ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ได้อ่านในเพจของพระอาจารย์มนตรี "Bodhi Dhamayan" เกี่ยวกับเรื่องพลังงานบวกและพลังงานลบรวมไปถึงใครที่รู้สึกชีวิตติดขัดให้ปฏิบัติตามที่ท่านแนะนำไว้ อ่านแล้วเลยอยากนำเผยแพร่ให้คนอื่นๆด้วยค่ะ

โยมส่งคำถามมาเมื่อคืน เพิ่งเห็นเมื่อตอนเช้า และเห็นว่าเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ คน และหลาย ๆ คน คงจะกำลังเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ที่ทำอะไร ๆ ตั้งมากมาย แต่ชีวิตก็ยังแย่ลง ๆ มันเป็นเพราะสาเหตุอะไร หรือกับบางคน ทำอะไร ๆ ดีทุกอย่าง แต่วันนึง เกิดปัญหาใหญ่เข้ามาแล้วแก้ไม่ได้ ผ่านไม่ได้

คำถาม : หลวงพ่อคะ..สวดมนตร์ไหว้พระทำบุญดูแลพ่อแม่ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างแล้ว ทำมั้ยชีวิตมันไม่ดีขึ้นเลยมีแต่แย่ๆๆลงทุกวัน..มันเปนเพราะอะไรค่ะมันติดขัดอะไรคะ..ถ้าหนูไม่ทุกข์ใจหนุคงไม่ถามหลวงพ่อค่ะ..เมตตาตอบหนุด้วยนะค่ะ

คำตอบ : สาธุนะลูกนะ อาจเป็นเพราะว่า ในขณะที่ลูกทำนั้น ลูกวางใจไว้ผิดตำแหน่งน่ะลูก
ชีวิตของคนเรา ประกอบด้วยปัจจัยหลัก 2 อย่าง นั่นก็คือ

1. ปัจจัยเรื่องกาย
2. ปัจจัยเรื่องจิต

กายกับจิตมันจะมีความเกี่ยวข้อง สืบเนื่อง และสัมพันธ์กัน ซึ่งมันเป็นกลไกที่เชื่อมต่อ เชื่อมโยง ถ้าเราวางกายกับวางจิตไว้ในตำแหน่งที่ไม่สัมพันธ์กันแล้ว กายกับจิตก็จะขัดแย้งกัน ซึ่งมันจะส่งผลให้ การทำงานของกายและการทำงานของจิต ขาดความสมดุล เมื่อกายกับจิตขาดความสมดุลแล้ว มันจะส่งผลให้พลังงานที่แผ่ออกมารอบ ๆ ตัวเราเป็นพลังลบ มีผลทำให้สิ่งต่าง ๆ.ที่เข้ามาในชีวิตเรา มีอิทธิพลทางด้านลบ
แต่ถ้าหากเราวางกายกับจิตไว้ตรงตำแหน่ง กายกับจิต ก็จะทำงานสอดคล้องกัน ต่อเนื่องกัน เชื่อมโยงและสานต่อกลไกระหว่างกันอย่างสมดุล เมื่อความสมดุลเกิดขึ้น พลังงานที่แผ่รอบ ๆ ตัวเรา ก็จะเป็นพลังงานทางด้านบวก มีผลทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเรา มีอิทธิพลทางด้านบวก
จะมีผลอะไรเกิดขึ้น หากพลังงานที่แผ่ออกมารอบ ๆ ตัวเรา เป็นพลังงานทางด้านลบ นั่นก็คือ ไม่ว่าจะทำอะไร มักจะติดลบ ติดขัดเสมอ ทำอะไรก็ยากที่จะเกิดผลสำเร็จ
จะมีผลอะไรเกิดขึ้น หากพลังงานที่แผ่ออกมารอบ ๆ ตัวเรา เป็นพลังงานทางด้านบวก นั้นก็คือ ไม่ว่าจะทำอะไร พลังงานที่เป็นบวก ก็จะส่งผลให้ ราบรื่น สะดวก ไม่ติดขัด ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นง่าย และถึงแม้จะมีปัญหาและอุปสรรคเข้ามาบ้าง ก็จะเหมือนมีสิ่งผลดลช่วย ให้ปัญหาและอุปสรรคนั้น เกิดการคลี่คลายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
สิ่งที่สำคัญอันดับแรก ลูกต้องปรับความสมดุลระหว่างก่ยกับจิตของลูก ให้มีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องไม่ขัดแย้ง และสามารถเชื่อมต่อ เชื่อมโยงและส่งถ่ายการทำงานในทุกช่วงของเวลา อย่างไม่ติดขัด
วิธีการ ในการปรับกายและจิตของลูก ให้เข้าสู่ความสมดุลนั้น ทำได้ดังนี้ ทำตามหลวงพ่อบอกนะลูกนะ

