เรื่องราวของผมเองครับ อ่านเล่นๆละกันครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย treeufo, 23 พฤศจิกายน 2004.

  1. treeufo

    treeufo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +30
    สวัสดีครับทุกๆท่าน ผมคงเป็นน้องใหม่สำหรับที่นี่ อิอิอิ

    จากที่ผมได้อ่านมาหลายหัวข้อในเวปนี้จึงทำให้เกิดความสงสัยมากมายเกี่ยวพระพุทธศาสนาแต่จะไว้กล่าวในหัวข้อต่อไปละกัน
    มีเรื่องนึงซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองจะขอนำเสนอให้ทุกๆท่านได้อ่านกัน เล่าให้อ่านกันเล่นๆเท่านั้นครับ
    ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเป็นชายเรียนจบจากมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อตอนม.ปลาย เราสองคนสนิทกัน ซึ่งแต่ก่อนผมเป็นมีนิสัยแย่ๆอยู่หลายอย่าง และคิดว่าเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยทันคน จึงคิดจะช่วยเหลือในหลายๆอย่าง แม้แต่เรื่องของความรักใคร่ชอบพอต่างเพศ ก็ชอบพอผู้ห_ิงคนเดียวกันแต่เนื่องจากผมมีรูปร่างและน่าตาดีกว่า แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ แม้ผู้ห_ิงรุ่นน้องคนนี้จะสนใจผมมากกว่าเพื่อนผม พอจบจาก ม.ปลายแล้วผมกับเพื่อนเข้าคนละมหาลัย ผมเข้ามหาลัยเอกชน ส่วนเพื่อนผมสอบได้มหาลัยรัฐบาล ระหว่างที่เรียนกันอยู่ก็ไปมาหาสู่กันเสมอ เพื่อนของผมคนนี้มีนิสัยชอบทำตัวเด่นแบบกวนๆจึงมักจะโดนแกล้งจากเพื่อนๆตั้งแต่ม.ปลายยันมหาลัยพอผมไปที่มหาลัยของเค้า เพื่อนๆที่มหาลัยเพื่อนผมมักจะไม่แกล้งอะไรเพื่อนผม เค้าจึงขอให้ผมไปเที่ยวมหาลัยเค้าบ่อยๆ ฮาดีครับ จนผ่านมาสองปี มีปั_หามากมายเกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวผมจึงทำให้ผมได้พิจารณาตัวผม และได้เกิดความคิดประเภทนึงที่เรื่องว่าคิดแบบวิเคราะห์ขึ้น คิดแบบไม่เข้าข้างตัวเองคิดแบบเป็นกลาง และได้วิเคราะห์ปั_หาต่างๆหลายด้านจนรู้ได้ว่า สิ่งที่ผมได้ช่วยเหลือเพื่อนผมในตอนที่ผมคิดว่าเค้าไม่ทันคนกลับกลายเป็นว่า ผมไปทำ ตััวเด่นและไปอยู่เหนือเค้าในด้านต่างๆ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ได้คิดแบบนี้กับเพื่อนผมคนนี้จิงๆ แต่บางอย่างเพื่อนก็ไม่รู้จริงๆในบางเรื่อง ประกอบกับครอบครัวของเค้าเป็นครอบครัวที่ชอบการเปรียบเทียบ แม่ของเค้ามักจะพูดเปรียบเทียบผมกับเพื่อนผมอยู่เสมอ และผมได้รู้สึกถึงความมีเหลี่ยมของเพื่อนคนไปจนจบและเค้าได้ทำงาน ซึ่งผมรู้หมดว่าเค้าได้ทำไรไว้กับผมบ้าง เพียงแต่ผมไม่คิดจะตอบโต้เท่านั้นเอง ซึ่งกลับกลายเป็นว่าผมเก็บอารมณ์เหล่านั้นแล้วรอวันระเบิดออกมา และก็ถึงวันลูกโป่งแตก ผมได้แก้แค้นเพื่อนผมซึ่งที่ผมได้คิดและเตรียมการรอจนถึงวันนั้น ซึ่งจริงๆไม่อยากจะทำ การแก้แค้นก็ไม่ได้เลวร้ายและรุนแรง คือเพื่อนผมคนนี้เค้าเป็นคนขาดเพื่อนไม่ได้ ผมจึงตัดขาดการไปมาหาสู่กับเค้าเหมือนตัดคำว่าเพื่อนสนิทออก เหลือแต่คำว่าคนรู้จัก ได้เริ่มทำตั้งแต่เพื่อนผมเรียนจบ และทำงานมาได้สองปี แต่ผมไม่ได้เรียนจบ ผมจึงเข้ามหาลัยเปิดแห่งหนึ่งเพื่อลดภาระทางการเงินกับทางบ้าน และก็ได้ผล ในที่สุดเพื่อนผมก็ได้ตัดสินแบบไม่น่าที่จะทำแบบนั้นคือ การบวชตลอดชีวิตซึ่งแม่ของเค้าเสียใจเป็นอย่างมากจริงๆคับ และรอวันเค้าสึก จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผมก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกันซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าเค้าคงจะบวช หนึ่งถึงสองปีคงจะเลิกซึ่งเค้าก็มีนิสัยอีกอย่างนึงคือการไม่อดทน ซึ่งตอนแรกดูเหมือนเค้าอยากจะสึก แต่แม่เค้าก็ไปต่อว่าเค้าว่าไม่อดทนเค้าไม่ยอมสึกจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถึงตอนนี้ทุกๆคนรวมทั้งผมก็อยากจะให้เค้าสึกแล้วออกมาสู้กับความเป็นจริง ซึ่งมันล่วงเลยมาหลายปีได้แล้ว และผมก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้โกรธอะไรเพื่อนของผมอีกแล้ว อภัยในการกระทำของเพื่อนผมทุกๆอย่างเพราะมีอยู่ช่วงเวลานึงผมได้ศึกษาธรรมะ มาพอควรไม่ลึกซึ้ง และอาศัยจิตวิเคราะห์เอาทั้งหมดจึงทำให้อารมณ็รัก โลภ โกรธ หลงเริ่มเบาบางลงได้อย่างน่าประหลาดใจ บางอย่างเริ่มจะไม่รู้สึกถึงเลย และยิ่งได้มาอ่านอย่างลึกซึ้งในเวปนี้ในสิ่งที่ หลวงพ่อฤาษี ได้เขียนบอกกล่าวและเทศน์เอาไว้ ซึ่งจะไว้กล่าวในหัวข้อถัดไปในความสงสัยต่างๆ แต่บางอย่างก็เข้าใจได้ดีขึ้นไปอีกในช่วงหลายๆเดือนที่ผ่านมา เวลาไปผ่านหลายปี จนผมได้ทำงานในสิ่งที่ผมชอบและถนัดแต่ยังคงเรียนไม่จบ แต่ยังคงเรียนไม่จบปริ__าแต่ก็หมายมั่นจะเอาให้จบให้ได้ มีเพื่อนสนิทอีกคนเค้าทนไม่ไหวในการกระทำของเพื่อนคนนี้และอยากจะให้เค้าสึกเหมือนกันซึ่งปีที่แล้ว เพื่อนผมคนนี้ได้ชวนผมไปที่วัดที่เพื่อนคนนี้ได้บวชอยู่เพื่อบอกกล่าวถึงเป็นจริงสิ่งต่างๆในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับระหว่างผมกับเค้าและเรื่องอื่นๆว่าทำไมเค้าจึงต้องไปบวช ถ้าเค้าสึกออกมาในช่วงเวลานี้ถ้าไปสมัครงานอาจจะไม่ได้แล้ว พอได้แต่ประกอบกิจการส่วนตัว ตอนนี้ยังคงไม่สายมากที่จะเริ่มต้น จริงๆแล้วผมไม่อยากจะไปหาเค้าเลยอยากจะให้การบวชของเค้าทำให้เค้ามีสติไตร่ตรองคิดพินิจวิเคราะห์ถึงปั_หาและเหตุผลได้เอง แต่เพื่อนอีกคนบอกปล่อยไปแบบนี้คงจะไม่ไหวแล้ว ผมจึงจำเป็นต้องไป

