงส่งเพียงใด ก็ไปเพียงแค่จิตเห็นภาพ และภาพที่คุณเห็นคุณคิดว่า ใครสร้างขึ้น วิญญาณ ถูกกระทำจริงหรือไม่ คุณเห็นแล้วคุณมั่นใจแค่ไหน คนที่สร้างบางสิ่งที่กำหนดบางอย่าง เขาทำได้หมดนะ แค่ภาพเสมือนที่จะให้คนที่ว่ากันว่ามีบารมีกันมากมาย ให้เห็นภาพการทรมานนานๆ ไปบอกกล่าวกับคนบนโลก

    ภาพเสมือนมันสร้างได้ไหม ภาพคนตกกระทะทองแดง โดนเผา ตัดคอ ปีนต้นงิ้ว ใครไปสัมผัสแล้วมาบอกได้มั่งไหม เพราะที่รู้ตามคนกล่าวมาคือถ้าได้ไปรับกรรมกัน คงไม่มีโอกาสออกมาง่ายๆๆแล้วออกมาก็คงถูกล้างความคิดหมด แต่ใช้กายไปรับ โทษที่ทำผิด แล้วมันสมควรที่จะลงโทษขนาดนั้นเพื่อให้เขาเปลี่ยนความคิดเรอะ ทำแบบนั้นเขาเจ็บเขาจำแล้วไม่ทำ หรือจะเจ็บแค้นแทนล่ะ ถ้าตกนรกขนาดนั้นแล้ว เป็นคนดีกันหมด เมื่อเกิดใหม่ ทำไมโลกเราถึงมี คนทำชั่วมากมาย มากขึ้นล่ะ แล้วนรกช่วยได้แค่ไหนในสังคมปัจจุบัน ทำไมเขาไม่เกรงกลัวกันเลย

    จิตผมก็ไปรู้เมื่อมีคำถาม กับการตกนรกว่า

    ผู้สร้างนับอนันตดาราจักรวาล ได้วางรากฐานให้มนุษย์ผู้มีปัญญาด้อยกว่าท่านมากมายเทียบชั้นไม่ได้ให้มอง เป็นภาพเสมือนแห่ง ความเกรงกลัวต่ออัคคีโลกันต์ เพื่อ มนุษย์ที่พิเศษที่คิดว่าตนเองเก่งกล้า พอถอดจิตถอดกายไปเห็นภาพแล้วมาบอกต่อถึงความน่ากลัวของนรก มันชั่งน่ากลัวนะ แต่มนุษย์ก็ยังไม่มีปัญญามากพอจะมองนอกกรอบมากกว่าที่ตาเห็น

    ตัวอย่าง

    การฆ่า บิดาหรือมารดา จะต้องลงนรกที่ร้อนแรงที่ถูกทำโทษ จนไม่รู้จะได้ผุดได้เกิดไหม ถามว่า สิ่งเหล่านี้ที่รู้ มันแฟร์สำหรับคนที่ทำไหม

    ผมจึงมาเทียบกับโทษสูงสุดกระมัง หรือโทษร้ายแรงคือการฆ่ามารดาตนเอง แล้วต้องรับกรรมเช่นไร

    มิติอีกมิติที่มนุษย์ พวกเธอทั้งหลายเข้าไม่ถึงหรอก (เอ๋หรืออาจมีคนไปถึงแล้วนะผมเพิ่งไปถึงด้วยจิตจินตนาการ ยังไม่อาจไปเห็นด้วยตานะ ยังด้อยปัญญาอยู่ต้องพัฒนาอีก ตัวผมเองน่ะ)

    โทษที่ผมไปสัมผัสได้ ก็คือ จะมีอีกโลกที่เขาต้องไปชดใช้กรรม ไม่ได้ไปตกนรกหมกไหม้ตามที่เห็น (เพราะถ้าไม่น่ากลัวคนก็ทำชั่วมากขึ้นว่ามะ) แต่เมื่อเขาตายไป ไม่ว่าศาสนาใดๆๆ ในโลกจะพบจุดเดียวกัน โดยอาจมองเห็นภาพ ยมบาล (ยมบาลก็คิดว่าเขาทำหน้าที่จับคนไหมนะ เขาเคยคิดว่าเขาเป็นภาพเสมือนสร้างให้มีพลังไหมนะ ก็นานาทัศนคติ)

