ทฤษฎีเชื้อโรคทางจิต 16 ชนิด

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 1 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ทฤษฎีเชื้อโรคทางจิต 16 ชนิด โดย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    จิตเดิมแท้ของเราทุกคนเป็นประภัสสรบริสุทธิ์ผ่องใสโดยธรรมชาติแต่กิเลสเป็นอาคันตุกะที่จรเข้ามาครอบงำจิต ทำให้จิตเศร้าหมอง กิเลสหรืออกุศลมูล "อุปกิเลส"
    .
    .
    “อุปกิเลส” คือ เครื่องเศร้าหมองของจิตใจ มี 16 ประการ เชื้อร้ายทางจิตทั้ง 16 ชนิดนี้ถูกค้นเพื่อเมื่อเกือบสามพันปีที่แล้ว นับได้ว่าเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งและเป็นรากฐานของการดูแลทางจิตใจที่ดีมากๆ ถ้าท่านใดเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Seven จะพบว่า แม้แต่ฝรั่งก็มีการพูดถึงเชื้อร้ายทางจิต แต่มีเพียง 7 ชนิด ซึ่งเชื้อโรคทั้งหมดนี้ล้วนก่อให้เกิดผลร้ายตามมาตามแต่ชนิดของมัน และแต่ละชนิดก็มีวิธีจัดการที่แตกต่างกันออกไป เหตุแห่งความเศร้าหมองทั้ง 16 ข้อนี้จะมีอยู่ในแต่ละบุคคลมากบ้างน้อยบ้างต่างกันตามแต่จริตและความรู้สึกตัวทั่วพร้อมในแต่คน
    .
    .
    การ์ตูนเรื่อง “Yokai Watch” เป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เนื้อเรื่องพูดถึง “โยไค” หมายถึง วิญญาณหรือภูติผีที่อยู่รายรอบมนุษย์ซึ่งโยไคแต่ละตัวก็จะมีอิทธิฤทธิ์ต่อจิตใจและพฤติกรรมแตกต่างกันออกไป (มีทั้งโยไคร้ายและดี) ซึ่งภาพการ์ตูนที่นำมาประกอบนี้นำมาใช้เพื่อให้เกิดจินตภาพและรูปธรรมที่เข้าใจง่ายเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับบุคลิกและอิทธิฤทธิ์ของตัวโยไคตามเนื้อเรื่องการ์ตูนแต่อย่างใดครับผม
    .
    .
    ๑. โลภะ คือความละโมภ อยากได้ อยากมี
    อยากเป็นอย่างไม่รู้จักพอ เห็นแก่ได้จนลืมตัว
    .
    ๒. พยาบาท คือความคิดร้าย มุ่งจะทำร้ายเขา
    ใครพูดไม่ถูกใจก็คิดตำหนิเขา คิดจะทำร้ายฆ่าเขาก็มี
    บางครั้งทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ ก็หันมาตำหนิตัวเอง ทำร้ายตัวเอง
    จนฆ่าตัวตายก็มีซึ่งเป็นเพราะอำนาจพยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ
    .
    ๓. โกธะ คือความโกรธ มีอะไรมากระทบก็โกรธ
    เป็นลักษณะโกรธง่าย แต่เมื่อหายแล้วก็เหมือน
    กับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือไม่ผูกใจเจ็บ
    ไม่พยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ
    .
    ๔. อุปนาหะ คือการผูกโกรธ ใครพูดอะไร
    ทำอะไรให้เกิดความโกรธแล้วจะผูกใจเจ็บ เก็บไว้ ไม่ปล่อย
    ไม่ลืม เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น กระทบอารมณ์เมื่อไร
    ก็เอาเรื่องเก่ามาคิดรวมกันคิดทวนเรื่องในอดีตว่าเขาเคย
    ทำไม่ดีกับเราขนาดไหน เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ
    .
    ๕. มักขะ คือการลบหลู่คุณท่าน ปิดบังความดีของผู้อื่น ลบหลู่ความดีของผู้อื่น เช่น เขาให้ของแก่เรา แทนที่จะขอบคุณกลับนึกตำหนิเขาว่า
    เอาของไม่ดีมาให้ หรือเมื่อมีใครพูดถึงความดีของเขา
    เราทนไม่ได้ เราไม่ชอบ จึงยกเรื่องที่ไม่ดีของเขามาพูด
    เพื่อปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่คนดีถึงขนาดนั้น เป็นต้น
    .
