ขออนุญาตสอบถามพี่ๆและเพื่อนๆนักปฏิบัติทุกท่านครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย rattanasak, 26 ธันวาคม 2017.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    อะไรจริง. มีจริงแล้วจะรู้เหรอ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ กระทู้ในห้อง "ภัยพิบัติ" มีมากมายเยอะแยะ มีทั้ง "วิทยาศาสตร์ VS ไสยศาสตร์ VS โบราณคดี VS ตำนาน" ฯลฯ

    +++ ต่อให้อ่านจนจบ เข้าใจจนหมดเปลือก "ในยุคนี้" ทำได้อย่างดีที่สุด ก็แค่ "ย้ายหนี" ให้พ้นน้ำ เท่านั้นเอง

    +++ ไปหาอ่านรายละเอียดของ "วัดขุนสมุทรจีน" ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เอาในกูเกิ้ลก็ได้

    "วัดเคยอยู่ห่างทะเลถึงสองกิโล กลายเป็นยื่นไปในทะเล เกือบ ครึ่งกิโล แต่น้ำทะเลได้ลุกล้ำเข้ามา จน แผ่นดินไปอยู่ใต้น้ำหมด บ้านคนก็ได้ย้ายไปหมดแล้ว"

    +++ วัดหงษ์ทอง โบสถ์กลางทะเล ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง ฉะเชิงเทรา จากเมื่อก่อน อยู่บนบก ตอนนี้ อยู่ในน้ำแล้ว ต่าง ๆ

    +++ เป็นผลมาจาก "การเคลื่อนตัวของแผ่นดิน" ลองค้นคว้าดูก็ได้


    +++ โลกร้อน (ขึ้นเรื่อย ๆ) เมื่อเคลื่อนตัวเข้าใกล้ "หลุมดำ" มากขึ้น อุณหภูมิ+ความดัน เพิ่มมากขึ้น

    +++ ความกดดันภายนอกบีบรัดเข้ามา แรงต่อต้านภายในจาก earth crust mental core ก็จะปะทุออกต้านรับ เกิด ภูเขาไฟ แผ่นดินไหว ต่าง ๆ

    +++ ค้นคว้า ลิ้งค์ ข้างล่าง ประกอบกันไปด้วย ก็จะเข้าใจเพิ่มมากขึ้น

    https://en.wikipedia.org/wiki/Structure_of_the_Earth

    +++ การปะทุถี่ขึ้นของ พายุสุริยะ Solar storm ก็จะเริ่ม ถี่ยิบมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปฏิกิริยา "ต่อต้าน" แรงกดดันจากภายนอก จาก "หลุมดำ"

    +++ ทั้งหมดเป็นเรื่องตามธรรมชาติในระดับ cosmic และ ระบบสุริยะ (จักรวาล) ก็เป็นเพียง ผงธุลีหนึ่ง เท่านั้น


    +++ อะไรก็ตามที่ "เกิดขึ้นตามความเป็นจริง มีอยู่ตามความเป็นจริง" ก็ให้ รับรู้/รับทราบ เอาไว้

    +++ แล้วหาทางออกจาก "ทุกข์" ขั้นต่ำ อย่าให้ ทุกข์ เข้ามาติดอยู่ใน "ตน" ก็พอไปไหว

    +++ หัวข้อกระทู้ ของคุณ rattanasak ไม่เข้ากันกับหัวข้อ "ภัยพิบัติ" และในห้อง "ภัยพิบัติ" ผมก็ไม่ค่อยได้เข้าไป นะครับ
     
  3. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    ถาม÷÷÷ถ้าใจไม่สงบ ท่านคิดอรรถคิดธรรมไม่ได้หรือ จึงต้องฝึกให้ใจสงบก่อนแล้วค่อยคิดอรรถคิดธรรมตอนจิตสงบแล้ว

