ทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กลายแก้ว, 6 มิถุนายน 2014.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เช้าวันหนึ่งได้ลองย้อนมองกลับไปในอดีต
    ว่าทำไมเราจึงมีความรักที่ไม่ค่อยสมหวัง
    ก็ได้เข้าใจอยู่อย่างหนึ่งว่า.....

    เมื่อธรรมชาติที่งดงามไร้การปรุงแต่งฉันใด
    ความรักที่ยาวนานก็ต้องทำให้เป็นแบบธรรมชาตินั้น

    บางคนต้องการความรัก ให้รักอยู่กับเรานาน ๆ
    ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สุดท้ายกลับถูกแรงดึงดูด
    ของใครบางคนที่เขาคนนั้นไม่ต้องทำอะไรเลย
    แต่แรงดึงดูดที่เขามีต่อกันเข้ากันได้อย่างสนิท
    เป็นฝ่ายดึงไปได้

    ผู้ที่ผิดหวังกับความรักมาก ๆ ไม่ต้องเสียใจเพราะ
    เรื่องแบบนี้มันมีเหตุผลในตัวเองของมันอยู่เสมอ
    เพียงแค่เราทำความเข้าใจ..กฏของธรรมชาติ
    เราจะเข้าใจมันเป็นเช่นนั้นเองเป็นธรรมดา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1a.jpg
      1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.3 KB
      เปิดดู:
      89
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ว่าจะนำมาลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะค่ะ
    เห็นมาหลายวันแล้วจะมามาบอกเล่าอีกแนวทางหนึ่งค่ะ

    โดยเฉพาะเรื่องสติสัมปชัญญะเป็นหัวใจในการปฏิบัติธรรม
    กรรมฐานทุกกรรมฐานก็นำมาเพื่อสติสัมปชัญญะนี่แหละค่ะ
    ถ้านักปฏิบัติผู้ใดที่เข้ามาปฏิบัติธรรมแล้วยังมองภาพ
    ของสติสัมชัญญะไม่ออก ให้ลองพิจารณาที่โบราณกาล
    ได้บอกไว้ว่า

    "ให้ดูตัวเองก่อนแล้วค่อยย้อนกลับไปมองคนอื่น"

    ส่วนมากแล้ว คนเราส่วนใหญ่ถ้ามีเป้าหมายมองที่ผู้ใด
    ความรู้สึกก็จะพุ่งไปที่จุดเป้าหมายโดยทันที ความรู้สึกก็
    ไปอยู่ ณ ที่เป้าหมายเลย โดยลืมความรู้สึกว่ามีตนเองอยู่
    ลักษณะนี้เขาเรียกว่า การลืมตัว หรือ ไม่มีสติสัมปชัญญะ

    เมื่อบุคคลเป้าหมายนำพาเราไปลักษณะใด เราก็หลงไปตาม
    สิ่งนั้น เมื่อเจอดีก็ได้ดี เมื่อเจอร้ายก็ร้ายตาม ควบคุมอารมณ์
    ตนเองมักไม่ค่อยได้ เมื่อมีคำกล่าวว่า

    "ให้ดูตัวเองก่อนแล้วค่อยย้อนกลับไปมองคนอื่น" ก็หมายถึง
    การมีสติสัมปชัญญะนั่นเองค่ะ

    เมื่อเรามีความรู้สึกทีพุ่งไปที่เป้าหมายนั้นให้พยายามระลึก
    ว่าขณะที่เรากำลังมองอยู่เรามีความรู้สึกอยู่กับตัวเองไหม


    ถ้ารู้สึกว่ามองสิ่งใดอยู่ แล้วไม่รู้สึกถึงตัวเอง
    ให้เอาความรู้สึกจากเป้าหมายย้อนกลับมาที่ตัวเองก่อน
    รู้ตัวได้แล้ว ค่อยย้อนกลับไปมองเป้าหมายใหม่


    ถ้าทำอย่างนี้ได้เสมอจึงมีพลังอำนาจในตนเอง
    ไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ของสิ่งแวดล้อมได้โดยง่าย

    นี่แหละค่ะ การฝึกระลึกถึงสติสัมปชัญญะบ่อย ๆ

    แล้วทำให้เรารู้ว่าเรามีสติสัมชัญญะ หรือ ขาดสติอยู่
    ทำเรื่อย ๆ จนเกิดความเคยชิน ก็สติก็จะเพิ่มกำลังมากขึ้น
    รู้ก็รู้ว่ารู้อยู่ ขณะหลงไปเมื่อกี้ก็รู้ว่าเมื่อกี้หลงไม่มีสติอยู่
    ยิ่งรู้สึกทั้งตัวได้ทั่วพร้อมมากเท่าไร
    กำลังของสติยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น

