เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “โคตรภูญาณ”

    จิตมันอยู่ระหว่าง โลกีย์ กับ โลกุตตระ..
    คือความเป็นคนกับความเป็นพระอริยเจ้า ท่านเปรียบเหมือนกับ ลำรางเล็ก ๆ น่ะ คือ ขาหนึ่งยืนอยู่นี่ อีกขาหนึ่งฝ่ายโลกีย์ ยังยกไม่ขึ้น

    ทีนี้อารมณ์ของโคตรภู..
    เราต้องรู้ว่า ขณะใดเราเข้าถึงโคตรภู ไอ้พูดตามตำรานี่มันพูดได้ไม่ยากหรอก แต่ตัวเข้าถึงนี่ซี ถ้าเราเป็นฝ่ายวิชชาสามนะ มันเห็นชัด คือ เวลาที่เราถอดจิตขึ้นไปตามปกติ เราจะท่องเที่ยวแต่เฉพาะในส่วนของโลกีย์ใช่ไหม จะเป็นเมืองมนุษย์ก็ดี อบายภูมิก็ดี เทวดา พรหมก็ดี แต่ส่วนโลกุตตระเราจะเข้าไม่ได้ ไม่สามารถจะเห็น แต่ถ้าอารมณ์ของจิตเข้าถึงโคตรภู เราจะเห็นพระนิพพานชัด

    ถ้าพูดถึงอารมณ์..
    อันดับแรก อารมณ์มันจะยึดตัว “ธรรมดา” คือ ใครด่าเขาด่า ก็ว่า เป็นธรรมดาเกิดมาต้องมีคนเขาด่าว่า อันที่จริงก็โมโหเหมือนกันนะ แต่โมโหแล้วมันปล่อย ไม่เกาะอยู่ ถ้ายังไม่ได้อนาคามี อย่านึกว่า ไม่มีโมโห โทโส มีโกรธ เหมือนกัน โกรธเดี๋ยวเดียว แต่ไม่ไปอาฆาต ไม่ไปทำร้ายเขาแล้วมันก็หายไป เห็นอะไรๆ มันก็ธรรมดา ถ้าไปเจอะคน ตายมันก็วาบหวิวไปนิดหนึ่ง ประเดี๋ยวตัว “ธรรมดา” มันก็ปรากฏ

    ถ้าอารมณ์เข้มขึ้น..
    มันก็ยัน “ธรรมดา” อยู่เสมอ แต่ก็ยังมีสะท้านอยู่บ้าง ในขณะเดียวกัน ก็มีอารมณ์ “รักพระนิพพานเป็นที่สุด” ใครจะพูดเรื่องอะไรก็ฟังได้ แต่ฉันไม่เอาด้วย ฉันจะไปนิพพานนี่สำหรับพวกมีวิชชาสาม

    ส่วนพวกสุกขวิปัสสโก ก็ต้องสังเกตอารมณ์เอาว่า.. “ยึดธรรมดา และ รักพระนิพพาน” เพียงใด ถ้ารักมากก็ชื่อว่าเข้าถึงโคตรภู ต้องสังเกตตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปแกล้งธรรมดานะ ต้องธรรมดานะของมันเป็นปกติ จิตจะรักพระนิพพานเป็นอารมณ์จริง ๆ แต่ถ้าไปนิพพานไม่ได้อย่างอื่นก็ต้องการ คือ จะไปพักสวรรค์พักพรหมโลก พักเพื่อหวังนิพพาน จะทำอะไรก็ตามไม่หวังผลตอบแทนฉันหวังจะไปนิพพาน

    นี่คือ… “อารณ์โคตรภู”

    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    28951771_1408769539234785_565486062890123264_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อแสดงอภิญญา

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ปีที่อาตมาบวชปีแรก หลวงพ่อรับแขกที่ศาลานวราช ช่วงนั้นหลวงพ่อยังแข็งแรงหน่อย รับแขกตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. มีพระติดตามเวลารับแขก ๓ รูป
    หลวงน้าอรุณ (ลาสิกขาแล้ว) หลวงพี่ไพโรจน์ (ลาสิกขาแล้ว) และหลวงพี่ชัยวัฒน์ (ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส) หลวงพี่ไพโรจน์มีหน้าที่กางร่มให้ ปรากฏว่าพอหลวงพ่อเลิกรับแขก
    หลวงพี่จะต้องไปทำอะไรนิดหน่อย ท่านบอกให้อาตมาซึ่งนั่งช่วยจำหน่ายวัตถุมงคลบนนั้นไปกางร่มแทน อาตมาก็ถือร่มเดินตามหลวงพ่อลงบันได มีอยู่ ๕-๖ ขั้น พอถึงขั้นพื้นดิน หลวงพ่อก็หายไปต่อหน้า

    อาตมาก็งง เลยพูดเสียงดัง ๆ ว่า
    “เอ๊ะ หลวงพ่อหายไปไหน ?” ปรากฏว่าประเดี๋ยวหนึ่ง เสียงหลวงพ่อพูดมาจากด้านข้างบันไดปูน ตรงฝาผนัง ยืนอยู่พูดว่า

    “หลวงพ่ออยู่นี่ไง แป๊ะไปหาหลวงพ่อที่ไหน ?” อาตมายืนงงอยู่ แล้วหลวงพี่ไพโรจน์ก็เปิดประตูลงมา หลวงพ่อยังยืนอยู่ที่เดิม ท่านพูดกับหลวงพี่ไพโรจน์ดัง ๆ ว่า

    “ไพโรจน์ หลวงพ่อยืนอยู่นี่ แป๊ะไปหาหลวงพ่อที่ไหนก็ไม่รู้”
    แล้วหลวงพ่อก็หัวเราะ พระติดตาม ๓ รูปก็เดินตามหลวงพ่อกลับกุฏิ

