ติดตามสถานะการณ์

#สยามพับลิค #ข่าวต่างประเทศ

โฆษกต่างประเทศอิหร่านกล่าวประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุการโจมตีสถานทูตอิหร่านในกรุงลอนดอน

อ่านรายละเอียดได้ที่ goo.gl/WQtExw

 

ซวยแล้ว สส.หมูบ๊องตื้นของอังกฤษ: 'รัสเซียให้หาหลักฐานมาโชว์ มิฉะนั้น ต้องขอโทษรัสเซียสถานเดียว':

มีหลายคนพยายามเขียนละเลงสีว่าวลาดิเมียร์ ปูตินโหดเหี้ยม ไล่ล่าสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ปราณี แต่พอไปอ่านประวัติของปูตินจริงๆ จะเห็นว่าเขาจะโหดเหี้ยมหรือกัดไม่ปล่อยก็เฉพาะแต่คนที่ทรยศชาติ นำความลับของชาติไปเปิดเผย ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติขาดความมั่นคง

กรณีอย่างนี้ เขาไล่ล่าจริง แต่ถ้าเทียบการลักลอบสังหารระหว่างสายลับรัสเซียสมัยปูตินกับ CIA แล้ว ห่างกันไม่เห็นหลังเขา หน่วยงาน CIA ทั้งจับไปทรมานและลอบฆ่า ล้มรัฐบาลจนเป็นเรื่องปรกติธรรมดาไปแล้ว แต่ไม่ยักจะพูดถึงหรือจงใจไม่พูดถึง แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ ทหารไทยและสื่อไทยจำนวนมากโปรมะกัน ทหารหลายคนก็เคยได้ทุนมะกัน ไปนอนลูบพุงตีพุงมาแล้วที่ชายหาดฮาวาย ชิคาโก้หรือวอชิงตันดีซี จะวิจารณ์อะไรเชิงลบก็คงไม่กล้า

เมื่อเช้าเห็นข่าวว่าแม้แต่อียูก็ไม่เอาด้วยกับอังกฤษที่ประณามรัสเซียโดยไม่มีหลักฐาน (https://www.politicshome.com/news/u...y/news/93725/blow-theresa-may-eu-refuses-back) ตอนนี้ อังกฤษหาพวกไม่ได้แล้ว ไม่มีใครคบชาติที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีชาติอื่นหรอกครับ

ส่วนบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศบ๊องตื้นของอังกฤษ ตอนนี้ รัสเซียให้ทำ ๒ อย่าง ๑.หาหลักฐานแข็งมาโชว์ว่าแก๊สนั้นผลิตในรัสเซีย ๒.ขอโทษรัสเซียเสีย

เห็นผู้ดีจอมปลอมได้รับการสั่งสอนแบบนี้ รู้สึกดีครับ คงดัดสันดานไปได้ไม่น้อย

๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑
หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วยครับ
http://theduran.com/kremlin-sends-b...-your-claims-with-real-evidence-or-apologize/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เตือนแล้วไม่ฟัง! กลาโหมเยอรมันตัดสินใจเด้ง ผบ.ทอ.เยอรมันออกจากตำแหน่ง โทษฐานเชียร์เครื่องบินรบ F-35

----------

วันที่ 19 มี.ค. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "เราเตือนท่านแล้ว: ผบ.ทอ. เยอรมันถูกเด้ง เนื่องจากสนับสนุนให้กองทัพซื้อเครื่องบินรบ F-35" (We Warned You: German Air Force Chief Ousted for Promoting F-35 Acquisition)

พล.อ.ท. Karl Müller ผู้บัญชาการกองทัพอากาศเยอรมันนีกำลังจะหลุดจากตำแหน่งหลัก เนื่องจากจุดยืนของเขาที่เสนอให้เยอรมันจัดซื้อเครื่องบินรบล่องหน F-35 Lightning II ของสหรัฐ (และพันธมิตร)

ก่อนหน้านี้ Sputnik ได้รายงานว่า พล.อ.ท. Müller กำลัง (ยืน) อยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ร่วมกับบรรดาผู้นำทางการเมืองชาวเยอรมันที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า กองทัพอากาศของเยอรมันต้องใช้เครื่องบินขับไล่ที่ผลิตโดยยุโรปแทนฝูงบิน Panavia Tornado ของเยอรมัน

"แหล่งข่าวจาก ทอ.เยอรมัน (Luftwaffe) กล่าวกับผมว่า ถ้า ผบ.ทอ. ของเยอรมันพูดว่า 'F-35' อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะถูกไล่ออก" Christian Thiels ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารในเยอรมันกล่าวเมื่อปลายเดือนมกราคม โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า "ดูเหมือนว่าฝ่ายผู้นำของเยอรมันยังคงเอียงไปทางการแก้ไขปัญหาโดยอียู"

รายงานข่าวกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่า พล.อ.ท. Müller ได้แสดงความคิดเห็นออกอากาศอีกครั้งในการสนับสนุนเครื่องบินรบ F-35 แต่เว็บไซต์ Jane's ได้รายงานว่า ท่านนายพลจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.ทอ. เป็นการโดยเฉพาะ เนื่องจากท่านได้สนับสนุนการจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35 อย่างต่อเนื่อง

"Luftwaffe พิจารณาถึงศักยภาพของ F-35 เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับกระบวนการคัดเลือก (เครื่องบินรบรุ่นใหม่) เพื่อทดแทนเครื่องบินรบ Tornado และผมก็คิดว่า ผมได้แสดงออกอย่างชัดเจนมากพอแล้วว่า รุ่นไหนเป็นที่นิยมสำหรับกองทัพอากาศ" พล.อ.ท. Müller กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560