    สิ่งนี้เป็นเพียงแค่การตรวจสอบสติสัมปชัญญะ
    ว่าเมื่อเราออกจากกรรมฐานแล้วเราเอามาใช้
    ในชีวิตประจำวันได้แค่ไหนในตลอดวันที่เราลืมตา

    แล้วเราจะควบคุมตนเองไม่ให้หลงไปตามอารมณ์ได้ค่ะ

    บางทีเราคิดว่าเรามีสติกันอยู่แล้วก็อาจจะใช่ค่ะ
    แต่ถ้าสติที่รู้ตัวอยู่เสมอจะมีพลังอำนาจในตนเอง
    มากกว่าสติธรรมดาที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกันอยู่ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • untitled.png
      untitled.png
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      87
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    copy มาให้อ่านกันค่ะ จากโพสคุณคิดดีจัง ในห้องพระไตรปิฏก

    หลายๆคนคงจะเคยได้อ่านได้รู้เรื่องราวถึงความสัมพันกันระหว่าง มนุษย์ โลก และดวงดาว

    ว่ามีความสอดคล้องสัมพันเกี่ยวเนื่องกัน ถ้ามนุษย์ประพฤติดี มีศีลมีธรรม

    สรรพสิ่ง ในโลกก็จะเกื้อหนุนสมดุลกัน ดวงดาวก็จะโครจรสัมพันธ์กัน สมดุลกัน

    แต่เมื่อมนุษย์ประพฤติชั่ว ไม่มีศิลมีธรรม สรรพสิ่งต่างๆในโลกนี้ ก็จะผิดเพี้ยนไป ไม่เกื้อหนุนกันและกัน

    ดวงดาวก็โครจรสัมพันธ์กัน ผลที่ตามมาก็เป็นภัยธรรมชาติที่รุ่นแรงต่างๆนาๆ

    งานสัมนาต่างๆที่จัดขึ้นเกี่ยวกับภัยพิบัติต่าง วิทยากรผู้รู้ต่างก็พูดเหมือนกันในเรื่องความสัมพันธ์นี้

    แต่ใครเลยจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องนี้มาแล้วเมื่อสองพันกว่ามีมาแล้ว มาดูกันครับว่า

    พระตถาคตตรัสพระสูตรนี้ว่าอย่างไร

    ผลจากความไม่มีธรรมะของมนุษย์
    (อย่างเบา)
    ภิกษุทั้งหลาย ! สมัยใด ราชา (ผู้ปกครอง) ทั้งหลาย
    ไม่ตั้งอยู่ในธรรม, สมัยนั้น ราชยุตต์ (ข้าราชการ) ทั้งหลาย
    ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม;
    เมื่อ ราชยุตต์ทั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่ในธรรม, พราหมณ์
    และคหบดีทั้งหลาย ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม;
    เมื่อ พราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่ใน
    ธรรม, ชาวเมืองและชาวชนบททั้งหลาย ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม;
    เมื่อ ชาวเมืองและชาวชนบททั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่
    ในธรรม, ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ก็มีปริวรรต (การเคลื่อนที่,
    การหมุนเวียน) ไม่สม่ำเสมอ;

    เมื่อ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ มีปริวรรต
    ไม่สม่ำเสมอ, ดาวนักษัตรและดาวทั้งหลาย ก็มีปริวรรต
    ไม่สม่ำเสมอ;

    เมื่อ ดาวนักษัตรและดาวทั้งหลาย มีปริวรรต
    ไม่สม่ำเสมอ, คืนและวัน ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;
    เมื่อ คืนและวัน มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, เดือน
    และปักษ์ ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;
    เมื่อ เดือนและปักษ์ มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ,
    ฤดูและปี ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;
    เมื่อ ฤดูและปี มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, ลม
    (ทุกชนิด) ก็พัดไปไม่สม่ำ�เสมอ;
    เมื่อ ลม (ทุกชนิด) พัดไปไม่สม่ำเสมอ, ปัญชสา
    (ระบบแห่งทิศทางลมอันถูกต้อง) ก็แปรปรวน;
    เมื่อ ปัญชสา แปรปรวน, เทวดาทั้งหลาย ก็
    ระส่ำระสาย;
    เมื่อ เทวดาทั้งหลาย ระสำ่ระสาย, ฝนก็ตกลงมา
    อย่างไม่เหมาะสม;
    เมื่อ ฝนตก ลงมาอย่างไม่เหมาะสม, พืชพรรณ
    ข้าวทั้งหลาย ก็แก่และสุกไม่สม่ำเสมอ;

    ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย บริโภค
    พืชพรรณข้าวทั้งหลายอันมีความแก่และสุกไม่สม่ำเสมอ
    ก็กลายเป็นผู้มีอายุสั้น ผิวพรรณทราม ทุพพลภาพและ
    มีโรคภัยไข้เจ็บมาก.
    จตุกฺก. อํ ๒๑/๙๗/๗๐.