    28950867_1410843485694057_2847286867383025664_o.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทำไมต้องเจริญกรรมฐาน…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน “ฤาษีลิงดำ”
    ..คนแม้จะบุญหนักใหญ่ แต่ว่าเวลาจะตาย
    บังเอิญจิตไปนึกถึง “อกุศล” เข้าอย่างใดอย่างหนึ่ง
    อกุศล ก็จะพาลงไป อบายภูมิก่อน! … (ไปเกิดเป็นสัตว์นรก
    เป็นเปรต / เป็นอสุรกาย / เป็นสัตว์เดรัจฉาน)
    ฉะนั้น จึงจะมีความจำเป็น จะต้องเจริญสมาธิ
    … พระพุทธเจ้าจึงสอน ให้ฝึกจิต ให้มีอารมณ์ทรงตัว
    ก่อนที่ภาวนา นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน แล้วก็ภาวนา
    เป็นเครื่องโยงใจ … ให้จิตมีงานเสีย จิตมีงานบุญ
    ในด้านบุญ ละบาป
    ขณะใด ที่จิตรู้ลมหายใจเข้าออก จิตไม่คิดถึงเรื่องอื่น
    เวลานั้นจิตเป็นสมาธิ จิตว่างจากกิเลส … ขณะใด
    จิตรู้คำภาวนาอยู่ อารมณ์อื่นเข้ามาแทรก เวลานั้น
    จิตว่างจากกิเลส มีความดี
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    28951481_1411152052329867_4586775010542092288_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม เล่ม ๓
    ทำไมหลวงพ่อต้องฝึกทั้ง ๔ สาย
    ผู้ถาม :: “ทำไมหลวงพ่อต้องฝึกทั้ง ๔ สายละครับ คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต…?
    หลวงพ่อ :: “ความจริงมันไม่ต้องทำถึง ๔ สาย หรอก สายเดียวก็พอแล้ว แต่เราไม่หมดสงสัยนี่ ใช่ไหม…ไม่งั้นคุยกับพวกเขามันไม่เข้าใจ อ่านแค่หนังสือมันไม่เข้าใจจริงๆนะ เรื่องของด้านจิตใจ ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียวยังหยาบมาก แค่ฌาน ๒ นี่พังแล้ว เราดูตำราคล่อง เป็นครูเขาด้วย เคยเทศน์
    ด้วย ตั้งแต่ฌานต้นจนถึงนิพพานเราพูดได้ พอทำจิตถึงฌาน ๒ พังเลย ไม่รู้ ฌานที่ ๑ มันมีองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคคตา ใช่ไหม…พอถึงฌานที่ ๒ ตัดวิตกวิจารออกไป เหลือปีติ สุข และเอกัคคตา พอทำเข้าจริงๆปั๊บ พอถึงฌาน ๒ มันหยุดภาวนา เราเลยไม่รู้เรื่องเลย พอหยุดไปพอจิตมันตกปั๊บ อุ๊ยตายจริงลืมภาวนานี่หว่านี่ ไม่รู้ว่าเข้าฌาน ๒ แค่นี้แค่ฌานโลกีย์ยังแย่ ถ้าสูงขึ้นไปยิ่งแย่ใหญ่
    ผู้ถาม :: “มันไม่เป็นมารใช่ไหมครับ…?
    หลวงพ่อ :: “ไม่ใช่มาร มันเข้าใจผิดว่าคือเข้าฌาน ๒ เขาตัดวิตก วิจาร ใช่ไหม…พอมันตัดเข้าจริงๆ เราไม่รู้ว่าตัด วิตก-ตรึก วิจาร-ตรอง ใช่ไหม…แต่ความจริงไอ้ตัวภาวนานี่มันทั้งตรึกทั้งตรอง พอเข้าถึงฌาน ๒ ปั๊บ มันตัดของมันเอง เราก็เข้าใจผิดคิดว่าหลับ แค่นี้เองไม่ถึงแค่ไหนเลย แค่ประถมปีที่ ๒ ตายแล้ว จึงบอกว่า ถ้าปฏิบัติไม่ถึงแล้ว อย่าไปคุยกันเลย ท่านได้ขั้นไหน เราถามท่านอธิบายขั้นนั้นเลยไปท่านไม่อธิบาย อธิบายเท่าไรก็ผิด
    ฉะนั้นท่านที่ได้พระโสดาบัน ถ้าไปถามอารมณ์ของพระสกิทาคามี พระอนาคามี ท่านไม่ตอบ ท่านพูดแค่นั้น ถ้าถามต่อไปท่านไม่พูด ถ้าพูดผิดแน่
    แต่ความจริงพวกสาวกภูมินี่เขาสบาย ถ้าเป็นฝ่ายสุกขวิปัสสโกนะ เขาก็เรียนกันแค่นั้นละ เรียนง่ายๆ จุดใดจุดหนึ่ง ไม่ต้องเอาทั้งหมด แต่ว่าถ้าเราจะเรียนเตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ต ้องเรียนมากหน่อย ถ้าจะเรียนถึงขั้นเตวิชโชขึ้นไป ต้องละเอียดนิดหนึ่ง ต้องไปมั่วสุมกับนิวรณ์ ๕ ประการให้คล่อง แล้วต้องไปคบหาสมาคมกับกสิณ ถ้าหากว่าไม่ไปคบกับกสิณ ไม่มีทางได้วิชชาสามใช่ไหม…ถ้าเป็นอาทิกัมมิกบุคคล คือผู้ที่ยังไม่เคยได้มาก่อน ต้องไปเริ่มต้นใช้กสิณ ๓ อย่าง กสิณไฟ กสิณสีขาว กสิณแสงสว่าง แต่ว่าคนที่ฝึกมาแล้วในกาลก่อนกสิณอะไรก็ใช้ได้ เพราะเคยได้มาแล้ว
    อันนี้หมายความว่าจะต้องได้ถึงฌาน ๔ แล้วจะมาปล้ำอารมณ์ให้ได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณกับทิพจักขุญาณไม่ใช่ของง่ายเลย ใช้เวลาเยอะ ต้องใช้ความเพียรอย่างหนัก ต้องใช้ความบ้าพอ ถ้าบ้าไม่พอไม่ได้ ต้องใช้อารมณ์เกินกว่าคนธรรมดา หมายความว่าเราจะต้องไม่หนักใจ ไอ้เรื่องความทุกข์ยากลำบากในการฝึก ไม่หนักใจสู้สะบัด แล้วต้องมั่นใจในกำลังใจของตนเอง
    ประการที่ ๒ ไม่เห็นความสำคัญของชีวิต จุดนี้แหละที่เป็นจุดที่มีความสำคัญที่สุด ไม่ว่าฌานชั้นไหนละ ถ้ายังมีความห่วงในชีวิตไม่มีทาง
    บางทีร่างกายดีๆ พอนั่งปุ๊บท้องมันเสียดอืดขึ้นมาแล้วฉันเคยโดนหลายหน มันไม่อืดเฉยๆ มันแน่นจุกขึ้นมาหน้าอก ทำท่าจะตาย ทำไงก็ไม่หาย ลองดูซิว่าไม่หายก็กินยาเรื่อย กินยาก็ไม่หายดมยาก็ไม่หาย ผลที่สุดจุดธูปจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัยบอก เออ..มึงพังได้ก็ดีกูจะได้สบายเสียที
    เป็นขี้ข้ามานานแล้ว เอ้า…เอาเลย รวบรวมกำลังใจ พอจับลมหายใจเข้าออกมันหายเลย ไอ้นี่เขาเรียกอะไรรู้ไหม…ขันธมาร การป่วยไข้ไม่สบาย การปวดโน่นเจ็บนี่เขาเรียกขันธมาร
    ขันธ์ คือร่างกาย มาร คือผู้ฆ่า อาการทางร่างกายมันเกิดขึ้นมาเป็นการฆ่ากำลังใจที่จะก้าวเข้าสู่ความดี ถ้าเราแพ้มันตอนนี้เราพัง นี่ถ้าคนดีเขาไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก อึ้ดๆๆ ไม่ไหวเลิกเดี๋ยวตาย แต่คนบ้าบอก เอ้า…จะตายก็ช่างมัน พอมันเห็นเราบ้ากับมันมันก็ไม่เอาไปเลย นี่หลายวาระที่มีอาการแบบนี้ บางทีนั่งๆไป หวัดก็ไม่เป็นดันเสือกหายใจไม่ออกเสียอีกแล้ว จมูกตันมาเฉยๆ ก็หายานัตถุ์หายาดมมันก็ไม่หาย ถ้าเชื้อสายของการเป็นหวัดมันมีอยู่ เราก็ไม่ว่าไอ้นี่มันดีโปร่งๆ สบายทั้งกายและใจโปร่งหมด พอเริ่มจับจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิมันมาเลย พอมันมาปั๊บคลายอารมณ์มาหน่อย ยอมแพ้มันนิดเอายาที่เคยใช้ทำไปซิไม่มีความหมาย ไอ้นี่มาอีกแล้วเคยเจอะบ่อยๆ เลยบอก เอาเลยเพื่อนเอ๋ย…ตามสบายเถอะ ถ้าเอ็งอยากจะทรมานขันธ์ ๕ ก็ทรมานเถอะ แต่เอ็งอย่าทรมานข้าคือ จิต ไม่มีทาง ร่างกายพังเมื่อไรกูสบายเมื่อนั้น จับอารมณ์ตึ๊ก โน่นเผ่นพรวดไปนอนบ้านสบาย ใช่ไหม…ตอนนั้นบ้านอยู่แค่พรหม เพราะว่ายังเป็นพุทธภูมิ ขึ้นไปนอนกระดิกเท้าสบายโก๋ มองมาข้างล่างเน่าแล้วยังหว่า ไม่เน่าก็นอนต่อไป”

