ผีพรายทำลายชีวิตผม

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย วงกรตน้ำ, 22 ธันวาคม 2016.

  1. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    เราต้องสงสัยไว้ก่อน ความสงสัยคือต้นเหตุของการแสวงหาความจริง เมื่อแสวงหา หาทางรู้ความจริง มันจะทำให้เกิดปัญญา ยิ่งบอกว่าพุทธศาสนิกชนแล้ว ต้องสงสัย แม้คำสอนของพระพุทธเจ้า จากนั้นลองทำตามวิธีดู ถึงจะได้รู้
    ถ้ามัวแต่เชื่อ ก็งมงาย เบาปัญญาไปนั่นแหละ คนที่เขียนในพันทิพย์ถ้าให้ผมอ่านแบบนิต้องการให้เป็นนิยาย ผมคงไม่อ่านให้เสียเวลา ไม่เกิดปัญญาความรู้อะไรเลย มีแต่งมงาย เชื่อไปเรื่อย ผมคงขอตัว
     
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    อืม..^_^

    แล้วแต่บุคคล บางครั้งสิ่งที่ไม่ใช่สาระ ก็อาจมีสาระ สิ่งที่มีสาระก็ใช่ว่าจะมีสาระเสมอไป คนเรามักเห็นตามที่ตัวเองคิด และเห็น แต่คนเราไม่อาจเข้าไปเห็น ในมุมมองของคนอื่นได้

    งมงายรึเปล่า ก็อยู่ที่ประสบการณ์ ต่างคนต่างจิตใจ
    เอาว่าที่อ้างอิงมานั้น ถ้าจะว่างมงาย เชื่ออะไรง่ายๆ ก็เห็นสมควรว่า "ช่างมองอะไรเพียงผิวเผินเสียจริง "

    ปล.Relationship รู้จักรึเปล่า
    ปล.1 แต่ถ้าชอบเล่นสนุ๊กเกอร์ ก็พอเข้าใจได้
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เห็น ไอ้ดอกบัว พูดแล้ว
    แรกๆคิดว่า มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ​​
    พยายามพูดดีๆด้วยแระ
    หลังๆชักเริ่มจะรำคาญที่มันพูดหละ..
    ถ้าสงสัยแล้วมันมีประโยชน์กับคนอ่านยังพอว่า
    แต่เห็นที่สงสัยคือ ตรูจะแย้ง ตรูเลยสงสัยไว้ก่อน
    และเห็นมาตอบแต่ละกระทู้นี่ ช่างติจริงๆนะ...เห็นความคิด
    แหวกแนวพิศดาร มันพูดเหมือนประหนึ่งว่า
    มันปัญญาทางธรรมสูงส่งมาก
    ไม่รู้ว่า มันเป็นอะไรของมันหนักหนา..

    จะอธิบายอย่างนี้นะ..ความลังเลสงสัย ทางพุทธศาสนา ถือว่าเป็นนิวรณ์อย่างหนึ่งครับ
    สอนกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว(ประชด)
    ท่านไม่ให้ควรบังเกิดมี..ตั้งแต่เกิดเคยแต่ได้ยินประมาณว่า
    อย่าพึ่งเชื่อ ไม่มีหรอกผู้เป็นเลิศ หรือ พุทธในจักรวาล
    หรือพุทธแห่งดาวดวงไหน บอกให้สงสัยไว้ก่อน.เอามาจากไหนวะ....


    แม้แต่ผู้เป็นเลิศท่านกล่าวสอนสาวกท่านก็ไม่ได้บอกว่าให้สงสัยไว้ก่อน
    (มุขโชว์ปัญญาทางธรรมแบบกระบือมาก)
    และท่านมีแต่บอกว่าอย่าพึ่งเชื่อท่าน มีอีกตั้งหลายอย่างที่บอกว่าอย่าพึ่งเชื่อ
    ท่านให้ไปปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงเอง
    เมื่อปฏิบัติรู้แล้ว เข้าใจแล้ว ถึงค่อยปล่อยวางทีหลังครับ
    ส่วนตัวมองว่า เรื่องแค่นี้เด็กประถมก็เข้าใจได้นะครับ

    ถ้าสงสัยนั่นมันเป็นเรื่องทางโลก สงสัยเพื่อการสร้างอะไรบ้างอย่าง
    เพื่อการวิเคราะห์ไปสู่การสร้างอะไรบางอย่าง
    เพื่อการสังเกตุเห็นจุดที่แตกต่างอะไรบางอย่าง
    พวกนี้เป็นเรื่องแบบทางโลกๆคนละประเด็นกันครับ...

