เทคนิคภาวนา " เวลานี้จิตข้ามันไม่สงบมีแต่ความคิด "

ก็แสดงว่าทำไม่ได้สินะครับ คุณก็คงจำพวกที่มีแต่ทฤษฎี ส่วนการปฏิบัติก็อ้างโน้นอ้างนี้ ไหนบอกว่าเชี่ยวชาญเรื่องญานเรื่องกสิน ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ ก็แสดงว่ากากนี้เอง ก็อบแปะตามเน็ต แบบนี้เด็ก ป.๑ ป.๒ ก็ทำได้ครับ หาตำราที่ท่องจำมาแล้วก็มาโชว์เหนือ พอให้แสดงฤทธิ์นิดๆหน่อย กลับไปกล่าวแถไปเรื่อย เบื่อพวกเก่งแต่ปากจริง ๆ ทำไมมันมีเยอะจังวะ ผมเจอมาเยอะละพวกนี้ พอบอกจะให้โชว์ ดันทำไม่ได้แล้วอ้างคำพูดสวยหรู ...ตามหลักคำสอนพระพุทธศาสนา ฮ่าๆๆ

ปล.เข้าใจคำว่าลองของป่ะ แสดงฤทธิ์อะไรก็ได้ที่คุณทำได้ ...ถ้าทำไม่ได้ก็เงียบๆไปเหอะ มันรกบอร์ดป่าว ๆ

 

คุณมาศึกษาธรรมะหรือจะมาศึกษาหมอดูหละครับ
ถ้าจะมาเป็นหมอดู ปาหี่ ก็ทำแบบที่ขอมานั่นก็เหมาะสม
แต่ถ้าจะมาศึกษาธรรมะ ก็คิดว่า คงต้องรู้จักตัวเองมากกว่า การไปรู้จักคนอื่น

คิดว่า คุณคงไม่ได้ศึกษาธรรม และไม่มีครูบาอาจารย์สอนว่า ธรรม คืออะไร ถึงได้แสดงความเห็นแบบนั้นมา

 

อืม ผมขออนุญาติเป็นคนกลางจะได้ไหม
เพราะเหตุผลหลักๆคือ ผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับคุณนพ และผมก็ไม่เคยมีปัญหา(ดีเบต) ธรรมอะไรกับคุณรโห
เหตุผลเรื่องความเป็นกลาง จึงน่าจะเพียงพอ

โดยขออนุญาติใช้โจทย์ของคุณ valentine คือทายรูปร่าง นิสัย อาชีพ และขอเพิ่มโจทย์คือ ทายลักษณะจิตของผม

ถ้าฝ่ายคุณ คุณนพ ทายถูก ฝ่ายคุณ รโช ก็ควรที่จะยอมรับในความสามารถของคุณนพ ส่วนเรื่องอุปนิสัยส่วนตัวคุณนพ ก็ขอให้คุณ รโช เลิกแล้วต่อกันไป
ถ้าฝ่ายคุณ รโช ทายถูก หรือไม่ทาย ฝ่ายคุณนพ ก็จะได้รู้ความสามารถของรโช และเลิกแล้วต่อกัน

ประโยชน์คือ จะได้ไม่ต้องมีปฏิฆะ ต่อกันอีก ในโอกาสต่อไป ผู้อ่านก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ที่ไ่ม่ต้องเห็นคนทะเลาะกัน(นอกจากผู้อ่านสายซาดิส แนวโหด ที่ไม่อยากให้จบ)

อนึ่งขอชื่นชมทั้ง 2 ฝ่ายดังนี้ ฝ่ายคุณนพ มีความรอบรู้เรื่องจุกจิกต่างๆ เกี่ยวกับกรรมฐานค่อนข้างดี มีแฟนคลับมาก ส่วนฝ่ายคุณ รโช ก็กล้าถกธรรมกับคนที่มีแฟนคลับมาก ถือว่าใจกล้าไม่รู้กินดีหมีมาจากไหน

ส่วนตัวอยากให้จบ โดยให้ผมเป็นคนกลางครับ เพราะตอนนี้เริ่มมีแตกยอดไปทางฝ่ายผู้สนับสนุน เริ่มเข้ามาโต้เถียงเพิ่มขึ้นแล้ว

ส่่วนตัวมั่นใจว่าเป็นกลางเพียงพอ ใครตอบมาอย่างไร ถูก หรือ ผิด ก็จะตอบตรงๆ ไม่มุสาแน่นอนครับ
โดยตอบมาคนละ 1 comment ผมจะรอให้ครบทั้ง 2 ฝ่าย จึงจะเฉลย ว่าถูกหรือผิด

ผู้อ่านทั้งหลาย ก็จะทราบความทั้งมวลเองครับ

คิดว่ายุติธรรมดีหรือไม่ครับ?

