พบพระพุทธองค์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Dragon new, 18 สิงหาคม 2016.

  1. Dragon new

    Dragon new สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +19
    คุณมังกรบูรพาครับ
    เมื่อผมเดินผ่านพระพุทธรูปผมมีไหว้ตามโอกาสครับ
     
  2. Dragon new

    Dragon new สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นครับ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    นี่คือประเด็นที่ถามครับ...(^_^)



    จขกท. ไม่ได้ถามผลนะครับ อ่านเข้าใจนะครับ.
    ..และที่คุณเข้าใจว่าถามผลการปฏิบัติว่ามีใครไปพบพระพุทธเจ้าบ้าง
    ไม่ใช่คำถามที่ จขกท ถาม และไม่ใช่ประเด็นที่ถาม...

    ประเด็นคือ พบจริงๆหรือว่าเป็นเพียงมโน...เข้าใจนะครับ..
    หวังว่าคงได้อ่าน แล้วนะครับ ถึงได้มาคอมเมนต์อย่างนี้...
    ที่หลังอ่านก่อนก็ดีนะครับ ก่อนที่จะแสดงความเห็นอะไร
    หลักฐานมันก็มีเห็นๆอยู่เข้าใจนะครับ


    คนบางคน โดยเฉพาะคุณ หมูดิน 1 เนี่ยไม่เข้าใจ ประเด็นที่ถามจริงๆนั่นหละครับ
    คุณอ่านบ้างหรือยัง ว่าเค้าถามประเด็นไหน ไม่ใช่คิดเอาเองว่าต้องเป็น
    ประเด็นที่ตนเองอยากสื่อ แล้วมาพาดพิงคนอื่นๆเค้า..

    ย้าอีกรอบนะครับ เพื่อว่าจะมีปัญหาในเรื่องการอ่านแล้วทำความเข้าใจ
    นะครับ.....
    ประโยคข้างล่างคือ ที่ จขกท ถาม...คำตอบมีแค่ จริงหรือมโน
    เค้าไม่ได้ถามการปฏิบัติ ว่าฝึกอะไรอย่างไร ไปพบได้อย่างไร
    มันคนละประเด็น คนระเรื่อง บอกได้ว่า อ่านไม่ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด
    ยังแสดงจิตอกุศลไปกล่าวหาพาดพิงคนอื่นๆแบบไม่ดูตาม้าตาเรือด้วยครับ

    ''ผู้นั้นได้พบและคุยกับพระพุทธองค์จริงๆหรือจิตของผู้นั้นมโนขึ้นมาเองครับ

    ผมขอทราบความเห็นแต่ละท่านด้วยครับ''

    ประเด็นคือ พบพระพุทธองค์จริงๆ หรือ จิตมโนขึ้นมาเอง....
    เท่านี้นะครับ...การที่ผู้เขียนได้แนะว่า ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึด
    เป็นการตอบคำถามส่วนนี้ อยู่แล้วครับ ว่าเป็นจิตมโนหรือพบพระพุทธเจ้า
    จริงๆ..

    ถามแบบปัญญาน้อย ขาดตรรกะในการตีความแบบทั่วๆไปเลยก็ได้นะครับ
    ว่าพระพุทธเจ้ามีพระองค์ไหนที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างครับ...
    มีพระองค์ไหนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ครับ...
    ดังนั้น การที่ใครก็ตามที่พบพระพุทธเจ้าไม่ว่าจะในนิมิต
    หรือแม้กระทั่งเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆ จำเป็นที่จะต้องแทรกเรื่อง
    การไม่ยึดติด และการปล่อยวาง ซึ่งตรงกับเนื้อหาที่สอนแล้ว
    มากที่สุดแล้วครับ...เพราะไม่งั้น ไม่ว่าใครก็ตามก็จะไปคิด
    ว่าพระพุทธเจ้าที่เห็นนั้น..แม้ว่าเคยมีอยู่จริง แต่จะคิดเป็นจริง
    เป็นจังว่าท่านยังมีอยู่และมีชีวิตอยู่นั่นเองครับ
    เข้าใจเหตุและผลนะครับ..
    ส่วนเรื่องการปฏิบัติตามคำสอนของท่าน
    ไม่ต้องพูดเค้าก็รู้กันหมดทั่วโลกแล้วหละครับ
    สำคัญว่า ที่เรามาพูดๆ เราพูดเพื่อให้ตัวเองดูหล่อ
    อย่างเดียว หรือว่าปฏิบัติได้จริงๆอย่างที่พูดกันครับ
    เอาแค่ง่ายๆ เรื่องยึด กับปล่อยวางในสิ่งที่เห็น
    คุณคิดว่า จริงหรือมโน ตอบตัวเองให้ได้ก่อนนะครับ
    ก่อนที่จะมาพูดไปยังประเด็นดาวอังคารนะครับ
    ผมตอบให้ก็ได้ คุณปฏิบัติมากี่ปีแล้วหละครับ
    กี่สิบปีแล้วครับดูซิ ว่าความสามารถในการเข้าใจทางด้านนามธรรม
    ของคุณมันมีมากน้อยแค่ไหน ทางด้านนามธรรมคุณ
    มีความสามารถทำอะไรได้บ้างหละครับ
    นี่หละครับมันคือคำตอบ ของเรื่อง การยึดหรือปล่อยวาง
    มันคือ คนที่มาค้านคนที่แนะเรื่องการไม่ให้ยึด การปล่อยวาง
    ว่าเป็นเรื่อง ออกทะเล นั่นหละครับ
    เข้าใจที่สื่อนะครับ. (น่าจะรู้ตัวเองบ้างนะครับ)



