วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง จอมขมังเวทย์ "ตะกรุด เบี้ยแก้ ลูกอม (สามารถส่งออกบัตรรับประกันทุกชิ้น )

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย golfsuphan, 14 พฤษภาคม 2016.

  1. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    มีเบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม หรือหลวงพ่อคำ หรือหลวงพ่อโปร่ง อีกไหมครับ
     
  2. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    พอหาให้ได้ครับ ขอเบอร์ติดต่อด้วยครับ ไว้ได้มาผมจะติดต่อกลับไปครับ
     
  3. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    ถ้ามีเมื่อไหร่ แจ้งผมทาง pm นะครับ ผมเข้าดูทุกวัน
     
  4. Somja

    Somja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +456
    ...ของผมถ้าส่งแล้ว แจ้ง หมายเลข EMS ให้ทราบด้วยนะครับ
     
  5. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    จัดส่งให้เรียบร้อยแล้วครับ
    EQ841686302TH
    ขอบคุณมากครับ
     
  6. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    เครื่องรางทุกชิ้นในร้านผมยังรอเจ้าของใหม่อยู่นะครับพี่นอ้งชาวพลังจิต​
     
  7. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    รอชมเบี้ยครับ...........
     
  8. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่32 ​


    ตะกรุดโทน หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ เนื้อทองแดง ขนาด5นิ้ว โต0.8ซม อีกหนึ่งของดีสุดขลังของในชีวิตท่านเลยครับ ​


    ตะกรุดโทนหลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่ สำหรับเรื่องพุทธคุณนั้นถ้าเอ่ยถึงตะกรุดของหลวงพ่อมุ่ยเเล้วละก้อจัดได้ว่าไม่เป็นรองใครโดยเฉพาะคนสุพรรณนั้นรู้ดีครับเพราะมีประสบการณ์มากมายเหลือคณานับจนคนสุพรรณยกย่องให้ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งดอนไร่เลยทีเดียว ( ขนาดว่าสมเด็จพระสังฆราช จวน วัดมกุฏกษัตริยาราม เสด็จมาเป็นประธานในการปลุกเสกพระเครื่องยุทธหัตถีที่พระวิสุทธิสารเถระ หรือหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นแม่งานจัดสร้าง สมเด็จฯพบหลวงพ่อมุ่ย จึงตรัสถามหลวงพ่อมุ่ยว่า ทำไมจึงขลังนัก หลวงพ่อมุ่ยก็ตอบว่า หากท่านจะขลังก็คงขลังที่ความดี เพราะตั้งแต่ท่านบวชมา ท่านไม่เคยทำชั่วเลย หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ หรือที่ลูกศิษย์ลูกหารู้จักกันดีในนามหลวงพ่อมุ่ย


    เปิดบูชา 2000บาท
    สนใจติดต่อทางข้อความหรือโทร 0922711638

    โอนเงินเข้าบัญชี นาย วุฒิพร โฉมสุข
    ธ.ทหารไทย สาขาโรบินสันสุพรรณบุรี เลขบัญชี 6382102629




    ปิดรายการครับ

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  9. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่33 ​


    ตะกรุดโทนแม่ทัพ ยุคต้น หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เจ้าแห่งมนต์มหากาฬ จอมขมังเวทย์ เนื้อ2กษัตริย์ พร้อมลูกครั่งและลูกสะกด ยาว4.5นิ้ว ตัวจริงเสียงจริง


    ประวัติหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร
    หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร มีนามเดิมว่า กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ปีมะเส็ง ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ ๙ ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นบุตรของคุณพ่อ ตุ้ย ปั้นสน ซึ่งบ้านเดิมอยู่วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มารดาชื่อคุณแม่ต่วน เดชมา เป็นคนบ้าน แค ท่านทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกัน ๕ คน
    คนที่ ๑ ชื่อนายตุ๊ ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๒ ชื่อนายคาด ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๓ ชื่อนายชื้น ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๔ ชื่อนางนาค ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๕ พระกวย ชุตินฺธโร (มรภาพเเล้ว)
    เด็กชายกวย เมื่อโตขึ้นมา โยมบิดาได้ส่งมาเรียนหนังสือกับหลวงปู่ขวด วัดบ้านแค หลังจากหลวงปู่ขวดก็มรณภาพ บิดามารดาจึงได้นำเด็กชายกวยมาเรียนหนังสือขอมต่อกับอาจารย์ดำ วัดหัวเด่น ซึ่งใกล้ ๆ กับวัดบ้านแค หลังจากนั้นก็มาช่วยทางบ้านประกอบอาชีพ ทำไร่ไถนาตามประสาอาชีพของทางครอบครัว
    อุปสมบท
    ต่อมาเมื่อครบอายุบวช จึงเข้าอุปสมบท โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระชัยนาทมุนี มีหลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละพระอาจารย์หริ่งเป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลา ๑๕ นาฬิกา๑๗ นาที อายุ ๒๐ ปี ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีฉายาว่า ชุตินฺธโร แปลว่า "โลกนี้มีแต่ความวุ่นวายของโลก หนักไปด้วยกิเลส ตัณหาคือ โลภ โกรธ หลง ทั่งสิ้น ถ้าท่านผู้ใดตัดกิเลส ตัณหาได้ก็จะถึงซึ่งฝั่งพระนิพพาน"
    ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงพ่อได้วงปฏิทิน วันที่ท่านเริ่มเจ็บเอาไว้ด้วยสีน้ำเงิน และวงปฏิทิน วันที่ท่านมรณภาพเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดง คือวันที่ ๑๑ มีนาคม และ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒ พร้อมทั้งเขียน พระคาถา นะโมตาบอด ให้ไว้เป็นคาถาแคล้วคลาดและกำบัง หลวงพ่อเขียนว่า "อาตมาภาพพระกวย " นะตันโต นะโมตันติ ตันติ ตันโต นะโม ตันตัน" จะมรณภาพ วันที่ ๑๑ เมษายน เวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที" พอวันที่ ๑๑ มีนาคม หลวงพ่อก็ล้มป่วย ไม่มีโรคอะไร เพียงแต่ไม่มีกำลัง ฉันอาหารไม่ได้ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล มีอาการไข้แทรก ฉันอาหารแทบไม่ได้เลย ไม่มีรสชาติ บางครั้งท่านพ่นข้าวออกจากปาก ไม่ยอมฉัน แล้วหยิบแผ่นตะกรุดขึ้นมาจาร บางครั้งก็จับสายสิญจน์ ปลุกเสกวัตถุมงคล กลางคืนก็จับสายสิญจน์ปลุกเสกวัตถุมงคล บางคืนถึงสว่าง ร่างกายของท่านปกติก็ผอมมากอยู่แล้วกลับผอมหนักเข้าไปอีก วันที่ ๑๐ เมษายน กลางคืนมีศิษย์มาเฝ้าท่านเต็มไปหมด ตอนเช้ายิ่งมาก เพราะท่านจะมรณภาพ แต่ท่านก็ไม่มรณภาพ ท่านผอมมากมีแต่หนังหุ้มกระดูก มีแต่ประกายตาที่สดใสเท่านั้น จนกระทั่งตกกลางคืนท่านก็ไม่มรณภาพ ค่อนสว่างวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒ ทางกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดได้ประชุมปรึกษากันว่า สงสัยในกุฏิท่านจะลงอาถรรพณ์เอาไว้ ตลอดจนตำราอักขระเลขยันต์ ตลอดจนรูปครูบาอาจารย์ คงจะไม่มีใครกล้ามารับท่านแน่ อยากเห็นท่านไปดี จึงปรึกษากัน นำท่านออกมาที่หอสวดมนต์ เมื่อเตรียมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ้มท่านมาจำวัดที่เตียงที่หอสวดมนต์ ท่านลืมตาขึ้นเป็นการสั่งลา ครั้งสุดท้าย แล้วหลับตาพนมมือเกิดอัศจรรย์ ระฆังใบใหญ่ที่หอสวดมนต์ได้ขาดตกลงมา ดังหง่าง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ดังยาวนาน ศิษย์ที่อยู่ศาลาเข้าใจว่าท่านมรณภาพแล้ว จึงได้ตีระฆัง คือคาดว่ามีคนตีระฆัง เมื่อจับเวลาดู เป็นเวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที จับชีพจรท่านดู ปรากฏว่าท่านมรณภาพแล้ว ตรงกับวันที่ ๑๒ เมษายน ซึ่งวันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทยโบราณ ปัจจุบันทางวัดเเละเหล่าบรรดาศิษย์หลวงพ่อจึงยึดเอาในวันที่ ๑๒ เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญ ประจำปีเพื่ออุทิศและระลึกถึงหลวงพ่อ จบประวัติของหลวงพ่อคร่าวๆเเต่เพียงเท่านี้ ขอให้หลวงพ่อคุ้มครองทุกท่านให้มีแต่ความสุขความเจริญ ชีวิตไม่ตกต่ำเหมือนกับคำพรของหลวงพ่อ ที่เคยให้ไว้
    "ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา"
    หมายเหตุ ข้อมูลต่างๆ เเกัไขเเละดัดเเปลงจาก ข้อมูลของเก่าครูสมจิต(เฒ่า สุพรรณ)ที่เขียนไว้ในหนังสือนะโมเเละหนังสืออิทธิปาฎิหารย์หลวงพ่อกวยเล่มเเดงที่เขียนโดยครูสมจิต เเละจากการบอกเล่าของศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อ


    เปิดบูชา 3000บาท
    สนใจติดต่อทางข้อความหรือโทร 0922711638
    โอนเงินเข้าบัญชี นาย วุฒิพร โฉมสุข
    ธ.ทหารไทย สาขาโรบินสันสุพรรณบุรี เลขบัญชี 6382102629




    ปิดรายการครับ

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  10. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่34 ​


    ตะกรุดโทนหลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    เนื้อ3กษัตริย์ ขนาด5นิ้ว โต1ซม ตัวจริงเสียงจริงเชือกไนล่อนเก่าถึงยุค​


