คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ประสบการณ์พระพุทโธน้อยและของอธิษฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย st-antique, 27 เมษายน 2012.

  1. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    21371080_1565370143484072_5190197783035507818_n.jpg

    ๑๐ มีนาคม เป็นวันเกิด ๗ กันยายน เป็นวันละสังขาร ของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ซึ่งวันละสังขารจะมาบรรจบครบรอบในวันพรุ่งนี้แล้ว จึงขอนำประวัติคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มาลงเผยแพร่ให้ท่านอื่นๆที่ยังไม่รู้จักคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ว่าท่านคือใคร เหตุใดคนจึงได้เอ่ยนามท่านบ่อย เหตุใดคนจึงได้เคารพศรัทธาอย่างมากมาย กล่าวขานถึงกันอย่างกว้างขวาง ประวัติคร่าวๆด้านล่างนี้จะช่วยให้ท่านได้รู้จักคุณแม่ฯเพิ่มขึ้นครับ

    ประวัติคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๔ ปีมะเมียขึ้น ๑๕ ค่ำเวลา ๑๑.๒๐ น. หรือตรงกับวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ท่านได้กำเนิดในครอบครัว ที่มีฐานะค่อนข้างยากจน มีนายยิ้ม กลิ่นผกา เป็นบิดา และมี นางสวน กลิ่นผกา เป็นมารดา สถานที่เกิดอยู่ที่คลองสามวา อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร ต่อมาบิดามารดาของท่านได้ย้ายไปอยู่ที่ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี อยู่ในละแวกบ้านชาวสวน และมีฐานะเป็นชาวสวนในเวลาต่อมา คุณแม่บุญเรือน ท่านก็ได้เติบโตมาในละแวกบ้านชาวสวน ที่ตำบลบางปะกอกใหญ่นั่นเอง
    นายยิ้ม บิดาของคุณแม่บุญเรือน มีภรรยาทั้งสิ้น ๓ คน คนแรกก็ได้แก่ นางสวน มีบุตรด้วยกันสองคน คนโตคือ นางทองอยู่ ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว คนที่สองก็ได้แก่ คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกานั่นเอง

    ภรรยาคนที่สอง ชื่อนางเทศ มีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ นายเนื่อง นางทองคำ และนางทิพย์ ซึ่งทั้งสามคนนี้ ถือเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน

    ภรรยาคนที่สาม ไม่มีใครจำชื่อได้ และไม่มีใครยืนยันว่า นายยิ้ม ได้มีบุตรกับภรรยาคนนี้หรือไม่

    การศึกษาเล่าเรียนและชีวิตในครอบครัว

    ชีวิตในวัยเยาว์ คุณแม่บุญเรือน เป็นผู้ได้รับความรักความทะนุถนอมจากบิดามารดา เป็นอันมาก พอเหมาะสมกับฐานะของครอบครัว ท่านได้รับการศึกษาให้รู้ภาษาไทย พออ่านออกเขียนได้ และเชื่อว่าท่านได้รับการฝึกสอน จากบิดามารดา ให้มีความรอบรู้ และ สามารถทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนเป็นอย่างดี พอเหมาะสมกับสมัย เนื่องจากปรากฏต่อมาในภายหลังว่า คุณแม่บุญเรือน มีความสามารถในการทำกับข้าวมีรสอร่อยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก อาหารจำพวกแกง และ ต้ม ท่านก็สามารถทำได้อย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการเย็บจักร ตัดเสื้อผ้าได้ เหล่านี้เป็นความสามารถที่เป็นที่ประจักษ์แก่คนที่รู้จักทุกคน

    ฝึกหัดเป็นหมอนวดและสนใจในงานบุญ

    เมื่ออายุราว ๆ ๑๕ ปี ท่านได้รับการฝึกสอนจากในครอบครัว ให้รู้จักการนวด ซึ่งท่านได้ให้ความสนใจอยู่เป็นอันมาก จนในที่สุด ท่านได้รับครอบวิชาหมอนวด และ ตำราหมอนวด จากปู่ของท่าน คืออาจารย์กลิ่น ซึ่งในขณะนั้นถือว่า เป็นหมอนวดผู้มีชื่อเสียง จากการได้รับมอบตำราหมอนวด ทำให้ท่านได้ศึกษาวิธีการนวด จากตำราดังกล่าวจนเกิดความชำนาญ และกลายเป็นแม่หมอผู้มีชื่อเสียงในการนวดต่อมาในภายหลัง
    ขณะเป็นวัยรุ่น ท่านได้รู้จักกับคุณลุงของท่าน คือ หลวงตาพริ้ง ซึ่งเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดบางปะกอก ด้วยความคุ้นเคยกับหลวงตาพริ้ง ผู้เป็นลุงนั่นเอง ท่านได้เริ่มนำอาหารไปถวายอยู่บ่อย ๆ ทำให้ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนให้รู้จักธรรมะ และ คุณธรรมในการดำเนินชีวิต ตามแนวคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้เริ่มเลื่อมใสศรัทธา และมีใจรัก ในงานบุญงานกุศลมากขึ้นอันน่าจะถือได้ว่า นี่เป็นปฐมเหตุสำคัญที่ทำให้ท่านบำเพ็ญกรณียกิจเป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา หลวงตาพริ้ง จึงเป็นพระภิกษุที่คุณแม่บุญเรือนมีความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และวัดบางปะกอกนี้ก็น่าจะเป็นวัดที่ทำให้ท่านเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จนนำไปสู่การบำเพ็ญภาวนาในเวลาต่อมา

