เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย >_<.ST.>_<, 6 พฤศจิกายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ฺBaan Tham

    ฺBaan Tham Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +39
    รอฟัง
     
  2. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ทำไมไม่แจ้งเวลาละครับคนที่เขาเชื่อจะได้เตรียมตัวครับ
     
  3. ไร้กรอบ

    ไร้กรอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +6,628
    พร้อมจะไปทำอะไร จะเป็นยอดมนุษย์หรือ
     
  4. karokwat

    karokwat นารายณ์ ❤️ ลักษมี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +317
    ถูกต้องนะคร้าบ ยอดมนุษย์ Super Hero ! :D
     
  5. karokwat

    karokwat นารายณ์ ❤️ ลักษมี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +317
    ในอนาคตอันใกล้ อีก 2 ปี ข้างหน้านี้
    พ.ศ.2563 / ค.ศ.2020
    ปีกุน จุลศักราช 1381 คริสตศักราช 2020 , มหาศักราช 1941 , รัตนโกสินทร์ศก 238

    จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์
    พร้อมการมาปรากฎตัวของ "ราชาผู้นำแห่งแสงสว่าง"
    ไม่ต้องวิตกกังวลกับเหตุการณ์ไดๆเลย แค่เพียงตัวเราอยู่ด้านสว่างก็พอแล้ว :D
     
  6. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    โอวช่างนานจริงๆไม่รู้ว่าผมจะมีลมหายใจไปถึงปี63หรือเปล่าก็ไม่รู้
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเตรียมเครื่องกรองน้ำ ไว้รับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วม


    เผยแพร่เมื่อ 15 มี.ค. 2018
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระยาโกษาเหล็ก จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)

    วาระที่ ๑๐ ก็ลงมาเกิดเป็นขุนเหล็ก หรือ “พระยาโกษาเหล็ก” เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อ ขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ประวัติของ เจ้าพระยาโกษาเหล็ก และสมัยหลังน้องชายก็เป็นเจ้าพระยาโกษาปาน ทำอะไรบ้างก็รู้กันตามประวัติศาสตร์แล้ว แต่งานจริง ๆ ทำมากกว่านั้นมีงานหนักมาก เจ้าพระยาโกษาเหล็กนี่เป็นเชื้อสายของสุโขทัย ตอนนี้ท่านก็มาถึงไทย และขยายไทยให้เข้าสู่สภาพปกติ เพราะตอนนั้นไม่สู้ปกตินัก เจ้าพระยาโกษาเหล็กและเจ้าพระยาโกษาปาน เคยเดินทางถึงต่างประเทศ ทั้ง ๒ คน มีฝีมือดีเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาก อันดันแรกเป็นเพื่อนเล่นกัน ต่อมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันมีฝีมือดี ต่อมาเป็นแม่ทัพ สมัยนั้นมีแม่ทัพนายกองเก่ง ๆ หลายท่านด้วยกัน เช่น พระยาพิชัยดาบหัก และอีกหลายคน ไม่ใช่เก่งคนเดียว เก่งคนเดียวนี่เก่งไม่ได้

    บั้นปลายของชีวิตท่านลาราชกิจราชการ เพราะเป็นคนแก่ ไปจำศีลภาวนาเจริญพระกรรมฐานวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตามปกติของคนแก่ ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ด้วยกำลังของฌานไปเป็นพรหมตามเดิม นอนสบายได้พักหนึ่ง ก็ต้องเสด็จลงมาอีกแล้วกรุงศรีอยุธยาแตกยับเยิน


    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระนารายณ์มหาราชสมัยกรุงศรีอยุธยา กับ ร.4 มีจริยาคล้ายกัน

    mahaasia สมาชิก

    มีใครบ้าง แล้วลองบอกเหตุผล

    suchat สมาชิก

    ผมไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ที่เคยอ่านๆมาบ้าง ทั้งสองพระองค์มีวิสัยทัศน์ด้านการต่างประเทศเหมือนกัน คือสองพระองค์ทรงเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติอย่างมาก นำความเจริญมาสู่ประเทศ ทำให้ประเทศก้าวหน้า และทั้งสองพระองค์มีชาวต่างชาติเข้ามารับใช้ราชสำนักที่สนิท เหมือนกัน (ไม่ทราบว่าผิดหรือเปล่านะครับ) สมเด็จพระนารายณ์ทรงมี ฟอลคอลเป็นคนสนิท คือเจ้าพระยาวิชาเยน (ถ้าพิมพ์ผิดขออภัยด้วยครับ) และองค์รัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านมีบุคคลต่างชาติที่เข้ามารับใช้ราชสำนักใกล้ชิด คือ แม่ม แอนด์นา ที่เราเคยได้ยินกันมาบ้าง ทรงให้มาสอนภาษาอังกฤษแก่ พระราชโอรส พระราชธิดา
    ผิดถูกประการใด ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


    Naiky สมาชิก

    เคยอ่าน "อภินิหารการประจักษ์" ของพระสังฆราชสมัยรัชกาลที่ 4
    ท่านเขียนว่ารัชกาลที่ 4 มีอะไรที่คล้ายกับพระเจ้าลิไทสมัยสุโขทัย
    เช่น สนใจทางศาสนา ทรงพระไตรปิฎก มีความรู้ทางโหราศาสตร์
    จนถึงขนาดลบแก้ศักราชได้ ท่านพระสังฆราชท่านเขียนลักษณะว่า
    พระจอมเกล้าก็คือพระเจ้าลิไทกลับชาติมาเกิด แต่ท่านไม่กล่าวตรงๆ
    ด้วยท่านเป็นพระ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ทั่วไปตามสภากาแฟทั้งหลาย
    ต่างก็ว่ากันยิ่งกว่านั้น คือ จากพระเจ้าลิไท มาเกิดเป็นพระนารายณ์
    มหาราชก่อน แล้วจึงมาเกิดเป็นพระจอมเกล้า และพระนารายณ์กับ
    พระจอมเกล้าก็นิสัยไม่ผิดเพี้ยนกันเลย เช่นนิยมฝรั่ง เล่นดาราศาสตร์
    มีความผูกพันกับลพบุรี ฯลฯ