    อย่างเรื่องผีพราย มันไม่ใช่เรื่องทางโลกที่จะมาสงสัย
    แล้วมันจะได้คำตอบ มันเป็นเรื่องนามธรรมที่พิสูจน์ได้ยาก
    ท่านจึงได้สอนไว้ว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่น รู้ได้แต่ก็อย่าไปยึด
    จะมาสงสัยแล้วไปหาคำตอบเพื่อให้เกิดปัญญาได้หรือ
    พูดยังกับมีหลักสูตรการสอน สาขาผีพรายศาสตร์
    นามธรรมมันก็ต้องใช้เครื่องมือทางนามธรรมในการหาคำตอบ
    นั่นคือสติทางธรรม ซึ่งมาจากการปฏิบัติ ไม่ใช่จากการแสวงหา
    เพื่อให้รู้ความจริง
    ก็เหมือนสมาธิ ปัญญาทางธรรมในทางพุทธศาสนา
    นั่นหละครับ ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม เรื่องกิเลสต่างๆก็นามธรรมทั้งนั้น
    มันเข้าถึงได้จากการปฏิบัติทั้งนั้นหละครับ ไม่ใช่การแสวงหาแล้วจะได้คำตอบ
    ดังนั้นมันคนละประเด็นกัน. ที่จะมาอ้างว่าสงสัยครับ..
    และจะมาบอกว่า สงสัยแล้วคือต้นเหตุของการแสวงหาความจริง
    เมื่อแสวงหา จึงเกิดปัญญา นี่มันก็เป็นลักษณะปัญญาแบบทางโลก....

    เรื่องนามธรรมเราจะไปสงสัย ไปคิดเอา ไปแสวงหาไม่ได้หรอกครับ
    ไม่งั้นคนอ่านสุดยอดตำรา คนจบเปรียญ ๙ ท่านก็เข้านิพพานหมดแล้วหละครับ...
    ดังนั้น กรุณาอย่าอ้าง และ แก้ตัว
    อย่าเอาวิธีการแบบรูปธรรม มาปนกับนามธรรม
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    มีกรณีที่อาศัยในน้ำแต่ว่าเป็น ชาย นะ เค้าไม่ได้เรียกว่า ผีพรายนะ
    เค้าเรียกว่า ภูติน้ำ เป็น ชาย ขาดูยาวๆแต่ว่า ไม่ได้ยืนขาตรง
    คล้ายๆคนยืนขางอ ปล่อยแขนแล้วแขนจะดูเลยหัวเข่า
    กางเกงขาสั้น หน้าแหลม ผิวหน้าดูไม่เรียบ
    เอาไว้พิสูจน์เองได้ในอนาคต
    ประมาณนี้หละ
     
  5. Varining

    Varining สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +21
    อันนี้เรื่องเล่าสมัยก่อนรุ่นป้า รุ่นยาย ที่บ้านสมัยก่อนอยู่ติดแม่น้ำ ยายกับตาก็จะช่วยกันออกไปหาปลากันตอนกลางคืน ที่กล่ำซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำในสมัยนั้น แล้วยายเคยเล่าให้ฟัง ว่าจู่ๆตาก็ไล่ให้ยายเข้าไปอยู่ในกล่ำ แล้วตาก็สวดมนต์ สักพักแกก็ได้ยินเสียงเหมือนเล็บขูดลาก รอบกล่ำ จากประสบการณ์ของยายที่แกเคยเห็น แกบอกว่าหน้ามันจะเล็กมีขนคล้ายลิง ผมยาว แล้วบางทีก็จะมานั่งหัวสะพานบ้านหวีผม แกก็คิดว่าน่าจะเป็นพรายน้ำ... อันนี้ฟังจากยายเล่าให้ฟังนานมาแล้ว...
     
  6. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919
    แม่ผมก็เคยเจอผีพรายเหมือนกันอะนะ....

    มีอยู่สมัยตอนแม่ผมวัยรุ่น แม่ผมลงน้ำ แต่จำไม่ได้ว่าลงไปทำไม(ไม่รู้ว่าเล่นน้ำหรือว่าไปงมหาของอะไรบางอย่างที่หล่นน้ำรึปล่าว) อยู่ใกล้ๆ แพอะนะ...