    ชีวิตสมรสและบุตรธิดา

    เมื่อมีอายุพอสมควร ก็ได้ทำการสมรสกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม ซึ่งขณะนั้นเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาที่ดีตลอดมา แต่ก็ไม่มิบุตรธิดาด้วยกัน และเนื่องจากไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน ทำให้คุณแม่ บุญเรือน โตงบุญเติมได้รับอุปการะเด็กหญิงชายอื่นบ้าง แต่มีผู้ที่ท่านรับอุปการะแต่มีอายุได้ ๖ เดือนจนเติบใหญ่เป็นเวลายาวนานคนหนึ่งในฐานะบุตรบุญธรรมคือ นางอุไร คำวิเทียน จนกระทั่ง นางอุไร มีอายุ ได้ ๑๙ ปีจึงได้สมรสกับ ร.ต.ท.เต็ม คำวิเทียน นางอุไร กับ ร.ต.อ.เต็ม อยู่กินกันมาจนมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อว่า นิดา คำวิเทียน นับว่าเป็นหลานยายที่คุณแม่บุญเรือนให้ความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตสมรสระหว่างคุณแม่บุญเรือน และ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม อยู่กินกันมา จนกระทั่งในปี ๒๔๗๙ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ ๔๒ ปี ส.ต.ท.จ้อย ได้ถึงแก่กรรมลง เนื่องจากได้เข้าไปช่วยดับเพลิง เมื่อครั้งเพลิงไหม้ใหญ่ตลาดน้อย อำเภอบางรัก ต่อจากนั้นมา คุณแม่บุญเรือนก็ได้ครองความเป็นโสด บำเพ็ญงานบุญ และได้ใช้นามสกุล โตงบุญเติม ของสามีตลอดมา ในระหว่างครองชิวิตร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม คุณแม่บุญเรือน ได้ประกอบอาชีพตัดเย็บผ้า เป็นการช่วยสามีอีกแรงหนึ่ง และรับรักษาโรคโดยเป็นหมอนวด ซึ่งการเป็นหมอนวดเพื่อรักษาโรคนั้น ท่านทำเป็นการกุศลไม่มีสินจ้าง นอกจากนั้นท่านยังมีความสามารถในการทำคลอด หรือเป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย ซึ่งทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในขณะนั้น ด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยจักรท่านก็ทำได้อย่างดี จนทำให้ครอบครัวท่านมีฐานะที่มั่นคงพอสมควร ในระหว่างนี้ท่านก็ใช้เวลาในการบำเพ็ญบุญ ถือศีล สวดมนต์ ฟังธรรม ด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างแท้จริง ท่านได้ไปประกอบการบุญที่ วัดสัมพันธวงศ์ เป็นประจำ และได้เริ่มฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตั้งแต่มีอายุประมาณ ๓๐ ปี หลัง ส.ต.ท.จ้อย ถึงแก่กรรม ท่านได้ไปพักอยู่ที่โรงเรียนช่างกลสมบุญดี มักกะสันอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่ง นางอุไร คำวิเทียน บุตรบุญธรรม ได้ทำการสมรสแล้ว ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่ บ้านพักของทางราชการ ที่โรงพักกลางต่อไป

    ขณะที่ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย ด้วยความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้ไปฟังพระสวดมนต์ ฟังธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่บ่อย ๆ ทั้งได้ฝึกหัดทำวิปัสสนากัมมัฐานที่วัดนี้ด้วย ต่อมา ส.ต.ท.จ้อย ผู้เป็นสามี ได้ลาอุปสมบท ที่วัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา ๑ พรรษา ทำให้คุณแม่บุญเรือน ได้มีความใกล้ชิดและผูกพันในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เมื่อสามีสึกออกมาแล้ว คุณแม่บุญเรือน ก็ได้ลาสามีบวชเป็นชีและอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัด สัมพันธวงศ์ ได้พากเพียรพยายามฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้อยู่ปฏิบัติที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ จนทำให้เกิดความเข้าใจ และ ปลอดโปร่งในธรรมะ รักความสงบประกอบการกุศลต่าง ๆ ช่วยปักหมอนสำหรับธรรมาสน์พระสวดปาฏิโมกข์เป็นต้น

    ผลสำเร็จของงานบุญ

    ในระหว่างที่บวชเป็นชีนี่เอง ด้วยความตั้งใจจริง ในการบำเพ็ญเพียร หัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทำใจให้สงบระงับ ฝึกใจให้แข็งแกร่งแก่กล้า มองเห็นธรรมอันวิเศษของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังผลให้เป็นที่ทราบในหมู่ผู้ร่วมวิปัสสนาด้วยกัน ว่าคุณแม่บุญเรือนได้สำเร็จแล้วอย่างแท้จริง คือสำเร็จใน จตุตถฌาน หรือ ฌาน ๔ อันประกอบด้วย

    ปฐมฌาน หมายถึง ฌาน ขั้นแรก มีองค์ ๕ คือ ยังมีตรึก เรียกว่า วิตก และ ตรอง เรียกว่า วิจารณ์ เหมือนอารมณ์แห่งจิตของคนสามัญ ซ้ำยังมีปิติ คือ ความอิ่มใจ มีความสุข คือความสบายใจ เกิดแต่ความวิเวก คือ ความเงียบสงบ ประกอบด้วยจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งลงไปได้ เรียกว่า “ เอกัคตา”

    ทุติยฌาน หมายถึง ฌาน ชั้นสอง ซึ่งละวิตกและวิจารณ์ ในปฐมฌานลงไปได้ คงเหลือแต่ ปิติ และ สุขอันเกิดแก่สมาธิกับเอกัคตา

    ตติยฌาน เป็น ฌาน ชั้นสาม คงเหลือแต่องค์สอง คือละปิติเสียได้ คงเหลือแต่สุขและเอกัคตา

    จตุตถฌาน เป็น ฌานสำคัญชั้น ๔ มีองค์ ๒ คือละสุขเสียได้กลายเป็น อุเบกขาคือวางเฉย คู่กับเอกัคตา ฌาน ๔ จัดเป็นรูปสมาบัติ มีรูปธรรมเป็นอารมณ์ สงเคราะห์เข้าไปในรุปาวจรภูมิ

