ตรีมูรติ แปลว่ารูปสาม หมายถึง รูปสามองค์ของเทวะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NiNe, 26 กรกฎาคม 2005.

  1. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    สี่แยกราชประสงค์สี่แยก!ห้าเทพเจ้า

    [​IMG]


    "สี่แยกเทพเจ้า" อาจเป็นชื่อเรียกที่เหมาะสม ตามความรู้สึกของใครหลายคน ที่ผ่านบริเวณ"สี่แยกราชประสงค์" ใจกลางกรุงเทพมหานคร

    เหตุผลสนับสนุน บริเวณด้านหน้าอาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ในบริเวณ สี่แยก มีเทวสถานหรือไม่ก็รูปปั้น จำลองเทพเจ้าขนาดใหญ่ มองเห็นเด่นชัดแต่ไกล ประดิษฐานอยู่ไม่น้อยกว่า 5 องค์

    เริ่มจากบริเวณหัวมุมด้านหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า (ห้างเวิลด์เทรดฯเก่า) มีรูปเคารพเทพเจ้า "ตรีมูรติ" สีทองอร่ามประทับยืนในซุ้มสีแดง

    ฝั่งเดียวกัน ถัดไปไม่ไกล บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอิเซตัน มีรูปหล่อ "พระพิฆเนศวร" ประดิษฐานอยู่

    ฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ฯ บนดาดฟ้า ชั้น 4 ของอาคารเกษรพลาซ่า เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าสำคัญอีกองค์ คือ "เจ้าแม่ลักษมี"

    ฝั่งถนนเดียวกัน ถัดจากเกษรพลาซ่าไปไม่เกิน 200 เมตร บริเวณด้านหน้าโรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าฯชิดลม มีรูปเคารพ สีดำ "พระนารายณ์ทรงสุบรรณ" หรือนารายณ์ประทับยืนบนไหล่ครุฑ โดดเด่นเป็นสง่า

    อีกองค์ที่สำคัญ สถิตอยู่ดั้งเดิมสุด แต่ละวัน ตั้งแต่ 06.30-23.00 น. มีผู้คนไปกราบไหว้เนืองแน่น "เทวสถานท้าวมหาพรหม หน้าโรงแรมเอราวัณ"

    มองผิวเผิน เหมือนเป็นความบังเอิญที่สี่แยกแห่งนี้ กลายเป็นที่ชุมนุมประดิษฐานเทพเจ้าสำคัญ ตามคติความเชื่อของฮินดูถึง 5 องค์

    แต่หากได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของเทพเจ้าทั้ง 5 แล้ว น่าจะได้คำตอบว่า เป็นความจงใจ

    ตัวอย่างประวัติความเป็นมาของ "ตรีมูรติ"

    ศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล หนึ่งในนักโบราณคดี ชื่อดังของไทย อธิบายไว้ว่า

    "ตรีมูรติ" แปลว่า รูปสาม หมายถึง รูปสามองค์ของเทวะ หรือธรรมชาติที่ทรงอำนาจ คือ อัคนี (ไฟ) วายุ (ลม) และสุริยะ (ดวงอาทิตย์)

    ตามความเชื่อ โลกต้องมีความร้อน เพื่อเผาไหม้สิ่งปฏิกูล ต้องมีลมหายใจและแสงสว่าง เพื่อดำเนินชีวิต หรือพูดอีกอย่าง "ตรีมูรติ" ก็คือ พระเป็นเจ้า 3 พระองค์รวมกันเป็นหนึ่ง ได้แก่ พระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ์ กลายเป็นพระเป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์เดียว

    ตำนาน "ตรีมูรติ" เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ตามความเชื่อที่ว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง

    สมัยที่ชนชาวอารยันบุกเข้าไปในอินเดีย พร้อมกับนำ "ศาสนาพระเวท" เข้าไปเผยแผ่ ผสมกับคติความเชื่อพื้นเมือง เพื่อใช้ในการครอบครอง อินเดีย แม้ว่าศาสนาพระเวท ไม่เชื่อในเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เชื่อเพียงว่ามีเทวดาหลายองค์ เชื่อว่าผู้ที่ตายแล้วจะไปรวมกันในสถานที่มีพระยมเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย

    ต่อมาเมื่อความเชื่อผสมปนเป จึงเกิดเป็น "ศาสนาพราหมณ์"

    ม.จ.สุภัทรดิศ อธิบายว่า เดิมศาสนาพราหมณ์มีเทวดาองค์เดียว ไม่ได้เป็นพระพรหม แต่เรียกว่า "พรหมมัน" หรือประชาบดี คล้ายกับเป็นเทวะผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์