ตามรายงานข่าวเปิดเผยว่า นาง Ursula von der Leyen รมว.กลาโหมเยอรมัน ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งนี้เป็นรอบที่สองเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ได้ตัดสินใจเริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการย้ายขุนทหารในกองทัพครั้งใหญ่ นอกจากส่ง พล.อ.ท. Müller ไปสู่การเกษียณอายุแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพอีกราว 6 นาย ในกองทัพเยอรมันกำลังจะถูกเด้งภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย

เดือนธันวาคม บรรดาเจ้าหน้าที่ในกระทรวงกลาโหมของเยอรมันได้พยายามแยกตัวเองออกจากการสนับสนุนเครื่องบินรบ F-35 โดย พล.อ.ท. Müller โดยกล่าวว่า เครื่องบินรบ Eurofighter Typhoon ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตัวเลือก "หลัก" สำหรับการจัดหาฝูงบินรบใหม่เพื่อเข้าประจำการแทนฝูงบินรบ Tornado ในกองทัพอากาศเยอรมัน

[เอ… แล้วฝูงโปรอเมริกาทั้งหลายจะไม่พากันรุมด่า รัฐบาลเยอรมันว่า "ต่อต้านสหรัฐ" หรือ "เป็นพวกทรยศต่อสหรัฐ" และเรียกร้องให้เยอรมันเลิกใช้เฟซบุคของสหรัฐบ้างหรือนี่? รมว.กลาโหมเยอรมัน และรัฐบาลเยอรมันจะถูกขับไล่ให้ไปอยู่ที่เกาหลีเหนือหรือเปล่านะ? แต่ดูเหมือนว่า กห. เยอรมันจะส่งสัญญาณว่า "ถ้าชอบ F-35 มากก็ไปอยู่ที่อเมริกาซะเลยสิ" ให้บรรดานายพลของเยอรมันก่อนหล้วนะ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
20/03/2561
----------
https://sputniknews.com/us/201803191062699006-us-tariff-exemption-request/
https://www.rt.com/news/417708-germany-f35-airforce-row/

 

ผมคิดว่าข้าราชการที่คิดว่าประชาชนโง่ ก็เพราะประชาชนปล่อยให้พวกเขาโกงกินได้อย่างสบาย เหมือนที่เราเคยได้ยินว่าไอ้นี่โง่น่ะเลยถูกหลอก ซึ่งท่านคงจะเห็นแล้วว่ามีผู้ให้คำแนะนำท่านมาแล้ว ดังนั้นเพื่อทำให้ประชาชนจะหายโง่ได้ คสช ก็จะต้องจัดการเรื่องโกงกินให้หมด ซึ่ง คสช. จะทำยังไงให้ความกังขาของประชาชนถึงความจริงจังในการปราบโกงของท่านหมดไป

การเมือง»แก้อะไรก่อนดี??? ทำให้ประชาชนหายโง่ หรือ ทำให้ข้าราชการหยุดโกงกิน!!??

แก้อะไรก่อนดี??? ทำให้ประชาชนหายโง่ หรือ ทำให้ข้าราชการหยุดโกงกิน!!??

BY BOURNE ON MARCH 20, 2018การเมือง, ประเด็นเด็ด, วิจารณ์การเมือง
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาข่าวสารที่เป็นกระแสสังคมมากที่สุด 2 ข่าว จะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้นอกจากเรื่องของเอกสารราชการที่ลงนามโดยรองผู้ว่าฯจังหวัดขอนแก่น ที่ระบุภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” กับ ข่าวการโกงกินเงินคนจนของข้าราชการไทย

ทั้ง 2 ข่าวนี้สะท้อนหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่มีมายาวนานแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เรื่องภารกิจ “ทำให้ประชาชนหายโง่” นั้นแม้จะมีการขอโทษ และชี้แจงจากหน่วยงานราชการแล้ว แต่ความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ข้าราชการและผู้ใช้อำนาจรัฐจำนวนไม่น้อยที่มองว่าประชาชนโง่ ไม่มีความรู้ ถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งนอกจากเอกสารราชการที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังรวมไปถึงมุมมองของข้าราชการรวมถึงอดีตข้าราชการที่ตอนนี้ผันตัวมารับตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบัน ที่แสดงออกอยู่บ่อยครั้งผ่านแนวคิดที่มองการตัดสินใจของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง





ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมักเน้นย้ำว่าประชาชนไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจในการเมืองการปกครอง ไม่เข้าใจเสรีภาพประชาธิปไตย ถูกชักจูงหรือซื้อได้ง่ายด้วยเงิน คำพูดในลักษณะนี้เราได้ยินกันบ่อยครั้งจนเป็นความเคยชิน แต่มันก็คือสิ่งยืนยันความคิดของคนเหล่านี้ที่มองว่าประชาชนโง่กว่าพวกเขา



ในขณะที่ข่าวการโกงกินเงินคนจนของข้าราชการ ที่วันนี้มีความชัดเจนแล้วว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นจากข้าราชการ ไม่ใช่แค่พื้นที่เดียว แต่ทุจริตกันมากกว่า 49 จังหวัดทั่วประเทศ มีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตงบประมาณรวมงบ 104,440,000บาท คิดเป็นประมาณ 85% ที่สำคัญก็คือ การทุจริตครั้งนี้ไม่ถูกตรวจสอบได้โดยหน่วยงานรัฐหรือองค์กรอิสระ แต่ถูกจุดประเด็นจนเรื่องแดงจาก น.ส.ปณิดา ยศปัญญา ซึ่งเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ที่มีฐานะเป็นประชาชนธรรมดา



ที่ผ่านมาเรามักคุ้นชินกับการที่ข้าราชการและหน่วยงานรัฐต่างๆ ยกเอาเรื่องทุจริตมาโยนบาปให้กับนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยมาหลายทศวรรษ และการทุจริตนี้ก็เป็น 1 ในข้ออ้างหลักเพื่อการทำการรัฐประหารโดยกองทัพทุกครั้ง แต่สิ่งที่คนไทยไม่ค่อยได้ตั้งคำถามมากนักก็คือแล้วข้าราชการล่ะโกงกินหรือเปล่า หรือนักการเมืองเท่านั้นที่โกงกิน???



