เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย >_<.ST.>_<, 6 พฤศจิกายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ด้านล่างนี้ค่ะ....

    http://morning-news.bectero.com/m/main.php?m=newsdetail&cname=international&nid=118330

    ประเทศออสเตรเลียเผชิญน้ำท่วมใหญ่ มีคลิบลุ้นระทึกคนขับรถบรรทุกขับรถน้ำฝ่าน้ำท่วมคล้ายมหาสมุทรกว้างใหญ่จนมองไม่เห็นขอบถนน และ น้ำท่วมใหญ่ประเทศโบลิเวีย -อาร์เจนตินา ข่าววันที่ 1 ก.พ 2561 หลังเกิด "จันทรุปราครา" และ มีบางข้อมูลที่น้ำทะเลหายไปจากชายฝั่งทะเลหลายร้อยเมตร ในประเทศสหรัฐค่ะ ข้อมูลจากกระทู้ "ติดตามสถานะการณ์" ของท่าน สุกิจsukit
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2018
  2. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอบคุณที่มาอัพเดทไห้ครับข้อมูลสำคัญมากครับสาธุ
     
  3. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    เงียบไปหลายวันละครับมีอะไรมาอัพเดทอีกไหมครับแม่ชีจิตยิ้ม
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    อยากรู้เกี่ยวกับอะไรบ้างคะ จะหาข้อมูลมาให้ค่ะ

    ส่วนตนเองก็ติดตามสถานการณ์ะหมือนกันค่ะ เหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นไปทั่วโลกเป็นจริงดั่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ไหม!! ที่ว่าโลกจะเกิดภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะถึงการชำระโลกครั้งสุดท้าย มหันตภัยธรรมชาติจากการสั่นสะเทือนของโลกในการยกระดับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกนั้น คือ...

    1.คลื่นอากาศร้อน คลื่นอากาศหนาวเย็น คลื่นยักษ์จากทะเลและพายุรุนแรง จะเป็นมหันตภัยเบื้องต้น ที่มนุษย์บางทวีปที่ต้องเผชิญ
    2.โรคระบาด โรคร้ายชนิดใหม่ และแผ่นดินไหว จะเป็นมหันตภัยระยะที่สองของมนุษย์ที่ต้องเผชิญระหว่างการเปลี่ยนแปลงนี้
    3.จิตสำนึกอันต่ำทรามของชนชั้นผู้นำ และประชาชนผู้ไกลศาสนาในสังคมต่าง ๆ จะแผ่พลังงานด้านลบด้วยการกระทำที่เลวทรามต่ำช้า ไร้ยางอายบนผืนแผ่นดินนั้น จนเปิดความไม่สงบสุขของสังคม และเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของคนดีทั่วไป
    4.มหันตภัยทั้งสามประการข้างต้น จะก่อตัวพร้อมกันและรุนแรงยิ่งในความคิดแบบจิตมนุษย์ พร้อมทั้งการระเบิดของภูเขาไฟทั้งเก่าและใหม่ในที่ต่าง ๆ
    5.เศรษฐกิจโลกจะพังทลายลง เพราะจิตสำนึกที่ผิดพลาดของชนชั้นผู้นำกระทำขึ้น เทคโนโลยีจะไร้ความหมายกว่าเรื่องปากท้อง

    แต่ทว่าสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "สงครามโลกครั้งที่สาม" นั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น ในลักษณะของการต่อสู้ทำลายล้างระหว่างประเทศหรือข้ามประเทศอีกต่อไป แต่สงครามที่เกิดขึ้นจะมี 2 ลักษณะ คือ
    การต่อสู้ทำลายล้างกันภายในชนชาติเดียวกันเอง หรือไม่ก็สงครามเศรษบกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่คลั่งวัตถุนิยมเพลิดเพลินในเทคโนโลยีชั้นสูง
    สงครามที่เกิดจากการผจญภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงของมนุษย์ทั่วทั้งโลก

    มหันตภัยจะค่อย ๆ ก่อตัวให้มนุษย์ต้องเผชิญการตายหมู่และการทุกข์ทรมานด้วยความหวาดกลัว มหันตภัยจะเกิดขึ้นในระยะต้น ๆ กับผู้คนที่ห่างไกลความเจริญในทวีปหรือประเทศรอบนอกจุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือนของโลกอย่างแท้จริงก่อน โดยกระจายกันไปทั่วทุกทวีป นาน ๆ จะปรากฎขึ้นครั้งหนึ่ง และมหันตภัยธรรมชาติจะค่อย ๆ เพิ่มความถี่และความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกระจายพลังอำนาจแห่งภัยพิบัติสู่ประเทศรอบนอกจุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือนจนครบแล้ว จุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือนของโลก คือทวีปที่รุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยี

    ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ภัยบางอย่าง เช่น การเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนมีผู้เสียชีวิตเป็นหมู่คณะ เป็นอุบัติเหตุเภทภัยจนถึงขั้นเสียชีวิตจะปรากฎการณ์ตายหมู่มากกว่าเดิม การเกิดแผ่นดินไหว การเกิดภูเขาไฟระเบิด การปรากฎพื้นผิวโลกเคลื่อนตัว ปรากฎเอนินโญ และการทดลองระเบิดปรมาณูที่เกิดขึ้นในบางประเทศ คือสัญญาณเตือนภัยทั้งสิ้น

    ติดตามสถานการณ์แล้ว ก็คือความจริงที่ล้วนเกิดขึ้นแล้วทั้งนั้นค่ะ

    จาก : แหล่งข้อมูลเดิม
     
  5. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ข้อมุลแน่นมากครับตรงกับความเป็นจริงในปัจจุบันเลยชำระก็ดีนะครับทุกวันนี้มันเปื้อนเยอะ
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ดูแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างค่ะ? มีบางคลิปค่ะที่ใครหลายคนอาจรับรู้สัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนภายในจิตใจของเราได้แสดงความรู้สึกออกมา ความรัก ความห่วงใย ความเวทนาสงสารชะตาชีวิตผู้อื่น สิ่งนั้น!แหละค่ะ ที่เป็นพลังงานที่โลกต้องการ ที่มนุษย์ยุคนี้ขาดแคลนทางจิตใจหรือมีความรู้สึกให้ต่อกันน้อยเหลือเกิน ส่วนใหญ่เจอแต่ข่าวรบราฆ่าฟัน และเบียดเบียนกันค่ะ

    บางทีบทเรียนแห่งความกลัวตายของตัวเองและคนรอบข้างก็เป็นเงื่อนไขให้มนุษย์ปลดปล่อยพลังงานแห่งความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันและสรรพสัตว์ทั้งหลาย จากการสั่นสะทือนของจิตสำนึกของแต่ละคน พลังงานแห่งความรักที่เกิดจากจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือนภายในจิตใจมนุษย์ เป็นพลังงานด้านบวกที่บริสุทธิ์และละเอียดอ่อนแต่มีพลังอำนาจมหาศาล จนสามารถทำให้พลังงานด้านลบอื่น ๆ เป็นกลางได้ เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นแล้วสั่นสะะทือนไปได้ทั่วทั้งจักรวาล หากพลังงานนี้เกิดขึ้นที่ใดในจักรวาล รูปธรรมต่าง ๆ แม้อยู่ห่างไกลในต่างจักรวาลและต่างกาแล๊กซี่ จะสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนนี้ได้อย่างชัดเจน

    การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกของมนุษย์ด้านบวกแบบรวมหมู่เท่านั้น จึงจะช่วยให้โลกเกิดแรงเหวี่ยง เพื่อการหมุนรอบตัวเองของโลกในอัตราความเร็วที่สมดุลตลอดไป

    ถ้าคลื่นพลังงานด้านบวกจากจิตสำนึกมนุษย์แผ่ออกมาโดยมีระดับที่แตกต่างกันไปแม้จะป็นด้านบวกเหมือนกันก็ตามคลื่นพลังงานด้านบวกที่แผ่ออกมาไม่เท่ากันแต่ละคน จะเกิดการผลักให้มีการหันเหระหว่างกัน จนเกิดการหมุนวนของพลังงานขึ้น พลังงานด้านบวกที่เกิดหมุนวนนั้น สามารถจะช่วยเสริมแรงเหวี่ยงเพื่อการหมุนรอบตัวเองของโลกเราได้


    ถ้าคลื่นพลังงานด้านลบ จากจิตสำนึกของมนุษย์บนโลกถูกแผ่ออกมามาก ๆ มันจะยิ่งทำให้แรงเหวี่ยงของโลกถดถอยลง เพราะการหมุนจะไม่สม่ำเสมอหรือไม่คงที่ หากช้าลงเรื่อย ๆ แกนหมุนของโลกจะเอียงไปทันที โลกจะเสียสมดุลการทรงตัวตามไปด้วย จาก:แหล่งข้อมูลเดิม
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ข่าวเรื่องโลกกลับขั้ว นี้คงสนใจไปทั่วโลก และมติชนได้นำมาลงเป็นข่าวเมื่อ 17-18 ชม.ที่ผ่านมา

    https://www.matichon.co.th/news/833388

    แม่เหล็กโลก ‘กลับขั้ว’ ยังไม่ใช่ ‘หายนะโลก’

    วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 - 11:29 น.
    414SHARES

    %B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.jpg
    (ภาพ-National Centers for Environmental Information)
    การกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกถูกนำมาเชื่อมโยงกับ “วันสิ้นโลก” โดยการนำเสนอ “ผลกระทบ” จากปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า จะก่อให้เกิดภาวะ “มืดมนอนธการ” กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นผิวโลก รุนแรงถึงขนาด “แม้แต่จะชักโครกยังทำไม่ได้” เหมือนปกติที่เคยทำมา