    ในยุคที่ศาสนาพราหมณ์รุ่งเรือง เชื่อกันว่า สิ่งที่มนุษย์ปรารถนา คือ ความต้องการของพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาพราหมณ์จึงพัฒนาขึ้นใหม่ กลายเป็น "พราหมณ์ยุคใหม่" หรือศาสนาฮินดู เกิดมีเทวดาที่สำคัญขึ้น 3 พระองค์ คือ พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์

    พระพรหม คือผู้สร้างโลก พระวิษณุหรือนารายณ์ คือผู้บำรุงรักษาโลก และ พระศิวะหรืออิศวร คือผู้ทำลาย หมายถึง การทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมกัน

    เมื่อนำคติความเชื่อเหล่านี้รวมกัน จึงกลายเป็น "ตรีมูรติ"
    [​IMG]

    แต่นั้นมา ความศรัทธาใน "ตรีมูรติ" ได้สืบทอดมาทุกยุคสมัย ทั้งในอินเดีย เขมร พม่า ลาว และไทย

    ตามประวัติ สาเหตุที่ "ตรีมูรติ" ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่หัวมุมห้างเซ็นทรัลเวิลด์ฯ เป็นเพราะ วิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เห็นว่า ในอดีต พื้นที่ก่อสร้างห้างฯเคยเป็นบริเวณ "วังเพชรบูรณ์" มาก่อน

    อาจารย์สุชาติ รัตนสุข เจ้าพิธีผู้บวงสรวงองค์ตรีมูรติ ช่วยเชื่อมโยงในประเด็นนี้ว่า ศาสนาพราหมณ์เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์เกี่ยวกับวัง และศาสนโบราณสถาน

    บริเวณซึ่งเคยเป็นวังเก่าที่ประทับของกษัตริย์หรือราชนิกูล มักถือกันว่า มีเทพารักษ์คอยปกปักษ์รักษา เจ้าของห้างฯจึงได้สร้างองค์ตรีมูรติขึ้นมาประดิษฐานไว้

    ปัจจุบัน...เทพตรีมูรติ เศียรกลางเป็นพรหม เศียรขวาและองค์เป็นวิษณุ เศียรซ้ายและยอดเป็นศิวะ ได้รับการเทิดทูนจนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ ของการประทานความรัก และความสมหวังให้มวลมนุษย์ผู้โหยหาความรักไปแล้ว

    ประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ทุกวันพฤหัสบดี บริเวณโดยรอบศาล "พระตรีมูรติ" มักจะมีหนุ่มสาวจำนวนมาก นำพวงมาลัยกุหลาบสีแดง พร้อมเทียนสีแดง 1 เล่ม ธูปสีแดง 5 หรือ 9 ดอก และผลไม้ตามแต่ศรัทธา ไปสักการบูชาและขอพร

    ร่ำลือว่า พรส่วนใหญ่ที่ผู้ไปกราบไหว้ มักเน้นหนักไปในเรื่องของความรัก เช่น ขอให้สมหวังในรัก มีรักใหม่ที่สดใส พานพบคู่ครองที่ดี หรือขอให้มีบุตร

    องค์ตรีมูรติ จึงมีบทบาทคล้าย "คิวปิด" ในเทพนิยายของฝรั่ง

    ทำนองเดียวกับแนวคิดในการอัญเชิญ "พระพิฆเนศวร" ประดิษฐานไว้ที่ซุ้มด้านหน้าห้างอิเซตัน ตามคติความเชื่อที่ว่า พระพิฆเนศวรเป็นเทพเจ้าแห่งวิชาการและศิลปศาสตร์ทั้งปวง ผู้อัญเชิญจึงน่าจะหวังผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง

    "เจ้าแม่ลักษมี" ซึ่งถูกอัญเชิญไปประดิษฐานบนดาดฟ้าชั้น 4 ของอาคารเกษรพลาซ่า ตามคติความเชื่อแบบเทวนิยม เทพเจ้าองค์นี้เป็น "ศักติ" หรือชายาของพระนารายณ์

    จึงมีความเชื่อว่า เจ้าแม่ฯ เปรียบประดุจพลังแฝงให้พระนารายณ์มีพลังเสริม ที่จะทำหน้าที่คุ้มครองรักษาโลกให้อยู่รอดปลอดภัย