    เมื่อฆ่าแม่ตนเอง ก็จะมีโลกที่มีเขาและแม่ (อาจมีสิ่งแวดล้อมที่สัมพันธ์กันที่เขาควรจะไปรับผลชดใช้กรรม ) คุณมีการกระทำกับแม่คุณในช่วงชีวิตเวลาเท่าไหร่ ก็มีสรรพธาตุค่อยกำหนดเวลาให้สร้างบางสิ่ง กับโลกที่มีตัวละครหลักคือคุณ กับแม่ของคุณ

    แล้วจะมีสถานการณ์ต่างๆๆ ที่ทำให้คุณต้องดูแลแม่คุณแปรผันตามกรรมที่คุณกระทำบนโลก โดยจะต้องดูแลแม่ของคุณตามสถานการณ์ต่างๆๆไป แล้วจับเวลา 24 ชม. คุณทำเต็มที่แค่ไหน ทำด้วยใจเท่าไหร่ แก้ไขสถานการณ์ต่างๆที่ถูก สรรพธาตุสร้างขึุ้น แบบอัตโนมัติ ตามที่คุณกระทำในโลกความจริงก่อนตกตายกันไป

    24 ชม. ความคิด กาย ใจ ที่แสดงการดูแลแม่คุณตามสถานการณ์ที่ สรรพธาตุสร้างขึ้น คุณต้องแก้ไข ถ้าคุณทำดีจนแปลงเป็นคะแนนที่สูง ใจคุณจะพัฒนา ความเลวในกายจะค่อยๆๆลดลง จนถึงเวลา ที่เขากำหนด

    คุณจะได้แต้มมากพอจะไปเกิดใหม่หรือต้อง ไปทำซ้ำเพื่อให้แต้มถึงพอจะไปเกิดใหม่ โดยจะมีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

    สร้างกรรมใด ก็จะมีมิติของคุณไปแก้ไขกรรม โดยอาจมีตัวละครที่มีกรรมสัมพันธ์กันตามวาระ ที่คน เทพ พรหมณ์ในโลก ไม่รับรู้ (หรืออาจรู้แต่ต้องเงียบเหยียบไว้)


    การดูแลแม่ที่คุณฆ่า ไปในโลกความจริง คุณคงละอายต่อบาป และอัตราส่วนที่วัดความดีตามสถานการณ์ที่จะเกิด แบบไม่มีต้นสายปลายเหตุ แต่ใจคุณจะดี จะพัฒนา เพราะเมื่อเสร็จ 24 ชม. แม่คุณจะฟื้นปรกติแล้วมากอดให้กำลังใจในวันใหม่ที่จะต้องดูแล (ตอนที่ดูแลเขาคงจำในสิ่งบางสิ่งไม่ได้)

    นี้คือบทลงโทษเพื่อกล่อมเกลาจิตใจคน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ ก็ใช้ปัญญาครับ

    การตกนรกคงไม่สามารุถเปลี่ยนใจคนๆๆนั้นได้กระมัง จะแค้นเคืองไปอีกถ้าทนต่อสิ่งที่ทำ พวกคิดไม่ได้มันก็คิดได้แค่ แค้นเคืองนั่นแล

    มันก็แค่จิตคิดจินตนาการอย่างคิดมากแค่อยากให้สร้างสิ่งนอกกรอบทางความคิด

    ไม่มีผิดถูกแสดงความเห็นตามใจได้สบาย ถ้ากระทบอะไรขออภัยมา ณที่นี้ด้วยนะครับ รายละเอียดลึกๆๆยังไม่ลง มันจะยาวไปครับ นี่พิมพ์สดนะนิเสร็จแล้วอ่านและแสดงความเห็นได้เล้ยครับ
     
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ทำไมถึงหยุดการฆ่า การทรมานกันไม่ได้นะ
    คิดไปคิดมาต้องมีผู้เสียสละอีกแล้ว
    วงจรอะไรเนี่ย
     
  3. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    ปล่อยโลกไปให้ใครๆเขาทำกันดีไหมเรา เหนื่อยแสนเหนื่อยหาคนทำอะไรที่สร้างสรรที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ ปัญญาผมยังไม่มากพอที่จะทำให้หยุดบางสิ่งที่มันมีมาแต่อดีต หรือจะหนีไปแบบเทวทัตกันนะ รายนั้นลอยตัวแล้ว 5555+ เอาโพสอีกกลุ่มมาโยงอัยยะ
     
  4. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    เรียกว่า ... เพ้อ!
    มีอีกคนอยู่ห้องภัยพิบัติ มีนามว่า.. Hotleague!
     