ต้องไม่ลืมว่านักการเมืองในแต่ละยุคนั้น เข้ามาใช้อำนาจรัฐได้ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งตำแหน่งทางการเมืองเหล่านั้นมีวาระที่ชัดเจน เข้ามาก็ต้องออกไปตามวาระ มีการตรวจสอบถ่วงดุลโดยระบบรัฐสภา ราชการ สื่อมวลชน และประชาชนก็สามารถตรวจสอบได้ แต่ข้าราชการนั้นไม่ได้มีวาระที่ชัดเจนเหมือนนักการเมือง อีกทั้งข้าราชการคือกลุ่มคนที่อยู่กับงบประมาณและการบริหารประเทศตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีนักการเมืองหรือไม่ก็ตาม

นอกจากนี้กลุ่มทหารที่ก่อการรัฐประหารในแต่ละยุค อาชีพของพวกเขาก็คือข้าราชการเช่นกัน คำถามก็คือประชาชนไทยจะเลือกเชื่อกับความคิดเดิมๆที่เข้าใจว่านักการเมืองโกงกินและสร้างความเสียหายแก่ประเทศ หรือจะยอมรับความจริงว่าข้าราชการเองก็โกงกิน สร้างความเสียหายกับประเทศเช่นกัน และไม่แน่ว่าอาจจะสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติมากยิ่งกว่าที่นักการเมืองทำได้เสียอีก!!!

Reference

http://www.komchadluek.net/news/politic/316910

http://www.komchadluek.net/news/regional/317093

https://www.posttoday.com/social/general/544895

ข่าวจาก http://www.ispacethailand.org/political/15715.html

 

Wudhichai Maitreesophone

เครื่องบินรบของตุรกีโจมตีที่ตั้ง ฐาน Outposts ของทหารรัฐบาลซีเรีย ทำให้ทหารซีเรียตาย 6 คน เป็นนายทหารระดับนายพัน 1 คน และบาดเจ็บ 2 คน

อันเนื่องมาจาก มีการรบระหว่างกองทัพตุรกี กับชาวเคิร์ด ซึ่งรัฐบาลซีเรียยังไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ได้วาง Outpost ไว้ตลอดแนวของถนนสาย Afrin - Nobl An Al-Zaraa เพื่อดูแลผู้อพยพหลายหมื่นคนที่อพยพออกจากเมือง Aftin แต่ก็ถูกเครื่องบินรบของตุรกีโจมตีดังกล่าว

https://www.almasdarnews.com/articl...trike-hits-syrian-forces-near-afrin-6-killed/

 

Wudhichai Maitreesophone

ประธานาธิบดีตุรกี Racep Tayyip Erdogan ได้อภิปรายในรัฐสภาตุรกีเมื่อวานนี้ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่าง ตุรกี กับสหรัฐ

อเมริกา บอกกับเราว่า ตุรกีเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐ แล้วทำไมอเมริกา จึงไปสนับสนุน ไปสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มก่อการร้าย ที่เป็นศัตรูสำคัญของตุรกี คุณเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์แบบไหนกัน

ความสัมพันธ์ สหรัฐฯ กับตุรกี เสื่อมทรามลง ถ้ายังไม่ปรับเป็นปกติ ถ้าสหรัฐจะทำสงครามกับรัสเซีย สหรัฐจะต้องยึด ช่องแคบบอสเพอรัส ทางเข้าทะเลดำ และเมือง อิสตันบุล จะถูกทำลายราบเรียบ สหรัฐต้องโจมตีรุนแรง เพื่อจะต้องยึดให้ได้ ตุรกีก็ต้องป้องกันเต็มที่ สู้กันจนอาคารบ้านเรือนกลายเป็นซีเรียแห่งที่ 2

เมื่อสหรัฐยึดช่องแคบบอสเพอรัสไปได้ รัสเซียก็ถูกปิดล้อม กองเรือรบทะเลดำ จะเข้าจะออกสู่เมดิเตอร์เรเนียนไม่ได้เลย แต่รัสเซียจำเป็นที่จะต้อง เข้า-ออก ในช่องทางนี้ เพราะฉะนั้น รัสเซียก็ต้องโจมตีทหารสหรัฐ ที่ตั้งฐานในการควบคุมทาง เข้า-ออกช่องแคบบอสเพอรัส และกวาดล้างทหารสหรัฐและพันธมิตรให้หมด เพื่อนำเรือรบที่ออกปฏิบัติการในมหาสมุทร กลับเข้ามาซ่อมบำรุง และออกไปปฏิบัติการสงครามอีกครั้ง เพราะฉะนั้น อิสตันบุล จะต้องตกอยู่ในอันตราย ตลอดช่วงสงคราม

https://www.almasdarnews.com/articl...this-erdogan-doubts-us-relations-with-turkey/

 

ใครคือคนที่แทรกแซงการเลือกตั้งของอเมริกาตัวจริงเสียงจริง?