    29136175_1412141628897576_1481155227628339200_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    จากพรหมมาเกิดเป็นคน

    “..มีสองสามีภรรยามาขอให้อาตมาช่วยตั้งชื่อลูกชาย ก็ถามว่า “ลูกชายเกิดวันอะไร” เขาก็ตอบว่า “เกิดวันพฤหัสบดี” ก็บอกว่า “เด็กคนนี้มันจะเป็นนักรบชั้นดีนะ” ให้ชื่อ “สุรสิทธิ์” หรือ “สุรเดช” เรื่องชื่อนี้ถามจากข้างบนอีกทีว่า เด็กคนนี้มาจากไหนมาเพื่ออะไร” ท่านบอกว่า “เด็กคนนี้จะมาเกิดเพื่อเป็นทหาร จะเป็นทหารอะไรก็ได้ตามสบายเขา ก็ดีทั้งนั้นแหละอย่าไปขวางเขานะ”
    ฉันว่าชื่อ “สุรเดช” ดีกว่า แปลว่า “มีอำนาจมาก”
    “สุรสิทธิ์” แปลว่า “กล้าที่จะยึดเมืองต่างๆ”
    เด็กคนนี้ต้องระมัดระวังหน่อยนะ คือว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่นี่ต้องถือเหตุผลเป็นสำคัญ อย่าทำอะไรประเภทไม่มีเหตุไม่มีผล เพราะเด็กคนนี้มาจากพรหม พวกพรหมจิตจะแข็งเพราะพรหมมาจากฌาน ถ้าหากว่าไม่มีเหตุผล จะมีสภาพเหมือนกับคนจองหอง ไม่ง้อใคร พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเรื่องอยุติธรรมนี่ไม่ยอมก้มหัวให้แน่ เพราะพวกพรหมไม่ประจบ แต่ตอนเด็กๆ เอาแน่ไม่ได้ระยะต้น กรรมที่เป็นอกุศลบางอย่างอาจทำให้โฉเฉไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา และต่อไปกรรมที่เป็นกุศลจะเข้า เราควรจะดีใจว่าลูกเราจะเป็นคนมีเหตุมีผล ต่อไปข้างหน้าพวกนี้จะลงมามาก จะขึ้นมีอำนาจในเมือง..”

    ….ปกิณกะ…

    29066391_1413215848790154_7401156488497987584_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png อัพเดตยอดล่าสุดวันนี้ 22,926 บาทค่ะ
    1f64f.png ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญด้วยกันนะคะ
    1f607.png 1f607.png 1f607.png บุญใหญ่สำหรับปีนี้อีกงานหนึ่งที่ฝนรับมานะคะ..
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    29136266_1414677568643982_7645782226356928512_n.jpg
    29133985_1414677618643977_8305023151826272256_n.jpg
    29135972_1414677661977306_2750026336532692992_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png วันนี้ฝนกับพี่พรได้เขียนแท่งทองเหลืองให้ทุกท่านเจ้าภาพแล้วนะคะ..ตอนนี้ยังเปิดรับอยู่จนถึงวันที่24มีนาคม2561ค่ะ..
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะคะ
    1f607.png 1f607.png 1f607.png บอกบุญนะคะ
    1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพแท่งทองเหลืองเพื่อเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐม2องค์หลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร1องค์ ที่สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรี ในวันที่25มีนาคมนี้ค่ะ..
    ☀แท่งทองเหลืองขนาดเล็ก300บาท
    ☀แท่งทองเหลืองขนาดกลาง500บาท
    ☀แท่งทองเหลืองขนาดใหญ่1,000บาท
    1f308.png โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย037-8-31796-7
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f308.png พร้อมเพย์0615592704(ต่างธนาคารโอนฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียมค่ะ)
    1f607.png โอนเงินแล้วแจ้งรายชื่อเข้ามานะคะฝนจะเขียนลงบนแท่งทองเหลืองให้ค่ะ..อนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกๆท่านด้วยนะคะ

    29217056_1415798335198572_1274064669258022912_n.jpg
    29213966_1415798395198566_7104008609188544512_n.jpg
    29186666_1415798448531894_6395021310912626688_n.jpg
    29244274_1415798498531889_4481016663558324224_n.jpg
    29186275_1415798565198549_1405296274000838656_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “ดูปัจจุบันอย่างเดียวไม่ได้”..