    ฌานทั้ง ๔ นี่แหละที่เชื่อกันว่า คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้บำเพ็ญเพียรฝึกปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุที่ปรากฏต่อมาว่า คุณแม่บุญเรือน มีความเชี่ยวชาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนสามารถจะเข้าวิปัสสนาเมื่อใดก็ได้ และไม่จำเป็นต้องยึดสิ่งมีรูปเป็นอารมณ์ ทั้งอาจเข้าวิปัสสนาโดยลืมตาก็ได้โดยเร็วพลันด้วยเหตุนี้ ทางด้านอรูปฌาน ก็เชื่อว่าท่านสันทัดและบรรลุโดยลักษณะเดียวกัน
    ด้วยความสำเร็จใน จตุตถานนั่นเอง เป็นเหตุให้แม่ชีบุญเรือน เป็นนักเสียสละชั้นยอด มีอารมณ์วางเฉย เป็น อุเบกขา สละความโลภ ความอยากได้ในทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นคนที่รู้จักแม่ชีบุญเรือนมาก่อนก็ดี หรือเพิ่งจะมารู้จักก็ดี จะทราบคติธรรมข้อหนึ่งว่า “ คนที่จะไปหาท่าน จงไปหาด้วยการเป็นผู้รับ ส่วนท่านเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้บริการ” ท่านไม่ต้องการสิ่งใดของใคร แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน ทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ทั้งสิ้น

    บรรลุอภิญญา ๖

    นอกเหนือจากการสำเร็จใน ฌาน ทั้ง ๔ แล้ว คุณแม่บุญเรือน ได้เพียรพยายามฝึกจิต และสมาธิอย่างแรงกล้า ทั้งได้ประกอบการบุญอันเป็นอานิสงศ์แห่งชีวิตอย่างสูงส่ง จนกล่าวว่าท่านสำเร็จรอบรู้ใน อภิญญา ๖ กล่าวคือ

    ๑. อิทธิวิธี คือแสดงฤทธิ์ได้ ปรากฏว่าแม่ชีบุญเรือนได้กระทำมาแล้วหลายวิธี เช่น อธิษฐานต้นมะม่วง ต้นเล็ก ๆ ให้ออกดอกได้ภายในคืนเดียว ย่นหนทางยาวให้สั้น เดินตากกลางฝนไม่เปียก เรียกฝนให้ตกได้ ขอให้ฝนหยุดตกได้ เป็นต้น

    ๒. ทิพโสต หรือที่เรียกว่าหูทิพ แม่ชีบุญเรือน สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่คนอยู่ใกล ๆ พูดกัน ให้คนใกล้ชิดท่านฟังได้อย่างถูกต้อง

    ๓. เจโตปริยญาณ อันได้แก่การกำหนดจิตให้แก่ผู้อื่น ในเวลาที่แม่ชีบุญเรือน สนทนากับใคร ไม่ว่าใครจะคิดหรือจะพูดอะไรกับแม่ชี ท่านก็สามารถทราบได้ด้วย ฌานวิเศษของท่าน

    ๔. บุพเพนิวาสานุสสติ ได้แก่การระลึกชาติได้ เรื่องนี้แม่ชีบุญเรือนได้เคยเล่าเรื่องราว ชาติภพก่อน ๆ ของท่าน ให้ลูก ๆ และคณะศิษย์ ได้ฟัง รวม ๓ ชาติ หากจะว่าไปแล้วเรื่องระลึกชาติ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก แต่เห็นว่า แม่ชีบุญเรือนเป็นผู้ยึดมั่นในศีล
    ๕ ละปฏิบัติธรรม เป็นอาจินต์ ก็ทำให้เชื่ออย่างมั่นคงว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง

    ๕. ทิพจักษุ หรือตาทิพย์ การมองเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พึงประสงค์ แม้ว่าวิ่งนั้นจะอยู่ห่างใกล ต่างบ้านต่างเมืองก็ตาม แต่เรื่องตาทิพย์นี้ แม่ชีบุญเรือน ได้บอกเล่าให้ลูก ๆ ละคณะศิษย์ฟังว่าแม้นว่าท่านจะได้ไว้ แต่ท่านก็คืนให้ไป มิได้นำมาใช้ ทั้งนี้เพราะหากใช้ตาทิพย์แล้ว จะมองเห็นสิ่งปฏิกูลมากมาย ท่านจึงงดเว้นเสีย โดยถือว่าคืนให้ทางธรรม จะมีการนำมาใช้บ้างในยามจำเป็นเท่านั้น

    ๖. อาสวักขยญาณ คือ ทำให้พ้นจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทำให้ตนพ้นจากสิ่งอันไม่เป็นมงคลทั้งปวง ผู้พ้นจากอาสวะ ย่อมหมายถึงปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง แม่ชีบุญเรือนได้สำเร็จในข้อนี้ จะเห็นได้จากผู้ที่เดินทางมาหาท่านไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะยากดีมีหรือจน ก็จะได้รับความปรานีเสมอเท่าเทียมกัน

