ใครเก่งเรื่องจักระ อัญเชิญ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วิหคอิสระ, 27 ตุลาคม 2013.

  1. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ยากที่จะรู้ถูกผิด
    มันทนรู้ได้ยาก
     
  2. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    อะไร ทรานสมิท... อันเดียวกับ ทรานเฟอร์มั้ย หรือ ฟิชเจอริ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    แค่ ดูเห็น..มันก็รู้ พร้อมกันละ จะไปแบกในสิ่งที่รู้(คิด) ทำไม

    จะคิดไปทำไม
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    มันส่งกำลังบำรุง
    เป็ฯการที่ราคะ มีรูปราคะ อรูปราคะ กามราคะ
    และอีกหลายราคะ
    ส่งกำลังออกมา
    มีส่งแบบผิดผิด
    จะส่งแบบถูกถูก

    ผิดแรกจะตกสู่พื้น
    ผิดที่สองขึ้นจรวดความเร็วแสงไปแตะขอบจักรวาล
     
  5. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    งั้นก็ ทรานเฟอร์คือ ถ่ายโอน เปลี่ยนแปลง แปลงร่าง กลายเป็นอย่างอื่น..เพราะเสือกรู้ไม่ทัน ไช่มั้ยล่ะ

    ต้องฝึกสติ ให้มากนะ จะได้ไม่หลง หลงเมื่อไหร่คือ..ตามไม่ทัน นั่นเอง
     
  6. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    ขุด
     
  7. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    จักระทั้ง7เป็นอย่างไร

    จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ) มีชื่อว่า มูละธารณะ
    - อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
    - เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
    - ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ

    จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ) ชื่อว่า สวาธิษฐานะ
    - อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง
    - ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
    - ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค

    จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ) มีชื่อว่า มณีปุระ
    - อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
    - ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
    - ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต

    จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ) ชื่อว่า อะนาหตะ
    - อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
    - ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
    - ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว

    จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ) ชื่อว่า วิศทะ
    - ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา
    - อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
    - ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
    - ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง

    จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ) ชื่อว่า อะชะ
    - อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห้าม ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด
    - ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
    - ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิเท่านั้น (ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)

    จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อว่า สหสราระ
    - อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
    - ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
    - ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง

    จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้

    .................................................................................................

    จุดที่สำคัญในร่างกายทั้งหมด7จุด
    1.มูลธาร อยู่ที่ปลายกระดูกสันหลัง "มูลธาร"ธารแห่งชีวิตเริ่มต้นที่นี้การนั่งกับพื้น จะทำให้กระแสพลังในร่างกายสามารถแตะรับพลังจากแม่พระธรณี รวมเป็นกระแสที่ พุ่งผ่านขึ้นมา

    2.สวาธิษฐาน คือจุดที่อยู่ต่ำกว่าสะดือหนึ่งฝ่ามือ เหนือเครื่องเพศ"สวาธิฐาน" สะวะ คือการไหล การหยดย้อย หยดแห่งชีวิตมนุษย์อุบัติที่นั่น การอธิฐานมาเกิดย่อมเริ่ม ณ จุดนั้น

    3.มณีปุระ สายใยแห่งชีวิต เมื่อมนุษย์คลอดพ้นครรภ์มารดา รก จะถูกตัดขาดแยกเป็น ชีวิตใหม่ หลุดจากกายทิพย์

    4.อนาหตะ จุดกึ่งกลางอก "อะนะ"คือลมหายใจคือการเคลื่อนไหว"หตะ"คือถึงที่จุดจบ ยามมรณะจุดนี้จะเป็นจุดหมดสิ้นของชีวิต

    5.วิสุทธิ อยู่ตรงคอหอยคือความใสสะอาดหมดจรด

    6.อาชญะ อยู่กึ่งกลางหน้าผากระหว่างหัวคิ้ว เป็นจุดแห่งอำนาจ แสงสว่างจากจิตจะ แสดงได้ตรงนี้

    7.สหสราระ "สะหะ"คือร่างแรงพลังศักติ์ "สร"คือการไหล คือจุดที่พุ่งออกจากมูลธาร ผ่านจุดต่างๆขึ้นเบื้องบน ยามมรณะกาลมาถึง จุดหยดน้ำสีขาว(คือหยดแห่งบิดา)จากจุดพินทุภายในกึ่งกลาง กระโหลกศีรษะจะค่อยๆหยาดย้อยไหลลงมา ผ่านช่องกลางของกระดูกสันหลังตรงข้อต่อ ขณะจุดหยดน้ำสีแดง(คือหยดแห่งมารดา)จะเคลื่อนผ่านจากหทัยไปอยู่ตรงช่องกลาง ณ ทรวงอก สำหรับผู้ทรงฌานชั้นสูงเมื่อถึงมรณะกาล ลมปราณจะพันเป็นเกลียวแน่น

    ณ จุดมูลธาร ปลายกระดูกสันหลังตรงก้นกบ กระดูกสันหลังจะเปิด ลมปราณจากมูลธาร จะดันขึ้นไปจนถึงจุดที่หยาดหยดน้ำขาวและแดงรวมกัน จากนั้นจะถูกลมดันให้พุ่งออก ทางกระหม่อม เมื่อผ่านออกได้ก็ถึงมรณะกาล

    Cosmos คือ จักรวาล Cosmology คือ จักรวาลวิทยา วิชาที่กล่าวถึงพลังในจักรวาล (Cosmic energy) เชื่อว่า เป็นพลังที่ปรากฎในโลกมนุษย์ ได้จากดวงอาทิตย์แผ่รังสีไปกระทบดวงดาวต่างๆ ดวงดาวเหล่านี้มีแร่ธาตุที่แตกต่างกันจึงดูดซับและสะท้อนรังสีออกมามีสีแตกต่างกัน และ เป็นรังสีที่แผ่มากระทบมนุษย์บนโลก มนุษย์มีพลังจิตที่มีความสามารถในการดูดซับรังสีเหล่านี้มาสะสมไว้ใน “กายทิพย์ (Etheric body)” จึงเรียกว่า พลังกายทิพย์ และ มนุษย์สามารถถ่ายเทเผื่อแผ่พลังเหล่านี้ไปสู่ผู้อื่นได​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0396.JPG
      IMG_0396.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.1 KB
      เปิดดู:
      55

แชร์หน้านี้

Loading...