    ถ้าอดีตชาติท่านเป็นอย่างนั้นจริง ท่านก็มีความผูกพันกลับหลวงพ่อ
    ฤาษีเป็นอย่างมาก
    -สมัยเป็นพระเจ้าลิไทก็ได้ร่วมสร้างพระกับขุนหลวงพะงั่ว
    -ได้ร่วมกันสร้างความปึกแผ่นของไทยกับพระยาโกษาเหล็ก เมื่อครั้ง
    เป็นพระนารายณ์มหาราช
    -ได้ปูพื้นฐานสั่งสอนความรู้ให้กับรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเป็นรัชกาลที่ 4


    mahaasia สมาชิก

    ก็เคยได้ยินมาครับ ไม่รู้ว่าจริงเปล่า วันนี้ได้รับการชี้แนะจากท่านทั้งสองกระจ่างมั่งแล้วขอบพระคุณครับ

    ที่มา https://palungjit.org/threads/ไหนใค...ทธยา-กับ-ร-4-มีจริยาคล้ายกันยกมือขึ้น.102893/
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระนารายณ์ มหาราชปลายขอบในโลกภาพยนตร์ไทย

    1435139825-KingNarai-o.jpg

    นานมาแล้วที่กระแสการผลิตละครและภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ไทย ถูกขับเคลื่อนด้วยตำนานมหาสงครามกับพม่าข้าศึก โดยมีมหาวีรกษัตริย์อย่างสมเด็จพระนเรศวร หรือเหล่าวีรชนสามัญอย่างชาวบ้านบางระจัน และแม้แต่บรรดาตัวละครสมมติที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นในช่วงการล่มของพระนครศรีอยุธยา เป็นฟันเฟืองหลักที่คอยขับเคลื่อนให้กระบวนการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของคนไทยมักเสพเอาแต่สารัตถะเกี่ยวกับการรณรงค์สงครามและปฏิสัมพันธ์กับดินแดนพม่าข้าศึก จนทำให้ วีรบุรุษ สามัญชน และเพื่อนบ้านฟากอื่นๆ ถูกตีตกขอบออกไปจากการรับรู้ของสังคมไทย

    หนึ่งในนั้น คือ สมเด็จพระนารายณ์ กษัตริย์มหาราช ผู้เปี่ยมไปด้วยพระราชกรณียกิจทางการทูตและการต่างประเทศ หากแต่ก็กลับถูกเบียดขับ บดบัง และถูกข่มให้มัวจนตกขอบไปจากแวดวงภาพยนตร์ไทย

    สำหรับสาเหตุสำคัญ อาจมีหลายประการ อาทิ
    1. พระนามของพระองค์อาจทับซ้อนกับพระนารายณ์ เทพเจ้าตรีมูรติในศาสนาฮินดู ซึ่งประเด็นเช่นว่า อาจทำให้ชาวบ้านจำนวนมิน้อย ที่ขาดการติดตามประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทยในวงกว้าง เกิดความสับสนในการรับรู้เรียกขาน

    2. ภารกิจทางการทูต อาจจะทำรายได้หรือถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ที่มีความคึกคักระห่ำมันส์และถูกอรรถรส มิเท่ากับฉากรณรงค์สงคราม อย่างสงครามกู้อิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรและสงครามเก้าทัพ (หากจะพิจารณาจากคอหนังที่ชมชอบการรบทัพจับศึกหรือการชมบทต่อสู้แบบคิวบู๊) ประกอบกับเครื่องรางของขลังเกี่ยวกับพระนารายณ์ ก็ไม่เป็นที่นิยมมากนักในหมู่เซียนพระ นักเลงประวัติศาสตร์ หรือพวกนักรบ นักมวย นักการทหาร เมื่อจะนำไปเทียบกับกรณีของสมเด็จพระนเรศวร

    3. ประวัติศาสตร์การสร้างรัฐรวมศูนย์เพื่อประดิษฐ์ความเป็นไทยโดยมีอยุธยา กรุงเทพ หรือแกนสยามทางแถบลุ่มเจ้าพระยาเป็นศูนย์กลาง ย่อมต้องเรียกหาเหล่ากษัตริย์และขุนศึกยอดนักรบเพื่อเร้าความรู้สึกตามแบบฉบับชาตินิยม ซึ่งมีผลทำให้งานวรรณกรรมจำนวนมากเกี่ยวกับสงคราม ได้รับความนิยมจนกลายเป็นตลาดกระแสหลักในโลกบันเทิงไทย

    4. หากจะมีภาพยนตร์หรือละครเวทีเกี่ยวกับการทูต ผู้ผลิตมักหันเหไปทำเรื่องราวในสมัยรัชกาลที่สี่และห้าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อันสัมพันธ์กับวาทกรรมการเสียดินแดนกันมากกว่า

    5. กระทรวงการต่างประเทศไทย มักพรรณนาประวัติศาสตร์การทูตขององค์กร โดยเริ่มต้นไปที่ยุคปฏิรูปกิจการต่างประเทศในสมัยรัชกาลที่ห้า มากกว่าสมัยสมเด็จพระนารายณ์ พร้อมกันนั้น ในช่วงการขยายตัวของลัทธิชาตินิยมไทย จนถึงปัจจุบันกระทรวงการต่างประเทศเอง ก็มิได้มีบทบาทหรือขีดกำลังในการร่วมผลิตภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ เมื่อเทียบกับทางฟากกองทัพและกระทรวงกลาโหม