    อีกองค์ถัดมา คือ "พระนารายณ์ทรงสุบรรณ" ประดิษฐานด้านหน้าโรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล มีผู้รู้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่พระหัตถ์ขวาล่างถือ "ภู" หรือก้อนดินไว้ น่าจะสื่อความหมายถึงรูปเคารพของพระนารายณ์ ในภาคของ "พระวิษณุ" ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดของผู้ที่นับถือนิกายไวษณพ

    ส่วน "พระพรหมโรงแรมเอราวัณ" ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณในปัจจุบัน ประวัติความเป็นมาโดยย่อ ออกแบบและปั้นพระรูปด้วยปูนปลาสเตอร์ปิดทอง โดย นายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร

    ส่วนที่เป็นศาลหรือเทวสถาน ได้รับการออกแบบโดย นายเจือระวี ชมเสวี และ หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล แห่งกรมศิลปากร

    มีผู้บันทึกว่า เมื่อ พ.ศ. 2496 บริษัทสหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ซึ่งมี พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นประธานกรรมการ ได้เริ่มก่อสร้างโรงแรมเอราวัณ

    ต่อมาเมื่อปลายปี 2499 ช่วงที่การก่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ใกล้จะแล้วเสร็จ ได้เกิดอุปสรรคเหนือความคาดหมาย คณะกรรมการจึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.หม่อมหลวงจเร สุทัศน์ ควบคุมการก่อสร้าง

    มีการติดต่อ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทววิทยา และพลังจิต ช่วยทำการตรวจสอบ

    คุณหลวงสุวิชานฯแนะนำว่า ฤกษ์ในการวางศิลาฤกษ์ทำไว้ไม่ถูกต้อง รวมทั้งการตั้งชื่อโรงแรมเอราวัณ ซึ่งเป็นชื่อช้างของพระอินทร์ ก็ไม่มีการบอกกล่าวหรือกระทำพิธีใดๆเพื่อขอชื่อมาตั้งเป็นสิริมงคลนามแก่โรงแรม

    แนะให้แก้เคล็ดด้วยการขอพรจากพระพรหม และเมื่อการก่อสร้างโรงแรมแล้วเสร็จ จึงได้มีการจัดตั้งศาลพระพรหมขึ้นถวาย

    นี่คือเรื่องของศรัทธาและความเชื่อ ขอเพียงตั้งอยู่บนพื้นฐานของสติและความมีเหตุผล ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ใครจะเชื่ออย่างไรก็ไม่เสียหาย

    แต่ถ้าเชื่อกันถึงขั้นฆ่ากันตาย กรณีสลดใจ แม่ร่วมกับยายและน้า รวมหัวกันฆ่าลูกสาว ปลดปล่อยวิญญาณให้ขึ้นไปสู่สวรรค์ ตามลัทธิความเชื่อพระอินทร์

    ก็เป็นความเชื่อที่เข้าขั้นงมงาย ไร้เหตุผล เป็นโจทย์ทางสังคมข้อใหม่ ให้ผู้คนในบ้านเมืองนี้ช่วยกันทบทวนว่า จะทำอย่างไร ไม่ให้เรื่องสลดใจอย่างนี้เกิดมีขึ้นอีก.

    ที่มา http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/column/scooper/oct/7_10_47.php
     
  2. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    .............................เมื่อต้องแสดงภาวะแห่งกฎธรรมชาติอันควบคุมให้วัฏฏะหมุนวนไป
    ............ภาวะแห่งตรีมูรติ...แสดงถึง การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป.....จึงปรากฎ
    ...........มหาเทพทั้งสาม ผู้คุมกฎแห่งจักรวาล...รวมเป็นหนึ่ง..
    คือการเห็นสภาวะ ของสรรพสิ่งในโลกที่เป็นไตรลักษณ์
    เพื่อข้ามพ้นเข้าสู่สภาวะเหนือไตรลักษณ์

    ณ แยกนั้น เพื่อสลายพลังที่ปะทะกัน จึงแสดงพลังแห่งไตรลักษณ์
    สลายสิ่งรบกวนสมดุลย์ทั้งหลาย
    แต่เนื่องจากจิตใจมนุษย์ที่ชอบจะขอ และต้องการเป็นส่วนใหญ่
    จึงเกิดตำนาน และความเชื่อมากมายขึ้นมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Scan3.jpg
      Scan3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.3 KB
      เปิดดู:
      24,090
  3. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    ขอบคุณครับ
     
  4. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    ไปไหว้ท้าวมหาพรหม หน้าโรงแรมเอราวัณ บ่อย ๆ
    แต่ไม่เคยรู้ประวัติเลย ขอบคุณพี่ปู่ไนน์ค่ะสำหรับข้อมูลดีดี
     