    ประสบการณ์ตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    ประสบการณ์เรื่องอภินิหารตะกรุดโทนของหลวงพ่อทบนั้นจะยกมาเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง คือในราวปีพ.ศ.2517 ตอนนั้นในอำเภอวิเชียรบุรี มีเรื่องพิพาทเกี่ยวกับที่ดินมาก ผู้ใหญ่ประเสริฐ ได้ถูกคุกคามจากผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง จะฮุบเอาที่ดินของผู้ใหญ่ประเสริฐ แต่ไม่สำเร็จ ผู้มีอิทธิพลคนนั้นจึงสั่งลูกน้องให้ฆ่าล้างครัว ผู้ใหญ่ประเสริฐจึงพาครอบครัวไปกราบมนัสการหลวงพ่อทบ พร้อมทั้งเล่าเรื่องต่างๆ ให้หลวงพ่อทบฟัง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ท่านจึงได้ทำน้ำมนต์อาบให้ทุกๆ คนจากนั้นท่านก็มอบ ตะกรุดโทนให้กับผู้ใหญ่และลูกชาย ส่วนภรรยาและลูกสาวท่านได้มอบเหรียญรูปท่านกับสีผึ้งให้ไป ก่อนกลับผู้ใหญ่ได้ถวายเงินจำนวน 500 บาทให้หลวงพ่อทบ แต่ท่านไม่รับ ท่านบอกผู้ใหญ่ว่า "เก็บเอาไว้เถอะยังมีความจำเป็นต้องใช้อีกมาก วันๆ ข้าไม่ใช้เงินอยู่แล้ว" จากนั้นท่านก็ให้พรผู้ใหญ่ และกำชับว่ากลางค่ำกลางคืนไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ แล้ว อย่าออกไปไหนเป็นอันขาด มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อกลับจากวัดแล้ว ทุกคนต่างก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ผู้ใหญ่ได้บอกกับลูกเมียให้ทำที่กำลังให้มั่นคง กลางคืนหากมีใครมาเรียกอย่าขานรับโดยเด็ดขาด ผู้ใหญ่กับลูกชายมีอาวุธครบมือ เพื่อรับกับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น เวลาที่ผ่านมานานนับเดือนก็ไม่มีเหตุร้ายใดๆ อยู่มาวันหนึ่งแกรู้สึกตัวในตอนดึก และหิวน้ำจึงลุกขึ้นไปดื่มน้ำ สายตาของผู้ใหญ่ก็เห็นคนกำลังเดิมจะมาเปิดประตูขึ้นบ้าน ผู้ใหญ่จึงหยิบปืนลูกซองที่เตรียมไว้ยิงทันที เสียงปืนดังแชะ ผู้ใหญ่ยังไม่ละความพยายาม ขึ้นนกยิงอีกนัด เสียงปืนดังแชะเหมือนเดิม และแล้วบุรุษผู้มาในยามวิกาลได้ร้องขึ้นว่า "พ่อทำอะไรนะ ฉันเอง" เท่านั้นเองปืนลูกซองแทบหล่นจากมือ แกรีบเดินไปเปิดประตูและสวมกอดลูกชาย แล้วถามว่า "เอ็งหรอกหรือไอ้ทิด แล้วเอ็งออกไปทำไมตอนดึกดื่มเที่ยงคืนอย่างนี้" ลูกชายก็ตอบว่า "ฉันปวดท้องเบาจึงลุกไปฉี่ข้างนอก" ผู้ใหญ่ยกมือท่วมหัวแล้วพูดว่า "เป็นเพราะบารมีตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดนแท้ๆ ที่ช่วยไม่ให้พ่อต้องฆ่าลูกในไส้" ในตัวของลูกชายผู้ใหญ่มีตะกรุดโทนของหลวงพ่อทบเพียงดอกเดียวเท่านั้น วัตถุมงคลและพระเครื่อง
    เหตุการณ์ที่มีผู้ประสบเกี่ยวกับตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ส่วนมากจะถูกยิงแต่กระสุนด้านเป็นส่วนมากครับ พวกทหารที่ไปรบที่เขาคล้อ ภูหินร่องกล้าต่างก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงพ่อทบกันมาก ชาวเพชรบูรณ์ต่างก็ห่วงแหนตะกรุดของหลวงพ่อทบมากครับ คาถาบูชาตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ (พระครูวิชิตพัชราจารย์) วัดพระพุทธบาทชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีพลังจิตแก่กล้าเหนือธรรมชาติ อีกท่านหนึ่งที่เชื่อกันว่าท่านได้บรรลุธรรมชั้นสูง จนสำเร็จเป็น พระอรหันต์ อีกรูปหนึ่งที่มีผู้ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสอย่างกว้างขวาง เมื่อท่านมรณภาพแล้ว สรีระของท่านไม่เน่าเปื่อยแต่ประการใด จนถึงทุกวันนี้


    เปิดบูชา 4000บาท
    สนใจติดต่อทางข้อความหรือโทร 0922711638
    โอนเงินเข้าบัญชี นาย วุฒิพร โฉมสุข
    ธ.ทหารไทย สาขาโรบินสันสุพรรณบุรี เลขบัญชี 6382102629​



    ปิดรายการครับ

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  11. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่35​