    เว็บไซต์ “อันดาร์ก” อ้างโดยไม่ได้อ้างคำพูดโดยตรง เพียงแค่ระบุว่า แดเนียล เบเกอร์ ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการฟิสิกส์อวกาศและบรรยากาศ ประจำมหาวิทยาลัยแห่งโคโลราโด โบลเดอร์ สหรัฐอเมริกา เคยเสนอเอาไว้ว่า การกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกอาจทำให้หลายส่วนของโลกใบนี้ใช้อยู่อาศัยกันไม่ได้

    เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า สนามพลังแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร สามารถกลับขั้วได้หรือไม่ และผลลัพธ์ของการกลับขั้วดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบมากน้อยเพียงใด

    สนามแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นจากแร่เหล็กหลอมละลายอยู่ภายใต้เปลือกโลกตรงส่วนที่เป็นแก่น (core) ชั้นนอก (outer core) ซึ่งอยู่ถัดจากเปลือกโลกชั้นแมนเทิลเข้าไป ทะเลเหล็กหลอมละลายดังกล่าวไหลวนไปมาอยู่โดยรอบแก่นชั้นนอก (เหมือนเครื่องดื่มที่ถูกคน) การหมุนวนอยู่ตลอดเวลาดังกล่าวก่อให้เกิดสนามพลังแม่เหล็กขนาดยักษ์ครอบคลุมโลกเอาไว้ สนามพลังแม่เหล็กดังกล่าวนี้ทำมุมเอียง 11 องศากับแกนโลก ที่เป็นแกนซึ่งโลกหมุนรอบตัวเอง ดังนั้น ขั้วแม่เหล็กโลกจึงไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ตามลักษณะภูมิศาสตร์แต่อย่างใด

    เหล็กที่หลอมละลายซึ่งเคลื่อนไหววนอยู่ตลอดเวลาดังกล่าวนั้น บางส่วนสามารถหมุนสลับทิศทางกับการไหลเวียนของอะตอมเหล็กที่อยู่โดยรอบได้ นักวิทยาศาสตร์เรียกภาวะดังกล่าวนี้ว่าภาวะ “รีเวิร์ส-อัลลายด์” ภาวะรีเวิร์ส-อัลลายด์ดังกล่าวนี้ หากเกิดสะสมมากขึ้นถึงระดับหนึ่งก็อาจมากพอที่จะทำให้เกิดการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก ขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกแต่เดิมจะกลายเป็นขั้วใต้ ในขณะที่ขั้วใต้ก็จะกลายเป็นขั้วเหนือ

    แต่การกลับขั้วดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่จะเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลาในการกลับขั้วแต่ละครั้งประมาณ 1,000-10,000 ปี

    โมนิกา คอร์ต ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ประจำหอสังเกตการณ์ นีเม็กค์ จีโอแม็กเนติก ในสังกัดศูนย์วิจัย จีเอฟแซด พอทสดัม ในประเทศเยอรมนี ระบุว่าในช่วงเวลาระหว่างการกลับขั้วอย่างช้าๆ ดังกล่าวนั้น พลังของสนามแม่เหล็กโลกจะอ่อนลง และมีความเป็นไปได้มากว่าจะมีบางช่วงที่สนามแม่เหล็กโลกจะมีขั้วมากกว่า 2 ขั้วอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็จะค่อยๆ ทวีพลังมากขึ้นและรวมตัวกันเข้าเป็นแนวเดียวกันอีกครั้ง


    ตลอดประวัติศาสตร์ของโลก เกิดการกลับขั้วไปมาเช่นนี้ขึ้นมาแล้วหลายร้อยครั้ง ครั้งหลังสุดที่เคยเกิดการกลับขั้วก็คือเมื่อประมาณ 780,000 ปีก่อน และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีสัญญาณส่อให้เห็นว่าสนามแม่เหล็กโลกกำลังกลับขั้วอยู่เช่นกัน


    ติดตามอ่านข่าวได้เต็ม ๆ จาก Link ที่นำมาลงไว้ค่ะ

    ทีนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้อย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามความเข้าใจของนักวิทยาศาสตร์ ที่เรียนรู้กันอยู่ทุกวันนี้ ทุก ๆ แขนง เป็นศาสตร์ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าศึกษา "สรรพสิ่ง" ของรูปลักษณ์ตัวตนและปรากฎการณ์ ที่สัมผัสรู้ดูเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ตนมีอยู่ หรือต้องใช้เครื่องมือประดิษฐคิดค้นเพื่อพิสูจน์ตรวจสอบหรือสังเกตุสรรพสิ่งนั้น ก็ไม่อาจสัมผัสรู้ดูเห็นได้เพราะมันมีขนาดเล็กมาก อยู่ไกลมาก หรือมันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเร็วมากด้วยกันทั้งสิ้น วิทยาศาสตร์โลก ไม่ว่าจะมีความก้าวหน้านำยุคล้ำสมัยกันอย่างไร ก็ล้วนได้จากการคอยเฝ้าติดตามสังเกตุศึกษาสรรพสิ่งและปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่ตนสัมผัสรู้ดูเห็น ด้วยการสร้างใหม่ขึ้นมาเอง จากการเลียนแบบปรากฎการณ์ต่าง ๆที่สังเกตุพบกันทั้งนั้น วิทยาศาสตร์จึงสามารถ คิดสร้างสรรพสิ่งใหม่ ๆ ค้นพบความรู้ใหม่ ๆ และเข้าใจสรรพสิ่งใด ๆ ก็ด้วยเงื่อนไขที่สำคัญ 4 ประการเท่านั้นคือ

    1.ใช้เหตุผลอ้างอิงจากสิ่งที่สังเกตุได้
    2.ใช้ทฤษฎีที่ได้จากการค้นคว้าทดลองในห้องปฏิบัติการทฤษฎีหนึ่งอ้างอิงไปสู่ทฤษฎีใหม่
    3.ใช้สมมุติหรือการคาดคะเน
    4.ใช้การพิสูจน์ทดลองปฏิบัติการจริง

    นั่นโดยการคิดว่ามันเป็นกระบวนการที่แยบยลที่สุดแล้ว มนุษย์ต้องรู้ว่า ไม่ว่าจะคิดแบบวิทยาศาสตร์โลกหรือว่าจะคิดกันแบบจิตมนุษย์ ในการศึกษาเรียนรู้สรรพสิ่งใด ๆ ในจักรวาล ถ้ามนุษย์มองโลกมิติทางกายภาพด้านเดียวอยู่ดั่งที่มนุษย์เป็น มนุษย์ก็เห็นทีจะผิดพลาดบกพร่อง เพราะเกิดการสับสนในตนเองเสียตั้งแต่แรกแล้ว

    ทีนี้!! กรณีที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราในอนาคตนี้นี่มิใช่ครั้งแรก เรายังคงจำเรื่องราวของยุคไดโนเสาร์กันได้ ที่เหตุใด "ยุคไดโนเสาร์" ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ที่มีน้ำหนักมากจึงหายไปจากโลก ก็เหตุเพราะโลกหยุดหมุนกะทันหันไปชั่วขณะหนึ่ง กรณีชำระครั้งที่ 2 ชำระโลกด้วยแกนหมุนรอบตัวเองที่ทำแนวดิ่งเพิ่มขึ้นฉับพลัน ที่เป็นยุคต้นธารแห่งบรรพบุรุษของมนุษย์ในยคแรกที่เรียกว่า "อาดัม"และ"อีฟ" ส่วนการชำระครั้งที่ 3 ที่เรารู้กันว่ามนุษย์ยุค "แอตแลนติค" ถูกชำระโลกด้วยแกนโลกหมุนรอบตัวเองที่ทำมุมกับแนวดิ่งเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และครั้งนี้ยุค "กึ่งกลางพุทธกาล" กำหนดให้โลกพลิกคว่ำตีลังกา ที่ผู้มีอภิญญาหลาย ๆท่านออกมาเตือน และหมอดูET กล่าวไว้ให้ระวังเกี่ยวกับน้ำจะมาก หรือคำกล่าวที่ว่า นาคโก่งหลัง นะค่ะ
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    หรือเราต้องไปอยู่ดาวอังคารกันจริงๆ ‘ฮอว์กกิ้ง’ทายชะตาโลกเดินไปสู่จุดจบ


    โลกเดินไปสู่จุดจบ โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 ก.พ. 2561 05:30 ปีใหม่..พ.ศ 2561 ล่วงเข้าสู่เดือนที่ 2 ขณะที่หมอดูทั่วทุกมุมโลกต่างพากันทำนายทายทักดวงชะตาทั้ง

    ปีใหม่..พ.ศ 2561 ล่วงเข้าสู่เดือนที่ 2 ขณะที่หมอดูทั่วทุกมุมโลกต่างพากันทำนายทายทักดวงชะตาทั้งชะตาเมืองและชะตาคน คิดคำนวณจากวิถีโคจรของดวงดาวบนฟากฟ้า
    เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าใคร ต่างก็อยากรู้อนาคต!!