  5. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    คิดได้ สรุปได้ ตนเองเข้าใจเอง เรียกว่า ไม่บ้านะ

    คิดได้ แต่สรุปไม่ได้ ตนเองก็เข้าใจไม่ได้ อันนี้ คือ บ้านะ

    หมายความว่า สิ่งที่ถูกรู้ถูกเห็น สิ่งที่มีให้รู้มีให้เห็นนั้น คงต้องรู้จักดูตนเองก่อนว่ามีความสามารถที่จะรับรู้และทำความเข้าใจได้มั้ย เช่น มีกระสอบข้าวหนัก 80 กิโลกรัม ให้ถามตนเองก่อนว่า แบกได้มั้ย ถ้าแบกได้จะยกและเดินไปได้กี่ก้าว ยกขึ้นรถเองได้มั้ย นี่คือการรู้ตัว ก่อนที่จะลงมือไปทำ เช่นเดียวกัน อะไรก็ตามที่ตนเองอยากจะรู้อยากจะเข้าใจ ก็ต้องดูตนเองก่อนนะว่า ตนเองฉลาดพอที่จะเข้าไปคิดในปัญหานั้นๆหรือไม่ เช่นทุกวันนี้ การมีแฟน การแต่งงาน มันต้องเป็นไปตามธรรมชาตินั่นก็คือ ร่างกายโตสมบูรณ์เป็นผู้ใหญ่ ฮอร์โมนพร้อมกายพร้อม หรือยังถึงจะมีแฟน แล้ว ถ้าเกิดไปรักคนที่ รวยกว่า ดูดีกว่า เป็นคนดีกว่า มันก็ต้องรู้จักตนเองให้ได้ว่า ตนเองนั่นเหมาะสมกับ คนที่จะมาเป็นคู่ของตนเอง แค่ไหนอย่างไร

    ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถ้ายัง
    เข้าไม่ถึงความเป็นมนุษย์ มันก็จะมีแต่ความอยาก ความเห็นแก่ตัวที่คิดเข้าข้างตนเองอย่างเดียว ถามว่า คิดแบบนี้ถูกมั้ย การเห็นแก่ตัวมันก็ถูกของคนที่คิดฝ่ายเดียว แต่ไม่ถูกตามที่คนอื่นเขาไม่เห็นด้วย ไง ออกทะเล ละ กระทู้นรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2014
  6. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    อ้าวก็ไหน บอกว่าจะทำงานใหญ่ไง ท้อซะแล้ว
    ใครว่าเทวทัตหนี ใครว่าเทวทัตลอยตัว นี่ก็จมลงมาร่วมโลกเดียวกันอยู่นี่ไง
    ตกลงอยากแก้ไขโลกมั้ยล่ะ หรือจะยอมแพ้ให้แก่คนดีดีเก่าๆที่ทำอะไรไม่ได้ดังใจเลย ถ้าคนเก่าๆดีจริง องค์วิชาความรู้คงไม่นำพาโลกเข้าสู่ความเสื่อมได้ขนาดนี้หรอกนะ เทวทัตน่ะเขาเรียนรู้วิชาชั่วความชั่วการเป็๋นคนชั่วมา ก็เพื่ออยากเข้าใจว่า อันคนชั่วความชั่วนั้น เขามีความคิดยังไงกันถึงทำชั่ว ซึ่งอันนี้ เทวทัตรู้หมดละ และเทวทัตก็รู้ด้วยนะว่า อันความดีจริง การทำดีจริง การเป็นคนดีจริง ต้องทำยังไง ทำแบบไหน อันนี้เทวทัตก็รู้แล้วนะ

    เพราะที่ผ่านมา คนดีจริง มันมีน้อย คนทำดีได้จริงก็มีน้อย คนรู้ดีจริงๆ หาได้ยากนะ มรรคแปดน่ะ ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะ ตราบใดที่เข้าถึงความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐไม่ได้น่ะ

    นี่ยังไง คนเก่าๆ พวกเก่าที่ดูแลที่กระทำรักษาโลกดูแลโลก ยังแก้ให้คนเป็นคนดีรู้ดีไม่ได้ คำตอบก็เห็นๆกันอยู่ แต่ก็ยัง ดันทุรังแถๆ จะทำต่อไป ผมรู้นะ ว่า คนพวกนี้ มันไม่เคยที่จะยอมรับว่าตนเองมีอวิชชา