ปูตินถูกกลุ่มเครือข่ายรัฐบาลเงาและสื่อขยะของอเมริกาด่าว่าก้าวก่ายการเลือกตั้งมาตลอดนับแต่โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แม้ว่าทรัมป์จะปฏิเสธว่าไม่จริง ก็ไม่สามารถหยุดกระแสโจมตีปูตินได้ ปูตินอดทน ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่แก้ตัวให้ตัวเองมาก อธิบายแต่เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นและไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับข่าวโจมตีตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกๆ วัน แสดงว่าจิตใจเขาเข้มแข็งมาก

สังเกตที่เขายืนอยู่ท่ามกลางฝนเพื่อวางพวงหรีดแสดงเคารพทหารกล้ารัสเซียผู้วายชนม์เพื่อรักษาประเทศชาติรัสเซียสิครับ เขาไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆ เลย การเคารพผู้วายชนม์ที่เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติสำคัญกว่า นี่คือความอดทนของปูตินและความเข้มแข็งของรัสเซีย

ในที่สุด เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อถูกซักไซร้ไล่เลี่ยงจริงๆ ปูตินก็โพล่งออกมาว่าแท้ที่จริงแล้ว คนก้าวก่ายการเลือกตั้งในอเมริกาทั้งหมดแล้วทำให้รัสเซียถูกไส่ร้ายคือกลุ่มสายลับชาวยิว (https://edition.cnn.com/2018/03/12/politics/putin-comment-jews-russian-minorities/index.html) ที่แล้วมา เขาไม่พูด อาจจะเพราะต้องการรักษาน้ำใจของเนตันยาฮูหรือปล่าวก็ไม่ทราบได้

ปูตินเขาเป็นอดีตเคจีบี คร่ำหวอดอยู่กับวงการข่าวและขณะนี้ก็เป็นประธานาธิบดีของรัสเซียควบคุมหน่วยข่าวกรองทั้งหมดมีหรือที่จะไม่รู้ว่าใครก้าวก่ายการเลือกตั้งในอเมริกา

เมื่อวานนี้เอง (20 มีนาคม) ข่าวแฉก็ปรากฎออกมาว่าแท้ที่จริงแล้ว กลุ่มที่ก้ายก่ายการเลือกตั้งในอเมริกาเป็นกลุ่มสายลับมอสสาดของอิสราเอลซึ่งทำงานผ่านบริษัทที่มีชื่อว่า The Cambridge Analytica ซึ่งมีสำนักงานในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (รายละเอียดดู http://www.eurasiafuture.com/2018/0...idence-of-israeli-meddling-in-trump-election/ และวิกิพีเดีย https://en.wikipedia.org/wiki/Cambridge_Analytica)

ปูตินหลุดรอดจากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาใช้สายลับลักลอบก้าวก่ายการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาอย่างสวยงาม เป็นอีกชัยชนะของวลาดิเมียร์ ปูติน สหพันธรัฐรัสเซียและประชาชนชาวรัสเซียทุกคน ขอแสดงความชื่นชมครับ

สำนักข่าว.....ของไทย ไม่ตีพิมพ์ข่าวทำนองนี้ ช่างหัวเผือกหัวมัน ขอให้แฟนเพจนี้เข้าใจก็พอครับ

๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑
หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วยครับ

 

ช้าง

 

Wudhichai Maitreesophone

ผู้ก่อการร้าย ISIS ที่เปลี่ยนเครื่องแบบจากทหารรับจ้าง FSA ของสหรัฐ มาเป็นผู้ก่อการร้าย ISIS เข้ายึดเมือง Al-Qadam จนทหารรัฐบาลที่รักษาเมืองนี้อยู่จำต้องล่าถอยออกจากเมือง
ทางกลาโหมซีเรีย ได้สั่งให้กองพลทหารม้ายานเกราะที่ 4 ที่กำลังทำการรบอยู่ในสมรภูมิ East Ghouta แบ่งกำลังไปช่วยทหารพราน NDF ที่รักษาเมือง Al-Qadam ซึ่งเมื่อกำลังพลของกองพลฯ ที่ 4 มาถึงก็อ้อมไปเข้าข้างหลังของผู้ก่อการร้าย ISIS และโจมตีเป็น 2 ด้าน NDF โจมตีด้านหน้า ส่งนกองพลทหารม้าๆ ที่ 4 ก็ตีตลบหลังเข้ามา ในที่สุด ISIS ผู้ก่อการร้ายรับจ้างก็หลบหนีไป

ยังไม่มีรายงานว่า กำลังของกองพลทหารม้าฯ ที่ 4 ได้กลับเข้าไปช่วยกวาดล้างผู้ก่อการร้ายใน East Ghouta หรือไม่ หากกองพลทหารม้าฯ ที่ 4 ได้รับคำสั่งให้พักผ่อนรออยู่ที่จังหวัด Daraa นี้ก็หมายถึง Garrison Al-Tanf ค่ายฝึกผู้ก่อการร้ายของสหรัฐ ก็คือเป้าหมายต่อไปของกองทัพซีเรีย

https://www.almasdarnews.com/articl...y-district-has-not-fallen-to-terrorist-group/

 

กรุทองคำวัดมหาธาตุ และ กรุทองคำวัดราชบูรณะ "กรุมหาสมบัติ แห่ง กรุงศรีอยุธยา"