    ไหนๆ ชะตาบ้านเมือง และชะตาตัวเอง เราพอจะได้รับรู้กันมาบ้างแล้ว ‘ไทยรัฐออนไลน์’ จึงอยากพาคุณผู้อ่านมาฟัง ทำนาย ‘ชะตาโลก’ กันดูบ้าง..และผู้ที่มาทำนายทายทักอนาคตของโลกของเรา ยังเป็นถึงนักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชื่อดังที่สุดแห่งยุค นั่นคือ ศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง


    อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1199202
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2018
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ค่ะ ถ้าโลกยังเกิดวิกฤติดิ่งลงไปอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ เป็นการมองเห็นอนาคตของผู้ที่ใช้เหตุและผลที่เข้าใจความเป็นไปของโลกและจักรวาลได้เป็นอย่างดี ในฐานะนักวิทยาศาตร์ยุคปัจจุบันนี้ค่ะ

    ชอบข้อความของท่านปริญญา ตันสกุล ที่เขียนไว้ในหนังสือของท่าน ที่บ่งบอกสภาพปัจจุบันนี้ของโลก ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับท่าน ฮอว์กกิ้งเลยค่ะ

    "ช่วยโลกด้วย โลกกำลังป่วยหนัก" มนุษย์โลกแต่ละคนไม่ต่างไปจากมอดแต่ละตัวในเนื้อไม้ รู้ทั้งรู้ว่าร่องรูในเนื้อไม้นั้นเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตน แต่กลับร่วมกันกัดช่วยกันแทะอย่างไม่บันยะบันยัง ไม้แท่งนั้นก็เหลือแต่ซากผุๆพังๆ ไม่มีแม้แต่กากใยแห่งเศษอาหารให้ประทังชีวิต

    แล้วในที่สุดพวกมันก็พากันอดตาย

    บางตัวที่แข็งแรงกว่าก็จะพากันบินจากไปหาไม้ท่อนใหม่ โดยมิได้ทิ้งสันดานเดิมแต่อย่างใด

    มนุษย์กระทำตนเสมือนหนึ่งเป็นเจ้าโลกยึดเอาว่าโลกเป็นของพวกตนเท่านั้น จึงกระทำย่ำยีต่อโลกตามอำเภอน้ำใจ หลงว่าตนเองมีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่ง จึงแสดงออกต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างโหดร้ายกระทำต่อสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมโลกอย่างอำมหิต

    มนุษย์ทำตัวเป็นผู้สร้างที่เสื่อมโทรม โดยสร้างสิ่งใหม่มาทำลายระบบของตนอย่างไม่หยุดยั้ง

    มนุษย์ล้วนขันอาสาเกิดมาเพื่อทำหน้าที่พิทักษ์โลกแต่กลับเป็นผู้ทำลายระบบโลกเสียเอง ทำให้ดาวเคราะห์โลกต้องบอบช้ำอย่างหนัก จนยากแก่การเยียวยาแก้ไขแล้ว....

    โลกกำลังถูกการชำระครั้งใหญ่ มหันตภัยพิบัติกำลังเกิดขึ้นถี่ ๆ และจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

    ดวงวิญญาณมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย จะต้องแตกดับสลายในสภาวะ "ตายสนิททางวิญญาณ" นับไม่ถ้วน

    จะมัใครสักกี่คน ที่จะข้ามพ้นกลียุคครั้งที่ 4 นี้ไปได้
     
  11. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ผมก็คงทำได้แค่สวดมนต์เจริญสติและแผ่เมตตานี่ละครับ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ค.ศ.2018 ทุกอย่างจะเลวร้ายเพราะเป็นปีหมา เป็นปีชงของนายทรัมป์

    f8105376cf5755840c470ee55123426d_XL.jpg
    นักโหราศาตร์จีน ทำนายด้วยชะตาชีวิต “โดนัลด์ ทรัมป์” จะมีแต่ความขัดแย้งตลอดปี 60 เนื่องจาก ทรัมป์ เกิดปีหมาธาตุดิน ไม่ถูกกับปีไก่ ธาตุไฟ

    ช่วงที่วันตรุษจีนกำลังจะมาถึง บรรดาโหรและนักพยากรณ์ชื่อดังชาวฮ่องกงต่างออกมาทำนายดวงชะตาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ว่าจะก่อความวุ่นวายโดยเฉพาะในโลกตะวันตก แต่จะเก่งและทำเศรษฐกิจดีเฉพาะปีแรกปีเดียวคือ 2560 (2017) ส่วนปีที่สองจะแย่

    ทั้งนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ว่า เหล่านักพยากรณ์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยชาวฮ่องกง ได้ออกมาทำนายชะตาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ว่านายทรัมป์จะเดินเบ่งกล้ามสยายปีกคับโลกในปี 2560 ซึ่งมีไก่เป็นปีนักษัตร หรือปีระกา ธาตุไฟ ตลอดทั้งปีจะมีแต่การขัดแย้งโต้เถียงก้าวร้าว อันเป็นไปตามคุณลักษณะของไก่ และความเร่าร้อนของไฟ

    ทั้งนี้ช่วงก่อนและหลังทำพิธีสาบานตน นายทรัมป์ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านทั่วสหรัฐฯ รวมทั้งทั่วโลก นายทรัมป์ยังแสดงทีท่าชนปะทะกับจีนจนเสี่ยงเกิดสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก

    นางเธียร์รี โชว โหรชาวฮ่องกง ระบุว่าไก่เป็นสัตว์ที่ชอบจิก ชอบต่อสู้ ดังนั้นในรอบปี 2560 นี้ นายทรัมป์จะมีเรื่องขัดแย้งอยู่ตลอด ทั้งการสไตรค์หยุดงานและเหตุจลาจล แม้ความจริงนายทรัมป์จะเกิดปีจอที่มีสุนัขเป็นปีนักษัตรหรือปีหมา แต่เพราะมีบริวารที่ภักดีจำนวนมากผนวกกับเป็นคนธาตุดินที่อยู่ร่วมกันได้ดีกับธาตุไฟที่กำหนดชะตาปี2560 จึงยังหนีไม่พ้นเรื่องความขัดแย้งและถูกต่อต้าน

    นางโชว์ ยังระบุด้วยว่าในปี 2017 กรณีเบร็กซิท อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรปหรืออียูและวิกฤติผู้อพยพลี้ภัย จะทวีความรุนแรงและเกิดขัดแย้งกันมากขึ้น และจะถือเป็นปีแห่งการถกเถียงโต้แย้งที่มีดีกรีรุนแรงมาก

    ขณะที่
    นายอาเลียน เหยียว โหรผู้ชำนาญศาสตร์ฮวงจุ้ยชาวฮ่องกงอีกคน ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดีในปี 2017 ตามอิทธิพลของไก่ธาตุเหล็ก ซึ่งยังเป็นสัญลักษณ์ของเงินและหุ้น หมายความว่านายทรัมป์จะเจริญรุ่งเรืองร่ำรวย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีผลประกอบการที่ดี หุ้นมีแต่ขึ้นกับขึ้นในปี 2017 แต่จะเป็นแค่ชั่วคราว พอถึงปีหน้า 2018 ทุกอย่างจะเลวร้ายเพราะเป็นปีหมา เป็นปีชงของนายทรัมป์.

    BREAKING NEWS วันพุธ, 25 มกราคม พ.ศ.2560

    ที่มา http://www.aec10news.com/ข่าว/ต่างประเทศ/item/5598-“ทรัมป์”ดวงชะตาชีวิตป่วนโลก
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ฉบับเต็ม! คำทำนายสุดผวา นอสตราดามุสเมืองไทย ผ่าดวงเมือง 61 ที่นี่ที่เดียว (คลิป)

    คำทำนายปีที่ผ่านมาถือว่าตรงมากกว่าครึ่ง ส่วนปีนี้หวังไว้ว่า ไม่อยากให้เรื่องที่ทำนายถูก เพราะถ้าถูกต้องก็อันตราย!!

    อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1166995

    หน้าหลัก / ดวง / ดวงน่าอ่าน ฉบับเต็ม! คำทำนายสุดผวา นอสตราดามุสเมืองไทย ผ่าดวงเมือง 61 ที่นี่ที่เดียว (คลิป) โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ม.ค. 2561 06:05 P

    ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เข้าขั้นวิกฤติทั้งโลก ถือว่าสาหัสที่หนักมากสาหัสจริง ๆ ค่ะ เพื่อรอเวลากดปุ่มเท่านั้นเอง......


    จุดสำคัญที่ตนเองจะกล่าวต่อไปนี้ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า.....

    สำหรับสยามประเทศ เป้าหมายที่จะให้แผ่นดินนี้เป็นศูนย์กลางทางศาสนา เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่สูงส่งมาตลอด และกำหนดการนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่มนุษย์บนผืนแผ่นดินนี้เท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงจิตสำนึกตนเองไปในทางต่ำลง จนน่าตกใจ

    แผ่นดินสยามที่ผู้คนเคยมีแต่ความดีงามและความสุขสงบมีความหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มีสติปัญญาสร้างวัฒนธรรมอันงดงามไว้กับลูกหลาน มันค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปตามกระแสเทคโนโลยีตะวันตกไปจนหมดสิ้น จนละทิ้งศาสตร์จิตวิญญาณทางด้านศาสนาไปเสียแทบหมดสิ้น ผู้คนปฏิบัติพากันเข้าวัดปฏิบัติธรรมน้อยลง ขณะที่ตัวแทนศาสนาพากันทุศีล และความหวาดระแวงไม่ไว้วางใจกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำไม่ถูกต้องต่อกันในทุกส่วนสังคมนี้...

    ทุกคนบนแผ่นดินนี้จะต้องยอมรับมัน แม้แต่ตนเองจะไม่มีส่วนกระทำมันโดยตรงก็ตาม ปลาเน่าตัวเดียวย่อมเหม็นทั้งข้องแน่นอน แม้บางกรณีที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้กระทำมันด้วยตนเอง มันเป็นการกระทำที่ตนเองมอบอำนาจให้ตัวแทนของตนแสดงบทบาท พวกเขาย่อมกระทำตามจิตสำนึกที่ตนเองมี หากเขากระทำผิดผู้มอบอำนาจย่อมได้รับผลการกระทำนั้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

    ถ้ามนุษย์รู้ว่าการชำระโลก คือ การสร้างความสมดุลใหม่ที่มันขาดความสมดุลไป การชำระโลกบนแผ่นดินสยามก็มิอาจละเว้นได้เช่นเดียวกัน ถ้าเสียสมดุลมากภัยพิบัติก็ย่อมจริงจังมากตามไปด้วย ถ้าเสียสมดุลเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับแผ่นดินอื่น ๆ ย่อมได้รับภัยน้อยเช่นเดียวกัน ซึ่งผลการกระทำที่ปรากฎเป็นภัยทางธรรมชาติจะรุนแรงมากหรือน้อยย่อมอยู่กับเงื่อนไขนี้ จาก:แหล่งข้อมูลเดิม


    จุดที่เป็นประเด็นสำคัญใหญ่ที่โหรโสรัจจะกล่าวไว้...

