แปลกมั้ยที่ผมสั่งตัวเองให้ ขนลุกขนพองได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เร่งธรรม, 25 ธันวาคม 2016.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เร่งธรรม

    เร่งธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ผมไปเที่ยวในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือโบารณสถานต่างๆ มากกว่า50%ผมจะขนลุกขนพองขึ้นมาทันทีที่ไปถึง อันนั้นผมไม่ค่อยใส่ใจครับ แต่ที่ผมแปลกใจคือ เวลาที่ผมรวมสมาธิ หรือเพ่งไปที่ระหว่างคิ้ว ไม่ว่าลืมตาอยู่หรือหลับตาก็ตาม ทำสมาธิอยู่ก็ตามนั่งเล่นก็ตาม ผมจะสามารถสั่งให้มีอาการขนลุกขนพองได้ทันทีไม่ว่าอยู่ที่ใหน คล้ายจะเป็นอาการปิติก็ไม่เชิง แต่เป็นคนละอาการกับการขนลุกแบบกลัวผีหรือตกอกตกใจนะครับ ไม่รู้อาการแบบนี้ของผมมันเป็นอะไร หรือว่าไร้สาระครับ มีใครเป็นแบบผมบ้างมั้ย ดีหรือเลว พอที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการฝึกสมาธิมั้ยครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยให้ผมหายสงสัยหน่อยครับ
     
  2. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ขนลุกได้หลายสาเหตุ
    ตอนไปสถานที่นั่นมีไลน์เข้า
    ตอนเข้าสมาธิคือปีติ
     
  3. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เรื่องปกติธรรมดาครับ
    เป็นทักษะธรรมดาของสิ่งมีชีวิต
    ไม่ว่าหมาแมว หรือกิ่งก่าก็แผ่แผงคอได้
    เพียงแต่สำหรับมนุษย์ปกติเขาไม่ใช้ทักษะนี้กัน มันก็เลยเหมือนกับว่่าไม่มี
    ก็คงคล้ายกับ ความสามารถในการว่ายน้ำ วิ่ง ปีนต้นไม้ ที่ปกติมนุษย์ละทิ้ง
    ไม่ค่อยได้ใช้กัน
    มนุษย์ทุกคนวิ่งได้ มนุษย์ทุกคนปีนได้ มนุษย์ทุกคนว่ายน้ำได้
    แต่มนุษย์ส่วนมากละทิ้งความสามารถเหล่านี้ ไม่ฝึกฝนให้ชำนาญ
    อ้อ ยังมี มนุษย์ทุกคนสามารถกระดิกหูได้ แต่...ว่ามนุษย์ทุกคนละทิ้งทักษะนี้จนไม่รู้
    ว่าใช้ยังไงกัน
    ผมมาพบว่าตัวเองก็กระดิกหูได้ตอนอายุสามสิบกว่าๆ
    (สมัยเด็กเคยเห็นเพื่อน สอง-สามคน ที่กระดีกหูได้ แต่คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถนี้
    เพิ่งมารู้ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่โกรธจนหูกระดิก ตั้งแต่นั้นมา ก็ระดิกหูได้ตามต้องการ
    เลยทำให้รู้ว่า มนุษย์มีความสามารถกระดิกหูได้ด้วย แต่คนเราลืมความสามารถนี้ไปแล้ว)
     
  4. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    สิ่งที่ทำได้ เป็นปิติ ชนิดนึงครับ

    เป็นปิติ ที่ ฝึกให้มาก ทำให้มาก แล้วดีครับ

    ส่วนตัวจะใช้พักจิต เวลารู้ลึกล้าๆ จะกำหนดปิติตัวนี้เข้าไปเลย
    เอามาอาบพอให้ สดชื่น