    6. พระนารายณ์เป็นกษัตริย์ที่มักแปรพระราชฐานไปยังเมืองลพบุรี จนทิ้งมรดกทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไว้ในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้พระองค์ถูกบูชายกย่องจนกลายเป็นกษัตริย์ท้องถิ่นมากกว่ากษัตริย์อยุธยาที่ถูกใช้เป็นโครงเรื่องหลักในประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยม ขณะที่การสร้างเมืองใหม่ลพบุรีสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งตัดแยกออกจากเมืองเก่าสมัยอยุธยาอย่างชัดเจน ก็ทำให้ภาพพระนารายณ์เกิดความลักลั่นและถูกแบ่งปันควบคุมโดยท่านผู้นำทหาร จนขาดความโดดเด่นอย่างมีเอกเทศ

    7. พระนารายณ์ทรงมีฐานกำลังและน้ำพระทัยที่โน้มเอียงมาทางขุนนางต่างชาติและประชาคมคริสตจักร-มุสลิม จนทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่พระสงฆ์ ขุนนางและไพร่ฟ้าสยามสายอนุรักษ์นิยม ประกอบกับกิจการด้านนโยบายต่างประเทศในรัชกาลของพระองค์มักถูกกลบทับด้วยวาทกรรมการขายชาติให้กับมหาอำนาจฝรั่ง จนทำให้ยุคทองทางการทูตและการพัฒนา ถูกบดบังราวประหนึ่งว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีโลกทัศน์แบบหลงยุคหลงสมัย โดยการตีความดังกล่าว มักเป็นคำอธิบายที่ช่วยเสริมความชอบธรรมให้กับการทำรัฐประหารโดยออกญาพระเพทราชา อันเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากราชวงศ์ปราสาททองไปสู่ราชวงศ์บ้านพลูหลวง

    จากเหตุผลคร่าวๆ 7 ประการ คงพอจับกระแสได้ว่าทำไมสมเด็จพระนารายณ์ถึงไม่เป็นที่นิยมหรือถูกมองข้ามในอุตสาหกรรมผลิตภาพยนต์ประวัติศาสตร์ในเมืองไทย ทั้งๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการก็เคยป้อนแบบเรียนสังคมศึกษาระดับมัธยม ซึ่งมีอยู่มิน้อยที่ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์การทูตในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ (หากแต่ว่าเนื้อที่และความเข้มข้นในการนำเสนอ ยังมิอาจเทียบชั้นได้กับบทนิพนธ์ทางด้านประวัติศาสตร์สงคราม) ขณะเดียวกัน งานของนักวิชาการจำนวนมาก อย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์ และภูธร ภูธะมน ที่ว่าด้วยเรื่องการเมืองและการทูตไทยสมัยพระนารายณ์ หรืองานแปลของบาทหลวงตาร์ชาร์ด ลาลูแบร์ และนิโคลัส แซร์แวส ที่เคยบรรยายภูมิสถาน ขนบจารีตประเพณีและการเมืองสยามสมัยสมเด็จพระนารายณ์อย่างละเอียด แม้จะเคยออกวางขายตามท้องตลาดในรูปแบบของบทความ หนังสือ และสื่อการศึกษาสารพัดชนิด หากแต่มิเคยมีผู้จัดภาพยนตร์คนใดหยิบขึ้นมาใช้เป็นเครื่องมือในการผลิตเรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระนารายณ์กันอย่างจริงจัง

    น่าขบคิดต่อว่า ทำไมผู้ทำหนังหรือผู้เสพภาพยนตร์ไทย จึงมิค่อยแสดงเสียงเพรียกหาถึงจุดเด่นหรืออรรถประโยชน์ในการทำละครภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งนอกจากเรื่องราวปฏิสัมพันธ์ทางการทูตทั้งที่มีต่อชาติตะวันตกอย่างฝรั่งเศส อังกฤษ ฮอลันดา ชาติเอเชียอย่างเปอร์เซีย ญี่ปุ่น จีน และชาติเพื่อนบ้านทั้งมอญ พม่า ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย (ในกรณีการลุกฮือของแขกมักกะสัน-มาร์กัสซาร์) ย่อมทำให้แก่นเรื่องของสมเด็จพระนารายณ์อาจแปลงสภาพไปสู่หนังไทยระดับนานาชาติที่ตีตลาดหนังสากลได้มากกว่าการยึดโครงเรื่องไว้ที่สนามสงครามที่มักจำกัดวงอยู่แต่กับพม่าข้าศึก ซึ่งแม้จะทำให้เกิดกระแสรักชาติ แต่กลับวางจุดสนใจไปที่พม่าเพียงอย่างเดียว พร้อมกลายเป็นเชื้อไฟที่ก่อให้เกิดอคติแง่ลบต่อเพื่อนบ้านตามมาอยู่เสมอ

    นอกเหนือจากมุมการเมืองระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงเข้าหาการเมืองภายในประเทศ ทั้งศึกชิงบัลลังก์ในราชวงศ์ปราสาททอง กลยุทธ์กลศาสตร์ทางการเมืองการปกครองของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนางพื้นเมือง ขุนนางต่างชาติ หรือบุรุษผู้เปรียบประดุจดั่งองคมนตรีกึ่งรัฐมนตรีอย่างฟอลคอน หรือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ รวมถึงการทำรัฐประหารโดยพระเพทราชา อาจนำมาซึ่งอรรถรสและบทเรียนทางการเมืองที่สอดคล้องกับวงจรอำนาจการเมืองไทยได้อย่างแจ่มชัด

