รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม :กฎข้อห้ามพรานล่าสัตว์/สมิง/ปรอท

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ภูผาปักษา, 16 ธันวาคม 2016.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    วิเคราะห์ฮาๆหรือเปล่า...๕๕๕ จะตอบให้เป็นข้อๆเด้อ..
    ข้อ ๑.ปกติพยาครุฑการป้องกันตัวปกติเนาะ จะออกล่างขึ้นบน
    ถ้าได้อ่านบ้าง ที่บอกว่าขึ้นไปเหมือนลูกข่าง
    เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเชื่อ เอาไว้ให้รู้หรือมีประสบการณ์
    ด้วยตัวเองจะเข้าใจ กรณีถ้างูจะตายได้
    คืองูต้องเดินได้เหมือนคนนี่หละ หรือ งูมีปีก หรือ งูพันธ์ที่อยู่ดาว
    ที่มีแก้วคริสตัลสีเขียว(ที่เดียวกับซุบเปอร์แมน) = งูเหาะได้

    ๒.งูคือถ้านับก็คือสัตว์ ถ้างูเห็นครุฑแล้วแล้วตกใจตาย
    ป่านนี้มันเห็นช้างคงมีงูตายหมดป่าแล้วมั่ง นึกภาพออกเนาะ...

    ๓.ครุฑล่างูเลยตาย ถามหน่อย มีครุฑที่ไหน ที่จะแวะมาหา
    พระมากบารมีขนาดนั้น
    เห้ยๆ เจองูวะ ขอแวะเปิบพิศดารพร้อมข้าวเหนียวก่อน
    แล้วค่อยแวะไปหาพระมากบารมี มันน่าเป็นได้ บ่
    (คือพูดเอาฮาแกมประชด
    เผื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น)..
    ถึงบอกว่ารอถามเจ้าตัว(หมายถึง Devotee เพราะว่าเค้าเป็นเริ่ม
    ประเด็นนี้นะ)ว่าเรื่องนี้ว่ายืนยันได้มากน้อยแค่ไหน
    หรือแค่ได้ยินมา..เกทยัง....เรื่องที่มีงูตายเนี่ย..

    ความจริงในวัตถุมงคล ที่เป็นรูปพยาครุฑ อย่างของ ลป. ชื่อย่อ ส
    ในอดีตนั้น ข้างในนั้น ถ้าตาดีหน่อยจะพบว่า
    มีทั้ง นาค ครุฑ คนธรรพ์ และอื่นๆ..
    ถามจริงๆคิดว่า เค้ารบกันเหมือนที่เคยได้อ่านได้ยิน
    จากตำรา บ่..พวกเรื่องแบบนี้ มันพึ่งมีมาเสริม
    สมัยปลายอยุธยานี่เอง เมื่อก่อนที่มีกลุ่มบุคคลไปพบเจอตำราที่ลังกา
    แล้วขึ้นเรื่องมาลงฝั่งทางใต้บ้านเรามัน มีตำราแค่ ๙ เล่ม
    แค่นั้นหละ บางเรื่องถ้าไม่มีประสบการณ์ตรง
    ก็พยายามอย่าเอาตรรกะทางโลกๆ
    ไปใช้กับทางนามธรรม มันคนละเรื่อง คนละแบบกันเด้อ..
    ส่วนเรื่องภพภูมิ ไม่ว่าจะภูมิอะไรก็ตาม
    เราควรให้ความเคารพนับถือ ทุกๆภพภูมิ
    เครารพนับถือ แต่ไม่ใช่ยึดถือ..
    เช่น เราเห็นรูปญาติเรา เห็นแล้วทำให้เราระลึกถึง
    ส่วนจะระลึกถึงอะไรบ้าง ก็แล้วแต่ว่า ญาติเราเคยทำอะไรมา
    ที่สัมพันธ์เกี่ยวกับเรา แต่ถ้ายึด เราจะไปคิดเอาว่า
    รูปถ่ายนั้นเป็นญาติเราจริงๆ...

    การที่ว่าใครจะถูกธาตุกับอะไร.....
    มันขึ้นอยู่กับว่า จิต ณ ปัจจุบันนั้น
    ตัวที่มันเคยเป็นข้อมูลในอดีตที่เก็บไว้ในจิตเรา
    ข้อมูลตัวไหนมันขึ้นมาเด่นชัดที่สุด...
    เช่น ในอดีต เราเคยเกิดเป็นพยาครุฑ และ พยานาค
    (จริงๆเราเคยเกิดเคยผ่านเกือบหมดหละไม่ว่าภูมิอะไร
    ยกเว้นว่า ยังไม่เข้านิพพานแน่ๆถึงได้ลงมาเกิด)
    ที่นี้ ข้อมูลอะไรก็ตาม ที่มีสิทธิจะเด่นได้ก่อน
    ก็ขึ้นอยู่กับแว๊..เอ้ยกับว่า เราได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้
    ได้สัมผัส ได้พบ ได้เห็น อะไรก็ตามที่เป็นเหตุ
    กระตุ้นให้ข้อมูลนั้นๆขึ้นมาได้ชัดเจนมากที่สุด
    เราก็จะรู้สึกว่า ชอบโน้นนั้นนี่ ได้ด้วยจิตเราเอง....
    ไม่ใช่ว่า ต้องหล่อ ต้องสวย ต้องเท่ห์ ต้องมีฤิทธิ์
    ต้องมากน้ำลาย ฯลฯ อะไรหรอก
    ประมาณนี้ พอเข้าใจเนาะ ตรงนี้ตอบ Devotee เด้อ...
    ก็คล้ายๆเวลาเรานั่งสมาธินั่นหละ
    ทำไมเราถึงเห็นครูบาร์อาจารย์ท่านโน้นนี่นั้น
    ก็เพราะว่า ในอดีตจิตมันเคยมีสัมพันธ์มาก่อน
    หรือมันมีข้อมูลเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะเห็น
    ท่านไหนก่อน อย่างเช่น เราเน้นด้านปัญญาอยู่
    เราก็มักจะเห็นท่านที่เด่นทางด้านปัญญาก่อน
    อะไรอย่างนี้ ยกตัวอย่างแบบนี้พอเข้าใจเนาะ...(^_^)

    ปล. ฮาๆเนาะ...(^_^)
     
  2. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    แง้มๆ ว๊ากกกก!!! โดนสอยซะล่วงเลย หมัดน๊อกสวนตรง (ดีฟันไม่ร่วง) ตั่งกาดรับแถบไม่ทันเลยค่ะ ^_^

    ปล.แค่ขำๆฮาๆ แค่ตั่งสรรพนาม แล้วมโนตามหลัง ไม่คิด ไม่ยึด ไม่ใช่ แต่อยากฟังต่อ ^_^ ว๊ากก!!!
     