    เบี้ยแก้ หลวงพ่อคำ ปญฺญาสโร (วัดโพธิ์ปล้ำ) ตัวจริงเสียงจริง อุดชันโรงพร้อมแผ่นทองแดง เขย่าเสียงดังขลุกๆปรอทวิ่งดีมากครับลูกนี้สภาพสมบูรณ์ 100%ตามตำราที่วงการพระเครื่องยอมรับ มีลงในหนังสือเครื่องรางของ ป๋าพยัพ คำพันธุ์ ไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน สุดยอดของดีแห่งเมืองสยาม


    เครื่องรางที่ทุกคนรู้จัก และอยากได้มาสักการบูชานั้นมีมากมาย แต่ถ้าจะเลือกนำมาบูชาเป็นอันดับ
    ต้นๆ นั่นก็คงหนีไม่พ้น เบี้ยแก้ และเจ้าตำรับเบี้ยแก้ที่ทุกคนรู้จักกันดีนั่นก็มี หลวงปู่รอดวัดนายโรง หลวง
    หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ
    หลวงพ่อคำ ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการพระเครื่องมากพอสมควรเนื่องจากท่านเป็นอีกหนึ่งพระ
    คณาจารย์ดังของจังหวัดอ่างทอง วัตถุมงคลที่หลวงพ่อคำสร้างและปลุกเสกเอาไว้มีมากมายหลายชนิดทั้ง
    พระสมเด็จ เหรียญ พระเนื้อว่านผสมผงยา ผ้ายันต์ ตะกรุด รูปถ่าย
    ลพ.คำ หลวงปู่คำนามเดิมคือ คำ นามสกุลทรัพย์ประเสริฐ เป็น
    บุตรของพ่อเส็ง แม่ไทถือกำเนิดเมื่อปีพ.ศ.๒๔๓๒ ที่ปาก
    คลองวัดโพธิ์ครั้นเมื่ออายุครบบวชได้เข้ารับการอุปสมบท
    ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์มีพระพระญาณไตรโลก วัดศาลาปูน
    เป็นพระอุปัชฌาย์พระครูวินญานุโยค แห่งวัดกษัตราธิราช
    พระอุปัชฌาย์จั่น วัดทำนบ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ
    อนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ปญฺญาสโร ศึกษาพระเวทย์
    วิทยาคมพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆ จากสมุดข่อย ที่พบโดย
    บังเอิญในโพรงของต้นโพธิ์ที่ปลูกอยู่ ภายในวัดจนมีความ ลพ.คำ
    เชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งยวดอีกทั้งยังแลกเปลี่ยนวิชากับพระคณาจารย์ที่เก่งกล้า หลายรูปไม่ว่าจะเป็น
    หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ฯลฯ เนื่องจากมีอายุ
    ใกล้เคียงกันแม้ว่าบางองค์จะอาวุโสมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์จะไปมาหาสู่
    กันอยู่เสมอๆ ซึ่งจะเห็นว่าเบี้ยแก้ของท่านทั้งสองจะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะเบี้ยเปลือยจน
    บางครั้งยังมีการเล่นหาสะสมข้ามวัดข้ามสำนักกันอยู่บ่อยในกรณีถ้าเป็นเบี้ยเปลือยทั้งคู่ เพราะรูปแบบ
    และขนาดค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน
    ลักษณะเบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำ เท่าที่พบเห็นเล่นหาเป็นสากลนั้น จะเป็นเบี้ย
    เปลือยไม่มีการลงรักทักเชือกเหมือนในสำนักอื่นๆ การปิดท้องเบี้ยนั้นจะปิดด้วย
    ชันโรงภายหลังจากบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ย นอกจากนั้นยังปิดทับด้วยแผ่น
    ตะกรุดอีกที ตะกรุดที่ปิดทับท้องเบี้ยเท่าที่พบจะเป็นโลหะเนื้อทองแดง เงิน ทอง
    ซึ่งลักษณะการปิดใต้ท้องเบี้ยนี้จะไม่พบในการทำเบี้ยของหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน
    และหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่จะมองข้ามไม่ได้ที่ควร
    พิจารณาอย่างละเอียดคือ ต้องดูความแห้งของชันโรง และข้อสำคัญต้องดูความ
    แนบสนิทของตะกรุด และชันโรงให้ดี
    ในส่วนของการปิดทับด้วยชันโรงนั้นแบ่งเป็น ๓ ยุค ๓ ลักษณะด้วยกันกล่าวคือ ลพ.คำ
    เบี้ยแก้ยุคแรกจะปิดทับด้วยชันโรงที่ได้จากธรรมชาติอันแท้จริง แต่ก็หาได้ยาก ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็น
    ชันยาเรือแทน และท้ายที่สุดอุดทับด้วยชันยาเรือผสมผงอิทธิเจ เมื่อลองเขย่าดูเสียงปรอทจะแตกต่าง
    ออกไปไม่เหมือนเบี้ยแก้สำนักอื่น ที่เวลาเขย่าจะมีเสียงดังขลุกๆ แต่เบี้ยแก้ของสายอ่างทองจะมีเสียงดัง
    แซ๊กๆ คล้ายกับเสียงของเม็ดท้ายวิ่งอยู่ภายในตัวเบี้ยเสียงนั้นเกิดจากหลวงพ่อคำ ท่านได้เขียนอักขระ
    เลขยันต์ลงในแผ่นตะกั่ว และตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วบรรจุ่ลงไปในเบี้ยแก้ด้วยนับเป็นเอกลักษณะอีก
    อย่างหนึ่งของเบี้ยแก้สำนักนี้ การสร้างวัตถุมงคลประเภทเบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำพอสันนิษฐานได้ว่าท่าน
    เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๙๐ พุทธคุณของเบี้ยแก้สำนักนี้ก็คล้ายๆ หรือเหมือนกับเบี้ยแก้สำนักอื่นๆ
    คือป้องกันคุณไสยยาสั่งแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดีพร้อมทั้งแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรีแต่
    ที่มีมากกว่าเบี้ยแก้ของสำนักอื่นก็ตรงกันผี และอาถรรพ์ป่าได้อีกด้วย
    พระครูวิตถารสมณกิจ หรือพระอุปัชฌาย์คำ เป็นพระสมถะ ใจดี ชั่วชีวิตท่านปฏิบัติอยู่แต่ในพระธรรม
    วินัยอย่างเคร่งครัด ไม่มีการสะสมเงินทอง เงินทองที่ท่านได้มาจากการทำบุญของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา
    ท่านได้นำมาทำนุบำรุงศาสนาหมด จนปีพ.ศ.๒๕๐๓ เริ่มอาพาธไม่มีแรงลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อจึงได้ นิมนต์หลวงพ่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ แต่ท้ายที่สุดหลวงพ่อก็ได้มรณภาพลงที่โรงพยาบาล
    สงฆ์ กรุงเทพมหานคร ด้วยโรคลมปัจจุบัน ภายหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว ได้มีการสำรวจทรัพย์สินใน
    กุฏิของท่าน ปรากฏว่า ไม่พบปัจจัยและทรัพย์สินมีค่าใดๆ เลย นับได้ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มีความ
    บริสุทธิ์โดยแท้ ผู้สมควรแก่การกราบไหว้บูชา หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ถึงแก่มรณภาพตรงกับวันที่ ๒๕
    มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๓ รวมสิริอายุ ๗๒ ปี ๕๒ พรรษา


