เสียงธรรม อย่าทิ่มแทงกันด้วยหอกด้วยดาบ

ในห้อง 'ธรรมเทศนาทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 12 มิถุนายน 2012.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    [​IMG]


    อย่าทิ่มแทงกันด้วยหอกด้วยดาบ


    เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงปู่มั่น พระอาจารย์ใหญ่ พร้อมด้วยพระอาจารย์ พร สุมโน ได้ตาม มาสมทบหลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว ที่ป่าเมี่ยงขุนปั๋ง ที่หลวงปู่ทั้งสององค์พักจำพรรษาอยู่
    ต่อมา หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี กับพระอาจารย์อ่อนสี สุเมโธ ก็ตามขึ้นไปสมทบอีก
    เมื่อเห็นว่า มีพระไปอยู่ด้วยกันหลายรูป เกรงว่าจะเป็นภาระหนักแก่ชาวบ้าน หลวงปู่มั่น จึงให้หาทางแยกย้ายกันออกไปวิเวกบริเวณที่ไม่ไกลกันนัก
    จะมารวมกันเฉพาะวันอุโบสถ เพื่อฟังสวดปาฏิโมกข์แล้วรับการอบรมจากพระอาจารย์ใหญ่ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับไปที่อยู่ของแต่ละองค์
    เมื่อจะใกล้จะเข้าพรรษาต่อไป หลวงปู่แหวน กับ หลวงปู่ขาว ได้กราบเรียนพระอาจารย์ใหญ่ ขอกลับออกมาจำพรรษาที่ดอยน้ำมัว หรือดอยนะโม หรือ ฮ่องนะโม (ชื่อสถานที่เดียวกัน) และเมื่อพระอาจารย์พร สุมโน ทราบเรื่องก็ขอตามไปจำพรรษาด้วย รวมเป็น ๓ องค์
    เมื่อเข้าไปกราบลา หลวงปู่มั่นได้พูดเตือนสติศิษย์ทั้งสามว่า " เออ ไปแล้วอย่าไปทิ่มแทงกัน ด้วยหอกด้วยดาบนะ”
    หลวงปู่ทั้งสามไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำเตือนนั้น และได้กราบลาเดินทางมา ดอยน้ำมัว บ้านทุ่งบวกข้าว ซึ่งเป็นเทือกเขาเดียวกันกับ ดอยแม่ปั๋ง อยู่ไม่ห่างกันนัก อยู่ทางตะวันออก ไปมาหากันได้สบาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒๐ นาที เท่านั้น
    ส่วน พระอาจารย์ใหญ่มั่น กับลูกศิษย์องค์อื่นๆ คงอยู่จำพรรษาที่ป่าเมี่ยงขุนปั๋งนั้น โดยมี พระอาจารย์ใหญ่พักอยู่ใกล้ถ้ำฤาษี ซึ่งชาวบ้านได้สร้างกุฏิชั่วคราวถวาย