1. วิธีการนำพาร่างกายของเราให้เข้าสู่ความสมดุล

1.1. เรื่องอาหารการกิน

....ร่างกายของคนเรานั้น ประกอบไปด้วยธาตุที่เป็นองค์ประกอบหลักอยู่ 4 ธาตุคือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ
ทีนี้ อาหารที่เราทานกันเข้าไปนั้น ประกอบไปด้วยคุณสมบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อธาตุทั้ง 4 ในร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นรสชาดหรือประเภทของอาหาร
วิธีการปรับในเรื่องของอาหารก็คือ ให้ทานที่เป็นทั้งรสชาดและประเภทสลับกันอย่างสมดุล คือไม่เน้นเฉพาะรสเดิม ๆ หรือประเภทเดิม ๆ อย่างต่อเนื่องนานเกินไปหรือว่าทานประจำ ไม่เผ็ดตลอด ไม่หวานตลอด ไม่เนื้อสัตว์ตลอด ไม่ผักตลอด เพื่อคุณประโยชน์ของร่างกายที่ไม่บกพร่อง
เพราะถ้าติดในพฤติกรรมการกินแบบเดิม ๆ มันจะมีผลทำให้ร่างกายของเราบกพร่อง ไม่พร้อมสำหรับการใช้งานและมีผลกระทบทำให้ระบบในร่างกายเกิดการรวน เจ็บป่วยอ่อนแอได้ง่าย ไม่พร้อมพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

1.2. เรื่องการพักผ่อนที่เพียงพอ
..... คำว่าการพักผ่อนที่เพียงพอนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการพักผ่อน แต่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการพักผ่อน ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึง ตี 5
ช่วงเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึง ตี 5 จะเป็นช่วงเวลาของร่างกายที่เหมาะสมแก่การพักผ่อน ที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบในร่างกายให้ทำงานได้สมดุลขึ้น เราอาจจะพักผ่อนหลังเวลานี้ได้ หากมีภาระกิจการงานที่ต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่ควรบ่อยเกินไปหรือทำเป็นประจำ เพราะสภาพของร่างกาย จะมีผลกระทบหรือเอื้ออำนวยต่อระบบของจิตใจ
.... สำหรับเรื่องของร่างกาย ให้ลูกปรับแค่สองอย่างนี้นะ

