บารมีพระพุทธเจ้าองค์ปฐม

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 14 มิถุนายน 2006.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]



    [​IMG]



    เดิมผมเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านมากนัก สมเด็จองค์ปฐมคืออะไรไม่รู้จัก จนกระทั่งพี่สุทัศน์ วิมุตติอรัญได้นำสัมพุทเธ มาให้ให้ใช้ผลปรากฎว่าเกิดอัศจรรย์มากมาย ต่อมาอาจารย์อู๋อาจารย์ที่ผมเคารพรักมาก ท่านได้กรุณาอาราธนาบารมีองค์ปฐมลงรูปถ่ายของพระองค์ท่าน ซึ่งพี่สุทัศน์ได้นำมาให้ผมจากบ้านสายลม อัศจรรย์ครั้งแรก คือตอนที่อาจารย์ท่านอาราธนานั้น อยู่ในร้านขายของชั้น4มาบุญครองร้านป้าแอน ซึ่งแกนับถือเสด็จปู่เสด็จย่ามากอาจารย์พูดว่าเนี่ยเหล่ากุมารทองในร้านป้าเเอนเนี่ยมากราบองค์ปฐมแล้วเนี่ย ไปบอกพระภูมิมากราบด้วยผมก็ว่าจารย์พูดเล่นอ่ะเปล่า
    แกบอกว่าเดี๋ยวจะทำให้รู้ในบารมีองค์ท่าน แกให้พี่สุทัศน์นำเอารูปองค์ปฐมไปวางเหนือกุมารทอง แล้วแกเริ่มอาราธนาพระบารมีของพระองค์ท่านสักพักเราก็ได้กลิ่นดอกไม้ธูปหอมอบอวนไปหมด (มาบุญครองห้ามจุดธูปเด็ดขาด)
    คราวนี้คนที่ผ่านไปมายังงงเลยอาจารย์แกบอกว่าเพราะทราบว่ามีการอาราธนาบารมีสมเด็จท่านเหล่าเจ้าที่พระภูมิท่านจึงมากราบองค์ปฐมและที่แสดงกลิ่นได้เพราะบารมีของสมเด็จท่านต้องการให้คนที่ยังสงสัยได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง ผมเองยิ่งปลื้มใจมากและอีกครั้งคือญาติผมแกเป็นมะเร็งผมเลยให้แกลองบูชาองค์ปฐม พร้อมกับนำรูปปางพระนิพพานให้แกบูชา
    โดยสวดพระคาถาองค์ท่านและอาการวัตราสูตรยาก็ในหนังสือสมบัติพ่อให้หามาให้แกกินอกทำการภาวนาทุกวัน ปรากฎไปตรวจหมองงมะเร็งในตับฝ่อลงไป แกก็ดีใจคืนหนึ่งแกได้ฝันเห็นพระองค์ท่านมาบอกว่า อีก2ปี แกจะตายเพราะเป็นกรรมเก่าของแกที่เคยลวกหอยกินสดๆ ที่จริงแกต้องตายนานแล้วแต่ด้วยการที่แกสวดมนต์ระลึกถึงพระองค์ท่าน อย่างยิ่งยวด ลุงพุฒเลยต่ออายุให้2ปีคือลูกสาวแกเรียนจบพอดีแกจะได้หมดห่วง พอศุกร์แกแวะมาหาแม่ผมก็เล่าให้ฟัง พร้อมทั้งแกปลงเเล้วแกจะเร่งทำความดีตามนิมิตที่พระองค์ท่านบอก ผมได้ฟังเกิดความคิดว่าควรนำมาลงไว้เป็นหลักฐานว่าบารมีพระองค์ท่านมากมายนัก เพื่อให้พวกเราไม่หลงไปในกระแสโลกที่มีแต่ห้วงทุกข์ครับ

    จากใจ
    ภูชิชย์ สุรรัตน์
    <!-- Start Webbands -->
    <SCRIPT src="http://thaiblogger.org/webbands/weloveourking_left.js" type=text/javascript></SCRIPT><STYLE><!-- @import url(http://comed46.com/webbands/webband.css); --></STYLE>
    [​IMG]