 

เว็บพุทธศาสนา กลายไปเป็น เว็บทำนายคนซะแล้วหรือครับ คุณศิษย์โง๋
ถ้ามีความรู้เท่านี้อย่ามาเป็นคนกลางเรื่องธรรมะเลยครับ ไปศึกษาเรื่องดูดวงดีกว่าครับ

 

ผมมองว่าตรงข้ามกันเลยนะครับ จะเป็นประโยชน์แก่คุณทั้ง 2 ฝ่ายครับ ถ้าคุณนพทายไม่ถูก แปลว่าคุณถูก แต่ถ้าคุณนพทายถูก ก็แปลว่าคุณนพถูก
ไม่ดีหรือครับ ที่จะใช้โอกาสนี้พิสูจน์ธรรมกันไปเลยว่าใครถูก คุณอยากพิสูจน์คำพูดคุณไหมละครับ ว่าคุณนพทำสิ่งที่คุณพูดมาไม่ได้?

อนึ่งไม่ใช่การดูดวงครับ แต่เป็นวิธีการที่จะหยุดการ วิวาทะ นะครับ

ขอบพระคุณครับ

 

คุณมองธรรมะในมุมไหน มองว่า ธรรมะคือการทำนายคนนั้นทำนายคนนี้หรือครับ
และการพิสูจน์ธรรม เขาใช้วิธีการแบบนี้หรือ
ผมสงสัยว่าคุณไปร่ำเรียนธรรมะมาจากไหนครับ สติปัญญาทางธรรมถึงได้เห็นไปในทิศทางแบบนี้ได้

การวิวาทะ จะหยุดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผม เพราะหากว่าผมหยุดโต้แย้งก็ยุติได้ทันที ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะต้องใช้คนกลางครับ

 

๑.ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ

โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่าง สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้

คือ ทายอวัยวะ

ทายนิมิต

ทายอุปบาต

ทำนายฝัน

ทำนายลักษณะ

ทำนายหนูกัดผ้า

ทำพิธีบูชาไฟ

ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน

ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ

ทำพิธีซัด รำบูชาไฟ

ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ

ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ

ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ

ทำพิธีเสกเป่า บูชาไฟ

ทำพลีกรรมด้วยโลหิต

เป็นหมอดูอวัยวะ

ดูลักษณะที่บ้าน

ดูลักษณะที่นา

เป็นหมอ ปลุกเสก

เป็นหมอผี

เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน

เป็นหมองู

เป็นหมอยาพิษ

เป็นหมอแมลงป่อง

เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด

เป็นหมอทายเสียงนก

เป็นหมอทายเสียงกา

เป็นหมอทายอายุ

เป็นหมอเสกกันลูกศร

เป็นหมอทายเสียงสัตว์

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนึ่ง.



[๑๑๕] ๒.ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ

โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้

คือ ทายลักษณะแก้วมณี

ทายลักษณะผ้า

ทายลักษณะไม้พลอง

ทายลักษณะศาตรา

ทายลักษณะดาบ

ทายลักษณะศร

ทายลักษณะธนู

ทายลักษณะอาวุธ

ทายลักษณะสตรี

ทายลักษณะบุรุษ

ทายลักษณะกุมาร

ทายลักษณะกุมารี

ทายลักษณะทาส

ทายลักษณะทาสี

ทายลักษณะช้าง

ทายลักษณะม้า

ทายลักษณะกระบือ

ทายลักษณะโคอุสภะ

ทายลักษณะโค

ทายลักษณะแพะ

ทายลักษณะแกะ

ทายลักษณะไก่

ทายลักษณะนกกระทา

ทายลักษณะเหี้ย

ทายลักษณะตุ่น

ทายลักษณะเต่า

ทายลักษณะมฤค

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนึ่ง.