2. วิธีการนำพาจิตใจของเรา ให้เข้าสู่ความสมดุลย์

2.1. อันดับแรกเลย ลูกต้องเคลียร์ขยะที่สะสมหมักหมมมานาวนานก่อน

.... มันจะไม่เป็นผลดี หากลูก พยายามที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดผลทางด้านจิตใจ โดยที่ลูก ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเคลียร์ขยะ เพราะสิ่งที่ลูกจะทำใหม่นั้น จะแปดเปื้อนไปด้วยขยะของเดิม ที่ลูกเก็บสะสมไว้ ไม่เคยได้รับการเคลียร์
.... ขยะภายในบ้าน ภายในรถ เราทำความสะอาดได้ ก็ด้วยการเก็บกวาด สิ่งสกปรกในร่างกาย เราทำความสะอาดได้ ด้วยการอาบน้ำชำระล้าง
..... ส่วนสิ่งสกปรกที่สะสมเก็บกักมานาน อันเนื่องมาจากพฤติกรรม มโนกรรม ลักษณะกรรม อายุรก่รรมที่ตกค้างยังไม่สลาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ก่อตัวส่งผลเป็นพลังงานและแรงกระตุ้น ให้ก่อเกิดชนิดกรรมใหม่ ๆ ที่เราต้องเสวยผล รับผล
.... การทำความสะอาดจิตใจ จึงควรเริ่มต้นด้วยการ " ขอขมากรรม " .... การขอขมากรรม จะช่วยให้เราเกิดความสำนึกในพฤติกรรมทั้งหลาย เมื่อสำนึกเกิดขึ้น การกลั่นกรองพฤติกรรมต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น เมื่อการกลั่นกรองเกิดขึ้น ความผิดพลาดต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงไป เมื่อความผิดพลาดต่าง ๆ ลดลงไป ก็จะส่งผลให้การดำเนินชีวิตลดจุดที่ผิดพลาดลง เมื่อจุดผิดพลาดลดลงแล้ว ทีนี้ คงไม่ต้องอธิบายว่า ชีวิตของลูก จะเกิดความสะดวก สมดุล ราบรื่นแค่ไหน ให้ลูกลองพิสูจน์ผลเอาเอง
..... แต่การขอขมากรรมนั้น ให้ขอด้วยใจที่สำนึกในความผิดพลาดก่อน ๆ ที่ลูกได้ทำไว้ก่อนหน้า อย่าไปขอด้วยจิตแบบอื่น ๆ ให้เป็นจิตแห่งความสำนึกเท่านั้น
.... สำหรับบทขอขมากรรมนั้น ลูกกดเข้าไปที่ลิงก์เวปของวัดร่มโพธิธรรมนี้นะ จะมีบทขอขมากรรมให้ลูกเลือกใช้ แล้วลูกก็ไม่ต้องไปคิดหานะว่า จะขอบทไหนดี ให้ลูก ๆ อ่านหัวข้อไปแล้วจิตของลูกไปสะดุดบทไหน ก็ให้ใช้บทนั้นแหละ

http://www.rombodhidharma.com/
วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย | Rombodhidharma International Temple
หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต สัจธรรมดั้งเดิมแท้... ของทุกสรรพสิ่ง | Luangpor Phosrisuriya Khemarato reflects the Ultimate Truth of all lives and matters.
rombodhidharma.com

2.2. อันดับสอง ให้ลูกสรุปตามเนื้อหานี้นะ
... เราไม่แตกต่างไปจากสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเรา เราและคนอื่น ๆ สิ่งอื่น ๆ เป้นเพียงแค่ธาตุตามธรรมชาติ เป็นเพียงแค่ธาตุหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลิศเลอไปมากกว่านี้ ....
.... ทุกสิ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีสิ่งไหน ๆ ที่ข้องคาอยู่ได้นาน ปล่อยให้มันผ่านไป แบบไม่ต้องไปย้ำนึก ย้ำคิด รื้อฟื้นกับอะไร ...
.... ทุกสิ่งอย่าง เป้นแค่เพียงของใช้ชั่วคราว ชั่วครู่ ประเดี๋ยวประด๋าว ทุกสิ่งอย่างเป็นของบนโลก ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง เราเพียงแค่หยิบนำมาใช้ ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ....

3. ก่อนนอน ให้ลูกเดินผ่อนคลาย คลี่คลาย ใจลูกในขณะเดิน ให้ลอดคล้องสรุปตามเนื้อหาในข้อ 2.2. นะลูกนะ

หมายเหตุ : เวลาเดิน ให้เดินแบบธรรมชาติ ๆ ที่ผ่อนคลาย อย่าไปเดินแบบธรรมชาติที่กดเกร็งตึงเครียดนะ แต่ให้ผ่อนคลาย ขยับขยายภายในให้กว้างออก ๆ ๆ ทุก ๆ วัน

... " หากลูกทำตามนี้ได้ทุกวัน ๆ พลังงานที่แผ่ออกมาจากตัวลูก ก็จะเป็นพลังงานทางด้านบวก เมื่อเป็นพลังงานทางด้านบวกแล้ว พลังงานอื่น ๆ ที่มีอิทธพลทางด้านบวก ก็จะเข้ามารายล้อมรอบ ๆ ตัวลูก และส่งผลแผ่อิทธิพลปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เกี่ยวข้องกับตัวลูก ใจลูก ครอบครัวและชีวิตของลูก ให้ราบรื่น ไม่ติดขัดล่ะ " ...

