นิพพาน

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย miracledharma, 7 ธันวาคม 2016.

  1. miracledharma

    miracledharma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +44
    "นิพพาน" นั้นไม่มีอะไรไปเปรียบได้ นอกจากโยมมีความเชื่อความศรัทธา แล้วน้อมกายจิตวาจาใจของโยมนั้นเข้าไปประพฤติปฏิบัติ นิพพานนั้นเหนือทุกสรรพสิ่ง สิ่งสมมุติทั้งหลายจะทำให้เกิดนิพพานไม่ได้ แต่ต้องข้ามสมมุติบัญญัติทั้งหลายนั้น ละทิ้งให้หมด นั่นถึงจะไปสู่ภาวะนิพพานได้ เพราะมันคือเรียกว่าว่าง

    ฉันมีวิธีทำอย่างไรให้ดวงจิตเหล่านี้ไปผุดไปเกิด ให้เหลือดวงจิตดวงเดียวที่ประภัสสร คือดวงแท้ คือ"ดวงธรรม" โยมถึงจะกำหนดไปนิพพานได้ นี่ไงจ๊ะ"ความลับ"ของฉัน ที่ฉันมีพินัยกรรม ที่ฉันมีกุญแจไขความลับตรงนี้ โยมอยากไปไหมจ๊ะ ถ้าโยมเอาความอยากไปอย่างเดียวไปไม่ได้ โยมต้องเอาไปดับความอยากก่อน ล้างทุกอย่างให้หมด..แล้วความเพียร ปิติ ความเชื่อ ความศรัทธามันจะบังเกิดขึ้นเอง ถ้าไม่มีอะไรมาปิดบังมันแล้ว มันจะสว่างตลอด มันจะมีปิติสุขตลอด ที่มันง่วงเหงาหาวนอนมันซึมเศร้าเพราะไอ้ดวงจิตทั้งหลายทั้งปวงที่มาเกาะกิน มันมาอาศัย มันไม่ไปผุดไปเกิด เข้าใจมั้ยจ๊ะ

    มีมนุษย์ถามว่าดวงจิตมนุษย์มีกี่ดวง บางคนก็มีเป็นหมื่นดวงก็มี เพราะโยมเกิดมาไม่รู้เท่าไหร่ บางคนอาจจะมีเหลือ ๗ ดวงไปเกิดอีก ๗ ชาติเป็นพระโสดาบัน ใช่มั้ยจ๊ะ แต่แท้ที่จริงแล้ว"ชาติเดียว"ก็ไปได้ถ้าโยมมีทางไป นั้นเรียกว่าฉันนั้นสามารถ"ย่นระยะทาง"ได้ เหมือนที่ในขณะนี้ฉันย่นระยะทางมาหาโยม นั่นเรียกว่า"ย่นระยะกรรม" แต่ที่จะไปได้โยมต้องมีความเชื่อเสียก่อนว่าฉันมาคุยให้โยมให้ฟัง โยมจะเชื่อหรือไม

    ดังนั้น ถ้าใครจะไปนิพพาน มีเหตุผลหนึ่งอย่างว่าบุคคลผู้นั้นต้อง"ไม่เต็มบาท" ต้องเป็น"คนบ้า" คนที่จะไปกับขรัวโตต้องบ้าเสียก่อน บ้าเชื่อในสิ่งที่ฉันกล่าวออกไป แล้วไม่มีข้อสงสัยว่าฉันจะให้ทำอะไร แล้วห้ามต่อรองว่าบุญที่ฉันบอกนี้ต้องให้เป็นอย่างนั้นก่อนเป็นอย่างนี้ก่อน แบบนั้นไอ้พวกที่ว่าเกินบาท คุยกับฉันไม่ได้ เพราะถ้าโยมเกินบาทฉันเติมให้ไม่ได้ โยมต้องไม่เต็มบาท คนละครึ่งทาง เมื่อนั้นดวงจิตโยมจะเต็มร้อยและทุกดวงจะไปเกิดหมด เหลือดวงเดียวจิตประภัสสร..ให้โยมอธิษฐานไป โยมไปนิพพานโยมก็ไปนิพพาน โยมจะไปสวรรค์ชั้นฟ้าโยมก็ไปตั้งต้นอยู่ตรงนั้น รอองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสเทศนาครั้งสุดท้ายโยมก็ไปนิพพานอีกได้เหมือนกัน โยมจะเอาอย่างไรจ๊ะ ถ้าเชื่อฉันก็ลงสัญญาได้