  3. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ท่านนพตอบไปแล้ว
    งั้นเรามาว่ากันเรื่องแปลกๆมั้ง ให้กระทู้คึกคัก
    "หมาสมิง" คนแปลงเป็นหมา ผู้ชายนะที่แปลง ผู้หญิงจะต้องไปล่อลวงหนุ่มต่างบ้านมา แล้วผู้ชายต้องแปลงเป็นหมาดำคุ้มกัน จากนั้นก็เข้าสู่พิธีกรรมบูชายัญหรือล่าหัวคนก็จำไม่ได้แล้ว คนกลุ่มนี้เรียกว่า "จะปุ" เป็นชนเผ่าลึกลับอันนี้มีปรากฎในหนังสือของคุณมาลา คำจันทร์ "เรื่องเล่าจากดงลึก" จากนั้นไปสืบเอาก็พบว่ามีทำนองเพลงพื้นเมืองที่ชื่อว่า จะปุละม้าย ใช้บรรเลงกันจนถึงปัจจุบัน แต่ว่าความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ละนะ คิดว่าเป็นการป้องกันผู้บุกรุกมากกว่า
    ทุกวันนี้ป่าหมดสิ้นก็เพราะคนนี่แหละโลภน่ากลัวที่สุด คนแรกเปลี่ยนภูมิไปแล้วก็มีคนใหม่มาทำต่อเพราะผลประโยชน์ไม่ได้เป็นการพอเลี้ยงชีพแต่กะรวยบางคนถือว่าช่างมันได้เงินล้านทิ้งไว้เบื้องหลังให้ลูกหลาน ขนาดที่ทำงานมีการตัดต้นไม้ก็มีรุกขเทวดาไปเข้าฝันหัวหน้างานท่านหนึ่งว่าร้อนไม่มีร่มไม้อาศัย งานนี้ต้องไปเอาต้นไม้มาปลูกกันเลยทีเดียว
     
  4. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    อ้อ น้องมาตอบคุณพี่นพน่ะคะ

    คือมีข่วงนึงชอบเปิดยูทูปแล้วมีช่องนึง คนเล่าเหมือนออกอากาศทางวิทยุใช้ชื่อ อาจารย์ยอด แล้วมีเรื่องนึงเอ่ยถึงหลวงปู่เจี๊ยะ(ช่วงนั้นฟังเรื่องประวัติเรื่องเล่าของพระอาจารย์ต่างๆเยอะ) แล้วมีกล่าวถึงสั้นๆว่าตอนท่านปฏิบัติธรรมอยู่ถ้ำ(จำชื่อไม่ได้) แล้วท่านบอกเณรให้สังเกตุ เวลาครุฑมาหาท่าน มักจะมีงูตายให้เห็น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในคลิปก็ไม่ได้บอกไว้
    แต่ก็เคยฟังหลวงตาม้าท่านกล่าวถึงครุฑกับนาค
    ว่าเขาก็อยู่กันของเขา ที่ทะเลาะๆกันนั้นมันตำนาน
    แบบเรื่องทางโลกเขาว่า แต่ด้วยภพภูมิแล้วเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรอย่างที่มนุษย์เข้าใจ เป็นเรื่องแต่งทั้งนั้น(เท่าที่จับใจความว่าประมาณนี้)
    ก็เลยสงสัยตามระเบียบว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร
    เป็นโรคติดสงสัยนะคะ พอเจอเรื่องแล้วไม่มีคำอธิบายก็จะเกิดคำถามเสมอ

    แล้วเป็นไปได้ไหมค่ะว่านั่นอาจเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่งูจริงๆ แบบเหมือนเป็นของหรือตัวแทนอะไรบางอย่างที่ไม่ดีมาในรูปงู(เเบบคล้ายๆของแนวคุณไสยที่เป็นสัตว์ต่างๆ หรืออสุรกายอะไรทำนองนั้นน่ะคะ) พอเจอพลังแนวฤทธิ์เข้าไปเลยแพ้ราบคาบมาในรูปให้เห็นว่างูตาย(ข้อสันนิฐานเท่านั้น>_<)

    ส่วนตัวตอนเด็กๆไม่เคยกลัวงู งูเลื้อยเข้าบ้านบ่อยตอนยังไม่กั้นหลังคาปิดหลังบ้าน ที่มีสวนเพื่อนบ้านรกชัฎมาก นั่งดูยืนดูงูเฉยๆ
    มากลัวเอาตอนราวๆสิบขวบไปบ้านคุณทวดที่ติดกับภูเขา(มีถ้ำที่คุณทวดท่านเคยประกอบพิธีแช่น้ำว่านเหมือนท่านขุนพันธ์)
    ตอนนั้นหน้าแล้งหญ้าเหลืองหมด ที่ทุ่งระหว่างเขากับตัวบ้าน พ่อแม่เดินนำเราก็ตามกำลังกลับบ้าน น้อเจองูตัวเหลืองทองตาแดงชูคอแผ่แม่เบี้ย(งงมากพ่อแม่นำก่อนไม่เจอเราตามหลังไม่เกิน20ก้าวเจอคนเดียวT_T)ดักเยื้องไปข้างหน้า ก็วิ่งหนีเลย หันหลังไปดูตั้งสองรอบพวกยังเลื้อยกวดอยู่เลย ร้องงูๆอ้วนพริ้ววิ่งลิ่วเข้าเส้นชัย ส่วนพ่อแม่บอกไม่เห็นมีงู
    ตั้งแต่นั้นมาน้องเลยกลัวงูขึ้นสมอง ขนาดในฝันเห็นงูหรือรู้สึกว่าเกี่ยวกับนาคก็จะไม่เอาเลย(เพราะงูตัวนั้นช้านเลยกลัวขึ้นสมอง พลอยกลัวตะกวดด้วยเพราะมันคล้ายงูมีขา:confused:)

    แต่เรื่องยักษ์นี่แม่เคยเล่าว่า แม่เคยหลับแล้วเหมือนหลุดไปที่ๆนึงมียักษ์นอนตัวยาวจำศีลหน้าถ้ำบนเขาสักลูก บอกว่าเนี่ยแหละคือแม่ในอดีต เป็นยักษ์ใจดีจำศีลภาวนาไม่ทำร้ายใคร (แม่จะหน้าดุแต่ใจดีมากยิ้มอยู่เรื่อย บางทีแม่ไม่ยิ้มเลยพลอยนึกว่าโกรธอะไรแฮ่ๆ) แม่เป็นคนแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

    มีเรื่องยักษ์ที่่น้าสาวที่เคยบวชชีมานาน เคยถ่ายรูปติดขาเขามาด้วย เขาทำเพลารถตู้ใหม่ๆหักเลย(เหมือนชวนขึ้นรถแบบไม่ตั้งใจ รถคันนี้ยังอยู่บ้านน้า) แต่เรื่องเต็มๆนี่จำไม่ถนัดนัก เหมือนหนึ่งในคนที่มาด้วยกันเกี่ยวข้องกับยักษ์ตนนี้น่ะคะ(เหมือนเขาประจำอยู่ที่วัดที่น้าเคยบวช)

    ส่วนตัวเรื่องครุฑที่เกิดไปเจอในเน็ตก็ดูๆฟังแป็บเดียวพะอืดพะอมคลื่นไส้คล้ายจะอาเจียน คุยกับพี่ทางเมืองไทยเขาบอกให้อธิฐานขอกับท่านๆที่เรานับถือแล้วลูบลง(มันเหมือนมีอะไรติดที่คอ) หายแต่หมดเรี่ยวหมดแรงจะทำงาน วันจันทร์ก่อนโดนจุกที่อกกระแทกหงายหลังในวันพุธ(ที่กล่าวในกระทู้ ณ ประเทศเอสโตเนีย) แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้วค่ะ;)

    นั่งสมาธิเห็นครูบาอาจารย์ เอิ่ม...คือแว่ เอ้ย คือว่าไม่ค่อยได้นั่งนะคะ:p แต่ส่วนตัวเหมือนจะผูกพันธ์กับหลวงปู่ทวดแบบไม่รู้ตัว คือเด็กๆก็จะเห็นรูปท่านในที่นั่นที่นี่ตลอดจนชินตาแบบไม่รู้ว่าคือใคร ได้ยินชื่อแต่ไม่รู้หน้าตา รู้หน้าตาแต่ไม่รู้จักชื่อ(เด็กๆนี่เนาะเอาอะไรมากมายไม่ค่อยสนใจอะไรหรอก) มานึกๆก็ตอนโตนี่แหละไม่นานนี้เองว่าเรานี่ชินกับท่านที่สุด(เห็นบ่อยสุด) แต่ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเห็นแบบจีวรสีเข้มกล่ำ เคยเห็นแต่จีวรแบบพระธรรมยุติปัจจุบัน