 

ไม่ยุติธรรมเลยครับ
คนอ่านตัดสินได้อยู่แล้ว
ตั้งแต่เห็นข้อความที่พิมพ์แล้วครับ

คุณศิษย์โง่ครับ อ่านดีๆ ๕๕๕
ผมท้าอะไร ไอ้รโชหรณังครับ
ท้าแสดงความสามารถจากผลของ
กรรมฐาน ไม่ใช่ทำนาย ไปดู
เช่น กสิณ อรูป เป็นต้น ครับ

คือ ทำอะไร คนอื่นๆต้องรับรู้เหมือน
ที่โม้ว่าทำได้ครับ ไม่ใช่มาพิสูจน์คุณ ๕๕๕
เค้าโม้ทับผมเรื่องกรรมฐานครับ
และปรามาสผมว่าเล่นคุณไสย์ครับ
และมาสอนผม ดังนั้นต้องวัดกันที่กรรมฐาน
ผมเลยท้าแสดงความสามารถไงคับ
คือ ทำและพิสูจน์และแสดงให้คนอื่น
รับรู้ได้ ไม่ใช่แบบที่คุณว่า ไม่เห็นหรือ
รโหฯ พึ่งบอกว่าเป็นหมอดู

ซึ่งปกติผมไม่เคยอวดเก่งอยู่แล้วครับ อิอิ
ไม่เคยว่าตัวเองดีและเก่งนะครับ
คุณอยากรู้ ว่าผมทำอะไรได้
ต้องมาเจอผมตัวเป็นๆครับ
เหมือนคนที่เค้าเคยมาเจอผมนั่นหละครับ
เค้าถึงได้หมั่นไส้ ไอ้ รโชฯไงครับ

และผมไม่อยากพูดอะไรชัดๆออกสื่อ
เข้าใจนะครับ
ขอบคุณในความ
ปรารถนาดี แม้คุณมาเป็นคนกลาง
แต่ รโหฯ มันเป็นจอมแถอยู่แล้ว ๕๕๕
มันมั่นมากว่าตัวเองเก่งอยู่แล้ว
มันถึงว่าผมขี้โม้ไงเข้าใจไหมคุณศิษย์โง่
ผมถึงต้องท้าแสดงผลกรรมฐานไงครับ
เข้าใจนะครับ
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนกลางหรอกครับ
เสียเวลากับมันเป่าๆคับ
ผมนะรู้อยู่แล้ว ว่า รโชหรณัง มันแค่โม้
และหน้าใหญ่ กลัวเสียฟอร์มที่สร้างมา
แค่นั้นเองครับ

เอาไว้ให้ผมไปโม้ทับคุณก่อนครับ
จนคุณหมั่นไส้ว่า ไอ้ นพมันขี้โม้จังหวะ
ค่อยมาท้าผมดีไหม คุณศิษย์โง่
อย่ามายุ่งเรื่องนี้เลยครับ (^_^)

แค่นี้ รโชฯ ก็หน้าแหกเยอะแล้วครับ

 

ขอบพระคุณทั้ง 2 ฝ่ายครับ


ดังนั้นภาระจึงตกเป็นของผู้อ่านที่จะตัดสินธรรมกันเองแล้วครับ

ปอลิง ขอบคุณๆรโชนะครับที่มาเตือนสติ แต่ผมเห็นว่า 2 ฝ่ายนี้ไม่ใช่ภิกษุ ที่จะทายอะไร เพื่อลาภยศนะครับ เพราะ 2 ฝ่ายนี้ไม่ได้ บิณฑบาตร ขอข้าวชาวแว่นแคว้นกินนะครัรบ^^

 

คุณศิษย์โง๋ครับ ถ้าเช่นนั้นในโลกนี้ ถ้าจะพิสูจน์ธรรมกันและไม่ใช่ภิกษุ คุณต้องใช้วิธีการนี้เสมอไปไหมครับ

 

อนาคตมีโอกาศเจอตัวกันเป็นๆ
ค่อยคุยกันนะครับ คุณศิษย์โง่
เด่วจะรู้เองว่าอะไรเป็นอะไรครับ

 