    ความวุ่นวายความปั่นป่วนทางการเมืองได้ปะทุขึ้นในสยามประเทศ เกิดความแตกแยกแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายระหว่างคนรวยและคนจน ศักดิ์ศรีของประชาชนพลเมืองที่เหลื่อมล้ำ อ่านเต็มได้ที่ Link ด้านบนค่ะ

    สำหรับประเด็นนี้จะเป็นการจุดชนวนตามคำทำนายหรือไม่!!


    1.วันนี้ 4 โมงเย็น( 10 ก.พ.61) มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง นัดชุมนุม "หยุดยื้ออำนาจ หยุดยื้อเลือกตั้ง" ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และกลุ่ม START UP PEOPLE ขณะที่ตำรวจเตรียมความพร้อมรับมือแล้ว

    https://www.msn.com/ja-jp/money/other/กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง-นัดชุมนุม/vp-BBIWgVa

    2.ปชช.ทยอยชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตร.ยันขออนุญาตแล้ว

    https://news.sanook.com/5294954/

    3.เจอที่ไหนจับได้ทันที 4 แกนนำ 'MBK39' ตร.พร้อมรับมือชุมนุมอยากเลือกตั้ง

    อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1200168

    ทำไม .?. จึงเป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจ !!!!

    จากบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาค่ะ


    ๑. การชุมชนของเสื้อแดงปี 2553 ส่งผลให้น้ำท่วมใหญ่ที่กรุงเทพ ปี 2554

    การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553
    ประวัติศาสตร์ไทยมีหน้าบันทึกที่เป็นความขมขื่นของคนไทยถ้วนหน้าอยู่มิใช่น้อย ซึ่งก็มีบันทึกเหตุการณ์อีกหนึ่งหน้าดังกล่าวก็คือ บันทึกเหตุการณ์ชุมนุมนปช.หรือคนเสื้อแดงเมื่อ 12 มี.ค. - 19 พ.ค. 2553 ที่กทม. 2 - 3 จุดด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้มีคนเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ บาดเจ็บอีกต่างหาก และมีอาคารศูนย์การค้าและศาลากลางอีกหลายหลังถูกเผารวมอยู่ในบันทึกนั้นด้วย

    http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=868790

    และนี่ค่ะภาพเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 54 ฤทธิ์ 'น้องน้ำ' ทำคนไทยจำฝังใจ เพราะ 'เอาไม่อยู่'

    อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/463577

    ๒.และอีก 1 เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ลืมเลือนไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ก็คือคลื่นยักษ์สึนามิ

    20 มีนาคม 2546
    – สหรัฐอเมริกาประกาศเริ่มสงครามอิรัก

    1 กุมภาพันธ์ 2546
    – รัฐบาลไทยเริ่มสงครามต่อต้านยาเสพติด
    – กระสวยอวกาศโคลัมเบียขององค์การนาซา ระเบิดเหนือเท็กซัส ระหว่างการเดินทางกลับเข้าสู่บรรยากาศโลก ในเที่ยวบิน เอสทีเอส-107 คร่าชีวิตนักบิน 7 คน


    13 ธันวาคม 2546
    – ซัดดัม ฮุสเซน ถูกจับกุมโดยกองกำลังสหรัฐอเมริกา


    4 มกราคม 2547
    – คนร้ายเผาโรงเรียนในพื้นที่จ.นราธิวาส 20 แห่ง รวม 11 อำเภอ และยังบุกเข้าไปยึดค่าย ร.5 พันพัฒนาที่ 4 ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้องจ.นราธิวาส ยิงทิ้งทหาร 4 นายพร้อมยึดอาวุธปืนในคลังแสงอีกราว 100 กระบอก

    26 ธันวาคม 2547
    – เหตุการณ์แผ่นดินไหวมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 ขนาด 9.0 ตามมาตราริกเตอร์ ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดเข้าฝั่งรอบมหาสมุทรอินเดียอาทิ ศรีลังกา, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ไทย รวมถึงชายฝั่งบางส่วนของทวีปแอฟริกา มียอดผู้เสียชีวิตกว่า 229,866 คน โดยในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตถึง 5,395 คน

    จาก Link ด้านล่างค่ะ รวมเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2534 ถึง ปี 2549

    https://punpunsara.com/2015/10/23/events-between-1991-2006/

    นำเหตุการณ์บทเรียนในอดีตที่พอจะประเมินภาพออกตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้มาให้พิจารณาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2018
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กรรมที่ทำให้เกิดเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ
    15-11.jpg
    กำเนิดเป็นกวาง เก้ง

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ชอบหลงมัวเมาในเรือนร่างสัดส่วน อันน่ารัก น่าใคร่ น่าหลงใหลติดใจ พึงพอใจในการขายเนื้อขายตัว มักมากในกามารมณ์ มั่วกามเคล้าโลกีย์อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน หาเงินมาโดยมิชอบ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้ต้องเกิดเป็นพวกเนื้อ เก้ง กวาง ละมั่ง อาศัยอยู่ในป่าลึก ถูกมนุษย์ตามล่ามาบริโภค ชดใช้หนี้กรรมตามจริงนิสัยเดิมที่ตนได้ก่อไว้แต่ชาติปางก่อน

    ยังมีสัตว์อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เพื่อให้เรื่องสั้นกระชับ จึงให้ข้อสังเกตว่าสัตว์เดรัจฉานส่วนมากพ้นออกมาจากนรก เปรต อสุรกาย แล้วมาชดใช้เศษกรรมเล็กๆ น้อยๆ จนกว่าจะหมดกรรมเก่า มีสัตว์หลายชนิดเมื่อเสวยกรรมเก่าหมดแล้วก็อาจไปเกิดในสวรรค์ หรือเป็นมนุษย์ต่อไปได้ เช่น สุนัข ลิง แมว ปลา นก เป็นต้น แต่ขึ้นชื่อว่ากุศลธรรมและอกุศลธรรมแล้ว ทำไว้อย่างไรก็ย่อมได้รับอย่างนั้น เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้นแต่หากท่านบำเพ็ญจิตจนทำลายอวิชชา กิเลส ตัณหา อุปาทาน ทิฐิ สังโยชน์ ได้หมดสิ้นแล้ว กุศลและอกุศลก็ติดตามส่งผลให้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะกรรมใดๆ ที่ยังไม่ได้เสวยก็จะเป็นอโหสิกรรมไปทันที

    กำเนิดเป็น สุนัข สุนัขจิ้งจอก

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในทรัพย์สมบัติ ลูกเมียสามี เฝ้าห่วงหวงอย่างยึดมั่นถือมั่น เยื่อใยตัดไม่ขาดอาลัยอาวรณ์ในบ้านที่ดิน เรียกค่าคุ้มครอง หลอกต้ม ข่มเหงคน ค้าประเวณี รับราชการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ลักเล็กขโมยน้อย จึงเป็นเหตุปัจจัยให้มาเกิดเป็นสุนัข บ้างก็มาเฝ้าสมบัติลูกเมียสามี บ้างก็คอยเป็นยามเฝ้าระวังภัยคอยเห่าหอนให้เจ้านายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต บ้างก็เกิดเป็นหมาขี้เรื้อนเพื่อชดใช้หนี้กรรมของตนในชาติปางก่อน

    กำเนิดเป็นปลาต่าง ๆ

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการพูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ ชอบสอดรู้สอดเห็น พูดจาปลิ้นปล้น หลอกลวงให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อ วางแผนให้ผู้คนหลงเดินทางผิดจนต้องพบกับมุมอับ พูดเสียดสีให้ผู้อื่นเป็นทุกข์เสียใจ ใช้ปากพูดหว่านล้อมจูงใจโน้มน้าวให้คนมาติดกับที่ตนวางไว้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยให้มาเกิดเป็นปลา รับทุกข์อยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บในแหล่งน้ำ หลงทางเข้าไปติดกับ ติดแหติดอวน จึงเป็นไปตามกรรมที่ก่อไว้ทุกประการ

    กำเนิดเป็นนกต่าง ๆ

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงใหลมัวเมาในการร้องรำทำเพลง แสดงละคร ลำตัด หมอรำ วงดนตรี การละเล่นต่างๆ เพลิดเพลิน อยู่กับเครื่องประดับตกแต่งที่สวยสดงดงาม แต่งหน้าทาปาก สร้างวจีกรรมมากมายได้แก่ พูดเท็จ พูดส่อเสียด นินทา พูดเพ้อเจ้อ ประพฤติผิดศีลเป็นชู้กับคู่ครองผู้อื่น จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดเป็นนกต่างๆที่ชอบร้องรำทำเพลง ชอบตกแต่งขนให้มีสีสันต่างๆ สวยงามตามนิสัยเดิม

    กำเนิดเป็นโคเนื้อ โคนม

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในรูปร่างสัดส่วนอันสวยงาม ใช้เรือนร่างเป็นเครื่องยั่วยุคนให้หลงตัณหาราคะ แสดงหนังลามกทำลายศีลธรรม เริงระบำรำฟ้อนเปลือยอกเปลือยกายเป็นการค้า มีลูกไม่เอาใจใส่เลี้ยงดู ไม่ให้ลูกดื่มนมตนเองเพราะเกรงว่าจะเป็นทรงหย่อนยาน จึงเป็นเหตุปัจจัยมาเกิดเป็นโคนม อุทิศน้ำนมให้กับทารกชาวบ้านได้ดื่มกิน และโคเนื้อถูกคนฆ่าเอาเนื้อเป็นอาหารตามจริงนิสัยเดิมที่ชอบขายเนื้อขายตัว