    ทั้งนี้ ยังมินับฉากละครที่งดงามและเร้าอารมณ์ประโลมโลกแบบอื่นๆ อีกมาก เช่น บทเกี้ยวพาราสีระหว่างฟอลคอนกับหญิงลูกครึ่งญี่ปุ่น-โปรตุเกส อย่างท้าวทองกีบม้า หรือความงดงามของสตรีล้านนาผู้ให้กำเนิดเจ้าดอกเดื่อ หรือพระเจ้าเสือ ซึ่งว่ากันว่าเป็นโอรสลับของพระนารายณ์เมื่อครั้งเสด็จทำศึกเชียงใหม่

    ขณะเดียวกัน การเนรมิตหมู่พระที่นั่งและพระตำหนักแห่งพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เมืองลพบุรี อดีตศูนย์อำนาจแห่งที่สองของสมเด็จพระนารายณ์ อาจเต็มไปด้วยความคึกคักและมีสีสันทางประวัติศาสตร์โบราณคดีมากขึ้น ทั้งพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาทและสิบสองท้องพระคลังอันงดงาม รวมถึงเครือข่ายหลักฐานทางวิศวกรรมชลประทานและนวัตกรรมดาราศาสตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองลพบุรี อาจได้รับการฟื้นฟูและบูรณะปฏิสังขรณ์ให้มีคุณค่ามากขึ้น ทั้งนี้ ยังมินับแม่น้ำลำคลอง คูเมือง และ โบราณสถานตามรายทางจากลพบุรี ไป สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี หรือ อยุธยา ซึ่งปัจจุบัน อยู่ในสภาพทรุดโทรมหรือจางหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไทยไปเกือบหมด เช่น ทุ่งพรหมมาสตร์และแม่น้ำลพบุรี เป็นอาทิ

    ท้ายที่สุด แม้ข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าอาจจะดูพร่ำเพ้อ และมิรู้ว่าจะได้รับการยอมรับพิจารณาซักเพียงไร หากแต่ความพยายามที่จะส่งเสริมให้มีการผลิตหรือวิจัยเกี่ยวกับโครงการภาพยนตร์สมเด็จพระนารายณ์ อาจเป็นการสร้างโอกาสให้สังคมไทยได้มีตัวเลือกที่หลากหลาย ท้าทาย และเข้าสู่กลิ่นอายระดับสากลขึ้น

    โดยนักทำหนังที่ชื่นชอบเรื่องราชสำนักหรือการต่อสู้สัประยุทธ์โรมรัน อาจทดลองเพิ่มสัดส่วนเพลงยุทธ์หรือบทเชือดเฉือนวาจาทางการทูต เข้าไปในโครงเรื่อง พร้อมคงฉากสงครามไว้บางส่วน เช่น ศึกรัฐประหารหรือศึกกับอาณาจักรรอบข้าง เพียงแต่อาจเปลี่ยนมาทำในอัตราส่วนแบบพอประมาณเพื่อรักษาอรรถรส แต่พยายามลดทอนความรุนแรงโหดร้ายของฉากสงครามลงเพื่อให้ล้อรับกับบรรยากาศการปรองดองและประชาคมอาเซียนที่กำลังจะมาถึง

    ส่วนใครก็ตามที่สนใจเรื่องมิตรภาพข้ามชาติและโลกาภิวัฒน์ หนังเรื่องสมเด็จพระนารายณ์ อาจเป็นสนามทดลองให้ผู้กำกับภาพยตร์หรือผู้เขียนบท ได้ลองประดิษฐ์ฉากปฏิสัมพันธ์ที่อยู่นอกเหนือพรมแดนรัฐชาติ จนกลายเป็นความสัมพันธ์ข้ามชาติที่เชื่อมโยงถักทอตัวแสดงหลากหลายระดับทั้งในโลกการเมืองสยามและการเมืองเอเชีย-ยุโรป (ครอบคลุมทั้งกษัตริย์ ขุนนาง นักบวช พ่อค้า ชาวบ้าน และประชาคมนานาชาติ)

    สำหรับใครที่อยากผลิตฉากและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ทั้งพระราชวัง วัดวาอาราม ตลาดการค้าและบ้านเรือนสามัญชน งานค้นคว้าโบราณคดีที่ลพบุรีและหัวเมืองข้างเคียง ล้วนเป็นสนามปฏิบัติการที่ชวนหลงใหลและเต็มไปด้วยข้ออภิปรายถกเถียงเชิงประวัติศาสตร์อีกมากที่จะนำมาสู่การงอกงามทางภูมิปัญญาของสังคมไทย

    ดุลยภาค ปรีชารัชช
    19 January, 2015 - 13:27 -- dulyapak


    ที่มา https://blogazine.pub/blogs/dulyapak/post/5205
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลวงพ่อเล่าให้ฟัง...เรื่องประเทศไทยกับสงครามใหญ่


    เผยแพร่เมื่อ 29 ต.ค. 2015
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สงครามในตะวันออกกลาง กำลังจะรุกลามบานปลาย ตามที่หลวงพ่อได้กล่าวเอาไว้

    img_9268-jpg.jpg

    จากกรณีที่ Nikki Haley ผู้แทนถาวรสหรัฐฯประจำองค์การสหประชาชาติ ได้กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 12 มีนาคม ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติว่า สหรัฐกำลังเตรียมการโจมตีซีเรีย เพื่อเป็นการตอบโต้ที่กองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีในการรบที่ East Ghouta

