ถามผู้รู้ในข้อธรรมะกับจิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สุพจน์, 9 สิงหาคม 2005.

  1. สุพจน์

    สุพจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +5
    ครับ ผู้เขลา ขอถาม ผู้รู้ ต่อจาก หัวข้อที่แล้ว

    1.กิเลสที่ตัดยากที่สุดคืออะไร และใช้ธรรมะข้อไหน เพื่อตัดกิเลสนั้น
    2.หากสภาวะที่จิตว่าง (ขออธิบายว่าเป็นภาวะแบบที่กึ่งใจลอย ไม่รับรู้สิ่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็น รูป รส หรือ สัมผัส) ในทางการปฏิบัติ ถือว่าเป็นการว่างจากกิเลสหรือไม่
    3.การเกิดการห่วง (เช่น ห่วงลูกหลาน) ในทางธรรม จัดเป็นกิเลสหรือไม่


    ยังมีที่ไม่เข้าใจอีกเยอะครับ จะทยอยถามไปเรื่อยๆครับ
     
  2. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    1.กิเลสที่ตัดยากที่สุดคืออะไร และใช้ธรรมะข้อไหน เพื่อตัดกิเลสนั้น

    - กาม ใช้อสุภกรรมฐานตัด

    2.หากสภาวะที่จิตว่าง (ขออธิบายว่าเป็นภาวะแบบที่กึ่งใจลอย ไม่รับรู้สิ่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็น รูป รส หรือ สัมผัส) ในทางการปฏิบัติ ถือว่าเป็นการว่างจากกิเลสหรือไม่

    - กึ่งระหว่างใจลอยกับอะไรครับ ไม่มีกิเลสนิวรณ์ก็ว่างครับ

    3.การเกิดการห่วง (เช่น ห่วงลูกหลาน) ในทางธรรม จัดเป็นกิเลสหรือไม่

    - ห่วงในระดับที่ไม่เศร้าหมองก็ไม่เป็นกิเลสครับ
     
  3. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    อันนี้ไม่ใช่ธรรมะสำหรับผู้ฝึกใหม่แย้วว ... นี่มานลึกแว้ว

    ผมขอ ออกความเห็น นะ... ไม่รู้คำตอบจริงๆ แต่จะช่วยเดาไปก่อน


    1.กิเลสที่ตัดยากที่สุดคืออะไร และใช้ธรรมะข้อไหน เพื่อตัดกิเลสนั้น
    กิเลสตัวที่ตัดยากที่สุดคือ ... ความหลง

    2.หากสภาวะที่จิตว่าง (ขออธิบายว่าเป็นภาวะแบบที่กึ่งใจลอย ไม่รับรู้สิ่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็น รูป รส หรือ สัมผัส) ในทางการปฏิบัติ ถือว่าเป็นการว่างจากกิเลสหรือไม่
    ว่างครับ แต่ว่างชั่วคราว แล้วก็สติน้อย ..กว่าแบบว่าง ตอนมีสมาธิ

    3.การเกิดการห่วง (เช่น ห่วงลูกหลาน) ในทางธรรม จัดเป็นกิเลสหรือไม่
    ขวางธรรมครับ .. เพราะห่วงแล้ว ทำให้จิตฟุ้งซ่าน และขวางการปฏิบัติธรรม
     
  4. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    1.กิเลสที่ตัดยากที่สุดคืออะไร และใช้ธรรมะข้อไหน เพื่อตัดกิเลสนั้น

    สังโยชน์ 10 ​
    สังโยชน์ แปลว่า กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้ตกอยู่ในวัฎฎะ มี 10 อย่าง