    กำเนิดเป็นแมลงวัน

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ชอบคลุกคลี หมกมุ่นอยู่กับแหล่งบันเทิง บาร์ ไนท์คลับ สถานเริงรมย์ คาราโอเกะมั่วสุมอยู่กับแหล่งอบายมุข แหล่งยาเสพติด แหล่งการพนัน ซึ่งเป็นแหล่งไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์ ไม่ชอบธรรมและมักเป็นแหล่งประกอบอกุศลธรรมต่างๆ จึงเป็นปัจจัยให้ต้องเกิดเป็นแมลงวัน ที่ชอบอยู่กินกับแหล่งสกปรกตามจริตสันดานเดิมของตน

    กำเนิดเป็นแมลงผึ้งต่าง ๆ

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ชอบหลงใหล ดื่มด่ำ เพลิดเพลินในการประดับตกแต่งร่างกายให้มีสีสันสวยสดงดงาม ด้วยความพึงพอใจ ติดใจในรสหวานมันแห่งกามโลกีย์ จึงเป็นเหตุให้มาถือกำเนิดเป็นแมลงผึ้ง ผู้มีตาพึงพอใจในสีสันของดอกไม้นานาพรรณ และมีลิ้นชอบรสหวานมันตามจริงนิสัยเดิมของตน

    กำเนิดเป็นงูเหลือม

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในความยิ่งใหญ่ ความมีอำนาจ ความมีทรัพย์สมบัติมาก ขณะกำลังจะตายจิตใจก็ยังพะวง เป็นห่วงอาลัย ไม่ยอมลดละปล่อยวาง ยังยึดมั่นถือมั่นอย่างมัวเมา จึงเป็นเหตุให้ไปเกิดเป็นงูเหลือมใหญ่ มีอำนาจ มีกำลัง ขอบม้วนตัวยึดเกาะ ขดตัวเป็นวงกลมอยู่นานๆ ไม่ยอมคลายตัวออกง่ายๆ ตามจริตนิสัยที่มีความยึดมั่นถือมั่นไม่ยอมคลายละปล่อยวาง

    กำเนิดเป็นหนู

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการประกอบอาชีพผิดกฎหมาย เช่น ค้ายาบ้า ยาเสพติด เล่นการพนัน แมงดาหากินกับหญิงโสเภณี มือปืน นักเลงอันธพาล ลักเล็กขโมยน้อย จี้ปล้น ค้าอาวุธเถื่อน ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจ ผู้คนเหล่านี้จึงต้องหลบซ่อนตัวเองอยู่ในที่มิดชิดตลอดเวลา จึงเป็นเหตุปัจจัยให้ต้องถือกำเนิดเป็นหนู คอยแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตามรู ตามของที่มิดชิด พ้นภัยจากแมว นก งู และมนุษย์ตามจริตสันดานเดิม

    กำเนิดเป็นมด

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ชอบใจ พอใจ ดื่มด่ำ มัวเมาอยู่ในกลิ่นคาวโลกีย์ รสโลกีย์ ติดใจในกามารมณ์ ดุด่าเฆี่ยนตี ฆ่าพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณ สร้างบาปกรรมไว้มากมายถึงขั้นอนันตริยกรรม เมื่อตายแล้วจึงลงไปใช้กรรมในเมืองนรก วิญญาณถูกตีกลายเป็นเศษวิญญาณ แล้วจึงมาเกิดเป็นมดเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในอดีตชาติ

    กำเนิดเป็นกระแต

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน แล้วนำเรื่องไปพูดต่อให้เสื่อมเสีย เสียหาย เป็นที่อับอายขายหน้าของผู้คนมากมาย เป็นคนชอบพูดแต่เรื่องเสียๆ หายๆ ของคนอื่น ส่วนเรื่องที่ดีๆ มีสาระ ประโยชน์กลับไม่สนใจ จึงได้รับฉายาจากชาวบ้านว่า “แม่กระแต” “พ่อกระแต” จึงได้เกิดเป็นพ่อกระแต แม่กระแต สมใจนึก ตามจริงนิสัยจนกว่าจะสิ้นแรงอกุศลกรรม

    กำเนิดเป็นแมว

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในตำแหน่ง ไม่ทำหน้าที่ของตนในการจับโจรผู้ร้ายหรือผู้กระทำความผิด ไม่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ชาวประชาอยู่เย็นเป็นสุข แต่กลับเอาหน้าที่มาบังหน้า มาหากิน ใช้ตำแหน่งมาเบ่ง มาข่มเหง รีดไถเรียกค่าคุ้มครอง ทุจริตประพฤติมิชอบสารพัด จึงเป็นอกุศลกรรมนำพาให้ไปเกิดเป็นแมว เข้าจับหนูอันเป็นโจรผู้ร้ายตัวสำคัญในสมัยเป็นมนุษย์ ให้เหมาะกับกรรมเก่าที่ได้ก่อเอาไว้

    กำเนิดเป็นเต่า

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ เคยเป็นนักบวชผู้ทรงศีล แต่ขาดความสำรวมในศีลวินัย ด้วยประพฤติตนไม่เหมาะสม ละโมบโลภมากในลาภสักการะ โกงเครื่องราช มั่วสีกา เอาของส่วนรวมมาเป็นส่วนตัว จนเป็นที่ติเตียนของชาวบ้าน จึงเป็นเหตุปัจจัยให้มาถือกำเนิดเป็นเต่าอยู่ในกระดอง คอยระมัดระวัง รูป เสียง กลิ่น รู้สึกสัมผัส เพื่อฝึกความสำรวม และเนื่องจากสมัยเป็นนักบวช ไม่ฆ่าไม่ตัดรอนอายุของมนุษย์และสัตว์ จึงทำให้เต่ามีอายุยืนยาว

    กำเนิดเป็นสุกร

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาพอใจในการทุจริตต่างๆ นานา ด้วยเล่ห์เพทุบายอย่างขูดเนื้อถอนขน ต้มตุ๋นหลอกลวง กดราคา สินค้าอย่างทารุณ ย้อมแมวขายเพียงเพื่อให้ได้ปัจจัย 4 มาปรนเปรอตนเองให้กินอิ่ม นอนหลับอย่างสุขสำราญ ปรนเปรอกามคุณที่ได้มาอย่างสกปรกผิดศีลธรรม จึงเป็นเหตุปัจจัยให้มากำเนิดเป็นสุกร กินอาหารที่ไม่สะอาด ถูกจับตอน สุดท้ายยังต้องถูกฆ่าเพื่อสังเวยเลือด เนื้อ ตับ ไต ไส้พุง ฯลฯ ชดใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้

    กำเนิดเป็นไส้เดือน

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ไม่รู้จักบุญคุณต่อซาติบ้านเมืองกระทำตัวเป็นไส้ศึก กบฏ สายลับ สายสืบหรือเป็นหนอนบ่อนไส้ให้กับฝ่ายศัตรู เป็นคนบ่อนทำลายประเทศชาติ เป็นคนขายชาติขายแผ่นดิน จึงทำให้เป็นเหตุปัจจัยให้มาถือกำเนิดเป็นไส้เดือน ไม่มีตา เพราะไม่เห็นคุณประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ต้องเกิดมากินดินเป็นอาหารตามจริตสันดานที่เคยประพฤติบ่อนทำลายชาติมาแต่ ชาติปางก่อนจนกว่าจะชดใช้หนี้กรรมเก่าให้หมดสิ้น

    กำเนิดเป็น ยุง ริ้น ปลิง ทากดูดเลือด

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ ชอบขูดรีด กินเลือดกินเนื้อ สูบเลือดสูบเนื้อคนยากคนจน ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงทุจริตต่าง ๆ มากมาย ชอบเบียดเบียน ให้ทุกข์ให้โทษแก่ผู้คนด้วยความโกรธ ความแค้น ความอาฆาต จึงทำให้ไปเกิดในนรก หลังจากนั้นแล้วก็มาถือกำเนิดเป็นยุง ริ้น ปลิง ทาก ตัวเลือดตามสันดานเดิม ด้วยการคอยแต่จะดูดกินเลือดผู้คนอีกตามเคย

    กำเนิดเป็นจระเข้

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ มีโมหะกิเลสหลงมัวเมา เห็นแก่ปากแก่ท้องแล้วประกอบอกุศลกรรม ทุจริตผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย ด้วยความละโมบโลภมาก เพื่อปากท้องของตนอิ่มหนำสำราญ ไม่ว่าจะใช้ปากพูดอย่างร้ายกาจขนาดไหนก็ตาม เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ จึงทำให้ต้องเกิดมาเป็นจระเข้ปากใหญ่ ท้องใหญ่ ดุร้ายน่ากลัวตามจริงนิสัยเดิม

    กำเนิดเป็นช้าง

    สัตว์บกที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมัยเป็นมนุษย์มีโมหะกิเลส หลงมัวเมาในตัวเองว่า เป็นลูกผู้ยิ่งใหญ่เกิดในตระกูลผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ มีความเป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมืองไม่มีใครเปรียบเทียบได้ แล้วประกอบอกุศลกรรมอัปรีย์ไว้แก่ผู้คนมากมาย จนต้องไปชดใช้หนี้กรรมในนรก เปรต อสุรกาย แต่เศษกรรมเก่าก็ยังไม่หมดสิ้นจากกายและใจ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้มาเกิดเป็นช้างตัวใหญ่ๆ สมใจ

    กำเนิดเป็น กระทิง แรด

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการต่อสู้ต่างๆ ชอบยุยงให้ผู้คนทะเลาะกัน ให้สัตว์ตีกัน ทำร้ายกัน ด้วยเห็นเป็นเกมส์กีฬาอย่างสนุกสนาน เช่น ชนไก่ ชนแพะ ชนวัว ฯลฯ บ้างเป็นนักเลงโต เที่ยวเกะกะระราน สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คน จึงเป็นเหตุให้ต้องไปเกิดเป็นแรด กระทิง เอาหัวไล่ชนกันอย่างเมามัน เพื่อให้ผู้คนดูเป็นเกมส์กีฬาอย่างสนุกสนาน สมกับที่ตนได้เคยทำไว้ในอดีตชาติ