    ทางสถานทูตรัสเซีย ได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐละเว้น การกระทำใดๆ ที่จะทำให้ สถานการณ์ใน East Ghouta บานปลายออกไปอีก


    https://www.almasdarnews.com/articl...n-from-escalating-conflict-in-eastern-ghouta/
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ แปลงภาษา "เล่น ๆ นิดหน่อย" นะ
    +++ แก่นแท้ใจกลางดาวเคราะห์โลก = ภาคตัด X ณ จุดกึ่งกลางของ magnetic energy flow

    +++ ต้องการประจุบวกจากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไปทำปฏิกริยาทางไฟฟ้ากับอนุภาคประจุลบของอ๊อกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ 100% = เป็นจุด "กลับขั้ว" จากกระแสไหลเวียนเข้า ไปเป็นกระแสไหลเวียนออกของ magnetic energy flow ทั้งหมด (ขาเข้าเป็นประจุหนึ่ง ส่วน ขาออกเป็นอีกประจุหนึ่ง)

    +++ ที่มีลักษณะสีเขียวปีกแมลงทับ ที่อยู่ลึกลงไปในใจกลางโลก = ด้วยสนามพลังที่ "เข้มข้น" ความกดดันสูง จึงดู "ทึบแสง" ณ ใจกลาง ภาคตัด X เกิดประจุรังสีบางประการ สอ่งสวนทางออกมา เป็น "การเรืองแสงในโทนเขียว"
    +++ อนุภาคประจุบวกที่สิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลกผลิตกันสร้างขึ้น = ประจุทั้งหมดของ "ขาเข้า"

    +++ จะแทรกซึมผ่านชั้นดินและหินลงสู่ใจกลางโลก = จะไหลเข้าสู่ ภาคตัด X

    +++ เพื่อสร้างปฏิกิริยาทางไฟฟ้ากับอนุภาคประจุลบของอะตอมออกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ = ด้วยความกดดันเข้มข้น จึงแปลง ประจุทั้งหมดของ "ขาออก" เป็นอีกขั้วหนึ่ง

    +++ จนก่อให้เกิดการระเบิดแตกตัวของอะตอมออกซิเจนนี้น = ด้วยความกดดันเข้มข้น จึงแปลง ประจุทั้งหมดของ "ขาออก" เป็นอีกขั้วหนึ่ง (อันเดียวกัน)

    +++ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการนี้ ก็คือ การหลุดออกจากแก่นแท้ของอะตอมออกซิเจน = ปฏิกิริยา ณ ภาคตัด X (เหมือนกัน)

    +++ แทรกซึมผ่านชั้นหินและสู่พื้นผิวโลกและฟุ้งกระจายไปในชั้นบรรยากาศอย่างกว้างขวาง = ประจุทั้งหมดของ "ขาออก" ไหลเวียนจนถึงชั้น ionosphere (ionospheric plasma ออร่าของโลก)

    +++ แล้วไหลเวียนกลับสู่บรรยากาศโลกใหม่ จน "ครบวงจร สนามแม่เหล็กโลก"
    +++ ตรงนี้เป็น "ทฤษฐี" ของธรรมารมณ์ "โปร่งสุข" แต่ไม่อาจให้ผลใน THIRD DENSITY (กายเนื้อ) ได้

    +++ THIRD DENSITY: Volumetric awareness (ประเภทกลุ่มสัมปชัญญะ); Ego (อัตตา); Loss of group identity (ความเป็นส่วนบุคคล), development of individual identity (การพัฒนาส่วนบุคคล); Ability to remember past (จำอดีตได้) and cognize the future while retaining present awareness (ประเมินอนาคตได้จากปัจจุบันขณะ).

    +++ FOURTH DENSITY: Containment of volumetric awareness (กลุ่มสัมปชัญญะร่วม); Super-consciousness (สติอบรมจิต); Reintegration of group identity without loss of ego identity (ความเป็นส่วนบุคคล เพื่อ ส่วนรวม); As vibration increases (จิตละเอียดมากขึ้น), perception of past, present, and future become more fluid along with the ability to interface with multidimensional and multidensity realities (การหยั่งรู้ของ "วงจรกาล" อดีต ปัจจุบัน อนาคต รวมทั้งการ ติดต่อสื่อสารผ่าน "มิติ และ กาย" ในระดับต่าง ๆ ได้); Negatively oriented consciousness becomes more difficult to maintain (อกุศลจิต ยากที่จะดำรงค์อยู่ได้).

    +++ แปลไว้เพื่อ "แก้ง่วง" เฉย ๆ นะ อีกประการหนึ่ง FOURTH DENSITY ย่อมเป็น "กายจิต" และไม่ใช่ "กายเนื้อ" เป็นธรรมดานะ "หายง่วงยัง..."
     
  14. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    มีข้อมูลไหม่เพิ่มเติมไหมครับอาจารย์ธรรมชาติ
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ไม่มีหรอก แต่เรื่องภัยธรรมชาตินั้น ไม่ควรดูเฉพาะจุด เพราะมันจะแคบเกินไป

    +++ โลกที่เราอาศัยอยู่เปรียบเหมืน "ละอองฝุ่นเม็ดเดียว" โคจรไปมาใน ปุยฝุ่นแห่งกาแลคซี่ หยิบมือเดียว

    +++ กาแลคซี่ แอนโดรมีด้า กับ ทางช้างเผือก กำลังจะเข้ามา "ชน และ รวมตัว" เป็นกาแลคซี่เดียวกัน ทางทิศใต้

    +++ เอาแบบคร่าว ๆ คือ
    1. โลกและระบบสุริยะ กำลัง โคจรเข้าหาหลุมดำ
    2. แอนโดรมีด้า กับ ทางช้างเผือก กำลังรวมตัวกัน (60000 สูญกัปป)