    ความสำเร็จในการบำเพ็ญเพียรครั้งแรก

    การบำเพ็ญเพียร ในพระพุทธศาสนา จนสำเร็จ จตุตถฌาน และ อภิญญาฌาน ปรากฏว่าท่านได้ทำสำเร็จครั้งแรก ตั้งแต่ยังบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ และ ได้ผลเป็นอิทธฤทธิ์อันเกิดจากการอธิษฐานเป็นครั้งแรกเมื่อราววันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๔๗๐ โดยในวันดังกล่าว คุณแม่บุญเรือน ได้กลับไปที่บ้านพักข้าราชการ ที่สถานีตำรวจสัมพันธวงศ์ คืนนั้นเข้านอนไม่หลับจนดึก สามีและบุตรบุญธรรมหลับมีอาการกัดฟันและกรน รู้สึกเกิดธรรมสังเวช และนึกเบื่อ จึงตั้งสัตย์อธิษฐานเข้าไปในศาลา พอสิ้นคำอธิษฐาน ตัวแม่ชีบุญเรือนก็เข้าไปอยู่ในศาลา ดังคำอธิษฐาน โดยที่ตัวท่านเองก็ไม่ทราบว่า ได้ออกจากห้องทางไหน และ เข้าศาลาทางไหน ในครั้งนั้นเพื่อนแม่ชีด้วยกัน ไม่ค่อยจะเชื่อกันนัก จนต่อมา อุบาสิกาฟัก ขอให้อธิษฐานใหม่ และได้ให้นางเล็ก นางคำ นางเทียบ ซึ่งดูเหมือนเป็นเพื่อนแม่ชีดูเป็นพยาน ได้ใส่กลอนประตูหน้าต่างศาลาเสียในคืนวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๖ เวลาดึกสงัดปีเดียวกันนั้นเอง แม่ชีบุญเรือนก็ได้อธิษฐานจากสถานีตำรวจสัมพันธวงศ์เข้าไปศาลาได้เช่นเดียวกับคราวก่อน พวกที่คอยดูก็พากันแปลกใจไปตาม ๆ กัน
    ต่อมา แม่ชีบุญเรือน ได้อธิษฐาน ไปเขาวงพระจันทร์ พบพระผู้วิเศษ ขอพระธาตุท่าน ๆ ก็ให้มา ๑ องค์ แล้วได้กลับมาที่เดิมตามคำอธิษฐานพร้อมพระธาตุ การสามารถทำปากิหารย์ดังกล่าวที่ปรากฏขึ้นได้เป็นผลแห่งความสำเร็จครั้งแรก ทำให้ท่านอฺธิษฐานเมื่อเข้าสมาธิ ผ่านที่ปิดล้อม หรือไปที่ ไกล ๆ ได้ชั่วระยะเวลาลัดนิ้วมือเดียว ในขณะนั้นท่านมีอายุเพียง ๓๓ เท่านั้น

    การอธิษฐานของคุณแม่บุญเรือน

    ๑. การอธิษฐานด้วยสัจจวาจา ด้วยความที่แม่ชีเป็นผู้บรรลุ ฌาน ๔ และอภิญญา ๖ ทำให้วาจาของท่านมีอิทธฤทธิ์ ที่จะพูดหรือสั่งการสิ่งใดในทางที่ชอบเกิดผงได้ เช่น อธิษฐานให้หายโรค ให้ร่ำรวยในทางที่ชอบ ให้ปลอดภัยจากอันตราย หรืออาจอธิษฐานให้เป็นไปตามคำอธิษฐานของท่านได้ เช่น ให้ฝนตก หรือให้ฝนหยุด อธิษฐานถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

    ๒. อธิษฐานสิ่งของทั่วไป ได้แก่การนำสิ่งของต่าง ๆ มาให้ท่านอธิษฐาน เช่น น้ำ ปูน ไพลเกลือ พริกไทย การอธิษฐานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่นำไปใช้ได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อธิษฐานปูนกินหมาก ให้เป็นยาทิพย์ รักษาโรคให้หาย แก้โรคนา ๆ ชนิด เช่น มะเร็ง วัณโรค โรคไต เป็นต้น

    ๓. อธิษฐานของพิเศษเป็นครั้งคราว เช่น อธิษฐาน กรวด ทราย กันไฟไหม้ อธิษฐานก้อนหิน ศิลาน้ำ เพื่อใช้ป้องกันภัยบางประการ โดยเฉพาะศิลาน้ำ ใช้แทนของอธิษฐานของท่าน เวลาวายชนม์ไปแล้ว เมื่อใช้ศิลาน้ำใส่ในน้ำ ก็กลายเป็นน้ำอธิษฐาน ไว้รับประทานแก้และป้องกันโรค ทั้งใช้ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย

    ณ โรงพักกลางนี่เอง ท่านได้ปวารณาตัวในทำนอง ขอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้พ้นจากโรคร้าย และท่านได้เริ่มแนะนำ สั่งสอนธรรม แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ท่านได้แสดงความปรารถนาที่จะไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั่วประเทศ ด้วยเหตุนี้ ราว พ.ศ. ๒๔๗๒ ท่านได้ไปอยู่เชียงใหม่ชั่วคราว
    การไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านไปพำนักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ท่านได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญการบุญ และช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนของผู้มาขอร้อง และได้ช่วยรักษาโรคด้วยการอธิษฐาน ปูนและน้ำ พริกไทย และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นมีอยู่คนหนึ่ง อุจจาระผูกมาเป็นแรมปี ถ่ายอุจจาระไม่ออก รักษาแผนปัจจุบันและแผนโบราณเป็นเวลานานก็ไม่หาย ได้มาหาท่าน คุณแม่บุญเรือนได้อธิษฐานพริกไทยให้รับประทาน 3 เม็ดรุ่งขึ้นปรากฏว่า อุจจาระถ่ายคล่อง หายเป็นปกติ ด้วยการบำเพ็ญตัวที่จังหวัดเชียงใหม่นี่เอง ส่งผลให้ชื่อเสียง และเกียรติคุณของคุณแม่โด่งดังเป็นอันมาก จนมีหนังสือพิมพ์นำท่านไปลงข่าวอยู่หลายครั้ง

    กลับกรุงเทพฯ และย้ายไปอยู่บ้านวิสุทธิกษัตริย์
    ด้วยเหตุที่คุณแม่บุญเรือน ต้องทำการบุญ และอธิษฐานจิตอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรดาสานุศิษย์เห็นว่าเมื่อกลับจากเชียงใหม่แล้ว จะไปอยุ่ที่โรงพักกลางอีกคงไม่เหมาะสม ทั้งไม่สะดวก เมื่อเวลามีผู้ไปหาบำเพ็ญการบุญกับท่าน เป็นการสมควรที่จะอยู่อย่างเอกเทศ ในที่สุด คุณนายพัธนี ได้ร่วมกับศิษย์ที่ใกล้ชิดช่วยกันเป็นผู้สร้างอาคารหลังเล็กขึ้นมาหลังหนึ่ง ในที่ดินคุณนายพัธนีเอง ณ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ อยู่ใกล้กับโรงพิมพ์วิบูลย์กิจ บ้านอยู่ลึกจากถนนไป ๒ ถึง ๓ เส้น เป็นที่สงัดเงียบ และมีบริเวณกว้างขวางเพียงพอ อาคารที่สร้างขึ้นนี้เป็นเรือนไม้มีขนาดพอสมควร มีห้องนอน ห้องพระ ห้องครัว ห้องโถงสำหรับผู้บำเพ็ญการบุญ จะร่วมสวดมนต์จำนวนราว ๕๐ คนได้
    เมื่อสร้างเสร็จได้เชิญคุณแม่ให้มาอยู่หลังจากท่านกลับมาจากเชียงใหม่ท่านได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านวิสุทธิกษัตริย์ เมื่อราวต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๒