    หลวงปู่ขาว อนาลโย ตอบ÷÷÷เรื่องคิดนั้นได้ แต่พอคิดธรรมติดมือขึ้นมา กิเลสที่รุมล้อมอยู่รอบหัวใจคว้าเอาไปกินหมด เจ้าของมองไม่ทัน เพราะกิเลสตัวสัญญาอารมณ์มันรวดเร็วมากเกินกว่าสติปัญญาธรรมดาโลกๆ จะตามทัน

    ฉะนั้น ท่านจึงสอนให้ฝึกอบรมจิตให้สงบด้วยสมถะก่อน พอมีทางยับยั้งตั้งตัวได้บ้างแล้ว ก็สอนให้พิจารณาทางปัญญา การที่จิตสงบนั้นผลเป็นความเย็น ไม่ดิ้นรนกวัดแกว่ง จิตเชื่อง ถ้าเป็นน้ำก็สงบนิ่ง เมื่อนิ่งนานเข้าก็ใสสะอาด

    จิตที่สงบจากอารมณ์กวนใจก็ทำนองเดียวกัน เมื่อนำออกพิจารณาทางด้านปัญญา ย่อมไม่ดิ้นรนกวัดแกว่ง ตั้งหน้าทำหน้าที่ตามสติที่ควบคุมและสังงานในการพิจารณา

    การพิจารณาส่วนมากถือกายเป็นเป้าหมายแห่งการพิจารณาโดยความเป็น อสุภะ อสุภัง ปฏิกูลโสโครก ไม่สวยงามบ้าง

    ในขั้นเริ่มต้น พิจารณากลับไปกลับมาจนเป็นที่เข้าใจว่าเป็น อสุภะ ไม่งาม เป็นปฏิกูลจริงๆ ตามความพิจารณา หลายครั้งหลายหนใจย่อมยอมจำนวนต่อปัญญาและเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จิตก็ยิ่งมีความสง่างามแพรวพราวและอาจหาญไปโดยลำดับของการพิจารณา เมื่อพิจารณาไปมาก จิตมีความอ่อนเพลีย ก็นำจิตเข้าพักสงบอารมณ์ในสมาธิ ทำสลับกันไปตามวาระของการทำงานและหยุดงาน

    #พระพุทธเจ้าท่านว่านิพพานไม่ได้อยู่ที่อื่น อยู่ที่กายนี้แหละไม่ได้อยู่ที่อื่น อยู่กับอาการ ๓๒ เป็นผลสำเร็จ ทีหลังอยู่กับธาตุ ๔๒
    เมื่อฟังแล้ว ให้พากันตั้งใจทำ เหมือนกับเครื่องทั้งหลายมีทัพสัมภาระ เราจะปลูกบ้านปลูกเรือนหรืออะไร มีดเราจะใช้การงานลับแล้วก็วางไว้ เครื่องทัพสัมภาระก็มาวางไว้ เราไม่ทำมันก็ไม่สำเร็จ ของทำ เครื่องทำ ได้หมด พร้อมหมด มีแล้วแก่เรา บริบูรณ์แล้ว
    เราจะรบข้าศึก อาวุธของเราพร้อมหมดแล้ว แต่เราไม่ตั้งใจทำ จะปลูกบ้านปลูกเรือนก็ไม่ปลูก หาของมาพร้อมหมดแล้ว แล้วก็ตั้งอยู่นั่นแหละ ให้ชำรุดทรุดโทรมเสีย ทิ้งไว้ซื่อ ๆ ไม้ก็ดี ไม่มีประโยชน์ เราตั้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องอาศัยทำ ให้พากันทำ
    อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน พระเจ้าทั้ง ๕ ไม่ได้ห้ามเป็นพระเจ้าทั้ง ๕ นิสัยจริตของเรามันถูกกับอะไร จะพุทโธ-พุทโธหรือ ธัมโม-ธัมโม หรือ สังโฆ หรือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เอาอย่างหนึ่ง ๆ มันถูกอันไหน มันถูกจริตมันก็สงบ จิตสงบขึ้น จิตไม่ฟุ้งซ่าน หมายความว่า มันถูก เราบริกรรมว่า พุทโธ-พุทโธ-พุทโธแล้ว จิตเบิกบาน จิตเยือกเย็น จิตร่าเริง อันนี้หมายความว่า มันถูกกับจริต มันถูกก็เอาอันนั้นแหละ บริกรรมไป พุทโธ-พุทโธ เรียกว่า สมถะ...”