    ก็ดูจุดจบ ของพวกเขาเหล่านั้นกันต่อไป ไม่ช้าหรอกน่า
     
  7. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ผมเคยบอกในกระทู้ ห้องอภิญญา ว่า ผมเรียนรู้วิชาเป็นช่างซ่อมมา
    บางคนเข้าใจว่าช่างซ่อมก็คือ ไม่ต้องรู้วิธีสร้างไม่ต้องรู้วิธีใช้ไม่ต้องรู้วิธีรักษา แค่รู้วิธีซ่อม หรือการรู้จักให้ เท่านั้นก็พอ ซึ่งนี่เป็นการเข้าใจผิดถนัด ยกตัวอย่าง ในกระบวนการสร้างรถยนต์ มันจะเอาหลายอย่างมารวมกันเป็นรถหนึ่งคัน ตั้งแต่เหมืองเหล็กเหมืองยางเหมืองน้ำมันมาถึงโรงงานผลิตเหล็กผลิตยางผลิตน้ำมัน จนมาถึงสร้างชิ้นส่วนประกอบชิ้นส่วน จนมาถึงการเอามาขับมาใช้ ถามว่า เรื่องพวกนี้ ช่างต้องเรียนรู้หมดทุกอย่างเลยความเป็นมา ว่า อะไรหมดอายุหมดสภาพ อะไรใช้ได้ใช้ไม่ได้ อะไรพอใช้ได้ อะไรพอแก้ได้แก้ไม่ได้ เปลี่ยนได้ แต่ช่างไม่ต้องไปทำเหมืองเอง ไม่ต้องไปผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เอง ไม่ต้อง ลงลึก แต่ช่าง เรียนรู้ที่จะซ่อมแซมรักษา ให้รถยนต์นั้นเครื่องยนต์นั้นทำงานได้ใช้งานได้ ต่างหาก แต่ก็ไช่ว่าช่างจะผลิตไม่เป็น ขับไม่เป็น ใช้ไม่เป็น

    และเช่นเดียวกัน โลกมนุษย์ โลกทั้งโลกรวมทรัพยากรมันคือสิ่งที่มีให้สัตว์โลกนำมาใช้ในการดำรงค์ชีวิต ใช้ยังไง ก็ใช้ให้มันไม่ขาดแคลน ให้พอเพียง รู้จักดูแลรักษาปกป้อง ให้มันมีใช้มีอยู่มีกินอย่างไม่ขาดแคลนและไม่ทำลาย ไม่เบียดเบียนตนเองและคนอื่น นี่คือการรู้ใชัชีวิตให้ถูกให้เป็น คือการทำดี

    แต่ถ้าใช้แล้วขาดแคลนทำลายเบียดเบียนทั้งตนเองและคนอื่น นี่คือ การทำชั่ว

    การทำดี การทำชั่ว มันก็คือ การใช้ชีวิตในสองรูปแบบนั่นเอง

    ยกตัวอย่างการเบียดเบียน เช่น การใช้แอร์ เย็นในห้อง แต่เพิ่มอุณภูมินอกห้องเพิ่มอุณภูมิโลก นี่คือการเบียดเบียนตนเอง หรือการสูบบุหรี่กินเหล้าก็คือทำลายร่างกายตนเองนี่คือการเบียดเบียนตนเอง หรือการใช้เครื่องยนต์หรือรถยนต์ก็ปล่อยควันทำเหมือง นี่ก็ทำลายโลกและเบียดเบียนตนเองชัดๆ

    แต่คนเหล่านี้กลับบอกว่า มันคือพัฒนาการ วิวัฒนาการ มันดี มันเจริญ แต่ไม่เคยเข้าใจในความเป็นจริงเลยว่า นั่นคือการเห็นแก่ตนเอง เป็นการทำลายและเบียดเบียนธรรมชาติโลก อย่างแรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2014
  8. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    อย่างเรื่องการทำดี

    มันต้องแยกแยะว่า ทำความดีเพื่อตนเอง หรือทำความดีเพื่อผู้อื่น หรือทำความดีเพื่อส่วนรวม สิ แล้ว การทำความดีตามที่เข้าใจกันมันอาจเป็นการเบียดเบียนคนอื่น เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนธรรมชาติอยู่ก็ได้ ก็นี่แหล่ะคือ ถ้ารู้ไม่จริงก็ อวิชชาพาไป จนโลกเข้าสู่ความเสื่อมอย่างที่เห็นนี่แหล่ะ จะพากัน มีความสุข บน การทำลาย งั้นหรือ
     