    พอเท้าแม่ผมเดินบนพื้นน้ำไปเรื่อยๆ เป็นพื้นดินโคลนแต่ไม่เละและหยวบมากนัก มีหินเล็กๆ ปนด้วยอะนะ มีอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ผมเดินไปใกล้ๆ กับริมขอบแพ เท้าดันไปเหยียบกับอะไรบางอย่าง ในใจแม่ผมตอนนั้นนึกว่าปลาอะนะ(ตอนนี้ก็ยังคิดลังเลอยู่ว่าจะเป็นปลาหรือเปล่า) แต่แม่ผมก็เอะใจ เอ๊!!..ปลาอะไรลักษณะมันเหมือนมือคนเลยวะ (แต่มือค่อนข้างเล็กไม่ใหญ่แบบมือผู้ใหญ่) มันเหมือนมีเมือก ลื่นๆ หุ้มทั้งตัวปลานั้น แต่ว่ามันไม่มีลักษณะของเกร็ดเลยอะนะ...และตัวมัน แบนๆ จากที่เท้าแม่ผมสัมผัสได้ (ถ้าเป็นในน้ำทะเล คงนึกว่าปลาลิ้นหมาไปแล้วล่ะ) และพอเหยียบไปได้ซักแป็บ มันก็เหมือนจะ ค่อยๆ ขยับตัว เคลื่อนออกจากผ่าเท้าแม่ผม แม่ผมเลยชักเท้าข้างที่เหยียบปลานั้นออกทันที และไม่นานเพื่อนแม่ผมก็เรียกแม่ผมขึ้นฝั่ง แต่แม่ผมยังไม่เล่าให้เพื่อนแม่ฟังในทันที แต่เล่าหลังจากนั้นซักพัก แม่ผมบอกเพื่อนว่า "มีปลาอะไรไม่รู้แปลกๆ ลำตัวมันเหมือนมือคน ตัวมันลื่นๆ อะ เราเหยียบโดนตัวมัน แล้วตกใจ เลยชักเท้าออกอะ" แล้วเพื่อนแม่ผมได้ฟังแล้วก็ยัง นิ่งๆ อยู่ซักพัก ก็พูดว่า"ปลาอะแหละมั้ง..ไปเจอตรงแถวไหนล่ะ" แม่ผมก็บอกใกล้ๆ แพตรงโน้นอะ แล้วก็พรางชี้ไป แล้วเพื่อนแม่ผม บางคนก็ทำสีหน้า แบบ กลัวๆอะ แล้วหลังจากนั้นแม่ผมก็ไปเล่าให้ยายฟัง ยายบอกว่า "น่าจะเป็นผีพราย" และส่วนที่เท้าแม่เหยียบ น่าจะเป็นหลังมือของผีพรายอะนะ แล้วหลังจากนั้นก็ถึงมาเล่าให้ผมฟังนี่แหละ แต่ผมฟังแม่ก็ยังไม่เชื่อ 100% นะ ผมเชื่อ 50/50 อะ เพราะว่าบางที อาจเป็นปลาจริงๆก็ได้ แบบพวกปลานิล นอนตัว แบนๆ อยู่บนพื้นน้ำก็ได้ แล้วแม่ผมเกิดไปเหยียบเข้าอะนะ ก็ถือว่า ผมเล่าแบบสนุกสนานก็แล้วกัน ฟังหูไว้หูแล้วกันอะครับ เพราะแม่ผมไม่ได้เห็นด้วยตาใต้น้ำ เพราะไม่ได้ดำลงไปดู แต่แค่สัมผัสได้ ด้วยฝ่าเท้าแค่นั้นอะ เลยไม่รู้แน่ชัดว่า เป็นปลา หรือตัวอะไร กันแน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2016
  7. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919

    ถ้าตัวเล็กหวีสางผม ริมหัวสะพาน หรือ หัวเรือ นั่นไม่ใช่ผีพรายอะครับ

    เค้าเรียกอะไรซักอย่างเนี่ย ผมจำไมไ่ด้แล้ว แต่แม่ผมเคยบอกผมเหมือนกัน

    ลักษณะแบบนี้ แม่ผมเล่ามา หลายปีแล้ว ผมเลยลืมชื่อ

    ต้องกลับไปถามมาก่อนอะนะ ว่าเค้าเรียกว่าตัวอะไร
     
  8. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ที่ผ่านตามา เรียกว่า ผีเงือก รึเปล่าคะ ในคลองนั่งสางผม ตัวเล็กเท่าเด็ก ครึ่งล่างเป็นปลา น่าตาน่ากลัว แต่ดูๆ อาจมีหลายลักษณะ เพราะบางตำนานก็งาม บางตำนานก็น่าเกลียด
     
  9. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    เรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับผีพราย แต่เกิดขึ้นจริง คนเล่าก็น้องชายค่ะ

    คือน้องชายเมื่อก่อนจะทำงานไป-กลับบ้าน โดยใช้มอร์เตอรไซด์ ระยะทางไป-กลับก็ซัก 20 โล เส้นทางลัดเลาะไม่ใช่ถนนหลัก (คนหมู่บ้านใช้กันมาก ตอนกลางคืนรถวิ่งน้อย เพราะ2ข้างทางเป็นทุ่ง ป่า และบ่อเสียส่วนใหญ่ ) แต่ละวันกว่าร้านจะปิดก็ประมาณ 3 ทุ่ม กลับถึงบ้านก็เกือบ 4 ทุ่มทุกวัน
    ทีนี้มีอยู่วันนึง น้องก็ขับมอรไซด์กลับปกติ น่าจะหน้าหนาวราวพฤศจิกา-ธันวาคมนี่ละคะ ขับมาเรื่อยๆ พอใกล้ถึงบ้าน จะมีลานป่าชายเลนอยู่กระจุกหนึ่ง ซ้ายมือติดถนน แถวนั้นมีทำบ่อปลา บ่อกุ้งเล็กๆ

    มันว่าเห็นผู้หญิงชุดขาวแต่ไกล นั่งบนราวสะพาน พอรถใกล้เข้ามา จึงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นผมยาว นั่งก้มหน้า พอใกล้มาอีก อยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็กระโดดลงยืนบนถนน น้องนี้เหวอกินเลยค่ะ ด้วยความเร็วที่น้องบิดมา ด้วยไม่ทันตั่งตัว เบรคไม่ทันแน่ๆ น้องเลยหักหัวรถไปอีกฝากถนน หวิดเกือบตกท้องร่องน้ำ ดีว่าพอมีสติบังคับรถได้ พอตั่งตัวได้หันกลับไปมอง ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้วค่ะ
    ช่วงนั้นเลยให้น้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง และในช่วงแรกก็ไปรับไปส่งน้องพักนึง
     