  5. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    พระอิศวร

    ในหนังสือเทวนิยาย ของส.พลายน้อยเขียนไว้ว่า อิศวรเป็นนามที่พราหมณ์พวกหนึ่งใช้เรียก แปลว่า พระเป็นเจ้าเท่านั้น แต่จะใช้ว่าพระศิวะหรือสังกร ก็มี ในชั้นเดิมทีเดียว ในคัมภีร์ไตรเพทไม่มีพระอิศวร พวกพราหมณ์ที่นับถือพระอิศวร ในชั้นหลังมาอ้างว่าพระอิศวรคือ รุทระ ทั้งที่ในคัมภีร์ไตรเพท พระรุทระเป็นโอรสพระกัศยปกับนางสุรภี

    คำว่ารุทร มาจากศัพท์ รุท แปลว่า ร้องไห้ เพราะเกิดมาก็ร้องไห้ ตามประวัติว่าพระอิศวรเกิดจากระพรหมาบำเพ็ญตบะจนเสโทไหล จึงเอาไม้ขูดที่ขนง ไม้คอมบาดเอาจนโลหิตหยดลงในไฟ บังเกิดเป็นเทพบุตรขึ้น นัยว่าเมื่อเกิดนั้นร้องไห้ขอชื่อต่อพระพรหมาถึง 8 ครั้ง

    ในชั้นแรกว่ารุทรเป็นเทวดาที่ดุร้ายมาก ต่อมาชั้นหลังเมื่อยกย่องขึ้นเป็นพระเป็นเจ้าแล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นพระผู้ล้างบาป พระผู้ผลาญ พระผู้ทำลาย แต่หมายไปในทางที่ดี ไม่ใช่ในทางอันธพาล คือล้างผลาญสิ่งชั่วร้ายเลวทรามและโรคภัยไข้เจ็บให้สูญหายหมดไป เกิดสิ่งดีงามที่สดใสขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้นามใหม่ว่า ศิวะ ซึ่งตามรูปศัพท์หมายถึง ผู้ซึ่งสิ่งทั้งปวงรวมอยู่ ความงาม ความสบาย และเมื่อล้างแล้วทำลายแล้ว ก็ได้สร้างหรือบันดาลให้เกิดขึ้นใหม่ จึงได้อีกนามว่า อิศวร

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรวบรวมนามพระอิศวรเท่าที่ใช้กันบ่อย ดังนี้

    1.นิลกัณฐ์ หรือสยามกัณฐ์ ตามเรื่องว่าพระเป็นเจ้าทั้งหลายกวนมหาสมุทรทำน้ำอมฤต พระรุทระหรือพระอิศวรได้อื่มน้ำที่เหลือจากน้ำอมกฤต น้ำนี้เป็นพิษทำให้คอคล้ำไป แล้วเลยนิยมเรียกกันวา คอดำหรือคอสีน้ำเงินเป็นคอที่สวยงาม
    2.มหาเทวะ หรือมหาเทพ

    3.ภวะ
    4.สามภู หรือสยมภู
    5.หะระ หมายถึง ผู้นำไป
    6.มเหศวร หรือปรเมศวร หมายถึงพระผู้เป็นใหญ่ยิ่ง
    7.จันทรเกษะ หรือจันทรเศขร หมายถึงผู้มีจันทรอย่บนนลาฎ หรือเอาพระจันทรเป็นปิ่น)
    8.ภูเตศวร ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ภูต
    9.มฤตุญชัย ผู้ชนะความตาย
    10.ศรีกัณฐะ หมายถึงคองาม
    11.สมรหร หมายถึงสังหารสมร คือกาม
    12.คังคธร ผู้ทรงไว้ซึ่งคงคา

    13.สถานุ หมายถึงตั้งมั่น
    14.คอรอษะ หมายถึงเจ้าแห่งภูเขา
    15.ทิคัมพร หมายถึง มีอากาศเป็นเครื่องปกปิด
    16.ภาควัต ผู้เป็นเจ้า
    17.อิสาน หมายถึงผู้ปกครอง
    18. มหากาล
    19.ตรยัมพกะ หมายถึง สามตา บางแห่งเรียก ตรีโลจนะ หมายถึงมี 3 ตา และ
    20.ปัญจานนะ หมายถึงห้าหน้า สำหรับบูชาให้หายไข้

    ที่มา http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031101&tag950=03you05060246&show=1
     
  6. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    :cool:
     
  7. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    พระนารายณ์

    "พระนารายณ์" หรือพระวิษณุ ผู้คุ้มครองโลก เรียกว่าฝ่ายปราบปรามก็ได้ เป็นเจ้าแห่งลัทธิไวษณพนิกาย