    (นี่เป็นภัยที่จะได้รับอย่างเบานะครับ)

    ตรงข้อความสีน้ำเงินนะค่ะ ทำไมจิตใจของมนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
    จึงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
    แสดงจิตใจของมนุษย์มีผลต่อแรงดึงดูดต่อดวงดาวต่าง ๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      87
    • zodiac.jpg
      zodiac.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.3 KB
      เปิดดู:
      74
    • 34_20110618112147_.jpg
      34_20110618112147_.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.3 KB
      เปิดดู:
      96
  4. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    มาทักทายคุณจิตยิ้ม (ยังอ่านไม่หมด) เดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์ก็เริ่มก้าวหน้าไปมาก วันก่อนผมได้เห็นงาน วิจัยที่มีการทดสอบ ส่งคลื่นความคิด (thought form) จากฝั่งนึงของโลกผ่าน internet แล้ว มีการ ถอดรหัสได้ อีกฝั่งนึง คาดว่า ต่อไปการสื่อสารคงหันมาใช้ จิตเป็นสื่อกลางมากขึ้น อิอิ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    คลื่นความคิด ที่เรียกว่ากระแสจิต เป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่เกิดขึ้นในกระบวนการทางมิติพลังงานที่มนุษย์มองไม่เห็น ที่สามารถแปลงเป็นคลื่นไฟฟ้าทางเคมีได้ เพราะภาษาจิต จะมีรหัสคลื่นความถี่ที่ติดมากับจิต ที่ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูด จึงเรียกว่า ภาษาสากล มนุษย์ทุกคนมีพลังอำนาจในการผลิตสร้างพลังจิตนี้กันได้ทุกคน แต่การสื่อสารทางโทรจิตที่ส่งถึงกันได้ คงต้องใช้ความสามารถพิเศษทางตาที่สามที่ต้องฝึกฝนกันเองนะค่ะ (หาข้อมูลมาให้) เขาบอกว่าคนที่มีคลื่นสมาธิระดับเดียวกัน สามารถจูนหากันได้ ก็จะติดต่อสื่อสารทางโทรจิตได้ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • forehead.jpg
      forehead.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.4 KB
      เปิดดู:
      110
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ทำไมดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ จึงปริวรรตเคลื่อนที่หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ มีข้อมูลมานำเสนอค่ะ

    ทุกสรรพสิ่งจะดำรงอยู่ได้ ก็ต้องดำรงอยู่ในสนามพลังงานเท่านั้น

    สนามพลังงานสามารถแบ่งได้ 3 ระบบ

    1.ระบบใหญ่ เรียกว่า “เอกภพ”
    2.ระบบกลาง เรียกว่า “กาแล๊กซี่”
    3.ระบบเล็ก เรียกว่า “สุริยะจักรวาล”

    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/4KQZjJaxV1c?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    และระบบสุริยะจักรวาลก็ทับซ้อนอยู่ในระบบกาแล๊กซี่ที่ทับซ้อนอยู่ในระบบเอกภพอีกที

    ระบบกาแล๊กซี่ต่าง ๆ ต่างก็ดำรงอยู่เป็นระบบของตน มีความอิสระจากระบบอื่น ภายในระบบจะประกอบด้วยเทหวัตถุจำพวกดวงดาวที่มีมวลแข็ง ๆ และดาวที่เป็นน้ำแข็งซึ่งต่างเกาะเกี่ยวซึ่งกันและกันไว้อย่างเป็นระบบ ด้วยอำนาจแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันไว้จากแก่นแท้ในมิติรูปทางพลังงาน

    สำหรับระบบสุริยะจักรวาล นั้นคือระบบเล็กที่ถูกสร้างขึ้นในระบบกลางกาแล๊กซี่ และทุกกาแล๊กซี่มิได้มีระบบสุริยะจักรวาล มีแต่กาแล๊กซี่ทางช้างเผือกเท่านั้น ที่มี ระบบสุริยะจักรวาล 2 ระบบ ให้สังเกตว่ากาแล๊กซี่ใดมีสิ่งมีชีวิตอยู่มักจะมีระบบสุริยะจักรวาลซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางของระบบกาแล๊กซี่

    ภาพเนบิวลาและกาแล็กซี่ จากกล้องอวกาศฮับเบิล | วิชาการ.คอม link มาให้ดูค่ะว่าระบบกาแล๊กซี่ต่าง ๆ ที่ถ่ายได้มีรูปร่างอย่างไรบ้าง