    กำเนิดเป็น ลิง ชะนี

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการต้มตุ๋นหลอกลวง ปลิ้นปล้น ตลบแตลง แหกตาชาวบ้าน ชอบมือไวใจเร็ว ลักเล็กขโมยน้อย ฉกชิงวิ่งราว ปีนป่ายเพื่อลักขโมยทรัพย์สิ่งของ รับซื้อของโจร อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ร่อนเร่พเนจรไปตามอาชีพ จึงเป็นอกุศลกรรมให้มาเกิดเป็นลิง ค่าง ชะนี ที่มีมือไม้ไว หน่วยก้านดีในการปีนป่ายต้นไม้ตามจริงนิสัยเดิมแต่ชาติปางก่อน

    กำเนิดเป็นอสรพิษ

    งูเห่า งูจงอาง งูแมวเซา งูกะปะ งู สามเหลี่ยม เป็นต้น ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการพูดจาให้ร้ายผู้คนให้เจ็บใจ ให้เจ็บปวด ให้เสียใจทุกข์ทรมานจนถึงตรอมใจตาย บ้างฆ่าตัวตายไปก็มี บ้างก็พูดให้เขาทะเลาะวิวาทกันจนถึงต้องทุบตีทำร้ายกันจนบาดเจ็บ บ้างล้มตายไปก็มี เพราประกอบอกุศลธรรมทางวาจาที่ร้ายกาจนี้ จึงเป็นปัจจัยให้มาถือกำเนิดเป็นอสรพิษ ปากร้าย ปากมีพิษตามจริตสันดานเดิมในชาติปางก่อน

    กำเนิดเป็น เป็ด ไก่ ห่าน

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการทุจริตด้วยการต้มตุ๋นหลอกลวง ปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ยอย่างหน้าเลือด อารมณ์ดุร้ายด่าพ่อล่อแม่ ใช้ปากในทางเสื่อมเสีย จึงเป็นเหตุปัจจัยให้มาเกิดเป็นไก่ขันรับอรุณ ชาติก่อนรีดไถชาวบ้าน ชาตินี้ต้องใช้กรรมเกิดเป็นไก่ฟาร์ม เป็นอาหารตอบแทนเขา พวกที่กินดอกเบี้ยอย่างน่าเลือดก็เกิดเป็นแม่เป็ด แม่ไก่ ออกไข่มาให้มนุษย์กินชดใช้ดอกเบี้ยหน้าเลือดของตน

    กำเนิดเป็น แพะ แกะ

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการฉ้อโกงโดยหาผลประโยชน์บนความทุกข์ของผู้อื่น ฉวยโอกาสปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ยแพงๆ ทุจริตยักยอกเงิน กินงบประมาณ ขายของปลอมให้คนอื่นหลงดีใจว่าได้ของดีราคาแพง ด้วยแรงอกุศลกรรมจึงมาถือกำเนิดเป็นแพะ ถูกคนฆ่ากินเลือดเนื้อ ถูกรีดนมชดใช้ชำระหนี้มนุษย์ และกำเนิดเป็นแกะที่ถูกเลี้ยงไว้ตัดขน ในที่สุดก็ถูกฆ่ากินเนื้อเพื่อชำระหนี้ผู้คนที่ตนเคยฉ้อโกงเขามาก่อน

    กำเนิดเป็น วัว ควาย

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ หลงมัวเมาในการเอารัดเอาเปรียบ เป็นนายจ้างที่ขึ้นชื่อว่าทำนาบนหลังคน ทุจริตในการค้า โกงตาชั่ง หลอกลวงทรัพย์สินชาวบ้าน ล้มแชร์ กู้หนี้ยืมสินแล้วไม่ใช้คืน ซื้อขายไม่ยุติธรรม จึงเป็นเหตุปัจจัยให้มาถือกำเนิดเป็นวัว ควาย ถูกใช้แรงงานและถูกฆ่าเอาเนื้อเอาหนังเพื่อชดเชยชดใช้หนี้กรรมของตนที่ก่อ ไว้

    กำเนิดเป็นเสือ

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ มีโมหะกิเลส มัวเมาในนิสัยนักเลงอันธพาล เป็นผู้ร้ายต่างๆ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจึงถูกผู้คนตั้งฉายาว่า “ไอ้เสือดำ” “ไอ้เสือลาย” “ไอ้เสือเหลือง” “ไอ้เสือโคร่ง” เมื่อประกอบอกุศลกรรมต่างๆ มากมาย หลังจากตายไปแล้วก็ต้องไปชดใช้หนี้กรรมในนรก เปรต อสุรกาย แต่เศษกรรมก็ยังไม่หมดสิ้นยังติดกายติดใจอยู่อีก ก็บันดาลให้มาเกิดในตระกูลเสือร้ายต่างๆ ตามสันดานเดิม

    กำเนิดเป็นราชสีห์

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ มีโมหะกิเลสมาก หลงมัวเมาในอำนาจความเป็นใหญ่ ปรารถนาเป็นมหาราช เป็นจักรพรรดิ แล้วประกอบอกุศลธรรมอันเป็นบาปเป็นโทษเพียงเพื่อให้ได้เป็นใหญ่ โดยไม่ละอายเกรงกลัวบาปกรรมโดๆ หลังจากตายแล้วจึงไปชดใช้กรรมในนรก เปรต อสุรกาย ก็ยังไม่หมดสิ้นบาปกรรม ก็ต้องมาชดใช้เศษอกุศลกรรมโดยถือกำเนิดเป็นราชสีห์ ซึ่งสัตว์ป่านานาชนิดเกรงกลัวตามจริงนิสัยที่เคยเป็นผู้บ้าอำนาจมาแล้วจากอดีตชาติ

    กำเนิดเป็นกระรอก

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ มีจิตใจชอบใจ ชอบชี้แนะ ชี้ช่องทาง ( ชี้โพรงให้กระรอก ) ให้ผู้อื่นทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างผิดๆ ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ให้ทุกข์ให้โทษแก่ผู้อื่น จึงเป็นเหตุปัจจัยให้กำเนิดเป็นกระรอก ต้องอาศัยโพรงไม้ต่างๆ เป็นที่อยู่ และมักต้องประสบภัยอันตรายจากงู นก มนุษย์ และสัตว์อื่นๆ คอยทำลายเอาชีวิตจึงอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขด้วยแรงกรรมเก่าในชาติก่อนๆ นั่นเอง

    กำเนิดเป็นหนอน

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ มีจิตใจสกปรก เต็มไปด้วยราคะ โทสะ โมหะ แล้วมักประกอบอกุศลกรรม เช่น ทุจริตประพฤติมิชอบต่างๆ อันผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ทุจริตในกิจการป่าช้าเผาผี ทุจริตในวงการศาสนา ทุจริตในวงราชการ ประกอบมิจฉาชีพ ค้าหญิงบริการ ฯลฯ ซึ่งได้ปัจจัยมาบริโภคด้วยความสกปรกเน่าเหม็น จึงเป็นเหตุบันดาลให้ต้องมาถือกำเนิดเป็นหนอนจมอยู่ในคูถ กินของสกปรกเน่าเหม็นตามจริตสันดานของตนในอดีตที่ทำไว้

    กำเนิดเป็นปลวก

    ด้วยสมัยเป็นมนุษย์ มีจิตใจไม่เห็นคุณค่า คุณประโยชน์ของต้นไม้ ป่าไม้ คิดแต่จะตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำไม้มาขาย และบุกรุกที่ดินโดยไม่เห็นโทษภัยอันตรายอันเกิดจากการทำลายต้นไม้ ป่าไม้ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้ต้องเกิดเป็นปลวก ตามจริงนิสัยที่ชอบทำลายต้นไม้ ป่าไม้ ต้องกินไม้เป็นอาหารจนกว่าจะใช้หนี้กรรมให้หมดสิ้น

    สารจากยมบาล

    ผู้ คนอย่าดูเพียงชาตินี้ชาติเดียว ควรพิจารณาว่ากฎแห่งกรรมนั้นมีจริง ผลที่รับในชาตินี้สืบเนื่องจากการกระทำในชาติก่อน ดังนั้นผู้ที่ยากจน หรือมีโรคมากก็จงอย่าโทษฟ้าดินหรือคนอื่น ควรรีบสร้างบุญสร้างกุศล ผู้ที่มีบุญวาสนาก็ยิ่งต้องรักบุญกุศล สะสมบุญบารมีอีก มิฉะนั้นพอหมดบุญลง เคราะห์กรรมมาถึงก็จะได้ลิ้มรสผลชั่วของตนเอง


    ตลอดชีวิตของคน ตอนที่ใกล้จะตายให้สังเกตอวัยวะทั้งห้าว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรร่างกายแข็งทื่อหรืออ่อนนิ่ม ใบหน้าปกติหรือไม่ จะได้รู้ว่าผู้ตายจะไปสู่สุคติหรือลงสู่ขุมนรก ให้พิจารณาดูดังนี้ :

    1. ตอนตายใหม่ๆ ถ้าหากหน้าตาปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ก็เนื่องจากได้บรรลุธรรมดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ

    2. ตอนตายใหม่ๆ ถ้าหากร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาซีดเผือดเหมือนคนตกใจ นั่นแสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว

    3. ถ้าตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัวเพราะความตกใจกลัว ทำให้เนื้อกายเปลี่ยนไป ซึ่งเรียกว่าเปลี่ยนลักษณะ จะไปเกิดเป็นสัตว์สี่ชนิดด้วยกันเราก็ดูได้จาก “ตา หู จมูก ปาก” เป็นทหารทั้งสี่ที่ดวงวิญญาณจะไปเกิด เพราะตามีน้ำตา หูก็มีขี้หู จมูกก็มีน้ำมูกปากก็มีน้ำลาย เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง ดังนั้นเมื่อตายลงแล้วถ้าวิญญาณออกจากทวารต่างๆ นี้ ชาติหน้าไปเกิดเป็นสัตว์สี่ประเภทคือ สัตว์เกิดจากรก เกิดจากไข่ เกิดเป็นสัตว์น้ำ และเกิดเป็นพวกแมลง