    +++ แค่ 2 อย่างหลัก ๆ นี้ แรงโน้มถ่วง ทั้ง 2 แหล่ง ก็ตีกัน ระส่ำระสาย อยู่แล้ว

    +++ ด้านหน้าของโลก (แนวการโคจรด้านหน้า) มุ่งเข้าสู่ แรงโน้มถ่วงของหลุมดำ

    +++ ด้านหลังของโลก (แนวการโคจรด้านหลัง) โดนผลักดันมาจาก แอนโดรมีด้า

    +++ ขั้วสนามแม่เหล็กโลก จะวิ่งอย่างไร

    +++ และ หากจะดูละเอียดไปอีกหน่อย ก็ต้อง รวม แขนกาแลคซี่

    +++ ที่ระบบสุริยะ กำลังเคลื่อนประชิด กับ ระบบของ โอรายออน ไปเรื่อย ๆ เพราะอยู่ในแขนเดียวกัน

    +++ ความสัมพันธ์ของแรงโน้มถ่วงต่าง ๆ ที่กดดันกับ ทั้งระบบสุริยะ ย่อมส่งผลต่อโลก

    +++ ละอองฝุ่นเม็ดเดียวนี้ เปรียบเหมือน กระทงน้อย ๆ กลางทะเลคลั่ง เท่านั้นเอง

    +++ ข้อมูล ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เพียงแค่ เปลี่ยนวิสัยทัศน์ นิดหน่อยเอง

    +++ สำหรับ วงจรชีวิตมนุษย์ 100 ปี ตรงนี้เป็นเรื่องไกลตัวเอามาก ๆ

    +++ แต่สำหรับ วงจรของการ เกิดแก่เจ็บตาย กันหลาย ๆ ชาติ

    +++ ตรงนี้ เป็นเรื่องที่จะ ต้องเจอเป็นธรรมดา นะครับ
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    เคยตั้งคำถามในใจว่า เราจะรู้ได้อย่างไรหนอ! ว่าแกนโลกเอียงเบี่ยงเบนไปกี่องศาแล้ว จากเดิมอยู่ที่ 23.5 องศา ปัจจุบันนี้ แนวแกนโลกได้เบี่ยงเบนออกไปอยู่องศาที่เท่าไหร่ หรือว่า เป็นข้อมูลที่แนวแกนโลกต้องเบี่ยงเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 3 องศา และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อว่า นับตั้งแต่ปีที่เริ่มเกิดภัยภัยธรรมชาติที่ผ่านมาแกนโลกได้ขยับไปแล้ว 1 องศา เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งยืนยันเป็นข้อมูลเดียวกับองการนาซ่า และหลังจากนั้นไม่มีข้อมูลอีกเลยค่ะ

    เห็นโพสท่านธรรม-ชาติ ที่เข้ามาตอบก็เลยดีใจมาก เพราะว่าอาจจะมีคำตอบอะไรให้รู้เพิ่มขึ้นมาบ้าง เคยอ่านโพสของท่านธรรม-ชาติ มาหลายโพสและทราบว่า ท่านได้เข้าถึงไกลวัลยธรรม (สิ่งที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวถึงไว้) ได้ผ่านหลุมดำออกไปนอกจักรวาล ได้เห็นเหวของจักรวาลคือโลกันต์นรก และประสบกับสภาวะพรรณรังษี การเข้าถีงสภาวะธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า "อณู" ที่นักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไอสไตน์ และ "ฮอว์กกิ้ง" ได้เปิดความรู้ใหม่ให้แก่ชาวโลกได้รู้กันแล้วในยุคนี้ ทำไม?จึงกล่าวเสียยืดยาว ก็ตรงที่ท่านได้ยืนยันแก่นใจกลางโลกว่ามีลักษณะเช่นไร ตรงกับที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อไว้เลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องข้อมูลแนวแกนแม่เหล็กโลก ณ ปัจจุบันนี้เบี่ยงเบนไปและเป็นอย่างไรบ้าง ก็คงเป็นข้อมูลที่ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ

    การหมุนรอบตัวเองของโลก เป็นกระบวนการของจักรวาลเพื่อรักษาความสมดุลทางพลังงานของตัวเองไว้ และมันทำให้ทุกสรรพสิ่งลงตัวเป็นหนึ่งเดียว ระบบโลกจึงยังคงอยู่ได้ตลอดมาและตลอดไป เพราะมันคือพลังอำนาจแห่งดวงดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งสามารถดำรงอยู่ได้ในจักรวาลร่วมกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่จะต้องเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันไว้เสมอ ทุกอย่างต้องลงตัวกันตลอด โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกจึงมีความสำคัญในการเชื่อมโยงกระบวนการใด ๆ ของจักรวาลอื่น ๆ สมการพลังงานจากจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ เคยเป็นเรื่องลี้ลับตลอดมาในยุคพลังงานเก่า

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า สมการพลังงานรวมจากจิตสำนึกของตนเองที่สั่นสะเทือนด้านบวก ก่อให้เกิดพลังงานไฟฟ้าด้านบวกที่ปลดปล่อยออกมาภายนอกให้แก่ดาวเคราะห์โลก เป็นพลังงานมหัศจรรย์ที่มนุษย์ไม่สามารถล่วงรู้มาก่อนว่า มันสามารถเกิดขึ้นในมิติที่สามแห่งกาลเวลาได้ทุกเมื่อ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน จะพบว่าระดับพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมามีค่ามหาศาลเลยทีเดียว มันมากพอที่จะยกระดับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกใบนี้ได้ด้วยการทำให้มันสั่นสะเทือนด้านบวกอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะปลดปล่อยพลังงานด้านบวกไม่เท่ากัน ผลต่างของพลังงานด้านบวกที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา มันจะเกิดการผลักดันกันทำให้พลังงานหมุนวนอย่างรุนแรงและเร็ว ซึ่งมันมีผลต่อการเหวี่ยงตัวของโลกในขณะเดียวกันด้วย การที่โลกหมุนรอบตัวเองอยู่ได้ ไม่ล้มคว่ำลง มนุษย์แต่ละคนบนโลกที่คิดดี พูดดี ทำดี ล้วนเป็นผู้ร่วมสนับสนุนกระบวนการนี้ทั้งสิ้น