  10. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    ก่อนอื่นขอฝากถึงคุณดอกบัวน่ะคะ คือเรื่องที่เล่าก็เล่าจากที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง เคยนั่งรถผ่านพ่อก็เคยชี้ที่ท่าน้ำนั้นให้ดู คุณจะเชื่อหรือไม่มันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่การที่มากล่าวหาว่าคนอื่นพร่ำเพ้อแต่งเรื่องเป็นเด็กเลี้ยงแกะมันแสดงถึงสภาวะสติปัญญาในการไตร่ตรองพอสมควรน่ะคะ ถ้าคุณเปิดกว้างแล้วอ่านเรื่องที่ได้ลงไปอย่างละเอียดคงเข้าใจมากกว่าคิดเองเออเองอย่างอคติ และคงจะไม่เถียงกับคุณว่ามันไม่ใช่แก่นธรรม ก็จริงค่ะ

    แต่หัวข้อกระทู้พูดเรื่องผีพราย เราก็คุยเรื่องผีพราย ก็เหมือนเพื่อนเจอหน้ากันก็คุยกันเป็นธรรมดา เจอหน้ากันจะให้เทศนาสั่งสอนกันโดยธรรมะล้วนๆ มนุษย์เดินดินธรรมดาเขาคงไม่ทำกันมั้งคะ หรือว่าคุณทำ? ไม่อยากเหน็บแนมน่ะคะ แต่คุณเหมือนพวกยกตนข่มท่าน บางทีคุณอาจมีดีที่จะข่มก็แล้วแต่คุณไม่ขอก้าวก่าย ก็ดีแล้วคะที่มีดี ตัวดิฉันไม่มีดีหรอกของเลวเต็มไปหมด เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาอวดว่ารู้ดีมีดี ก็แค่เล่าตามที่รู้มา ตามหัวข้อกระทู้

    อันที่จำได้ก็บอกจำไม่ถนัดก็บอกไปตามจริง ไม่มานั่งมุสาปั้นเรื่องให้เสียเวลาหรอกค่ะ ไม่มีความจำเป็นเพราะเงินทองประโยชน์ได้เสียก็ไม่มี นี่มองอย่างคนธรรมดาโลกๆไม่ได้เหนือโลกแต่อย่างใดน่ะคะ ถ้าจะแต่งนิยายคุณต้องเข้าใจว่านิยายต้องยาวกว่านี้ถึงจะเอาไปขายทำมาหากินได้น่ะคะ สั้นแค่นี้ขายคนที่อยู่บนโลกให้เสพอ่านไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าการเสพสื่อต่างๆมันชวนขวางหูขวางตาในการแสวงธรรมของคุณก็เลือกที่จะลดละเลิกไปไม่ง่ายกว่าหรือคะ จะมาแสดงความสนใจไปไยมี เช่น รู้ว่าเหล้าไม่ดี คุณก็ไม่ต้องดื่ม หรือจะไปนั่งเทศนากลางวงเหล้าให้ขี้เมาฟัง ไม่ชอบก็เลี่ยง จะบังคับใครเขาไม่เข้าท่า จะว่ามีหน้าที่โปรดสัตว์โลกหรือ?ก็ต้องถามว่าหน้าที่หรือมีใครร้องขอรึเปล่า? มันจะไม่ดีกว่าหรือที่จะอยู่อิ่มเอิบกับสุขกับบุญอย่างที่ว่าบรรลุที่เข้าใจ แต่ถ้าปวารณาตนเพื่อประโยชน์แห่งสัตว์โลกทั้งหลายก็ขอโมทนสาธุด้วยคะ ผู้ทำเพื่อโลกย่อมเร่งความเพียรเป็นธรรมดา หมายถึงทำจริงๆน่ะคะ ไม่ใช่ช่างติช่างติงที่ไม่เกิดประโยชน์

    อ้อ แล้วอย่างที่เล่าไปว่าบุคคลในเรื่องคือพ่อของดิฉัน ถ้าจะปั้นเรื่องทั้งทีคงไม่ยกเรื่องพ่อที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีในตอนนนั้นมาเล่า เป็นคนธรรมดาๆสามัญคงไม่ทำ รึว่าคุณทำได้ค่ะในการอ้างบุพการี อันนี้ไม่รู้ไม่ขอยุ่งกับคุณด้วย เพราะถ้าเป็นดิฉันคงไม่ทำแน่ๆ อันนี้ก็คิดง่ายๆแบบคนโลกๆที่ไม่ค่อยรู้เรื่องข้ออรรถข้อธรรมอะไร ไปคุยเรื่องนี้กับใครไม่ได้หรอกคะต้องเงี่ยงหูฟังอย่างผู้รู้น้อยอย่างเดียว