    ราวๆช่วงหลังสงกรานต์กลับจากการไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกในชีวิตที่วัดอัมพวัน (ก่อนหลวงพ่อจรัญจะมรณภาพปลายปี ยังได้พบท่านแบบระยะใกล้มากๆ3ครั้ง) ก็กลับมาไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิที่บ้านหน้าหิ้งพระ ตอนนั่งเห็นลักษณะเหมือนหลวงปู่ทวดมากแต่ร่างกายใสคล้ายแก้วแต่ครองจีวรสีเข้มแบบที่ไม่เคยเห็น(ออกน้ำตาลแดง) ไอเราก็ติดสงสัยเหมือนเด็กเอียงขอมองว่าใช่มั้ย เท่านั้นก็หายไป :D นอกนั้นไม่เห็นอะไรคะ อาจมีแสงๆในบางครั้งแต่ไม่ได้สนใจ(อย่าเอานิยงนิยายอะไรกับเค้าเล้ย) แถมนานๆนั่งทีเลยไม่มีประสบการณ์อะไร

    เวลาเจออะไรหนักๆโดยเฉพาะกำลังเจ็บตัวหรือทรมานกับบางอย่างสุดๆจะเอ่ยระลึกถึงหลวงปู่ดู่หลวงปู่ทวด(พร้อมทั้งน้ำตาไหลพราก) แต่ถ้าป่วยแล้วแบบเจ็บตัวจริงๆไม่หายสักทีจะอ้อนขอกับปู่ชีวกโกมารภัจน์ (ปู่จ๋าลูกเจ็บ ฮือ ปู่ช่วยลูกที ปู่จ๋าแม่จ๋าตลอดๆ:oops:) ส่วนส่วนหลวงปู่ท่านจะทางด้านปัญญาหรือด้านไหนไม่ทราบค่ะ:D
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    แหะๆ เปิดช่องอีกแระ มาแล้ว จะปุ สบโอกาศได้โม้พอดี..
    จะปุ อะไรเนี่ยไม่รู้ว่าตำราเขียนว่าไงนะ...
    แต่เท่าที่ดูมา เผ่านี้เค้าจะนับถือท่านที่บุคคลิก
    คล้ายๆฤาษี ที่เหมือนผมจะยาวๆสูงๆขึ้นข้างบน
    ผอมๆเลย ชอบนั่งเอาศอกพาดหัวเข่า
    ไม่รู้ว่าเค้าเรียกท่านว่าอะไร แต่เรียกขึ้นต้นว่า พ่อ..
    เอกลักษณ์ท่านนี้ก็คือจะเลี้ยง ลิงหรือกอลิล่าตัวใหญ่
    นี่หละ เหมือนๆตัวที่อยุ่ในหนัง
    ก็ถือท่านมีฤิทธิ์นะ แต่ติดเรื่องการต้องการได้รับความเคารพ
    นับถือด้วยวาจาและใจ คือเมตตาเฉพาะกับคน
    ที่เคารพท่านด้วยวาจาและใจนั่นหละ
    อาจจะเป็นที่มาของการที่
    ต้องทำอะไรแปลกๆที่ดูแล้วไม่ใช่ทางพุทธฯทำกัน...
    กลุ่มนี้ถ้านั่งสมาธิจะนั่งเอาฝ่ามือจับหัวเข่า......
    ไม่ใช่แบบนั่งหงายฝ่ามือแบบสายพลังงานนะครับ..
    ถ้ามีการจับคนหรืออะไร เค้าจะเอาไป
    ต้มด้วยหม้อใบใหญ่เพราะมีความเชื่อว่า
    ส่งเสริมด้านพลังอะไรของเค้านี่หละ..
    ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ ลอง Line ไปถามแกดูเด้อ ๕๕๕

    ถ้าเรื่องที่ได้ยินจากอาจารย์ ยอด ฟังได้ ฟังสนุกมันดี
    แต่ว่า ส่วนความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
    ก็ให้พิจารณาเอาเอง แต่ฟังได้ ไม่ควรไปยึดอะไร
    ส่วนตัวก็ฟังเพื่อความบันเทิงเท่านั้น..

    ส่วนเรื่องความกลัวที่เป็นการฝั่งใจนั้น
    ให้แก้ด้วยการอโหสิเรื่องนั้นๆออกจากกลางจิต ๓ ถึง ๔ ครั้ง
    แล้วอุทิศบุญซ้ำลงไป จะช่วยแก้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
    และใช้ได้กลับกรณีที่ไปสถานที่ต่างๆแล้วเกิดอาการอึดอัด
    อะไรได้ด้วย ทางปฏิบัติเค้าเรียก วิบาก วิบากคือ
    กระแสที่จรเข้ามา กระแสนี้จรเข้ามาได้จากมัน
    มีสัญญาที่ยังตกค้างอยุ่ในจิตเรานั้นเอง ซึ่งปกติเราไม่รู้
    ยกเว้นว่า จะอยู่ในสถานที่ที่เอื้อ ให้มันผุดมา
    หรือรู้ได้จากการฝึกสมาธิ ก็ว่ากันไป..

    ส่วนตัวกลัวตุ๊กแก เห็นพี่แกออกมาปรากฏกายเนื้อให้เห็นจะๆ
    ในระยะ. ๑ เมตรเลย ตอนนั้นได้แต่ยืนนิ่งๆ..
    แล้วรวบรวมกำลังภายในเฮือกสุดท้าย...
    บอกพี่แกว่าหลบๆไปซะ คนเห็น
    เค้ากลัว โผล่มาบ่อยๆ เด่วจะโดนน้องหมาที่บ้านจัดการเด้อ..
    แทนที่พี่แก จะหลีบหนีไปเหมือนตุ๊กแกที่เราเค้าใจ..
    ดันคลานเข้ามาหาซะงั้น ประหนึ่งว่า
    จะมาถามว่า ลูกพี่เมื่อกี้ ลูกพี่ว่าไงนะ.๕๕๕
    เข้ามาในระยะห่างไม่ถึง ฟุต ก่อนที่พี่ตุ๊ก
    แกจะ ตีลังกาหลังซ้ำเมอซอล แล้วเลื้อยจากไป...

    แต่กลับงูเนี่ยมีประวัติไม่ค่อยดี ไม่อยากพูด
    ผ่านมาแล้ว..แต่เด่วนี้ไม่มีอะไร เป็นเหตุอย่างหนึ่ง
    ที่ช่วงแรกๆ ทางเมืองพยานาคดูจะไม่ค่อยตอนรับเท่าไร
    แต่เดียวนี้สบายแระ..ไม่เป็นไร

    ส่วนหลวงปู่ ท. แนวๆท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะครับ
    แต่ธรรมกายท่านไม่ใช่แบบที่เห็นเป็นมนุษย์แล้วนะครับ
    ตรงนี้ประสบการณ์ตรง เมื่อสมัยอดีตที่กำลังสติอ่อนๆ
    ไม่มีค่ารถในการเดินทางเลยต้องใช้วิธีพิเศษเอา
    มีโอกาสได้พบท่านในระหว่างทาง..
    ธรรมกายท่านไม่ใช่อย่างที่เราเคารพแน่ๆ
    บอกดีไหม หรือไม่บอก ไม่บอกดีกว่า
    อืมไบ้ให้หน่อย ว่าคล้ายๆพระพุทธรูปแต่ว่าดูผอมๆแล้วกัน..
    ตรงนี้เป็นอจิณตรัยเนาะ สุดแล้วแต่ประสบการณ์แต่ละคนแล้วกัน

    ส่วนพ่อปู่ ส่วนตัวไม่เคยพบท่านมาก่อน..
    รู้แต่ว่า ท่านเป็นเลิศเรื่องการรักษา(รวมผ่าตัดด้วยนะ)
    และมีความรู้ทางด้านตัวยาสมุนไพรต่างๆ
    ไม่เป็นสองรองใครในโลกนี้แล้วกัน...
    แค่นี้หละ ท่านบอกว่า มรึงอย่าพูดมาก ๕๕๕

    ส่วนการได้พบเห็นครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ
    ไม่ว่ารูปแบบใดๆ หากวาระมาถึง
    โดยปกติเราก็จะได้พบกับท่านเองนั่นหละ
    ไม่ว่าวิธีทางใดวิธีทางหนึ่ง....