    แนะนำ คาถาคำอวยพรของสมเด็จองค์ปฐมสุดยอดที่สุดแล้ว

    จากบัตรที่ได้มากับพระประจำวันเกิดของหลวงพ่อสพฤกษ์ วัดบ่องทอง ต.สองสลึง อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งตั้งแต่ได้มาใช้บทนี้ได้ผลตลอด ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ใช้ได้ทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ ท่องง่าย จำง่าย แต่ได้ผลสูงมาก เคยให้เพื่อนไปใช้ดูก็ได้ผลเหมือนกันเลยเอามาลงให้ใช้กันดูนะครับ

    พระทรงตรัสว่า "ให้ตั้งนะโมฯ 3 จบ แล้วกล่าวคำว่า 'พุทธโธ' 9 ครั้ง และจึงอธิษฐานตามใจปราถนา จะสัมฤทธิ์ผลทุกประการ เว้นแต่ว่ามีวิบากกรรมที่รุนแรง" นี่เป็นคำอวยพรของ สมเด็จองค์ปฐม พระนี้เป็นพระเป็น เป็นพระมีชีวิต เป็นของศักดิ์สิทธิ์ อันมหัศจรรย์ยิ่ง อุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกของเรา จะมีอายุยืนยาวคู่กับศาสนาพุทธตลอด 5,000 ปี


    ใส่ภาพสมเด็จองค์ปฐม โดย เว็ปพลังจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มีนาคม 2008
  2. nonglucp

    nonglucp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,041
    อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ..
     
  3. นำธรรม

    นำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +2,914
    ขอนอบน้อมโมทนาในมหาบุญ มหากุศล ที่ท่านผู้เจริญ ได้ให้ธรรมอันเป็นเครื่องรู้แก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ขอมหาบารมีแห่งองค์สมเด็จองค์ปฐม
    จงนำพาท่านผู้เจริญทั้งหลายที่สร้างบารมีบุญราศี ให้เป็นทางแก้วมณี นำพาทุกดวงจิตให้ได้ถึงแดนอันเกษมแห่งนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ



    นำธรรม
    อนันตชัย(f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  4. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ผลแห่งกรรมช่างน่ากลัวเสียจริง
     
  5. เสขะ

    เสขะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +1,077
    อนุโมทนาสาธุ
     
  6. Gottama

    Gottama เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +229
    ขอโมทนาครับ
     
  7. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    [​IMG]
     
  8. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    เมื่อก่อนผมก็ลวกหอยแครง และปิ้งหอยแมลงภู่กินเหมือนกัน ..... โหย...นึกแล้วหวาดเสียวววว

    ต้องเร่งทำบุญหนีบาปเยอะๆ แล้วเรา....

    .
    .
     
  9. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    เคยเหมือนกันครับ...ลวกหอยเนี่ย...ตอนนี้ขอห่างไกลละครับ...
    หนีให้ไกลด้วยการภาวนา...แผ่เมตตาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย...
    จงพ้นจากความทุกข์...ขอให้มีแต่ความสุขเทอญ...
    สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ
     
  10. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    เคยเหมือนกันครับ น่ากลัวจริงๆ สาธุๆๆ อย่าพึ่งเป็นอะไรไปเลย ขอบำเพ็ญบารมีก่อนล่ะกัน...
     