    .. คนเราจะไปดูกรรมปัจจุบัน
    ถามความประพฤติปัจจุบัน จะถือว่า
    เขาดีไม่ดีไม่ได้ ไอ้คนนี้เลวแบบนั้น
    เลวแบบนี้ เราจะรู้จิตเวลาที่เขาตาย
    ได้อย่างไร จุดนี้สำคัญที่สุด

    เวลาจะตายนี่เราไปดูอดีตไม่ได้
    ไปดูอดีตที่เขาปฏิบัติมา ไอ้จะทำชั่ว
    นั่นทำชั่วนี่ ไอ้นี่มันช่วงชีวิตที่ทรงอยู่
    แต่นี่พอเวลาจะตายก็เห็นโทษเห็น
    ทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ ตายขึ้นมา

    จิตมันตัดตรงนั้น เพราะว่าเขาตาย
    ไปแล้วเราไปนั่งถามเขาได้เหรอ
    เราจะเฮ้ย..เฮ้ย! กลับมาคุยกับกูก่อน
    อีตอนมึงตายมึงนึกอย่างไรวะ นี่เรารู้เขา
    ไม่ได้หรอก ไอ้จิตตอนที่จะตายเขาคิด
    อย่างไรนะ อย่างคนที่เรามองเห็นชัดๆ

    อย่างตอนที่โจรฆ่าคนเป็นหมื่น
    องคุลีมาล ฆ่าคนเกินพันก็เป็นอรหันต์ได้
    นั่นเป็นกฎของอกุศลกรรมมาสนองจิต
    ชั่วคราว อย่างท่าน สันตติมหาอำมาตย์
    ไปรบทัพกลับมา ไปรบทัพชนะนี่ฆ่าคน
    ไปแล้วเท่าไร

    พอกลับมาแล้วพระเจ้าปเสนทิโกศล
    ไม่ตำหนิ เลื่อนตำแหน่งให้อีก เลยเมา
    พับไปพับมา พระพุทธเจ้าเดินหลีกไป
    ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์ถามว่า
    ทรงแย้มพระโอษฐ์เพราะอะไร บอก
    อีก ๗ วัน สันตติมหาอำมาตย์จะ
    บรรลุอรหันต์

    ขี้เมา ฆ่าคนไปแล้วจากกองทัพตอน
    ไปรบศึก กลับมาให้เป็นกษัตริย์ ๗ วัน
    ไม่ต้องทำอะไรหรอก มีหน้าที่จะเมา
    จะเมา จะแจกข้าวแจกของ ของในคลัง
    อยากจะให้ใครก็ให้ๆ ไปเหอะ สบาย
    มาก ได้เป็นแค่ ๗ วันนี่

    แกก็เมา ๘ วัน นี่ทำหอกอะไรได้
    เมาไปเหอะ ดูฟ้อนรำขับร้อง ก็ไอ้คน
    ขี้เมาไปฆ่าคนมา พอกลับมาพระพุทธเจ้า
    บอกจะเป็นอรหันต์นี่มันต้องคิดเหมือนกัน
    นะ คนในสมัยนั้นเขาต้องแบ่งกันเป็น
    ๒ พวก

    ไอ้พวกมิจฉาทิฏฐิก็ถือว่าอีก ๗ วัน
    เราจะจับโกหกพระสมณโคดม ไอ้พวก
    ที่เขาเป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นลูกศิษย์
    พระพุทธเจ้า อีก ๗ วันเราจะดูลีลา
    พระพุทธเจ้าทำให้สันตติมหาอำมาตย์
    เป็นพระอรหันต์

    พออีก ๗ วัน เด็กฟ้อนรำที่อยู่ข้าง
    หน้าก็ตาย ตาแกก็เลยสร่างเมา บอก
    ไอ้นี่เด็กรุ่นหลัง เรายังอยู่แต่แกตาย
    ไอ้เราแก่ขนาดนี้ขืนเมาอย่างนี้ท่า
    ไม่ค่อยดีแล้ว นี่ตัดตรงนี้เอง

    รู้สึกตัวก็เลยลาพระเจ้าปเสนทิโกศล
    บวช พอบวชพระพุทธเจ้าเทศน์จบก็ได้
    อรหันต์เดี๋ยวนั้น ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร
    นี่ห้ามดูอดีตเขา หมายความว่าอดีต
    ที่เขาผ่านมาแล้วนี่ เราจะไปพยากรณ์
    ไม่ได้

    อีช่วงที่เขาจะตายจิตเขาเป็น
    อย่างไรเรารู้ไม่ได้ ใช่ไหม บางคนดี
    แสนดีตายแล้วลงนรก ตอนที่จะตาย
    จิตมัวหมองหน่อยเดียวก็ลงนรกไปก่อน
    นี่มันเอาแน่ไม่ได้ ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. หนังสือทางสายเอก
    (ลิขสิทธิ์เป็นของ “ทีมงานเว็บวัดท่าซุง”)

    29186809_1416029951842077_7437999083035295744_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “คำเตือนสำหรับท่านผู้อ่าน”

    การนำคาถาและพิธีกรรมต่างๆมาประมวลไว้ณที่นี่ ก็เพื่อประโยชน์ของบรรดาศิษย์ยานุศิษย์ และสาธุชนทั้งหลายที่มีศรัทธาเลื่อมใส ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมญาณ ( พระมหาวีระ ถาวโร ) โดยเฉพาะถ้าท่านไม่มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ และบังเอิญมาอ่านพบเข้า ขอให้ทำใจเป็นอุเบกขา หรือให้ข้ามไปเสียอย่าอ่าน ถ้าท่านอยากอ่านและ เมื่อได้อ่านแล้วก็ไม่เชื่อไม่เลื่อมใส ก็ขอให้วางใจเป็นกลาง อย่าได้ประมาทปรามาสล่วงเกินเข้าจะเป็นโทษ
    ……..พระพุทธคาถา……
    “สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ” ท่านให้บูชาพระคือสวดมนต์ทุกคืน คืนละ 7 จบ หลวงพ่อบันทึกไว้ในสมุดบันทึกของท่านว่าดังนี้ ท้าวมหาราชทั้ง 4 นำมามอบให้วันที่ 21 สิงหาคม 2509 เวลา 9 น. ณ สำนักพญายม ท่านพระยายมบอกให้ทราบว่าท้าวมหาราชทั้ง 4 จะมาคุยด้วย แล้วท้าวมหาราชทั้ง 4 ก็มา ท่านท้าวธตรฐมาก่อนแล้วท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวเวสสุวรรณมาตามลำดับ ท่านเอาคาถามาให้ดูบอกว่า พระอินทร์ให้นำมาถวาย โดยกล่าวว่าพระอินทร์ รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เอามาให้ ท่านว่าคณะท่านทั้ง 4 และเทวดาจะตามรักษาคาถานี้ ให้เป็นไปตามนั้น
    อานุภาพคาถามีดังนี้
    1 ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้าย
    2 จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนา
    3 จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ
    และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็น
    4 เปล่าให้สิทธิ์ผู้เรียนทิพจักขุญาณและเรียนไปปรโลกได้มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส
    จากหนังสือ.. คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง 48 หน้าที่ 2