กรุวัดมหาธาตุ พระนครศรีอยุธยา

กรมศิลปากรรับผิดชอบการขุดแต่งบูรณะโบราณสถานโดยเริ่มที่วัดมหาธาตุอันเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมือง กรุงศรีอยุธยา ที่สร้างในสมัยขุนหลวงพะงั่ว พ.ศ.1917 ก่อนในต้นเดือน สิงหาคม 2499 และในวันที่ 25 สิงหาคม ก็ได้พบเครื่องทองที่ใต้ฐานเจดีย์ชั้นบนของซากพระปรางค์องค์ใหญ่จำนวน 20 รายการ ดังนี้

1. ปลาหินเขียนลายทอง 1 ตัว ( 2 ชิ้น )
2. ตลับสิงโตทองคำฝังทับทิมตัวใหญ่ 1 ตัว
3. ทองคำเป็นรูปโคมประดับทับทิม 4 ตัว
4. ผอบหินฝาทองคำ 1 ผอบ
5. ตลับสิงโตทองคำขนาดเล็ก 1 ตัว
6. ลูกคั่นทองคำ 10 ลูก
7. กาน้ำลายครามเล็กรูปเต่า 1 กา
8. โถปริลายคราม 1 โถ
9. ลูกประหล่ำทองคำ 12 ลูก
10. จุกฝาโถทองคำ 22 อัน
11. โถกระเบื้องเล็ก 1 โถ
12. ลูกพิกุลทองคำ 1 ลูก ( 2 ชิ้น )
13. ด้ามไม้ควักปูนแก้วผลึก 1 อัน
14. โถแก้ว 1 โถ
15. ตลับทองคำมีสายสร้อยร้อย 1 ตลับ
16. เสือแก้วผลึก 1 ตัว
17. กระปุกหินฝาประดับทอง 1 อัน
18. กาน้ำลายครามรูปปักเป้า 1 กา
19. หางปลาเป็นรูปทองคำ 1 หาง
20. ทองคำทำเป็นรูปสิ่งของ 1 ชิ้นเล็ก



ต่อมาได้ขุดพบผอบศิลาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ขนาดสูงรวมตัวและฝาผอบ 1.05 เมตร กว้าง 0.32 เมตรสี่เหลี่ยม และได้นำขึ้นมาเปิดดู เมื่อ 30 กันยายน 2499 ปรากฏว่าภายในผอบศิลานั้นบรรจุเครื่องทองคำเต็มล้นพูนปากผอบ จำนวน 22 รายการ รวมเป็นทองคำหนัก 62 บาทเศษ ผนังข้างในผอบบุด้วยแผ่นทองคำโดยรอบ กลางผอบมีสถูปเจดีย์สวมครอบพระบรมสารีริกธาตุไว้รวบ 7 ชั้น

ชั้นที่ 1 เป็นพระสถูปทำด้วยชิน
ชั้นที่ 2 เป็นพระสถูปเงินมียอดนพศูล
ชั้นที่ 3 เป็นพระสถูปนากมียอดนราศูลฝังพลอย
ชั้นที่ 4 เป็นพระสถูปไม้สีดำยอดทองคำ
ชั้นที่ 5 เป็นพระสถูปไม้สีแดงยอดทองคำ มีทองคำเป็นปลอกรัด พระสถูปและฐานบุแผ่นทองคำ
ชั้นที่ 6 เป็นพระสถูปแก้ววางซ้อนกันเป็น 3 ชั้น คือชั้นล่างโตหน่อยเป็นแก้วโกเมน ชั้นกลางย่อมลงเป็นแก้วมรกต ชั้นยอดเล็กกว่าชั้นกลางเป็นทับทิม แล้วใช้ทองคำทำเป็นสาแหรกรัด ที่สายสาแหรกประดับมรกตเม็ดเล็ก ๆ ยอดสาแหรกติดมรกตทำเป็นลายแหลมอย่างยอดเจดีย์ ฐานรองพระสถูปแก้วเป็นทองคำมีพลอยสีต่าง ๆ วางเรียงรายไว้ 6 เม็ด
ชั้นที่ 7 เป็นตลับทองคำเล็ก ๆ เมื่อเปิดฝาออกก็มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ในน้ำมันจันทน์ สัณฐานเป็นลักษณะคล้ายเกล็ดพิมเสนสีขาวเป็นรุ้งพราว ขนาดเท่า 1 ใน 3 ของเมล็ดข้าวสาร



อนึ่งโดยรอบผอบศิลาที่อยู่ในกรุพระปรางค์วัดมหาธาตุนั้น ก็บรรจุพระพุทธรูปสำริดบ้าง พระพิมพ์เนื้อชินบ้าง พระทองคำแผ่นบ้าง กระจายอยู่ทั่วไป แต่พระพิมพ์ชินผุเปื่อยเสีย 50% ด้วยเหตุที่แช่อยู่ในน้ำนานปี ที่สำคัญคือได้พระทองคำปั๊มนูนฝีมือช่างสมัยอู่ทองเป็นแผ่นหนาสูง 48 ซ.ม. องค์หนึ่งซึ่งถือเป็นศิลปวัตถุชิ้นเอก

นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์ทิศอยู่ที่มุมกำแพงแก้วของพระปรางค์องค์ใหญ่ (ปรางค์ประธาน) อีก 4 องค์ กรมศิลปากรได้ขุดตามที่คนร้ายขุดได้พบผอบศิลาบรรจุพระธาตุของพระสาวกและภายในผอบมีพระพุทธรูปทองคำ พระพิมพ์แผ่นทองคำ แหวนพระพุทธรูปสำริด สถูปซ้อนกัน 3 ชั้น บรรจุตลับทองคำรักษาพระธาตุองค์หนึ่งขนาดเท่าครึ่งเมล็ดข้าวสาร สีดอกพิกุลแห้ง สัณฐานคล้ายผลยอ มีปุ่มขาวงอกอยู่ 2 - 3 ปุ่มด้วย