    ความโลภมนุษย์นี่หละตัวดี
    ที่เราไปยึดมันเข้ามาจนกลายเป็นตัวเรา
    พุทธฯสอนให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ
    ให้ได้อย่างแยบยล..มนุษย์กับเข้าไป
    เปลี่ยนแปลงธรรมชาติเพื่อมาสนองกิเลสตนเอง
    จนเกินคำว่าอยู่ร่วมกันได้อย่างแยบยล..
    อย่างนี้หละ ถึงได้เกิดเหตุเภทภัยต่างๆ
    ที่มาจากธรรมชาติกลับคืนสู่มนุษย์บ้าง
    ปัญหาคือ คนไม่รู้อิโน่อิเน่
    ก็เลยต้องพลอยโดนไปด้วย...
    สังเกตุได้ ย้อนไป ๒ ถึง ๓ ปี
    ถ้าเกิดเหตุอะไร สมัยนี้เค้ามักจะเอาไปเป็นกลุ่ม
    เชื่อกันว่า เค้ามีแผนกเก็บกวาดเรื่องแบบนี้อยู่
    จริงๆเรื่องนี้พูดไว้นานแล้วเมื่อ ๒ ถึง ๓ ปีก่อนนี่หละ
    ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว.....
    ต้องช่วยกันอย่างจริงจัง ที่จะสร้างธรรมชาติ
    ให้กลับคืนสู่โลกใบนี้ ให้อยู่ในเกณฑ์
    ที่จะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างแยบยล...

    ทุกวันเน้นสร้างแต่อะไรใหญ่ สร้างเขื่อน
    สร้างโครงการใหญ่ๆ ...
    ต้นกำเนิดแห่งชีวิต ดันไม่ใสใจ
    คือ ต้นไม้ ของบ้านเราเหลือแค่หนึ่งเปอร์เซนต์นะ
    เทียบจากเมื่อก่อน ถามหน่อยถ้าโลกนี้ไม่มีป่า
    ไม่มีน้ำ ไม่มีออกซิเจน ชาวโลกจะอยู่กันอย่างไร
    เรื่องแบบนี้ แม้ใช้เวลาในการหวลคืนนาน
    แต่ก็ต้องทำ...ยกตัวอย่าง ไม่ใช่ว่าจะสร้างแต่เขือน
    แต่แหล่งต้นน้ำ ที่จะทำให้เกิดน้ำ และที่จะกักเก็บน้ำ
    ที่ไหลมา น้ำที่ตกลงมา สู่เขื่อนไม่มี
    แล้วจะสร้างเขือนไปเพื่อ ???
    ปากอ้างจังน้ำท่วมๆ
    ถ้าเราไม่ไปทำลาย ธรรมชาติ
    ที่คอยกัก สลายน้ำไว้ เหมือนเมื่อก่อน
    น้ำมันจะท่วมไหมหละ สมัยคุณ ปู่คุณ คุณทวด
    มีไหมเรื่องน้ำท่วม แค่น้ำท่วม ถนน แทบจะได้
    กราบกันเลยมั่ง(ประชด) มีไหมต้องไปซ๊อตปลา
    มีไหมต้องไป ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อ
    ให้ได้อาหาร คำว่า '' ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว''
    จึงได้บังเกิดขึ้นมาในยุคนั้น..
    นี่ยกตัวอย่างให้พอเข้าใจ
    เราก็รับสภาพไปเมื่อยังอยู่บนดาวโลก..
    ยกเว้นว่าใครมีแผนจะย้ายไปดาวอังคาร
    นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่ว่ากัน ๕๕๕๕



    ปล.ที่เล่ามาถือว่าเป็นนิทาน พอขำๆ..



     
  6. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ลูกพี่ไหงกลัวตุ๊กแก ( มันคงจะถามว่า จะกลัวอะไรผมหนักหนา เดี๋ยวจัดหนักแกล้งซะเลยนิ )

    "จากนั้นก็ตีลังกาซ้ำเมอซอล แล้วเลื้อยจากไป "
    มันยังไงคะ ตุ๊กแกกลายพันธุ์รึ ?? แต่ที่แน่ๆ หึหึ รู้ละคุณนบกลัวอะไร 555 :D:D:D
     
  7. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    แหม่ๆตุ๊กแกนี่นาพาไปแข่งโอลิมปิก บ้านน้าสาวนี่มีเป็นฟาร์มตุ๊กแกเลย พวกย้ามมายึดบ้านเก่าสร้างครอบครัว ตัวเป้งๆเท่าหนู แถมไม่กลัวคน(ตรูต้องกลัวเมิงช่ายม้ายๆๆๆ) น้าสาวพาไปกระชับพื้นที่เอาบ้านคืน แต่ตอนนี้ไม่รู้กลับไปขยายพันธุ์ต่อรึเปล่า คิๆๆๆ

    แต่ตีตั๋วทัวร์ดาวอังคารนี่ขอผ่านค่ะ เห็นว่าประเทศใหญ่ๆเขาตัดแบ่งชิ้นเค้กอวกาศ(โลภบนโลกไม่พอ)ไอที่สำรวจๆดาวๆเนี่ยจะกอยโกยแร่ธาตุทรัพยากร(โอย จะอะไรกันนักกันหนา) ที่แน่ๆดวงจันทร์เพื่อนบ้านนี่ขึ้นทำเนียบโดนดูดแล้ว กระเชอก้นรั่วจริงๆ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ตุ๊กแกนะครับ ตุ๊กแก ไม่ใช่น้องแมวน้องหมานะขอรับ
    จะได้เรียก ตุ๊กๆมานี่ซิ..
    แล้วมันจะคลานเข้ามา กระดิกหาง ดิ๊กๆ
    ทำตารี่ๆ แล๊บลิ้นให้เราลูบหัวมัน
    หรือนอนหงายให้แล้วเกาท้องมันเล่นนะครับ...
    ปล่อยเค้าอยู่ตามสภาพเค้าไปเหอะ ๕๕๕ ....