    .

    ปล.ถ้าเรื่องการปล่อยวาง เรื่องการไม่ให้ยึด ในสิ่งที่เห็น
    คือการออกทะเล เรื่องที่ผลการปฎิบัติ เรื่องวิธีการปฏิบัติ
    ต่างๆ ยังมาโชว์ฉลาดน้อยว่าบางคน
    อ่านคำถามแค่นี้ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่า ใครที่มันฉลาดน้อยแบบไม่รู้ตัวนะครับ
    ที่นี้ดาวโลก ไม่ใช่ดาวอังคารจะแสดงความเห็นอะไร
    ก็ให้มีเหตุมีผลแบบชาวโลกบ้างนะครับ...

    พวกที่มากล่าวหาแบบนี้ คือพวกที่ยึดนามธรรม
    เป็นจริงๆเป็นจังทั้งนั้นหละครับ...ถึงได้ทนไม่ได้
    เชื่อได้เลยว่า ต่อให้ปฏิบัติมาหลายสิบปี
    เข้าหาแต่ครูบาร์อาจารย์มีชื่อ
    แต่ความสามารถทางนามธรรมของตนเองก็งั้นๆหละครับ
    ต่อให้ทำได้ ก็จะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครเค้าทั้งนั้น..

    แต่ปากก็จะอ้างแต่พระพุทธเจ้า ให้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า
    แนะตามแต่ธรรมะของพุทธเจ้า..
    ทั้งๆที่ตัวเองยังยึดมั่นถืออยู่แบบไม่รู้ตัว...

    สิ่งที่ไม่มีแล้ว ดับขันธ์ไปแล้ว ยังพยายามพูด
    ยังพยายามจะทำให้เป็นรูปธรรมอยู่ได้
    แม้มีรูปแทน หรือ รูปปั้น แต่นั้นไม่ใช่ท่านจริงๆ
    เหมือนคุณมี รูปบิดามารดาคุณ คุณกราบไหว้
    คุณให้ความเคารพรูป นั่นเพื่อสื่อถึงท่าน
    แต่รูปนั้น ใช่พระบิดา ใช่พระมารดา ของคุณจริงๆ
    หรือเปล่าหละครับ คิดครับ คิดบ้าง

    นี่ขนาดเห็นเป็นภาพถ่าย
    เป็นรูปแทน ยังยึดไม่ได้ ยังจะมาอะไรหนักหนา
    กับการเห็นแบบหลับตาปี๊ หรือแว๊บๆ กันมากมายครับ
    คิดซะบ้าง ตรรกะง่ายๆ.
    .


    แล้วก็ชอบใช้ปากอ้างจริง อ้างจัง
    ว่าต้องปฏิบัติตามธรรมะที่ท่านสอน
    คิดบ้างอะไรบ้าง ก่อนที่จะตอบ
    ก่อนจะพูดอะไรนะครับ
    จะเป็นใบลาน ก็เป็นใบลาน
    ที่รู้จักตีความ ในทางปฏิบัติ
    ที่จะให้เกิดผลแต่ตนเองบ้างก็ดีนะครับ...
    อย่าเป็นแค่สิงใบลานเปล่า
    แล้วเที่ยวมาโชว์ความฉลาดน้อย
    ในเรื่องแค่การอ่าน การตีความ
    ง่ายๆยังไม่เข้าใจอย่างนี้

    ลิงค์ หลวงพ่อ พุธ ก็มีอ่านบ้างก็ดี
    เอามาแป๊ะไว้แล้ว ว่างๆอ่านหน่อยก็ดี
    เพื่อจะได้ฉลาดขึ้นบ้างครับ
     
  4. Dragon new

    Dragon new สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +19
    ทั้งวัฏะนี้...พระพุทธเจ้าท่าน ดูอยู่ ครับ

    คำพูดนี้ผมเชื่อแน่นอนครับ ส่วนอย่างอื่นผมไม่ทราบครับ
     
  5. Dragon new

    Dragon new สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +19
    ที่มาถามเพราะว่าเราไม่มั่นใจในตนเองเท่าไร
    ว่าความเชื่อที่เราเชื่อแน่นอนมันถูกไหม กลัวว่าตนจะเข้าใจผิดเลยมาถาม
    แต่เห็นว่ามีคนเชื่อเหมือนกันจึงมั่นใจมากขึ้น ส่วนเรื่องอื่นที่คุณบอกผมไม่ได้เป็นผู้จริง จึงบอกว่าไม่ทราบ
     
  6. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    เข้าใจคำว่าผลไหม?