    เกิดเหตุขัดเคืองใจกัน

    การอยู่จำพรรษาที่ดอยนะโม (น้ำมัว) ของหลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว และหลวงปู่พร สุมโน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การภาวนาไม่มีอุปสรรค จิตก้าวหน้าดี เกิดอุบายธรรมแปลกๆ หลาย อย่าง
    มีเหตุการณ์อยู่วันหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่แหวน กำลังเดินจงกรมอยู่ หลวงปู่ขาว เดินถือไม้กวาดตรงเข้าไปหา เมื่อถึงทางเดินจงกรม หลวงปู่ขาวก็ลงมือกวาดเรื่อยไปตามทางจงกรม กวาดไปจนถึงที่หลวงปู่แหวนเดินอยู่ ก็ยังกวาดไปกวาดมา อยู่ที่เท้าของหลวงปู่แหวนนั่นเอง เสร็จแล้วหลวงปู่ขาวก็เดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา
    ครั้งแรก หลวงปู่แหวน นึกขัดเคืองใจอยู่เหมือนกัน ที่ถูกรบกวน ท่านได้คิดทบทวนดูว่า หลวงปู่ขาวทำเช่นนั้นเพราะเหตุใด จึงนึกได้ว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ขณะที่หลวงปู่ขาวนั่งสมาธิอยู่ ท่านใช้ไม้กวาด กวาดบริเวณ คงส่งเสียงดังรบกวนการนั่งสมาธิของหลวงปู่ขาว ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่ขาว จึงได้มาเตือน ความขัดเคืองใจก็หายไป ทำให้ท่านระมัดระวังยิ่งขึ้น
    เหตุการณ์ครั้งที่สอง เมื่อออกพรรษาแล้ว มีโยมนำผ้ามาถวายเพื่อให้ตัดเย็บเป็นจีวร เมื่อลงมือเท่านั้น หลวงปู่ทั้งสามองค์ เกิดความเห็นไม่ตรงกัน องค์หนึ่งเห็นว่าควรตัดขนาดเท่านั้น อีกองค์ว่าเท่านี้ จึงจะพอดี ก็เกิดการโต้แย้งกันขึ้น กลายเป็นการโต้เถียง เพื่อเอาแพ้ชนะกัน
    แม้ไม่มีเหตุรุนแรง แต่ก็หงุดหงิดใจต่อกันพอสมควร

    โดนหลวงปู่มั่นเทศน์อย่างหนัก

    หลังออกพรรษานั้นเอง แคว่น (กำนัน) มี ขึ้นมาหาที่ดอยนะโม กราบเรียนว่าเขาจะไปทำธุระที่บ้าน ป่าเมี่ยงขุนปั๋ง
    หลวงปู่แหวน กับหลวงปู่ขาว จึงบอกว่า ขากลับให้นิมนต์และรับ “ครูบาใหญ่ของเรา" ลงมาด้วย
    เมื่อแคว่นมี ขึ้นไปนิมนต์ พระอาจารย์ใหญ่ ท่านไม่ขัดข้อง ท่านเก็บบริขารเสร็จ แคว่นมี ก็สะพายบาตรรับท่านเดินทางมาพร้อมกัน
    เมื่อพระอาจารย์ใหญ่ มาถึงดอยนะโมแล้ว ลูกศิษย์ต่างเข้าไปกราบนมัสการ ตอนนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ตกเย็น หลังจากทำกิจวัตรเสร็จแล้ว หลวงปู่มั่นก็แสดงธรรมให้การอบรมศิษย์ตามปกติ
    การแสดงธรรมในช่วงแรก ก็ไม่มีอะไรผิดแปลก พอแสดงไปได้สักพัก เสียงของท่านเริ่มหนักแน่นจริงจังมากขึ้น เนื้อธรรมเต็มไปด้วยไม้ค้อนที่ประเคนตอกย้ำลงไปที่หัวใจของศิษย์
    ท่านกล่าวถึงหมู่คณะที่ขัดแย้งกันว่า รังแต่จะถึงกาลวิบัติ ไม่ยังหมู่คณะให้เจริญ ไม่ยังหมู่คณะให้มั่นคงถาวร ไม่ยังหมู่คณะให้ตั้งอยู่ได้นาน
    แล้วท่านก็แสดงอานิสงส์ของความสามัคคี ในหมู่คณะเพราะมีทิฎฐิสามัญญตา ต่อกัน
    จบลงด้วยการชี้จุด ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะ คือการถือเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เคารพความรู้ความเห็นของผู้อื่น
    หลวงปู่แหวนท่านว่า “เป็นอันว่า เทศน์ของท่านอาจารย์กัณฑ์นั้น ท่านตั้งภาษิตเอาไว้ตั้งแต่ สามเดือนที่แล้วมา ก่อนเข้าพรรษาว่า ให้ระวังอย่าไปทิ่มแทงกันด้วยหอกด้วยดาบ คำเทศน์จึงมาอธิบายเอาตอนออกพรรษาแล้วนี้เอง”
    เมื่อหลวงปู่มั่น ท่านแสดงธรรมจบลง ท่านก็พูดคุยกับศิษย์เป็นธรรมดา เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยถามโน่นถามนี่
    เมื่อหลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงปู่พร หายจากอาการสลบเพราะถูกตีด้วยธรรมาวุธแล้ว ก็เข้าไปกราบสารภาพผิด ซึ่งหลวงปู่มั่น ก็ไม่ได้แสดงอาการผิดสังเกตใดๆ ออกมา