    ขออภัยที่ตอบนอกเรื่องจากกระทู้คะ สุดท้ายขอให้คุณดอกบัวสำเร็จบรรลุธรรมตามที่พากเพียรน่ะคะ หวังว่าจะถึงธรรมสูงสุดแต่ไม่ใช่กราบใครหรือน้อมใจไม่เป็น นั่งคอแข็งบนธรรมาสมองคนอื่นด้อยกว่ามากราบกราน เพราะบรรลุรู้แจ้งกว่าคนทั้งปวง ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยค่ะ
     
  11. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    พ่อก็เคยเล่าให้ฟังแบบคุณวงกรดน้ำ แต่จะเป็นตามถนนหลวง คนขับรถทางไกลจะเจอกันบ่อยๆทั้งกลางคืนและกลางวันยังมี เป็นมอไซต์ซ้อนกันมามาปาดมาล้มใส่บ้าง นั่งขอบรั้วขางทางโค้งกระโจนตัดหน้าบ้าง บางทีแม่ที่นั่งมาด้วยกันก็เห็น แต่นาทีความเป็นความตายคนขับรถทางไกลที่มีประสบการณ์จะเลือกชนทุกอย่าง ไม่หักหลบหรือเบรกเด็ดขาด พ่อบอกว่าเราต้องเลือกว่าจะให้ฝ่ายนั้นตาย หรือเราครอยครัวลูกเมียตาย รถที่มาความเร็วสูงในทางไกลจะหยุดกระทันหันเท่ากับตายหรือเสียอย่างหนักซึ่งจะเกิดไม่ได้ เส้นทางล่องใต้ขึ้นชื่อความโหดตีรถไวอยู่แล้วคะ ต้องมีสติตลอดเวลา ถ้าเพลียไม่ไหวต้องพักอย่าฝืน เพราะเหมือนคุณต้องชิงไหวชิงพริบเกมส์ชีวิตบนท้องถนน ถ้าแพ้คุณไม่มีสิทธิ์เริ่มเกมใหม่ พ่อบอกเสมอว่าไม่มีใครขับรถเก่งหรอก พวกเก่งๆนะไปหมดแล้ว ที่อยู่มีแต่คนขับรถเป็น
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าเห็นแบบนิ่งๆควรอุทิศส่วนกุศล
    ถ้าเห็นกระโดดมาทาง
    ด้านขวาแต่ไม่ถึงรถหรือเห็นลอยตาม
    อยู่หลังรถแบบนิ่งๆ คือมาขอส่วนบุญ
    ให้อุทิศฯ
    ปล.ที่สำคัญคือสติ และอย่ากลัว
    ประเภทขวางยานพาหนะทุกๆกรณี
    ถ้าพ้นระยะเบรคปลอดภัยแล้ว
    ก็อย่าหักหลบเป็นอันขาดครับ
    ไม่งั้นที่หนักจะเป็นเราครับ
    บางทีขับผ่านก็ไม่มีอะไร
    ปล ถ้าแมวหรือสัตว์สายอสูร
    จะวิ่งชนล้อหน้าซ้ายเราครับ
    ให้เฉยๆอย่าหักหลบ
    ถ้าหลบหนี้ หลบภรรยาตัวใครตัว
    ตัวมันนะครับ ๕๕๕
     
  13. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    จุดที่น้องเจอ... 20170103_165729.jpg
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จุดนี้จากรูป ปกติกลุ่มนี้เค้าจะนั่งง๋องแง๋งกันอยู่ด้านขวามือ(โค้งนอกติดป่า)
    ถ้าน้องบอกเป็น ญ เลยเดาเล่นๆว่า
    เป็น ญ ที่ใส่คล้ายๆผ้าถุง(ยาวเกือบตาตุ่ม) เสื้อแขนสั้น
    แขนเสื้อยาวเกือบถึงข้อศอก ที่นั่งเอามือทั้งสอง
    วางพาดหน้าขาตัวเอง นั่งอยู่
    บนแผงกั้นกันตกถนน(จากรูปริมขวาสุด)
    แถวนั้นมีเยอะอยู่ เด็กก็มี แต่ที่ดูจะเก๋า
    กว่าเพื่อนน่าจะเป็นเฮียที่อยู่ตรง
    กับแนวต้นไม้ ต้นที่ ๒ จากด้านขวา
    ปล.สังเกตุเล่นๆพอขำๆ เห็นได้ไม่ยาก
    ด้วยตาเปล่าๆ เห็นแล้วก็อุทิศฯ จบ
     
  15. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432

    ประวัติจุดนี้สมัยก่อนราว20กว่าปีที่แล้ว มีชาย หญิง ถูกฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งในป่าโกงกางซ้ายมือค่ะ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ดูแล้วกลุ่มนั้นไม่ได้ลำบากอะไรแล้วนะตอนนี้
    คาดว่าคงมีคนทำบุญให้เรื่อยๆนั่นหละ..
    แต่ถ้าจะให้ถึงระดับที่เปลี่ยนภพภูมิได้เลย
    และไม่มีสัญญาข้องเกี่ยวอะไรกับสถานที่แห่งนั้นอีก
    น่าจะต้องเป็นระดับผู้โปรดมาเจอ
    คือมากด้วยบารมีแห่งกำลังบุญ
    และมีความสามารถทางจิตด้านสัมผัสรับรู้ค่อนข้างสูง
    ในระดับที่กลุ่มนี้ฟังแล้วจะยอมรับฟังธรรมะของท่านด้วย