  11. ตักศิลา

    ตักศิลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +440
    จะหาองค์พระปฐมได้ที่ไหนครับ
    กรุณา ช่วยตอบกลับมาทางเมล์ด้วย พร้อมวิธีภาวนาสวดบูชา
    ที่ toptap_recon70@hotmail.com
     
  12. ariyachot

    ariyachot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,409
    ผมนำภาพท่านมาบูชาที่หิ้งพระครับแต่ยังไม่มีคาถาบูชา
    ขอคาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐมด้วยครับ
     
  13. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
     
  14. koisung

    koisung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,469
    นะโม กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วาวะชิรัง นามะปะฏิมัง อิทธิธรรมะปาฏิหาริย์ ยะกะรัง สมเด็จพ่อองค์ปฐมต้น พุทธะรูปัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สะทา โสตถี ภะวันตุ เม
     
  15. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    สมเด็จองค์ปฐม

    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
    ดีใจดีได้เจอกระทู้นี้นะคะ เพราะที่บ้านบูชาสมเด็จองค์ปฐมแต่เรายังไม่ทราบพระคาถาที่ใช้บูชาเลย เพิ่งมีโอกาสได้ทราบวันนี้
    ขอบพระคุณค่ะ
     
  16. onlyli

    onlyli เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +535
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    " ดูก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมดจะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย นั่นหมายถึงว่า การจุติ ลืมความเป็นทิพย์เสียอย่าเพลิดเพลินเกินไปอย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์ว่ามนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง ทุกอย่างต้องใช้แรงงาน แต่ว่ามาเป็นเทวดา มาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด ร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้าและมีความปรารถนาสมหวัง ก็หมายความถ้าจะไปทางไหน ก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใดความป่วยไม่มีความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงอย่ามัวเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่า เราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาลตลอดสมัย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญ วาสนาบารมี ถ้าหมดบุญ วาสนาบารมี ก็ต้องจุติคือตาย แต่ว่าท่านทั้งหลาย จงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมทั้งหมดที่นั่ง อยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้า ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่าน ยังมีบาปติด ตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติๆ ยังมีมากมาย "


    (พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจ ดูร่างกายเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ใน หนามาก เป็นอันว่าทุกองค์ ต่างองค์ ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แล้วก็ดูตัวเองเวลานั้น ร่างกายของตัวเอง ก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกัน ต่อไปองค์ สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า)

    " ภิกขุเว..ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย (เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์) และท่านทั้งหลาย ที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมดจงอย่าลืมว่า ทุกท่านมีบาป ติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อย ก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิดบนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น นรก (ท่านชี้มือลงเห็นนรก ไฟสว่างจ้า แดงฉานไปหมด) ท่านทั้งหลายจะต้อง พุ่งหลาวลงนรก เพราะใช้กฎของกรรม คือบาป ชำระหนี้บาป กว่าจะมาเกิดเป็นคน ก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหมใหม่ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่ อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี เป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพาน ระหว่างมนุษย์กับนิพพาน เป็นอันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่าน ท่านทั้งหลายจงดูนั่นนิพพาน "

    (ท่านยกมือชี้ขึ้นให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดานางฟ้ากับ พรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือ สีแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่อยู่ที่นั่น มีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมด รู้หมดเห็นหมด แล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า)


    " ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียวและการไปนิพพานนี่ ท่านทั้งหลายต้องยึดอารมณ์พระนิพพานเป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดานางฟ้าเก่าๆ ก็ดี อาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมี ความเข้าใจแล้ว ก็แสดงว่า พรหม เทวดา นางฟ้าเก่าๆ เป็นพระอริยเจ้ามาก ที่มีความเป็นห่วงก็เป็นห่วงเทวดานางฟ้าใหม่ๆ ที่มาเกิดใหม่ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความว่าจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อน อันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้ เพื่อพระนิพพาน นั่นคือ จงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่ เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่ เป็นของไม่เที่ยง เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณา ความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลาย ควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่าน มีความศรัทธา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการขั้นที่สอง ที่ท่านจะไปนิพพานได้ หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็น ศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรมบถ ศีล 10 ก็ตาม ศีล 227 ก็ตาม "
    (พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่าเทวดาจะไปบวช ที่ไหนองค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า)

    " ฤาษี เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นยามาก็ดี ชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้ เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง 227 เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็ตามก็เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วย ธรรมปีติ ทุกท่านอยู่ด้วยความสุข เขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี "
    (แล้วท่านก็กลับ หันหน้าไปหาเทวดา นางฟ้า กับพรหมว่า)

    " ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีล ให้ตั้งเฉพาะศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ได้ ศีล 10 ก็ได้ กรรมบถ 10 ก็ได้ ศีล 227 ก็ได้ ตั้งใจไว้ว่า เราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่า การเกิดเป็น เทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดี มีสภาพไม่เที่ยงจะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้ายในเมื่อการจุติเกิดขึ้น อารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่า เราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติ เราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราจะไม่เกิด เป็นมนุษย์ ท่านทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์) มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยความโสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์ มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่างๆ มนุษย์มีความหิว มีความกระหาย มีความอยาก มีความต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้ว จะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์ เราก็หมดสิทธิ์ อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดีๆ สร้างไว้เป็นเป็นที่หวงแหน คนภายนอกเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่คนภายในแต่ว่าท่านทั้งหลาย เมื่อตายมาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิม ท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิ์เข้าเขตนั้นเลย ทั้งๆ ที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธิ นี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์ มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุด ต้องเดินไปเดินมา ทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียวคือเงิน ถ้าไม่มีเงิน ก็ ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน "


    (ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า)
    " จงอย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไป ตัดความเป็นมนุษย์เสีย เลิกความหมายความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์เป็นทุกข์ มนุษย์มีสภาพไม่เที่ยง ไม่มีการทรงตัว มีความเกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลง มีความแก่ มีความป่วย ในการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความตายในที่สุดและจงอย่าอยากเป็นเทวดา อยากเป็นนางฟ้า เป็นพรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้ากับพรหม ก็มีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกัน เมื่อมีความเกิดขึ้นไนเบื้องต้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดา ก็มีความจุติไปในที่สุด ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้เสมอว่า เราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วก็เราจะต้องจุติในวันข้างหน้า ตถาคตมีความรู้สึกว่าท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดานางฟ้าพรหมเก่าๆ มีความเข้าใจดีแล้ว คำว่าเข้าใจ บรรดาท่านพุทธบริษัท หมายถึงว่า เขาปฏิบัติได้ นี่คืออารมณ์พระโสดาบันกับอารมณ์พระอรหันต์ สำหรับเทวดา นางฟ้าและพรหมใหม่ๆ จงตั้งใจไว้เสมอว่า จงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มานี่ เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้นและบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวเรายังมีอยู่ ถ้าเราเผลอไม่สร้างความดี ในเมื่อจุติความเป็นเทวดาหรือพรหมในภพนี้แล้ว ทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ จงดูภาพนรกว่าขุมไหนบ้างที่น่าอยู่น่ารัก มันไม่น่าอยู่ ไม่น่าเกิด ดินแดนไหน ที่มีความสุข ไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์และก็ดูเทวดา นางฟ้ากับพรหม มนุษย์ที่เดินเกลื่อนกล่น ทุกคนอยู่ในเมืองมนุษย์ เคยเป็นเทวดา เคยเป็นนางฟ้า เคยเป็นพรหม มาแล้วแต่ว่าท่านทั้งหลาย จงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพาน จงดูภาพพระนิพพานให้ชัดเจนแจ่มใสว่าดินแดนพระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด... "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2008
  17. onlyli

    onlyli เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +535
    คำสอนของสมเด็จองค์ปฐม (2)
    " เวลาที่พระสงฆ์จะสอนพุทธศาสนิกชนควรสอนง่าย ๆ แบบนี้
    1.จัดสถานที่ เอาพระพุทธรูป หรือ ถ้าวัดมีพระประธานก็ประดับเครื่องบูชาและไฟฟ้าให้สวยงาม เพื่อให้ประชาชนประทับใจจำภาพพระพุทธรูปได้ง่าย เป็นอารมณ์พุทธานุสสติกรรมฐาน

    2. ทำพิธีบวงสรวง อัญเชิญพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ให้หมด เทพเทวดาทั้งหมดมาเป็นประธาน