    วันนี้เป็นวันที่ฉันมาบอกทางโยม ฉันเลยอยากจะดูผู้ที่ปรารถนาจะไป เพราะบุญที่ฉันมาครั้งนี้มีเวลากำหนด... เมื่อเกิดมาแล้วจะทำอย่างไรให้บุญที่ได้เกิดนั้น มาทำประโยชน์คือการตอบแทนคุณบิดามารดา ชาติศาสนา แผ่นดินสยามนี้ จะทำอย่างไร นี่ถ้าโยมทำตามที่ฉันกล่าวได้จริง โยมถึงจะมีสิทธิ์ไม่เกิดได้ เพราะไม่ติดหนี้อะไรอีกเลย เมื่อไม่ติดหนี้ หนี้โมฆะเมื่อไหร่ การเกิดย่อมสิ้นสุด เข้าใจมั้ยจ๊ะ

    ฉันบอกไว้ก่อนนะจ๊ะและจะบอกอีกครั้ง ไม่ว่าอะไรในโลกนี้ย่อมเกิดขึ้นได้หมด มีเกิดมีดับก็มาเกิดได้ แม้ไม่ได้มีกายสังขารก็มาเกิดในจิตวิญญาณได้ ถ้าจิตนั้นวิญญาณนั้นมีเชื้อเผ่าพันธุ์เดียวกัน..ย่อมมาจุติเกิดได้อาศัยกันได้ นั่นเรียกว่า"สะพาน" เมื่อมีสะพานย่อมมาเหยียบย่ำกันได้ มาใช้สังขารได้เป็นของธรรมดา ไม่ใช่ของที่ว่าให้โยมนั้นต้องมาสงสัย แต่สิ่งที่โยมควรได้ประโยชน์คือการได้ยินได้ฟังแล้วฉันมาบอกอะไรโยม ฉันถึงขออนุเคราะห์บิณฑบาตไว้ก่อนหนึ่งอย่างว่า ถ้าโยมจะไปนิพพาน จะร่วมบุญกุศลมหากุศลกับฉัน โยมต้องเป็นคนบ้า..ไม่ใช่คนดี ถ้าคนดีแล้วไซร้ โยมจะถือดีอย่างนี้ตลอดไป ไม่สามารถ"ละอัตตา"ตัวตนได้

    เพราะในโลกนี้มีแต่คนดี แต่ไม่มีใครอยากทำดี คนดีกับคนอยากทำดีเหมือนกันมั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์: ไม่เหมือนครับ) ถูกต้องแล้ว..ไม่เหมือนกัน ฉันอยากได้คนที่พอใช้ได้แล้วไปทำดี เพราะว่ากรรมของมนุษย์ที่ทำมานั้นมีอกุศล จึงเรียกว่ากรรมไม่ดีบวกกับกรรมดี นั้นสิ่งที่เป็นอกุศลจะไม่พูดถึง ดังนั้นการที่พูดถึงในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ย่อมทำให้จิตใจนั้นเศร้าหมองหดหู่หมดกำลังใจ เราจึงเอาต้นทุนที่มีอยู่คือกรรมดีไปต่อกรรมเพื่อให้มันถึงดี เมื่อถึงดี..แตะเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะ แตะแล้วโยมอธิษฐานไปแล้วทั่วทุกจักรวาลจะบังเกิดขึ้น นั่นก็เรียกว่าสิ่งที่โยมปรารถนาไว้ย่อมสำเร็จได้

    จงจำไว้ฉันจะบอกอีกครั้ง ดวงจิตมนุษย์มีแค่ดวงเดียว แต่ดวงที่ทำให้เกิดทุกข์และทำให้จิตเศร้าหมอง นั่นก็เรียกว่าเป็นดวงจิตอย่างหนึ่ง ถ้าดวงจิตโยมไม่รวมตัวเป็นหนึ่ง จิตไม่ประภัสสร ให้จงจำไว้การเกิดยังมีอยู่ร่ำไป ถ้าเมื่อใดโยมทำให้จิตโยมประภัสสรอยู่บ่อยๆ คือสำรวมกายวาจาใจ ระวังไม่ให้จิตโยมนั้นส่งออกไปภายนอก ถ้าส่งไปโยมต้องรู้มีสติและดึงมันกลับมา การดึงกลับมานี่คือตัวระลึกได้ ตัวจะระลึกได้โยมต้องมีองค์ภาวนา..พุทโธก็ดี ธัมโมก็ดี สังโฆก็ดี ถ้าโยมมีองค์อื่น องค์อื่นช่วยโยมไม่ได้เพราะองค์อื่นยังไม่พ้นทุกข์ องค์อื่นยังต้องกลับลงมาเกิดอยู่ร่ำไป

    ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาแห่งโลกนี้ ย่อมมีคนเชื่อ เข้าใจ และไม่เข้าใจ ดังนั้นบุญใครถึงก่อนบ้าก่อน ฉันถึงจะโปรดได้ เพราะในครั้งหนึ่งพอฉันดีเขาก็ว่าฉันบ้า พอฉันบ้าเขาก็ว่าฉันดี ฉันเลยอยู่รอดปลอดภัยได้ ถ้าใครไม่มีความเชื่อโยมจะไปไหนก็ไปไม่ได้หรอกจ้ะ เพราะ "เชื่อ" ตัวนี้มันทำให้เกิดกำลัง เพราะโยมถ้าไม่เชื่อว่าภพชาติหน้ามีจริง บุญกุศลที่ทำไปแล้วไปเสวยได้จริง โยมจะทำมั้ยจ๊ะ..โยมก็ไม่ทำ เพราะโยมไม่มีความเชื่อ ใช่มั้ยจ๊ะ แล้วโยมจะไปศรัทธาได้อย่างไร

    ในสมัยที่ฉันเป็นบรรพชิตน่ะ ฉันมีความเชื่อความศรัทธาต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าว่าท่านนั้นมีจริง บังเกิดขึ้นจริงในโลกนี้ คำสอนท่านเมื่อปฏิบัติย่อมทำให้พ้นทุกข์ได้จริง สุดท้ายฉันก็พบกับการเห็น"สัจธรรม"อย่างแท้จริง จริงแท้แน่นอน เมื่อฉันพบแล้วประตูนิพพานเป็นอย่างไร ทางไปน่ะเป็นไปทางใด สติฉันคงตั้งมั่นอยู่ ฉันจึงจดจำได้ดี ฉันจึงมาบอกทางโยม ใครก็ไปได้นิพพาน แต่ต้องมีความปรารถนาเสียก่อน แต่ก่อนไปโยมจะต้องทำ ๓ สิ่งให้เกิดขึ้นก่อน โยมถึงจะไปได้ ถ้า ๓ สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น..ไม่มีทางที่โยมจะเอาต้นทุนบุญกุศลไปแลกกับบุญครั้งนี้

    "มหาทาน"คือบุญที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็ "ศีล" และ"ปัญญา" ปัญญาตัวนี้คือการรอบรู้ในกองสังขารคือกองทุกข์ นี้เรียกว่ามหาปัญญา มหาบารมี สามอย่างนี้ถ้าใครเกิดขึ้นแล้วในดวงจิตในดวงใจ โยมปรารถนาสิ่งใดย่อมบรรลุในสิ่งที่โยมปรารถนาสิ่งนั้น แต่ภพชาตินี้มันเป็นเวลาที่ว่า บางคนก็เหลือเวลาอีกไม่มาก แล้วจะไปได้อย่างไร คงหมดหวังโดยแท้ ใช่มั้ยจ๊ะ จงอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะฉันมาย่นระยะทางให้เดิน แต่โยมต้องกล้าเสียก่อน

    ดังนั้น เงินทองก็ใช่หาวัดค่าอย่างเดียวไม่ มันวัดอยู่ที่ "ใจ" เมื่อใจโยมเต็มร้อย ทุกอย่างเดี๋ยวก็บริบูรณ์ เมื่อโยมปรารถนาจะไปในภพชาตินี้ หรือโยมเมื่อทำไปแล้วยังเข้าสู่ภาวะนิพพานไม่ได้ แต่ฉันจะขอเอาบุญนี้รับรองโยม ที่โยมได้ร่วมทำขึ้นมา ถ้าครบองค์ประชุมแล้ว สำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ตามครบกำหนดที่กฏแห่งโลกวิญญาณที่ได้กำหนดมา นั้นเรียกว่ากฎแห่งกรรม แห่งวัฏฏะ แห่งภัยที่จะบังเกิดขึ้นนั้น บุญกุศลนี้จะรองรับโยมตลอด ไม่ว่าโยมจะเกิดที่ใด จนกว่าจะเข้าสู่สวรรค์นิพพานคาลัย คือโยมจะไม่มีการตกอบายภูมิ แต่ก็อย่างว่าโยมต้องมีความเชื่อเสียก่อน