 

ช่วงนี้มีข่าวกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงก่อกวนเมลเบิร์นเรื่อยๆ บางทีตำรวจก็ไม่ค่อยกล้ายุ่ง อยู่ไหนก็ไม่สุขใจเหมือนเมืองไทย ถึงจะมีปัญหากระทบกระทั่งบ้างแต่ก็ยังเป็นเมืองพุทธที่สงบร่มเย็น ตอนนี้รัฐบาลที่นี่เลยต้องรับสมัครคนมาเป็นตำรวจมากขึ้นเพื่อเตรียมความปลอดภัยให้คนในออสเตรเลีย สมัยที่พ่อบ้านไปทำงานที่ซิดนีย์ ค่ายทหารอยู่ใกล้แหล่งที่อยู่ชาวมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดที่นึงในซิดนีย์ ทางผู้บังคับบัญชาต้องสั่งทหารเลยว่าห้ามเข้าเขตนั้นเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่พ่อบ้านหนูนี่ชอบไปซื้อของกินของแขกอาหรับกะชอบไปซื้อยาสูบเค้า พักหลังๆแขกพวกนี้ก็ไม่ค่อยขายให้เพราะเร้าเห็นแกเป็นฝรั่งด้วย

ไม่รู้ต่อไปปัญหาเรื่องมุสลิมหัวรุนแรงจะบานปลายไปขนาดไหน ดูท่าทางแล้วน่ากลัวจริงๆ

 

ทักทายค่ะ ^_^ รู้สึกกระทู้เงียบบบบ เหงาาาาา !!! แทบไม่มีใครเข้ามาเยี่ยมเลย ช่วงนี้เลยหันไปฟังรายการผี " เดอะช๊อค " พอผ่อนคลายกันบ้าง แต่พอฟังเรื่องปอบ แล้วบอกตรงๆ อดกลัว พลางเกิดความสงสัยไม่ได้ ว่า ทำไมในร่างกายคนเราถึงได้มีวิญญาณอื่นเข้ามาอาศัยหากินได้ แค่เกาะข้างนอกนี่ก็แย่แระ เข้ามาแทรกแซงโดนเจ้าของร่างไม่รู้ยิ่งแย่กว่า ใครรู้อธิบายให้ฟังด้วยค่ะ

ปล.ถ้าได้วิธีป้องกันยิ่งดีค่ะ ^_^ แบบว่าฝันไม่ค่อยดีบ่อยๆ

 

ไปอ่านเจอโพสต์จากพระอาจารย์มนตรี (เฟสโพธิธรรมญานที่ป๋านบเคยแนะนำ) ท่านได้พูดถึงเกี่ยวกับการใช้กรรมของพระโพธิสัตว์ไว้ อ่านแล้วก็เอาไว้เป็นกำลังใจให้คนที่เป็น พ.ทั้งหลาย

 

ติดตาม อ.มนตรี ไว้ดีแล้วครับ
สมัยนี้หาแบบนี้ได้ยาก...

จะหาแบบ อาจารย์ ด ก็ยากยิ่งกว่า

เรื่องปราณ มีแต่ช่วยดูด ต้องดูว่า
ที่เค้าดูดออกไปมันสีดำไหม เวลาดูด
จะอยู่ห่างร่างกายบริเวณนั่นหน่อย
อย่างนี้แสดงว่ามาช่วย
และถ้าได้มาช่วย บอกได้ว่า
เป็นคนวางสัมผัส วางนามธรรมไม่เป็น
มันฟ้องตรงนี้ได้ชัดเจน..