    ไอ้เรื่องการหามุขต่างๆนาๆเพื่อเข้าไปเอาทรัพยากร
    ของประเทศอื่นๆในโลกนี้ และตัวดีในการ
    ทำให้สภาวะโลกเปลี่ยนแปลง กว่า ๕๐ เปอร์
    ของคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกนี้ก็คือ
    ประเทศพี่ ก ไก่ นั่นหละ.. (^_^)
     
  9. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    ชอบนั่งเอาศอกพาดหัวเข่า คุ้นๆเหมือนกับรูปปั้นฤาษีบางองค์เลยแฮะ
     
  10. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    พูดถึงฤาษี ก็ขอแชร์ประสบการณ์ฮาๆ มั่งครับ สมัย ละอ่อนคะนอง เคยไปเที่ยววัด แล้วแซวรูปปั้นฤาษี องค์นึง ว่า เอ วัดนี้มีฤษีกินหมาก หรือ เปล่า ละเนี่ย พอกลับบ้านปุ๊ป กลิ่นหมากนี่หลอน ไปทั้งวันทั้งคืนเลยครับ เหอๆ สุดท้ายก็จุดธูปขอขมา
     
  11. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    อ่านจุดนี้ 3 รอบ รู้สึกถึงคำว่า ปลง ละอา เบื่อหน่าย สัจจะธรรม
     
  12. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    พวกตั้งใจกอบโกยนี่เขาตั้งระบบดูดอย่างมีมาตรฐาน ดูดเป็นขั้นเป็นตอน วางแผนระยะยาวในการสวาปาม
    เอาง่ายๆน่ะคะ จำได้ว่าอาจารย์บอกว่า พวกเขาวางแผน(มานานมากๆแล้ว)ให้มีประเทศเกิดใหม่ในโลกที่เป้าตั้งไว้300ประเทศโดยประมาณ
    ปัจจุบัน200กว่าประเทศเข้าไปแล้ว ถ้าไปดูย้อนหลังจะพบว่ามีประเทศน้องใหม่เกิดขึ้นมากจาก10หรือ20ปีที่ผ่านมา (คำพูดอาจารย์ได้รับการพิสูจน์แล้ว)

    ทำไปเพื่อ???

    ประเทศน้องใหม่ไม่แข็งแรงจะได้สูบง่ายๆ
    "สร้างความร้าวฉานคืองานของเธอรึเปล่า"
    (ร้องเพลงซะเลย)ประเทศโดนยุแยงให้แตกแยกจนแบ่งประเทศใหม่ ตัวอย่างชัดๆซูดานเหนือซูดานใต้แบ่งแล้วเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าไม่น่าบ้าตามมัน แยกกันแล้วไปไม่รอดลำบากกว่าเดิม ก็ทรัพยากรเยอะป่าไม้แร่ธาตุโดยเฉพาะพวกราคาแพงดันมีซะเยอะ ความชั่วร้ายมากับความละโมบหิวโหยไม่สิ้นสุด ของใช้ที่เราเคยชินอย่างมือถือ ก็เป็นตัวสนับสนุนแรงงานทาสการค้ามนุษย์และสงคราม การสร้างเทคโนโลยีเพื่อหล่อเลี้ยงความสบายเป็นหนึ่งในกลอุบายแห่งความโลภ

    แม่ชอบพูดว่า โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน
     
  13. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    เมื่อมี Action = Reaction ซักวันประเทศที่ยุยงนั้นก็ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับเหล่าจักรวรรดิ เจ้า อาณานิคมทั้งหลาย
     
  14. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    กระผมชอบจังคำนี้
    " ป่าเหมือนมีมนต์ขลัง
    ใครใคร่ชื่นชม เหมาะสมรับยิ้มชื่น
    ใครใคร่ทำลาย ตกกระทบมันผู้นั้น "

    เรื่องนี้เขาเล่าว่า " เข้าป่าอย่าทักอะไร "


    เรื่องมีอยู่ว่า ต้น รวมตัวกับเพื่อน ๆ ได้กลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 คน แล้วนั่งคุยกันว่า เด๋วหลังเสร็จงานจัดโปรแกรม ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน พองานเสร็จ ทุกอย่างลงตัว ก็เลยมานั่งคุยกันว่า ไปไหนดี เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ไปดอยอินทรานนท์มั้ย แต่อีกคนบอกว่าฝนตก ไม่สนุกหรอกเข้าป่า พอคุยกันไปคุยกันมา ไม่ได้ข้อสรุป ต้นเลยบอก เอาตามที่เอ็งบอกนั้นละ ดอยอินทรานนท์ นั้นละ

    พอได้ข้อสรุป ก็แยกย้ายไปเก็บข้าวของ ก็ขับรถไป พอไปถึงที่ ดอยอินทรานนท์ จอดรถเสร็จ ทุกคนหยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วเพื่อนผม จังหวะว่า พาแฟนไปเปลี่ยน บรรยากาศ พอเราเดินไปได้สักพัก ( นี้คือเดินอยู่ในป่าแล้วนะครับ ) แฟนเพื่อนผม ไปเจอสิ่งที่แบบว่า คล้าย ๆ กับ แก้วน้ำอะไรสักอย่างเนียละ เลยเดินไปจับ แล้วหยิบมาดู ก็ไม่มีอะไร พอหันไปตันไม้ต้นอื่น ก็มีสิ่งแบบเดียวกันอีก เลยหันมาบอกว่า รีบไปเถอะวะ มันจะมืดละ รีบเดินไปให้ถึงจุดกางเต้นเถอะ

    พอเดินไปได้สักระยะหนึ่ง แฟนเพื่อนผมก็บอกว่า อ้าวเห้ย พวกเอ็งเห็นอะไรนั้นปะหายเข้าไปแล้วอะ บนต้นไม้ ทุกคนบอก เห้ย เข้าป่าเห็นอะไร อย่าทัก สิ่งดีก็มีไม่ดีก็มี รีบไปเถอะ มันโพ้ลเพ้ลแล้ว จากนั้นก็ เดินแล้วก็เที่ยวตามปกติ แต่เรื่องมันมาเกิดตอนที่เดินทางกลับ

    แฟนเพื่อนผมพูดขึ้นว่า ขอไปด้วยได้มั้ย เพื่อนผมเลยบอกว่า "อ้าวไอห่า แฟนเอ็งเป็นไรว่า อยู่ ๆ บอกว่า ไปด้วยได้มั้ย" เพื่อนผมเลยบอกว่า "มาด้วยกันก็กลับด้วยกันดิ หรือว่าเอ็งจะอยู่เที่ยวกันต่อ 2 คน" ผมได้ยินเสียงที่ตอบมาแบบช้า ว่า "ขอบคุณ"

    ทุกคนหันมองหน้าแล้วเดินต่อ ต้นคิดในใจแล้วว่า มันต้องมีอะไรแน่เลย เพราะว่าทำไมตามัน ขวาง ๆ แปลก ๆ เหมือนไม่ใช่แฟนเพื่อนผม ที่ต้นรู้จัก พอกลับมาถึง กทม. ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เอาของไปเก็บ แล้วเดียวมาเจอ บ้านต้น นั่งกินสุรา กัน เพื่อนผมคนนั้นมันก็พาแฟนมันมานั่งด้วย แล้วต้นจำได้ติดตาเลยว่า ในวงมีไก่ต้มน้ำปลา กับ หอยแครงอยู่

    แฟนเพื่อนผมบอก หิวข้าวจัง ต้นเลยบอกว่า เห้ยเอ็งไปตักข้าวมาให้แฟนเอ็งกินดิ พอตักมาให้ก็ไม่กิน กินเข้าไปไม่ถึง 2 คำ แล้วบอกอิ่ม สุราหมดไป 1 กลม บางคนก็เดินไปเข้าห้องน้ำ บางคนออกไปคุยโทรศัพท์ ส่วนเพื่อนผม อีก 2 คนออกไปซื้อมาต่อ

    ในวงไม่เหลือใคร นอกจาก แฟนเพื่อนต้น ทีแรกต้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็นั่งคิดว่าแฟนเพื่อนต้น ปกติมัน เฮฮ่า นิหว่าทำไมวันนี้มันเงียบผิดปกติว่ะ

    แล้วเพื่อนผมอีกคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ก็เรียกต้นว่า เห้ยมาดูไรนี่ดิ เห็นเต็ม ๆ 2 ตาเลย ไก่ที่วางอยู่ แฟนเพื่อนผมกินแบบ ใส่มือฉีดอะ กระชาก ไม่ก็ไม่น่าแปลกอะ แค่กินไก่อาจจะกินไม่ถนัด แต่ที่แปลกคือ แฟนเพื่อนผมคนนี้ มันสำอางมาก ไม่มีทางที่จะทำแบบพวกต้นแน่ กินหมดเสร็จจะพูดยังไง เอาเป็นกินแบบสกปรก อะ