    คัมภีร์พราหมณ์ปุราณะ เล่าว่าพระปรเมศวร (พระศิวะ) เป็นผู้สร้างพระวิษณุ เหตุมาจากทรงประสงค์จะสร้างสวรรค์และโลก อันเป็นงานใหญ่นัก จึงทรงต้องการผู้ช่วย โดยนำหัตถ์ซ้ายมาลูบหัตถ์ขวา บังเกิดเป็นเทพวิษณุ หรือพระนารายณ์ พระปรเมศวรสอนศิลปวิทยาทุกด้าน และให้ประทับอยู่ ณ เกษียรสมุทร เมื่อเกิดเหตุร้ายในโลกมนุษย์หรือสวรรค์ พระวิษณุมีหน้าที่ไปปราบปรามผู้ก่อการร้าย โดยไปในรูปต่างๆ เรียกว่านารายณ์อวตาร

    พระนามของพระนารายณ์ มีผู้เรียกขานแตกต่างกันตามความเชื่อ ตามกาล อาทิ อนันตะ (ไม่สิ้นสุด) จตุรภุช (มี 4 กร) นารายณ์ (ผู้เคลื่อนไปในน้ำ) กฤษณะ, โควินทะ (ผู้เลี้ยงวัว) ชลศายิน (ผู้นอนเหนือน้ำ) อนันตไศยน (นอนบนอนัตนาคราช) ลักษมีบดี (ผู้เป็นสามีของพระลักษมี) และอีกมากนาม

    พระนารายณ์ประทับบนสวรรค์ เรียกไวกูณฐ์ ทรงครุฑเป็นพาหนะ ทรงมงกุฎ อาภรณ์สีเหลือง 4 กรถือสังข์ปาญจะชันยะ จักรสุทรรศน์หรือวัชรนาถ พระขรรค์นนทก คทาเกาโมทกี บ้างว่าทรงถือดอกบัว ตรีศูล คันศร ดอกไม้ เชือกบ่วงบาศก์ หรือสายฟ้า

    [​IMG]

    ที่มา http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031101&tag950=03you04181146&show=1
     
  8. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    พระพรหม

    "พระพรหม" เทพผู้สร้างโลก พราหมณ์ยกย่องให้มีฐานะเท่าเทียมพระวิษณุ (ผู้คุ้มครองโลก) และพระศิวะ (ผู้ทำลายโลก) พระพรหมได้รับการนับถือบูชาในฐานะที่ทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นบนโลก ทรงเป็นผู้กำหนดโชคชะตามนุษย์

    พราหมณ์เล่าว่าพระพรหมมีกำเนิดจากไข่ ในสมัยที่โลกยังว่างเปล่าอยู่ พระอาตมภูมีความประสงค์จะสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นในโลก ทรงสร้างน้ำขึ้นก่อน แล้วเอาพืชหว่านลงน้ำ พืชบังเกิดผลเป็นไข่ทอง ไข่ทองแตกออกเป็นองค์พรหม

    บางคัมภีร์บอกว่าเมื่อพระนารายณ์ทรงรำพึงถึงการจะสร้างโลก ได้ทรงคำนึงถึงการบำรงรักษาโลกด้วย จึงทรงแบ่งภาคเป็นพระวิษณุ พระวิษณุเกิดง่วงบรรทมหลับไป บัดดลมีดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภี แปลว่าสะดือ ใจกลางดอกบัวมีพระพรหมผู้สร้างมนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์ในโลก ทางด้านกถาสริตสาคร เล่าว่าพระศิวะแหวะพระเพลาให้โลหิตหยดลงน้ำหยดหนึ่ง กลายเป็นไข่แตกออก 2 ซีก เกิดพระพรหมและมนุษย์

    เดิมทีพระพรหมมี 5 พักตร์ พักตร์ที่ 5 อยู่เหนือเศียร รุ่งโรจน์ยิ่งกว่าแสงตะวันพันดวง ชาวโลกร้อนจนทนไม่ไหวต้องไปฟ้องพระอิศวร มหาเทพจึงตัดพักตร์ที่ 5 ออกเสีย พระพรหมจึงเหลือ 4 พักตร์ด้วยประการฉะนี้ ทรงหงส์เป็นพาหนะ มีมเหสีชื่อสรัสวดี

    พระนามที่เรียกขานพระพรหมมี อาทิ กมลาศน์ หรือปัทมลาศน์ (ผู้นั่งบนดอกบัว ซึ่งเกิดจากสะดือของพระวิษณุ) ประชาปติ (ผู้เป็นใหญ่ในประชา) โลเกศ (เจ้าโลก) จตุรมุข (สี่หน้า) อัษฎกรรณ (แปดหู) ธาตา หรือธาดา (ผู้สร้าง)


    ที่มา http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031101&tag950=03you04181146&show=1
     
  9. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    .