ส่วนดูดปราณแบบที่กายซูบผอม
มีแต่ในหนังจีน ชื่อ วิชามหาเวทย์ดูดดาว
แต่ในทางการใช้งาน ณ โลกปัจจุบัน
มันจะเป็นการตัดสายใยจิตวิญญาน
อื่นๆที่มาแทรกอยู่ในร่างกายคนใดคนหนึ่ง
อย่างนี้นะมี แต่

ที่ซูบผอมจะมีในกรณีที่มี
จิตวิญญานอื่นมาแทรกคนนั้นเป็นเวลานาน
แล้วกินอวัยวะภายใน หรือธาตุร่างกายพร่อง
เพราะขาดความสมดุลย์ทางธรรมชาตินานไป
กิริยาแบบนี้ บ้านเราเรียก ปอบ

ปล. อาจารย์ เสน่ห์ พอจำกันได้ดีอยู่แล้ว
ล่าสุดเคยไปหา ไปคุยกันอยู่ แต่จำไม่ได้ว่า กี่เดือนแล้ว
คงไม่มีใครที่ไปนั่งสมาธิกับอาจารย์ในถ้ำ
แล้วสามารถเข้าฌานสมาหลับ แบบหลับสบายจริงๆและ
นอนกรนได้คร๊อกๆ เหมือนข้าพเจ้าอีกแล้วหละ
จะจำกันได้ก็ตรงนี้หละ ๕๕๕

 

สวัสดีค่ะพี่นพ สวัสดีค่าทุกๆคน

หลังจากหายหน้าหายหัวไปนาน (เหนื่อยมากๆ)
เพิ่งได้ฤกษ์เข้ามาในพลังจิตเมื่อวันก่อน
มาตั้งกระทู้ขอแรงสนับสนุนช่วยพระอาจารย์โปรโมทสถานปฎิบัติธรรมแห่งแรกในเอสโตเนีย
ในหน้าบอร์ดข่าวพระพุทธศาสนา (ช่วยกระจายข่าวจะขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะฮิๆๆ)

ในกระทู้ข่าวพระพุทธฯ อิน้องไม่ได้ลงคลิปตอนขึ้นเรือ ใจนะอยากถ่ายคลิปถ่ายภาพมาเยอะๆ แต่ไปถึงก็1ทุ่มแล้ว และเวลาก็แทบไม่มี(ตอนมีก็โทรหาแม่บอกเล่าสิ่งที่เจอ) พอบ่ายโมงกว่าๆใกล้บ่ายสองก็ต้องรีบเดินเหมือนกระบือหายไปหาเรือเร็ว เพราะคุณสมต้องไปต่างจังหวัด วันถัดไปอิน้องก็ต้องไปทำงาน เลยกลับพร้อมคุณสม

ตอนที่นำอาหารไปถวาย พอพวกเราก้มกราบท่านกล่าวว่า สาธุๆๆ พอหนูเงยหน้ามองท่าน ท่านก็ยิ้มให้อย่างเมตตาแล้วมองหน้าหนูแล้วพูดเบาๆว่าสาธุๆๆอีกครั้ง(รู้สึกเหมือนท่านตั้งใจกล่าวกับหนูโดยเฉพาะไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า)

ขอให้ทุกคนสุขภาพดีและเป็นแรงสนับสนุนให้ศาสนาพุทธในประเทศเอสโตเนียด้วยน่ะคะ

 

ที่เอสโตเนียอากาศดีจังเลยแดดดีมากน๊อ อนุโมทนาด้วยจ้า

 

แดดดีค่ะ(บางวัน) บางวันมีเมฆมีฝน แดดสว่างกว่าไทยเพราะอยู่ซีกโลกตอนบน พระอาทิตย์เที่ยงคืน
วันก่อนตกใจตื่นแดดเปรี้ยงเข้าห้องนึกว่าตื่นสาย
ที่ไหนได้ ตี3ครึ่ง (โธ่ คุณหลอกดาว....) อากาศตอนนี้ราวๆ15-20องสา ก็ยังเย็นๆค่ะ แต่ทาลลินติดทะเล ลมแรงเลยเย็นเข้าไปอีก พระอาจารย์ชาวศรีลังกานั่งรอบกองไฟวันยานิแบ กลับไปเห็นว่าอาพาธนิดหน่อยเพราะเจออากาศเย็น นี่พวกเราก็คุยกันว่าคงต้องหาซื้อผ้าห่มและเสื้อสีเหลืองแบบที่พระท่านใช้ได้ เพราะหน้าร้อนที่นี่ยังเหมือนหน้าหนาวที่ไทย
ที่เกาะนั้นไม่มีฮีตเตอร์แบบปัจจุบัน มีแต่เตาผิงโบราณที่เหมือนตู้ใบใหญ่สีดำ ลำพังพระท่านนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าต้องรองรับผู้คนนี่คงไม่ไหว
น้ำไหลจากก็อกทีนี่ลุ้นใจแทบขาด

