กรุงเทพฯ และมหานครในเอเชียเสี่ยงจมน้ำภายในปี 2050

เมื่อวานนี้ (29 ตุลาคม) งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Communications เปิดเผยว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมชายฝั่งเพิ่มมากขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้ถึง 3 เท่า และมหานครหลายแห่งในเอเชียอาจกลายเป็นเมืองที่เสี่ยงจมน้ำภายในปี ค.ศ. 2050


สกอตต์ คัลป์ และเบนจามิน สโทรสส์ นักวิทยาศาสตร์จาก Climate Central องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านวิทยาศาสตร์และข่าวสารเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศในสหรัฐอเมริกา ทำการคำนวณระดับความสูงของชายฝั่งผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นวิธีประมาณการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในพื้นที่ขนาดใหญ่ พร้อมกับใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ จึงพบว่าตัวเลขประมาณการผู้เสียหายที่ออกมาก่อนหน้านี้ยังน้อยเกินไป


ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่าผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมชายฝั่งมีเพียง 80 ล้านคน แต่งานวิจัยล่าสุดกลับพบว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า ประชากรโลกกว่า 300 ล้านคนจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมืองในปี 2050 และหากการปล่อยคาร์บอนยังไม่ลดลง ตัวเลขอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 630 ล้านคนในปี 2100


ผู้ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่คือชาวเอเชีย ทำให้ตัวเลขของผู้ได้รับผลกระทบใน จีน,เวียดนาม, บังกลาเทศ, อินเดีย, อินโดนีเซีย และไทย เพิ่มขึ้นจากเดิม 54 ล้านคนเป็น 237 ล้านคน


นอกจากนี้ ในประเทศไทยมีประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งใกล้กรุงเทพฯ ที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมในปี 2050 มากกว่า 10% จากก่อนหน้านี้คาดการณ์ไว้เพียง 1% เท่านั้น


ลอเรตต้า กิราร์เดต เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The New York Times ว่าภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้น้ำท่วมในหลายพื้นที่ และผลักดันให้เกษตรกรเข้ามาหางานในเมืองเพิ่มมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ตั้งสมมติฐานว่าทุกประเทศสามารถลดการปล่อยคาร์บอนตามที่ระบุไว้ในความตกลงปารีส (Paris Agreement) ได้ แต่ความเป็นจริงแล้วหลายประเทศยังไม่พร้อมที่จะทำตามความตกลงดังกล่าวอย่างจริงจัง


ภาพ: Artistpix/Shutterstock

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

ขอบคุณที่มา
https://thestandard.co/climate-change-rising-sea-levels/