    ความสัมพันธ์ในการดำรงอยู่ของทั้งสามระบบ คือ เอกภพ กาแล๊กซี่ และสุริยะจักรวาล ต่างหมุนรอบตัวเองที่สัมพันธ์กันกับการหมุนของระบบอื่นอย่างสมดุลและลงตัวเสมอ เพราะทุกระบบต่างมีอิทธิต่อกันและกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    โลกจึงต้องรักษาความสมดุลเอาไว้ การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของโลก ก็คือการรักษาความสมดุลของตนเองเอาไว้นั่นเอง หากโลกมีการเหวี่ยงตัวที่ช้าไปสัดส่าย ก็ทำให้โลกแก่วงเสียการสมดุลไป การเหวี่ยงหมุนของโลก จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสุริยะจักรวาลที่โลกอยู่ในระบบนั้นด้วย

    ความสมดุุลของโลกคือ ความสมดุลในทั้งด้านภายภาพโลก และด้านพลังงาน ทั้งในมิติที่สอง และมิติทีสามแห่งกาลเวลา ถ้าหากด้านใดด้านหนึ่งขาดความสมดุลไป ไม่ว่าจะเป็นในทางเพิ่มขึ้นหรือลดลง ด้วยกลไกของจักรวาล ในทันทีที่ระบบกำลังถูกทำลาย เป็นการเปลี่ยนแปลงและการสร้างใหม่ เพื่อยกระดับความสมดุลทั้งระบบให้สูงขึ้น ด้วยขบวนการคลี่ขยาย และ การม้วนกลับของพลังงานสู่ศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดการไหลวนของพลังงานที่เกิดจากการเปลี่ยนถ่ายระหว่างสรรพสิ่งที่อยู่ในกระบวนการเกิดขึ้น ความรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับว่าการเสียสมดุลทางพลังงานของระบบมากน้อยเท่าใด

    มนุษย์ย่อมมีผลหลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะเกิดการเปลี่ยนแปลง มันจะเกิดภัยธรรมชาติเป็นภาพมายาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากกระบวนการทางพลังงานของระบบจักรวาลอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้

    เราทุกคนคิดว่า ตัวตนของเราที่เห็นกันนั้นเป็นตัวตนที่จริงแท้ โดยลืมนึกถึงไปว่า พลังงานที่โลกอยู่ในระบบสุริยะจักรวาล ก็อยู่ในระบบเอกภพ เพราะดาวเคราะห์ต่าง ๆ นั้น ก็คือ พลังงาน ที่ทั้งระบบดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันให้อยู่ในระบบเดียวกันได้ ก็ด้วยพลังงาน และ จิตวิญญาณ ที่เป็นคลื่นกระแสจิต กระแสความคิดต่าง ๆ ในกลไกอวัยวะร่างกาย ต่าง ๆ ก็เป็นพลังงาน ที่สื่อสารกันก็ได้ด้วยพลังงาน เมื่อเราทำลายระบบโลก ก็ย่อมทำลายระบบทุกส่วนในจักรวาลไปด้วย เพราะทุกส่วนมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ หากส่วนใดไม่สมดุลย่อมที่ต้องทำให้ทั้งระบบใหม่เสียความสมดุลไปด้วย โลกของเราจึงมีผลให้เห็นอย่างกันอย่างเช่นทุกวัน

    อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้โลกหมุนได้ โลกหมุนได้เพราะใจกลางโลกมีแกนเหล็ก ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก ก็คือ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่ถูกเหวี่ยงออกมาโดยรอบอย่างต่อเนื่องใจกลางโลก จนเกิดเป็นสนามแม่เหล็กห่อหุ้มดาวเคราะห์ไว้ โดยคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กที่ถูกเหวี่ยงออกมามาอย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากการระเบิดแตกตัวของอนุภาคในอะตอมอ๊อกซิเจนที่เหลวข้นบริสุทธิ์ 100 % :ซึ่งการระเบิดนั้น เกิดจากการกระทำของอนุภาคประจุไฟฟ้าบวกจากคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กที่มนุษย์แต่ละคนเหวี่ยงมันออกมาทางตาที่สาม โดยคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กของจิตมนุษย์ หรือ คลื่นพลังจิต ที่ถูกเหวี่ยงออกมานี้ ได้จากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์แต่ละคนในทุก ๆ ครั้ง ทุกขณะ ที่เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นนั่นเอง