    ยกตัวอย่างนะ ท่านผู้ออกทะเล

    เราหว่านเมล็ดผลข้าวโพด ลงไปในแปลงดิน

    ผลก็คือ เราได้ผล ผลิต ที่มาจากข้าวโพด ถูกไหม?

    ก็คือทำเหตุ ก่อน และผลก็ตามมา

    นั่งสมาธิ ไปสักพัก แล้วจิตสงบ

    เหตุคือการนั่งสมาธิ ผลคือจิต สงบ ถูกไหม?

    นั่งสมาธิ บางคนพอจิตสงบ พบเทวดา บ้างก็มี

    พบคนที่ตายไปแล้วบ้างก็มี

    เหตุ เพราะนั่งสมาธิ ผล ไปเห็นเทวดา เข้าไห้ เห็นนั่น เห็นนี่เค้าไห้

    มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ทางจิต (เล่าคุยแลกเปลี่ยน จะมายึดติดปล่อยวางอะไรกัน)

    จะมาละวาง ปล่อยวาง ไม่ยึดติด เพ้อเจ้อ!!

    แล้วมีใครล่ะยึดติด? แล้วมีใครประกาศไหม ว่าสิ่งที่ผมเห็นมา

    100%แน่นอน ห้ามค้าน ห้ามเถียง

    (ก็มีคุณไง ยึคติด ว่าอย่าเชื่อ มันไม่ใช่ ยึดติดว่ามันไม่ใช่ ไม่จริง เชื่อไมไ่ด้)

    แล้วใครข่มคนอื่นว่าเหนือชาวบ้าน คิดไปเองทั้งนั้น?

    แค่มาเล่าสู่กกันฟังแค่นี้เอง

    ออกโรงมาอธิบายยืดยาว ทำเพื่อ?

    คำถามง่ายๆ เห็นทางนิมิต ทางมโน ก็มาเล่าสู่กันฟัง

    ตรงไหน? ที่มีคำถามว่าเห็นแล้วยึดติดว่าใช่มากน้อยแค่ไหน? หรือทำไห้เป็น

    รูปธรรมขึ้นมา!

    คำว่าผล อะน้า มันมีตั้งแต่หยาบๆ ไปจนถึงละเอียดสุด

    พระท่านถึงบอกว่า ผู้ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม

    get หรือยัง หรือยัง ไม่get อีก?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2016
  7. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    นี่ไงละครับ คุณวรณิยังบอกเลย ว่า จขกท ไม่มีอะไรจำทำ

    ใครๆก็เข้าใจคำถาม กันทั้งนั้นละครับ!
     
  8. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    หลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน โดย สมเด็จพระญาณสังวรฯ

    มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้ว ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ

    ท่านเคยเล่า ว่าคืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์ และสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์
    ได้เฝ้าพระพุทธบาทรับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาทได้เห็นพระพุทธองค์ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่า ว่าท่านทีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่านที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใดแต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่าน
    แล้วจริงโปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์
    แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้
    เป็นที่รู้กันอยู่ในบรรดาผู้ใส่ใจในการปฏิบัติธรรมทุกถ้วนหน้า เรื่องนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เล่าไว้ ไม่เพียงทำให้ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้สอนธัมมะสำคัญแก่ศิษยานุศิษย์มากหลาย แต่ทำให้ได้ความเข้าใจที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ในเมืองพระนิพพานแน่ ยังทรงได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ที่ควรแก่การได้รับพระพุทธเมตตา เช่นท่านอาจารย์มั่นท่านนั่นเอง ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านควรที่สุดแน่นอนแล้วที่จะได้รับพระมหากรุณา ผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายย่อมเห็นด้วยกับความจริงนี้แน่นอน.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • download.jpg
      download.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.2 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2016
  9. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    ผมว่า ผมไม่ต้องอธิบายอะไร จขกท ท่านก็บอกความนัยชัดเจนดีอยู่แล้ว.
     