    ...............ตำรา และตำนาน ช่วยสืบสานสู่ความเป็นจริง

    .................แต่ตำราและตำนานยังไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    .....................พึงวางใจในศรัทธา เชื่อมั่นในคุณความดี และกฏแห่งกรรม
    .............................. สำรวม กาย และ ใจ
    ..............................ใช้ชีวิตบนทางแห่งอหิงสา
    ..............................บำเพ็ญสมาธิ เพื่อตั้งมั่น
    ..............................จะเริ่มสัมผัสพลังแห่งธรรมชาติ(พระเป็นเจ้า,เทวะ )ในกายตน
    ..............................สั่งสมพลังด้วยความเพียรต่อเนื่อง
    ..............................เมื่อถึงจุดหนึ่ง ทวารจิตจะเปิดออก
    .............................พลังแห่งเทวะในกายใจจะสื่อถึงความจริงทั้งภายในและภายนอก

    พึงมีธรรมแห่งพระพุทธองค์เป็นเกราะแก้วเพื่อรอดพ้นการครอบงำของเหล่ามาร

    เพื่อสานต่องานที่เหล่าเทพทั้งหลายขานอาสาต่อพระพุทธองค์ในช่วงกลียุค
    และ เพื่อความรอดพ้นจากภัยในวัฏฏะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ganesha.jpg
      ganesha.jpg
      ขนาดไฟล์:
      125.8 KB
      เปิดดู:
      343
    • PDVD_161.jpg
      PDVD_161.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.9 KB
      เปิดดู:
      287
  11. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ขอขอบคุณโอมฯ มากครับสำหรับรูปภาพของท่านตรีมูรติ
    ประเดี๋ยวผมจะมาเล่าเรื่องการขอพรจากท่านตรีมูรติ นะครับ
     
  12. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เล่าสู่กันฟัง

    ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว......

    ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว......
    ได้ยินเพื่อนที่เป็นตำรวจพูดถึงเรื่องของเพื่อนสนิทของเค้าที่กำลังจะแต่งงานว่า
    คู่รักคู่นี้รู้จักกันแบบพรหมลิขิตและกำลังจะแต่งงานกัน
    ฟังดูออกจะเป็นเรื่องธรรมดา

    แต่ที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ธรรมดานั้นเกิดมาจาก
    เพื่อนของตำรวจคนนี้(คู่ที่กำลังจะแต่งงาน)
    ได้รับคำแนะนำจากคู่แต่งงานคู่หนึ่งให้ไปขอพรจาก
     
  13. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ขออัญเชิญท่าน เทวะผู้เป็นใหญ่ทั้งสาม ประทับ ณ. ที่แห่งนี้ ด้วยความเคารพ
    ###อ่อน### เป็นผู้น้อย ขอท่านฯ โปรดประทานพร ให้กับผู้น้อย ด้วยเถิด ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • teemurathi.jpg
      teemurathi.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.2 KB
      เปิดดู:
      435
  14. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    thank สำหรับข้อมูล
     
  15. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    [​IMG]
    ความเชื่อของพราหมณ์ - ฮินดู
    1. ตรีมูรติ คือ พระเจ้าสูงสุดองค์เดียว แต่ประกอบด้วย 3 สภาวะ คือ พรหม ศิวะ วิษณุ
    2. ปรมาตมัน คือ วิญญาณที่เกิดเองเป็นที่มาของอาตมัน
    3. อาตมัน หมายถึง วิญญาณย่อยที่เกิดจากปรมาตมัน
    4. การเวียนว่ายตายเกิด ( สังสาระ ) ย่อมเป็นไปตามกรรมจนกว่าจะพ้นกรรมและเข้าสู่โมกษะ
    5. โมกษะ เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนา หมายถึง ภาวะที่อาตมันเข้าไปรวมกับปรมาตมันทำให้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป วิธีการเข้าสู่โมกษะ ได้แก่
    - กรรมโยคะ คือ วิธีที่ใช้การกระทำ เช่น บูชายัญ
    - ชญานโยคะ คือ วิธีที่ใช้สมาธิและปัญญา
    - ภักติโยคะ คือ วิธีที่ใช้ความจงรักภักดีต่อพระเจ้า

