เรื่องเด่น เณรน้อยยอดผู้ทรงฌาน (ยอดกตัญญู ต่อชาติ)พ.ศ. ๙๐๐

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 9 มกราคม 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,276
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    dzen1.jpg

    เณรน้อยยอดผู้ทรงฌาน (ยอดกตัญญู ต่อชาติ)

    เรื่องจริงอิงนทาน ฉบับพิเศษ หน้า ๓๙ ถึง ๔๗ (คัดตัดตอน ให้เหมาะสมกับหัวข้อวัตถุประสงค์ และพื้นที่เนื้อหา)
    ถัดมา พ.ศ. ๙๐๐ ก็มาเกิดในสมัยพระเจ้าพังคราช ท่านเป็น เณรน้อยผู้ทรงฌานที่ถูกขอมดำรังแกแม้ข้าวในบาตรก็ถูกขอมแย่งไปเททิ้งไม่ให้กินทั้งที่นับถือพุทธศาสนาเหมือนกัน เณรสงสารคนไทยที่ทุกข์หนักที่ถูกขอมดำรังแกขนาดนี้ จึงอธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้คนไทยมีความสุข แล้วเข้าฌาน ๗ วันก็ตายไปเกิดเป็นพรหม ก่อนตายเณรน้อยได้อธิษฐานจิตขอกลับมาเกิดเพื่อกอบกู้เอกราชจากขอมดำ ชาติต่อมาจึงลงมาเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพังราชทรงพระนามว่า พระเจ้าพรหมมหาราชต่อมาสามารถกอบกู้เอกราชจากขอมดำอย่างราบคาบ แล้วทำนุบ้านเมือง บำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง

    ผู้เขียนเห็นว่า ตอนนี้มีเนื้อหาที่ท่านเล่าไว้มีสาระบันเทิงธรรมดีมาก มีประโยชน์มาก จึงขอยกรายละเอียดเรื่องราวของเณรน้อยบางตอนให้อ่าน คัดลอกมากจากหนังสือเรื่องจริงอิงนิทานฉบับพิเศษ หน้า ๓๙-๔๒ และ ๔๔-๔๖ซึ่งอาจมีการเรียบเรียงบางเนื้อหา ถ้อยคำ ตัดตอน สรุป เล็กน้อยเพื่อให้กระชับกับหน้าหนังสือ และคงความหมายเดิมครบถ้วน) ดังนี้

    ...มีสามเณรน้อยองค์หนึ่งอายุเพียง ๗ ปี...สมัยนั้นในเขตนั้นมีพระอรหันต์มาก เณรองค์นี้ได้ฌานสมาบัติสูง...ทุกเช้าต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุบนดอยตุง แล้วออกบิณฑบาตกับคนที่อยู่ใกล้ๆ บนยอดเขา สามเณรได้ทราบข่าวว่า บนพระธาตุจอมกิตติ(เวลานั้นยังไม่มีเจดีย์ เขาเรียกว่า ดอยน้อยๆ เท่านั้น)สำหรับสามเณรองค์นี้ มีนิมิตอะไรน้อยๆ ได้ตามสมควร ยังไม่เก่งกล้านัก สามเณรทราบข่าวว่า บนดอยน้อยนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยมาประทับที่นั่น แล้วฝังพระเกศาไว้ด้วยการอธิษฐานจิต เณรได้ฟังจากครูบาอาจารย์มา สามเณรนึกจะมานมัสการพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ซึ่งเวลานั้นขอมดำครองเมืองเต็มไปหมด คนไทยไม่มี จะมีอยู่บ้างก็เป็นคนไทยที่ขอมนำมาเป็นคนรับใช้ เป็นทาสเขา บางพวกหรือผู้หญิง ผู้ชายไทย ที่ผู้ชาย ผู้หญิงขอมเขาอยากได้ไปเป็นเมียเป็นผัว เขาก็เอาไปไว้ การเป็นเมียทาส ผัวทาสต้องปฏิบัติตามเขา เป็นอันว่าคนไทยอยู่ในที่นั้นมีบ้าง แต่ไม่มีอำนาจ