  10. Unborn

    Unborn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    เคยอ่านคำสอนหลวงปู่ดุลย์ ท่านบอกว่าสิ่งที่เห็นในสมาธิน่ะเห็นจริง แต่ที่เห็นน่ะมันไม่จริง

    ท่านคงต้องการสื่อว่าอย่าไปสนใจกับสิ่งที่เห็น เห็นก็แค่รู้

    การเห็นแล้วอยากรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร จริงมั้ย นั่นแสดงว่ายึดไปแล้ว เสร็จกิเลสไปแล้ว

    อย่าลืมว่าลึกๆ ถ้าเรามีความชอบในเรื่องแบบนี้อยู่ ก็มีโอกาสจะโดนจิตตัวเองตุ๋นได้

    ประเด็นคือเห็นแล้วทำไง จะยึดต่อ หรือปล่อยไป ถ้ายึดบอกได้เลยว่าก้าวหน้ายาก เพราะมันจะมีความอยากเห็นอีก ถ้าปล่อยไม่สนใจ สมาธิจะยิ่งทรงตัว แนบแน่นขึ้นไปอีก

    จขกท ก็พิจารณาเอาเองด้วยเหตุและผล ง่ายๆ ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อการละ เลิก วาง คลาย นั่นคือธรรมพระพุทธองค์ ธรรมใดสอนให้ยึด นั่นย่อมมิใช่ทาง
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เริ่มต้นจากประเด็นคำถามแรก คุณเปิดมาก่อนเองนะครับ
    ตกลงคุณ อ่านภาษาไทยเข้าใจบ้างหรือเปล่าครับ
    ผมแสดงเป็นตัวสือใหญ่ๆเอาไว้แล้วนะครับ...
    คือถ้ารู้จักยอมรับ และกลับไปอ่านดีๆนะครับ
    ก็น่าจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ เพราะก็เขียน
    ภาษาเดียวกับที่คุณเขียนนะครับ
    คำถามคือ


    '' ผู้นั้นได้พบหรือคุยกับพระพุทธองค์จริงๆ หรือจิตของผู้นั้นมโน
    ขึ้นมาเองครับ.''
    คือมีแค่นี้ ไม่มีเรื่องการปฏิบัติ เค้าไม่มาถามประสบการณ์คุณ
    ว่าฝึกปฏิบัติอะไรมา ถึงจะได้เจอพระพุทธเจ้า เข้าใจนะ
    และที่ผู้เขียนบอกว่า ไม่ให้ยึด ก็เพื่อหนุนเป็นคำตอบนัยๆ..
    เนื่องจากไม่มี การถามเกี่ยวกับการปฏิบัติ จึงไม่ได้พูด
    เทคนิค วิธีการ ประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏบัติ
    เพื่อให้ได้พบพระพุทธเจ้า เข้าใจอีกไหมครับ

    คำตอบ มีแค่ พบพระพุทธองค์จริงๆ
    หรือ แค่มโน เข้าใจอีก
    หรือยังครับ อย่ามาใช้ภาษาอังกฤษเลยครับ
    เอาภาษาไทย คุณอ่านให้มันรู้เรื่องก่อนดีไหม
    สองรอบแล้ว ทำไมถึงฉลาดอย่างนี้...

    และประเด็น ที่ผู้เขียนสื่อ นะ พ่อหมูดิน 1 ผู้ออกไปดาวอังคาร...
    ก่อนจะไม่รู้จักสำเหนียก ทำมาเล่นคำว่า คนอื่นๆออกไปทะเล
    ดูตัวเอง อ่านภาษาไทยเข้าใจบ้างหรือยัง
    หรือต้องกลับไปเรียน กศน. อีกซักรอบไหมครับ
    ผู้เขียนสื่อว่า ไม่ว่าจะเห็นจริงหรือไม่จริง ก็คือยึดไม่ได้ครับ
    แต่เคารพได้ แต่เป็นการเคารพแบบไม่ยึดติดครับ...

    ใครจะเห็นอย่างไร เป็นประสบการณ์ของแต่ละท่าน
    คุณเองเกิดมาก็ไม่เคยเห็นหรอก ตัวคุณเองก็ไม่ใช่
    พวกที่ปฏิบัติที่ตัวจิตจะมีเครื่องรู้ไปทางด้านที่จะได้
    พบเห็นนามธรรมแบบนี้. ตัวคุณก็น่ารู้ตัวเองดีเนาะ
    แต่แปลกใจมากว่า ทำไมคุณถึงได้ พยายามที่จะทำ
    นามธรรมให้เป็นรูปธรรมให้ได้ เข้าใจไหม

    การเห็นได้ไม่ว่าจะเห็นแบบลืมตาเปล่าๆ หรือ หลับตาก็ช่าง
    มันก็ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ครับ เพราะเป็นนามธรรมครับ
    แต่ถามว่าเคารพไหมครับ ให้ความเคารพครับ
    แต่ไม่ได้ให้ยึดติดครับ..