จากสาเหตุข่าวการขุดกรุพระปรางค์วัดมหาธาตุ หรือ กรุหลวงพะงั่ว ได้พบสมบัติมีค่าเป็นอันมาก หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวันแรมเดือน และประชาชนก็สนใจติดตามข่าวอยู่เสมอ จึงเป็นมูลเหตุเร่งเร้าให้คนร้ายคิดเห็นเป็นตัวอย่าง และเชื่อมั่นว่าตามประปรางค์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญกษัตริย์สร้างทั้งสิ้นนั้นคงจะมีสิ่งของมีค่าอีกเป็นจำนวนมากแน่นอน จึงชิงขุดกรุพระปรางค์ทุกองค์และเจดีย์ใหญ่สำคัญทั่วไปหมดโดยที่ทางราชการไม่สามารถจะไปเฝ้าดูแลรักษาได้ อันทำให้กรมศิลปากรมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบาย กล่าวคือนอกจากทำหน้าที่ขุดแต่งบูรณะโบราณสถานตามหลักวิชาการแล้ว จะต้องรีบขุดค้นหาวัตถุโบราณตามรอยซากเจดีย์ที่คนร้ายเคยลักขุดไว้ ตลอดจนที่คนร้ายยังไม่ได้ขุดด้วย เพราะเหตุว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2500 ได้เกิดมีคนร้ายลักขุดกระพระปรางค์วัดพุทไธศวรรย์ จึงเกรงว่าทางราชการจะถูกตำหนิปล่อยให้เหตุการณ์เกิดซ้ำอย่างวัดราชบูรณะอีก ซึ่งทรัพย์สมบัติของชาติถูกทำลายสูญหายยับเยินจึงได้ขออนุมัติขุดกรุ 5 แห่ง คือ วัดไชยวัฒนาราม วัดพระราม วัดพุทธไธศวรรย์ วัดใหญ่ชัยมงคล และวัดสามวิหาร เพราะตระหนักว่าถ้าขืนหล่อยทิ้งไว้คนร้ายก็จะลักขุดเสียก่อนทุกแห่งไป หลักฐานข้อมูลทางโบราณคดีประวัติศาสตร์และสมบัติมีค่านานาชนิดก็จะพลอยสูญสลายถูกทำลายหมดด้วยอย่างแน่นอน

ที่มา : เครื่องทองสมัยอยุธยา กรมศิลปากร 2548
-----------------------------------------------------------------

กรุวัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา

พระปรางค์วัดราชบูรณะมีกรุใหญ่และลึก กรมศิลปากรทำการขุดเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2500 ในปัจจุบันเปิดให้เข้าไปชมกรุได้ตามปกติ กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะมีทั้งหมด 4 ห้องใหญ่ๆ เรียงกันลงไปแนวดิ่ง โดยชั้นล่างสุดอยู่ในแนวระดับพื้นดิน ดังนี้

กรุชั้นที่ 1
เป็นชั้นที่อยู่บนสุด เดิมมีผนังก่อปิดภาพทั้งหมด (ภาพคนจีน เทพชุมนุม ฯลฯ) หลังผนังทำเป็นช่องเล็กๆ ใส่พระพิมพ์ และ พระพุทธรูปไว้จนเต็ม และในนั้น คนร้ายพบพระพุทธรูปทองคำขนาดหน้าตัก 1 ศอก อยู่ 3-4 องค์

กรุชั้นที่ 2
เป็นชั้นกลาง มีถาดทองคำ 3 ใบเต็มไปด้วยเครื่องทอง กรมศิลปากรได้รื้อพื้นออก จึงทำให้กรุห้องที่ 2 และ 3 เชื่อมกัน มีจิตรกรรมเป็นภาพอดีตชาติพระพุทธเจ้า วาดอยู่ในช่องสี่เหลี่ยม และ รอบๆมีโต๊ะสำริดเล็กๆตั้งอยู่ทุกซุ้มเว้นด้านใต้ ใช้วางเครื่องทอง และ ผ้าทองที่ขโมยให้การว่าแค่แตะก็ป่นเป็นผงแล้ว

กรุชั้นที่ 3
เป็นห้องที่อยู่ในสุด เป็นห้องที่สำคัญที่สุด บรรจุพระบรมธาตุ ซึ่งเก็บรักษาอย่างดีในเจดีย์ทองคำ และ รอบๆยังเต็มไปด้วยพระพุทธรูปต่างๆ

การค้นพบกรุเมื่อปี พ.ศ. 2499 เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ ปีถัดมาทำให้มีขโมยกลุ่มใหญ่ลักลอบมาขุดกรุวัดราชบูรณะ พบเครื่องทองและอัญมณีจำนวนมาก แต่ทว่าฝนตกหนักและรีบเร่งกลุ่มขโมยจึงขนของไปไม่หมด เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่กี่วันก็จับและยึดของกลางได้บางส่วน หลังจากนั้นกรมศิลปากรได้เข้ามาขุด ปรากฏว่าพบสิ่งของกว่า 2000 รายการ พระพิมพ์กว่า แสนองค์ ทองคำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา

เมื่อ พ.ศ. 2548 มีข่าวว่าพบพระมาลาทองคำอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงว่าเป็นของโบราณจริงหรือไม่ และหากจริง จะเป็นของกรุวัดราชบูรณะหรือไม่ ซึ่งยังคงเป็นข้อถกเถียงงกันอยู่ในปัจจุบัน

 

วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพปัจจุบัน และ สภาพเดิมก่อนได้รับการขุดแต่งบูรณะ ซึ่งมีสภาพรกร้าง เป็นป่า ไปหมด

วัดไชยวัฒนาราม ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 ในรัชกาล ของ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่ง กรุงศรีอยุธยา

มีปรางค์ประธานและปรางค์มุมอยู่บนฐานเดียวกัน พระปรางค์ประธานนำรูปแบบของพระปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้าง แต่ปรางค์ประธานที่วัดไชยวัฒนารามทำมุขทิศยื่นออกมามากกว่า บนยอดองค์พระปรางค์ใหญ่อาจเคยประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็ก สื่อถึงพระเจดีย์จุฬามณีบนยอดเขาพระสุเมรุ รอบพระปรางค์ใหญ่ล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตที่เดิมนั้นมีหลังคา ภายในระเบียงคตประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่เคยลงรักปิดทองจำนวน 120 องค์ เป็นเสมือนกำแพงเขตศักดิ์สิทธิ์ ตามแนวระเบียงคตตรงทิศทั้งแปดสร้างเมรุทิศ และ เมรุมุม (เจดีย์รอบๆพระปรางค์ใหญ่) ภายในเมรุทุกองค์ประดิษฐานพระพุทธรูป ภายในซุ้มเรือนแก้วล้วนลงรักปิดทอง ฝาเพดานทำด้วยไม้ประดับลวดลายลงรักปิดทองเช่นกัน


พระอุโบสถ สร้างอยู่ทางด้านหน้ากำแพงเมรุทิศเมรุราย นอกระเบียงคต ปัจจุบันเหลือแต่ฐาน ข้างๆมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง มีกำแพงล้อมรอบโบราณสถานสำคัญแหล่านี้ถึง 3 ชั้น และ มีปรางค์เจดีย์ขนาดย่อมอีกจำนวนหนึ่งซึ่งสร้างเพิ่มในภายหลัง

เมรุทิศเมรุราย ตั้งล้อมรอบพระปรางค์อยู่ทั้งสิ้น 8 องค์ โดยผนังภายในเมรุเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปใบไม้ใบกนก ซึ่งลบเลือนไปมากแล้ว ผนังด้านนอกของเมรุมีภาพปูนปั้นพุทธประวัติ จำนวน 12 ภาพ ซึ่งในปัจจุบันเลือนไปแล้วเช่นกัน แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วยังสามารถเห็นได้ชัด เมรุเป็นทรงปราสาท ซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 7 ชั้น รองรับส่วนยอดที่ ชื่อที่มานั้นนำมาจากเมรุ พระบรมศพพระมหากษัตริย์สมัยพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีแนวความคิด มาจากคติเขาพระสุเมรุอีกต่อหนึ่ง

 

พระราชวังหลวงแห่งกรุงศรีอยุธยา

พระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ ดังนี้

1.เขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นที่ตั้งของ

พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์

สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. ๒๑๗๕ แต่เดิมชื่อพระที่นั่งคีริยโสธรมหาพิมานบรรยงก์ เป็นปราสาทตรีมุข ตั้งอยู่บนกำแพงพระราชวังชั้นใน ้านทิศตะวันออกของพระราชวัง สำหรับทอดพระเนตรกระบวนแห่ และการฝึกซ้อมทหาร เพราะที่หน้าพระที่นั่งออกไปเป็นสนามหลวง (ทำนองเดียวกับพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ของพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ)

และส่วนราชการต่าง ๆ เช่น ศาลาลูกขุน ศาลหลวง ศาลาสารบัญชี เป็นต้น

2.เขตพระราชฐานชั้นกลาง เป็นที่ตั้งของพระมหาปราสาท 3 หลัง ได้แก่

พระที่นั่งสุริยามรินทร์

เป็นพระที่นั่งองค์เหนือ ตั้งอยู่ตรงกับพระที่นั่งเบ็ญจรัตนมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่สันนิษฐานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น มีลักษณะเป็นปราสาทจตุรมุข มีพื้นสูงกว่าพระที่นั่งองค์อื่นๆ คงจะใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรข้ามกำแพงไปสู่แม่น้ำได้ นอกจากนั้นในสมัยสมเด็จพระเพทราชา เมื่อเชิญพระบรมศพของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากเมืองลพบุรี ได้นำมาประดิษฐานที่พระที่นั่งองค์นี้ ต่อมาในสมัยพระเจ้าบรมโกศ ได้แปลงนามเป็นพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ เพื่อให้คล้องกับพระที่นั่งสรรเพ็ชญ์ปราสาทนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของคลังมหาสมบัติ โรงช้าง โรงม้า เป็นต้น

พระที่นั่งสรรเพ็ชญ์ปราสาท

เป็นเป็นพระที่นั่งองค์กลาง ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เป็นที่เสด็จออกรับแขกเมือง พระที่นั่งองค์นี้ สร้างขึ้นคู่กับพระที่นั่งเบ็ญจรัตนมหาปราสาท เมื่อ พ.ศ. ๑๙๑๙ ที่ข้างพระที่นั่งองค์นี้มีโรงช้างเผือกขนาบอยู่ทั้งสองข้าง