    มนุษย์จึงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบโลก ด้วยการสร้างจิตสำนึกแห่งความดีงามต่อผู้อื่นร่วมโลก ด้วยเหตุนี้ หน้าที่มรรค 8 ที่กระทำต่อโลก ก็เพื่อด้วยประการนี้ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะมีทุกข์และสุขเท่านั้น แต่มีหน้าที่สร้างคุณงามความดีต่อโลกและผู้อื่น ชีวิตที่เห็นอยู่ที่เป็นมายา แต่ที่ไม่รู้กันเพราะว่าได้หลงงมงาย (หลงมิติที่เห็นด้วยตาเนื้อว่าเป็นตัวตนจริง) ที่ว่าโลกนี้คือ มายา ก็เปรียบเสมือนได้ว่า คูณสมบัติที่แท้จริงคือพลังงาน เมื่อคุณสมบัติที่แก่นแท้คือพลังงาน เปลี่ยนไปอย่างไร ทุกสรรพสิ่งที่เป็นเปลือกนอก ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จึงทำให้เห็นว่า ทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกที่เห็นอยู่ ที่ครอบครองอยู่ เหมือนมีอยู่จริง คิดว่ามันเป็นตัวเป็นตน จริง ๆ แต่ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ความเป็นจริง เพราะมันต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยตามแก่นแท้พลังงานที่อยู่ภายใน นั่นเอง

    เมื่อมนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในธรรม คลื่นความถี่ทางแม่เหล็กไฟฟ้าจากคลื่นจิตของมนุษย์ที่โลกไม่ต้องการ จึงเป็นพลังงานขยะ เป็นพลังงานที่โลกไม่ต้องการ เพราะโลกนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ ก็เพราะทุกระบบทางพลังงานต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาความสมดุลของตนเอาไว้ให้ได้ เมื่อมนุษย์ไม่มีคุณงามความดีงามที่กระทำต่อกันเมื่อมอบให้กับโลกแล้ว โลกจึงต้องปรับสมดุลด้วยตนเอง เราจึงมีวิบากให้รับจากโลกร้อนแล้ง เพราะเราไม่มีพลังงานแห่งความรักที่มอบให้กับโลก โลกจึงไร้พลังงานความรักมอบให้กับเรา เราจึงอยู่กับโลกด้วยภัยต่าง ๆ ตอบกลับคืนมาแทน นั่นแหละผลแห่งการหลงตัวตน จึงสร้างกิเลส โลภ โกรธ หลง ทำลายระบบโลกของตนเอง ซึ่งทั้หมดทั้งมวลเป็นแค่พลังงานธาตุ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยเหตุและปัจจัยแค่นั้นเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ได้ปฏิบัติธรรม อยู่ดี ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาอยากให้เด็กรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ศึกษาทางสายด้านวิทย์กันอยู่ และด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ น้อง ๆ รุ่นใหม่ได้ศึกษาพลังงาน เรียนรู้พลังงานกันได้ ก็เลยอยากให้ธรรมแก่คนรุ่นใหม่ จึงได้คิดว่าจะทำอย่างไร สักพักก็ได้ชื่อเรื่องออกมาว่า เราจะตั้งชื่อเรื่องอะไร เรื่องทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก น่าจะเหมาะที่สุด นับตั้งแต่นั้นบวกกับความตั้งใจก็ได้องค์ความรู้ใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ถือว่า นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาพระพุทธศาสนาด้านปัญญา คือ เรื่องพลังงาน หรือ ธาตุ ที่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเราที่มีพลังงานเกิดขึ้น ดับไป ตามเหตุปัจจัย ถ้าน้อง ๆ ท่านใดสนใดต้องปฏิบัติสมาธิด้วยก็จะดี และ ที่สำคัญให้ศึกษาจากพระไตรปิฏกเพื่อเปรียบเทียบด้วยค่ะ ให้ใช้สติปัญญาแทนการเชื่อ ให้พิสูจน์ด้วยตนเองก็จะดีมากค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    เขียน ๒๒.๔๕


    ...หลายใจ จังนะเธอ
    แล้วจะเจอ ที่เสื่อไหน
    เที่ยวปู อยู่ทั่วไป
    เสื่อหลายใจ ใคร..จะหาเจอ หึหึหึ



    สุนทรทู่ / ชาวหมู่บ้านในนิทาน

    .
     