  9. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ในนรกน่ะมันทำให้ คนที่ตกนรกกลับตัวได้จริงหรือ กลับตัวได้ มาเกิดใหม่เป็นคนดีคนใหม่ได้จริงหรือ ถ้ากลับตัวได้ งั้นพระพุทธเจ้าก็ไปแสดงธรรมที่นรกไม่ดีกว่าหรือ คนชั่วทั้งหลายที่ตกนรกจะได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ เมื่อมาเกิดเป็นคนอีกครั้ง เช่นเดียวกัน บนสวรรค์ล่ะ หมดบุญก็ลงมาเกิดใหม่ เป็นคนดีได้จริงหรือ

    บนนรก หมดบาป ลงมาเกิดใหม่ จะเป็นคนดีได้จริงหรือ
    ซึ่งความจริงแล้ว ในนรกไม่มีสมองที่คิดเองได้ เกิดปัญญาเองไม่ได้ เพราะมีแต่จิต มีแต่การชำระบาปชดใช้บาปให้น้อยลงตามกาลเวลาเท่านั้น

    และในสวรรค์ไม่มีสมองที่คิดเองได้ เกิดปัญญาเองไม่ได้ เพราะมีแต่จิต มีแต่ฟังธรรมรับบุญเพิ่มเพื่อเสวยบุญให้ต่อไปได้นานขึ้นเท่านั้น

    ซึ่งนรกหรือสวรรค์ มันเกิดปัญญาไม่ได้ แก้กรรมไม่ได้ มีแต่เสวยบุญและบาปที่เคยทำในโลกตอนเกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น ดังนั้น การฟังธรรมปฏิบัติธรรม แก้กรรม แก้ตัวเอง ก็แก้ได้ที่โลกมนุษย์นี้เท่านั้นเอง นะ
     
  10. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    สวรรค์ในอก นรกในใจ ซึ่งก็คือ การเสวยผลกรรมที่แท้จริง ก็คือตอนเกิดเป็นมนุษย์นี่แหล่ะ ทำกรรมดี ก็อารมณ์ดีเสวยบุญเลย ทำกรรมชั่วก็จิตใจเศร้าหมองเสวยผลชั่วเลย

    ส่วนถ้าหนีผลกรรมไม่รับผลกรรมเวลาที่เกิดเป็นมนุษย์ มันจึงไปเสวยหลังตายไง ทีนี้มันก็จะมีพวก ศรีธนนชัยหัวหมอล่ะ พวกที่ ฝึกจิตแล้วคิดง่ายๆว่า ไม่ว่าตนเองจะกระทำกรรมชั่วมากมายยังไงตอนเป็นมนุษย์ แต่พอเวลาตายตนเองคิดถึงพระเป็นอารมณ์ เข้าฌาณเป็นอารมณ์ก่อนสิ้นใจตาย เข้าใจว่าถ้ารักษาสภาวะจิตไม่ได้ไปอยู่ในอกุศล จิตตนก็ได้ไปสรรค์ ไปพรหมแทน ซึ่งนี่ก็ถือว่าเข้าใจถูกนะ

    แต่ทำไมไม่คิดมั่งว่า เมื่อเสวยบุญหมด มันจะไปไหนต่อละ เพราะกรรมชั่วหรือโทษที่ติดค้างคนอื่นอยู่ที่ยังไม่ได้ชดใช้ ไง ซึ่งมันคือสิ่งที่เป็นตราบาปที่หนีไม่ได้หรอกนะ

    และคนจำพวกศรีธนนชัยนี่แหล่ะที่มันนำพา การสอนผิดๆมาบอกกับคนอื่น ให้คนทั้งหลายไม่เกรงกลัวต่อการทำกรรมชั่ว ไง โดยที่รู้ไม่จริง

    พวกอวิชชาหัวหมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2014
  11. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    เทวทัต มาเกิดทำไม ก็เพราะ มาดูผลกรรมของคนดีดีทั้งหลายที่หลายคนเข้าใจว่าตนเองเป็นคนดี ทำดีเป็น แต่สำหรับเทวทัต มันไม่ไช่ไง เทวทัตไม่ได้ทำร้ายใคร แค่ต้องการเอาชนะพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง จึงพยายามทุกวิธีทางที่จะกระทำ การขัดขวาง ขวางกั้น ถ่วง ต่อพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าท่าน ยอมแม้ให้เทวทัตเข้ามาบวช เข้ามาอยู่ไกล้ เพราะ อะไรล่ะ เพราะท่านมองว่า คนที่หลงผิด สักวันก็ต้องเลิกหลงผิดได้ สักวันเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้น คนทุกคน เวลานี้อาจหลงผิด แต่อะไรล่ะจะมาเป็นบทเรียน สอนให้คนทั้งหลายเลิกหลงผิด นรกเหรอ(ใช้ไม่ได้แล้ว)