    พูดง่ายๆว่า ต้องมีบารมีทางด้านปัญญาทางธรรมร่วมด้วย
    เพราะบารมีทางกำลังบุญ หรือ ความสามารถอย่างเดียวไม่พอ
    เพราะว่าแม้ว่าให้ได้ แต่ตัวจิตเค้าจะยังมีสัญญายึดติด
    กับสถานที่ได้อยู่ ต้องสื่อสารสอนได้ จนดวงจิตเหล่านี้ปล่อยวางได้นั่นหละ
    ถึงจะเปลี่ยนภพภูมิและไม่ทิ้งสัญญาผูกพันธ์ใดๆกับที่แห่งนี้ได้..
    โดยมากที่เห็นจะเป็นพระสงฆ์ที่มาทาง
    สายผู้โปรด(ท่านที่กำลังบารมีทางบุญมากและเด่นทาง
    ด้านปัญญาทางธรรมหรือการสอนธรรมด้วย)
    และบวชมานานมากพอสมควร จนบารมีส่วนตัวท่าน
    ขยายออกกว้างแบบที่ภพภูมิสัมผัสรับรู้ได้เห็นๆ
    ประเทศไทยนี้ยังมีอยู่เยอะ ขึ้นอยู่กับวาระของแต่ละท่านผู้โปรดเหล่านั้น
    ที่จะได้ผ่านไปยังจุดนั้นหรือเปล่า..เท่านั้นเอง
    ถ้ายังไม่มีระดับผู้โปรดผ่านมา เค้าก็ง๋องๆแง๋งๆ
    อยู่แถวนั้นเรื่อยๆนั่นหละ ไม่ได้ไปไหนหรอก
    นึกขำๆก็ออกมาให้คนเห็นอีกเรื่อยๆนั่นหละ
     
  17. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ทำไมแมวหรือสัตว์สายอสูรมันต้องมาด้านซ้ายละท่าน เพราะที่เจอมันวิ่งมาด้านซ้าย ชนเข้าไปหน่อย มองกระจกหลังมันโดดยังกะแมวในหนังการ์ตูนคือเด้งดึ๋ง 2 ขา แล้วก็หายกลับไปข้างทาง ถ้าวันนั้นไม่มีธุระคงลงไปดู แต่พอดีมีธุระเมื่อถึงที่หมายก็โทรศัพท์วานให้เพื่อนที่อยู่แถวนั้นช่วยไปหาตัวมันหน่อยซึ่งก็ไม่พบ แมวมันคงมีเก้าชีวิต
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ที่เคยเจอ พวกนี้จะวิ่งเข้าที่ล้อหน้าด้านซ้ายเลยครับ
    (วิ่งเข้าล้อหลังเราคงมองไม่เห็น ประเด็นนี้คาดเดาเองเพราะ
    ว่ากะจะแกล้งเราและมาเจตนาไม่ดีเป็นทุน)
    แต่ที่ส่วนตัวทำทุกครั้งคือไม่เคยหักหลบ
    เอาเรื่องที่ว่าทำไมต้องด้านซ้ายเนาะ
    ที่พอเป็นไปได้ก็เพราะว่าใน
    ร่างกายมนุษย์เรา จะมีธาตุเหล็กอยู่ที่เส้นเลือดดำทางด้านขวา
    ธาตุเหล็กนี้ก็เสมือนเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย
    มนุษย์เราเป็นปกตินั่นหละครับ เพียงแต่ว่าไม่ถึงขนาด
    ที่จะเอาแม่เหล็กมาดูดติดได้ แต่ก็มีบางคนที่มีมาก
    ประเภทจับเหล็กหน่อยเป็นไฟซ๊อตก็มี
    ทางปฏิบัติใครมีมากคนนั้นฝึกกรรมฐานได้ไว้(ข้อได้เปรียบ)
    แต่ถ้าไม่รู้จักถ่ายเทพลังงานก็ตายได้ไวมากกว่าเช่นกัน ๕๕๕

    และ ถ้าดวงจิตที่
    กำลังที่ยังไม่มากกลุ่มอสูรกายที่เป็นสัตว์เลยก็เช่นกัน
    ไม่ใช่อสูรกลุ่มที่เป็นกึ่งเทวดานะครับ
    กลุ่มนี้กำลังมากแต่ดีหน่อยไม่ค่อยยุ่งกับมนุษย์สบายใจได้และถ้า
    มาทางด้านขวาเราเลย
    ก็จะถูกพลังงานแม่เหล็กที่อยู่ในกายเราดูดติด ซึ่งจะส่งผลให้
    เค้าเคลื่อนไหวและทำอะไรไม่ได้ เป็นเหตุให้ต้องมาทางด้านซ้าย
    สังเกตุได้เกี่ยวกับเรื่องนามธรรมยิ่งทางนามธรรมฝั่งรูปร่าง
    หน้าตาเหมือนคนไทยอยู่(รวมชาติอื่นๆที่คล้ายคนไทย)
    ถ้ามาทางด้านซ้ายถ้าเป็นเสียง
    เสียงก็มักจะไม่ชัด พูดได้สั้นๆ ขาดเกิ๊นๆ มาเป็นภาพยิ่งยากใหญ่
    แม้มาเป็นภาพได้ก็จะอยู่ห่างปลายเท้าเราเฉียงๆไปทางซ้ายล่างหน่อย
    (กรณีเจ้ากรรมนายเวรมาเป็นตัวๆให้เราเห็น)