    สถานที่ของวัดตั้งอยู่บนเกาะๆหนึ่ง พอผมได้ไปและไปคุยกับเพื่อนซึ่งบวชแล้ว จะกล่าวถึงการบวชของเพื่อนผมสักหน่อย เพื่อนผมเค้าบวชมา หนึ่งครั้งแล้วทดแทนบุ_คุณบิดามารดา อันนั้นไม่กล่าวถึงจะมากล่าวถึงการบวชในรอบนี้ จะขอเรียกเพื่อนผมใหม่ว่าหลวงพี่ครับ เพราะตอนนี้เค้ายังบวชอยู่
    หลังจากได้พบและพูดคุยกับหลวงพี่ แล้วรู้สึกว่าหลวงพี่ยังคงมีนิสัยแบบเดิมบุคลิกไร้ความน่าเชื่อถือไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งการเวลาและการบวชของหลวงไม่ได้เปลี่ยนแปลงนิสัยของท่านเลย กลับกลายเป็นว่าการที่ผมต้องไปหาหลวงพี่เช่นนี้ ท่านคิดว่าผมแพ้ท่านแล้ว ซึ่งผมไม่ได้คิดอะไรในตรงนี้แล้ว สิ่งที่ผมได้บอกกล่าวในวันนั้นคือ