    ก็ยังไม่สนใจอะไร แค่ดูแล้วมันแปลก ๆ ไป เท่าไรยังไม่ได้คิดไรมาก พอมา 2 วัน เพื่อนโทรมาบอกว่า แฟนมันชอบให้ซื้อของ สด ๆ ดิบ ๆ มาให้ บอกว่าจะเอาไว้ทำกับข้าว แต่พอเช้า ของที่ซื้อมาหายหมด ทุกคนเลยบอกว่า ผิดปกติแล้วละ

    เลยรวมตัวกันแล้วบอกเพื่อนคนนั้นว่า วันนี้ไปซื้อมาอีกนะ แล้วมาแอบดูกันว่า มันเกิดอะไรขึ้น ผมที่ได้คือ แฟนมันลุกขึ้นมากลางดึก มาหยิบของพวกนั้นกินแบบ ไม่ใช่คนอย่าเรา ๆ กินอะครับ ที่เห็นอะ ต้นเลยบอกว่า ไม่ใช่แล้วอะ เลยบอก ลองเอาพระให้ใส่ พอให้พระใส่ ก็ปกติดีทุกอย่า พูดจารู้เรื่อง

    ต้นก็ งง ว่าถ้าผีเข้าหรืออะไรยังไง เจอพระก็ต้อง ออกหมด แต่นี้ปกติ เลยบอกว่างั้นพาไปที ตำหนักอาจารย์ต้นแล้วกัน ไม่ขอบอกนะครับว่าที่ไหน พอไปถึงที่ ตำหนัก อาจารย์เลยถามว่า "ไปโดนอะไรมา" ก็เลยลอง ๆ เล่าให้ฟังว่า หน้าจะเป็นแบบนี้นะ

    อาจารย์ต้นเลยบอกว่า แฟนเพื่อนเอ็ง โดนของดีแล้วละ สรุปง่าย ๆ เลยคือ ปอบผีฟ้า ที่เราเคยได้ยินชื่อหรือที่ชมกันตามทีวี นั้นละ ต้นยังบอกเลยว่า ปอบผีฟ้า ยังมีอยู่อีกหรอ อาจารย์ อาจารย์บอกว่ามีเยอะ ทางเหนือ พวกนี้จะอยู่ตามต้นไม้ ต้นเลยนึกขึ้นได้ ที่มันทักที่มันหยิบมา เลยเล่าให้เค้าฟังว่าแบบนี้ ๆ

    แล้วก็บอกว่า ต้นเอาพระให้ใส่ก็ปกติดีนะ อาจารย์เลยบอกว่า พวกนี้ เป็นชนิดที่ว่าเก่งแล้ว แล้วที่เพื่อนเอ็งไปเจอเนีย ที่วาง ๆ ไว้ตามต้นไม้เนีย คือพวกที่แบบว่า ชนิดที่ว่า คนเลี้ยงเอาไม่อยู่แล้ว หรือที่เรียกว่า ขันแตก ประมาณนั้น

    จากนั้น อาจารย์เลยบอกว่า ปิดหน้าต่าง ปิดประตูให้หมด แล้วจับแฟนเพื่อนผมให้ดี อาจารย์ก็ทำการ เรียกขวัญ แล้วก็เอาน้ำมนต์ ทำเหมือนในหนังเลย แล้วพอตนนั้นออกจากร่าง อาจารย์บอกว่า "ทำใจได้เลย ไม่เกิน 3 วัน" เสียชีวิต เพื่อนผมเลยบอกว่า "ทำไมหรอครับ ออกไปแล้วทำไมแฟนผมต้องตาย"แล้ว อาจารย์ต้นเลยบอกว่า ตนนั้นมาสิงกินข้างในไปหมดแล้ว ที่แฟนเอ็งอยู่ใน เพราะว่า ผีปอบตนนี้ พอผีออกไป แฟนเอ็งก็เหมิอนร่างที่ไร้วิญญาณแล้วละ

    แล้วต้นเลยถามว่า "ไม่มีวิธีช่วยเลยหรอครับ" อาจารย์บอกว่า "ไม่มีแล้วละ ทำใจซะเถอะ เกิดก็ต้องมีจาก มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องชดใช้กรรมทั้งนั้นละ" เพื่อนผมเลยกอดแฟนมันแล้วร้องไห้แบบเด็กเลย ผมยังมานั่งคิดเลยว่าถ้าเกิดขึ้นกับครบครัวผมหรือคนรู้จัก เราจะทำอย่างไงดี จากนั้นไม่ได้ ได้ประมาณ 4 วัน แฟนเพื่อนผมก็เสียชีวิตลง ร.พ.ศิริราช ตรวจแล้วลงในบัตรมรณะว่า เครื่องในหยุดทำงานเฉียบพัน

    ขอแสดงความเสียใจกับ กับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ

    เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จำไว้ว่าพบเห็นสิ่งใดอย่าทักถึงบ้านหรืออะไรแล้วค่อยมาเล่าให้ฟัง ไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนเรื่องที่ต้นได้เล่าให้ฟังนะครับ

    ขอบคุณที่มา : http://pak-kad.blogspot.com/2010/02/blog-post_09.html?m=1
     
  15. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    จากหลายๆ เรื่องที่ข้าน้อยได้อ่าน และ นำมาให้เพื่อนๆได้อ่านเช่นกัน มันทำให้ข้าน้อย นึกสงสัย อยากให้ท่านพี่นบช่วยไขข้อกระจ่าง รึ ถ้าหากท่านใดพอทราบร่วมแชร์ความเข้าใจในส่วนนี้ด้วยขอรับ ^_^

    สังเกตุกันบ้างรึเปล่า ว่าบรรดาภพภูมิที่มีความสามารถในระดับเกินทั่วไปในชั้นโลกมนุษย์นี้ ทำไมจึงมีมากในป่า ชอบอยู่ป่า ความสามารถมากกว่าภพภูมิที่มีอยู่ในเมืองมากนัก
    หากปราศจากป่าแล้วไซร้ ภพภูมิพวกนี้จะเป็นเช่นไร ???
    ป่าหาย เช่นในเมืองใหญ่ ทำไมอาภรรพ์ต่างๆจึงไม่ปรากฎ ไม่ส่งผลต่อมนุษย์ผู้บ่อนทำลาย
    หากเป็นในป่าแล้วไซร้ บังตา ลวงคำ ปลิดชีวิต เป็นได้ด้วยอำนาจของภพภูมิเช่นนั้นแต่เดียวเหรอ

    ป่า ต้นไม้ จิตวิญญาณ แท้จริง มีสิ่งใดเอื้อต่อกันรึไม่ ??? มนต์ขลังพนาไพร นำไซร้ซึ่งจิตวิญญาณรึเปล่า ??

    พร่ามมาพอควร ขอบอกงดขนมนมเนยนะขอรับ ช่วงนี้อ้วนพรี้ ต้องรีดออกบ้าง เดี๋ยวไม่เท่อย่างพี่นบ 5555++
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จริงความสามารถเหนือวิสัยพอๆกันทั้งในเมืองและในป่านั้นหละ..
    เพียงแต่ความยังคิดจะแตกต่างกัน...
    เมื่อก่อนอย่าลืมว่าจะเป็นป่ามาก่อน...
    และที่กลุ่มที่อยู่ในป่า ดูดุร้ายนั้นเพราะ
    อยู่มาก่อนจะมีจะมีผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ..
    และในสมัยก่อน การครอบครองดินแดน
    อนาเขต จะเป็นการเข้าไปถือครอง ไปปักหลัก
    และก็จะมีการหวงแหนอนาเขตเป็นเรื่องธรรมดา...