    3. อธิบายให้พวกชาวพุทธคิดตามความเป็นจริง เป็นวิปัสสนาญาณว่าง่าย ๆ อย่างนี้ ว่า ร่างกายมีความแก่ ความเจ็บ ความหิว ความไม่สบาย ความตายเข้ามาหาตลอดเวลา มีความสกปรกความเหม็นน่ารังเกียจ ตั้งแต่หัวถึงเท้าและร่างกายก็ไม่ใช่ของจิตเรา จิตเรานี้มาอาศัยกายซึ่งเป็นของสมมติเพียงชั่วคราว ดังนั้นจิตก็ไม่ใช่ของร่างกาย จิตเป็นของจริง กายเป็นของปลอม มีดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นส่วนประกอบ มีความคิด ความจำ ระบบประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีเวทนาอารมณ์สุข ๆ ทุกข์เป็นของกาย สูญหายสลายไปพร้อมกับกาย จะเหลือแต่จิตเท่านั้น

    4. ทำจิตให้เกาะพระนิพพานตั้งใจว่า ตายแล้วเราจะไปพระนิพพานประมาณ 3 นาที ใจของพุทธศาสนิกชนจะเกาะติดนิพพานอย่างไม่รู้ตัว

    5. ถ้าจิตระลึกถึงพระนิพพาน ระลึกถึงพระคุณขององค์สมเด็จพระชินศรีศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดว่า ร่างกายตายแน่นอนทุกวันอย่างนี้ พอถึงเวลาตายจริง ๆ จิตก็จะไปอยู่ตามที่จิตตั้งใจระลึกถึงด้วยความเคารพทุกวัน ทำแบบนี้ทุกคนก็ไปนิพพานได้ง่าย ๆ ไม่ต้องไปบูชาพระนอก ทำจิตใจให้สะอาดเป็นพระในแบบนี้ดีกว่า เป็นการพึ่งตนเองดีที่สุด ก่อนตายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาให้เห็น พระองค์ทุกคน ถ้าระลึกถึงพระองค์ท่านด้วยใจจริง
    การฝึกกรรมฐานแบบมโนมยิทธิให้ผู้อื่นนั้น การช่วยสอนคนอื่นเป็นบุญบารมีสูง เป็นธรรมทาน ครูผู้สอนจะต้องรู้วิชาที่จะสอนเขาจริง ๆ ให้ฝึกตัวเองกำหนดจิตไปเฝ้าพระพุทธเจ้าตลอดเวลาให้สติ สมาธิ ปัญญาทรงตัว รวบรวมกำลังใจ ดูพรหมวิหาร 4 ของเราว่ามีเมตตา กรุณา จริงใจหรือไม่ หรืออยากให้เขาสักการะ สอนแล้วเขายังไม่ได้ เสียใจหรือไม่ สอนแล้วศิษย์เก่งกว่าครู เราอิจฉาหรือไม่ได้วางใจเป็นอุเบกขา เป็นอารมณ์สมาธิ เป็นกำลัง ญาณที่จะทำให้เราได้รู้ ได้เห็น ได้รับทราบจากจิตจริงแท้

    ขอให้สังวรกันว่า เรายังเรียนรู้เรื่องนี้น้อยมาก อย่าไปวิจารณ์คนนั้นใช่ ไม่ใช่ จงทำไปตามอาจารย์ท่านสอนเป็นวิธีลัดที่จะพิสูจน์ให้คนได้รู้เห็นสภาพของทิพย์ที่เป็นจริง
    จำไว้ประการหนึ่ง ถ้าเหตุที่พึงเกิดกับตัวแล้วยังไม่เชื่อมั่น แคลงใจในมโนมยิทธินี้ เป็นผู้สอนไปแล้วไร้ประโยชน์ เพราะไม่เชื่อในผลปฏิบัติของตน แล้วไฉนเขาจะเชื่อผู้อื่น