ไม่จำเป็นครับถ้าไม่ใช่เพราะ
1 คุณไปกล่าวหาคุณนพว่าเล่นคุณไสย คุณนพจึงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่ถูกกล่าวหา
2. คุณนพก็ท้ากรรมฐานกลับมาที่คุณ คุณก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่ทำไมธรรมถึงต้องมาท้ากัน

ตามตรรกกะนี้ เมื่อมีการท้าเกิดขึ้น ก็ต้องจบที่การดวล ถ้าไม่มีการท้า ก็ไม่ดวล
เป็นอันเข้าใจกันตามนี้นะครับ (ถึงแม้จะไม่รับผมเป็นคนกลางกันแล้ว ถือว่าข้อเสนอนี้ตกไป)

 

คุณได้ ติดตามไหมครับว่า มีคนกล่าวว่า คุณ นพ ท้าปล่อยพลังไฟ บิดไส้ อะไรต่างๆ
และคุณ ได้ติดตามไหมว่า คุณ นพ กล่าวเป็นนัยว่าจะทำอะไรกับผมด้วยพลัง
เรื่องนี้ผมไม่ได้กล่าวหาใคร แต่เพราะเจ้าตัวเขาแสดง ว่าเขาสามารถทำได้เองครับ

และการท้ากรรมฐาน ไม่ใช่เรื่องของการไม่ยุติธรรม แต่เป็นการท้าที่ไม่มีกำหนดกติกา และไม่รู้ว่าท้าทำอะไร จะตกปากรับคำสร้างเรื่องราวอะไร จะต้องพิจารณาก่อน

 

ถ้าอยากให้คู่กรณีกำหนดกติกา คุณก็ถามเลยว่ากติกามีอะไรบ้าง ถ้ารับได้ก็รับคำท้า ถ้ารับกติกาไม่ได้ก็บอกไปว่ารับกฏแบบนี้ไม่ได้
ผมเข้าใจที่คุณบอกว่าเจ้าตัวเขาแสดง แต่ในเมื่อคุณไม่เชื่อ และคุณเป็นตัวตั้งตัวตีในการพิสูจน์ คุณก็ควรให้เขาระบุกติกา และคุณก็รอดูผล คุณก็พิจาราก่อนรับ อย่างที่พูดเลยครับ เชื่อว่าผู้อ่านก็อยากรู้เช่นกันครับ

 

คุณก็ลองถาม คู่กรณีให้ผมหน่อยสิครับ
เพราะผมถามไปหลายครั้งแล้วว่า จะแข่งอะไร ทางธรรม

คุณคงเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนหลายอย่าง ไม่น่าจะเป็นกลางพอที่จะคุยหละครับ
เอาเรื่องของตัวคุณเองดีกว่าแล้วกันนะครับ ถ้าจะสนทนากัน

 

เครครับ ก็ไปตกลงกันเอาเองแล้วกันครับ
ส่วนตัวผมก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เอาไว้ถกธรรมกันในโอกาสหน้าอย่างที่คุณเสนอตามนั้นครับผม
ขอบพระคุณครับ

ปอลิง ผมเข้าใจในมุมคุณนะครับ เข้าใจที่คุณจะบอกว่าผมเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อน ผมไม่ได้คลาดเคลื่อนอะไรหรอกครับ แค่อยากให้คุณ 2 คนตกลงกันได้ก็พอ ขอบคุณนะครับ

 

ธรรมะกับกิเลส ไม่ใช่เรื่องของการตกลง ประนีประนอมหรอกครับ
ถ้าจะถกธรรม ก็ต้องเห็นเหตุเห็นผลกันไปข้างหนึ่ง
แต่กิเลส อาจจะสู้ไม่ได้ ก็ต้องใช้กำลังบ้าง หรือใช้วิธีการในทิศทางของอวิชชา คือ ทำให้มืดให้มัว ให้พิสูจน์ไม่ได้
ก็ถกธรรมกันอยู่ตรงนี้ ถามกันมาตรงนี้ ตอบกันตรงนี้
กิเลสมันปลิ้น มันก็ฉุดลากไปหาวิธีการอื่นๆ เท่านั้นหละครับ

 