    29196754_1416108421834230_7806725637464391680_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ลำดับขั้นของทานบารมี
    ทานบารมีจะเต็มจะมีความรู้สึกอยู่ว่า เราหมดการทะเยอทะยานในทรัพย์สิน ถ้าจะพึงแสวงหากินอยู่บ้าง ก็ถือว่ารับมาตามหน้าที่หรือตามหน้าที่ที่ต้องบริหารร่างกาย จิตใจที่ละโมบโลภมากเพื่อหวังในความร่ำรวยไม่มีในจิต แต่ก็ต้องทำมาหากินเพราะเป็นฆราวาส หากินตามหน้าที่ เพราะไม่หากินร่างกายมันจะเกิดความลำบาก ทำไปเพื่อเป็นการบริหารร่างกายให้มันทรงอยู่เท่านั้น ใจมันเหี่ยวแห้งที่จะตะเกียกตะกายในการแสวงหาทรัพย์สินเพื่อความร่ำรวย แต่ทว่าหาแค่พอกินพอใช้ อันนี้ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาถึงอารมณ์ใจด้วยว่า ใจของเราเวลานี้มันตะเกียกตะกายอยากจะโกรธเขา อยากจะลักเขา อยากจะขโมยเขาไหม ถ้ามีอาการอย่างนี้เกิดขึ้นอยู่ ชื่อว่าทานบารมียังไม่ให้ผล เพราะว่าอารมณ์จิตยังไม่เข้าถึงจุดขั้นต้นของทานบารมี หากแต่ว่าอารมณ์อย่างนี้มันไม่เกิดขึ้น เราทำงานแต่เพียงหน้าที่ แต่ก็ยังอยากรวยอยู่ อย่างนี้ชื่อว่าทานบารมีเริ่มให้ผล แต่ก็ยังเป็นผลขั้นกามาวจรถ้ากำลังจิตใจของเราคิดว่า เมื่อมีเท่าไรเราก็ทำเท่านั้น เพราะว่าทำมาหากิน ทำไปไม่ตะเกียกตะกายจนกระทั่งเป็นหนี้เป็นสินเขาเกินไป คิดว่าไม่เกินวิสัย อาจจะเป็นหนี้เขาบ้างก็ได้ในการลงทุน แต่เห็นว่ามันจะพอใช้เขาก็โดยไม่ยากนัก ในเมื่อผลมันเกิดขึ้น และอารมณ์จิตก็ไม่มีการหมกมุ่นอยู่ในการอยากจะมีความโลภ ตะเกียกตะกายอยากจะร่ำรวยเกินไป อย่างนี้ชื่อว่ากำลังใจที่จัดว่าเป็นทานบารมีเข้าถึงอุปบารมี

    ถ้าท้ายที่สุดจริง ๆ ก็มีความคิดอยู่อย่างเดียวว่า หากินตามหน้าที่ที่ต้องพึงบริหารร่างกายและครอบครัว ไม่เคยคิดว่าทรัพย์สินทั้งหลายทั้งหมดนี้ เราตายแล้วเราจะแบกไปได้ ที่เราทำไปก็เพราะว่าร่างกายมันยังต้องกิน ครอบครัวยังต้องกินต้องใช้ ทำไปตามหน้าที่ ถ้าอย่างนี้ชื่อว่าทานบารมีสมบูรณ์ จัดว่าตัดความโลภได้อย่างจริงจังนี่ต้องใช้ปัญญานะ ใช้ปัญญาคิดและก็น้อมเข้ามาถึงจิตของเรา ว่าอารมณ์จิตของเราเข้ามาถึงจุดนี้หรือยัง

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    29216676_1417153318396407_4253016095562137600_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ไม่มีเวลาทำสมาธิ

    ผู้ถาม :: หลวงพ่อคะหนูไม่ค่อยจะมีเวลาทำสมาธิคะ

    หลวงพ่อ :: คนที่ไม่มีเวลาไม่มีนอกจากขี้เกียจ

    ผู้ถาม :: ถ้ากลางวันทำงานและเวลากลางคืนก็ติดธุระ บางทีจะนั่งสมาธิลูกก็กวน

    หลวงพ่อ :: จะไปนั่งทำไม ให้ลูกมันหลับเวลาเรานอนน่ะ สมาธิทำทั้งนั่ง นอน ยืนเดิน เขาไม่ได้ห้ามต้องนั่งเสมอไปใช่ไหม จริงๆแล้วถ้าเรามีสมาธิก่อนหลับสัก 2 นาทีก็พอใจแล้ว สมาธิไม่ต้องการมาก ที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า “สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดที่มีจิตว่างจากกิเลสวันหนึ่ง ชั่วขณะจิตหนึ่งเราขอกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาน” เห็นไหม ก็มัวเอาแต่เรื่องนั่งที่เขาว่า อีตอนนอนนั่นแหละ นอนสบายหัวถึงหมอนปั๊บ นึกถึง “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต” นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และภาวนาพุทโธ หายใจเข้านึกว่าพุท หายใจออกนึกว่าโธ หายใจ 2 ฟี๊ด หลับไปเลยใช้ได้เลย อย่าลืมนะตอนที่ภาวนา หลับเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีนะ ว่าถ้าจิตไม่ถึงฌานนี้มันจะไม่หลับ ถ้าจิตถึงฌานปั๊บมันจะตัดหลับทันที ทีนี้ว่า ถ้าภาวนาหรือว่านะโมอยู่ ถ้ามันหลับเวลานั้นมันจิตถึงฌาน ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงเขาก็ถือว่าทรงฌาน นั้นอยู่ระหว่างหลับ ถ้าตายระหว่างนั้นจะไปตามกำลังของฌานทันที เห็นไหม ที่ว่าไม่มีเวลา คนขี้เกียจนะ เวลามันมีใช่ไหม ถ้าให้ดีเวลาตื่นเอาอีกนิด ไม่ต้องลุกถ้าไม่ปวดอุจจาระปัสสาวะนะ พอตื่นปั๊บเอาอีกหน่อย จับลมหายใจเข้าออกหายใจเข้านึกว่าพุท หายใจออกนึกว่าโทร 2 – 3 ครั้งก็พอแล้ว จิตไม่นึกถึงใคร แค่นี้ใช้ได้ทุกวัน ขอยืนยันว่าลงนรกไม่ได้

    จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง 50 หน้าที่ 15

    29249696_1417475498364189_9108329233297440768_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png อัพเดตยอดล่าสุดวันนี้ 27,736 บาทค่ะ
    1f64f.png ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญด้วยกันนะคะ
    1f607.png 1f607.png 1f607.png บุญใหญ่สำหรับปีนี้อีกงานหนึ่งที่ฝนรับมานะคะ..
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    29258466_1418089204969485_6533031026883559424_n.jpg
    29315143_1418089264969479_2507222944707510272_n.jpg
    29315224_1418089314969474_3724592314786512896_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png แจ้งบัญชีงานบุญทองคำนะคะ..
    เบิกออกครั้งแรก19,000บาทและครั้งที่2จำนวน350บาท รวมยอดเงินทั้งหมด 19,350 บาท..ซื้อทองคำ1บาทเมื่อวานราคา 19,700 บาท..
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ..
    1f607.png ขอแจ้งปิดงานบุญทองคำแท้เพื่อใส่ในเบ้าเอกวันนี้เลยนะคะ..สาธุค่ะ

    29314081_1418527181592354_7930456584335917056_n.jpg
    29356591_1418527244925681_6026353034894770176_n.jpg
    29313952_1418527274925678_2206578992083894272_n.jpg
    29342288_1418527304925675_2653766717745922048_n.jpg
    29342208_1418527348259004_5695213998425767936_n.jpg
    29261933_1418527381592334_4044657718680616960_n.jpg
    29261897_1418527411592331_3381647547092172800_n.jpg
    29313172_1418527438258995_6115446998964371456_n.jpg
    29313817_1418527474925658_2472058372417912832_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อพระะราชพรหมยานตอบปัญหาธรรม
    วิธีกำหนดจิตเข้าไปดูอวัยวะภายในร่างกาย

    ผู้ถาม :: “หลวงพ่อครับ แล้วมโนมยิทธิ ล่ะครับไปดูนรก สวรรค์ พรหม นิพพานได้ไหม?” ข้าพเจ้ารีบถามเพราะเคยได้ยินบางท่านพูดถึงกัน

    หลวงพ่อ :: “คุณจะต้องเข้าใจก่อนนะว่ามโนมยิทธินั้น หมายถึงอะไร มโนมยิทธิแปลว่าฤทธิ์ทางใจ ถ้ามโนมยิทธิแบบเต็มกำลังแล้ว ท่านหมายถึงการถอดจิตออกกจากร่างแล้วท่องเที่ยวไปในภพต่างๆ และผู้ที่จะสามารถทำได้ จะต้องทรงวิชชาสาม หรือ ทรงอภิญญา 6 คุณไม่เข้าใจอีกละซิ เห็นนั่งทำหน้างงๆ ไม่เป็นไรถ้าอยากจะรู้ว่าวิชชาสาม หรืออภิญญา 6 มีอะไรบ้าง ฉันจะเขียนไว้ในคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานแล้วคุณไปอ่านเอาเองก็แล้วกัน เอาเป็นว่าถ้าหากคุณทางฌาน 4 ได้ในกสิณอย่างใดอย่างหนึ่งกสิณ 3 อย่างที่ฉันว่าแต่ขอแนะนำให้เอาอาโลกกสิณ คือเพ่งแสงสว่าง จะเป็นการดีเพราะเป็นกสิณที่สร้างทิพยจักษุญาณโดยตรง เมื่อได้ทิพยจักษุญาณแล้วก็ทำจิตให้โปร่งสว่างไสว แล้วกำหนดจิตว่าของร่างกายนี้จงเป็นโพรงก็จะเห็นว่าร่างกายเป็นโพรงใหญ่ต่อจากนี้ก็กำหนดจิตว่า ขอร่างอีกร่างหนึ่งจงปรากฏขึ้นภายในกายนี้ กายอีกกายหนึ่งก็จะปรากฏขึ้นต่อจากนี้ก็ค่อยบังคับกายนั้นให้เคลื่อนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอาทิเช่น ตับไตไส้ปอด เส้นเลือดทุกเส้น ลำไส้ทุกส่วน ประสาททุกส่วนบังคับให้กายนั้นเดินไปตรวจให้ถ้วนทั่วทั้งร่างกาย จะเห็นว่าแม้เส้นเลือดฝอยเล็กๆ ร่างนั้นก็เดินไปได้อย่างสบาย เสมือนเดินอยู่บนถนนสายใหญ่ เห็นร่างกายเรานี้เป็นโพรงใหญ่คล้ายเรือหรือถ้ำขนาดใหญ่เมื่อท่องเที่ยวในรางกายจนชำนาญแล้ว ก็ควรหาความรู้ในสภาพของอวัยวะต่างๆ ตลอดจนสภาพความสกปรกโสมมในร่างกายของเราไปด้วยเมื่อมีความชำนาญในการเที่ยวและการตรวจสอบสภาพร่างกายของเราดีแล้วก็กำหนดจิตว่าเราจะไปนรกขุมใด สวรรค์ชั้นใด พรหมชั้นใด หรือ พระนิพพาน หรือบ้านใด เมืองใด ดาวดวงใด ก็พุ่งกายออกไปก็จะถึงถิ่นที่ประสงค์ทันที ให้เวลาไม่ถึงครึ่งวินาที เมื่อถึงแล้วจิตจะบอกเองว่าสถานที่นั้นเป็นภพภูมิใด บ้านเมืองใด ใครบ้างที่พบโดยไม่ต้องมีคนบอกเพราะสภาพของจิตเป็นทิพย์ กิเลสไม่ได้หุ้มห่อไปด้วย จึงรู้อะไรได้ตามความเป็นจริงเสมอ เป็นยังไงล่ะ นั่งฟังเพลินเลย น่าสนุกนะ หากฝึกได้ละก็คุณได้เที่ยวสนุกแน่ ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นใดเลยนะ ไม่ต้องไปเที่ยวยืมใครหายใจ ไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของบ้านเจ้าของสถานที่ สามารถเข้าไปตรวจสอบอะไรต่ออะไรได้หมดเลยนะ”

    จากหนังสือ สู่แสงธรรม

    29313660_1418788261566246_2606851870848712704_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ขณะนี้ ตุ๊พ่อสิงห์วิสุทฺโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ขอแจ้งข่าวมหากุศลเพื่อท่านสาธุชนทั้งหลายได้ร่วมบุญสร้างแท่นแก้วที่องค์พระประธานในพระอุโบสถ
    จะติดลวดลายด้วยงานเรซิ่นเพื่อความงดงามอ่อนช้อย เฉพาะงานนี้จะต้องใช้งบในการจ่ายประมาณ 250,000 บาท
    บริจาคร่วมบุญสร้างแท่นแก้วที่องค์พระประธานในพระอุโบสถตามกำลังทรัพย์