    “อุบายการแสดงธรรมก็ดี การวางตัวก็ดี การพูดจาปราศรัยก็ดี เป็นกุสโลบาย เฉพาะองค์ของหลวงปู่มั่น ยากที่ศิษย์ทั้งหลายจะสังเกต ติดตามได้ทัน ซึ่งจะหาผู้ปฏิบัติได้อย่างองค์ท่านนั้น ยากแท้”


    :):):):):)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ผนวก : พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ (5)

    วิถีแห่งการปฎิบัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    เสถียร จันทิมาธร


    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left><TBODY><TR><TD bgColor=#e0e0e0 vAlign=top align=middle>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>เป็นเรื่องราวของ พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ กับ พระอาจารย์ขาว อนาลโย ระหว่างปฏิบัติ ปรารภความเพียร ร่วมกัน ณ ภาคเหนือ



    ที่ป่าเมี่ยง ขุนปั๋ง



    ไม่เพียงแต่ไปพร้อมกับ พระอาจารย์พร สุมโน หากไม่นานก็มี พระอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี มี พระอาจารย์อ่อนสี สุเมโธ ตามไปสมทบด้วย



    ที่สำคัญก็คือ มี พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    ตามความสันทัดตั้งแต่เมื่อครั้งปฏิบัติ ปรารภความเพียร อยู่ทางภาคอีสาน ย่อมแน่นอนที่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จะแนะนำให้แยกย้ายกันอยู่คนละบริเวณ ให้กระจายกันอยู่อย่ากระจุกเพียงแห่งใดแห่งหนึ่ง



    เป้าหมายสำคัญคือ จะได้ไม่เป็นภาระแก่ญาติโยมจนเกินไป



    นั่นแหละ พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ กับ พระอาจารย์ขาว อนาลโย แยกไปจำพรรษาที่ดอยนะโม โดยมี พระอาจารย์พร สุมโน ไปด้วย ก่อนไปก็ได้กราบนมัสการ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ตามธรรมเนียม



    'ไปแล้วอย่าไปทิ่มแทงกันด้วยหอกด้วยดาบนะ' เป็นคำเตือนนิ่มๆ จาก พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    เป็นคำเตือนอันทรงความหมายอย่างสูง



    หนังสือ อริยสงฆ์ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง มหานครเชียงใหม่ ตีพิมพ์โดยธรรมสภาอ้างบันทึก อาจารย์ปฐม-ภัทรา นิคมานนท์ ว่า



    ขณะที่หลวงปู่แหวนกำลังเดินจงกรมอยู่หลวงปู่ขาวเดินถือไม้กวาดตรงเข้าไปหา



    เมื่อถึงทางเดินจงกรมหลวงปู่ขาวก็ลงมือกวาดเรื่อยไปตามแนวทางจงกรม กวาดไปจนถึงตรงที่หลวงปู่แหวนเดินอยู่ ก็ยังกวาดไปกวาดมาอยู่ที่เท้าของหลวงปู่แหวนนั่นเอง เสร็จแล้วหลวงปู่ขาวก็เดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา



    ครั้งแรก หลวงปู่แหวนนึกขัดเคืองใจอยู่เหมือนกันที่ถูกรบกวน ท่านได้คิดทบทวนดูว่าหลวงปู่ขาวทำเช่นนั้นเพราะเหตุใด



    จึงนึกได้ว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาขณะที่หลวงปู่ขาวนั่งสมาธิอยู่ท่านใช้ไม้กวาดกวาดบริเวณนั้นคงส่งเสียงดังรบกวนการนั่งสมาธิของหลวงปู่ขาว ด้วยเหตุนี้หลวงปู่ขาวจึงได้มาเตือน ความขัดเคืองใจก็หายไป