    การนำไปใช้งาน นำไปใช้ได้หลายอย่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2016
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    มันเป็นเสมือนดาษสองคมครับ
    ลองค่อยๆอ่านดูนะครับจะเข้าใจได้เอง
    กิริยาขนลุก ถ้าจะมองในเรื่อง
    ของผลที่เกิดจากสมาธิ
    ซึ่งส่งผลในเรื่องการรับรู้
    และความสามารถในการทำได้
    ในชีวิตปกติประจำวัน
    ที่ไม่ใช่ เพราะสภาพอากาศ การปวดท้อง หรือ
    อาการเจ็บป่วยของอวัยวะภายในร่างกายและอื่นๆ

    จะบอกว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาครับ
    เป็นกิริยาเบื้องต้นในการรับรู้เกี่ยวกับ
    พลังงานหรือคลื่นๆต่างๆที่มาจากภายนอก
    ฟลังงานจะแยกเป็นร้อนหรือเย็น
    เย็นคือฝ่ายดี ร้อนคือฝ่ายอกุศล
    ฝ่ายอกุศลก็หมายถึงฝ่าย
    ที่ยังต้องการกุศลที่เย็นๆร่วมด้วยนะครับ
    ไม่ใช่ว่าเป็นฝ่ายที่นิสัย หรือเจตนาไม่ดีอย่างเดียวนะครับ
    ตรงนี้ ต่อไปการเข้าใจตรงนี้กำลังสติทางธรรมจะเป็นตัวบอก
    ถึงวัตถุประสงค์ที่เราสัมผัสได้ มีข้อคิดมาฝาก ถ้าเราไม่เข้าใจตรงนี้
    หมายความว่า สติทางธรรมเราไม่พอทำของเราต่อไปเรื่อยๆ
    ถ้าเราเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
    แสดงว่า เรามีสติทางธรรมแบบมีบ้างไม่มีบ้างแสดงว่าเราเคยฝึก
    แต่ขาดความต่อเนื่อง
    ถ้าเราไม่เข้าใจอะไรพวกนี้เลย
    แสดงว่าเรามีแต่สติทางโลกแต่คิดว่าตัวเองมีสติทางธรรม
    และถ้าปฏิบัติมานานเหมือนรู้มาก แต่ไม่มีความเข้าใจนามธรรมเลย
    ให้กลับไปดูการปฏิบัติใหม่ ว่าเรายึดมั่นถือมั่นอะไรอย่างไม่รู้ตัว
    หรือเปล่า
    แต่ถ้าเราคิดว่าเราเข้าใจ แต่แตกต่างๆกับการรับรู้ของครูบาร์อาจารย์
    ท่านอื่นๆในอดีตและขัดกับเหตุและผล และมักจะเป็นอย่างที่ใจ
    เราคิดเอาไว้ลึกๆหรือเป็นไปตามประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอมาก่อน
    แสดงว่า เราคิดว่าความคิด
    จากจิตและขันธ์ ๕ เป็นสติทางธรรม กิริยาอย่างนี้จะทำให้เฝื่อ
    เพ้อเจ้อทางจินตการ จะทำให้เราไม่เต็ม และวิกลจริตได้ในอนาคต
    และคิดว่าตัวเองดี ตัวเองเก่งกว่าใคร ร่วมทั้งวิธีการตนดีที่สุด
    แม้ว่าความสามารถในการเข้าใจทางด้าน
    นามธรรมเราไม่ดี ความสามารถในการถ่ายทอดไม่ดี
    รวมทั้งความสามารถในการทำงานได้ของจิตไม่ได้
    ก็จะคิดว่าตัวเองเก่งกว่า ดีกว่า หรือเก่งได้อย่างคาดไม่ถึง
    นั่นเองเข้าใจที่พูดนะครับ
    (ย้ำว่าวัตถุประสงค์นะครับ
    อย่าไปสนว่า ที่สัมผัสได้คืออะไร เป็นอะไรจะทำให้ช้า
    ทั้งการปฏิบัติต่างๆ ที่ช้ารวมทั้งความเข้าใจทางด้านนามธรรม
    รวมทั้งอาจเผลอยึดติด และหลงตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ย้ำอีกรอบว่าวัตถุประสงค์
    ที่สัมผัสได้คืออะไรนะครับ)