    อนาลโยวาท
    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
    (พ.ศ. ๒๔๓๑ -๒๕๒๖)
     
  4. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    เฉโก
     
  5. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    รู้อริยสัจเสียก่อน ทีนี้จะทำสมาธิอะไรก็ใช้ได้
     
  6. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    นี่มาแปลกรู้อริยสัจก่อน...ก่อนหน้าก็มีคนบอกว่าสร้างปัญญาก่อน ก่อนหน้าไปอีกก็มีคนว่ารู้พุทธวจนก่อน ก่อนหน้าไปอีก...รู้ไปหมดสุดขอบจักรวาล...ตอนหมดลมหายใจก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลยที่รู้นั่นรู้อะไรกันแน่...เฮ้อ
     
  7. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อย่าไปกลัวลุยมันไปเลย...ไม่รู้อะไรรออยู่ตรงหน้าก็อย่าไปกลัวมันแค่ลมหายใจหมดแล้วจะเป็นยังไง...ก็รู้ก็เห็นแค่...มันรอแล้วนี่ประตูเปิดต้อนรับแล้วเหลือแต่เมื่อไหร่จะก้าวเข้าไปจริงๆ มีหลายคนมากมายยิ่งนักได้เข้าไปแล้วคงมีความสุขอย่างว่า...แต่จะรู้ได้ไงต้องรอให้ถึงตรงนั้นแล้วพ้นจากสังขารนี้แล้วก็จะทราบเองว่านั้นหรือที่ปราถนา....ไม่เป็นไรนีนาก็...พึงตรึกตรองแล้วว่าเอ่อแม้ไม่ใช่ทางที่อยากเลือกแต่ยังมีสิ่งสำรองอยู่นี่...เอาน่าอย่างน้อยก็มีศีลครบไม่ครบก็ตอบลำบาก...แต่เอาเถอะเป็นผู้ชอบบริจาคสร้างทานสร้างบารมี.เอานาไม่น่าจะต้องอยู่ในภพอันต่ำต้อย...แล้วใครจะพิสูจน์ เมื่อยังถือครองสังขารนี้ แต่น่าจะไม่นานก็จะทราบว่า...ภูมิไหนที่ต้องไปภพไหนที่ต้องไปไม่นานอย่างแน่นอน...ที่พูดมาล้วนมาจากความประมาทในธรรมทั้งสิ้น
     
  8. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ตกลง ไม่เข้าใจ เฮ้อ คนเราอินทรีย์มันต่างกันจริงๆ
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ที่จริงตนเองว่าจะหยุดสนทนาเรื่องนี้แล้ว คิดว่าน่าจะมีคำตอบให้พอเห็นอะไรได้บ้างเรื่องนิพพานสำหรับคำตอบของเพื่อนสมาชิกหลาย ๆ ท่านนะค่ะ แต่ทีนี้ท่าน bigtoo ยังยืนยันคำว่า "นิพพานไม่ใช่อนัตตา" อย่างหนักแน่น และและเชื่อในความเห็นของตนว่า นิพพานอธิบายว่าในรูปปฏิเสธ และเป็นสุญญตา ท่าน bigtoo ข้าพเจ้าเข้าใจถูกไหมค่ะ?