    เพราะถ้าคุณยึดติด ใครที่เห็นต่างจากคุณ ๆก็จะมองว่าเค้าผิด
    มันยึดมันจะปิดกันตัวใจของคุณเองครับ...
    สมมุติว่า คุณยึดติดว่า ต้องไหว้ ถ้ามีคนไม่ไหว้
    เหมือนที่คุณคิด คุณก็จะคิดไปเชิงอกุศลได้
    ยกเว้นว่า คุณจะใจเป็นกลาง จะไหว้ ไม่ไหวก็เรื่อง
    ของเค้า เพราะบางทีคนนั้น การแสดงความเคารพ
    ไม่ได้หมายถึงว่า ต้องไหว้เสมอไปก็ได้
    เข้าใจนะครับ



    เพราะท่านไม่มีกายเนื้อจริงๆ แบบคุณๆ แบบเราๆ
    อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่การไปเห็นต่างๆ
    ทำให้เชื่อได้ว่าท่านเคยมีอยู่จริง..
    รวมทั้งหลักฐานต่างๆที่มาจากแหล่งข้อมูล
    ที่เชื่อถือได้..และปัจจุบันรวมทั้งสื่อแทนต่างๆเข้าใจนะครับ
    แต่เป็นการยืนยันว่า ท่านเคยมีอยู่จริง
    แต่สื่อนั้นๆไม่ใช่ตัวท่านจริงๆ
    เหมือนยกตัวอย่าง รูปถ่าย พระบิดา พระมารดาไงครับ
    ถ้าไม่เข้าใจ ถ้ามีคนปั้นรูปคุณขึ้นมา
    รูปปั้นนั้นคือ ตัวคุณหรือเปล่า เข้าใจไหม..
    หรือมีใครฝันเห็นคุณ ผมถามว่า ในฝันนั้น
    เป็นตัวคุณจริงๆหรือเปล่า เข้าใจไหม
    หรือมีคนนั่งสมาธิแล้วเห็นคุณในนิมิต
    ผมถามว่า ที่เห็นในนิมิต คือตัวคุณจริงๆหรือเปล่า เข้าใจนะครับ
    และถ้าสมมุติวันหนึ่งคนเกิดมีปัญหาลำไส้เล็กและระบบท้อง
    และเส้นเลือดในสมองซีกซ้ายด้านล่างมันแตกแล้วคุณตายไป
    ถ้าญาติๆคุณ เข้าฝันเห็นคุณ ผมถามว่า ที่อยู่ในฝัน
    ใช่คุณจริงๆไหมครับ เข้าใจนะครับ


    แต่ถามว่า อย่างพระอาจารย์ที่นำมาลง ท่านได้ยึดไหมครับ
    ว่าพระพุทธเจ้าที่ท่านเห็นในแดนนิพพานเป็นพุทธเจ้าที่
    มีกายเนื้อให้เรามองเห็นได้ เหมือนคุณมองคนอื่นๆครับ
    มันก็ยังเป็นนามธรรม แต่การที่ท่านไปเห็น
    เป็นการพิสูจน์ได้ว่า พระพุทธเจ้าท่านเคยมีอยู่จริง..
    เมื่อเชื่อว่าท่านเคยมีอยู่จริงถึงได้เป็นที่มา ของการที่ท่านได้ปฏิบัติตาม
    คำสอนของพระพุทธเจ้ายังไงหละครับ เข้าใจไหม...
    ไม่ใช่ว่า พระพุทธเจ้า ยังมีอยู่ ณ เวลานี้ สามารถจับต้องได้
    มองเห็นได้ นะครับ ท่านเห็นในสถานนี้แห่งใด คิดซะบ้าง


    แต่พวกคุณ ที่ชอบอ้างพระพุทธเจ้า
    พยายามจะสื่อให้บุคคลอื่นๆเข้าใจว่า
    พระพุทธเจ้ามีจริงและมีกายเนื้อ มีชีวิตอยู่..
    คุณก็รู้ เรารู้ว่าท่านมีอยู่จริงๆ แต่ท่านละสังขารไปแล้ว
    ไม่ได้มีชีวิตอยู่ ณ ปัจจุบันนี้แล้วครับ...
    เป็นที่ มา ที่คุณ ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงบอกว่า
    พวกคุณ ถึงได้พยายามทำนามธรรมให้เป็นรูปธรรม
    เข้าใจหรือยัง...