    เพราะกิริยาที่ว่าขนลุกนั้น ที่ทางโลกจะเรียกว่าอะไรก็ตาม
    ต่อให้เรียกว่า ปิติ แม้มันเหมือนจะมีความสุขอะไรก็ตาม
    แต่ถ้ายังมีกิริยาขนลุกอยู่(ต่อไปนี้อ่านให้ดีๆนะครับ)
    แสดงได้ว่าสัมผัส ณ เวลานั้น
    ยังไงๆมันยังเกี่ยวกับร่างกายอยู่
    คือจิตทิ้งกายไม่หมด ณ เวลานั้น
    ซึ่งกรณีที่เราทำได้บ่อยๆอย่างนี้
    เวลาไปสถานที่แตกต่างกันถือว่าไม่แปลก
    แต่ถ้าเราสามารถกำหนดให้มันขึ้นได้
    ถือว่าจิตคุ้นเคย(กิริยาขนลุกควรเกิดขึ้นก่อน
    ที่เราจะนึกว่าจะทำถ้าเร็วเท่านี้ถือว่า
    เป็นปกติทั่วไปในระดับใช้งานได้)

    จะถือว่าไม่ดีครับ เป็นกิริยาจมแช่
    และต่อไปถ้าทำอย่างนั้นอย่างเดียวบ่อยๆ
    จะเข้าสู่สภาวะจิตพิการ(คือ ตันในเรื่องของสัมผัสต่างๆ
    รวมทั้งเรื่องอื่นๆ เพราะว่ามันสร้างให้จิตไม่คลายตัวเอง
    อย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ)

    และกิริยาที่มันบอกได้ว่า จิตเรายังตัดกายไม่ขาด
    ซึ่งไม่ควรจะเกิดในกรณี ที่เรากำหนดจะทำครับ
    (ยกเว้นว่าเราใช้ร่างกายมามาก หรือเข้าไปยุงเกี่ยว
    กับเรื่องอะไรที่ทำให้มีพลังงานตกค้างที่กายเรา
    แล้วเรามาเคลียออกแล้วมันค้างที่กาย แต่จะค้าง
    แบบออกผ่านผิวกายไปข้างนอกครับ ไอ้ที่หมุนรอบขา
    แขนหรือ ค้างที่ผิวเลย พวกนี้ยังไม่ถือว่าไม่ดีครับ
    ต้องรีบเคลียซะ ถ้ารักษาตัวเองจะหยิบจากใต้ผิวหนัง
    ขึ้นมาข้างนอก ถ้ากระแสจะออกหรือขึ้นตรงๆ
    ถ้าหมุนให้อุทิศหรือเคลียตัวเองซะ )
    ถ้ากรณีที่ไปยังสถานที่ต่างๆ ก็จะบอกได้อีก
    เกี่ยวกับวัตถุประสงค์บางอย่าง แต่ที่ยังส่งผลที่กาย
    ก็เพราะจิตเรายังไม่คลาย ณ เวลานั้นเลยรู้สึกที่กายอยู่
    ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาแต่อย่าให้นานเกินหลายวินาที(อ่านดีๆนะครับ)
    แต่ถ้าเราสามารถทำหรือสร้างให้จิตคลายตัวได้ ณ เวลานั้น
    กิริยาพวกนี้จะไม่เกาะกาย เช่น อุทิศส่วนกุศลทันทีออกจากกลางลิ้นปี่
    หรือนึกถึงบุญที่เคยทำมาแล้วอุทิศด้วยการขึ้นด้วยคุณพระรัตนตรัยก่อน
    ท้ายสุด จนกระทั่ง ที่เราจะรู้สึกว่า เหมือนมีลมหมุนรอบหน่อง รอบต้นแขน
    ซึ่งจะชัดสุด และรู้สึกเหมือนมีลมหมุนที่อื่นๆ
    มันคลายจนกายเรา จิตเรารู้สึกเบานั่นหลครับ
    เราถึงจะถือว่าเป็นเรื่องปกติ
    เป็นเรื่องของสมาธิที่เราเคยทำมา
    แล้วมันส่งผลให้จิตเรามันคลายตัว
    โดยไม่ยึดกายได้ชั่วคราวครับ(ย้ำว่าชั่วคราว)
    ซึ่งท่านที่จิตดีๆทั้งหลาย กิริยาจิตคลาย กายเบา
    ท่านจะเป็นโดยธรรมชาติเนื่องจากจิตท่าน
    ไม่ไปยึดไปเกาะอะไรจากภายนอก
    และตัวจิตที่คลายตัวโดยธรรมชาติบวกกับบารมีที่มาก
    ขยายออกจากจิตท่านปกติอยู่แล้ว
    เลยยากที่พลังงานต่างๆที่มาจากภายนอก
    จะเข้ามาถึงจนทำให้รู้สึกที่กายท่านได้นั่นเองครับ