    ก่อตั้งสามัคคีวิสุทธิ

    เนื่องจากผู้มาร่วมการบุญกับท่านที่บ้านนี้มากมาย มีผู้เจ็บป่วยที่มาขอให้ท่านรักษา จนหายจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นจำนวนมาก คนจำนวนมาก จึงมายอมตัวเป็นศิษย์ เป็นลูก เป็นหลาน ฟังธรรมคำสั่งสอนจากท่าน เมื่อปฏิบัติตามก็ปรากฏว่า ได้รับความสุขทางใจอย่างประหลาด ผู้คนที่มาหาจึงคับคั่งขึ้นตามลำดับ และเพื่อให้ผู้ร่วมการบุและสานุศิษย์ มีความเป็นปึกแผ่น มีชื่อเรียกที่เหมาะสม คุณแม่บุญเรือนจึงขนานนามคณะของท่านว่า “ สามัคคีสุทธิ” และเรียกบ้านที่ท่านอยู่ว่า บ้านสามัคคีวิสุทธิ แต่คนที่คุ้นเคยบางคนจะเรียกว่า”บ้านวิสุทธิกษัตริย์” ก็มีวัตรปฏิบัติทั่วไปที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ วันธรรมดา คุณแม่ จะสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทำกัมมัฏฐาน และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ผู้ป่วยที่มาหา
    วันเสาร์ จะอธิษฐานด้วยสัจจวาจา และสิ่งของให้ผู้ป่วย เช่น ปูน ไพล ผลไม้ พริกไทย หลังจากนั้น ๑๔.๐๐ น.ท่านจะนำสานุศิษย์สวดมนต์เป็นเวลา ๑ ชั่วโมง หลังจากนั้นทำ กัมมัฏฐานเป็นเวลา ๑๕ นาที กว่าจะเสร็จก้ประมาณ ๑๕.๐๐น. เป็นเช่นนี้ทุกวันเสาร์ ตลอดช่วงเวลาที่คุณแม่มีชีวิตอยู่

    งานบุญสำคัญที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ

    คุณแม่อยู่ที่บ้านสามัคคีวืสุทธิ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นเวลา ๗ ปี นอกจากการบำเพ็ญการบุญธรรมดาแล้ว ท่านยังได้อธิษฐานธรรมประกอบงานบุญสำคัญ ๆ อีกมากมายหลายครั้ง เช่น

    ๑.ก่อนวันขึ้นปีใหม่ทุกปี คุณแม่จะอธิษฐานธรรมอวยพรให้บรรดา สานุศิษย์ ผู้ร่วมประกอบการบุญกับท่าน

    ๒. ท่านได้อธิษฐานธรรมประจุพระพุทธรูป และ พระเครื่องสำคัญรวมทั้งร่วมสร้างด้วย คือ

    ก. พระพุทโธองค์ใหญ่ ซึ่งได้จัดทำพิธีหล่อสร้างที่วัดสัมพันธวงศ์ จนถวายพระประธานสำเร็จ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๖ แล้วสมโภช ต่อมาได้สมโภชที่วัดสัมพันธวงศ์อีก เมื่อวันที่ ๔ ถึง ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ อัญเชิญไปวัดสารนาถธรรมาราม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ เคลื่อนกระบวนเวลา ๐๖.๐๙ น. ถึงวัดสารนาถธรรมารามเวลา ๑๖.๐๐ น. ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดสารนาถธรรมารามจนถึงปัจจุบัน คุณแม่ได้อธิษฐานธรรมในการก่อสร้างรวมทั้งการนำไปประดิษฐานโดยตลอด

    ข.พระพุทโธองค์เล็ก ซึ่งได้แก่พระเครื่องที่สร้างขึ้นที่วัดอาวุธกสิตาราม บางพลัดนอก ธนบุรี คุณแม่ได้ร่วมสร้าง และทำพิธีอธิษฐาน เมื่อ ๑๑-๑๒-๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๔ รวมจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ องค์
    พระทั้งสองอย่างนี้ปรากฏว่าได้กลายเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ในระยะต่อมาเป็นอันมาก ทั้งด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัย แคล้วคลาด เจริญโภคสมบัติ กำจัดโรคร้าย (นอกจากโรคกรรมโรคเวร)

    ๓. อธิษฐานถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์ แก่ลูก ๆ และ สานุศิษย์ เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๘
    นอกจากนี้ก็ยังมีการสรงน้ำพระพุทโธที่บ้านในวันสงกรานต์ทุกปี
    การช่วยรักษาโรคร้ายสำคัญ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ แผลปวดบวมต่าง ๆ อัมพาต ในทุกภาคของประเทศไทย จนชื่อเสียงของท่านกระจายไปอย่างกว้างขวาง

    ไปอยู่บ้านนาซาจังหวัดระยอง

    ราวเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ คุณแม่ได้พาพวกลูก ๆ ไปพักอยู่ที่บ้านพักของนางสาววาย วิทยานุกรณ์ ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อปฏิบัติธรรมและอธิษฐานธรรมบางประการ ได้ห้ามสานุศิษย์จากกรุงเทพฯตามไปจนกว่าจะครบเวลา ๑ ปี และเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ลูกหลานและศิษย์ได้ไปรับท่านกลับ โดยไปที่วัดสารนาถธรรมาราม ได้เช่ารถยนต์โดยสารขนาดใหญ่จำนวน ๒ คันไปกันประมาณ ๘๐ คน ได้ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ที่นั่น ค้างที่วัด ๑ คืน รุ่งเช้าวันที่ ๙ มีนาคม ๒๔๙๙ เวลา ๐๖.๐๐ น . จึงได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ

    อยู่บ้านพระโขนง

    หลวงแจ่มวิชาสอน เจ้าของบริษัทยาสีฟันวิเศษนิยม ได้สร้างบ้านใหม่ เป็นอาคารไม้หลังใหญ่ มีบริเวณกว้างขวาง เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมให้คุณแม่ที่บ้านพระโขนง หลังกลับจากบ้านนาซา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง คุณแม่ก็ได้เข้าอยู่ที่บ้านหลังใหม่ในวันที่ ๑๐ มีนาคม และทำพิธีเปิดป้ายเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ หลังจากนั้น คุณแม่ท่านก็ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งถึงวันวายชนม์
    ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างมากมายที่บ้านหลังนี้ เช่น อธิษฐานธรรมบรรจุที่พระพุทโธองค์กลาง ให้ลูก ๆ และศิษย์ร่วมกันสร้าง พระพุทธรูปทองเหลืองหน้าตักกว้าง ๖ นิ้ว และยังมีพิธีเก็บศิลาน้ำ เมื่อ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๙ อธิษฐานศิลาน้ำศักดิ์สิทธืเพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ซึ่งในวันดังกล่าวมีผู้ไปร่วมงานประมาณ ๔๐๐ คน
    กิจกรรมต่าง ๆ เช่นการอธิษฐาน การรักษาโรค ท่านทำให้โดยที่ไม่เคยเรียกร้องใด ๆ และกระทำอย่างนี้เรื่อยมาเป็นเวลา ๒๐ กว่าปี บรรดาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็ได้บรรดาเหล่าสานุศิษย์และลูก ๆ ช่วยกันถวายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

    ช่วงท้ายของชีวิต

    ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ท่านเริ่มปฏิญาณไม่รับรักษาโรคด้วยวิธีการนวดให้แก่ผู้ชาย เว้นไว้แต่ธรรมจะบันดาล การรักษาโรคในระยะนี้จะเป็นการรักษาโดยอธิษฐานเพียงอย่างเดียว ส่วนการสั่งสอนและอบรมธรรมะยังคงปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันก่อนที่ท่านวายชนม์ ๑ วัน ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ท่านเริ่มมีอาการป่วยบ้าง หายบ้าง แต่ก็ยังคงบำเพ็ญการบุญอย่างต่อเนื่อง

    การวางสังขารทิ้งร่างวายชนม์

    นับแต่เดือน มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นต้นมา คุณแม่มีอาการป่วยเป็นโรคไต หัวใจอ่อน โลหิตจาง และความดันโลหิตสูง ติดต่อกันมาเป็นลำดับ อาการมีแต่ทรงกับทรุด ท่านไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์ แม้ว่านายแพทย์ปรีดา ล้วนปรีดา กับ แพทย์หญิงวัฒนา ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดได้อ้อนวอนขอให้รับการรักษาจากแพทย์ โดยวีฉีดยา ให้น้ำเกลือ และกลูโคส และให้รับประทานยาแผนปัจจุบันบ้างเป็นครั้งคราว ท่านก็ไม่ยอม จะพาไปโรงพยาบาลท่านก็ไม่ไป ท่านต้องนอนป่วยลุกนั่งไม่ได้เป็นเวลา ๙ เดือน
    บรรดาศิษย์ได้พากันอ้อนวอนว่า “ คุณแม่ได้อธิษฐานธรรมด้วยสัจจวาจา รักษาโรคร้ายของลูก ๆ หลาน ๆ และคนอื่นให้หายได้ ทำไมเล่าคุณแม่จึงไม่อธิษฐานเพื่อตนเองบ้าง”
    ท่านตอบว่า “ ถ้าแม่อธิษฐานเพื่อตนเอง ก็เท่ากับว่าแม่ยากมีชีวิตอยู่ อยากมีความสุข อยากพบสิ่งใหม่ ๆ บนพื้นพิภพล้วนเป็นกิเลส แม่ทำเช่นนั้นไม่ได้”
    บรรดาบุคคลในคณะสามัคคีวิสุทธิ์ เมื่อได้ยินคำพูดของท่านแล้ว เต็มไปด้วยความเศร้าใจ สะเทือนใจอย่างคาดไม่ถึง นี่ละคือผู้สิ้นอาสวะกิเลศ ผู้บรรลุอาขยญาณโดยแท้ สมแล้วที่ท่านเป็นนักบุญ เป็นผู้นำในงานบุญของชาวคณะ สามัคคีวิสุทธิ์ที่ท่านก่อตั้งขึ้นมา

    เมื่อวันที่ ๓-๔-๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ท่านมีอาการอ่อนเพลียมาก เหนื่อยในเวลาพูด เบื่ออาหาร มีเสมหะเหนียว ๆ ในลำคอ รับประทานอาหารได้เพียง ๒-๓ คำเท่านั้น
    ในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ คุณแม่ก็ยังคงทักทายทุกคนอย่างแจ่มใส การสวดมนต์ก็ยังคงปฏิบัติกันเป็นปกติ ไม่เคยมีใครรู้สึกสงสัย และเอะใจเลย ก่อนหน้านี้ประมาณ ๑ สัปดาห์คุณแม่ได้สั่งให้หยุดนาฬิกาเรือนใหญ่ไว้ในเวลา ๑๑ นาฬิกาเศษทั้งสองเรือน โดยท่านให้เหตุผลว่า “หนวกหู”
    แล้ววันสำคัญที่ชาวคณะสามัคคีสุทธิ ได้ประสบความเศร้าโศกรันทดใจ อย่างใหญ่หลวงก็มาถึง เพราะในเวลา ๑๑.๒๐ นาฬิกา ของวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้วางสังขารทิ้งร่างจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
    คุณบุญเนื่อง ชิตะโสภณ ได้บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว ไว้ด้วยความเศร้าสลดดังนี้