    เปิดบูชา 3500บาท
    สนใจติดต่อทางข้อความหรือโทร 0922711638
    โอนเงินเข้าบัญชี นาย วุฒิพร โฉมสุข
    ธ.ทหารไทย สาขาโรบินสันสุพรรณบุรี เลขบัญชี 6382102629



    ปิดรายการครับ

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]

    [​IMG][/url][/CENTER][/IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  12. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    จองครับ............
     
  13. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    ยังอยากได้เพิ่มนะครับเบี่ยแก้ ขอหลวงพ่อภัก และหลวงพ่อโปร่ง หลวงพ่อนุ่ม จะเก็บส่ายนี้ให้ครบครับ
     
  14. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    ราคาที่ตั้งเป็นเพี่ยงราคาสมมติราคาจริงอยู่ที่ทุกท่านต่อรองมาครับ ​
     
  15. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    โอนให้แล้วนะครับ
    รายละเอียด ในpn และไลน์ครับ
     
  16. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่27 ลูกกระดอนสะท้อนไม้ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ sitprogpo จองครับ
    รายการที่30 ตะกรุดมหาโสฬสมงคล อาจารย์แปลก ร้อยบาง nutakit จองครับ
     
  17. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่36​

    ตะกรุดโทนเสาร์5 หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เจ้าแห่งมนต์มหากาฬ จอมขมังเวทย์ เนื้ออลูมิเนียมถักเชือก5เสา ยาว5นิ้ว ตัวจริงเสียงจริง


    ประวัติหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร
    หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร มีนามเดิมว่า กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ปีมะเส็ง ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ ๙ ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นบุตรของคุณพ่อ ตุ้ย ปั้นสน ซึ่งบ้านเดิมอยู่วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มารดาชื่อคุณแม่ต่วน เดชมา เป็นคนบ้าน แค ท่านทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกัน ๕ คน
    คนที่ ๑ ชื่อนายตุ๊ ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๒ ชื่อนายคาด ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๓ ชื่อนายชื้น ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๔ ชื่อนางนาค ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๕ พระกวย ชุตินฺธโร (มรภาพเเล้ว)
    เด็กชายกวย เมื่อโตขึ้นมา โยมบิดาได้ส่งมาเรียนหนังสือกับหลวงปู่ขวด วัดบ้านแค หลังจากหลวงปู่ขวดก็มรณภาพ บิดามารดาจึงได้นำเด็กชายกวยมาเรียนหนังสือขอมต่อกับอาจารย์ดำ วัดหัวเด่น ซึ่งใกล้ ๆ กับวัดบ้านแค หลังจากนั้นก็มาช่วยทางบ้านประกอบอาชีพ ทำไร่ไถนาตามประสาอาชีพของทางครอบครัว
    อุปสมบท
    ต่อมาเมื่อครบอายุบวช จึงเข้าอุปสมบท โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระชัยนาทมุนี มีหลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละพระอาจารย์หริ่งเป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลา ๑๕ นาฬิกา๑๗ นาที อายุ ๒๐ ปี ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีฉายาว่า ชุตินฺธโร แปลว่า "โลกนี้มีแต่ความวุ่นวายของโลก หนักไปด้วยกิเลส ตัณหาคือ โลภ โกรธ หลง ทั่งสิ้น ถ้าท่านผู้ใดตัดกิเลส ตัณหาได้ก็จะถึงซึ่งฝั่งพระนิพพาน"
    ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงพ่อได้วงปฏิทิน วันที่ท่านเริ่มเจ็บเอาไว้ด้วยสีน้ำเงิน และวงปฏิทิน วันที่ท่านมรณภาพเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดง คือวันที่ ๑๑ มีนาคม และ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒ พร้อมทั้งเขียน พระคาถา นะโมตาบอด ให้ไว้เป็นคาถาแคล้วคลาดและกำบัง หลวงพ่อเขียนว่า "อาตมาภาพพระกวย " นะตันโต นะโมตันติ ตันติ ตันโต นะโม ตันตัน" จะมรณภาพ วันที่ ๑๑ เมษายน เวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที" พอวันที่ ๑๑ มีนาคม หลวงพ่อก็ล้มป่วย ไม่มีโรคอะไร เพียงแต่ไม่มีกำลัง ฉันอาหารไม่ได้ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล มีอาการไข้แทรก ฉันอาหารแทบไม่ได้เลย ไม่มีรสชาติ บางครั้งท่านพ่นข้าวออกจากปาก ไม่ยอมฉัน แล้วหยิบแผ่นตะกรุดขึ้นมาจาร บางครั้งก็จับสายสิญจน์ ปลุกเสกวัตถุมงคล กลางคืนก็จับสายสิญจน์ปลุกเสกวัตถุมงคล บางคืนถึงสว่าง ร่างกายของท่านปกติก็ผอมมากอยู่แล้วกลับผอมหนักเข้าไปอีก วันที่ ๑๐ เมษายน กลางคืนมีศิษย์มาเฝ้าท่านเต็มไปหมด ตอนเช้ายิ่งมาก เพราะท่านจะมรณภาพ แต่ท่านก็ไม่มรณภาพ ท่านผอมมากมีแต่หนังหุ้มกระดูก มีแต่ประกายตาที่สดใสเท่านั้น จนกระทั่งตกกลางคืนท่านก็ไม่มรณภาพ ค่อนสว่างวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒ ทางกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดได้ประชุมปรึกษากันว่า สงสัยในกุฏิท่านจะลงอาถรรพณ์เอาไว้ ตลอดจนตำราอักขระเลขยันต์ ตลอดจนรูปครูบาอาจารย์ คงจะไม่มีใครกล้ามารับท่านแน่ อยากเห็นท่านไปดี จึงปรึกษากัน นำท่านออกมาที่หอสวดมนต์ เมื่อเตรียมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ้มท่านมาจำวัดที่เตียงที่หอสวดมนต์ ท่านลืมตาขึ้นเป็นการสั่งลา ครั้งสุดท้าย แล้วหลับตาพนมมือเกิดอัศจรรย์ ระฆังใบใหญ่ที่หอสวดมนต์ได้ขาดตกลงมา ดังหง่าง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ดังยาวนาน ศิษย์ที่อยู่ศาลาเข้าใจว่าท่านมรณภาพแล้ว จึงได้ตีระฆัง คือคาดว่ามีคนตีระฆัง เมื่อจับเวลาดู เป็นเวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที จับชีพจรท่านดู ปรากฏว่าท่านมรณภาพแล้ว ตรงกับวันที่ ๑๒ เมษายน ซึ่งวันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทยโบราณ ปัจจุบันทางวัดเเละเหล่าบรรดาศิษย์หลวงพ่อจึงยึดเอาในวันที่ ๑๒ เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญ ประจำปีเพื่ออุทิศและระลึกถึงหลวงพ่อ จบประวัติของหลวงพ่อคร่าวๆเเต่เพียงเท่านี้ ขอให้หลวงพ่อคุ้มครองทุกท่านให้มีแต่ความสุขความเจริญ ชีวิตไม่ตกต่ำเหมือนกับคำพรของหลวงพ่อ ที่เคยให้ไว้
    "ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา"
    หมายเหตุ ข้อมูลต่างๆ เเกัไขเเละดัดเเปลงจาก ข้อมูลของเก่าครูสมจิต(เฒ่า สุพรรณ)ที่เขียนไว้ในหนังสือนะโมเเละหนังสืออิทธิปาฎิหารย์หลวงพ่อกวยเล่มเเดงที่เขียนโดยครูสมจิต เเละจากการบอกเล่าของศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อ

    เปิดบูชา 2000บาท
    สนใจติดต่อทางข้อความหรือโทร 0922711638
    โอนเงินเข้าบัญชี นาย วุฒิพร โฉมสุข
    ธ.ทหารไทย สาขาโรบินสันสุพรรณบุรี เลขบัญชี 6382102629




    ปิดรายการครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  18. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    รอชมครับ....
     