    ปล ค่อยๆอ่านจะพอเข้าใจได้ครับ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ทำได้บ่อย จิงหรือเปล่า

    ถ้าทำได้บ่อน นั่งส้วมก้ต้อง ระลึกเหตุได้

    จะกวาดบ้าน ถูเรือน ทำงานอ่าน เขียน เล่นเน๊ท
    ตอยกระทู้ อ่านกระมู้ว อ่านกระตู้ฮู้(พวกลาก
    ไปคิดเรื่องเจ้ากรรมนายเวร คนทดสอบ เฮียฮาอะไร)

    จะต้องระลึกได้ เหมือนคู้แขนเข้า เหยียดแขนออก

    พูดง่ายๆ ระลึกเหตุในการให้ขนลุกได้เหมือน
    มีเปนอวัยวะอีกชิ้นนึง

    คุณมีปฏิภาณ มีปัญญาอันยิ่งเอง ที่เอามาแยกแยะ
    กับ ขนลุกเพราะกลัว แล้วคุณก้สอบทานแล้ว

    ดังนั้นเรื่องเจ้ากรรมนายเวร อาการภาวราแบบขี้
    ขึ้นสมองแล้วไขว้จิตไปวางไว้ที่อื่น เหมือนนกกระ
    จอกเทสนมุดหัวในทราย ก้นเยอรเรอร์ แล้วคิด
    ว่า ผ่อนคลายความกลัวลงได้ คงไม่มีในเจ้าของ
    กระทู้

    ทีนี้ มันจะต่อยอดไม่ถูก

    ที่ต่อยอดไม่ถูกเพราะ เราไม่ได้ภาวนาเพื่อ
    ทำอะไรให้มันนิ่งแช่แป้ง

    เราจะอาสัยความชำนาญในการนมสิการธรรมขนลุก
    เพื่อตามเกรความไม่เที่ยง

    อย่างงนะ จะต้องชำนาญมักๆ ที่จะทำให้เหน
    เหตุของการขนลุก แล้วอาสัย จิตที่หมายๆเหตุ
    เหล่านั้นได้ แสดงความไม่เที่ยง

    กรณีไม่ชำนาญ สัญญาระลึกได้ในปิติดับ ก้จมลง

    กรณีชำนาญ สัญญาระลึกปิติได้ดับ ก้ลอยขึ้น

    จมลงคือ เกิดกำหนัด.....สังเกต การหมายปิติ
    บางอาการทำได้ก้จริง แต่จะเกิดกำหนัด หลงรูปนาม

    บางกริยาดับ แล้วโน้น จมโลกปรกติ

    ปิติดับแล้วลอยขึ้น คือ จิตมันก้เลื่อนขึ้น
    ไปหมายๆความชำนาญองค์ฌาณตัวอื่น

    จิตก้จะเปนฌาณ 2 3 4 5 6 7 8 ไปเรือ่ยๆ
    ชำนาญได้ทุกอริยาบท แม้แต่ตอน นั่งขรี้

    และถ้ายังมี สัมปชัญญะ ไม่ลืมกาย การงาน
    ในการภาวนาจะเดิน พอกำหนดรู้เกิดดับในสรรพเพ
    ธรรมมา ค่อยว่ากันต่อเรื่อง ขึ้น วิปัสสนา
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ทีนี้ พอกล่าวแบบนั้น ก้จะร้อง โอโฮ กว่าจะ
    วิปัสสนา ต้อง แปดเลยหรือ