    สามเณรตั้งใจเดินธุดงค์ไปถึงดอยน้อย...ถึงตอนเย็นแล้วก็ค้างคืนบนดอยน้อย พร้อมกับนมัสการเจริญพระกรรมฐาน เวลากลางคืนเห็นรัศมีโชติช่วงพุ่งออกมาจากดอยน้อยเป็นรัศมี ๖ ประการ สวยสดงดงามมาก เณรก็เกิดธรรมปีติ มีความอิ่มใจ ชุ่มชื่นไปด้วยฌาน พอรุ่งเช้าสามเณรก็ออกบิณฑบาตตามปกติของพระในพระพุทธศาสนา บรรดาชาวขอมทั้งหลาย เห็นเณรองค์เล็กน่ารัก รูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณสดใส มีหน้าตาแช่มชื่นก็มีความรัก พากันใส่บาตร พอดีเจ้าขอมดำนายใหญ่เป็นพ่อเมืองออกมาเห็นเข้าจึงได้ถามว่า “เจ้าเณรองค์นี้มาจากไหน”

    (ความจริงเขาก็นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกัน แต่มันก็เพียงสักแต่ว่านับถือ...)

    ...พวกที่ใส่บาตรก็ตอบว่า“เณรเป็นลูกคนไทย”มันว่ายังไงรู้ไหม

    "ไอ้ลูกไทยใจทาส ห้ามไม่ให้มันกิน"

    "ใครใส่บาตรไปแล้วเท่าไร จับบาตรมันเททิ้งไปให้หมด อย่าให้มันกิน"

    "ไอ้ไทยทาสนี่ จะไปคบหาสมาคมกับมัน"

    "ต่อไปห้ามเข้าเขตของขอม"(ความจริงเขตนั้นเป็นเขตของไทย)

    "เมื่อมันอยากจะกิน ก็ให้มันกินของคนไทยด้วย อย่ามากินของขอม"

    สามเณรน้อยได้ฟังคำพูดของพญาขอมดังนั้น ก็รู้สึกสลดใจ สลดใจเพราะเธอได้ฌานสมาบัติ แต่เธอไม่ถึงกับเสียใจร้องไห้จึงได้มาคิดในใจว่า "โอหนอ คนไทยนี่เป็นเจ้าของประเทศ แต่ถูกขอมเนรเทศไป ขอมกลับคิดว่าคนไทยเป็นทาส"

    คนไทยนี่มีความลำบากมากอย่างนี้ "เราในฐานะที่เป็นหนี้ความดีของคนไทยทั้งชาติ จึงได้ขอบารมีขององค์สมเด็จพระบรมโลกนารถ ได้โปรดสงเคราะห์ให้คนไทยได้มีความสุขตามกำลังที่เราจะทำได้" อันนี้เป็นความคิดของสามเณร

    สามเณรคิดว่า ในเมื่อเขาไม่ให้ข้าวเราก็ไม่เป็นไร เณรไม่โกรธ เพราะทรงฌาน และอาจจะมีวิปัสสนาญาณด้วยโดยเฉพาะในตอนกลางคืน เห็นฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการขององค์สมเด็จพระพิชิตมารพวยพุ่งมาจากพื้นดินก็ดีใจ เณรจึงได้กลับเข้าไปบูชาพระรัตนตรัย ขออนุมัติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจะหาถ้ำที่ใดสักที่หนึ่งเป็นที่อาศัย ก็เดินไปไม่ช้าก็เจอะถ้ำเล็ก ๆ ถ้ำหนึ่ง ก็นึกในใจว่า

    "เราเป็นหนี้สินของคนไทย คนไทยก็คือปู่ย่า ตายาย ของเราเอง ฉะนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะใช้ชีวิตของเราเป็นเครื่องสนองความดีของคนไทยทั้งชาติ จะไม่ยอมให้คนไทยอยู่ใต้อำนาจของขอมต่อไป เราไม่มีกำลังรบ เราไม่มีสรรพาวุธ อาวุธสำคัญของเรามีอย่างหนึ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ นั่นก็คือ “เมตตาบารมี” ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสกับพระว่า "เธอเข้าไปในป่า เธอต้องมีอาวุธไปด้วย ในบทกรณีที่ขึ้นต้นด้วย เมตตัญญะสัพพะโร" แต่ว่าสามเณรองค์นี้ ใช้วิธีแผ่เมตตาจิต คือ พรหมวิหารสี่ ว่า