    “ เช้าวันจันทร์ที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ก่อนเวลา ๑๑.๐๐ น. คุณแม่ยังพูดคุยกับคุณอุไรและหลานนิดาอย่างเคย แต่อาหารไม่ยอมรับประทาน เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.พี่ละมัย มาเยี่ยมพบว่าอาการอ่อนเพลียมาก หายใจตื้น ไม่คุยหลับตา เอามือขวากุมศีรษะ หายใจช้าลง ชีพจรอ่อนคลำไม่พบ หายใจออกกว่าเข้าระยะสั้น หยุดหายใจสนิทเมื่อเวลา ๑๑.๒๐ นาฬิกา โดยปราศจากอาการทุรนทุรายแต่ประการใด นับว่าท่านไปอย่างสงบจิง ๆ ไม่มีการสั่งเสียใด ๆ”

    เมื่อคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วายชนม์แล้ว บรรดาคณะสามัคคีวิสุทธิรับแจ้งข่าว ทราบข่าว ต่างหลั่งไหลมากราบศพ เคารพศพ สวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลที่บ้านพระโขนงทุกคืน ได้ร่วมแห่ขบวนศพไปวัดธาตุทอง วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. และร่วมบำเพ็ญกุศลศพถึงวันที่ ๑๓ กันยายน และต่อมาทุกวันอาทิตย์อย่างคับคั่งตลอดมาจนกระทั่ง วันที่ ๒๓-๒๔ และวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ อันเป็นวันประชุมเพลิง
     
  2. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    21318940_1565220176832402_5857895064327315582_o.jpg

    ชุดสังฆทานยา ชุดผ้าไตร-จีวร บังสุกุล
    จัดเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการทำบุญในวันพรุ่งนี้
    53 ปี มรณะกาล คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    อุบาสิกาผู้ตั้งมั่นในธรรม 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png
     
  3. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    21368935_1566103163410770_7832230970045886579_o.jpg

    วันนี้ได้ทำบุญถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทาน ถวายผ้าไตร-จีวร บังสุกุล
    เพื่ออุทิศถวาย คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ในวันครบรอบ 53 ปีการละสังขารของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำบุญมาฝากทุกท่าน ขอเชิญอนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ และขออนุโมทนาบุญกับน้องท็อป น้องเจ น้องเอก ที่ได้เดินทางมาร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ด้วยใจที่ตั้งมั่นแน่วแน่ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

     
  4. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    21034425_1554947924526294_1974708783660281322_n.jpg

    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ

    วันนี้ "วันเสาร์"

    ศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน

    "ตั้งน้ำอธิษฐาน" และ "ของอธิษฐานเป็นยา" กันนะครับ
     
  5. vrk6223

    vrk6223 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    644
    ค่าพลัง:
    +1,991
    กราบโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลร่วมกับคุณสุรเชษฐ์และผู้มีจิตเป็นกุศลทุกท่านด้วยครับ สาธุ..สาธุ..สาธุ..
     
  6. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    สาธุ สาธุ สาธุครับ
     
  7. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ

    คุณพุฒิพงศ์ อภิชาตบุตร ร่วมทำบุญ ถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทานและผ้าบังสุกุล ในวันครบรอบ 53 ปีการละสังขาร คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นจำนวนเงิน 1000 บาท ขอผลแห่งบุญในครั้งนี้ส่งผลให้คุณพุฒิพงศ์ อภิชาตบุตร พร้อมครอบครัว ประสบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า นับแต่นี้เป็นต้นไปเทอญ
     
  8. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ

    คุณธนชัย เทพนวล คุณธนิษฐา ปิ่นแก้ว คุณเอกชัย ชวลิตนิติธรรม และทีมงานบ. ร่วมทำบุญ ถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทานและผ้าบังสุกุล ในวันครบรอบ 53 ปีการละสังขาร คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นจำนวนเงิน 1,200 บาท ขอผลแห่งบุญในครั้งนี้ส่งผลให้คุณธนชัย เทพนวล คุณธนิษฐา ปิ่นแก้ว คุณเอกชา เชาวลิตนิติธรรม และทีมงานบ. พร้อมครอบครัว ประสบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า นับแต่นี้เป็นต้นไปเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2017
  9. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ

    คุณสุรภา พิริยะ ร่วมทำบุญ ถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทานและผ้าบังสุกุล ในวันครบรอบ 53 ปีการละสังขาร คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นจำนวนเงิน 300 บาท ขอผลแห่งบุญในครั้งนี้ส่งผลให้สุรภา พิริยะ พร้อมครอบครัว ประสบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า นับแต่นี้เป็นต้นไปเทอญ
     
  10. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ

    คุณวิรัช เกียรติกังวาฬไกล ร่วมทำบุญ ถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทานและผ้าบังสุกุล ในวันครบรอบ 53 ปีการละสังขาร คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นจำนวนเงิน 200 บาท ขอผลแห่งบุญในครั้งนี้ส่งผลให้คุณวิรัช เกียรติกังวาฬไกล พร้อมครอบครัว ประสบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า นับแต่นี้เป็นต้นไปเทอญ
     
  11. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ

    เริ่มต้นวันแรกการทำงานของสัปดาห์อีกแล้วนะครับ เป็นยังไงกันบ้างกับการทำงานที่ผ่านมาตลอดวัน หวังว่าคงจะพบเจอแต่สิ่งดีดีไร้อุปสรรคปัญหากันนะครับ วันนี้พอดีมีประชุมเลยไม่ได้เข้ามาทักทายกันในช่วงเช้าหรือสายๆ กลับมาก็มาทักทายกันเลยส่วนวันที่เหลือตลอดสัปดาห์นี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงาน ให้ทุกอย่างราบรื่นไร้ปัญหา ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยเฉพาะฝนตกบ่อยมากรักษาสุขภาพกันมากๆนะครับ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองให้ทุกท่านปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ให้มั่งมีเงินทองโภคทรัพย์นานาอย่าได้ขาด ปราศจากอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงในการทำงานและการดำเนินชีวิตตลอดสัปดาห์ครับ
     