    6. อาศรม 4 คือ ขั้นตอนของชีวิตในช่วงต่างๆ แบ่งเป็น
    - พรหมจารี ได้แก่ วัยเล่าเรียน
    - คฤหัสถ์ ได้แก่ วัยครองเรือน หาทรัพย์สิน เลี้ยงดูบุตรและภรรยา
    - วนปรัสถ์ ได้แก่ วัยชรา วัยเข้าหาธรรมะ
    - สันยาสี ได้แก่ วัยที่มุ่งเข้าหาโมกษะ

    ศาสนาพราหณ์-ฮินดูเป็นศาสนาแบบพหุเทวนิยม คือศาสนาที่นับถือพระเจ้าหลายองค์ เป็นศาสนาที่เกิดในประเทศอินเดียและเป็นศาสนาประจำชาติของอินเดียปัจุบัน ศาสนาฮินดูเป็นต้นกำเนิดอารยธรรมอินเดียและวัฒธรรมไทยอย่างแท้จริง เริ่มต้นเดิมทีคือศาสนาพราหมณ์ซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ศาสนาหนึ่งของโลกไม่ปรากฏชื่อของศาสดาในยุคแรก แต่ต่อมาก็มีคัมภีร์พระเวทซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุด พราหมณ์มาจากคำว่าพรหมณ์ ศาสนาพราหมณ์ให้ความสำคัญกับพระพรหมณ์มากที่สุดเพราะเชื่อว่าเป็นพระผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งต่างๆ พระองค์ลักษณะมีสี่มือสี่หน้า นอกจากนั้นชาวพราหมณ์ก็ยังนับถือต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำซึ่งเชื่อว่ามีเทพเจ้าสถิตอยู่ ต่อมาชาวพราหมณ์ก็ได้เชื่อว่าพระเจ้าผู้ดูแลรักษาโลกคือพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ดังปรากฏในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งถือเป็นคัมภีร์ฉบับหนึ่ง และชาวพราหมณ์ก็ได้นับถือพระเจ้าอีกองค์หนึ่งคือพระศิวะหรือพระอิศวร เป็นอันครบสามองค์เรียกว่า ตรีมูรติ ถือเป็นการเริ่มต้นคำว่าฮินดู
    ภาวะที่ปรากฏในลักษณะทั้งสามนี้เรียกว่า "ตรีมูรติ" แต่ภาวะของมหาเทพผู้สูงสุดนั้น ไม่เคยมีใครประจักษ์ด้วยสายตา

    เป็นสิ่งที่เหนือคำพรรณนา เหนือเหตุผล เหนือความคิด การที่จะเข้าถึงภาวะแห่งมหาเทพอันสูงสุด หรือพระเป็นเจ้าอันสูงสุด มิใช่จะเข้าถึงภาวะนั้นได้ด้วยความนึกคิด มิใช่เหตุผล หรือพิธีกรรมต่างๆ แต่มนุษย์จะเข้าถึงภาวะนั้นได้ด้วยการฝึกจิตให้ดวงจิตบริสุทธิ์เต็มที่เท่านั้น จึงจะสัมผัสภาวะแห่งมหาเทพอันสูงสุดนั้นได้

    ดวงจิตของสรรพชีวิตทั้งหลาย ล้วนถูกห่อหุ้มด้วยมายา คือความหลงผิดนี้เป็นเครื่องหุ้มห่อดวงจิตจนมืดมิด ไม่แลเห็นความจริง ทำให้เวียนว่ายตายเกิดเวียนวนอยู่ในสังสารสาคร ชาติแล้วชาติเล่า เมื่อขัดเกลามายา ให้หลุดไปจากใจได้แน่นอน และจิตเขาจะบริสุทธิ์ขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น จนถึงขั้น วิมุกติ คือความหลุดพ้น นั่นคือเข้าถึงมหาเทพอันสูงสุด

    ขอธรรมะคุ้มครองคุรุผู้ประเสริฐ คุรุผู้เมตตาธรรมทุกท่าน
    ขอธรรมะคุ้มครองสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกมายามนุษย์นี้ด้วยเถิดหนา สวัสดี

    ที่มา http://amuletzone.com/html/modules.php?name=News&file=article&sid=30
     
  16. องค์เทพ

    องค์เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +312
    โอม นะโม อิศศะราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวัญตุเม
    ทุติยัมปิ นะโม อิศศะราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวัญตุเม
    ตะติยัมปิ นะโม อิศศะราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวัญตุเม
     
  17. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    โองการที่พราหมณ์หรือราชครูเริ่มอ่าน ขึ้นต้นด้วยคำว่า โอม...คำว่า โอม ท่านว่า รวมมาจาก อะ อุ และมะ หมายถึง พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม สามเทพผู้ยิ่งใหญ่ ครับ