    สำหรับคนบางคนที่มีสัททา มีกัลยาณธรรมที่ดี

    ท่านจะช่วยตัดความกังวล

    หรือ ท่านจะพากำหนดรู้ นิวรณ์5

    ยกตัวอย่าง เจ้าของกระทู้ชำนาญในการขนลุก

    แทนที่เจ้าของกระทู้จะมาถาม ทำลายความชำนาญลง

    กลายเปนคนติดสงสัย เชยระเบิดระเบ้อ

    เนียะ กำหนดเหน นิวรณ์เข้ามาเลย

    ก้จะปฏิบัติง่าย รู้เร็ว

    อาสัยแค่ ปฐมฌาณ มีปิติเปนจุดนัดพบ
    ก้ขึ้นวิปัสสนา ได้เลย จบไวอีกต่างหาก

    7วัน 7เดือน 7ปี 7ชาติ สั้นนิดเดียว
     
  8. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ถ้าแค่ทำให้ขนลุก ตามแขนและขา และให้รู้สึกซ่าๆ ผมก็ทำได้ แต่ไม่มากนัก
    ผมถึงได้้บอกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา คุณทำได้ ผมทำได้ คนอื่นทำได้ ก็แปลว่า
    เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องทำได้ เพียงแต่อาจจะลืม หรือไม่รู้จักวิธีทำเท่านั้น
    เช่นเียวกับการกระดิกหู ซึ่งหลายคนทำได้
    ผมเองแต่ก่อนก็คิดว่าตัวเองกระดิกหูไม่ได้ แต่ก็มาพบวิธีโดยบังเอิญ
    จึงทำให้รู้ว่า ทุกคนสามารถทำได้ ถ้ารู้วิธี เพียงแต่ส่วนมากจะรู้โดยบังเอิญ
    เพราะทักษะเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คนมองข้าม เพราะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้
    ซึ่งหมายถึงความคิดนั้นคอยเป็นอวิชชาปิดบังตัวเองนั่นเอง..
     
  9. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    แม้แต่คุณวิเศษอื่นๆ อย่างเช่นการใช้คาถาอาคม หรือการปลุกเสกวัตถุสิ่งของให้ศักดิ์สิทธิ์
    มนุษยทุกคนก็สามารถทำได้ ถ้ามีเวลาฝึกสมาธิและสวดมนต์มากพอ
    แต่ที่หลายคนเชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะถูกพูดให้คิดว่า ความสามารถเหล่านี้
    คนที่จะทำได้ ต้องเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญสมาบัติ และต้องมีบารมีเก่าเท่านั้น
    ดังนั้น ทุกคนก็เลยคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นคนธรรมดาและไม่มีบารมี
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้า ยิ่งกรณี อ้างถึงขนาดว่า มันมีอยู่แล้ว

    เจ้าของกระทู้ ถ้าชำนาญ จนเหนได้ว่า มันเหน
    สภาวะธรรมมีอยู่แล้ว ประจำภพ ชาติ

    ในทางธรรม เวลาเหน สภาวะธรรม มีอยู่ก่อน
    แล้ว โดยเอาแขน ขา หู ตา จมูก น่อง เอน
    น้ำเลือด น้ำหนอง น้ำวิสุทธิของเล่งนึ่ง ไออุ่น เราจะ
    เรียกว่า เหนชาติ

    ถ้าเหนภพ จะเหนจิตที่มันเคลื่อนไปหมายๆ ว่ามี

    ดังนั้น เจ้าของกระทู้ พึงดูแนวรับแนวต้าน

    แนวรับที่ดี คือ อาการระลึกได้ในเหตุ ก่อนขนลุก

    แนวต้าน คือ ไปเหนว่ามีแขนกระดิกได้ มีหูกระดิก
    ได้ มีโลมา นักขา ทันตา ตะโจ แล้ว......ได้ อันนี้
    ไม่เอา มันจมชาติ เลยภพ ไปไกล จะไม่เกิด
    การ กำหนดรู้อรยสัจจ แถม ยังคอยทำอาการ
    ยกสันติยัดพระโอษฐ์ ศาสดา