    1. สักกายทิฏฐิ เห็นว่า ร่า่งกายเป็นเรา เป็นของเรา (คำว่าร่างกายนี้หมายถึง ขันธ์ 5)
    2. วิจิกิจฉา ความลังเลสังสัย ในคุณพระรัตนตรัย
    3. สีลัพพตปรามาส รักษาศีลแบบลูบ ๆ คลำ ๆ ไม่รักษาศีลอย่างจริงจัง
    4. กามฉันทะ มีจิตมั่วสุมหมกมุ่น ใคร่อยู่ในกามารมณ์
    5. พยาบาท มีอารมณ์ผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    6. รูปราคะ ยึดมั่นถือมั่นในรูปฌาน
    7. อรูปราคะ ยึดมั่นถือมั่นในอรูปฌาน คิดว่าเป็นคุณพิเศษที่ทำให้พ้นจากวัฎฎะ
    8. มานะ มีอารมณ์ถือตัวถือตน ถือชั้นวรรณะเกินพอดี
    9. อุทธัจจะ มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน ครุ่นคิดอยู่ในอกุศล
    10. อวิชชา มีความคิดเห็นว่า โลกามิสเป็นสมบัติที่ทรงสภาพ
    ข้อ 1 2 3 ละได้ขาดด้วย โสดาปฏิมรรค
    ข้อ 4 5 ทำให้เบาบางลงได้อีกด้วย สกิทาคามิมรรค และดับสิ้นได้ด้วยอนาคามิมรรค
    ข้อ 6 7 8 9 10 ดับสนิทด้วย อรหัตมรรค

    2.หากสภาวะที่จิตว่าง (ขออธิบายว่าเป็นภาวะแบบที่กึ่งใจลอย ไม่รับรู้สิ่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็น รูป รส หรือ สัมผัส) ในทางการปฏิบัติ ถือว่าเป็นการว่างจากกิเลสหรือไม่

    ถ้าไม่ได้หมายถึงการหลับ(จิตตกภวังค์) ก็ถือว่าเป็นภาวะหนึ่งของโมหะ (ความหลง ความเหม่อลอย ความฟุ้งซ่าน ขาดสติ อุทธัจจะ-อวิชชาสังโยชน์) อันจัดเป็นฝ่ายอกุศล จิตต้องเกิดพร้อมเจตสิก ดับพร้อมเจตสิก หมายความว่า เมื่อมีจิตย่อมต้องมีอารมณ์อันใดอันหนึ่งให้จิตรับรู้เสมอ จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

    การว่างจากกิเลส ต้องรู้ก่อนว่ากิเลสมีระดับการแสดงออก 3 ระดับ (1) อย่างหยาบ ล่วงออกทางวาจา และการกระทำ ระงับได้ด้วยศีล 5 (2) อย่างกลาง รุมเร้าอยู่ในใจ (นิวรณ์ 5) ระงับได้ด้วยสมถกรรมฐาน (สมาธิภาวนา) (3) อย่างละเอียด นอนเนื่องอยู่ในสันดานโดยไม่รู้ตัว เป็นต้นเหตุของกิเลส 2 ข้อแรก เกี่ยวข้องโดยตรงกับสังโยชน์ 10 ระงับได้ด้วย ภาวนามยปัญญา (วิปัสสนากรรมฐาน)

    3.การเกิดการห่วง (เช่น ห่วงลูกหลาน) ในทางธรรม จัดเป็นกิเลสหรือไม่

    ถ้าห่วงด้วยหวังดีมีเมตตาอันบริสุทธิ์ และจิตไม่เศร้าหมองปรุงแต่งครุ่นคิดเป็นทุกข์ร้อนใจ (วางอุเบกขาได้) ก็ไม่จัดเป็นกิเลส

    ถ้าห่วงแล้วจิตเศร้าหมองปรุงแต่งครุ่นคิดเป็นทุกข์ร้อนใจ ก็เป็นกิเลส มีทั้งจำพวกโทสะ (กลัว กังวล ว่าลูกหลานจะตกทุกข์ได้ยาก) และโมหะ (คิดฟุ้งซ่าน ว้าวุ่นใจ)
     
  5. Golf_Kung

    Golf_Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +146
    1.กาม
    2.จิตว่างต้องว่างอย่างมีสติ
    3.การห่วง รับรู้แสดงออก แต่ไม่รู้รับ วางอุเบกขา ไม่มีอารมณ์โกรธ หรือเสียใจไปด้วย
    สรุป ผู้เดินทางตอบละเอียดดี หุหุ เอาตามเค้าว่าก็แล้วกัน ผมก็คิดอย่างนั้น
     
  6. สุพจน์

    สุพจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอขอบพระคุณ กัลยามิตรทุกท่านครับ