    ตา ”

    พวกที่หลงกามคุณมากเกินไป พอจวนจะตายดวงตาจะเบิกกว้าง วิญญาณจะออกจากร่างทางทวารตา ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดจากไข่) เช่น พวกนกต่างๆ อันได้แก่ นกเหยี่ยว นกพิราบ นกนางแอ่น ฯลฯ เป็นต้นพวกนี้ตาจะได้เห็นทั่วทั้งสี่ทิศ

    หู ”

    พวกที่ชอบฟังเรื่องราวไม่ดีเรื่องร้ายๆ ต่างๆ มากมาย พอตายลงหูทั้งสองข้างจะชันขึ้น วิญญาณออกจากทวารหู ชาติหน้าก็เกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากรก ได้แก่ ช้าง ม้า วัวควาย หูจะเข้าใจภาษาคน ให้คนได้เรียกใช้สอย

    ปาก ”

    พวกที่กล่าวร้ายทำลายผู้อื่น พูดจาเสียดสีนินทา กล่าวหาเกินเลย ก่อนจะตาย ปากจะอ้ากว้างไม่หุบ วิญญาณออกทวารปาก จะไปเกิดเป็นพวกสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาเป็นต้น ปากจะลิ้มรสของเหม็นของ สกปรก

    จมูก ”

    พวกที่ชอบหลงใหลกับกลิ่นหอม ชอบหาเงินที่สกปรก ก่อนจะตายจมูกจะเบิกกว้าง วิญญาณออกทางจมูก ชาติหน้าจะเกิดเป็นพวกแมลง เช่น ยุง แมลงวัน มด หนอนต่างๆ เป็นต้น เพราะจมูกชอบดมของเหม็นที่สกปรก ชอบอกชอบใจตนเอง พวกนี้เกิดในที่ชื้นแฉะ มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากบาปหนักวิญญาณจะถูกตีแตกกระจายไปเกิดเป็นแมลง ต่างๆ

    เวลาคนตายลง วิญญาณที่ออกทางทวาร “ตา หู จมูก ปาก” นี้ ล้วนมีเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี เนื่องจากทวารทั้งสี่เป็นทวารสำรองที่คอยช่วยเหลือ “เจ้าของธาตุแท้” ถ้าหากใช้ทวารทั้งสี่ไปในทางที่ถูกต้องก็จะเป็น “ผู้เที่ยงตรงทั้งสี่” หากใช้ในทางตรงข้ามก็จะกลายเป็น “สี่มหาโจร” ซึ่งจะทำลายเจ้าของ ในเวลาปกติถ้าใช้ทวารทั้งสี่ในทางเลวร้าย พอตายลงวิญญาณก็จะออกทางทวาร เหล่านี้โดยธรรมชาติ ทำให้ไปเกิดเป็นสัตว์ต่างๆ 4 ประเภท

    จากหน้าตาของผู้วายชนม์ ก็สามารถหยั่งรู้ทางไปของเขา แต่ก็ต้องอาศัยเหตุต้นผลกรรม และบาปบุญคุณโทษที่มีอยู่มาชำระคดีความจึงสามารถได้ผลที่ถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจากรูปลักษณ์ก่อนตายก็สามารถที่จะรู้ได้ถึงที่ทางที่เขาจะ ได้ไปดีหรือร้ายอย่างไร

    ดังนั้น ทิศทางหมุนเวียนของคนก็ขึ้นอยู่กับตัวของคนเอง ผู้ที่มีตาทิพย์ย่อมเห็นได้เองโดยตลอด ขอให้ผู้คนเดินในทางตรง (สร้างบุญกุศล) อย่าเดินทางอ้อม (ก่อกรรมทำเข็ญ) ตอนจะจากโลกนี้ไปจะได้เดินทางโดยสวัสดิภาพ


    บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นิมิตร ใน Educational

    ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/300521
     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    โลกนี้มีอะไรแน่นอนบ้าง !! ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย แล้วแต่สร้างกรรมใดไว้ ย่อมต้องรับผลนั้นค่ะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ถ้าดู ณ ปัจจุบันนี้ น้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ กระแสแห่งกรรมย่อมถูกดึงดูดด้วยกิเลสตัณหาเช่นเดียวกัน ดีสุดขั้ว หรือ ชั่วสุดขีด ก็ดูจากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ว่าโลกเราทำไมถึงได้เดินมาถึงจุดนี้ หากเป็นไปตามพุทธทำนาย เป็นไปตามวาระกรรมของสัตว์โลกค่ะ รู้ดีกว่าไม่รู้ อาจเปลี่ยนสถานการณ์จากหนักเป็นเบาได้บ้างค่ะ
     
  17. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ล้างเร็วๆก้ดีครับจะได้สะอาดไวๆ
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    การเปรียบเทียบกิเลสตัณหาเหมือนกระแสน้ำ กระแสน้ำที่ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ กิเลสตัณหาภายในจิตใจย่อมไหลไปตามแรงดึงดูดของกระแสโลกได้ง่ายกว่าค่ะ

    ยุคนี้คนชั่วจึงมีมากกว่าคนดี


    รหัส 11-11 ที่ทุกคนกล่าวขานกันมากในยุคนี้ มีอีกนัยยะค่ะ

    รหัสแรก คือ สนามแม่เหล็กดังกล่าวทำมุมเอียง 11 องศา กับแกนโลก

    ปัจจุบันแกนโลกหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ทำมุมแนวดิ่งอยู่ที่ 23.5 องศา เราทุกคนล้วนทราบกันดีอยู่แล้วค่ะ เมื่อกำหนดชำระครั้งใหญ่ แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ ในยุคพลังงานใหม่ ก็คือ 32 องศากับแนวดิ่ง แกนโลกจะเปลี่ยนแปลงใหม่จากเดิมที่ 23.5 องศาไปอยู่ที่ 32 องศา แทน และยุคพลังงานใหม่หรือยุคศิวิไลย์ ก็คือ 32 องศาแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุล ให้สมกับเป็นยุคศิวิไลย์ หรือ ยุค New Age ที่เราได้ยินชื่อกันจนคุ้นหูกันในยุคปัจจบันนี้ค่ะ

    นี้จึงมิใช่เรื่องเพียงกล่าวขานกันเพียงเท่านั้นค่ะ

    รหัส 11 หลัง ก็คือ โลกจะเบี่ยงแบนไปจากเดิม 8.5 + เข็มทิศจะเบี่ยงเบนไปจากเดิมไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 3 องศา ทำให้พลังงานสนามแม่เหล็กโลกยกตัวสูงขึ้นกว่าเดิมจากพื้นผิวโลก

    ดาวเคราะห์โลกมีลักษณะรูปทรงกลมผลส้ม ล่องลอยอยู่ในสนามพลังงาน ที่มนุษย์เรียกว่า "ที่ว่างโล่ง" หรือ อวกาศ ดุจดั่งลูกบอลกลม ๆที่กำลังล่องลอยอยู่ในน้ำ แต่ดาวเคราะห์โลกที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศนี้แตกต่าจากลูกบอลที่ล่องลอยอยู่ในน้ำก็ตรงเงื่อนไขการลอยตัวที่ต่างกัน นั่นคือ ดาวเคราะห์โลกดวงนี้มิได้ล่องลอยอยู่เฉย ๆ ดั่งที่ลูกบอลที่ลอยไปตามน้ำหรือลอยไปตามกระแสลม แต่ขณะที่ลอยอยู่ในอวกาศนั้นดาวเคราะห์โลกต้องรักษาคุณสมบัติของตนเองเอาไว้ให้คงที่ดังเดิมด้วย คือ

    ๑.มีแรงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง ด้วยอัตราเร็วคงที่
    ๒.มีการโคจรไปรอบ ๆ ศูนย์กลางของจักรภพ คือ ดวงอาทิตย์ด้วยอัตราเร็วคงที่
    ๓.มีแนวแกนหมุนที่เอียงทำมุมกับแนวดิ่ว ซึ่งตั้งฉากกับแนวระนาบระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ท่เป็นมุมองศาเดิมตลอดเวลา

    ในปลายยุคพลังงานเก่าก่อนการชำระโลกนั้น อัตราเหวี่ยงหมุนของโลกจัดว่า ช้าที่สุด ซึ่งมันจะช้าไปกว่านี้ไปไม่ได้อีกแล้ว มิเช่นนั้นโลกดวงนี้จะเสียสมดุลไปทั้งระบบทันที เพราะแรงดึงดูด หรือ "แรงโน้มถ่วงของโลก" จะต่ำเกินระดับกว่ามาตรฐานผลลัพธ์ คือ ดาวเคราะห์โลกไม่อาจยึดรั้งทุกสรรพสิ่งไว้กับตนได้ การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองในอัตราความเร็วที่คงที่และเหมาะสมกระบวนการกระทำทางเทคนิคในอันที่จะสร้างความสมดุลขึ้นภายในระบบของทุกสรรพสิ่งนั้น ๆ ตั้งแต่ระดับ อนุภาค จุลาภาค ไปจนถึงมหภาค เปรียบดั่งลูกข่างลูกหนึ่งที่กำลังเหวี่ยงหมุนอยู่นั้นถ้าเพิ่มน้ำหนักมวลใส่เข้าไปให้แก่ลูกข่างเรื่อย ๆ มันย่อมทำให้ลูกข่างมีนำหนักมวลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ในที่สุดมันก็จะเกิดอาการโคลงเคลงหรือแกว่งซึ่งเป็นอาการเสียสมดุล ซึ่งอีกไม่นานมันก็จะล้มลงหรือหยุดหมุน เป็นมายาที่ปรากฎให้เห็นเช่นเดียวกับโลกที่กลับถูกทำให้น้ำหนักมวลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อัตราการเร็วหมุนรอบตัวเองช้าลง เมื่อเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองช้าต่ำกว่าพิกัดที่กำหนด จะเกิดปัญหาทั้งในมิติกายภาพและมิติพลังงาน คือ โลกเกิดอาการแกว่งหรือส่ายไปมาในขณะหมุนรอบตัวเอง ผลลัพธ์ของการแกว่ง ผลลัพธ์ทำให้ฤดูกาลดินฟ้าอากาศวิปริตแผกไปจากเดิม สาเหตุน้ำหนักมวลเพิ่มขึ้น คือ ขยะวัตถุเทคโนโลยี๑ น้ำหนักมวลรวมของมนุษย์และสัตว์โลก๑ และจำนวนรูปธรรมมนุษย์ที่ไม่สมดุลที่เพิ่มขึ้น(หรือคนชั่ว)๑