    ฝึกมโนมยิทธิ ฝึกถอดจิตฝากไว้กับองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เอาจิตเบื้องบนมองดูโลกมนุษย์ สวรรค์ พรหม น่าอยู่หรือไม่ไม่ ดูทุกสิ่งทั้ง 3 โลก สุดท้ายก็สูญสลาย ว่างเปล่าไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรย่ายึดติด เป็นวิธีทำง่าย ๆ แบบนี้ เป็นแบบพุทธจริต ทำจิตเป็นพุทธะ จิตแยกจากกายได้จริง รวมจิตเป็นหนึ่งกับองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า เจ้าทำได้ก็เป็นสิ่งวิเศษสุดแล้ว "
    (รวบรวมโดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ)
    สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
    " สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
    1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
    2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทราแท้ (ด้วยความจริงใจ)
    3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
    4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้าและพรหมในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด "
    (หมายเหตุ : เทศน์ที่ " เทวสภา " วันที่ 8 สิงหาคม 2535 เวลา 8.00 น. พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟังเมื่อ 11 สิงหาคม 2535 เวลา 21.00 น.) --------------------------------------------------------------------------------
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. onlyli

    onlyli เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +535
    อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    หลวงพ่อ : ช่างมาถามเกี่ยวกับลักษณะองค์ปฐม อาตมาบอกสร้างแบบพระพุทธรูปธรรมดา แต่ต้องอ้วนหน่อยนะ คือมีเนื้อมากหน่อย ไม่ใช่อ้วนพุงพลุ้ยนะ และก็เวลาลงไปสอนกรรมฐาน เมื่อเสร็จแล้วเขาก็คุยกัน เขาก็ถามปัญหา ถามไปถามมา เขาถามถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมว่า ถ้าจะสร้างจะมีอานิสงส์อย่างไร ลุงสองลุง นายบัญชี กับลุงพุฒิ ท่านมายืนอยู่นานแล้ว ท่านไม่มีโอกาสคุย เพราะอาตมาขึ้นไปคุยกับพระซะ ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอกนี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2008
  19. onlyli

    onlyli เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +535
    คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม
    สวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา
    นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ สัมปะจิตฉามิ
    คุณประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังนี้

    1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลก สัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลก ได้รับโมทนาบุญกับเรา การแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเราโกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก

    2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญ เมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข

    3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง

    4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์

    5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสร เป็น จิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชา พระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชา เป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้ 8 กรรมฐาน คือ

    1) พุทธานุสสติกรรมฐาน
    2) ธรรมนุสสติกรรมฐาน
    3) สังฆานุสสติกรรมฐาน
    4) พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    5) อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน
    6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ
    7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุก ๆ วันละอย่างน้อยสวด 9 จบ ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย
    8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้ พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน ให้สวดทุกวัน เพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น
    9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา ทำบุญกุศลทุกอย่าง ขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระบรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโมทนาบุญกุศลทุก ๆพระองค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวงธรรมญาณได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไปให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญ การขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีใหญ่ ช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้น จิตของสัตว์อบายภูมิน้อยนักที่จะได้รับได้ยินเหมือนคนตาบอด แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไปให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคน เราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล

    10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพ แล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ(เกิดในไข่ เกิดในคูต เกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ
    1) สัตว์นรก
    2) เปรต
    3) อสุรกาย
    4) สัตว์เดรัจฉาน
    5) คน
    6) เทวดา พรหม
    โปรดสัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใด ถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูงมีความสุขตามฐานะ กฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทัน เพราะบุญใหญ่ เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ พระสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป พระอัครสาวก ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป
    (คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมและอานิสงค์การสวดคาถาแผ่เมตตานี้ได้มาจากท่านพระยายมราช)
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. NIRVANA/NOW

    NIRVANA/NOW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +154
    สาธุ...ขอโมทนาผลบุญกุศล ในธรรมทาน คำสอนและคำบูชาขององค์สมเด็จองค์ปฐม กับทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...