    ผมมีหัวข้อสุดท้ายที่จะถาม เป็นหัวข้อต่อไปครับ
     
  7. gap975

    gap975 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบครับ

    คุณคนเดินทางตอบได้ดีมากเลยครับ (นับถือครับ)
    ขอตอบด้วยคนนะครับ
    ข้อ 1 กิเลสที่ตัดยากที่สุดคือ โลภะ เพราะโลภะเป็นเหตุของทุกข์ในอริยสัจ 4 ผู้ที่จะละโลภะมูลจิตได้เป็นสมุทเฉทนั้น ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น และการปฏิบัติตามทางของมรรคมีองค์ 8 หรือสติปัฏฐาน 4 คือหนทางเดียวที่จะสามารถละกิเลสได้โดยไม่มีเหลือ
    ข้อ 2 จริง ๆ แล้ว จิตของเราจะไม่มีว่างเลย ต้องมีอารมณ์ทุกขณะจิต ซึ่งขณะที่จิตเป็นภวังค์นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีอารมณ์จิตรับรู้ของโลกใบนี้เลย ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก แต่จิตก็มีอารมณ์ของโลกก่อนหน้านี้เป็นอารมณ์ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ในขณะที่หลับสนิท แต่จิตก็ยังสั่งสมอนุสัยกิเลส และเมื่อใดที่ลืมตาดูโลก กิเลสที่นอนเนื่องอยู่นั้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดการชอบสิ่งที่ปรากฏในขณะนั้น
    ข้อ 3 ตัวคุณเองต้องเป็นคนพิจารณาเอง ในขณะที่นึกถึงลูกหลานแล้วเกิดเป็นห่วง เป็นกังวล ไม่สบายใจ ซึ่งเป็นสภาวะของโทสะมูลจิต ขณะนั้นก็เป็นอกุศลจิต ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล นางวิสาขามหาอุบาสิกาผู้ซึ่งเป็นโสดาบันบุคคล เมื่อหลานซึ่งเป็นที่รักตาย ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์เศร้าโศกได้ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าท่านก็ยังมีกิเลสอยู่ นับประสาอะไรกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา


     
  8. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ท่านทั้งหลายที่ตอบก็ดีที่อ่านก็ดี นำไปปฏิบัติด้วยไม่ใช้รู้อย่างเดียว
     
  9. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    1. กิเลส ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของตัวเรา
    2.จิตว่างคือการไม่ยึดมั่นในสังขารา แลสัญญา เมื่อยึดจิตว่าง ไม่มีความว่าง เนื่องจากจิตว่างคือนามธรรม
    3.จัดเป็นกิเลสได้ไหม ขึ้นอยู่กับตัวคนห่วงเอง ห่วงว่าจะอันตรายไหม แต่ถ้าเกิดอันตรายกับลูกหลานจริงๆ ก็ยอมรับไว้แล้วว่าต้องเกิดไม่ใช่กิเลส เห็นปัจจุบันสำคัญกว่าอดีต หาทางแก้ดีกว่าวิตก กังวล ไม่ใช่กิเลส
    ถ้าห่วงแล้ว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จัดเป็นกิเลส ถ้าด่าว่าลูกหลาน จัดเป็นกิเลส แต่ไม่ยึดมั่นนามธรรมและรูปธรรมไม่ใช่กิเลส

    ที่กล่าวมาข้างต้น กิเลสเกิดจากจิตใจของผู้คิดเอาทั้งสิ้น



    การไม่ยึดมั่นสิ่งใดๆเลย ทั้งวัน ไม่ใช่ไม่คิดสิ่งใดเลย แต่ไม่ยึดมั่นสิ่งที่ตนคิดเอามาเป็นของเราของตัวเรา

    เราเกิดมา ถ้าไม่มีสีขาว เราจะรู้ได้ยังไงว่ามีสีดำ เมื่อมันมีแล้ว เราก็เปรียบว่า มันมีสีขาวนะ สีดำนะ เราก็เก็บเอาไว้ในใจว่า ที่เราได้จดจำไปนั้น เป็นสิ่งเที่ยงแท้ แน่นอน ไม่อาจเปลี่ยนไปได้
    และแน่นอน เมื่อตัวเราตายลงนั้น สัญญาความจำได้หมายรู้ต่างๆนั้นก็ได้ตายจากเราไปโดยสิ้นเชิง

