ʕ•́ᴥ•̀ʔっ..พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่

ในห้อง 'ห้องแสดงวัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย khanthong, 26 ตุลาคม 2018.

  1. khanthong

    khanthong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +344
    ʕ•́ᴥ•̀ʔっ..พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่
    ..พระผงสุพรรณแตกกรุ เมื่อปี พ.ศ. 2456 โดยคนจีนเข้าไปทำสวนผักในบริเวณวัด
    ซึ่งถูกทิ้งให้รกร้าง แล้วก็แอบขุดพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
    ได้พบแก้วแหวนเงินทอง จึงขโมยออกมา แล้วหนีไปเมืองจีน
    ต่อมาได้มีชาวบ้านที่ทราบข่าว ลงไปในกรุอีก เจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้น
    จึงให้มีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ ได้พบแผ่นลานเงิน แผ่นลานทอง
    ซึ่งได้บันทึกประวัติการสร้างพระและการสร้างวัดเป็นไว้หลักฐาน

    ..นอกจากนี้ยังพบพระบูชาและพระเครื่องมากมายหนึ่งในนั้นคือ
    พระผงสุพรรณซึ่งเป็นเนื้อดินเผา มีหลายสี เช่น สีแดง สีเขียว สีดำ เป็นต้น
    ซึ่งมีอยู่ 3 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าแก่ ,พิมพ์หน้ากลาง ,พิมพ์หน้าหนุ่ม
    และนอกจากนี้ยังมีพิมพ์พระผงสุพรรณซึ่งเป็นโลหะเนื้อชินสันนิษฐานว่า
    สร้างจากแร่สังฆวานร(ตามบันทึกในใบลาน)เรียกว่าพระสุพรรณยอดโถ
    ตามจารึกลานทองที่กรมศิลปากรแปลออกมาได้กล่าวถึงการสร้างว่า
    “ศุภมัสดุ 1265 สิทธิการิยะ แสดงบอกไว้ให้รู้ว่าฤาษีทั้งสี่ตน
    พระฤาษีพิมพิลาไลย์เป็นประธาน เราจะทำด้วยฤทธิ์ทำด้วยเครื่องประดิษฐ์ มีสุวรรณเป็นต้น
    คือ บรมกษัตริย์พระยาศรีธรรมโศกราช เป็นผู้มีศรัทธา
    พระฤาษีทั้งสี่ตนจึงพร้อมกันนำเอาแต่ว่านทั้งหลาย
    พระฤาษีจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกันทำพิธีเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งแดง สถานหนึ่งดำ
    ให้เอาว่านทำเป็นผงก้อน พิมพ์ด้วยลายมือของมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสารีบุตร
    คือ เป็นใหญ่เป็นประธานในที่นั้น ได้เอาแร่ต่าง ๆ มีอานุภาพต่างกัน
    เสกด้วยมนต์คาถาครบ 3 เดือน
    แล้วท่านให้เอาไปประดิษฐ์ไว้ในสถูปแห่งหนึ่งที่เมืองพันทูม

    ..นักโบราณคดีได้แปลความหมายของจารึกลานทองว่า
    พระผงสุพรรณมีสร้างจากมวลสาร 2 ชนิด
    คือ พระเนื้อดินเผาที่ผสมจากว่านและเกสรต่าง ๆ
    และอีกชนิดคือ พระผงสุพรรณที่ทำจากแร่ตามจารึกว่า
    “ได้เอาแร่ต่าง ๆ มีอานุภาพต่างกัน ถ้าผู้ใดพบพระทำด้วยแร่สังฆวานรก็ดี”
    ซึ่งน่าจะเป็นพระผงสุพรรณเนื้อชินหรือพระสุพรรณยอดโถ

    ..จุดพิจารณาของพระผงสุพรรณนั้น เนื้อดินของพระผงสุพรรณเป็นเนื้อดินค่อนข้างละเอียด
    แต่ไม่ละเอียดเท่าพระรอดกรุวัดมหาวัน เนื่องจากดินแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    ไม่เหมือนกัน และนำน้ำว่านมาผสมเข้ากับมวลสารเกสรร้อยแปด
    เหตุเพราะสันนิษฐานจากพระผงสุพรรณนั้น หากโดนเหงื่อผิวองค์พระจะหนึกนุ่ม
    ขึ้นเงาหรือที่เรียกว่าแก่ว่าน นั่นเอง
    *** นอกจากนี้ จุดพิจารณาสำหรับพระผงสุพรรณ ***
    พิมพ์หน้าแก่เพิ่มเติมดังนี้-พื้นผิวขององค์พระจะเป็นเม็ดผดคล้ายผิวมะระ
    เป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำไม่เสมอกัน อันเนื่องจากการหดตัวของพระเนื้อดินโดยธรรมชาติ

    -ช่วงใต้พระอุระซีกซ้าย จะมีเม็ดผดเรียงกันลงมา 3 เม็ด
    -พระเนตรด้านซ้ายขององค์พระยาวรีลึก ปลายพระเนตรตวัดขึ้นสูงกว่าพระเนตรด้านขวา
    - พระนาสิกหนาใหญ่ ทั้งสองข้างมีร่องลึกลงมารับพระโอษฐ์ ซึ่งแย้มเล็กน้อย
    - พระกรรณขวาขององค์พระจะขมวดคล้ายมุ่นมวยผม ไรพระศกทอดยาวลงมามากกว่าพระกรรณด้านซ้าย
    - เกือบบนสุดของพระกรรณขวามีร่องลึก เหมือนร่องหู และพระกรรณด้านบนเหนือร่องจะหนาใหญ่และโค้งคล้ายใบหูมนุษย์
    - ด้านในของพระกรรณซ้ายจะมีเม็ดผดคล้ายเมล็ดข้าวสารวางสลับไปสลับมาเรื่อยมาถึงปลายพระกรรณ
    - พระอุระใหญ่ก่อนจะคอดกิ่วมาทางพระนาภีมองไปคล้ายหัวช้าง
    - ระหว่างพระอุระกับพระอังสะซ้ายขององค์พระเว้าลึกปรากฏเป็นรอยสามเหลี่ยม
    - มีเส้นบาง ๆ ลากผ่านเหนือพระอังสะซ้าย ไปจรดขอบนอกพระอุระด้านซ้ายปลายเส้นปรากฏเม็ดผดเล็ก ๆ ขึ้นเรียงรายได้ราวนมซ้าย 3 เม็ด
    - พระหัตถ์ซ้ายหนาใหญ่อยู่กึ่งกลางลำพระองค์ ปลายพระหัตถ์ไม่จรดพระกรขวา เหมือนกับพิมพ์หน้ากลาง และมองเห็นร่องพระหัตถ์ชัดเจน
    - ข้อพระกรขวาขององค์พระด้านในเว้าลึก
    -พระหัตถ์ขวาจะมองเหมือนกุมไว้ ไม่แบออก
    -ด้านหลังองค์พระจะมีลอยลายนิ้วมือปรากฏจะเป็นลายนิ้วมือ หัวแม่โป้งแบบก้นหอยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น ลักษณะนิ้วมือของคนโบราณ
    197751_a.jpg 197751_b.jpg 197751_c.jpg 197751_e.jpg 197751_d.jpg 197751_f.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...