  10. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    เขียน ๑๓.๓๕


    ...แม้ท่านมี เรื่องราว หลากหลายล้น
    แต่ที่คน ค้นหา มิมาเห็น
    สิ่งที่มี มิใช่ สิ่งที่เป็น
    เลยนอนเล่น ดีฝ่า ข้ารำคาญ

    ...ถ้าอยากเชียร์ เชิญดู หนูเมย์ไม๊
    นักแบดไทย เก่งกาจ เกินคาดฝัน
    ใกล้จะตี อีกแล้ว ไม่หลายวัน
    น้องเมย์มั่น มาดแชมป์ แหล่มเลิศเลอ



    ความรักเอย เคยร่วมทาง สองต่อสอง
    เคยจ้องมอง นัยตา สื่อความหมาย
    เคยจับมือ สัญญามั่น ทั้งหมดใจ
    เคย...ฤทัยสอง ครองชื่นเอยฯ


    ...คุณจะรักกับใคร ชั้นไม่รักด้วยหรอก
    ชั้นจะรักกับใคร ชั้นไม่บอออกกับคุณ
    คุณจะจ้องตาใคร ชั้นจะจ้องด้วยทำไม
    คุณจะจับมือใคร ก็แล้วแต่มือของคุณ

    ...ถ้าจะรักต่อไป ใจก็คงเกาะเกี่ยว
    เพียงแค่ลัดมือเดียว กายก็เหี่ยวตายไป
    แล้วจะเพ้อหานิพพาน กันไปเพื่ออออ อะไร
    ถ้าจะเดินทางไกล เค้าให้ไปผู้เดียว


    สุนทรทู่ / ชาวหมู่บ้านในนิทาน

    .
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    <IFRAME height=360 src="https://www.youtube.com/embed/mEzNLR9xZiU?feature=player_detailpage" frameBorder=0 width=640 allowfullscreen></IFRAME>

    สิ่งนี้ใช่รักบริสุทธิ์หรือไม่......
    ถ้าใครมาบอกกับเราว่า "เธอคือดวงใจ"
    แล้ว "ดวงใจ" ที่ว่า คืออะไร เกี่ยวอะไรกับการเกิดในจักรวาลนี้
    เราลองมาหาคำตอบกันดูค่ะ.... ฟังเพลงเพราะ ๆ ไปก่อนนะคะ
     
  12. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    เมื่อสมดุลย์ของโลกขาดหายไป

    ความชั่วมีมากกว่าความดี

    โลกคงเกิดความเปลี่ยนแปลงในเวลาอีกไม่นาน (ปัจจุบันก็เห็นกันอยู่)

    มีผู้รู้จากแดนไกลบอกว่า 400 ปีข้างหน้า โลกจะเกิดการถูกพิพากษา

    ในทุกดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตก็เช่นเดียวกัน เมื่อขาดสมดุลย์ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เข้าสู่สมดุลย์

    เศร้าใจจัง
     
  13. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    วาทะธรรม //จิตของผู้แสวงหาเสมือนหนึ่ง ดวงจิตที่ติดอยู่ในห้วงแห่งความอยากรู้*ซึ่งไม่รู้จักอิ่ม*... สาธุครับ คุณ jityim ^__^
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ค่ะ สิ่งใด ๆ ล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มนุษย์มีอิสระเสรีในทุกการกระทำ ความเปลี่ยนแปลงของโลกขึ้นอยู่กับมนุษย์ ที่ตัดสินใจเลือกว่าต้องการสิ่งใด ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เคยเข้าไปค้นในกูเกิ้ล เห็นเว็บหนึ่งมีการสำรวจเห็นชื่อและรูปของท่านเป็นหนึ่งที่เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษ ติด 1 ใน 10 ของประเทศหรือเปล่าค่ะ ไม่แน่ใจค่ะ
     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    อยากรู้เพื่อให้เกิดปัญญาค่ะ อยากให้ตัวเองก็ได้ด้วยค่ะ อนุโมทนาค่ะ
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ชอบฟังเพลงนี้แล้วมีความหมาย..ภาพเพียงหนึ่งภาพ ใช้แทนความหมายบรรยายความรู้สึกได้เป็นอย่างดีเรารู้สึกอย่างไรกับการเกิดมาบนโลกนี้

    โลกของเราแม้แต่ตัวเราเอง ถ้าเราได้มองไปเห็นท้องฟ้า ต้นไม้ ภูเขา ต้นหญ้า ที่ได้มองเห็นอยู่ตรงหน้าว่ากำลังมีอยู่นั้น แต่ในสิ่งที่เห็นอยู่ว่ามีอยู่จริง ...จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่เรามองเห็น เพราะในความีตรงหน้านั้น คือความไม่มีจริง ที่เห็นอยู่ว่ามีจริง ที่จริงมันไม่ใช่ตัวตน ...สิ่งที่เห็นทั้งหมดว่ามันมีอยู่ ความจริงมันไร้แก่นสารจับไม่ได้ หาความยึดถือเป็นที่พึ่งที่เกาะไว้อย่างแท้จริงไม่ได้