    1.สิ่งที่หลวงพี่ได้ทำอะไรไว้กับผมต่างๆนาๆ ซึ่งผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว
    2.หลวงพี่ผิดหวังในเรื่องของความรักตั้งแต่สมัย ม.ปลายจนถึงเรียนจบมหาลัยท่านผิดหวังมาโดยตลอด ผมก็ไม่ได้สมหวังเช่นกัน
    3.ผิดหวังในเรื่องของการงาน เนื่องจากไม่ได้ทำในสิ่งที่ท่านชอบและถนัดในตอนเลือกคณะเรียนมาตอนปี 1 ซึ่งหลายๆคนก็คงจะเป็นเช่นกันคือไม่รู้จะเลือกอะไร ไม่รู้จักตัวเองไม่รู้ว่าตนเองชอบและถนัดอะไร เปรียนเสมือนคนเดินหลงทาง
    4.ผมไม่อยากจะให้หลวงพี่เป็นเหมือน สมีแฝงกายในคราบผ้าเหลือง ดังเช่นที่เป็นข่าวตามหน้า1 หนังสือพิมพ์ต่างๆ หรือโทรทัศน์ เพราะท่านได้เก็บความอยากต่างๆนาๆเอาไว้ในใจ พอระเบิดออกมาก็คงเป็นข่าวแล้ว

    สิ่งที่ผมได้บอกกล่าว 4 ข้อในหลวงพี่ ท่านยอมรับทุกข้ออย่างไม่พูดจาโกหกในศีลของพระสงฆ์ และหลวงพี่เองก็อ้างเหตุผลที่ไม่เป็นเรื่องมาบังความจริงเอาไว้ก่อนจะยอมรับสิ่งที่ผมบอกกล่าวมา
    ผมได้ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านทรงผนวช ด้วยความทรงเบื่อหน่าย ไม่ใช่ทรงหลีกหนี หมายถึงท่านใช้ชีวิตในทุกๆด้านจนเต็มที่แล้ว จนไม่เหลือซึ่งความอยาก
    แต่หลวงพี่ของผมคงหลีกหนีและเก็บความอยากเอาไว้ และการบวชครั้งนี้พ่อแม่ของหลวงพี่ก็ไม่ได้เห็นชอบด้วย

    สุดท้ายหลวงพี่ให้ผมลองไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดนั้น ที่ให้หลวงพี่บวชมา ผมทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่เกรงกลัวว่าจะได้คุยกับใคร แม้ว่าจะต้องมาคุยกับเจ้าอาวาสก็ตามที
    ผมก็เปิดประเด็นกับเจ้าอาวาส ตามที่ผมได้กล่าวข้างต้นทั้งหมด โดยเริ่มที่ว่าหลวงพี่ผมท่านเดินหลงทางเข้ามา เจ้าอาวาสท่านตอบผมว่ายังไงรู้รึป่าวคับ ท่านบอกว่า หลวงพี่ของผมก็เดินเข้าเอง เข้ามาทางประตูหน้าของวัดไม่ได้เดินหลงท่านเข้ามา
    ซึ่งที่ผมบอกว่าหลวงพี่ผมเดินหลงเข้ามาหมายถึงหลวงพี่ท่านยังไม่รู้จักตัวเองดีพอและเป็นอย่างที่ผมกล่าวข้างต้น ซึ่งเจ้าอาวาสอาจจะไม่เข้าใจในตัวหลวงพี่ของผมดีพอ
    แต่เจ้าอาวาสท่านกล่าวได้ว่าตอนนี้ได้สนทนาในทางธรรมแล้วไม่ใช่ทางโลก ซึ่งผมเห็นว่าไม่ถูกต้องนักเพราะอย่างที่ผมกล่าวมา ก่อนที่จะเข้าทางธรรม ท่านไม่ได้เบื่อหน่ายแต่หนีปั_หามา และพ่อแม่ท่านแม้ไม่เห็นด้วยก็ตามแต่จำใจให้บวช
    และกิริยาอาการของเจ้าอาวาสรูปนี้ไม่ค่อยสำรวม ใช้อารมณ์เป็นเครื่องตัดสิน และท่านได้บอกว่าผมและเพื่อนของผมอีกคนซึ่งอยู่สนทนาด้วยกัน กลายเป็นมารผจ_ของหลวงพี่ของผมเป็นซะอย่างนั้นเลยคับ กลับกลายเป็นว่าคนที่จะตัดสินใจจะให้หลวงพี่สึกกลายเป็นเจ้าอาวาสรูปนี้
    ผมเลยยุติกาสนทนา และหลวงพ่อเจ้าอาวาสยังบอกว่าท่านขั้นไหนแล้วๆให้ หลวงพี่ผมเอาหนังสือประวัติ ของหลวงพ่อรูปนี้มาให้ผมศึกษาและอ่าน แต่ผมไม่รับหนังสือที่ว่านี้เลยเพราะดูไปก็เท่านั้น ไม่ได้คิดหลบหลู่หรือดูหมิ่นใดๆแต่ผมดูจากการกระทำมากกว่าครับ
    ถ้าผมหลบหลู่ใดๆกับหลวงพ่อรูปนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในบริเวณนั้นคงจะไม่ยอมให้ผมออกจากเกาะจนต้องไปขอขมาหลวงพ่อท่านก่อน แต่นี่เปล่าเลยไม่มีอะไรทั้งสิ้นออกมาได้จากสะดวกราบรื่นสบายจะเมฆที่คลื้มเล็กน้อยกลายเป็นท้องฟ้าสดใสแดดออกในทันที อย่าลืมนะคับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ตามถ้ำ เกาะ ป่าเขา ลำเนาไพรแรงนะคับ ผมเชื่อมั่นว่าผมทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น วัดที่หลวงพี่ผมบวชนี่เป็นวัดที่ปั__าชนมาบวชกันมากมายและหลวงพ่อเองก็เป็นปั__าชน ด้วยคับ แต่เท่าที่ผมเดินตามหลวงพี่และสังเกตุบรรดาพระลูกวัดแม่ชีต่างๆ ดูเหมือน
    ท่าทางเศร้าสร้อยไม่กับคนที่เบื่อหน่ายชีวิต บวชแล้วสุขสงบ ดูแล้วเหมือนคนอมทุกข์มากกว่า และการกระทำต่างๆของพระลูกวัดและแม่ชีเหมือนกับลัทธิๆนึง มากกว่าคับ ก่อนกลับหลวงพี่ได้ฝากรอยยิ้มของผู้ขนะให้ผมๆละ เอ้ออนะ แล้วแต่บุ_แต่กรรมของคนๆนั้นละกัน