  19. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    รายการที่37 ​


    ตะกรุดพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ยาว4.5เชือกคาดเอวเดิมๆ
    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ตำบลหนองสะเดา อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ผู้มีอายุยืนยาว ๕ แผ่นดิน


    วัดดอนไร่
    วัดดอนไร่ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของตำบลหนองสะเดา อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง ในปี พ.ศ.2456 ภายใต้การนำของท่านผู้ใหญ่ยาและนางบู่ ต้นตระกูล ยาสุขแสง ได้นำชาวบ้านหักร้างถางดงบนที่ดอนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านหนองตม อันเป็นไร่เก่าของนายสี นางพูน และนายแก้ว นางหมอน แล้วสร้างเป็นวัดขึ้นตรงไร่ดังกล่าวเรียกว่า วัดดอนไร่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของชาวบ้านหนองตม
    วัดดอนไร่เป็นวัดที่ใหญ่โตอีกวัดหนึ่งในปัจจุบัน
    ด้วยได้รับความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาของบรรดาพุทธศาสนิกชนและเจ้าอาวาสของวัดทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน
    และหากกล่าวถึงวัดดอนไร่แล้วบุคคลส่วนใหญ่จะต้องนึกถึงพระครูสุวรรณวุฒาจารย์ หรือหลวงพ่อมุ่ย พุทฺธรักฺขิโต อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนไร่ และเจ้าคณะตำบลหนองสะเดา อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วประเทศไทย วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ต่างก็ได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการของบุคคลทั้งหลาย

    หลวงพ่อมุ่ย พุทฺธรักฺขิโต พระครูสุวรรณวุฒาจารย์
    หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระคณาจารย์ยุคกึ่งพุทธกาลที่เกียรติคุณชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นได้รับความนิยมกันมาก
    เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2431 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ณ.บ้านดอนไร่ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
    เป็นบุตรของพ่อเหมือน แม่ชัง มีศรีไชย มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน คือ
    1. นางน้ำอ้อย จันทร์สุวรรณ
    2. นางน้ำตาล จีนสุกแสง
    3. นายช่อง มีศรีไชย
    4. นายเชื่อม มีศรีไชย (หลวงพ่อมุ่ย พุทฺรักฺขิโต)
    5. นางสาคู มีศรีไชย
    วัยเด็ก
    เนื่องด้วยครอบครัวของท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา ในวัยเด็กของท่านจึงมีชีวิตตามประสาเด็กชนบททั่วไป โดยช่วยเหลือครอบครัวในการเลี้ยงควาย เป็นต้น
    วัยหนุ่ม
    เมื่อวัยหนุ่มท่านได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร ผลว่าท่านถูกเกณฑ์เป็นทหารและทางอำเภอได้ส่งตัวท่านไปยังจังหวัด แต่ท่านก็ต้องถูกส่งตัวกลับมาด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ สรุปคือท่านไม่ได้เป็นทหารแน่นอน
    อุปสมบท
    ภายหลังจากการเกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว ท่านได้เข้ารับการอุปสมบทตามธรรมเนียมประเพณีของคนไทย เมื่อประมาณปี พ.ศ.2452 ณ. พัทธสีมาวัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี
    พระครูศีลกิติ ( หลวงพ่อกฤษณ์ ) วัดท่าช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอนุสาวนาจารย์ไม่ทราบชื่อ
    ในช่วงนี้ท่านได้เข้ารับการศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆจากพระอาจารย์ต่างๆอยู่พอสมควร
    ท่านอุปสมบทได้ประมาณ10กว่าพรรษา ท่านก็ได้ลาสิกขาบท เพื่อมาช่วยบิดามารดาซึ่งชราทำไร่นา ในช่วงนี้ท่านได้เกิดล้มป่วยแทบเอาชีวิตไม่รอด ยากจะดูแลรักษาให้หายได้ ท่านจึงได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ว่า หากหายจากอาการเจ็บป่วย จะฝากกายถวายชีวิตในพระพุทธศาสนาตลอดไป
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักต่อมาอาการเจ็บป่วยของท่านก็ได้หายไป และช่วงนี้ท่านก็ได้เปลี่ยนชื่อจาก เชื่อม มาเป็น มุ่ย สรุปแล้วท่านลาสิกขาบทมาได้ไม่กี่เดือนก็อุปสมบทใหม่เป็นครั้งที่สอง
    ท่านได้อุปสมบทเป็นครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2465 เวลา 15.30 น. ณ. พัทธสีมาวัดตะค่า(วัดดอนบุบผารามในปัจจุบัน) ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี
    พระครูธรรมสารรักษา (หลวงปู่อ้น) วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์ทวน วัดบ้านกร่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอาจารย์กุล วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับชื่อทางพระพุทธศาสนาจากพระอุปัชฌาย์ว่า พุทฺธรักฺขิโต