    ส่วนในเมืองยุคๆต่อๆมา มีการบูชา เคารพ
    มีเรื่อง พิธีเข้ามาเกี่ยวข้อง กิริยาที่ดูหลุดๆโหด
    จึงเปลี่ยนมาเป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
    แม้ว่าจะยังไม่นับถือศาสนาก็ตาม...

    และพอมีความเจริญเข้ามา มีศาสนาเข้ามา
    มีการทำบุญกรวดน้ำ จึงมีการยกระดับภพภูมิเกิดขึ้น
    ยกระดับในที่นี้รวมถึงความยังคิด
    กระแสต่างๆที่เย็นลง(หรือบารมีมากขึ้น)
    จึงไม่ได้ใช้ความสามารถต่างๆไปในทาง
    ที่เป็นอกุศลแต่อย่างใด...

    และก็เชื่อกันว่า ในแต่ละเขตนั้น ก็จะมีผู้ที่มากบารมี
    คอยกำกับดูแลอยู่ และเชื่อกันอีกว่า ในแต่ละทิศนั้น
    ยังมีดวงจิตมากบารมีมีฤิทธิ์มาก แต่ไม่ไปอยู่ในระดับ
    ชั้นตามภูมิจิตของตนมาปกปักรักษาดูแลอยู่
    และก็มีผู้ที่บำเพ็ญบารมีมานานแสนนานตั้งแต่
    เคยมีผู้เป็นเลิศ ยังอยู่ให้พึ่งพาบารมีอยู่
    ที่เราเห็นในลักษณะคล้ายๆพระพุทธรูปทั้งหลาย..
    และยังมีในลักษณะที่ทรงเครื่องคล้ายๆพระจักรพรรดิ์
    ให้พบให้ได้อีกทั่วไป...

    นี่หละเหตุแบบหยาบๆ ที่ในเมืองทำไมถึงไม่ค่อยเปรี้ยว
    ทำไมในป่ายังเปรี้ยวอยู่...

    และอย่าลืมว่า รูปธรรมทั้งหลายเหล่าจิตวิญญาน
    ก็ยึดเป็นสรณะอยู่ เหมือนเรามีบ้านนั่นหละ..
    ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็จะไร้ที่ยึด แต่ถ้าคลายได้
    ก็อยู่ในอากาศ ถ้าได้บุญมาก็แปรเป็นวิมารอะไรก็ว่ากันไป..
    ตามความเหมาะสมนั่นเอง...
    ส่วนการไปไหนมาไหนได้ ขึ้นอยู่กับระดับคลื่นความถี่หรือ
    บารมีเฉพาะดวงจิตนั้นๆ..ที่มากไปไหนได้หมด..
    ที่ๆสุดครอบอยู่ทั้งหมด...
    '' เล็กเท่าเมล็ดถั่ว กว้างใหญ่กว่าโลกใบนี้
    แต่ทุกอย่างสามารถอยู่ในมือเจ้าได้ ''
    นี่หละคือจิต...
    ต้นไม้มันรู้ได้อย่างไรว่ามันจะต้องเติบโตไปรับแสง
    ทางด้านไหน ดอกไม้รู้ได้อย่างไรว่าต้องบานเวลาไหน..
    สุนัขรู้ได้อย่างไรว่าต้องกินหญ้าเพื่อรักษาตัวเอง..

    คนก็เช่นกัน ที่ว่ารู้ได้เองอัตโนมัติ ก็เปรียบเหมือน
    ดอกไม้ที่มันรู้ได้ว่ามันจะบานเวลาไหนนั่นแล...
    รู้ที่ไม่มีตัวเรา ไม่มีตัวตนเข้าไปกระทำ..
    นั้นหละธรรมชาติของต้นไม้ และนี่หละธรรมชาติของจิต...
    ประมาณนี้ พอขำๆ
     
  17. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    โอ้ ท่านพี่นพ มาแบบให้ต้องตีความอีกเช่นเคย คำของพี่ท่านช่างล้ำลึกยิ่งนักข้าน้อยนับถือๆ:cool:(มาแบบเท่ห์ๆตลอดๆ)
    พี่ค่ะ อันตัวน้องตามัวมองไม่ชัดอย่างพี่เลยบอกไม่ได้ถึงที่พี่บอกว่าพบได้อีกทั่วไป:((ตาไม่ดีท้อปเจริญก็ช่วยไม่ได้) แต่ก็พอจะเข้าใจบ้าง(ไม่เข้าใจบ้าง) ประมาณว่าเหมือนกลุ่มในป่าเขาแทบไม่มีสิ่งแทรกแซงอยู่ไงก็อยู่งั้น เลยเหมือนจะโหดกว่า ยังอยู่เหมือนในเวลาที่แทบหยุดนิ่งเลยทำให้เป็นอย่างนั้น
    ต่างกับกลุ่มในเมืองที่ปัจจัยต่างๆทำให้มีการเคลื่อนไหว รวมถึงความคิด?

    อืืม ถึงว่าทำไมโลกใบเดียวถึงมีหลายลัทธิหลายศาสนา ประมาณว่าร่วมด้วยช่วยกันดูแลจะได้คลอบคลุมมากที่สุด ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าศาสนาลัทธินิกายต่างๆถูกสร้างมาให้เข้ากับภูมิภาคนั้นๆ จริตระบบความคิดคนแต่ละไม่เหมือนกัน แต่ละศาสนาความเชื่อสร้างมาเพื่อคนพื้นที่นั้นๆถ้าอีกซีกโลกหนึ่งไปเจออาจไม่เข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในอีกจุดของโลก?(ไม่ได้เหมือนกันทุกคนแต่หมายถึงโดยรวมๆ)
    ภูมิประเทศต่างกันไม่เอื้ออำนวยในเรื่องบางอย่างให้ตรงกันได้ เลยต้องแบ่งเขตดูแล:eek:
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    โลกมันกลมมีพื้นที่เป็นวงกลม
    พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
    และตกทางทิศตะวันตก
    มุมที่ข้าเจ้าและน้องนางต่างๆที่อยู่บนโลกใบนี้นั้น
    ก็ย่อมมองเห็นพระอาทิตย์
    แตกต่างกันตามต่ำแหน่งที่ตนเอง
    อยู่บนพื้นที่วงกลมนั้นๆนั่นแหล
    ทั้งๆที่เป็นพระอาทิตย์ดวงเดียวกัน
    และก็อยู่ในพื้นที่วงกลมเดียวกันแท้ๆ

    ฉันใดก็ก็ฉันใดนั้นหละ อีน้องเอ่ย ข้าเจ้าเอ่ย
    แม้แต่ฉันก่อนเที่ยงท่านยังเรียกว่าฉันท์เพล
    แต่ฉันท์ตอนเช้าก็ดันเรียกฉันท์เช้าซะงั้น..
    ทั้งๆที่ก็ฉันอยู่บนพื้นโลกบริเวนเดียวกัน
    เจ้าคิดว่าเพราะอะไร..
    ใช่เพราะเปลี่ยนไปตามการโคจร
    ของดวงอาทิตย์ แม่น บ่
    อื่นๆก็คล้ายกันนั่นแล