    ถามเทวทัต เทวทัตจะตอบว่า ภัยพิบัติไง อันดับสอง อันดับแรกก็คือผลกรรมนั่นเองที่มันจะตามสนองเอง เช่นทำลายทรัพยากรทำลายธรรมชาติทำลายสิ่งแวดล้อมทำร้ายคนอื่นเห็นแก่ตัวทำดีไม่เป็น ซึ่งโลกร้อน อาหารขาดแคลน ขยะนำมาซึ่งเชื้อโรค สารเคมี การสำส่อนโรคเอดส์ซึ่งการทำให้โลกเสียสมดุลย์นี่แหล่ะ จึงนำมาซึ่ง ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม พายุ โรคภัยไข้เจ็บ

    ซึ่งมันก็คือผลกรรมที่ตามทันมาสนอง เพื่อให้เหล่ามนุษย์เมื่อหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง ถึงจะได้หันหน้าเข้าหากันพึ่งกัน และเรียนรู้การใช้ชีวิตให้ภูกต้อง ไงล่ะจ๊ะ
     
  12. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ถ้าถามผมว่า ผมมีส่วนมั้ย ขอตอบว่า ผมมีส่วนในการเร่ง การสนองกรรมทั้งหลาย
    เพราะผมอยากโละทิ้งทั้งกระดาน เพื่อเริ่มใหม่ ชีวิตใหม่อีกครั้ง ผมยอมตายพร้อมกับคนทุกคน ถ้าหากเอาดีไม่ได้จริงๆ ผมยอมเป็นระเบิดที่ยอมพลีตนเองเพื่อเป็นผู้นำจุดจบมาสู่ทุกคน และเช่นกัน ถ้าทุกคน เห็นพร้อมใจกันที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองและโลกก็ให้ลงมือทำพร้อมกับผม อย่าได้แต่คิดและพูด เพราะ ภัยพิบัติมันนับถอยหลังอยู่

    ขอยกตัวอย่าง การเป็นมะเร็ง แล้วถ่วงเวลา ประวิงเวลาเอาไว้ แต่ไม่ยอมผ่าตัด ยังไงมันก็ต้องถึงจุดจบเข้าสักวัน เช่นกัน การรับกรรมแบบเป็นระยะ ค่อยๆไถ่โทษ แบบอยู่ในโลกแล้วยินดีในทุกข์ของกายบ้าง ไม่ไช่คิดค้นแต่สิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้กับตนเองโดยไม่รับทุกขเวทนาใดใด ถ้าแบบนี้ เวลากรรมใหญ่มันมามันจะหนัก ทีเดียวเลยนะ อย่าแผ่เมตตาเพื่อชะลอภัยพิบัติ เพราะคนที่ชั่วมากสมควรตายก่อน ระบบเขารู้ของเขา อย่าคิดว่าตนเองเก่งที่ชะลอภัยพิบัติ เพราะ ชะลอให้กับคนบางคนที่ชั่วมากที่สมควรตายก่อนก็ไม่ตาย ดังนั้น ถ้ามันมาทีเดียวหนักๆ มันจะเดือดร้อนคนดีดี ไปด้วย นะ ฝากเอาไว้ด้วย คนเก่งทั้งหลาย
     
  13. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    แก้กรรม ได้ ในขณะปัจจุบันที่เป็นมนุษย์มีชีวิตอยู่ เท่านั้น
    หาฟังธรรมที่ถูก เพื่อให้เกิดปัญญาแก่ตน เพื่อจะได้รู้ถูก และกระทำถูก
    ณเวลานี้ มรรคแปดข้อ คือ วิชาเดียวเท่านั้น ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ

    ผม เข้าใจเองว่า ตอนนี้ผมพยายามแข่งกับเวลาที่นับถอยหลังเพื่อที่ว่า จะต้องสร้างอะไรบางอย่างเพื่อ การรอจุดเปลี่ยน เพราะเมื่อภัยพิบัติมาถึง เมื่อภัยพิบัติเกิด มันจะสร้างจะหาอุปกรณ์ไม่มีไม่ทันเสียแล้ว มันจะไม่เหลืออะไรให้ทำได้ ดังนั้นถ้าเราเริ่มลงมือสร้างเครื่องมือ เตรียมพร้อมเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างน้อย จะไม่ได้เริ่มที่ศูนย์ กัน

