ตื่น..มาตื่นกันเถอะครับ ฝึกสมาธิผิดๆ

เอาใจยากจริงๆ อธิบายก็ว่าผิด พอพูดเหตุผลไปก็หาว่าเลี่ยง แล้วแต่จะปรุงไปตามอัธยาศัยแล้วกันครับ แบบนี้เขาเรียกว่า พูดกันคนละภาษา สนทนาไปก็มีแต่จะเกิดความขัดแย้งครับ

 

คุณเก่งในการภาษานะครับ ก็คุณไม่ได้ตอบโดยใช้ความรู้ให้ตรงที่ผมแสดง..ไม่เรียกว่าเลี่ยง แล้วจะเรียกอะไรครับ ตามสะดวกครับ ไม่สนทนาก็ไม่เป็นไรครับ แค่ตอบโต้ให้มันตรงไปตรงมานี่มันทำยากรึครับ ใจใครใจมันครับ สาธุ อยู่ๆก็โกรธได้ อิอิ

 

คุณต้องการอะไรจากคู่สนทนาเหรอครับ ต้องการเอาชนะ ต้องการยั่วให้โกรธ ต้องการเหน็บว่า คู่สนทนาโกรธแล้ว ต้องการยกตนว่ารู้มากกว่า ต้องการว่าคู่สนทนายังรู้ผิดๆ กิเลสล้วนๆ ในโลกความจริงไม่มีใครเขาอยากจะมาสนทนากับ คู่สนทนาแบบนี้ ก็เท่านั้นหละครับ

 

การยึดมั่นถือมั่นในความเห็นของตนๆ ทำให้ออกห่างจากความเป็นจริง มันเป็นอาการของความสุดโต่งอย่างหนึ่ง (ดูให้ดีครับ) เมื่อยึดมั่นถือมั่นในความเห็น การรู้ตามความเป็นจริงย่อมไม่ปรากฏ เพราะมัชฌิมาปฏิปทาไม่มี การเห็นทุกข์ตามความเป็นจริงตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนจึงไม่ปรากฏครับ

 

แล้วคุณล่ะครับ ต้องการอะไรจากคู่สนทนา ไม่น่าถาม นึกนานไหมครับ..อยู่ๆคุยกันเรื่องนก ..คุณมาตอบเรื่องวัว-ไก่ อะไรของคุณครับ ..คุณตะแบงแตกเรื่องไปเรื่อยทำให้คุณดูดีนะคัรบ อิอิ

 

คุณ tboon ..นี่ก็ไปคนละเรื่องเลย แต่ประสานกันได้ดีนะครับกับ รโชหรณัง ..เราคุยกันเรื่องธรรมวิจัย บัญญัติ-สัญญา ที่พวกคุณนำมาอ้างมันผิด "สภาวะธรรม"..ไม่ได้คุยกันเรื่องใครเก่ง-ใครดี-ใครยึดมั่นถือมั่น-ในความเห็น -คุณคิดไปเองทั้งนั้นพอตอบปัญหาไม่ได้ ก็ต่อว่าคู่สนทนาแบบนี้รึครับ กล่าวหาเขาไปเลยเอ้อออ..อย่าคิดไปไกลครับ คนละเรื่องเอ้อ..
นี่แหละครับเขาเรียก อัตตา -พาลพาโลออกทะเลคนละเรื่องไปเลย -ดูตนเองมากๆนะครับและต้องอยู่ในขอบเขตเรื่องที่ "เรา" สนทนากัน พอไม่พอใจคำตอบของคู่สนทนา ก็พาลไปกล่าวหาอีกฝ่ายว่า สุดโต่ง-ยึดมั่น-ไม่เป็นกลาง-ที่ถูกคุณควรจะชี้ไปที่คำตอบคู่สนทนาว่า ผิด-ถูก-ไม่เห็นด้วยประการใด-ต้องมีเหตุผลเราจึงจะถือว่าเป็นการสนทนาในเรื่องเดียวกัน..เอ้ออออ..
หากคุณทนรับความจริง ที่ผมชี้ว่าผิดไม่ได้ -หรืออับอายจากการสนทนา ก็ไม่ควรจะไปสนทนากับใครในโลกนี้ครับ เพราะความจริงก็คือความจริง ธรรมเป็นของกลางไม่ได้มีไว้อวดเก่งหรือ ข่มคนอื่น-หรือยกบังหน้าให้ใครใหญ่โต..ผมมองเป็นความรู้ที่แลกเปลี่ยนกันไม่ได้ทำให้ผมเสียหน้าอะไรเลย ผิดก็ชี้มาตรงๆเลยครับ ยินดีมากด้วยเหตุผล แต่ไม่การกล่าวหาลอยๆ
ต้องมีมรรยาท และรู้จักจริยธรรมในการตอบโต้..ไม่ใช่ไปด่า-หรือกล่าวหาคู่สนทนาเขานอกเรื่อง ว่ายึดมั่น-ถือมั่น-ไม่เป็นกลาง- ทั้งที่คุยธรรมกันกันคนละเรื่องเลย อย่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว คู่สนทนาครับ ต้องรู้จักจริยธรรมในการสนทนาด้วย คุณ TBOON ..[/QUOTE]

 

[/QUOTE]

คุณเห็นที่ผมคร็อบคำพูดเขามาไหม และสุดท้ายที่คุณเขาบอกว่า เชิญชี้แนะตามอัธยาศัยครับ แล้วผมชี้แนะไปตามอัธยาศัยมันผิดหรือไงอะครับ ก็ชี้แนะไปตามที่ตัวเองมีประสบการณ์ เคยมีปัญหาและพบแล้วว่ามันเป็นปัญหาสำคัญเสียด้วย