    หมายความว่า ทุกสิ่งทั้งนามธรรมและรูปธรรมนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ต้องตาย ไม่น่ายึดถือ

    สัพเพสังขารา สัพเพสัญญา ทุกขัง
    สัพเพสังขารา สัพเพสัญญา อนัตตา

    ล้วนนามธรรมรูปธรรม แลความจำได้หมายรู้ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์
    ล้วนนามธรรมรูปธรรม แลความจำได้หมายรู้ ล้วนตายจาก ไม่น่ายึดถือมาเป็นของเราตัวเรา

    บุญบาป ดีชั่ว ขาวดำ มีได้ด้วยความจำได้หมายรู้ และอุปาทานยึดมั่นไปเองว่าเป็นของเราตัวเรา

    ความสว่าง มีในความมืด ความสะอาด มีอยู่ในความสกปรก

    ทุกสิ่งที่เราคิดและจำทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ไม่ควรเอามาเป็นของเราของตัวเรา
    ไม่ใช่ ไม่ให้คิด ไม่ให้จำ คิดได้ จำได้ แต่อย่าเอามาเป็นของเราตัวเราก็พอ
     
  10. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    หยุดเมื่อใด ถึงเมื่อนั้น
    ถ้ามัวแต่คิดว่าเมื่อใดจะได้พ้นทุกข์ หรือว่าบุญไม่พอจึงไม่พ้นทุกข์ แล้วกิเลสจะหมดได้อย่างไร ในเมื่อเรามีกิเลสขั้นละเอียด หลงในทางธรรมขนาดนั้น กิเลสที่อยากจะพ้นทุกข์

    ทุกข์ไม่ทุกข์มันอยู่ที่ใจ ไม่ใช่กาย เราไปกำหนด ไปจำเอาเองว่าเมื่อใดเราไม่พอใจ เราจะทุกข์
     
  11. สุพจน์

    สุพจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบพระคุณ อย่าสูงสำหรับทุกคำตอบ แม้ผมจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ผมจะพยายามศึกษาต่อไป เพื่อว่า คงจะมีสักวันที่ผมจะเข้าถึงในส่วนที่ยังไม่เข้าใจนั้นๆ
    และจะพยายามปฏิบัติตามคำสอนของพระสมาสัมพุทธ โดยจะยึด ศีล 5 ข้อไว้เป็นที่ตั้งและเพียรปฏิบัติสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา จะได้เข้าใจในข้อธรรม ที่ท่านทั้งหลายตอบมา

    ขอความสุขความสงบในธรรมจงมีแด่กัลยาณมิตรทั้งหลายครับ
     
  12. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมมม... กิเลสที่ตัดยากที่สุดคืออะไร อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะนะ... คิดว่าแล้วแต่คน ใครให้คุณค่ากับสิ่งไหนมากก็จะยึดติดมาก แล้วจะละยาก... ส่วนสิ่งที่ให้ความสำคัญน้อยก็จะไม่ยึดติดจะหยวนๆ แล้วจะละง่าย...

    แต่รู้ว่าสิ่งไหนที่มีแล้วจะทำให้ละกิเลสยาก นั่นก็คือความเห็นผิด... เพราะว่าถ้าเราเห็นว่ามันเป็นกิเลสมันไม่ดีก็จะทำให้เราจะตัดจะละได้... แต่ถ้าเราไม่เห็นว่ามันเป็นกิเลสไม่เห็นว่ามันไม่ดีเราจะไม่คิดว่าจะตัดจะละเลยด้วยซ้ำ... ไอ่ที่ว่ากินเหล้ามันไม่ดีมันเสียสุขภาพมันเสียตังค์น่ะ ยังเลิกกันไม่ค่อยจะได้เลย แล้วถ้าไม่คิดว่ากินเหล้ามันไม่ดีกินแล้วสุขภาพดีและไม่เสียเงินแล้วมันจะเลิกได้มั้ยน่ะ
    (b-green)
     
  13. peerachai333

    peerachai333 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +15
    (b-green)
    1.ตัณหา ใช้ มรรค 8 แก้
    2.ไม่ใช่
    3.ใช่
     

แชร์หน้านี้

Loading...