    ครูบาอาจารย์
    เนื่องด้วยหลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นผู้คงแก่เรียน หมั่นขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอๆ จึงทำให้ท่านชำนาญและเชี่ยวชาญในศาสตร์หลายแขนง การเรียนรู้ในศาสตร์หลายแขนงของท่าน ได้พากเพียรเรียนรู้มาตั้งแต่การอุปสมบทครั้งแรก เมื่อกลับมาอุปสมบทอีกครั้งด้วยพื้นฐานที่รอบรู้อยู่แล้วและศึกษาเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ท่านรอบรู้และแตกฉานยิ่งขึ้น ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อมุ่ยไปศึกษามานั้นมีอยู่มากมายเกิน10ท่านขึ้นไปแต่ก็สืบเสาะได้ยากยิ่งเนื่องจากหลวงพ่อมุ่ยท่านไม่เคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง แต่เท่าที่สืบค้นได้ก็มีดังนี้
    1. พระครูธรรมสารรักษา หรือ หลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    หลวงปู่อ้นท่านเป็นพระอาจารย์ยุคเดียวกันกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ท่านมีอายุน้อยกว่าหลวงพ่อเนียม 9 ปี ในยุคนั้นหลวงปู่อ้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในแถบจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีในยุคสมัยนั้น ท่านขึ้นชื่อมากในด้านแพทย์แผนโบราณ การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และพุทธาคมก็ยังเป็นเลิศ ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและพระอาจารย์ต่างๆมาศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านที่วัดมากมายลูกศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเช่น ท่านเจ้าคุณเชียง วัดราชบูรณะ ,หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน , หลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม เป็นต้น ในการอุปสมบทครั้งที่สองของหลวงพ่อมุ่ยท่าน เมื่อปี พ.ศ.2465 ท่านได้เดินทางมาที่วัดดอนบุบผารามเพื่อให้หลวงปู่อ้นทำการอุปสมบทให้ และหลังจากการอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อมุ่ยก็ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่อ้นต่ออีกสักพักหนึ่ง หลวงปู่อ้นจึงนับเป็นพระอาจารย์รูปแรกของท่านเท่าที่มีการบันทึกมา
    2. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
    หลวงพ่อมุ่ยสนใจในวิปัสสนากรรมฐานมาก ซึ่งในยุคนั้นพระอาจารย์วิปัสสนากรรมฐานของเมืองสุพรรณที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็มี หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน , หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา และหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว หลวงพ่อมุ่ยได้เลือกศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคาถาอาคมต่างๆจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขาในช่วงที่บวชครั้งที่สอง ศึกษาจากหลวงพ่ออิ่มเป็นระยะเวลา1พรรษาเต็ม หลังจากศึกษาจากหลวงพ่ออิ่มหมดแล้ว หลวงพ่ออิ่มก็ได้พาไปศึกษาต่อกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลกันมากนัก
    3. พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท
    ในยุคนั้น หลวงปู่ศุข ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ มีลูกศิษย์ลูกหามาขอศึกษาวิชาต่างๆกับท่านมากมาย หลวงพ่อมุ่ยก็เช่นกัน ภายหลังจากที่ศึกษาวิชาต่างๆจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จนหมดแล้ว หลวงพ่ออิ่มจึงแนะนำให้ไปศึกษาเพิ่มเติมอีกที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่ออิ่มเคยเล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า ตัวท่านเองแก่แล้ว จึงศึกษาเวทมนต์ คาถาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ศุขได้ครึ่งเล่ม ส่วนหลวงพ่อมุ่ยท่านยังหนุ่มสามารถศึกษาได้ถึงเล่มครึ่ง หลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นที่รักใคร่ของหลวงปู่ศุขมาก เป็นศิษย์ชั้นแถวหน้าของหลวงปู่ศุขเลยทีเดียว กล่าวกันว่าท่านได้รับถ่ายทอดวิชาอาคมมาจากหลวงปู่ศุขมาก รองมาจากกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    4. อาจารย์กูน วัดบ้านทึง อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
    อาจารย์กูน วัดบ้านทึง เป็นฆราวาสที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี เดิมท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านทึง แต่ต่อมาท่านได้ลาสิกขาบท ท่านเชี่ยวชาญมากในด้านไสยศาสตร์และแพทย์แผนโบราณ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ดี เป็นที่พึ่งของชาวบ้านตลอดมา อาจารย์กูนเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อเลื่องลือมากในยุคนั้น หลวงพ่อมุ่ยท่านสนใจในด้านแพทย์แผนโบราณมากจึงได้เดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์ต่ออาจารย์กูนในสมัยที่อาจารย์กูนท่านยัง ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทึงอยู่ และอาจารย์กูนยังได้มอบตำราการทำยาหอมให้ท่านมาด้วย ซึ่งต่อมาท่านก็มอบต่อให้ศิษย์ท่านเอาไปทำยาหอม ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีคือ ยาหอม ตราฤาษีทรงม้า นั่นเอง



    เปิดบูชา 3000บาท
    สนใจติดต่อทางข้อความหรือโทร 0922711638

    โอนเงินเข้าบัญชี นาย วุฒิพร โฉมสุข
    ธ.ทหารไทย สาขาโรบินสันสุพรรณบุรี เลขบัญชี 6382102629



    ปิดรายการครับ


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  20. golfsuphan

    golfsuphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +178
    ปิดรายการที่33
    ปิดรายการที่34
     

แชร์หน้านี้

Loading...