    และก็อีกอย่างไม่พูดย้ำคงไม่ได้..
    ฉลาดบ้างนะ ถ้าเค้าถามว่า ฝึกปฏิบัติอย่างไรถึงจะได้พบ
    พระพุทธเจ้า หรือปฏิบัติอย่างไรถึงจะได้พบพระพุทธเจ้า
    มันถึงจะเป็นการเล่าประสบการณ์เชิงปฏิบัติเข้าใจไหม
    ครับ คุณ หมูดิน 1 คำถาม จขกท ถามต้องการชี้ประเด็นแค่ว่า
    จริงหรือมโน...
    ส่วนการบอกไม่ให้ยึด มันเป็นการบอกเป็นนัยๆอยู่แล้ว
    เปรียบเหมือนเรารู้ๆว่า ผีมีจริง แต่เป็นนามธรรม แต่คุณจะพยายาม
    ทำให้ผีมันเป็นรูปธรรมให้ได้ เข้าใจยัง.. พอเริ่มไปไม่เป็น
    ก็มาอ้างอีกว่ามีใครยืนยันได้ไหมว่าจริง 100 %
    ถ้าไม่มีใครเลยเผลอยึดนะครับ
    ผมถามหน่อยว่า ตำหนักทรงจะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ
    สำนักพระองค์นั้นองค์นี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
    แล้วพวกที่คิดว่า ในอดีตตัวเองเป็นโน้นนี่นั้นทั้งหลาย
    จะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ พวกที่คิดว่าตัวเองเป็นโน้นนี่นั้น
    ในอนาคตทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ
    ดั้งนั้น ตรรกะขึ้นเรื่องนี้เรื่องการยืนยันของคุณเอง
    ว่า 100 % จึงใช้ไม่ได้เลยครับ..
    เป็นตรรกะที่ใช้เพื่อย้อนแย้งเสริมความคิด
    เพื่อสร้างความคิดผิดๆของตนให้มันถูกต้องเท่านั้นเองครับ



    .
    ปล.ที่คุณกล่าวหา พูดยืดยาว ไม่เกี่ยวอะไรเลย กับคำถาม
    ออกนอกประเด็นไปตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งๆที่คุณกล่าวหาคนอื่นๆก่อน
    สรุปได้ว่า คุณไร้สาระมาก จะพูดอะไร ที่หลังดูตาม้าตาเรือหน่อยนะครับ
    หัดมีเหตุมีผลบ้างนะครับ อย่าโชว์ความรู้ทางตำราเอามาเสริม
    ความคิดที่ผิดๆตั้งแต่เริ่มต้น โดยขาดการยอมรับความผิดตนเองเลยครับ
    ถ้าคุณอยู่เฉยๆไม่พูด ไม่มีใครเข้าดูออกหรอกครับ ว่าคุณฉลาดน้อย
    ขาดเหตุและขาดผล ขาดตรรกะในการเข้าใจภาษาไทย
    และเป็นแค่ใบลานเปล่า และปฏิบัติกรรมฐานอะไร
    ไม่ได้ ไม่สำเร็จซักอย่าง หรือจะเถียงครับ
    เข้าใจที่สื่อนะครับ (^_^)
     
  12. Dragon new

    Dragon new สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +19
    คำว่าถอดจิตก็มโนคืออย่าไงหรอครับ คือผมแค่อยากรู้
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คุณ วรณ์นิ ครับ นี่คือ คำถามของ จขกท นะครับ......

    นี่คือการตีความของ คุณ หมูดิน 1 ครับ
    แถมจั่วหัวตัวใหญ่หนาด้วยนะครับว่า
    ''จขกท ถามถึงผล ของการปฎิบัติ ไม่ใช่ ผลของการยึดมั่น ไม่ปล่อยวาง'' ย้อนอ่านใน #20 ดูได้ครับ
    ดูการตีความนะครับ หลักฐานมีให้เห็นชัดๆครับ


    นี่ก็คือ ที่ คุณหมูดิน 1 พยายามสอน มันคนละประเด็นกันครับ
    เข้าใจอยู่ว่า แนะนำดี อะไรดี..แต่ขาดอย่างเดียวก็คือยังเผลอยึดติดครับ
    คือยังสอนให้มีการยึดติดอยู่ อย่างน้อยไปสวรรค์ ไปนรก
    มันก็ยึดทั้งนั้นนั่นหละครับ.. อ่านแล้วพิจารณาให้ดีๆ..
    ดูดีๆนะครับ ยังไงก็ไม่มีทางหลุดพ้นได้หรอกครับ
    เพราะไม่ว่าจะยึดดี หรือ ไม่ดี มันก็ต้องเสวยผลเช่นกัน
    นั่นหละครับ เข้าใจไหมครับ

    ดังนั้นคนจะพ้นจริงๆ มันจึงยึดอะไรไม่ได้เลยเข้าใจนะครับ
    คุณ หมูดิน 1 นรก สวรรค์ พระพุทธเจ้า เกิดมาก็เคยเห็น
    แต่ในรูปภาพนั่นหละครับ คุณ วรณ์นิก็น่าจะรู้ดี..
    เข้าใจที่ส่วนตัวพยายามพูดนะครับ.
     