และผมก็ไม่เข้าใจว่า คุณอ่านทุกข้อความหรือยัง หรืออ่านแต่เฉพาะที่เขาคุยกับคุณเท่านั้น เพราะถ้าว่าอ่านทุกข้อความ ทำไมมันยังมาปรักปรำอะไรกันอยู่นี่ งง หรือมันจะทดสอบอะไรของมันกันแน่ งงอีกแหละ ตกลงจะเอายังไง นี่แหละคือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจคุณ หรือจะบีบคอว่าให้กะอูพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า ต้องสะสมสุตตะอย่างมะอึงเท่านั้นถึงจะบรรลุธรรม สันติๆ หลักกาลามสูตรพระพุทธองค์ตรัสเอาไว้ชัด ทรงยกย่องพระสารีบุตรที่ไม่เชื่อพระองค์ทันที นี่พิสูจน์เองก่อนจนแจ้งชัดแล้ว จึงนำเอาประสบการณ์มาบอกกล่าวเป็นทางกัน เพราะเห็นปัญหา ซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบเชื่อ ให้พิสูจน์ตามพระธรรมของพระพุทธองค์ดูบ้างก็พอ บ๊ะ.. แล้วไง

 

คุณเห็นที่ผมคร็อบคำพูดเขามาไหม และสุดท้ายที่คุณเขาบอกว่า เชิญชี้แนะตามอัธยาศัยครับ แล้วผมชี้แนะไปตามอัธยาศัยมันผิดหรือไงอะครับ ก็ชี้แนะไปตามที่ตัวเองมีประสบการณ์ เคยมีปัญหาและพบแล้วว่ามันเป็นปัญหาสำคัญเสียด้วย

และผมก็ไม่เข้าใจว่า คุณอ่านทุกข้อความหรือยัง หรืออ่านแต่เฉพาะที่เขาคุยกับคุณเท่านั้น เพราะถ้าว่าอ่านทุกข้อความ ทำไมมันยังมาปรักปรำอะไรกันอยู่นี่ งง หรือมันจะทดสอบอะไรของมันกันแน่ งงอีกแหละ ตกลงจะเอายังไง นี่แหละคือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจคุณ หรือจะบีบคอว่าให้กะอูพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า ต้องสะสมสุตตะอย่างมะอึงเท่านั้นถึงจะบรรลุธรรม สันติๆ หลักกาลามสูตรพระพุทธองค์ตรัสเอาไว้ชัด ทรงยกย่องพระสารีบุตรที่ไม่เชื่อพระองค์ทันที นี่พิสูจน์เองก่อนจนแจ้งชัดแล้ว จึงนำเอาประสบการณ์มาบอกกล่าวเป็นทางกัน เพราะเห็นปัญหา ซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบเชื่อ ให้พิสูจน์ตามพระธรรมของพระพุทธองค์ดูบ้างก็พอ บ๊ะ.. แล้วไง [/QUOTE]

ไปกันใหญ่..แกล้งโง่อีกตามอัทธยาศัยนี้คุณแปลว่า ด่าผู้สนทนาด้วยเรื่องส่วนตัวได้รึครับ คุณชี้ในเรื่องธรรมที่โต้กันซิครับ คุณก้าวก่ายไปชี้เรื่องส่วนตัว-กล่าวหาคนสนทนาด้วย มันคนละเรื่องครับ ..ไม่ใช่มาชี้ว่าเรื่องส่วนตัวผู้สนทนาธรรมครับ เอาละครับ เริ่มหยาบคายละ ผมว่าหยุดพอเถอะครับ ผมหยุดดีกว่า อัตตามาเต็มเลยทีนี้

 

ถ้านั่นคือด่า ผมว่าคุณแสบกว่าอีก ไปตามย้อนดูที่คุณโพสต์กับผมไว้ก็ได้ ในกระทู้อื่นก็มี หลักฐานเยอะแยะไปหมด ถ้าจะมองเป็นคำด่า มันก็ได้แค่คำด่าแหละครับ จริงๆ ไม่ได้ด่า แต่พูดให้เห็นอาการหลงในทุกข์ไปตรงๆ ผมโดนเองมาแล้วกับตัว จึงเอาประสบการณ์การสอนตัวเองมาบอกกล่าว แล้วมันก็ไปโดนคุณด้วยละสิ แทนที่จะมองเห็นตามจริง กับปล่อยให้อกุศลนำ ใครผิดอ่ะครับ เว้ากันซื่อๆ ชี้แนะดูอุปนิสัยกัน ถ้าไม่ลงใจกันเดี๋ยวก็เลิก ก็มีเท่านั้นแหละ

 

ผมยอมแพ้ดีกว่าเน๊าะ สนทนาธรรมดีกว่าไม่เสียเวลาทั้งคู่ ชี้ตรงๆเลยครับดีๆ ผมปิดกะทู้นี้และกัน

 

เมื่อถึงพร้อมด้วยใจมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รู้ละปล่อยวางความโกรธ ไม่มีความไม่พอใจใดๆเลยหนอ ไม่เห็นเหตุในรูป-นาม ว่าเป็นตัวตน สติย่อมบังเกิด สักกายะทิฏฐิเป็นอันถูกทำลายลงไปได้ มีปัญญาสอดส่องธรรมว่าอ๋ออย่างงี้หนอๆ เราจะเป็นคนดี รู้เห็นถูก-ผิดในกรรมคือการกระทำ ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส มีหิริ-โอตตัปปะ ละอายในการทำชั่ว เกรงกลัวในการทำบาป มีสติตามรู้ธรรม ว่างๆก็นั่งสมาธิ ปริโยสานลงที่สติและใจชอบในขณะนั้นๆ หรือด้วยวิมุติก็ได้