    ส่วนมากมนุษย์นั้นไม่ค่อยรักษาศีล แต่ชอบไปถือศีล จึงระงับเวรภัยไม่ได้ เพราะการรักษาศีลคือการรักษากายวาจาใจให้เป็นปกติ หากผู้ใดยังผิดปกติอยู่ นั่นเรียกว่าศีลบกพร่อง เมื่อศีลบกพร่องแล้ว อบายภูมิย่อมเปิดรับอยู่

    ดังนั้น ตอนต่อไปแม้โยมเป็นบุรุษหรือสตรีก็ตาม ฉันมีเวลาให้โยมทั้งหมด ๑๒ ปี เมื่อมีพระพุทธ มีพระธรรม เมื่อถึงพระธรรมแล้ว มันย่อมมีพระสงฆ์ ๑๒ปีโยมสละได้มั้ยจ๊ะ ถ้าโยมไม่สละเรือ โยมก็ต้องตาย เพราะภัยมันมาถาโถม โยมจะไปห่วงเรืออยู่น่ะ มันเอาไปไหนไม่ได้หรอกจ้ะทรัพย์สมบัติภายนอกน่ะ เพราะถ้าโยมสละไม่ได้ สิ่งที่โยมบอกฉันมาถือว่าโมฆะกัน..ไม่ติดกรรมกัน เพราะนั่นเป็นกรรมของโยม แต่เมื่อโยมเข้าใจในสิ่งที่ฉันกล่าวไป เมื่อโยมละ..มีความเพียรประพฤติปฏิบัติอยู่บ่อยๆ เนืองๆ เมื่อกระแสนิพพานชั้นต้นมา..เข้าสู่ภาวะจิตใจผู้ใดแล้ว ผู้นั้นแลย่อมเห็นภัยในวัฏฏะ เห็นทุกข์ในกายสังขาร ย่อมไม่อยากมีคู่ออกเรือนอีกต่อไป มนุษย์จะสร้างบุญได้ก็ว่าโยมมีศีล ๕ ในการสร้าง มีศีลพรหมจรรย์คือศีล ๘ ก็ดี แล้วโยมก็ต้องไปสร้างบุญ ๒๒๗ อีกครั้งหนึ่ง ก็เรียกว่าเป็นการทาน ๓ ระยะเวลา ๓ วาระ มันจะถึงครบองค์ประชุมของมัน บุญตรงนี้มันถึงจะหนุนนำให้โยมนั้นไปสวรรค์นิพพานได้

    แต่ถ้าโยมไม่มี"ประตู"โยมจะเข้าได้ไหมจ๊ะ เรือนโยมไม่มีประตู โยมเข้าได้ไหมจ๊ะ เมื่อมนุษย์มันมีทางโลกคือรูปธรรมคือจับต้องได้ สัมผัสได้ หรืออความรู้สึกได้ นั่นคือขันธ์ ๕ ดังนั้นก่อนที่เราจะทำลายขันธ์ เราต้องสร้างขันธ์ขึ้นมาก่อน ดังนั้นจึงต้องสร้างประตูขึ้นมา แต่ที่สร้างประตูฉันไปเจอแล้ว อยู่จังหวัด"เพชรบุรี" ซึ่งในขณะนี้ฉันกำลังสร้างประตูอยู่ คือสร้างวิหารหรือว่าเรือธรรม แต่ตอนนี้เรือธรรมนั้น เมื่อสร้างแล้วก็ต้องเอาเรือนี้ออกเคลื่อนที่ แต่มันไม่มีประตูจะออก นี่แหละจ้ะที่จะต้องสร้างประตู เปิดประตูภพขึ้นมา ดังนั้นเมื่อโยมอยากไปสวรรค์นิพพาน โยมต้องสร้างประตูสวรรค์ก่อน คือสร้างทานบารมี คือการให้ทานสละทรัพย์ สิ่งที่โยมหวงแหนก็ดี โยมพร้อมกันหรือไม่จ๊ะ ภายใน ๓ ปีนี้โยมต้องสร้างประตูตรงนี้ให้เสร็จ