    ยกเว้นมาเป็นดวงกลมๆด้านบนซ้ายที่เป็นวิญญานบรรพบุรุษเรามาก่อน
    มาได้เพราะสัมผัสหรือวิบากกับดวงจิตเรา..พวกที่มาฝั่งขวาได้
    คือมีกำลังมากพอที่จะต้านทานพลังงานแม่เหล็กในเส้นเลือดดำ
    เราแล้ว ถ้าเสียงก็มักจะดังฟังชัด ภาพก็เช่นกัน
    เราจะสังเกตุได้ ถ้าได้เห็นระดับดีๆที่เป็นครูบาร์อาจารย์
    เรามักจะเห็นทางด้านขวาตลอด เพราะพวกนี้เป็นกำลังจิต
    ที่มาจากกำลังบุญส่วนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะ
    มาหลอกมาแสดงได้ง่ายๆ ยกเว้นพวกที่มาหลอก
    ถึงได้แต่จะไม่นาน(หมายถึงว่าเราจ้องซักหลายๆวินาทีหน่อย
    จะรู้ได้เอง เผลอๆยิ้มให้เราด้วย ประมาณว่า แฮ่ๆมันรู้ทัน)

    แต่ซ้ายขวาใช้ไม่ได้กับ วิญญานฝรั่งนะครับ
    เพราะพื้นฐานและสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิต
    ส่งผลให้ดวงจิตเค้าค่อนข้างมีกำลังโดยธรรมชาติ
    อยู่แล้ว..แม้ว่าต้องการบุญก็ยังมาได้ทั้ง ซ้ายและขวา
    และออกเสียงชัดด้วย แต่ยังคงสำเนียงฝรั่งให้เราทราบได้นั่นเอง
     
  19. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    ชอบจัง คำว่าง๋องๆแง๋งๆ ฟังดูน่ารักดีค่ะ;)
    พ่อเคนเล่าเหมือนกันว่าเจอเป็นหมาเป็นแมววิ่งตัดหน้า ด้านซ้านหรือขวาไม่รู้ไม่เคยถาม แบบชนดังโครมใหญ่ทั้งแบบเหมือนคน ทั้งแบบสัตว์ ประมาณว่ามีตายเลือดอาบแน่ๆ แต่พอมองกระจกหลังกลับไม่มีอะไรเลย สองคนพ่อแม่อึ้งทั้งคู่ บางเคสรถวิ่งทะลุพวกดันยืนอยู่ด้านหลังรถที่ผ่านมา ยังกะในหนัง โหย มองเห็นจะๆทั้งภาพทั้งเสียงขนาดนี้จะไม่ชวนตกใจได้ไง

    แต่พ่อเป็นคนที่เจอผีบ่อยมาตั้งแต่เด็ก (ไม่รู้เกี่ยวกับเกิดวันพุธกลางคืนรึเปล่า)บางทีก็กลัวบางทีแกก็ไม่กลัว เล่าเรื่องผีเหมือนเรื่องตลกเรื่องธรรมดาแบบลมฟ้าอากาศ เรื่องแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลหรือเข้าวัดทำบุญเป็นเรื่องเป็นราวเพิ่งมาทำจริงๆไม่นานนี้เอง (เข้าวัดเป็นจะหลับตลอด:D)แต่พ่อจะนับถือหลวงปู่สงฆ์ หลวงปู่ศุข และเสด็จเตี่ยมาก แต่ตอนนี้เข้าวัดสวดมนต์เป็นเรื่องเป็นราวได้

    ส่วนตัวไม่เห็นผีแบบเรียลไทม์น่ะคะ มันก็ดีแล้วเดี๋ยวตกใจเกิน
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ใช่ครับ คุณ devotee57 เวลาที่ชนก็จะมีเสียงแบบนั้นหละครับ
    แต่พอมองกระจกหลังหรือจอดรถลงไปดูไม่พบว่ามีอะไรเกิดขึ้น
    นี่ประสบการณ์ตรงๆเลย เส้นที่ชนจะเป็นช่วงถนน
    ก่อนที่จะเข้าโค้งด้วย ดีว่าขับไม่เร็ว ปกติขับรถความเร็ว
    ประมาณ ๙๐ ไม่เกิน ๑๐๐ ประมาณนี้ถ้าวิ่งทางไกลนะครับ