    มนุษย์เมื่อสร้างพลังงานด้านบวกไม่ได้ มิหนำซ้ำยังสร้างพลังงานด้านลบขึ้นมาให้รกโลกเสียอีกต่างหากด้วย สิ่งใดที่ให้ประจุบวกแก่โลกของตนไม่ได้ จึงหมายถึง "ขยะ"ที่รกโลก สิ่งใดที่ประจุลบแก่โลกของตน จึงหมายถึง "ขยะ" เช่นเดียวกัน สรรพสิ่งใดที่ให้ประจุบวกแก่โลกไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำยังให้ประจุลบที่โลกไม่ต้องการ สิ่งนั้นจึงเป็นเพียง "ขยะ" ที่โลกไม่ต้องการ

    การที่มนุษย์มุ่งแต่จะขุดเอา ขุดคุ้ย หรือดูดซับเอาทรัพยากรที่เป็นแร่ธาตุต่าง ๆ มาจากในเนื้อโลกเพื่อเอาไปใช้ผลิตเป็นขยะเทคโนโลยีกันอย่างไร้สำนึกนั้น การกระทำนั้นนอกจากจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักและน้ำหนักมวลขยะขึ้นบนผิวโลกแล้ว มันยังเป็นการลดน้ำหนักมวลของสรรพสิ่งในเนื้อโลกไปพร้อม ๆ กันด้วย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้คือ น้ำหนักมวลรวมของทุกสรรพสิ่งที่อยู่บนผิวโลก ในปลายยุคพลังงานเก่าก่อนกาลชำระโลกเพื่อปิดยุคพลังงานเก่า ในวันก่อน วันเวลาที่ 11:11 จะมาถึง ขยะวัตถุเทคโนโลยีจึงต้องถูกกำจัดออกไปด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มพลังอำนาจแม่เหล็กโลก ความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกในยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมามีค่าเท่ากับ 14 เก้าส์ ในยุคใหม่ ค่าความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กจะเท่ากับ 22 เก้าส์ มีค่าสูงขึ้นกว่าเดิมนั่นเองค่ะ จาก:แหล่งข้อมูลเดิม

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ให้แนวทางเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาให้พิจารณาและแจ้งประจักษ์ว่าเป็นจริงดั่งว่า คือ โลกกำลังเกิดขึ้นและกำลังเป็นไปตามนั้นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2018
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ค่ะ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในพระไตรปิฎก จูฬนีสูตร ที่กล่าวถึงเรื่องจักรวาล และ มนุษย์ต่างดาว

    ตนเองเคยกล่าวไว้ว่า..จิตจักรวาล คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือชั้นจักรวาลโลก หรือ เลยชั้นพรหมโลก หรือ พรหมชั้นที่ ๑๖ นะค่ะ

    (พรหมชั้นนี้...ที่พระพรหมอนาคามีทั้งหลายในสุทธาวาสพรหมแรกทั้ง ๔ หากยังมิได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์เข้าสู่ พระปรินิพพานแล้ว ครั้นสิ้นพรหมายุขัย ก็จำต้องจุติจาก สุทธาวาสพรหมโลกที่ตนสถิตอยู่มาอุบัติเกิดใน อกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกนี้ เมื่อมาอุบัติเกิดในที่นี้แล้วย่อมจะ ไม่ไปอุบัติเกิดเป็นอะไรและในที่ใดภูมิใดอีกเลย เพราะ จะต้องได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์เข้าสู่ พระปรินิพพานอยู่ในพรหมโลกชั้นอกนิฏฐพรหมโลก นี่เอง

    จึงอาจกล่าวได้ว่า อกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกนี้ เป็นพรหมโลกที่มีศีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาคุณ อยางประเสริฐล้ำเลิศยิ่งกว่าพรหมโลกชั้นอื่นๆ ทั้งหมด ด้วยประการฉะนี้)

    จิตจักรวาลในองค์ความรู้ของ อ.ปริญญานี้ เป็น"จิต" หรือแก่นแท้ของจักรวาล หรือเป็นจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานสากล เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ในจักรวาลอันไพศาลนี้ เป็นผู้กำหนดกฎแห่งการสมดุลกันของทุกสรรพสิ่งที่ไม่มีผู้ใดจะสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือ ปฏิเสธได้ โดยกฎเกณฑ์แห่งการสมดุลกันของทุกสรรพสิ่งดังกล่าวนี้คือ สิ่งที่มนุษย์เรียว่า "สัจธรรม" นั่นเอง

    หรือเคยกล่าวไว้ในโพสที่ผ่านมา คคห.#48 เป็นจิตที่พ้นจากอัตราความเป็นตนพ้นไปจากกระแสของวัฏฏะ เข้าสู่เนื้อความว่างของอวกาศอย่างแท้จริงนะค่ะ

    เป็นรูปธรรมพลังงาน(รูปทิพย์) ที่ดำรงคุณสมบัติอยู่ในสนามพลังงานสากลเหนือจักรวาลโลก เปี่ยมด้วยพลังงานและอำนาจในการรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง การเผยแพร่คลื่นความคิดจากต่างมิติ ส่วนการรับสัญญาณคลื่นวิธีใหม่ที่ไม่ใช่การเข้าทรงนี้ ไม่ใช่สิ่งอัศจรรย์เฉพาะตัว หากผ่านการฝึกฝนจนเกิดทักษะแล้วใคร ๆ ก็สามารถปฏิบัติได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ จะสามารถใข้กระบวนการดังกล่าวติดต่อโต้ตอบกับจักรวาลได้ง่ายขึ้น

    ผลึกแห่งการคิดรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดนี้ อ.ปริญญา ยืนยันว่าไม่ใช่ความรู้ส่วนตัวที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าหรือแปลมาจากตำราใด ๆ ซึ่งจิตจักรวาลได้เมตตาสื่อความรู้มาให้ยืนยันว่า ผู้เขียนเป็นมนุษย์คนหนึ่งจากอีกหลาย ๆ คนในต่างประเทศทั่วโลก ที่จะได้รับสื่อเหล่านี้ เพื่อช่วยกันเผยแพร่บุคคลอื่นต่อไป แหล่งข้อมูลเดิมก็หมายถึงสิ่งนี้นะค่ะ

    ส่วนของตนเองได้มีผู้นำหนังสือมาให้เมื่อปี 2546 ในวันเกิดตนเองค่ะ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ จนเก็บหนังสือนั้นไว้เป็นระยะเวลาหลายปี จนวันหนึ่งได้สัมผัสอะไรบางประการด้วยตนเอง จนได้ตั้งกระทู้"ทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก" ที่ห้องวิทยาศาสตร์ ผนวกกับการเจอสภาวะธรรมโลกุตระหลาย ๆ อย่างที่ประสบมา อยู่ในกระทู้นี้ค่ะ

    http://palungjit.org/threads/ขออนุญ...ิบัติทุกท่านครับ.633133/page-31#post-10659046

    และผู้ทรงคุณหลาย ๆ ท่านก็ยังยืนยัน จึงมั่นใจได้ว่า "องค์ธรรมิกราชา" ราชาแห่งธรรม ได้ส่องแสงสว่างลงมายังโลกอีกครา ตามคำพุทธทำนายของพระพุทธเจ้าแล้วในยุคกึ่งพุทธกาลค่ะ และที่มั่นใจยิ่งขึ้นคือ การลงรายละเอียดในกระทู้นี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลข้อมูลให้อีกที ไม่ว่าจะเป็นการเจอข้อมูลโดยบังเอิญ ข้อมูลใดที่อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือผิดไปจะเด้งออกจากระบบลงข้อมูลไม่ได้ และอีกหลายประเด็นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2018
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    อีกประเด็นสำคัญ ในหลวง ร.๙ ท่านก็ทรงทราบเรื่องนี้ดีด้วยบุญญาธิการพระบุญบารมี ท่านจึงทรงประทาน "ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง" ให้คนไทยถือเป็นแนวปฏิบัติกันในสังคม เพื่อความอยู่รอดของสังคมในชาติไทย

    เราคงจำกันได้ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๙ วันที่พระองค์ได้ออก ณ สีหบัญชร และอีกหลายคราต่อมา ที่คนไทยเปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ" ที่เราได้เห็นภาพความรักความสามัคคีพร้อมเพียงร่วมแรงใจกัน ส่งความรักให้ผู้เป็นที่เคารพรักเป็นที่ยึดเหนี่ยวของชาวไทย พลังรักพลังสมัคคีนั่นแหละค่ะ ที่จะทำให้ประเทศไทยอยู่รอดและปลอดภัย

    ย้อนระลึกภาพความทรงจำนี้ ยิ่งรักและเคารพยิ่งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ น้ำตาหลั่งไหลถึงพลังงานร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน ที่ใครก็สัมผัสได้ในพลังนั้นเป็นพลังงานบวกที่ประโยชน์แก่โลกและปวงชนชาวไทยอย่างมหาศาล และพระดำรัสที่พระองค์ตรัสไว้ในครั้งสุดท้ายที่ออกสีหบัญชร ลองค้นในยูทูปดูค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...