    ดังนั้นย่อมต้องเป็นหน้าที่ของพวกโยม โยมทำได้มากโยมก็ได้มาก โยมก็ไปได้เร็วก่อน หมดทุกข์ก่อนนั่นเอง ดังนั้นเมื่อโยมจะไปสวรรค์นิพพาน โยมก็ต้องสร้างประตูก่อน เหตุที่ฉันไปสร้างประตูตรงนั้น เพราะว่าตรงนั้นมีรอยร้าวแห่งภพภูมิ แห่งธรณี เพราะว่า "น้ำ" มันจะบังเกิดขึ้นที่ตรงนั้น ด้ามขวานไทยจะหายไป ต่อไปที่ตรงนั้นจะเหลือเป็นเกาะ ใช่มั้ยจ๊ะ ก็ยังจะให้มนุษย์ที่มีบุญเกาะเรือลำนั้นได้ เพื่อเข้าไปสู่เมืองใหญ่แห่งโลกศิวิไลซ์

    จึงเป็นหน้าที่ของพวกโยมที่จะกอบกู้บรรพชนวีรบุรุษที่เขาตกอยู่ในทะเลทุกข์ตรงนั้น เมื่อเราเปิดประตูได้ ก็สามารถให้ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายนั้นเขาไปผุดไปเกิดได้ นี่แหละจ้ะที่ฉันบอกว่าโยมจะเหลือแค่ดวงเดียวคือจิตประภัสสร ที่มันหลายดวงเพราะวีรชนผู้กล้าอีกตั้งมากมายตั้งเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านเป็นพันพันดวงที่เขายังเกาะติดอยู่ ที่เรายังไม่ได้ชดใช้ ค่าเลือด คมดาบ คมหอก คมกระสุน ที่เขาอธิษฐานว่าจะรักษาแผ่นดินให้ลูกหลาน นี่โยมติดหนี้กรรมแล้ว ไหนจะค่าน้ำนมบิดามารดา ค่าการเลี้ยงดู และครูบาอาจารย์ที่เขาสั่งสอน

    ถ้าใครมาทำบุญในครั้งนี้กับฉัน จงจำไว้บุญครั้งนี้ถ้าไม่จริง โยมสามารถถอนตัวได้ แต่บุญครั้งนี้โยมจะรู้ว่าจริงแค่ไหน นั่นคือว่าโยมจะสัมผัสได้ด้วยมือเปล่า ด้วยตาเปล่า คือโยมเห็นตามที่ฉันกล่าวไปจริงนั่นคือบุญจริงๆ เพราะมนุษย์มันสงสัย เมื่อสงสัยก็ต้องเจอปาฏิหาริย์แห่งบุญ แต่ขอให้โยมเปิดประตูนี้ให้ได้ก่อน แล้วโยมจะไม่สงสัยว่าบุญของโยมทำไปน่ะมันให้ผลหรือไม่ มันจะให้ผลโยมชาตินี้ทันที

    บางคนบอกว่ามีอัฐเบี้ยน้อย อัฐเบี้ยน้อยไม่ว่ากัน เมื่อมีใจเมื่อมากเข้าแล้วหลายดวงย่อมมีกำลัง โยมอาจจะมีญาติมิตรญาติสหายที่เขามีอัฐเบี้ยมีใจที่เขาศรัทธามาร่วมกัน แต่ทำไมฉันไม่เอาคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มาร่วมบุญ เพราะเขาไม่มีใจ บุญกุศลนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะรวยดีมีจนแล้ว เขาจะถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้ เพราะว่านั่นมันคือตัวหลงที่มาปิดบังไม่ให้เจอบุญกุศลครั้งใหญ่ แต่เขาจะมาต่อเมื่อประตูเปิดแล้ว เมื่อประตูเปิดแล้วเขาก็ได้แค่เศษบุญจากโยมไปเท่านั้นเองเพราะการณ์ต่อไปข้างหน้าจงจำไว้ มนุษย์ที่ไม่มีเคยมีอะไรจะมั่งมี แต่มนุษย์ที่เคยมีทุกอย่างจักไม่มีอะไร ทุกอย่างจะกลับกันทั้งหมด ขอให้โยมอย่าได้ดูแคลนตัวเองว่าเกิดมาต่ำต้อย..ไม่จริง บุคคลใดที่เกิดมามีจิตใจที่เป็นกุศลมั่นคงต่อพระรัตนตรัย นั่นย่อมมีชาติตระกูลสูงศักดิ์ เมื่อถึงเวลาโยมไม่เคยมีอะไรโยมก็จะมีทุกอย่าง แต่เมื่อมีทุกอย่างแล้วโยมต้องวางทุกอย่างเช่นเดียวกัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่สามารถเอาไปได้ เพียงให้เรารู้ให้เต็มในบุญนั้น..ถึงในบุญนั้น..เชื่อมั่นในบุญนั้น สุดท้ายเราก็วางได้ เพราะเราไม่ติดใจอะไรอีกแล้วว่าเรานั้นด้อยค่า