    ส่วนความเชื่อด้านพลังงานนะครับ
    ปกติถ้าเกิดพุทธกลางคืน
    ในร่างกายมันจะมีพลังงานด้านสัมผัสมากอยู่แล้วที่ไปผูกกับ
    การเห็นนามธรรมได้เป็นปกติทุกคนอยู่แล้วครับ
    คล้ายๆว่า มันหมุนๆอยู่ไม่ไปไหนและพร้อมใช้งานได้
    (พูดง่ายๆว่า ถ้าได้มาฝึกกรรมฐานอะไรเกี่ยวกับ
    เรื่องพิเศษๆ มักจะเป็นกลุ่มที่จะตาดีกว่าเพื่อน
    ยกตัวอย่าง กรรมฐานเดียวกัน คนอื่นๆเห็นขอบๆ
    กลุ่มนี้จะเห็นสี เห็นรายละเอียดด้วยประมาณนี้หละครับ)
    ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการเข้าถึงกระแสครูบาร์อาจารย์
    หรือพูดง่ายๆว่าการเคารพนับถือครูบาร์อาจารย์ด้วยครับ
    ถ้าเคารพเป็นทุนอยู่แล้วเรื่องเห็นได้จะเป็นปกติ
    เห็นได้นี่รวมทั้งเห็นในกรณีที่เป็นเรื่องราวที่เคยได้ยิน
    มาในอดีตด้วยนะครับ พวกเรื่องเล่าต่างๆ เรื่องที่เคยได้อ่าน
    นั่นหละครับ ถ้าไปในสภาพแวดล้อม
    แบบเรื่องที่เคยได้ยินมา เผลอจะเห็นได้ด้วย (แห๋มๆว่าไป เท่ห์ไปอีกแบบ)

    ประเด็นนี้พูดดีเปล่าน้อ กลัวว่าจะละลาบละล้วงไปหน่อย
    เอาว่า อย่างกรณีคล้ายๆคุณพ่อเคนนะครับ
    แม้ว่าจะเข้าวัด ทำบุญแต่ว่าประเด็นเรื่องการเห็น
    นามธรรมได้ไม่ใช่เรื่องหลักหรอกครับ.
    เพราะกรณีแบบนี้ มักจะถูกคลุม(ปกป้อง)
    โดยกระแสครูบาร์อาจารย์ข้างบนที่รวมเรื่อง
    พลังงานไว้ในตัวเองร่วมด้วย พูดง่ายๆแม้ถ้าเห็นได้
    แต่สิ่งที่เห็นจะไม่สามารถมาทำอะไรเราได้นั่นหละครับ
    ขึ้นอยู่กับว่าจะเจตนาฝึกเพื่อให้เห็นหรือเปล่า
    แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยสนใจเพราะไม่รู้ว่าจะเห็นไปเพื่ออะไร
    เพราะการเห็นได้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนั่นเอง...

    ประเด็นนี้โม้หน่อย ส่วนตัวเห็นแบบเรียลไทม์ ตอนเด็กๆ
    เหมือนกันน่าจะซัก ๗ หรือ ๘ ขวบนี่หละ
    แต่ที่เห็นตอนนั้นไม่คิดว่าจะเป็นผีครับ
    (ถ้ารู้ตอนนั้นมี โวยวายลั่นบ้านแน่ ๕๕๕)
    เห็นอยู่นานพอสมควร หลักไม่ต่ำกว่าห้านาทีได้
    ด้วยความที่ยังเด็กเลยคิดว่าเป็นญาติๆของพระบิดา ๕๕๕
    (เห็นผีสาวๆ)ผมเนี่ยยาวถึงก้น ชุดขาวมาเชียว
    ระยะห่างกันไม่เกิน ๑ เมตร
    แต่ที่ด้วยยังเด็กก็ไม่ได้เก็บมาคิดแล้วก็ลืม
    หลังๆมานึกว่า คนอื่นๆก็เห็นด้วยเลยไม่ได้สนใจเท่าไร..
    พอดีที่เห็นส่วนมาก น้อยครั้งมากที่จะรู้สึกกลัว
    เรียกว่าเห็นแล้ว บางทีก็นอนต่อ เห็นแล้วบางทีก็งง
    ว่าทำไมมาให้เห็น
    เพราะรู้สึกได้ว่า สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอันตรายอะไรตัวเรา
    นี่คือ จุดเริ่มต้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั่นเอง
    ส่วนตัวมองว่าที่น่ากลัว น่าจะเป็นช่วงหลัง
    จากที่ออกจากวัดป่าแห่งหนึ่งมา
    แล้วฝึกสมาธิหลับบ้าง กร๊นบ้างนั่นหละครับ
    ที่ชักจะเริ่มมาอลังการและมาเยอะหน่อย
    มีช่วงหนึ่งประมาณ ๒ถึง ๓ ปีแรกหลังจากออกจากวัดป่ามา
    ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นคือวันนั้นแปลกแระ
    พอเข้าใจหรือยังครับว่าทำไมไม่เคยตั้งกระทู้
    เล่าประสบการณ์เรื่องผีเลย
    มาตอบอย่างเดียว..(เพราะไม่ได้จดไว้ไงครับ ๕๕๕๕)
    ถ้าจดไว้ และถ้าตั้งจะกี่กระทู้กว่าจะเล่าที่ผ่านมาหมด ๕๕
    เลยต้องมีคนพูด คนถามถึงจะพอนึกได้(เพราะลืมโดยธรรมชาติ)


    โม้เสร็จแระ สบายใจฉลองปีใหม่ ๕๕๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...