    พอเข้าใจมั้ยนะ
     
  14. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ผมสร้างสังคมดอกบัวแห่งแสงพระนิพพานเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือทุกจิตวิญญาณไม่ไห้ตกค้างตามภพภูมิต่างๆ หรือวิญญาณเร่ร่อนตามโลกทุกแห่ง เก็บให้หมด เพื่อให้จิตวิญญาณเหล่านั้น ได้รับแสงแห่งพระนิพพาน พัฒนาจิตใจ เรียนรู้ชาวมนุษย์ไปด้วย เผื่อเวลาตนเองได้ มาเกิดเป็นมนุษย์จะได้ไม่ ทำชั่วเอามาเป็นแบบอย่างตามไง

    ผมพยายามเปลี่ยนจิตวิญญาณเหล่านั้นให้รู้จักดี เพื่อที่จะได้ไม่เข้ามารบกวนมนุษย์ ไม่แทรกจิตมนุษย์ ไม่มาขอบุญมารบกวนจิตใจมนุษย์ได้ เพราะถ้าเหล่าจิตวิญญาณไม่มารบกวนจิตใจมนุษย์ มนุษย์ก็คงจะไม่มีจิตอื่นมาแทรกแซงได้ คงจะพอพูดคุยกันรู้เรื่องมากขึ้นกว่าเดิม นะ

    ทุกภพภูมิ ให้มารบกวนที่ผมคนเดียวก็พอ ไม่ต้องไปรบกวนมนุษย์คนอื่น ทั้ง ภูมิจากนรกหรือภูมิจากสวรรค์ ให้มาที่ดอกบัวของผม ก็พอ นี่คือการทำงาน อีกระบบ เพื่อรักษาความปกติของมนุษย์ให้เขาไม่ถูกรบกวนจิตใจ
     
  15. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ซึ่งตอนนี้ ก็ถือว่า โลกคือจุดศูนย์รวมสรรพจิตทั้งจักรวาลเพราะไกล้ถึงเวลาเปลี่ยน แปลงครั้งยิ่งใหญ่ นั่นก็คือวันพิพากษาโลก ก็คือวันที่ มนุษย์ทุกคน จะต้องเอากรรมดีและกรรมชั่วของตนเองมาเป็นตัวตัดสินตนเอง โดยไม่มีใครมาแทรกแซงได้

    เวลาตนเองเจ็บตาย รับภัย จะได้ เข้าใจและยอมรับว่า นั่นคือผลกรรมที่ตนเองได้เคยทำมา นั่นเอง ซึ่งคนดีดีต้องยอมรับว่า มันอาจมีผลกระทบบ้าง เมื่อถึงวัน ชำระล้าง ทั้งโลก ผมไม่ได้บ้า แค่ผม บ้ากว่าทุกคน
     
  16. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ในดอกบัว มีเจ้าแม่กวนอิมช่วย นำพาจิตวิญญาณเหล่านั้นมาพบแสงสว่าง
    และแสงสว่างก็ส่องให้เห็นได้ทุกภพภูมิ มีโรงทานที่เป็นตัวอย่างของการแบ่งปัน มีโรงธรรมที่มีพระอาจารย์ที่มรณะภาพไปแล้วมาแสดงธรรม หลายท่าน เปิดโอกาสให้ทุกจิตวิญญาณไปเรียนรู้ดู มนุษย์โลกที่ทำชั่วว่า อย่าเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้จิตวิญญาณเรียนรู้ การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง โดยการเข้าใจ ด้วยปัญญา นั่นเพราะ ดอกบัวนี้ สร้างจากปัญญาแห่งพระนิพพาน เป็นปัญญากลางแห่งธรรม
     
  17. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ขอสารภาพความจริง อย่างหนึ่งนะ ถ้าผมมีอภิญญาจริงเป็นซุปเปอร์แมนได้ ผมจะกำจัดล้างโลกนี้ด้วยตัวผมเอง ซึ่งมันจะโหดร้ายกว่าที่คิด ดังนั้น ผมเลยไม่มีอภิญญา มีแต่ปัญญาที่ทำเพื่อคนอื่นเท่านั้น ดังนั้น จงเชื่อผมเถอะว่า ถ้าผมเทวทัตจะลงมือกระทำความดี ก็จงยอมให้ผมทำ อย่าให้ผมต้องทำชั่วเลย เพราะความชั่ว คงไม่มีใครกระทำได้เท่าผมหรอกนะ และผมก็เคยทำมาแล้ว ดังนั้น มันไม่ยากหรอกการทำความชั่วสำหรับผม