เห็นว่าเด็กวัยรุ่นรอบนี้กลับไป บอกว่าจะกลับมาใหม่และจะพาเพื่อนมาเพิ่ม

 

เข้ามาขอศึกษาด้วยครับ

 

ป๋าtoplus หายยาวนานเลยนะคะ...
มาคราวนี้มีเรื่องเล่า มาเล่าให้เด็กน้อยฟังบ้างไหมคะ

 

อุตะ..ยังมีคนจำได้อีกเนาะ...เขินจังนิ ไม่ได้เข้ามานานนับปีแล้ว

เรื่องเล่าไม่ค่อยมีล่ะครับ มีแต่แอบมาอ่านเรื่องราวของชาวบ้านตามประสาไปเรื่อย

 

เพิ่งดูยูทูป เจอคลิปนึง(ข่าวก็เก่าแล้วน่ะ)
คือเรื่องศาสนาใหม่ที่เกิดขึ้น เขาบอกว่าไม่อิงพุทธ
แต่ตั้งชื่อประมาณ ปัจเจกพุทธเจ้า
คือ งง เอิ่ม มันย้อนแย้งยังไงไม่รู้
คือ เขามึนหรือหนูโง่เกินเข้าใจ ไม่ใช่พุทธแต่ชื่อ.....

แล้วแบบนี้เรียกสังฆเภทได้ไหมค่ะ

อ้อ แล้วก็ทำไมบางคนเขาฟังเรื่องบางเรื่องจากยูทูปถึงง่วงล่ะคะ
คือพี่ๆบางคนนอนหลับยาก แต่พอฟังเรื่องเกี่ยวกับพญานาคนี่หลับอย่างไว(แต่อิน้องมิง่วงเด้อค่า แต่ถ้าเรื่องผีนี่หลับก่อนเพื่อน5555 ความจริงนี่ต่อให้ไม่ฟังอะไรก็หลับง่ายอยู่แระ ก๊ากๆๆๆ)
แต่คลิปเสียงหลวงพ่อหลวงปู่นี่อิน้องหลับง่ายดีเหลือเกิน

ทำไมเราถึงมีปฎิกิริยา ง่วง กับคลิปเสียงแบบนี้ล่ะคะ

 

ถามความเห็นป๋านบนิดนึงค่า

ครอบครัวหนูกำลังเล็งหาที่ทางย้ายบ้านอยู่ไปนอกเมลเบิร์น คงจะเป็นคันทรี่ทาวน์ มีอยู่เมืองนึงชื่อ Kinglake เมื่อปี 2009 เกิดไฟไหม้ป่าคนตายเยอะเลยและข่าวดังมากในออสเตรเลีย ตอนนี้สภาพเมืองค่อยๆฟื้นฟู ถ้าเราจะไปซื้อบ้านหรือซื้อที่ปลูกบ้านในเขตที่เคยมีเหตุตายหมู่แบบนี้จะดีรึป่าวคะ? ตอนนี้ราคาบ้านกะที่ดินในเมลเบิร์น/ซิดนีย์และหัวเมืองสำคัญๆของออสแพงลิบลิ่ว สงสัยจะได้ขายที่เปล่าของแก (ที่ป๋านบเคยบอกว่าเจ้าที่กระแสเค้าแปรตามตัวเจ้าของที่อิอิ)ไปซื้อที่ใหม่ แต่ดูๆหลายเมืองไว้ก็ราคาสู๊ง สูง มี Kinglake เมืองที่เคยโดนไฟไหม้นี่แหล่ะที่ราคายังพอให้เอื้อมถึง แต่ไม่แน่ใจมันจะส่งผลเรื่องพลังงานไม่ดีจากจิตญาณที่ตกค้างรึป่าว?