    ทำลายการปฏิบัติ ให้เปนเรื่อง น่าหัวร่อ
    ในนั้นไม่มีอะไร วิเศษให้อาสัยระลึก เพื่อนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2016
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อันนี้ เหมือนจะแก้ทาง ว่าไม่ได้ทำลายนักปฏิบัติ

    อ่านเผินเหมือนให้กำลังใจ

    แต่ในทางธรรม จะมียาพิษ สองส่วน
    ปิดหัว ปิดท้าย

    คำแรก ต้องเกจิอาจารย์

    คำที่สอง คือตัวเองทำได้/ไม่ได้

    เจ้าของกระทู้ อย่าวิจัยธรรม โดยวาง ตัวตน ไว้

    ให้ระลึก เหตุที่จิตน้อมไป มีเหตุก้เกิด เหตุดับ
    ก้ปิติดับ เปนธรรมดา จิตดวงไหนฝึกฝนเหตุ
    ย่อมเกิดผล ไม่ใช่เรื่อง ใครทำได้ หรือทำไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2016
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กลับมาที่ ชื่อ เจ้าของกระทู้ เร่งธรรม

    จขกท จะสังเกตุได้ ว่ามัน มีการเร้าบางอย่าง

    และกรณีที่ฝากสังเกต ปิติบางจังหวะ จะเกิด
    พร้อมๆ อาการกำหนัด(ไม่ใช่เรื่องอย่างว่าหน่า..)

    พอปิติดับ หรือ ทิฏฐิแทรก หลังจากนั้น ราคะ
    จะกระโจนพรวเครอยงำจิตเอาง่ายๆ

    ดังนั้น จิตมีปิติ จะเร่งธรรม จะต้องมี
    จิตเฝ้นธรรม ที่ไม่เจือเจตนา

    ถ้าจิตมีปิติ เฝ้นธรรมวิจัย อย่างที่คุณ
    ทำได้อยู่ พิจารณาจิตที่ไม่เจือเจตนา
    ให้ดีๆ จิตที่มันวั๊บแล้วถอยออกมานิ่งๆ
    ความคิดแทรกไม่ได้ จิตนั้นยังเฝ้นธรรมหรือเปล่า

    ถ้ามี ก้กำหนดรู้ โพฌชงค์ โพธิปักขยิธรรมเข้า
    มาเลย ไม่ต้องกลัวตำรา สัญญา เพราะชำนาญ
    ขนลุก ก้เอามาทำให้เหน สัญญาไม่เที่ยง เหลือแต่
    จิต เหลือแต่ใจ รู้เข้าไปที่ รู้ รู้ รู้ (เกิด ดับ) เข้ามา

    ดีไม่ดี 7วินาที
     
  13. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231

    อย่านึกว่าเป็นเรื่องคุณวิเศษอะไร สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์
    การไปยึดติดและหลงใหลว่า สิ่งเหล่านี้คือของวิเศษ และคนที่ทำได้
    ก็คือมนุษย์วิเศษ ที่ผิดจากคนธรรมดา จะยิ่งทำให้เกิดความหลงใหล
    และความยึดมั่นถือมั่น เป็นสีลพัตตปรามาส
    ดังนั้นจึงควรคิดเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ใครมีโอกาสฝึก ก็จะทำได้
    จิตใจจะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เกิดขึ้น