    เรื่องนี้เป็นความจริงทุกอย่างต้องใช้วิจาร_าณอย่างแรงกล้า อิอิอิ
     
  2. jumpman

    jumpman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +885
    อ่านแล้วครับ ผมเห็นว่าการตัดสินใจเป็นเรื่องของพระ(เพื่อนของคุณ)รูปนั้น

    คุณจะทำอะไรได้ล่ะ
    พ่อแม่จำใจให้บวช ก็แปลว่าให้บวชแล้วนะครับ
    ถึงหลวงพี่นั้นจะยังมีกิเลสอยู่หรือความอยากต่างๆ
    หากปฏิบัติดีก็อาจค่อยๆบรรลุธรรมก็เป็นได้ หรืออาจรอวันทนไม่ไหวอยู่ก็เป็นได้
    อนาคตอาจดีขึ้นหรือเลวลงใครจะรู้
    หนีจากทางโลกมาบวช ไม่คิดว่าไม่ดีและไม่คิดว่าไม่อาจบรรลุได้
    เขาได้เห็นทุกข์ เจอทุกข์ และต้องการหนีทุกข์จึงมาบวช คนแบบนี้มีอยู่ไม่น้อยหรอกครับ
    พระพุทธเจ้าเห็นทุกข์ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือเห็นความไม่เที่ยง
    เห็นเกิด แก่ เจ็บ ตาย และคิดว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ ต้องการหาทางพ้นทุกข์หนีทุกข์
    จนพบทางและเป็นแนวทางมาให้เราจนถึงปัจจุบันนี้
    หากคุณจะบอกว่าเป็นชาวบ้านก็ปฎิบัติธรรมจนบรรลุได้นั้นก็จริงอยู่ ทางหนีทุกข์โดยราบรื่นก็คือการบวช
    เรื่องเจ้าอาวาสหรือคนอื่นๆในวัดนั้นผมบอกอะไรคุณไม่ได้ ว่าเจ้าอาวาสดีจริงไหม คนอื่นๆจำใจในการอยู่วัดจริงหรือ
    กรณีที่คุณว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำอะไรคุณนั้นผมไม่คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะถือโทษอะไรคุณด้วยสิ่งเท่านี้ เพราะผลกรรมของใครไม่ใช่เรื่องของเทวดาที่จะมาทำตัวเป็นศาลเตี้ย มิเช่นนั้น กรณีเครื่องบินชนตึกเวิร์ดเทรด หรือกรณีภาคใต้ เราคงได้เห็นข่าวเทวดาแสดงฤทธิ์ตามมาด้วย
     
  3. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ก็พยายามให้เขาพึ่งตัวเองมากกว่านี้ครับ.... ถ้าทำไม่ได้ ก็คงปล่อยไป...
     

แชร์หน้านี้

Loading...