 

แถวนั้นดวงจิตจะหวงที่ดินนะ..
ไม่ใช่หวงธรรมดานะหวงมาก..
แถมออกแนวฝีปากกล้าเป็นทุน
มีฐานการรับรู้ทางพลังงานก็ดี..
แต่ดีตรงที่ว่า เป็นอะไรที่พูดรู้เรื่อง
คือค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ทางความคิด
มีเหตุมีผลอยู่
อยู่นะอยู่ได้ แต่จะชัว ถาม พระครูปลัด
ซ้ำจะดีกว่า...ฝากใครถามให้ก็ได้
เพื่อได้มีวิธีการเตรียมตัวได้รอบครอบยิ่งขึ้น....

 

สั้นๆพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น....

คนจะหลุดพ้นได้ อย่างน้อย ตัวจิตต้องไม่มี โลภะ
โมหะ โทสะ ไปดึงเอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
เข้ามาจนกลายเป็นตัวเองแน่นอน
พระปัจจเจก พุทธเจ้า แต่ละองค์ ถ้าปรากฏเนี่ย
สว่างยังท้องฟ้าโน้น......

การที่ยังมีความคิดวกวน
กับการเห็นผ่านตาที่ ๓ แค่เรื่องเดียวนะ..
นี่ยังไม่รวมมีเมตตาแบบยังหวังๆ..
จะบอกเป็นพระปัจจเจก คงไม่ต้องบอกเนาะ..
ป่านนี้ พราหมณ์สมัยก่อน ที่อินเดียวคงเป็นพระปัจจเจก
เดินชนกันไปหลายท่านแล้วหละครับ..

 

ขอบคุณค่าป๋า ถ้าเป็นอย่างนั้นเมือง Kinglake หนูขอผ่านละกัน ไม่อยากดีลกะดวงจิตหวงของค่า

มีรูปมือของลูกสาวคนโตมาให้ดู เห็นแล้วมันเหมือนมือผู้ใหญ่มากๆ ไม่เหมือนมือเด็ก 4 ขวบ 9 เดือน ถ่ายเมื่อเช้านี้เห็นแล้วตกใจมากๆ ให้พ่อเค้าดูเค้าถามว่ามือใคร? พ่อยังจำมือลูกตัวเองไม่ได้เลย

 

ปกติคนมีแบ๊กหนุ่น
แบบมีแนวพิเศษ
อวัยวะ ไม่ว่าส่วนไหน
จะมองดูได้สองสามแบบ
ถ้าดูอีกครั้งปกติก็จะเหมือนทั่วไป
เรื่องธรรมดา

 

ถนัดมือซ้ายด้วย
เขาว่าจะเป็นคนมีความสามารถมาก แต่จะคิดมากเครียดง่าย
ตอนเด็กๆก็ถนัดมือซ้ายเหมือนกัน
แต่ตอนเขียนหนังสือโดนจับเขียนโดนตีหลายรอบให้เขียนมือขวาจนถนัด
กลายเป็นพวกคิดบ้างไม่คิดบ้างซะเลย5555
ความสามารถเลยมีบ้างไม่มีบ้างผลุบๆโผล่ๆ

แต่เหมือนมือคนมีอายุเลยเนอะ

 

วันพระใหญ่ นำภาพมาฝาก
ไปถ่ายมาประมาณตีหนึ่งครึ่ง

 

จริงๆแล้วจะถนัดมือไหนก็ควรปล่อยให้เค้าถนัดมือนั้นเนาะ แต่เมืองไทยพ่อแม่ผู้ใหญ่มักชอบตีมือเด็กๆให้เปลี่ยนมาใช้มือขวา แต่หนูตุ้มนี่เขียนและวาดรูปได้ทั้งขวากะซ้าย แต่จะใช้ข้างซ้าย~90% น่ะจ้า