    ขอเจริญกุศล ทุก ๆ พระองค์ทุกรูปทุกนาม ร่วมด้วยช่วยกันเน้อ ผู้ที่มีจิตศรัทธาจะร่วมบุญติดต่อกับทางวัด ผู้ควบคุมงานวิหารทานของวัด ชื่อพระขุนเดช โทร 0836508239 ฯ เน้อ

    เบอร์บัญชี 347-2-50645-4 ธนาคารกสิกร ส่วนของสร้างพระอุโบสถ โดยหลวงพ่อสิงห์ วิสุทฺโธ
    ขอเจริญพร

    #ทางเพจคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุงของเป็นสะพานบุญในครั้งนี้ นิพพานัง ปรมัง สุขัง

    29356813_1419223374856068_2620777005225869312_n.jpg
    29343030_1419223424856063_2551811955144785920_o.jpg
    29357085_1419223474856058_9048016785676173312_o.jpg
    29315114_1419223884856017_4281188778921426944_o.jpg
    29340557_1419223878189351_7279564804707057664_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    พระตายไปดาวดึงส์

    ต่อไปก็ของดเรื่องเทวดาประจำชั้นดาวดึงส์ชั่วคราวเอาเป็นเทวดาจร นั่นคือ เทวดาที่ไปเกิดใหม่ เพราะว่าอาตมาเองก็มีท่านผู้มีคุณ มีพระที่มีคุณอยู่ท่านหนึ่ง ความจริง พระที่มีคุณกับอาตมาก็ดี กับวัดท่าซุงก็ดี นี่มีมาก เพราะว่าการมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ ๆ อยู่ทีแรกก็ดี ยังไม่มีคนทำบุญทำกุศลมาก ไม่เป็นไร พอมีคนทำบุญทำกุศลมากเข้าเกิดกับพุทธศาสนา อาตมาเป็นคนไม่ดี ไม่รู้จักตามใจคนในทางที่ผิด ที่นี้มีบุคคลคณะหนึ่งเป็นเจ้าของถิ่น เขาอยากจะได้ทรัพย์สินประเภทนั้นมาเป็นสมบัติของตน
    ตัวอย่างของวัดท่าซุงมีอยู่ว่า วัดโทรมเพราะการขายวัดกิน พระพุทธรูปมาก็ขายพระพุทธรูปกิน และต่อมาวัดโทรม มีการเรี่ยไรทุกปีแต่ไม่ทำ แบ่งกันใช้แบ่งกันกิน คนประเภทนี้จะเป็นใครบ้าง อาตมาก็ไม่ทราบ ไม่รู้จักหน้า เพียงแต่ว่าก่อนที่จะมาทราบข่าวการเรี่ยไร พอมาเข้าจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างโทรมเป็นปกติ ไม่มีการทำอะไรขึ้น
    ต่อมาคนประเภทนี้ก็เกิดขัดใจ หาทางกลั่นแกล้งทุกอย่าง เพื่อให้อาตมาไปจากวัดนี้ อาตมาสร้างแล้วหลายชิ้นหลายอย่างลงทุนไปล้านบาทเศษ เพื่อพระพุทธศาสนา ก็เป็นเงินของบรรดาท่านพุทธบริษัทถ้วนหน้าให้มา ก็คิดว่า เราทำเพื่อพระพุทธศาสนา วัดนี้เป็นวัดของพุทธศาสนา ไม่ใช่วัดของโจร แต่เมื่อโจรมาใช้อำนาจอย่างนี้ เราก็ยอมไม่ได้ มีความจำเป็นต้องอยู่ ความจริงไม่อยากอยู่ เขาก็หาทางกลั่นแกล้งต่าง ๆ ฟ้องร้องบ้าง หาทางโจษจันบ้าง เปิดขยายเสียงด่าบ้าง ขยายเสียงเขาเปิดที่ศาลาการเปรียญเก่า พวกเขามาก
    ก็มีพระกลุ่มหนึ่ง คณะหนึ่งมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นประธาน แล้วก็มี ท่านเจ้าคุณราชรัตนโมลี วัดแก้วแจ่มฟ้า เจ้าคุณราชรัตนกวี วัดอนงคาราม (เป็นเจ้าคุณเทพฯ เวลานี้) และก็ เจ้าคุณวิสุทธาธิบดี (ไสว) วัดไตรมิตร และสมเด็จพุฆษจารย์ วัดสุทัศน์ และก็มี เจ้าคณะเจ้าคุณราชรัตนโสภณ รองเจ้าคณะตรวจการภาค อีกองค์หนึ่ง ทั้งหมดนี้รู้สึกว่ามีคุณหนัก ท่านช่วยเต็มกำลัง นอกจากนั้นก็ช่วยเหมือนกัน แต่ไม่ประจัญหน้านัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเจ้าคุณวัดไตรมิตร คือว่าเจ้าคุณ…. นึกชื่อไม่ออกเสียอีกแล้ว เจ้าคุณไสว วัดไตรมิตรน่ะนะที่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสุทัศน์ เป็นตัวตั้งตัวตี เจรจากับพระในจังหวัดอุทัยธานี ตรง เรียกว่าเป็นนักชนตรงในอันดับแรก ต่อมาก็เจ้าคุณราชรัตนกวี วัดอนงคาราม (เจ้าคุณเทพฯ ปัจจุบัน) และเจ้าคุณราชรัตนโมลี วัดแก้วแจ่มฟ้า ก็เข้ามาเป็นตัวแทนของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ในที่สุดงานทุกอย่างก็เป็นไปเรียบร้อยปกติ ทุกอย่างเรียบ และก็อันธพาลก็เรียบที่สุด
    ปรากฏว่า เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๑ อาตมากำลังป่วยมาก ทราบข่าวทางโทรศัพท์ว่า เจ้าคุณวัดไตรมิตร พูดไปก็นึกชื่อไม่ออก พระวิสุทธาธิบดี ท่านมรณภาพ ก็คิดว่า พระองค์นี้มีคุณมาก วัดท่าซุงจะตั้งขึ้นมาได้และเจริญรุ่งเรืองเวลานี้ ก็มีท่านส่วนหนึ่งที่เป็นกำลังสำคัญมาก ช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ชื่อว่าเป็นลูกมือของสมเด็จวัดสามพระยา ก็คิดในใจว่า อยากจะไปรดน้ำศพ แต่ก็นอนลุกไม่ขึ้น จะไปจัดงานสวดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ยังไปไม่ไหว ถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม แล้ว ยังลุกจากที่นอนไม่ไหว