    มีสองประเด็นที่เกิดขึ้นกับศาสนาพุทธนี้ว่า
    นิพพานเป็นลักษณะ"ไมใช่อนัตตา" เพราะอนัตตาอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ และอีกประเด็นหนึ่งเข้าใจว่า "นิพพานเป็นอัตตา" (อัตวานุปาทาน) คือ อาจจะหมายถึง นิพพานเป็นตัวตน ถ้าข้าใจอย่างนี้ผิดมาก คำว่านิพพานเป็นตัวตน กับ นิพพานเที่ยง คนละลักษณะกันเลย

    หากจะพูดเรื่องนิพพาน สำหรับยุคนี้นั้น ไม่ใช่การอวดอุตริมนุษยธรรมแล้ว เพราะองค์ธรรมิกราชาส่องแสงสว่างลงมายังโลกให้ผู้มีบุญบารมีและผู้สร้างเหตุถึงพร้อมได้เข้าถึงกันมากในยุคนี้ ส่วนผู้ใดเห็นแล้วจะเข้าใจและตีความกันไปเช่นไรอยู่ที่ปัญญาการรู้และเข้าใจได้เพียงใดค่ะ

    ที่ว่านิพพานเป็นอนัตตาและเป็นสุญญตา เพราะนิพพานไม่ใช่ตัวตน นิพพานเที่ยงเป็นอมตะนิรันดร เป็นสภาวะที่บริสุทธิ์และบรมสุขอย่างยิ่ง ดั่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ เพราะว่างไปจากกิเลสทั้งปวงและและเที่ยงแท้ต่อสภาวะนั้นนิจนิรันด์ ก็มิได้หมายความว่า สภาวะนั้นต้องคือ ตัวตน หรือ การมีตัวตนที่ต้องรับรู้ในสภาวะเหล่านั้น แต่....เป็นลักษณะของธรรมชาติหนึ่งที่เป็นภารดรภาพ อิสระ มั่นคง เที่ยงแท้ไม่แปรปรวนอีก

    คำว่า "อนัตตา" ที่หลายคนเข้าใจว่า เป็นลักษณะหนึ่งของไตรลักษณ์ จึงเลยเข้าใจว่า "อนัตตา" ในไตรลักษณ์ไม่ใช่นิพพาน ทุกสรรพสิ่งที่เห็นเป็น"อัตตา" นั้น ล้วนแล้วมาจาก"อนัตตา"ทั้งสิ้น ในสรรพสิ่งที่เห็นว่าเป็นตัวเป็นตนที่จบต้องสัมผัสได้ ล้วนแล้วเป็นสภาพธรรมของอนัตตาอยู่ทั้งนั้น พอจะมองภาพได้ว่า "เกิดจากไก่ ก็เป็นไก่" มิใช่หรือ ก็คือ ความที่เกิดมาให้เห็นจับต้องได้ที่เรียกว่า "อัตตา" ความเป็นจริงก็คือ "เงา" ของอนัตตา ที่เห็นว่ามีอยู่ เป็นอยู่ มันจึงเป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ มันต้องเป็นอนิจจังต้องสลายไปเพราะ ทุกสรรพสิ่งมันคืออนัตตา มันก็เลยต้องตกอยู่ในลักษณะ "มันต้องเป็นของมันเช่นนั้นเอง" คือ"อิทัปัจยตา" นั้นเอง

    เมื่อความเป็นจริงของทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา ที่มายาหลงให้เข้าใจและยึดถือว่าเป็นตัวกูของกู เป็นอัตตาที่ยึดมั่นแล้วให้เกิดสรรทุกข์ทั้งปวง เมื่อเข้าใจความจริงนั้นได้จนถีงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว สลัด วิมุตติ อนาลโย ความจริงเดิมก็ปรากฎ ธรรมชาติเดิมก็ปรากกฎ ก็ไม่มีอีกแล้วอัตาตาที่ยึดถือ ความว่าง ความบริสุทธิ์ คือสภาวะสุญญตา ที่เข้าถึงก็คือ "นิพพาน" นั่นเอง