  12. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    รูปอธิฐานจิต วัดท่าผา บูชามาจากศาลาคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธฯ เลี่ยมสีเขียวเหนียวทรัพย์ นำมาดัดแปลงนิดหน่อยแล้วเลี่ยมใหม่ ด้านหลังครูบาอาจารย์ท่านเมตตาเสริมให้ครับ

    21151642_871017026395595_943532207284969056_n.jpg
    21106741_871017086395589_7153433466917388224_n.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,210
    ค่าพลัง:
    +21,324
    วันที่๗ก.ย. ได้ไปกราบคุณแม่บุญเรือนที่วัดวชิราลงกรณ์ ปากช่อง โคราช ไปมาสะดวกที่สุด ท่านใดมีโอกาสแวะเข้าไปกราบทำบุญที่วัดได้ครับ วัดลป.โชติ ระลึกชาติ สงบร่มเย้นดีครับวัดนี้ ใก้ลสถานที่ท่องเที่ยว ทางธรรมชาติ
     
  14. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    เรียนสอบถามครับ แล้วพระพุทโธน้อย ปี๑๖ วัดสารนารถ หลวงปู่ทิม ได้มาปลุกเสกจริงเหมือนตามข้อมูลทั่วไปไหมครับ
     
  15. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    ข้อมูลนี้ไม่มั่นใจเหมือนกันครับ พระที่ไม่ทันคุณแม่ฯไม่ได้หาข้อมูลไว้ครับ เดี๋ยวถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้วจะนำมาลงแจ้งให้ทราบนะครับ
     
  16. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    รอติดตามนะครับ ขอบคุณครับ
     
  17. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    21371147_1567368646617555_5629165018123251415_n.jpg

    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ

    วันนี้ "วันเสาร์"

    ศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน

    "ตั้งน้ำอธิษฐาน" และ "ของอธิษฐานเป็นยา" กันนะครับ
     
  18. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    [​IMG]
     
  19. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,847
    ค่าพลัง:
    +84,169
    21752466_1573463722674714_5979975154441810958_n.jpg

    บทคำอธิษฐานไฟไต้(ไต้อธิษฐาน) ของ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    (ให้ทรัพย์ทวี เชื่อมแก้ว ไว้เผยแพร่ศิษย์รุ่นหลัง)


    ตั้งนะโม 3 จบ

    "ข้าพเจ้าจุดไต้เล่มนี้ที่ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์เดชที่ธรรมบันดาล นางบุญเรือน โตงบุญเติม เป็นผู้อธิษฐานให้ ข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งใจ ช่วยจัดให้สำเร็จประโยชน์สมประสงค์ของเทพยดาทั้งหลาย โดยศรัทธาของข้าพเจ้านี้ ขอให้หมดเคราะห์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย ให้ข้าพเจ้ามีจิตใจผ่องใส มีใจเป็นสุข พ้นทุกข์ภัย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้ข้าพเจ้าตั้งอยู่ ในภูมิมหาลาโภ มหาโภโค มหายะโส มหาปริวาโร เต็มไปด้วย ธัญญาหาร กระยาหาร พฤกษาหาร เจตนากล้าหาญ ชนะทุกด้าน แคล้วคลาดปลอดภัยทุกชนิด มีชีวิตรุ่งโรจน์ทั้งทางโลกและทางธรรม ถ้าข้าพเจ้ามีเจตนา ปรารถนาสิ่งใดที่ไม่ผิดศีลธรรมแล้ว ขอให้สำเร็จทุกประการตลอดอายุขัย ขอให้ควันไต้นี้ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ที่สุด ปราบมนุษย์ทุจริตทุกชนิดให้หมดไป กลายเป็นคนดีมีศีลธรรม คนใดที่ซื่อสัตย์ขอได้รับความสุขกายสบายใจทั่วถึงกัน ควันขึ้นไปถึงไหน ถึงได้ทุกทิศา ตั้งแต่ชั้นกามาถึงพรหมโลก ปราบแล้วปรมณู ให้หมดฤทธิ์ สลายไปกลายเป็นอากาศธาตุทั่วโลก ฝนตกลงมาตามฤดูกาล ให้ธัญญาหาร พฤกษาหาร กระยาหารทุกชนิด ผลิตได้พืชผลเพิ่มพูน พร้อมบริบูรณ์ล้นเหลือ ทั้งข้าวทั้งเกลือให้มีอุดมถมเถ โดยผลานิสงส์ที่ข้าพเจ้าช่วยมนุษย์และเทพยดา เทพธิดาทั้งหลายไม่ให้ร้อนอาสน์ ไม่ให้ขาดแคลน เหมือนกับเมืองแมนแดนสวรรค์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป .................(นอกนั้นพูดต่อเอาเองตามความพอใจได้ทุกประการ).............มีบัญชาให้ข้าพเจ้าช่วยเทพยดาและมนุษย์ให้หลุดพ้น จากความจน เป็นคนมี ดีหนักหนา มีทั้งข้าวกล้าก็อุดมทั่วนิคมอาณาเขตประเทศไทย"

    *** อธิษฐานเมื่อ วันจันทร์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2500 ตอนกำลังนอนดูพระจันทร์ ไม่มีนางฟ้ารำที่ตรงหน้ามุข พระจันทร์กั้นเมฆอยู่รำไร ควันไต้โขมงอยู่เต็มฟ้า ปราบแล้วปรมณูให้หมดฤิทธิ์ทุกทิศา ทั่วหล้าอยู่เย็นเป็นสุข ***

    พิมพ์ตามใบบันทึกลายมือ ของคุณทรัพย์ ทวีเชื่อมแก้ว ขอขอบพระคุณคุณทรัพย์ทวี เชื่อมแก้ว สำหรับบทอธิษฐานไต้นี้ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
     
  20. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +20,432
    กราบคุณแม่บุญเรือน ด้วยความเคารพครับ
    สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่านครับ
    ขอให้มีความสุข ประสบความสำเร็จทุกประการทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...