    เหมือนอย่างเช่น การอดข้าว
    นักวิทยาศาสตร์เขาก็บอกแล้วว่า มนุษย์ทุกคนสามมารถอดข้าวได้ประมาณถึงเจ็ดวัน โดยไม่เสียชีวิต
    ฉะนั้น การอดข้าวได้หลายๆวัน จึงไม่นับว่าเป็นเรื่องวิเศษที่ควรแก่การหลงใหล
    และไปยึดติดกับมัน ตรงกันข้าม ก็ควรคิดเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครๆก็ทำได้
    ถ้าตั้งใจที่จะทำ เท่านั้นเอง
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    โห คราวนี้ ยกตื้.....ศาสดา ขณะทรง บำเพ็ญทุกขกริยา

    ถูกบางส่วนนะฮับ กรณีที่ เจตนาเร่งธรรมปั่นปิติ
    ด้วยมีเจตนาเจือ ร่างกายนั้น จะกิน ปิติ เปน
    อาหาร แทนคำข้าว จะอยู่ในสภาพนั้นได้หลาย
    วันเดือนปี

    ถ้าเอาศาสนาอื่นมาปน จะกลายเปนเรื่อง เทวดา
    เอาอาหารทิพย์มาทาแขนขา ลุกซู่

    อย่างไรก้ดี ของมันอยู่ที่ ฝากเจ้าของกระทู้ไปดู

    ปิติบางจังหวะเร่งเร้า จะเกิดกำหนัด

    ถ้าเจอตัวนี้ จะเหน เจตนา

    ถ้าปิติที่เกิดโดยไม่เจตนา อันนี้มีอยู่ เหนได้ยาก
    แต่ผู้ฝึกอยู่ ย่อมเหนได้ (ธรรมที่เปนอสังขต มีอยู่)

    นิพพาน มีจริงๆ ศาสดาสอนมรรคไปนิพพาน มีจริง

    ไม่ใช่แค่นักปรัชญา นักคิดอะไรมาอำเล่น
     
  15. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231

    ตื้บได้ไง....พระพุทธองค์ ภายหลังตรัสรู้ ก็ทรงปฏิเสธการอดอาหารอยู่แล้วว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ทรงปรกาศไว้ในธัมมจักกัปปวัตนสูตรอย่างชัดเจนว่า เป็นการทมานตนให้ลำบากเปล่า
    ทรงสอนไม่ให้สาวกทำตาม...
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เอ้า อย่า งง จิฮับ

    ท่าน ชี้ว่าไม่ใช่ทาง

    แต่ พระองค์ท่านก็ ปฏิบัติมาเป็นตัวอย่าง เป็นกำลังใจ
    เป็น บุคคลาธิษฐาน สำหรับ บางธาตุ

    คนสอนเป็น เขาก็ไม่ไปนั่งกลัวการ เสพ หลอก
    ถ้าเขา เสพ เพื่ออาศัย ระลึกอริยสัจจา เขาก็ไม่ห้าม อะฮับ

    เรื่องที่ว่า การบำเพ็ญต่างๆ ของพระองค์ คนในโลกจะเอา
    ไปเฝ้นฝอยหาตะเข็บ แล้วบอกว่า อย่าทำนะ ในนั้นไม่มีอะไร
    อันนั้น พระพุทธองค์ก็ ระบุไว้แล้วว่า บุคคลจำพวกไหน จะกระทำแบบนั้น
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ผมว่า ถ้า พี่ ยอสตรอย กระดิกหูชำนาญ

    หรือแม้นแต่ ขนแขนแสตนด์อัพเก่งๆ

    แทนที่จะไปดูตรง สัตว์ทุกตัวเจตนาทำได้

    ฝากพี่ ยอสตอยไป ตามเห็นตามความเป็นจริง ดีก่า

    ปิติมีอยู่แล้ว หนะใช่ ในทางอภิธรรม เขาระบุเลยหละ
    ว่า เกิดขึ้นทุกขณะจิต หนึ่งลมหายใจเข้าออก จะมี
    จิตเกิดดับ แสนโกฏิขณะ ดังนั้น ปิติ จะเกิดจำนวนแสนโกฏิขณะอยู่แล้ว

    เนี่ยะ ให้พี่ ยอสตรอยไปตามเห็น ตามความเป็นจริง

    ไม่เอา ปิติที่เกิดจากเจตนา แต่ให้ไประลึกเห็น ปิติเกิดอยู่แล้วแสนโกฏินั่น(ในทางปฏิบัติ เห็นได้ สองขณะ สามขณะจิต พอ)

    แล้ว จะเข้าใจเลยว่า ศาสดามีจริงๆ

    ไม่ศึกษาไป ก็ ตื๊.... ไป แบบนี้
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ลองดู เลยฮับ พี่ ยอ ......