    ลองพิจารณาดูค่ะ นิพพานที่เที่ยง เป็นอมตะ เป็นนิรันดร์ เป็นธรรมชาติหนึ่ง จึงไม่เป็นตัวเป็นตนแบ่งแยก นิพพานเป็นหนึ่งเดียวเป็นภารดรภาพ ถ้าใครเคยเข้าถึง "ความนิ่ง" ที่สุขบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งเดียวกับ "ธรรมชาติ" เราจะรู้ว่า สุขยิ่งกว่าอื่นใดไม่มี เป็นอย่างไร ทำไม? ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติจึงทำให้เขาเกิดสุขยิ่ง ธรรมชาติมีลักษณะเป็นอย่างนั้นเองเป็นธรรมชาติแห่งความสุขสงบ ธรรมชาติไม่มีการแบ่งแยก (มิได้รวมที่หมายถึงเป็นลักษณะภูเขา ต้นไม้ ที่สมมุติขึ้นมา) แต่เปรียบเป็นลักษณะความว่างในอากาศ เรามองท้องฟ้าในอากาศด้วยใจว่าง ๆ ใจนิ่ง ๆ เมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาตินี้ เราพบความสุขได้อย่างไร? ก็แสดงว่าธรรมชาตินั้นต้องเป็นสุขในตัวของมันเอง เมื่อเราเข้าไปเป็นสิ่งหนึ่งกับธรรมชาตินั้นเราจึงสัมผัสมันได้ และธรรมชาตินั้นมันไม่มีลักษณะแบ่งแยก มีความเป็นหนึ่งเดียว ไม่ได้บอกว่าธรรมชาตินั้นแบ่งเป็นลักษณะต่างกันอย่างไร แต่ประการใด เปรียบเทียบให้เห็นภาพประมาณนี้นะค่ะ

    ความเป็นตัวตน ก็คือการครอบกรอบ ใส่กรอบลงไปในธรรมชาตินั้น และสมมุติบัญญัติตามกรอบขึ้นมา เมื่อนำกรอบออกไป ธรรมชาตินั้น ก็หล่อหลวมรวมกันเป็นลักษณะเช่นเดียวกันเสมอเหมือนกันหมดไม่มีการแบ่งแยก ความสุขในธรรมชาติก็มีอยู่เช่นเดิม มิได้บ่งบอกแบ่งแยกว่าเป็นตัวเป็นตนแต่อย่างไร ธรรมชาติที่ว่างสงบก็ยังเป็นธรรมชาติที่ว่างสงบสุขคงเดิม ถึงแม้ธรรมชาตินั้นจะมีอณูที่ละเอียดยิบเล็กและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าประการใด มันก็ยังเป็นธรรมชาติที่เป็นหนึ่งเดียว ที่ไม่มีตัวตน ไม่เห็นว่าเป็นตัวเป็นตน แม้แต่ประการใดค่ะ อันนี้เป็นการเปรียบเทียบลักษณะของธรรมชาติที่เราเห็นอยู่ในสมมุติบัญญัติที่เราพอจะมองออกได้ว่าประมาณลักษณะนี้ แล้วนิพพานจะเป็นตัวเป็นตน หรือ เป็นอัตตา ไปได้อย่างไร นิพพานจึงไม่ใช่อัตตา อย่างแน่นอนค่ะ
     
  10. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แน่นอนอย่างยิ่งคับ เพราะมีอินทรีย์ ต่างกันจริงๆ
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แต่อินทรีย์ที่ว่าหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงสิ่งที่เป็นต้นกำเนิดของพละทั้งหลายก็ยิ่งแตกต่างกันจริงๆ
     
  12. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    นำมาลงเสริมให้ครับ

    อินทรีย์
    หรือ อินทรีย์ 5 คือ ความสามารถหลักทางจิต ห้า ประการได้แก่

    1. สัทธินทรีย์ คือ ความศรัทธา ในโพธิปักขิยธรรม
    2. วิริยินทรีย์ คือ ความเพียร ในสัมมัปปธาน 4
    3. สตินทรีย์ คือ ความระลึกได้ ในสติปัฏฐาน 4
    4. สมาธินทรีย์ คือ ความตั้งมั่น ในฌานทั้ง 4
    5. ปัญญินทรีย์ คือ ความเข้าใจ ในอริยสัจ 4