    ก็เลยอยากรู้ว่าเมื่อทุกสิ่งกำลังเป็นไปคือ การเกิดภัยธรรมชาติ การขยับของแนวแกนแม่เหล็กโลก และคนยุคนี้สามารถเข้าถึงสัจธรรมกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ล้วนมาจากสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกทั้งสิ้น และสำคัญที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า เมื่อแนวแกนแม่เหล็กโลกขยับเบี่ยงเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 3 องศา หรือแนวแกนแม่เหล็กโลกไปอยู่ที่องศาใหม่ คือ 32 องศาแนวดิ่งแทนแนวเดิมนั้นจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่โลกพลิกขั้วกลับตีลังกาหนึ่งรอบ และจะทำให้เกิดฤดูกาลใหม่ นั้นคือ อันว่าสิ้นสุดยุคภัยธรรมชาติ ที่หลายคนรอลุ้นว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? ก็เลยอยากรู้เกี่ยวกับแนวแกนแม่เหล็กโลกตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่าเป็นอย่างไร เป็นการเตรียมใจรับสถานการณ์นะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2018
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ แนวแกนโลก = แนวโลกหมุน (ลูกข่าง) เป็นแนว momentum ของการหมุนทั้งใบ

    +++ ขั้วสนามแม่เหล็กโลก = ขั้วเข็มทิศชี้ เป็น ปลายสุดของขั้วของสนามแม่เหล็กโลก

    +++ ทั้ง 2 อย่าง ไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจ "ทับซ้อนกันได้" และ บางครั้งอาจ "เบี่ยงเบนออกจากกัน"

    +++ ในมุมมองส่วนตัว เฉพาะกลุ่มฝึก จะใช้ "ขั้วสนามแม่เหล็ก" เป็นตัวหลัก ส่วน ขั้ว momentum เป็นตัวรอง

    +++ ขั้วสนามแม่เหล็ก จะมีความ "อ่อนไหวแปรปรวน" ต่อสนามพลังอื่น ๆ ได้เร็วกว่า แล้วจึง "ค่อย ๆ เปลี่ยน momentum" ในภายหลัง

    +++ ไม่ยุ่งยาก และ ไม่ซับซ้อนอะไร เพียงแค่ มนุษย์ธรรมดาใช้เข็มทิศ ก็รู้ได้ "ตามแนวไป ก็ เจอขั้ว" ได้เอง

    +++ ณ ขั้วสนามแม่เหล็ก เป็น flow ทางเดียวแบบหลุมดำ เป็น ขาเข้า-ออก N-S แต่ ขนาดและความรุนแรงต่างกัน

    +++ ขั้วสนามแม่เหล็ก มีวัตถุเป็นหลักสนามพลังเป็นรอง แต่ หลุมดำมีสนามพลังเป็นหลัก วัตถุเป็นเพียง ธุลีแห่งองค์ประกอบ เท่านั้น

    +++ เมื่อมนุษย์ เริ่มใช้ "เงิน" เป็น "นายของจิตใจ" นับแต่นั้นมา ยุคพลังงานเก่า ก็เปลี่ยนไป
    +++ ตรงนี้ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" ยังมีมุมมองเพียงแค่ "สนามพลังจิต VS สนามพลังโลก" เท่านั้น หาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะใช้ ทฤษฐี "แรงหนีศูนย์กลาง" จากแรงเหวี่ยงของโลกเพียงประการเดียว เป็นแบบ "ยานอวกาศอิสระ" แล้วละก็ ขอให้ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" พิจารณาถึง "ความเป็นไปได้จริง" ต่อจิตมนุษย์ในยุคปัจจุบัณ เป็นเกณฑ์ ไว้ด้วย

    +++ หากคุณ jityim สามารถสื่อกับ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" ได้ ผมก็ฝาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้มองในมุมที่กว้างกว่านี้ และ ควรมองในมุมว่าระหว่าง THIRD DENSITY VS FOURTH DENSITY อันไหนจะ ทำได้ดีกว่ากัน และส่งผลได้ "ตามความเป็นจริง" มากกว่า ตรงนี้ให้คุณ jityim ถาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ดี ๆ ด้วย
    +++ ในย่อหน้านี้ ตรง "สิ้นสุดยุคภัยธรรมชาติ" นั้น ไม่ใช่ "กาลเวลาที่มนุษย์จะคำณวนได้เลย" เพราะใน "บริเวณ" ที่พ้นภัยธรรมชาติ นั้น จะอยู่ในบริเวณที่ ระบบสุริยะ อยู่ในบริเวณ ปลายขอบกาแลคซี่ และ เริ่มตั้งหลักเข้าตาม แนวแขนของกาแลคซี่ (Galaxy arm) ได้อย่างมั่นคงแล้ว เท่านั้น

    +++ ระบบสุริยะ จะวิ่งเข้าหาหลุมดำก่อน แรงดึงดูด+แรงกดดัน มหาศาลทำให้เกิดภัยธรรมชาติ (ทางกาย) มนุษย์จะทำชั่วมากขึ้น (ทางจิต)

    +++ วงจรชีวิตจะสั้นลง มนุษย์ก็จะตัวเล็กลงเรื่อย ๆ 10 ขวบ สอยมะเขือ ฯลฯ จนกว่าระบบสุริยะจะเคลื่อนตัวผ่าน ด้านนอกของหลุมดำ ด้านนอกของ ภาคตัด X