  14. Dragon new

    Dragon new สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +19
    บางคนได้จับได้คลำแล้ว ยังไม่เชื่อก็มีครับ..อันนี้ แย่มากๆ

    อันนี้หมายความว่าอย่างไงหรอครับ
    แล้วเขาควรแก้นิสัยเขาอย่างไงครับ
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    มโน เป็นคำบาลี ไม่ได้แปลว่า imagine

    มโน มนะ เป็นคำบาลี หมายถึง สภาวะธรรมการเคลื่อนไป โน้มไป หน่วง
    เหนี่ยว

    ศัพท์ปัจจุบัน จะใช้คำว่า มโน หมายถึง จิตมันเคลื่อนออกจากฐาน
    ถ้าเป็น สำนวนโบราณ ก็หมายถึง จิตส่งออกนอก

    ซึ่งจะใช้ร่วมกับคำว่า "ใจ" ซึ่งหมายถึง กลับมากลางๆ หรือ มันมีกลาง
    วางจิตเป็นกลาง จัดว่าเป็นการเคลื่อนอีกอย่างหนึ่ง คือ เคลื่อนกลับมาตรงกลาง

    การกลับมาตรงกลาง มีการเคลื่อน มีการโน้ม มีการหน่วงเหนี่ยว เหล่านี้
    จัดเป็นการ ส่งออกนอกหมด คือ ส่งใน(กลับมากลาง)ก็คือ จิตส่งออกนอก
    อย่างหนึ่ง

    งง ไหม

    อย่าไปงง ลำดับแรก ให้ทำใจให้แยบคาย ไม่เอา มโน ไปแปลร่วมกับ
    ศัพท์วัยรุ่นทีเป็นเรื่อง อิมเมจิ้น

    ให้พิจารณา การเคลื่อนของจิต เป็นใช้ได้

    อย่างเช่น พระสอนให้นึกภาพพระ สำเร็จด้วยใจ

    อันนี้ไม่ได้เน้น ภาพพระที่สร้างขึ้นมา ต้องฟังธรรมของ พระท่านให้ดีๆ

    ท่านเน้น การโน้มจิตไปเบาๆ เคลื่อนไปเบาๆ สบายๆ โน้มไปเห็นภาพพระ

    เห็นชัด หรือ ไม่ชัด ไม่ใช่สาระของการยกการเห็น

    เห็นจิตที่มันต้องมีกริยาโน้มไป เคลื่อนไปจับ ตรงนี้ต่างหาก ที่จะเอามา
    ยกสิกขาเห็นจิต เห็นใจ เห็นมโน

    จิตเคลื่อนแล้วรู้ โน้มจิตไปสบายๆ ใน ศุภนิมิต เลือนลางบ้าง ชัดบ้าง
    ไม่ใช่สาระ สาระอยู่ที่ ระลึกได้ในสภาพธรรม ที่มีการเคลื่อนออกจาก
    ฐาน จิตเคลื่อนแล้วรุ้ จิตเคลื่อนแล้วรู้ ฝึกบ่อยๆ ก็จะสำเร็จธรรมด้วย
    การใช้มโนเป็นตัวบริกรรมเป็นตัวสำเร็จ กำจัดอภิชญา และโทมนัสใน
    กาลก่อนๆเสียได้


    " กำจัดอภิชญา และโทมนัสใน กาลก่อนๆเสียได้ " ตรงนี้จะเป็นปริศนา
    ธรรมแก่ผู้ ปฏิบัติจริงๆ หากตรึก นึกเอา จะ งง ว่าอะไรหว่า



    " กำจัดอภิชญา และโทมนัสใน กาลก่อนๆเสียได้ " ตรงนี้จะเป็นปริศนา
    ธรรมแก่ผู้ ปฏิบัติจริงๆ ถ้าลงมือปฏิบัติแล้ว เห็นได้ทุกคน พอเห็นแล้วก็
    จะอ้อ จิตรู้อยู่ที่ฐาน จิตไม่ส่งออก มันมี รสชาติอย่างไร

    จิตก้าวข้ามการเคลื่อน ปล่อยวาง " มโนวิญญาณธาตุ " หรือ ก้าวข้าม ปฏิสนธิจิต
    มันมีรสเป็นยังไง
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กั๊กๆๆๆ

    ม่ายล่ายฮับ จะเรียน ธรรม ก็ต้องใช้ ภาษาธรรม ไม่เช่นนั้น จะคั้นน้ำมันงา
    แต่ไปเอาหอยมาบีบคั้นท์ มันจะได้ น้ำมันงา หรือฮับ เลอะมือเปล่าๆ เหม็นเปรี้ยวอีกต่างหาก

    ยกตัวอย่าง เราจะสอนให้รู้ จักลุกกะตา ที่เอาไว้มอง โดยใช้คำว่า "ตา"

    แต่ น้าจรบอกว่า เฮ้ย ให้อธิบายด้วยความหมาย " เป็นผัวยาย " สิจะได้
    นอกกรอบ ทันสมัย แล้วมันจะรู้เรื่อง ลูกกะตา(eye) ไหมฮับ

    ดังนั้น ต้องพยายาม เข้าใจ กรอบของภาษา จะเรียนคำว่า " มโน " ก็ต้อง
    เรียนตามภาษาธรรม หมายถึง จิตส่งออก จะได้รู้ว่า การไปเห็นภาพอะไร
    มาสอน นี่ จิตมันเคลื่อนไปแล้ว จิตมันส่งออกนอกไปแล้ว