    ๖. ปลาสะ คือการตีเสมอ ยกตัวเทียมท่าน
    ไม่ยอมยกให้ใครดีกว่าตน แต่ชอบยกตัวเองดีกว่าเขา
    มักแสดงให้เขาเห็นว่าเราคิดเก่งกว่า
    รู้ดีกว่า ถ้าให้เราทำ เราจะทำให้ดีกว่าเขาได้
    .
    ๗. อิสสา คือความริษยา เห็นเขาได้ดี ทนไม่ได้
    เมื่อเห็นเขาได้ดีมากกว่าเรา
    เขาได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่าเรา
    เรารู้สึกน้อยใจ อยากจะได้เหมือนอย่างเขา
    ความจริงเราอาจจะมีมากกว่าเขาอยู่แล้ว
    หรือเรากับเขาต่างก็ได้รับเท่ากัน
    แต่เราก็ยังเกิดความรู้สึกน้อยใจ ทนไม่ได้ก็มี
    .
    ๘. มัจฉริยะ คือความตระหนี่ ขี้เหนียว เสียดายของ
    ยึดในสิ่งของที่เราครอบครองอยู่อย่างเหนียวแน่น
    อยากแต่จะเก็บเอาไว้ ไม่อยากให้ใคร
    .
    ๙. มายา คือเจ้าเล่ห์หลอกลวง ไม่จริงใจ พยายามแสดง
    บทบาทตัวเองเกินความจริง หรือจริงๆ แล้วเรามีน้อย
    แต่พยายามแสดงออกให้คนอื่นเข้าใจว่ามั่งมี เช่น
    ด้วยการแต่งตัว กินอยู่อย่างหรูหรา หรือบางกรณี
    ใจเราคิดตำหนิติเตียนเขา แต่กลับแสดงออก
    ด้วยการพูดชื่นชมอย่างมาก หรือบางทีเราไม่ได้มีความรู้มาก
    แต่ของคุยแสดงว่ารู้มาก เป็นต้น
    .
    ๑๐. สาเถยยะ คือการโอ้อวด หลอกลวงเขา ชอบอวดว่าดีกว่าเขา
    เก่งกว่าเขา พยายามแสดงให้เขาเห็น
    เพื่อให้เขาเกิดอิจฉาเรา เมื่อได้โอ้อวดแล้วมีความสุข
    .
    ๑๑. ถัมภะ คือความดื้อ ความกระด้าง ยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง
    ใครแนะนำอะไรให้ก็ไม่ยอมรับฟัง
    .
    ๑๒. สารัมภะ คือการแข่งดี มุ่งแต่จะเองชนะเขาอยู่ตลอด
    จะพูดจะทำอะไรต้องเหนือกว่าเขาตลอด
    เช่นเมื่อพูดเถียงกันก็อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เพื่อเอาชนะให้ได้
    ถึงแม้ความจริงแล้วตัวเองผิด ก็ไม่ยอมแพ้
    .
    ๑๓. มานะ คือความถือตัว ทะนงตน
    .
    ๑๔. อติมานะ คือ การดูหมิ่นท่าน ความถือตัวว่าเราดียิ่งกว่าเขา
    ทำให้ดูถูกดูหมิ่นคนอื่น
    .
    ๑๕. มทะ คือความัวเมา หลงว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาว
    ยังไม่แก่ ยังไม่ตาย หลงในอำนาจ หลงในตำแหน่
    ง คิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแล้วทำอะไรเกินเหตุ
    .
    ๑๖. ปมาทะ คือความประมาท เลินเล่อ
    ไม่คิดให้รอบคอบ อาการที่ขาดสติ ขาดปัญญา
    .
    .
    .
    .
    By...คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2016
  2. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ยากจริงหากจะกำจัดมันออกไปคราวเดียว เพราะมันติดสนิทและตามมากับจิตนานแสนนานมาแล้ว เหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก ค่อยๆชำแหละมันทิ้งไปทีละน้อย จิตจะสะอาดเอง ดิฉันพยายามอยู่ค่ะ

    ขออนุโมทนาสาธุนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...