    ทำให้ท่านระมัดระวังยิ่งขึ้น



    เหตุการณ์ครั้งที่ 2 เมื่อออกพรรษาแล้วมีโยมนำผ้ามาถวายเพื่อให้ตัดเย็บเป็นจีวร เมื่อลงมือเท่านั้น หลวงปู่ทั้ง 3 องค์เกิดความเห็นไม่ตรงกัน องค์หนึ่งเห็นว่าควรตัดขนาดเท่านั้น อีกองค์ว่าเท่านี้จึงจะพอดี ก็เกิดการโต้แย้งกันขึ้น กลายเป็นการโต้เถียงเพื่อเอาแพ้เอาชนะกัน



    แม้ไม่มีเหตุรุนแรงแต่ก็หงุดหงิดใจต่อกันพอสมควร



    หลังออกพรรษานั้นเอง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็เดินทางขึ้นมาที่ดอยมะโน



    น่าสนใจก็ตรงที่เป็นการเดินทางมาตามคำอาราธนาของทั้ง พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ และ พระอาจารย์ขาว อนาลโย



    เป็นเอกภาพในทางความคิด



    เมื่อมาถึง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็แสดงธรรมตามที่เคยปฏิบัติต่อศิษย์เรื่อยมาจากภาคอีสานถึงภาคเหนือ แสดงไปได้พักหนึ่งเสียงอันราบเรียบธรรมดาก็เริ่มหนักแน่นจริงจังมากขึ้น



    ตามบันทึกอันปรากฏผ่านหนังสืออริยสงฆ์บอกว่า เนื้อธรรมเต็มไปด้วยไม้ค้อนที่ประเคนตอกย้ำลงไปที่หัวใจของศิษย์ ท่านกล่าวถึงหมู่คณะที่ขัดแย้งกันว่า



    'รังแต่จะถึงกาลวิบัติ ไม่ยังหมู่คณะให้เจริญ ไม่ยังหมู่คณะให้มั่นคงถาวร ไม่ยังหมู่คณะให้ตั้งอยู่ได้นาน'



    แล้ว พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็แสดงอานิสงส์แห่งความสามัคคีในหมู่คณะเพราะมีทิฏฐิสามัญญตาร่วมกัน จบลงด้วยการชี้จุดอันทำให้เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะ คือการถือเอาแต่ความคิดของตัวเป็นใหญ่ ไม่เคารพความรู้ความเห็นของผู้อื่น



    เมื่อ พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ กับ พระอาจารย์ขาว อนาลโย และ พระอาจารย์พร สุมโน รับฟัง ก็เข้าไปกราบและเล่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ฟัง



    สามัคคีแห่งหมู่คณะก็หวนกลับมาอีกครั้ง



    จากบทสรุปของ พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ ต่อเรื่องราวนี้



    'เป็นอันว่าเทศน์ของท่านอาจารย์กัณฑ์นั้นท่านตั้งภาษิตเอาไว้ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้วมาว่า ให้ระวังอย่าไปทิ่มแทงกันด้วยหอกด้วยดาบ คำเทศน์จึงมาอธิบายตอนออกพรรษาแล้วนี้เอง'



    สะท้อนความจัดเจนของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    ขณะเดียวกัน จะว่าเป็นการหยั่งรู้สถานการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลา 3 เดือนก็ย่อมได้





    ----------------
    khaosod.co.th
     
  4. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,469
    อนุโมทนา สาธุๆ ครับ
     
  5. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Thank you. Anumo..tana,,satu..naka.
     
  6. YATRA

    YATRA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +268
    อนุโมทนา สาธุค่ะ NoOTa
     
  7. Pawanida

    Pawanida สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. Chay 4

    Chay 4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +94
    อนุโมทนาในธรรมทานที่เป็นประโยชน์นี้ครับ
     
  9. Nat Simon

    Nat Simon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +172
    Arnumotana Satu ka....
     
  10. Phunyanuch

    Phunyanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2012
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +3,276
  11. เด็กสร้างบ้าน

    เด็กสร้างบ้าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +538
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...