    อินทรีย์ 5 เป็นหลักธรรมที่คู่กับ พละ 5

    • สัทธินทรีย์ เปรียบเสมือน การหาภาชนะดีๆมาใส่น้ำ
    • วิริยินทรีย์ เปรียบเสมือน การเติมน้ำสะอาดแทนน้ำสกปรกเสมอ
    • สตินทรีย์ เปรียบเสมือน การระวังไม่ให้สิ่งใดหล่นใส่ในน้ำ
    • สมาธินทรีย์ เปรียบเสมือน การถือภาชนะใส่น้ำไว้นิ่งๆและไม่ให้สิ่งใดมากระทบกระเทือนให้หวั่นไหว
    • ปัญญินทรีย์ เปรียบเสมือน การเห็นนำสิ่งสกปรกออกจากน้ำ
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เมื่อไม่มีการสร้างหรือสั่งสมอินทรย์ย่อมไม่อาจเป็นพละได้แม้เป็นพละได้ก็ไม่บริบูรณ์เมื่อไม่บริบูรณ์ไม่สามารถกระทำได้ในสิ่งที่ยากยิ่่ง...
     
  14. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ก็ใช้ได้จริงทั้งหมดทั้งทางโลกและทางธรรมนี่ แต่ผลสุดท้ายก็ต้องหาทางพ้นจากวัฎฏสงสารอยู่ดี ถ้าเห็นภัยคือทุกข์ แต่ถ้ายังไม่เห็นภัยคือทุกข์ ก็จะย้อนกลับมาที่เดิม
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    และเมื่อเห็นภัยคือทุกข์ ก็จะสามารถเห็นเหตุแห่งทุกข์ซึ่งจะค่อนข้างชัดเจนตามข้อความของคุณงููููููๆปลาๆ ในข้างบนนั้น
     
  16. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    บนอีกกระทู้คับไม่ใช่อันนี้
     
  17. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ที่สมเด็จพระสังฆราชสอนไว้
     
  18. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    นิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาและอนัตตา. คนที่เข้าใจอนัตตาตรง. จะเข้าใจอัตตาได้ตรง. นิพพานยิ่งไม่ใช่อัตตาแน่นอน. นิพพานเป็นลักษณะ นิรันดรน์ที่โลกไม่มี.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2018
  19. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    มันไม่ใช่ความเข้าใจอะไรใดใดเลย เคยได้ยินคำนี้ไหมจากที่ใดสักแห่ง อย่าพยายามในสิ่งที่ไม่เป็นไปเพื่อธรรมเพื่อความหลุดพ้น ทุกสิ่งล้วนเป็นนิมิตเพียงเพื่อบอกอะไรบางอย่าง เช่น ระยะๆ ระยะเวลา อย่ามัวมาเสียเวลากับการระบุ แม้ทุกสิ่งเป็นสมมุติ แต่การพ้นสมมุติก็ไม่ใช่จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบหรือให้รู้ได้ อุปมาเหมือนชายหนุ่มเรือแตกกลางทะเลไหลลอยไปตามกระแสไปพบเกาะแห่งนึงเป็นที่พิศดารยิ่งนักเป็นที่น่าบันเทิงเริงใจมีแก้วแหวนเงินทองมากมาย วันหนึ่งเขาได้หาทางกลับมามาพบเจอกับผู้คนและบอกกับคนต่างๆว่า เขาได้พบเกาะนั้นจริงๆ แต่ไม่มีใครสนใจเพราะทุกคนคิดว่ามันไม่มีจริง ยิ่งน่าคิดจะย้อนกลับอย่างไรเพราะทางมาทางไปไม่อาจรู้ มันยากจะนำทางมันยากจะอธิบาย จึงล้มเลิกความคิด
     
  20. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    รู้จ
    ง่ายนิดเดียว. นิพพาน. มีห้องหนึ่งว่าง. มีห้องหนึ่งไม่ว่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...