    "ขอบารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์ บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พรหม และเทวดาทั้งหมด และท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอได้โปรดช่วยให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส ให้พ้นจากการตกอยู่ใต้อำนาจของขอม” แล้วสามเณรก็เข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า

    “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ถอนจากฌานสมาบัติจนกว่าชีวิตินทรีย์จะหาไม่ เราจะอาศัยฌานเป็นธรรมปีติ เมื่อชีวิตทรงได้ก็ทรงไป ทรงไม่ได้ก็แล้วไป”

    "แต่ถ้าบังเอิญเราจะพึงตาย เพราะอาศัยฌานสมาบัติ ก็ขอบารมีขององค์สมเด็จพระพิชิตมาร ได้โปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าได้มีโอกาสเกิดเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบ ทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส"

    เวลานั้นเณรไม่ได้คิดพิฆาตเข่นฆ่าใคร ที่ตำนานเขาบอกว่า เณรเอาบาตรเทินหัวขอเกิดเป็นคนไทย ขอกลับมาฆ่าขอมน่ะไม่จริง ทำอย่างนั้นก็ลงนรก จิตตั้งบาป นี่เณรตั้งใจแบบนี้ อาศัยสามเณรที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์ และเป็นเด็กมีบุญญาธิการมาก

    มีท่านบอกว่าสามเณรองค์นี้ ก็คือ พระเจ้ามังรายลูกชายพระเจ้าอชุตราช รวมความว่าเป็นรัชกาลที่ ๒ ของราชวงศ์นี้นั่นเองพระเจ้าพังคราชเป็นรัชกาลที่ ๓๗ ... สมัยหนึ่งเคยเป็นลูกกษัตริย์ มีอำนาจมาก ขยายอาณาเขตไปสี่เท่าจากที่พระราชบิดาปกครองเดิม มาชาตินี้กลายเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา แล้วก็มาบวชเณร ถูกขอมย่ำยี แม้แต้ข้าวที่อยู่ในบาตรเขาก็เททิ้ง...ฟังไปแล้ว อย่าฟังเป็นนิทานนะ...ฟังไปแล้วก็ต้องคิดว่า “ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน ความเกิด ความตายเป็นของธรรมดา เมื่อเกิดขั้นมาแล้วก็เป็นของยุ่งยาก ในที่สุดมันก็ต้องตาย ถ้ากิเลสเรายังไม่หมดเพียงใด ก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาใช้ชีวิตที่ไม่มีความสุข”...

    ตั้งจิตอธิษฐานขอเกิดชาติหน้า...มาต่อเรื่องของสามเณร เมื่อเข้าสมาธิเจริญฌานสมาบัติ จิตใจไม่มีความโกรธในขอม จิตใจไม่มีจิตริษยา ไม่เอียงซ้าย ไม่เอียงขวา จิตเป็นอุเบกขารมณ์ มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ทำไปสักครู่หนึ่ง ๒-๓ นาที จิตก็ดิ่งจับฌาน ๔ ปกติ เวลาล่วงไปสัก ๕-๖ ชั่วโมง จิตถอยออกจากฌาน ๔ มาตั้งอยู่ในอุปจารสมาธิ มองเห็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับยืนอยู่ข้างหน้า ทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วตรัสว่า

    “มหาเถระ เธอปฏิบัติถูกแล้ว เธอมีจิตเมตตา ปราศจากความอาฆาตมาดร้าย เธอทำใจดี การแผ่เมตตานี้จะทำให้เธอเกิดเป็นพรหม ฉะนั้นเธอจงตั้งจิตอธิษฐานต่อไป เวลานี้มีความสำคัญ”

    “เมื่อจิตออกจากฌาน ๔ มาตั้งอยู่ในอุปจารสมาธิ เธอจงตั้งสัตยาธิษฐานใหม่อีกครั้งหนึ่ง อันนี้จะมีผลแล้ว”

    ภาพขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็หายไปตอนนั้นสามเณรน้อยดีใจนัก เกิดธรรมปีติที่เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสวยสดงดงาม พร้อมไปด้วยฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ ความมั่นใจในคำสอนขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาก็มากขึ้น จึงตั้งอธิษฐานว่า

    "ด้วยอำนาจบุญบารมี ความดีที่ข้าพเจ้าทำมาแล้วในอดีตชาติจนถึงปัจจุบันก็ดี และขออำนาจบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และพระอริยสงฆ์ก้ดี ขอทุกท่านจงโปรดให้คนไทยทั้งหมดมีความสุข มีความอุดมสมบูรณ์พ้นจากภัยอันตรายที่จะพึงมีจากขอม"

    "ถ้าหากว่า ข้าพระพุทธเจ้าจำจะต้องกลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง ขอเกิดเป็นคนไทย ขอให้ได้ช่วยคนไทยทุกคนมีความสุข ตามกำลังกฎของกรรม"

    แต่ว่าจะให้สุขทุกอย่างนะเป็นไปไม่ได้ กรรมชั่วมันมีอยู่ ขอ

    ๑) ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส

    ๒) คนไทยมีอำนาจในการปกครองตนเอง

    ๓) ขอให้ข้าพระพุทธเจ้ามีปัญญา ทั้งการเกษตร การคลัง การปกครอง ทุกอย่างแม้แต่การรบ ขอให้ช่วยให้คนไทยทุกคนมีความสุข มีอิสรภาพ ปราศจากความเป็นทาสของบุคคลผู้ใด ไม่เลือกชาติ ไม่เลือกวรรณะ ไม่เลือกตระกูล ขอให้คนไทยมีความเพิ่มพูนความสุขสดชื่นมีความหรรษา และขอองค์สมเด็จพระชินสีห์ได้ทรงโปรดช่วยตักเตือนข้าพระพุทธเจ้า ถ้ากิจนั้นจะพึงพลาดไป

    เมื่อเณรน้อยอธิษฐานต่อองค์สมเด็จพระชินสีห์แล้ว ก็เริ่มเข้าฌานใหม่ ปรากฏว่า วันเวลาผ่านไป ๗ วัน ร่างกายขาดอาหาร และเณรไม่ได้อธิษฐานให้ชีวิตทรงอยู่ด้วยอำนาจของธรรมปีติ ก็คิดว่า “จะนั่งกรรมฐานเข้าฌานจนตาย” ในที่สุด ๗ วัน เณรก็ตายด้วยกำลังของฌาน ๔ ฉะนั้น สามเณรองค์นี้จึงขึ้นไปเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑๑

    พอไปเกิดเป็นพรหมได้ชั่วครู่เดียว ก็มีพรหมชั้นผู้ใหญ่ทรงความเป็นพระอนาคามีมีนามว่า “ผกาพรหม” เข้ามาหาแล้วเรียกชื่อว่า “สัพเกศีพรหม” เป็นพรหมมีนามว่า สัพเกศีตอนนี้ใครจะหาว่า...อวดฤทธิ์อวดเดชก็เชิญนะ เชิญตามสบาย ตอนนี้เปิดกรุละ

    ท่านท้าวผกาพรหมบอกว่า “ก่อนที่ท่านจะมาเป็นพรหม ท่านตั้งใจว่าจะให้คนไทยมีความสุข ท่านเป็นไทย เวลานี้ท่านจะมาเสวยความสุขอยู่เฉพาะผู้เดียว โดยไม่เหลียวแลคนไทยที่อยู่ข้างหลังนั้นไม่เป็นการสมควร เวลานี้ถ้าจะนับเวลาตั้งแต่ท่านออกจากกายสามเณรมาเป็นพรหมก็จะเป็นเวลาล่วงไปปีเศษ พระเจ้าพังคราชมีราชโอรสองค์แรกไปแล้วชื่อ ทุกภิกขะกุมารเกิดในท่ามกลางความทุกข์มาได้ ๓ ปี แล้ว พระราชมารดาก็มีความสุข สมควรที่ท่านจะลงไปเกิดเป็นลูกชายพระเจ้าพังคราช แล้วช่วยกู้ชาติไทยให้ปลอดภัยจากความเป็นทาส”