    +++ จากนั้น ระบบสุริยะจะถูก ผลักดันออกมาทางหลุมขาว ไหลมาตามแนวแขนของกาแลคซี่ขาออก

    +++ แรงกดดันผ่อนคลาย ภัยธรรมชาติเริ่มลดลง มนุษย์จะเริ่มผ่อนคลายทางจิต จะเริ่มทำดีมากขึ้น วงจรชีวิตเริ่มยาวขึ้นจาก 10-100000s ปี จนถึงปลายขอบกาแลคซี่

    +++ ในบริเวณนี้ ภัยธรรมชาติเหลือน้อย สามารถพิจารณาได้ว่า "สิ้นสุดยุคภัยธรรมชาติ" มนุษย์มีความสุขมากเกินไป

    +++ จนกว่าระบบสุริยะจะเข้าสู่แขนกาแลคซี่อย่างมั่นคงแล้ว และเริ่มวงจรไหลเข้าสู่หลุมดำอีกในคาบถัดไป จนวงจรชีวิต "หดสั้น" เหลือในราว ๆ 100000 ปี

    +++ ในบริเวณนี้ มนุษย์ ก็จะสิ้นสุดวงจร "สบายมากเกินไป" เริ่มมีความ "ลำบากนิดหน่อย" เพียงพอที่พระศรีอารย์ จะมาโปรดเรื่อง ทุกข๋ สมุทัย นิโรธ มรรค ได้

    +++ ให้สังเกตุ ตรงนี้ให้ดี ๆ แล้วจะ "เห็น" อะไรบางอย่างได้ง่ายมาก

    1. พระกกุสันธะ ประมาณ 40000 ปี 40 ศอก "กัสสปะโคตร" ขาเข้าวงจรนี้ (องค์ที่ 1 ในวงจรนี้)
    2. พระโกนาคมนะ ประมาณ 30000 ปี 30 ศอก "กัสสปะโคตร" ขาเข้าวงจรนี้ (องค์ที่ 2 ในวงจรนี้)
    3. พระกัสสปะ ประมาณ 20000 ปี 20 ศอก "กัสสปะโคตร" ขาเข้าวงจรนี้ (องค์ที่ 3 ในวงจรนี้)
    4. พระโคตมะ ประมาณ 100 ปี 4 ศอก "โคตมะโคตร" ขาเข้าวงจรนี้ (องค์ที่ 4 ในวงจรนี้ สุดท้าย)
    5. พระศรีอารย์ ประมาณ 80000 ปี 80 ศอก "กัสสปะโคตร" ขาเข้าวงจรใหม่ (องค์เดียวในวงจรนี้ เท่านั้น)

    +++ หลังจากนั้น "ไม่นาน" การผนวกกันระหว่าง แอนโดรมีดา กับ ทางช้างเผือก ก็จะเกิดขึ้น 60000 สูญกัปป จึงตามมา

    +++ ให้สังเกตุตรง ๆ ที่ "วงจร" ให้ดี ๆ ว่าเป็น "วงจร" ของอะไร ตามความเป็นจริง ของระบบธรรมชาติสากล

    +++ ระบบ "ไหลเวียน (วัฏฏะ)" แบบไหน ตามสภาพของ "วงจรคอสมิค"

    +++ แล้ว "ตรงกันไหม" กับความรู้ ที่พระพุทธเจ้า ได้ประกาศไว้แล้ว

    +++ ในกัปปนี้ "กัสสปะโคตร" มากที่สุด ในกัปปก่อน ๆ "โกญฑัญญะโคตร" มากที่สุด ส่วน "โคตมะโคตร" มีองค์เดียว เท่านั้น

    +++ สภาวะต่าง ๆ เหล่านี้ "ระบุ" ถึงอะไร ดังนั้น "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" ของคุณ jityim มองเห็นหรือไม่ ให้ลองถามดู นะครับ
     
  18. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    มีผลกระทบกับโลกันต์ไหมครับอาจารย์ธรรมชาติที่โลกันต์มีผู้ควบคุมสัตว์ในนั้นไหมครับ
     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ มีผลกระทบกับโลกันต์ด้วยเช่นกัน หย่อมความกดดันสูง จะแปรปรวนไป

    +++ แต่ "จิต" ในนั้น หากนิสัยไม่เปลี่ยน ก็จะ teleport ไปยัง หย่อมความกดอื่น ที่มีความเข้มข้นทัดเทียมกัน

    +++ ในโลกันต์ ไม่มีผู้ควบคุม ทุกอย่าง "เป็นไปตาม ยถากรรม + สันดาน ของสัตว์"

    +++ การสื่อจิต ไม่มีความหมาย "ไม่มีใครฟังใคร ไม่มีใครสื่อสารกับใคร"

    +++ สัตว์มีแต่การ "เพ่งโทษ จนเป็น เอกัคตารมณ์ ในตัวของมันเอง"

    +++ ดังนั้น "การกัดกินซึ่งกันและกัน" จึงเป็นไปตามวิสัยของ อารมณ์เด่นอารมณ์เดียวนั้น ๆ

    +++ อารมณ์นั้นนั่นแล... เป็นผู้ควบคุมสัตว์ ในตัวของ ธรรมารมณ์เองแท้ ๆ... ไม่มีอื่น...
     
  20. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ผู้ได้มโนมยิทธิไหม่ๆสามารถไปดูสัตว์ในโลกันต์ได้ไหมครับและในปัจจุบันในโลกมนุษย์มีสัตว์ที่จะไปเกิดในโลกันต์เพิ่มขึ้นไหมครับเพราะอุปนิสัยแบบอาจารย์ว่ามารู้สึกว่ารอบๆข้างผมจะมีมากเป็นพิเศษ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...