    เสร็จแล้วให้โยมพนมมือต่างดอกบัวทิพย์..ให้อธิษฐานจิตในบุญกุศลที่โยมเคยกระทำมา จนจิตโยมรวมกันเป็นขณิกสมาธิ เรียกว่าสมาธิที่มันกำลังจะเกิดฌาน จิตโยมตั้งมั่นในบุญนั้น..ให้อธิษฐานในบุญกุศลทั้งหลายทั้งปวง และบุญในการได้ฟังธรรม และรู้เหตุครั้งนี้ ในบุญนี้ที่จะไปเกิดสร้างเป็นประตูเมืองครั้งนี้ที่โยมได้ร่วมบุญกุศล ขออำนาจบุญกุศลครั้งนี้และอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลทุกภพทุกชาติทุกภูมิ ขอส่งบุญกุศลนี้ให้กับเหล่าบิดามารดา วีรชนผู้กล้าทั้งหลาย จงมาเพื่อโมทนาบุญกุศลกับข้าพเจ้าที่เป็นลูกหลาน ขอบอกว่าให้ท่านทั้งหลายจงรออีกไม่นาน ข้าพเจ้าทั้งหลายนี้จะไปปลดปล่อยท่านทั้งหลายที่ถูกคุมขังด้วยอำนาจต่างๆ นานาแห่งกรรม ขอกรรมที่เป็นทายาทนี้ แห่งข้าพเจ้าได้รับรู้ข่าวสารนี้จงบังเกิดเป็นบุญกุศล ให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีจิตใจที่ตั้งมั่น มั่นคงในบุญกุศลครั้งนี้ จนถึงความสำเร็จสมปรารถนา หลุดพ้นจากบ่วงกรรม ไม่ติดกรรมกันอีกต่อไป

    ถ้าโยมอธิษฐานตั้งมั่นให้ดี แล้วต่อไปในกาลข้างหน้า วีรบุรุษผู้กล้า ญาติธรรมของโยมจะมาเกื้อหนุน มาพบ แล้วโยมจะชักชวนเขาไปสร้างบุญกุศลครั้งนี้อีกมากมาย ดังนั้นการที่จะมีผู้ตามได้ต้องมีผู้นำ การจะมีผู้นำผู้นั้นต้องมีจุดยืนมีหลัก ถ้าหลักโยมดี หลักนั้นจะเกิดประโยชน์คุณมหาศาล นั่นเรามีแก่นแห่งธรรม มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นธงชัย มีจุดหมายปลายทางคือชำระล้างจิตให้บริสุทธิ์..นั่นคือเป้าหมาย สิ่งที่เหลือเป็นการของเรานั้นต้องมาแก้ไขล้างมลทินต่างๆ นานาที่เราได้กระทำและติดไว้ในทุกภพทุกชาติทุกภูมิ

    ขอบุญกุศลในครั้งนี้ที่โยมได้มาฟังสดับแล้ว เข้าใจพอสมควรแล้วในบุญกุศลที่ฉันได้กล่าวได้บอก มาบิณฑบาตนี้ ขอให้เป็นพลวปัจจัยอุดหนุนค้ำจุนให้โยมนั้นอยู่รอดปลอดภัยในการสร้างบุญบารมีครั้งนี้ ขออำนาจแห่งกุศลนี้จงบังเกิดมีกับโยมทุกผู้ทุกนาม ทุกท่าน ทุกคนเทอญ

    ธรรมะมหัศจรรย์ วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๙
    สถานปฏิบัติธรรมพรหมรังสี บ้านโปร่งวิเชียร จ.เพชรบุรี
    โทร ๐๙๕ ๕๖๙๕๑๙๙, ๐๙๗ ๑๙๕๕๕๔๕ (เพชรบุรี)
    ๐๘๔ ๘๙๓๖๙๖๑ , ๐๘๑ ๙๒๙๓๒๒๒ (กรุงเทพ)


    นาทีที่ 1:16:07 ถึง 1:52:00
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...