จริงๆผมพูดไปแล้วนะหลายรอบ
คุณ ศิษย์โง๋ เรื่องกติกาครับ
แต่ว่า รโชฯ ฟอร์มมันเยอะครับ
มันแถและอ้างไปเรื่อยหละครับ
การท้าคือ

ทำได้ในระดับที่ทำอะไรแล้วคน
อื่นๆต้องรับรู้ได้สัมผัสได้เหมือนตนเองครับ
ไม่ใช่มโน ในกรรมฐานกองนั้นๆ เช่น
ยกตัวอย่าง ที่รโช คุยทับ
สอนผมเรื่องกสิณนะ
ง่ายๆเลย คุณรโชฯต้องทำกสิณกองนั้นๆ
ให้คนอื่นๆรับรู้พลังงานกสิณกองนั้นได้
โดยที่คนนั้นไม่ต้องฝึกกสิณมาก่อนเลย

ถ้ารโชฯทำได้ คือ ทำได้จริง
ถ้าผมทำได้เหมือนกันคือเสมอกัน

ถ้าผมทำไม่ได้แล้วรโชฯทำได้
ผมคือไอ้ขี้โม้คนหนึ่งที่รโชเคยว่าไว้

แต่ถ้าแล้วรโชฯดันทำไม่ได้
แต่ผมทำได้ รโชฯ
ก็คือไอ้โม้คนหนึ่งแค่นั้น

ไม่มีกินขี้ บิดไส้ ปล่อยพลัง
แบบที่รโชฯยกมาอ้างหรอกครับ ๕๕๕
คิดได้ไง ตลกดี


นี่คือตัวอย่างคับ คุณศิษย์โง่
นึกภาพ นะมีคนมาว่าคุณโม้
คุยทับถมคุณ ถากถางคุณ
และสอนคุณคืน ในกรรมฐาน
ที่คุณรู้อะไรๆดีอยู่แล้ว
คุณจะไม้ลองท้า ไอ้ที่มาว่าคุณ
ดูซักตั้งหรือครับ

นี่หละครับสาเหตุที่ต้องท้าพิสูจน์
โดยมีคนกลาง ซึ่งผมให้ รโชฯเลือกที่คิด
ว่าตัวเองเจ๋งสุดได้เลยครับ
กองไหนก็ได้ครับ
แล้วมาพิสูจน์กัน
ตรรกะง่ายๆแค่นี้หละครับ
คุณศิษย์โง่ครับ
พอเข้าใจเนาะ

 

อืม การถกธรรมกัน ไม่ใช่การตกลง ประนีประนอม ถ้าถกธรรมกันต้องเห็นเหตุผลกันไปข้างหนึ่ง จริงหรือ?
ส่วนตัวมองว่า การถกธรรม คือการที่จิตมี "เมตตา" ต่อกันเพื่อชี้ทางสว่าง หากมั่นใจว่าธรรมที่เรานำไปบอก ไปกล่าวเขา นั้นเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา
ส่วนเรื่องการใช้กำลัง หรือมุขนัยในการถกธรรมต่างๆ นั่นก็อยู่ที่ความสามารถ หรือประสบการณ์การทำการบ้าน ที่จะตอบข้อโต้แย้ง ซักถามจากอีกฝ่ายให้เคลียร์ หรือเผื่อให้อีกฝ่าย"ตาย" คาคำถามของตัวเอง แต่จิตต้องสำรวมไม่ให้รู้สึกว่ามีมานะที่จะเอาชนะ แต่จิตต้องกำหนดไปที่"เมตตา" เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นทางสว่าง

แต่ถ้าอีกฝ่ายกิเลสปลิ้น เพราะมีมานะมาก แพ้แล้วก็ไม่ยอม มีวิธีเดียวที่ทำได้
"วางอุเบกขา"
แล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้อีกฝ่ายด่าตามหลังมาฟรีๆ

ก็แค่นี้เอง การถกธรรมในมุมมองของผม

ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิด และมุมมองกันนะครับ^^

 

กติกา ตามนี้ ก็อยู่ที่คุณรโ่ชแล้วครับ ว่ารับกับกติกาได้ไหม ผมไม่เกี่ยวละครับ คุยกันเองเลยครับ ขอเผ่น
ริวไม่ยุ่ง 5555