    แต่เวลานี้ ผมต้องการทำดี เพื่อทุกคน ก็จงอย่าขัดขวางผม เลย เพราะ นั่นถือว่า ทุกท่านขวางทางดีของตนเองนะ เพราะผมขอบอกว่า คนทุกคนทำดียังไม่เป็น มีผมคนเดียวเท่านั้น ที่จะพาทำได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2014
  18. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    แต่ถ้าไม่เชื่อไม่สนใจ มันก็จะเป็นไปตามกรรม เหมือนเดิมนั่นแหล่ะคือ จุดจบมันมีแน่นอน ผมมาแค่ เริ่มต้นใหม่ก่อนที่จะถึงจุดจบแล้วเริ่มต้นยาก กว่าที่จะเริ่มต้นตอนนี้เท่านั้นเอง เมื่อหลังภัยพิบัติ มันจะเริ่มต้นยากกว่า การเตรียมพร้อมก่อนที่จะเกิดภัยนะ

    ไม่ต้องเชื่อผมนะ เพราะมันก็แค่ ความคิดของมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
     
  19. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ซึ่งผมก็ยอมรับนะว่า ที่ผมอยากทำมันเป็นไปไม่ได้ หรอกเพราะ คนทั้งหลาย เป็นผู้มีอวิชชา ตะหนี่ขี้เหนียว เห็นแก่ตัว คงไม่คิดจะทำเพื่อผู้อื่นได้จริงหรอก คงไม่มีคนแบบที่ผมต้องการอีกแล้ว ในโลกใบนี้ ที่จะกล้าเสียสละตนเองและทรัพย์เพื่อผู้อื่น หรอกนะ
     
  20. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    ผมเชื่อในคำของ ท่านกายและใจ อาจมีบางความเห็นในบางกระทู้ ที่มีความต่างกับความคิด แต่มุมมองคือ ก็เหมือนทดสอบปัญญา การวางกลาง หรือ ตอบโต้ บุคคลใดๆ ที่มีบางสิ่งที่แตกต่างคนปรกติ

    ผมยังโดนดีเลยปีก่อนที่หายไป พอกลับมา สองอาทิตย์ก่อนมั้ง ไปตอบโพส seed star กับโพสอะไรนี่แหละ

    ทำไมนะ ผมมาแบบดีๆๆทั้งที่อดีตก็มาแบบดีๆๆแต่ต้องหายไปเพราะใครก็ไมีรู้กระหน่ำลุมซะผมแทบแย่

    แต่จำไว้นะ ผมมีอัตราการพัฒนาตนทุกอย่างสูง (สูงแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าที่ใครๆลุมส่งอะไรมา ผมเอาตัวรอดได้ด้วยเองนะ ก็แค่สะท้อนไม่คิดทำลาย แต่อย่าให้จิตมารผมออกมาเชียว จิตใครจะเจออะไร ก็คงรับรู้พิษสงกันแล้วกระมัง )

    มารไม่มีบารมีไม่เกิด แต่ผมไม่ท้อนะ ท่านกายและใจ แค่บ่นขำๆไปตอบกระทู้คนที่แสดงึวามเห็น

    ผมไม่ได้วิเศษวิโสกว่าใครๆในโลกหรอก แต่มี1สิ่งที่ผมมีที่ไม่แพ้ใคร คือการคิดพิจารณาให้แตกต่างนำด้วยคุณธรรมของการเป็นผู้ให้แบบไม่หวังผล. จนให้ซะจนตนเองเกือบตายเพราะคนที่รับ มันก็แค่ลวงมาขอบางสิ่งกับเด็กที่โง่เขาเชื่อคนง่ายก็มอบบางสิ่งไปปลดล๊อค

    สุดท้ายก็มาทำร้ายเราแบบไม่มีเยื้อใย

    อภัยคือมหาทานทั้งปวง แต่ผมสร้างขอบเขต แลนด์มาร์คว่าอภัยได้แต่ใครทำสิ่งใด มิติที่แตกต่างจะไปจัดการขังและสอนสัีงให้แปลงจิตให้ได้แบบที่ผมเป็น

    อโหสิกรรมทุกสิ่ง คิดสร้างสรรช่วยกันนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...