    เห็น พระพุทธเจ้ามาสอน แต่ไม่เห็น จิตเคลื่อน

    มันก็เข้าทำนอง " เห็น แต่ไม่รู้ "


    ถ้าเรียน มโน หมายถึงเคลื่อน พอเห็นพระพุทธเจ้ามาสอน ก็ เห็นอาการจิตมันเคลื่อน
    จิตมันส่งออก จะเกิดสติ ระลึกได้ ว่าจิตมันเคลื่อนออกจากฐาน จิตตกจากสมาธิไปแล้ว
    ก็จะ อ๋อ จิตมันไม่เที่ยง จิตมันเคลื่อนของมันเป็นปรกติ ห้ามไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจ

    จิตเคลื่อนแล้วรู้ เห็นภาพพระ เราไม่ห้าม แต่ฝึกการเห็น จิตเคลื่อนบ่อยๆเข้า
    จะเกิดการเอะใจ ว่า ทำมันมันส่งออก ก็จะเห็น อภิชญา และ โทมนัส ในกาล
    ก่อนๆ มันเป็น เหตุลากไปเห็น .....ก็จะอ๋อ ไปเห็น พระพุทธเจ้า ก็เพราะคำบอกเล่า
    ฟังตามๆกันไป พาไปเห็น ก็จะอ๋อ อีกชั้น

    หลวงปู่ดูลย์ จึงกล่าวว่า พบ มโน ให้ทำลาย มโน พบพระพุฯ ให้.....ทิ้งเสีย !!!

    ก็จะเห็น ฐานจิต เห็น ฐานสมาธิ สัมมาสมาธิ ที่ไม่มีไป ไม่มีมา ไม่มีดิน น้ำ ลม ไฟ
    ไม่มี มหาภตรูปใดปรากฏได้ใน สภาวะนั้นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2016
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สุดแล้วแต่จะเข้าใจแล้วกันครับ
    คุณ วรณ์นิ...(^_^)
    ภาษาไทยคงเป็นภาษาที่ยากที่สุดในโลก
    ก็คงเพราะเหตุนี้ด้วยหละมั่งครับ(^_^)
     
  18. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    คุณนพ. เค้าว่านะ.."ต่อจะให้เห็น ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพไม่ว่าองค์ไหนก็ตาม

    ด้วยตาเปล่าๆ เหมือนเรามองเห็นคนปกติทั่วไป

    ก็ไปยึดถืออะไรไม่ได้ครับ" .."ตอบ...เพื่อ"??? (จขกท เค้าถามหรอครับคุ๊ณ!)

    ..ง่ายๆนะครับ ท่านผู้ ออกทะเล ผมว่า ออกมหาสมุทรเลยจะดีกว่านะครับ

    จขกท ถามว่า มีใครเคยพบพระุทธองค์ไหม หรือมโน(ภาพ)ไปเอง

    คำว่ามโนเฉยๆอ่ะนะ (ภาษาบาลี สันสกต แปลว่าใจ ) ,มโนภาพ ถูกต้องกว่านะ

    คือ ใจสร้างภาพให้เกิดขึ้น หรือคิดไปเอง จินตนาการ ฝันกลางวัน! ได้ทั้งนั้นล่ะ

    ..เข้าประเด็นเลยแล้วกัน

    จขกท ถามแค่นี้ ว่า.. มีใครเคยพบพระุทธองค์ไหม หรือมโนไปเอง

    คุณ นพ.. จะมาอธิบาย ละวาง ละวาง ปล่อยวาง

    อย่าไปยึดติด คุณจะสอนมาโชว์ ทำเพื่อ?

    คุณเห็นคุณก็ตอบ ว่าเห็น คุณไม่เห็นคุณก็บอกคุณไม่เคยเจอ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น

    แค่นี้ก็จบแล้ว โชว์จัง!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2016
  19. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    กระทู้ต่างๆที่ตามมา เหตุ ก็มาจากคุณ nophakan ชอบโชว์

    ผลก็คือ หลากหลายขยายความ มากมายหลายกระทู้คำตอบ

    get ยัง หรือ ยังไม่ get อีก?
     
  20. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    มีเรื่องเล่า..

    มีเพื่อนคนหนึ่ง ไปตลาด

    เพื่อนอีกคนถามว่า เองไปตลาด พบ!เจอ ไอ่แดงป่าว ข้ามีธุระ จะคุยกันมันสักหน่อย

    เพื่อนคนแรกตอบว่า จะเห็น หรือ ไม่เห็น มัน!จะทำไม เองจะไปยึดติดทำไม ปล่อยวาง

    เสียเถิดโว๊ยเฮ้ย!! (เพื่อนคนแรกเตือนด้วยความหวังดี)
     

แชร์หน้านี้

Loading...