    เอ่ย โอม...เชิญทีเดียวสามเทพ บางโองการ เช่นโองการมหาลำเลิก ผมเพิ่งได้จากท้ายเล่ม หนังสือวิถีชีวิตชาวใต้ คุณประทุม ชุ่มเพ็งพันธุ์...เชิญเพลินไปได้อีกหลายองค์

    "โอม นโมนมัสศรี สัตวาพระอิศวรและพระนารายณ์ จึงให้กูตั้งฟ้าและตั้งดิน ตั้งพระอินทร์ตั้งพระพรหม ทั้งพระยมและพระกาฬ ทั้งจตุโลกบาล ธรณีสารอย่ามาต้อง..."

    นี่คือโองการธรณีสารน้อย คนโบราณอัญเชิญมาไล่อุบาทว์จัญไร

    ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง

    ส่วนโองการ โอม แม่พระธรณี กรุงพาลีเรืองฤทธิ์..แล้วผมก็ ชวนคนไปไหว้ในศาลหลักเมือง แล้วคุยว่า พาลีก็คือท้าวพลี อสูร ผู้ยิ่งใหญ่ พระนารายณ์ให้พรไว้ว่าจะให้คุมสามโลก..นั้น

    อาจารย์ กาญจนาคพันธ์ ท่านเขียนเรื่องนี้ไว้ในคอคิด ขอเขียน ระหว่าง พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2500 ตอนนั้นยังมีภาพ ท้าวพลี ตอนนี้มีคนไปไหว้ศาลหลักเมือง บอกผมว่า ไม่มีท้าวพลีแล้ว

    ท้าวพลีคงหายไปในการซ่อมแซมหลายครั้ง

    ไม่เพียงรวมสามจอมเทพไว้ในคำ "โอม" ในรูปประติมากรรม ก็มีการรวมพระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหมไว้ด้วยกัน

    เรียกว่า ตรีมูรติ

    ศ.ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล เอ่ยถึงตรีมูรติไว้ในหนังสือประติมากรรมขอมว่า สมัยบาแค็ง สามเทพยังแยกกัน อยู่เทวาลัยคนละหลัง พระศิวะอยู่กลาง พระพรหมอยู่ขวา พระวิษณุอยู่ซ้าย

    ต่อมาในสมัยเกาะแกร์จึงมีการรวมเอาไว้ในองค์เดียว พระ อิศวรนั่งขัดสมาธิ พระพรหมและวิษณุ แยกออกจากตะโพกขวา-ซ้าย

    ตรีมูรติสมัยนี้แสดงว่าพระศิวะ แห่งไศวนิกายเป็นใหญ่

    ใหญ่กว่าพระวิษณุ พระพรหม

    ตรีมูรติ ประติมากรรมสัมฤทธิ์เขมร ศิลปะนครวัด ผมเห็นองค์เดียว ประทับยืน 8 พระกร 6 พระเศียร ส่วนพระพักตร์แบ่งเป็น สามชั้น ชั้นแรกพระพักตร์ใหญ่ เข้าใจว่าเป็นพระศิวะ

    ชั้นกลาง สี่พระพักตร์ คือพระพรหม ชั้นบนสุดพระวิษณุ

    ตรีมูรติ คล้ายองค์นี้แหละ มีข่าวว่าวันนี้วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก มีหนุ่มเหน้าสาวน้อยมากมาย สมมติให้เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก มุ่งหมายที่จะไหว้กันหน้าเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ย่านราชประสงค์

    นักการเมืองในคิวหรือนอกคิว หรืออยากเข้าคิวเป็นรัฐมนตรี ควรจะมีศรัทธา

    หาเวลาไปไหว้บ้าง

    ที่มา http://www.thairath.co.th/thairath1/2548/column/dragon/feb/14_2_48.php
     
  18. องค์เทพ

    องค์เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +312
    ขอบคุณมากครับ โอม นมัสศิวะ.......
     
  19. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    โอม ยังหมายถึง กฏแห่งจักรวาล
    และหน้าที่ 5 ประการที่องค์สดาศิวะมหาเทพเป็นผู้ดำรง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ใบมะตูมมีสามแฉก เทียบได้กับเทพสามพระองค์ กล่าวคือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม เรียกโดยรวมว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • m04.jpg
      m04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.1 KB
      เปิดดู:
      275
    • m05.jpg
      m05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 KB
      เปิดดู:
      264

แชร์หน้านี้

Loading...