    ดวงใจที่ใสบริสุทธิ์ คือ ความงดงามที่ได้เกิดมาในโลกสมมุติแห่งนี้ ซึ่งที่จริงแล้วได้ซ่อนแล้วความงดงามแห่งใจของความรักบริสุทธิ์ความรักความเมตตาเอื้ออาทรที่มีให้แก่กันและกัน ถ้าใครมีพลังอำนาจที่ดึงออกมาได้ จะรู้ว่ามันงดงามและบริสุทธิ์เพียงใด เพียงแค่ได้รู้จักให้ รู้จักรับ จะรับรู้ได้ว่าดวงใจที่งดงามนี้มีความละเอียดละเมียดละไมสุขลึกอย่างสุดซึ้งหาที่เปรียบได้...หากใครดึงออกมาจากดวงใจนั้นได้..สมกับที่ได้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ที่ดีต่อกันและกัน

    ภาระหน้าที่อันงดงามของดวงใจนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด สถานะไหน ดวงใจที่ใสบริสุทธิ์งดงามดวงนี้ที่แท้จริง คือ การช่วยกันฉุดรั้งกันซึ้งกันและกันไปนิพพาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    เข้าใจว่าคือการจัดอันดับของคนแปลกครับ(คนที่แสดงออกของความสามารถที่ควรไม่ควรแล้วแต่การใช้ปัญญาในการพิจารณา) ผมก็ไปติดหนึ่งในนั้น เนื่องจากความไม่รู้ ความถือตัว ความคิดว่าตนเองแน่ เลยทำคลิปออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง เช่น ไปมองพระอาทิตย์บ้าง ใช้พลังรักษาคนบ้าง พาคนมองพระอาทิตย์บ้าง และที่สำคัญคนไม่เชื่อและลบหลู่จะปวดหัว (เขาปวดจริงจนทักในเฟสขอความช่วยเหลือหลังจากคิดลบหลู่) นั่นคืออดีตที่หลงทางไปกับสิ่งที่ติดตัวมาจากอดีตชาติ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงในความคิดเพราะผ่านประสบการณ์มาในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา เริ่มหัดฝึกสมาธิ และวางสิ่งที่มีลง หัดสังเกตุสิ่งรอบกาย เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น ครับ และยอนดีที่รู้จักคุณจิตยิ้มนะครับ กำลังติดตามอ่านบทความอยู่ครับ เป็นประโยนช์ให้เข้าใจในหลายสิ่งครับ ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันครับ
     
  18. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    ปัจุจุบันผมก็สร้างจักวาลแบบความรักของผม คือ คิดบวก ใช้คำว่า " จิตตะดาราจักรอนันต์แห่งกุศล มอบแด่สรรพสิ่ง " เพื่อเกิดกุศลที่ดีงาม และใช้คำต่อท้าย อนันต์ เป็น อนันต์ แห่งความดี-แห่งศีล สมาธิ ปัญญา- แห่งเมตตา -แห่งความรัก และอื่นๆเท่าที่คิดได้ส่งไปตามกระคลื่นความคิดไปสู่สรรพสิ่ง และมองพระอาทิตย์ในช่วงเช้าๆรับแสงอาทิตย์(บางเวลา เที่ยงวันก็แอบมองสักประมาณ60วินาที) เวลามองฟ้าในอีกมุมโดยไม่มองดวงอาทิตย์ผมมักจะเห็น แสงเล็กๆคล้ายฝุ่นละอองลอยไปมาเต็มฟ้าเมื่อจ้องเข้าไปก็จะมีคลื่นหมอกสีเทาเป็นกระแสในจุดที่มองคล้ายถูกดูดเข้าไปในจุดที่เรามอง กระพริบตาก็ยังเห็นอยู่ แต่พอมองพื้นรอบตัวก็ปรกติ ในยามค่ำคืนถ้ามองดวงดาวดวงเดียวจะเห็นเหมือนดวงดาวเคลื่อนที่ไปมาเวลาจ้องมองดีๆเหมือนดาวจะลอยต่ำลงมาปลายยอดไม้ ถ้ามองไปทั่วทั้งท้องฟ้า ในระหว่างดวงดาวจะมีแสงที่เชื่อมต่อกันเป็นเส้นๆเคลื่อนที่เร็วมาก ยามใดที่คิดอยากจะเห็นดาวเคลื่อนที่ก็จะมีโอกาสเห็นจริงๆเคลื่อนจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง(คงไม่ใช่ดาวเทียมนะ) แต่ทุกอย่างที่เห็นก็คือธรรมชาติ ไม่หลงยึดติดเช่นอดีตที่ผ่านมา รู้แต่เพียงว่า เรามาจากที่แสนไกล ต้องทำภารกิจบนดาวดวงนี้ให้สำเร็จถึงจะได้กลับไปดินแดนที่ถูกเรียกว่า "อนันต์"
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    อัศจรรย์ค่ะ ที่ท่านมองเห็นดวงดาวจะมีแสงที่เชื่อมต่อกันเป็นเส้นๆเคลื่อนที่เร็วมาก