    วันที่ ๑๘ มีอาการคลายนิดหนึ่ง เวลา ๔ โมงเช้า นอนภาวนาอยู่ ก็คิดถึงท่านว่า ท่านผู้มีคุณของเรา เวลานี้ท่านตายแล้วท่านไปอยู่ที่ไหน อันดับแรกเราก็ต้องไปดูที่สำนักพระยายมก่อน เพราะยังไม่กี่วันนัก อย่างน้อยที่สุดถ้าบังเอิญผ่านสำนักนั้น ก็ยังไม่มีการสอบสวน เพราะว่าสำนักพระยายามนี้ก็ไม่ได้ไปนาน ตอนป่วย ๑๐ วันกว่าไม่ได้ไป
    พอไปถึงท่านลุงผู้ใหญ่ นายบัญชี ท่านก็ถามว่า “คุณมาถามถึงเจ้าคุณไสวใช่ไหม” ท่านไม่เรียกราชทินนาม ท่านเรียกชื่อเดิม ก็บอกว่า “ใช่” ท่านบอกว่า “คนชื่อ ไสว ที่เป็นพระ เวลานี้ไม่มีบัญชีในเมืองนรก พอฟังเท่านั้นดีใจมาก ขนลุกซู่ ชื่นบาน ก็นึกว่าพระคุณใหญ่ของท่านผู้มีคุณของเรา เวลานี้ท่านไม่ต้องตกนรก ไม่ต้องทรมาน แต่ความดีของท่าน จะมีเป็นประการใดบ้างกับคนอื่น อาตมาไม่ทราบ ความไม่ดีของท่านจะมีที่ไหนบ้าง อาตมาไม่ทราบ ทราบแต่ความดีที่ท่านลงทุนลงแรงทุ่มเทมาก ช่วยอาตมาให้ทรงตัวอยู่ได้ และก็ช่วยให้วัดท่าซุงให้เจริญรุ่งเรืองขั้นมาได้ ไม่ได้คณะท่านทั้งหลายเหล่านี้ วัดท่าซุงไม่ปรากฏภาพ
    สิ่งที่ปรากฏไปแล้วก็ปรากฏว่าจะต้องถูกขาย เพราะพวกนั้นเขามีอาชีพขาย เขามุ่งเลย อย่างนั้นจะขายเท่านั้น อย่างนี้จะขายเท่านี้ แต่คนพวกนี้ตายไปหมดแล้ว ไม่เหลือ เวลานี้ไม่เห็นหน้า ตายไปแล้ว เมื่อทราบว่าท่านไม่มีชื่อในบัญชีก็ดีใจ ก็ถามท่านนายบัญชีใหม่ว่า ท่านอยู่ที่ไหน ท่านนายบัญชีใหม่ก็บอกว่า “ผมบอกก็ได้ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของผม ท่านต้องไปถาม ปัญจสิกขเทพบุตร เป็นเลขานุการบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก” ก็ลาท่านไป
    ไปหาท่านปัญจสิกขเทพบุตร ถามท่านว่า “พระองค์หนึ่งที่ชื่อว่า ไสว อยู่วัดไตรมิตร เวลานี้ท่านอยู่ที่ไหน” ท่านก็ยิ้ม ท่านบอก “นี่ยังไง นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณ นี่ยังไงล่ะ คนนุ่งผ้าเขียวเป็นมันระยับ แพรวพราว แล้วก็ใส่เสื้อสีขาวแพรวพราวเป็นระยับ หน้าตาสวยสดงดงามผ่องใสมาก คนนี้นะคือ “ไสว วัดไตรมิตร” ก็หันไปถามท่าน ท่านยิ้ม และต่างคนต่างก็ยกมือไหว้กัน แต่เวลานี้ท่านไม่ใช่พระเสียแล้ว เป็นเทวดาไปแล้ว
    ถามท่านว่า “ท่านมาอยู่ชั้นดาวดึงส์รึ” ท่านตอบว่า “ใช่” ท่านบอกว่า “ขอบใจนะที่ช่วยผมอยู่มาก” ถามว่า “ช่วยอะไรท่าน” ท่านบอกว่า “การที่นิมนต์ไปที่วัดน่ะผมไม่ได้หมายความว่าถวายเงิน ถวายผ้าไตร แต่ช่วยกำลังใจผมให้มีความชื่นบานในบุญกุศลของท่าน กำลังใจของผมก็มีปีติ ที่พระที่ผมช่วยไว้เป็นผู้ชนะความชั่ว คือ ชนะความทรุดโทรม มีแต่ความรุ่งโรจน์ทำให้วัดวาอารามรุ่งโรจน์ ทำให้พระพุทธศาสนาเด่นขึ้น”
    ก็ถามท่านว่า “ท่านตายในขณะที่ไปดูงาน ท่านมีกำลังใจเป็นกุศลส่วนไหน จึงมาสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้”
    ท่านก็ตอบว่า “จงอย่าลืมว่า ผมไปในงานของพระศาสนา เขาจะตรวจสอบวิชาความรู้ของนักธรรม ผมไปนั้นจิตเป็นธรรมจริง ๆ ไม่มีกังวลอื่นช่วย ไม่ใช่ไปคิดอยากได้เงินอยากได้ทอง มันอยากได้ที่ไหนมันก็ไม่ได้ เพราะงานนั้นไม่มีค่าแป๊ะเจี๊ยะ ไม่มีเงินไม่มีทอง มีอย่างเดียว คือ จ่าย ผมไป ค่าพาหนะผมก็จ่ายจากทุนของผมเอง ผมไปเพื่อพระศาสนาจริง ๆ กำลังใจของผมไปเพื่อบุญเพื่อกุศล เพื่อให้ความเป็นธรรม เวลาที่ป่วยลงมาปั๊บ รู้สึกว่ามีอาการวูบลง หน้ามือ พอหน้ามือ ไม่เห็นสิ่งภายนอก ก็ปรากฏสิ่งภายในปรากฏขึ้น นั่นคือ พระพุทธรูปในพระอุโบสถ พระทองคำ ภาพท่านปรากฏชัด เห็นแสงสว่างมาก ยิ่งดูยิ่งชัด ๆ หนักเข้าใกล้จะถึงวาระจริง ๆ เห็นท่านยิ้ม พอท่านยิ้ม ผมก็หมดความรู้สึกอีกที ตอนนี้ปรากฏมีร่างกายมาอยู่ สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานแก้ว ๓ ประการเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า ๕,000 คน เป็นบริวาร” ก็เลยบอกว่า “ท่านเจ้าคุณ ได้เปรียบนะ เป็นพระไม่มีเมีย แต่เป็นเทวดามีเมียตั้ง ๕,๐๐๐ คน”

    เอาละ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน เวลาเหลือ ๒๐ วินาที จะหมดเวลา ก็ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังและผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี
    จากหนังสืออ่านเล่น เล่มที่ ๔

    29468114_1420162241428848_1220455076447911936_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...