    หลังจากนั้น ท่านผกาพรหมก็ประกาศถามว่า“พรหมองค์ใดบ้างที่นับถือพระพุทธศาสนา เคยเกิดเป็นคนไทยมาก่อน จะลงไปช่วยคนไทยที่มีความเร่าร้อนให้มีความสุข”

    ก็มีพรหมอีก ๒๕๐ องค์ บอกว่าจะไปเกิดพร้อม ๆ กันเป็นสหชาติ จะเคลื่อนคลาดจากการคลอดบ้างก็ก่อนหลังกัน ๓ วัน

    เป็นอันว่า สัพเกศีพรหม ไปเสวยสุขวิหารบนพรหมชั้นที่ ๑๑ เพียงครู่เดียว เวลาในเมืองมนุษย์ก็ผ่านไป ๑ ปีเศษ เมื่อท่านผกาพรหมมาเตือนแบบนั้น และมีพรหมอีก ๒๕๐ ท่าน รับจะลงมาช่วยกัน และมีพรหมอีก ๓ ท่าน บอกว่าจะมาช่วยเกิดเป็นช้างคู่บารมี เมื่อตกลงกันแล้ว ต่างคนต่างอธิษฐาน “ขอจุติละจากอัตภาพการเป็นพรหมลงมาเกิดเป็นลูกคนไทย”

    ในวันนั้นพระราชมารดา คือ พระมเหสีของพระเจ้าพังคราช ประทับนอนตอนใกล้รุ่งทรงนิมิต (ฝัน) ไปว่า มีช้างเผือกเนื้อใสเป็นแก้วมีกำลังมาก เข้ามาในเขตพระราชฐาน นอกจากนั้นก็มีช้างเผือกขนาดย่อมกว่าหน่อยอีกประมาณ ๒๕๐ เชือก เข้าบ้านโน้นบ้านนี้บ้างถือวิสาสะขึ้นไปบนบ้านเขา

    แต่ช้างเผือกที่เป็นผู้นำมาใหญ่ และใสสะอาดมาก เป็นแก้วใสรัศมีกายสว่างเป็นพิเศษ มานั่งบนตักของพระองค์ ช้างตัวใหญ่แต่ก็รู้สึกเบา พระองค์ก็ทรงประคับประคองช้างเชือกนั้นไว้ พระองค์มีความรักคล้ายกับลูก แล้วก็ตื่นเช้ามืดใกล้เวลาหุงอาหารพอดี จึงกราบทูลพระราชสวามีให้ทรงทราบว่าวันนี้ฝันประหลาด เวลาเช้าพระเจ้าพังคราชก็เรียกพระยาโหาราธิบดีเข้ามาเฝ้า เล่าความฝันของภรรยาว่าฝันแบบนี้จะเป็นยังไง พระยาโหราธิบดีก็ลงเลขฉบับ ๆๆ แล้วทำนายว่า เด็กคนนี้มาจากพรหม ต่อไปจะมีอำนาจมาก จะนำไทยทั้งชาติให้เป็นสุข จะมีปัญญาดี จะมีความสามารถ และมีสหชาติ ๒๕๐ คน คือ ช้างแก้วที่เข้าไปเกิดตามบ้าน ขอพระจอมภูบาลได้โปรดให้การอารักขาเด็กในครรภ์ชองพระเมหสี ให้การอภิบาลเด็ก ๆ ในครรภ์ให้มีความสุข ทั้งนี้ เพราะจะเป็นกำลังใหญ่ของชาติ จะหมดจากความเป็นทาสของขอมต่อไป

    ขอบพระคุณที่มา :- https://sites.google.com/site/thrap...m-samma-sam-phuthth-cea/ner-nxy-phuthrng-chan
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มกราคม 2018
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
  3. นรวร มั่นมโนธรรม

    นรวร มั่นมโนธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +113
    สาธุคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...