    ถ้าโลกไม่ใช่สี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนไม้บรรทัด
    และพระอาทิตย์ไม่ได้เคลื่อนตรงจากด้านหนึ่ง
    ของไม้บรรทัดสู่อีกด้านหนึ่งของไม้บรรทัด
    และก็เคลื่อนตรงกลับไปกลับมาของมันอยู่อย่างนั้น
    โดยที่ไม่มีการหมุนตัวใดๆ ไม่ว่าจะไม้บรรทัด
    หรือจะพระอาทิตย์ฉันท์เย็นเพียงใด เห้ย!!
    ฉันท์เย็นไม่มี อย่ามาทำเป็นเนียนนะ น้องนาง
    สรุป ฉันใดถูกแล้ว. ตราบนั้นอะไรก็ตาม
    ที่อยู่บนพื้นโลก ก็ย่อมมองเห็นพระอาทิตย์
    ได้แตกต่างกันตามแต่มุมที่ตนอยู่ฉันนั้นแล

    ดังนั้น ข้าเจ้าหรือน้องนางทั้งหลาย เจ้าจะเลือก
    ที่จะยืนดูพระอาทิตย์อยู่บนพื้นที่บนโลก
    แล้วไปวิเคราะห์ว่าโลกนี้เป็นอย่างไร
    ตามแต่ที่ตาเจ้าเห็น ตามแต่ที่เจ้า
    ได้ยินเค้าเล่ามา บนพื้นที่บนโลกใบนี้
    ที่เจ้ายืนอยู่กระนั้นหรือ เจ้าก็อาจจะได้คำตอบว่า
    โลกนี้มันแบนเป็นไม้บรรทัด
    เหมือนในอดีตที่ นักคิด วิเคราะห์ชั้นนำ
    ทั้งหลายระดับโลกได้เคยเชื่อมั่นมาก่อนแล้วนั่นหละนะ

    สรุปแว้ เห้ย! สรุปว่า น้องนางและข้าเจ้าทั้งหลาย
    เจ้าเลือกที่จะมาดู ที่กว้างศอก หนาคืบ
    ยาวสองศอกนี้ เพื่อที่จะมาดูใจตนเองก่อน
    เพื่อให้รู้ตัวเองก่อน แล้วถึงไปรู้ว่าโลกมันกลม
    เหมือนผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    ท่านได้เห็นได้แนะนำสั่งสอนเรามา

    หรือข้าเจ้าและน้องนางทั้งหลาย
    เจ้าจะเลือกที่จะ คิด วิเคาระห์ วิพากษ์
    วิจารณ์ สิ่งที่ตาเจ้าได้เห็น แล้วเชื่อว่า
    โลกนี้มันแบนเหมือนนักคิด วิเคราะห์
    ระดับโลกเค้าทำกันเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
    ให้น้องนางและข้าเจ้าทั้งหลายไปลองพิจารณาดูกันเอง

    ท้ายนี้โลกนี้จึงได้มีสมมุติบัญญัติขึ้นมาเป็นนัยยะ

    นัยยะ คือ
    "อยากรู้อะไร
    ให้มาดูใจตัวเอง

    รู้และเข้าใจใบ้ไม้ใบเดียว
    ก็เหมือนรู้เข้าใจใบ้ไม้ทั้งป่า" นั้นแล

    และท้ายจริงๆนี้ท้ายอีกแล้วหรือ
    คุณข้าเจ้าและคุณน้องทั้งหลาย.
    มัน บ่ แมนว่า พี่นี้ตาดี หูดี คิดดี
    วิเคราะห์ดี วิพากษ์ดี วิจารณ์ดี
    จากสิ่งที่เห็นด้วยตา
    เหนือกว่า ข้าเจ้าหรือน้องนางหรือใครเค้าดอก
    แม้ว่าพี่เป็นได้อย่างนั้น
    ในระดับโลกก็ตาม
    ท้ายที่สุดพี่นี้ก็จะเชื่อว่าโลกมันแบนได้
    นั้นหละน้องเอ่ย ข้าเจ้าเอ่ย ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง(เสียงกลอง)

    พี่ก็คนธรรมดานี่หละ ข้าเจ้าเอ่ย น้องนางเอ่ย
    ที่มาทำตามคำสอน เหมือนท่านที่พ้นโลกแล้ว
    ท่านได้ทิ้งไว้บนโลกใบนี้ให้ทุกคน
    ให้ข้าเจ้า ให้คุณน้อง ได้อ่าน ได้ยิน
    เหมือนๆกันกับที่พี่ได้ยิน
    ได้อ่านมาเหมือนกันนั่นหละ

    แม้ว่าจะรู้เหมือนกัน ว่าโลกมันกลม
    มันก็แตกต่างกันในความละเลียดของการรู้
    ขึ้นอยู่กับว่า ข้าเจ้าหรือน้องนางท่านใด
    จะไปรู้ใจตัวเองได้มากกว่ากัน
    ใครรู้ใจตัวเองได้มากกว่า
    ก็จะลงในรายละเอียดได้มากกว่าเท่านั้นเอง
    เพราะสิ่งที่รู้ มันจะรู้เหมือนกัน
    เช่นรู้ว่าโลกมันกลมนั่นแล
    มันก็รู้ว่ากลมเหมือนกันทั้งหมดนั่นหละ
    ส่วนรายละเอียดย่อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ปล.พอเข้าใจเนาะ ^^_^^ (ยักคิ้วสองที)
    เป็นไงพี่แนะนำเท่ห์ไหม ข้าเจ้าและน้องนาง ๕๕๕
     
  19. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    ป๊าด จะฮาจะเท่ห์ไปไหนขุ่นพี่นบ ข้าผู้น้อยขอคารวะ(คาปู)หนึ่งถ้วย ขอท่านจงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆปี :D:D:D

    "รู้อะไรก็ไม่สู้รู้ใจตัวเอง"

    รู้อะไร รู้มุมใด รู้มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องทิ้งโหม๊ดแมนบ่....
     
  20. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    เกือบจะเข้าใจแล้วค่ะ มาตกม้าตายที่ฉันเช้าฉันเย็น และเตร้งเตรงเตรงเตร้งเตงๆเต้งเตงๆของขุ่นพี่นี่แหละ:D(ลูกสับสนเอิ้กๆ)

    คุณsnootyค่ะ ร้อยปีก็เหนื่อยแล้ว อย่าเอาถึงพันปีหมื่นปีเลยเดี๋ยวรากงอก:p

    เอ้อ ว่าแล้วก็นึกได้ แม่เคยเล่าว่ามีคนเขาตามหายาอายุวัฒนะ การอยู่อย่างย้าวยาวนาน ไปตามล่าหากันในป่า ว่ากันว่ามีต้นพริกประหลาด(ไม่รู้มันอยู่ป่าไหนพิกัดอะไร) แล้วก็มีคนไปเจอมันเข้า!!!
    เหมือนจะมีใครไม่รู้เฝ้าอยู่(จำไม่ได้อีกแล้วฮิๆ)เขาไม่เชิงว่าหวงน่ะ แต่ถามว่าแน่ใจน่ะว่าอยากมีชีวิตอมตะ หมอนั่นบอกใช่ เขาบอกให้คิดให้ดี พี่แกก็ไม่เปลี่ยนใจ ผู้เฝ้าเลยบอกว่าถ้าเลือกแล้วเปลี่ยนไม่ได้น่ะ อย่างก็เด็ดเม็ดพริกไปกิน

    พอกินปุ๊บ แกก็กลายร่างเป็นหินอยู่ข้างต้นพริก ยังมีความจำแบบมนุษย์แต่กลายเป็นว่าได้แต่อยู่เฉยๆให้เวลามันหมุนผ่านไปเรื่อยๆโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย แกได้อยู่น้านนานจริงๆ แต่อยู่นานก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ แกบอกกับผู้แสวงหาอมตะรายใหม่ว่าอย่าอยากอยู่นานเลย:)
     

แชร์หน้านี้

Loading...