    หูกระดิก ของมันเอง ระลึกให้ทัน

    แขน ขา ขยับของมันเอง ระลึกให้ทัน

    แต่อย่าไป ระลึกแบบว่า คนมีแขนขาก็ขยับได้ สิว๊ะ
    อันนี้ เรียกหาศาสดาอย่างเป็นศัตรูแน่นอน

    แขน ขา ขยับของมันเอง ระลึกให้ทัน

    ถ้าระลึกทัน อ๋อ อย่างนี้ๆ ชาติ

    อย่างนี้ไป ภพ

    อย่างนี้ๆ อุปทาน อุปทายรูป

    อย่างนี้ๆ ตัณหา

    อย่างนี้ๆ ......

    อย่างนี้ๆ ......

    อย่างนี้ๆ ......

    อย่างนี้ๆ หมั่นสดับ
     
  19. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    ถ้าจะให้สมาธิ ละเอียดขึ้น เลยปิติ ค่อยๆสังเกตว่า อะไรที่ทำให้สมาธิยังหยาบ มันจะค่อยๆวาง พอมันวางลงก็จะละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
    ถ้าไปจนเหมือนติดเพดาน ทำต่อไปไม่ได้
    สังเกตตรงเราติดอะไร อันนี้ละเอียดมาก ภพบางอย่าง ในรูปอรูป แต่ที่ทำส่วนตัวไม่เห็นในสมาธิ จะให้เห็นว่าติดอะไร ไม่ติดอะไร เนี่ย เล่นตรงพอถอน สมาธิแล้ว มันจะมี ราคะบางอย่าง ต่อให้ละเอียดขนาดไหน ถ้าออกมา แล้วติดเนี่ย จะ มีพอใจบางอย่าง แทรก ถ้าสังเกตได้ สลับเข้าออกทรงอยู่ไม่ว่าขั้นไหนง่ายเหมือนลัดนิ้วมือ แล้ว ก็จะอ้อ สมาธิที่ใช้อาศัยละภพเป็นงี้ ติดสมาธิเป็นงี้ ก็จะไม่ปฏิบัติแบบ นอนจมภพ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เสวนากันมานาน เดี๋ยว น้องๆ หนูๆ งง

    ผม กับ พี่ยอ จะยกข้อปรักปรำ กันและกัน เป็นปรกติ นะฮับ

    และ ให้น้องๆ หนูๆ อย่าได้มองเป็นเรื่อง ของคนกัดกับคน

    มันเป็นเรื่อง จิตแต่ละขณะมันแฉลบไป ทิฏฐิ62 ได้

    ดังนั้น จังหวะไหน หากขาด "การเห็นสมณะ" หรือ สัททาง่อนแง่น
    นี่ ในคำพูดที่เราเสวนาธรรมกัน มันจะแฉลบไปทาง ทิฏฐิ62

    เราจึง อาศัย การปรากฏทิฏฐิ62 ขึ้นปรักปรำกันและกัน

    โดยที่ สัททาในคู่สนทนาธรรม เต็มเปี่ยมว่า จะกำหนดรู้ และแสวงหานิพพาน

    <table><tr><td>ปล.สรุป ผมก็ยังปรักปรำพี่ ยอสตรอยว่า มีปัญญาดีแต่สัททาเสีย เพราะ
    ขาดการเห็น สมณะ ( เน้นนะว่า สมณะ จริงๆ ไม่ใช่ แบบที่พี่ยอเห็นมา )</td><td><img src='http://palungjit.org/customavatars/avatar230313_357.gif' width=120></td></tr></table>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...