    สิ่งนี้น่าจะตรงกับการสื่อความรู้ต่างมิติ ระหว่างจิตสู่จิต คลื่นความคิดจากจิตจักรวาลที่สื่อความรู้ของจักรวาล ผ่าน อ.ปริญญา ที่่ถ่ายทอดมาให้ ซึ่งในความรู้นั้น ก็ตรงกับความอัศจรรย์ใจต่าง ๆ ที่ตนเองได้เจอด้วยตนเองในหลายเรื่องราวที่ไม่เคยรู้มาก่อน ที่ทำให้เรารู้และเข้าใจความเป็นไปต่าง ๆ ของจักรวาลได้จากประสบการณ์ที่ได้พบเจอด้วยตนเอง กับความรู้กับสื่อต่างมิติจิตรวาล นั้น ต้องขอขอบคุณ อ.ปริญญา ที่ท่านได้ถ่ายทอดให้อ่านกันค่ะ

    เรื่องแสงดวงดาวที่มีเส้นเชื่อมโยงกันนั้น เหมือนกับความรู้ที่ได้รู้มาจากจักรวาล คือ สิ่งนั้นเป็นกฎเกณฑ์สากลจักรวาล ที่ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระบบต้องมีความสมดุล เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเหนี่ยรั้งยึดโยงไปด้วยกัน เพื่อให้ทุกสรรพสิ่งอยู่ร่วมระบบเดียวกันได้ หากสิ่งใดขาดความสมดุล ถือว่าได้ ทำลายระบบ นั่นเท่ากับว่าได้ทำลายกฏเกณฑ์ของสากลจักรวาล ไม่ยกเว้นแม้แต่มนุษย์ แต่ที่ทุกวันที่เราเห็นกันอยู่นี้ มนุษย์ในโลกกำลังทำลายกฏเกณฑ์จักรวาล อันเนื่องมาจากได้ทำลายความสมดุลระบบกายภาพของโลก และ ทั้งทางมิติพลังงาน เกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ ที่มนุษย์ขาดสติทางวิญญาณ ส่วนใหญ่มีจิตไร้สำนึก มีการกระทำที่บกพร่องต่อกัน ขาดคุณธรรม ศีลธรรมในจิตใจ ทำลายล้างกันเอง แบ่งแยกเผ่าพันธ์ เกิดสงครามเชื้อชาติ ศาสนา ขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน สนใจแต่วัตถุเทคโนโลยี หลงงมงาย จนผู้ที่ปฏิบัติตนเพื่อจิตวิญญาณ ที่จะหลุดพ้นยากลงทุกที มนุษย์น้อยนักที่จะรู้และใส่ใจในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของจักรวาลทีเดียวค่ะ

    ส่วนกรณีที่ท่าน เวลามองฟ้าในอีกมุมโดยไม่มองดวงอาทิตย์ผมมักจะเห็น แสงเล็กๆคล้ายฝุ่นละอองลอยไปมาเต็มฟ้าเมื่อจ้องเข้าไปก็จะมีคลื่นหมอกสีเทาเป็นกระแสในจุดที่มองคล้ายถูกดูดเข้าไปในจุดที่เรามอง น่าจะเป็นลักษณะเดียวกัน ที่ตนเองเห็นค่ะ แต่ท่านเห็นได้กว้าง และ ละเอียดกว่า สิ่งที่เห็นหลังจากที่ตนเองเลิกจากสมาธิแล้ว มองออกไปที่หน้าต่าง บนท้องฟ้า เห็นกลุ่มก้อนสีดำลอยผ่านเป็น ตรงกลางกลุ่มสีดำนั้นมีแสงสว่างสีขาวอยู่ภายในกลางกลุ่มสีดำที่ลอยอยู่บนฟ้า และก็ตรงกับที่จิตจักวาลสื่อมาให้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ^__^ ปัญญาอันประเสริฐ คือ ความรู้ ความสามารถทางจิตใจภายในเพื่อคลายซึ่งเครื่องผูกพันธการ(ความปรุงแต่งแห่งนาม)อันนำไปสู่อิสระทางใจอย่างแท้
    **ความรู้ นอกขันธ์ นั้นเพียงเพื่อยังความเป็นอยู่ของขันธ์ห้านี้ให้ราบรื่นเท่านั้น แต่ความรู้แจ่มแจ้งในขันธ์สามารถดับขันธ์ไม่ระคนทุกข์โดยถาวร ** สาธุครับ ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...