พระที่นั่งมังคลาภิเษก หรือ พระที่นั่งวิหารสมเด็จ

เป็นพระที่นั่งองค์ใต้ เป็นพระที่นั่งที่สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เรียกว่า พระที่นั่งมังคลาภิเษก ต่อมา ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ถูกอสนีบาตไฟไหม้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็นพระวิหารสมเด็จ พระที่นั่งองค์นี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกกันเป็นสามัญว่า ปราสาททอง เพราะเป็นปราสาทปิดทององค์แรกในสมัยอยุธยา มีลักษณะเป็นปราสาทยอดปรางค์ มีมุขหน้าหลังยาว และมุขข้างสั้น มุขหน้ามีมุขเด็จตั้งพระที่นั่งบุษบกมาลา มีกำแพงแก้วล้อมรอบ พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธี เช่น พิธีราชาภิเษก เป็นต้น (ทำนองเดียวกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ของพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ)

3.เขตพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ตั้งของ

พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์

สมเด็จพระเพทราชาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. ๒๒๓๑ สำหรับเป็นที่ประทับทรงพระสำราญ พระที่นั่งองค์นี้ เรียกอีกนัยหนึ่งว่า "พระที่นั่งท้ายสระ" ตั้งอยู่ด้านหลังของพระราชวัง ลักษณะเป็นปราสาทจตุรมุข กลางสระมีน้ำล้อมรอบ ทางด้านทิศตะวันตก เป็นสระใหญ่ ด้านทิศตะวันออกเป็นอ่างแก้ว ตรงกลางมีแท่นสูงสำหรับเสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรปลาใหญ่ น้อยในสระดังกล่าว (ทำนองเดียวกับพระที่นั่งทองกลางสระในสวนขวา ของพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ)

โรงเครื่องต้น และที่อยู่ของฝ่ายใน เป็นต้น

สวนไพชยนต์เบญจรัตน์ อันเป็นที่ตั้งของพระคลังมหาสมบัติ ได้แก่ คลังศุภรัตน์ คลังพิมาณอากาศ คลังวิเศษ โรงราชรถ คลังแสง เป็นต้น

สวนองุ่น เป็นสวนหลวงประจำพระราชวัง มีตำหนักสระแก้ว ตำหนักสวนกระต่าย และตำหนักศาลาลวดตั้งอยู่

พระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา มี วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดหลวงประจำพระราชวัง เช่น เดียวกับ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดหลวง ประจำพระบรมหาราชวัง ของ กรุงเทพฯ

Cr จัดทำโดย finearts tvhd

 

เหนือกว่ารถเมล์จีนใช้ NGV
คือรถไทยทำได้เอง ใช้ ไฮโดรเจน
ทดสอบวิ่งมา 4ปีแล้ว
รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงคันแรก ผลิตโดยฝีมือคนไทย ค้นคิดประดิษฐ์โดยพล.อ.ท.มรกต มณีสำรวจ จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
ใช้หลักการเซลล์เชื้อเพลิง แบบ
Proton Exchange Membrane Fuel Cell (PEMFC)
ที่ใช้แก๊ส ไฮโดรเจนที่หาได้ง่าย ราคาถูกส่งผ่านแผ่นเซลล์แบตเตอรี่ที่จะแยก ประจุไฟฟ้าจากแก๊สออกมาใช้ได้

อ่านหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่อได้ที่:
http://en.wikipedia.org/wiki/Proton_exchange_membrane_fuel_cell

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐและเกาหลีใต้ตกลงจัดซ้อมรบร่วมกันต้นเดือนเมษายนนี้, สหรัฐแอบติดตั้งช่องทางลับติดต่อกับเกาหลีเหนือ, ญี่ปุ่นขอให้เกาหลีใต้เป็นพ่อสื่อให้นายกฯ อาเบะ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าคิมน้อยด้วยคน (สงสัยกลัวตกขบวนรถไฟ?)

----------

1.) วันที่ 20 มี.ค. 61 RT พาดหัวข่าวว่า "สหรัฐและเกาหลีใต้จะเริ่มฝึกผสมทางทหารครั้งใหญ่ในวันที่ 1 เมษายนนี้" (US & South Korea to start massive joint military drills on April 1)

หลังจากพักการซ้อมรบร่วมกันนานถึงหนึ่งเดือน และแม้ว่าจะมีความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกรุงโซลกับกรุงเปียงยาง ก็ตาม แต่เกาหลีใต้และสหรัฐก็จะกลับเข้าสู่การซ้อมรบทางทหารร่วมกันในวันที่ 1 เมษายนนี้ กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ประกาศ

"การปฏิบัตินี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 เมษายน และจะดำเนินการในขนาดที่เหมือนกับปีก่อนหน้านี้" กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้แถลง Yonhap News ของเกาหลีใต้รายงาน

เพนตากอนได้ยืนยันการกลับเข้าสู่การซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ตามที่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่าการฝึกผสมในครั้งนี้จะสิ้นสุดในปลายเดือนพฤษภาคม

[ประธานาธิบดีมูน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ มีกำหนดเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีคิม จอง-อึน แห่งเกาหลีเหนือราวปลายเดือนเมษายน (คาดว่าน่าจะพบกันที่กรุงเปียงยาง) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐก็จะพบกับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ดังนั้นการซ้อมรบระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้ซึ่งจัดขึ้นระหว่างผู้นำของสามประเทศนี้พบกัน จึงเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการทางการทูตแบบอเมริกันจอมปอดแหก และเป็นการเบ่งกล้ามอวดเกาหลีเหนือหรือข่มขู่เกาหลีเหนือไปในตัวด้วย เสรีภาพและประชาธิปไตยแบบอเมริกันของแท้ต้องใช้กองทัพนำหน้าการทูตเสมอ จริงปะ? - ผู้แปล]

พ.ท. Christopher Logan โฆษกเพนตากอนเปิดเผยว่า คาดว่าจะมีทหารสหรัฐราว 23,700 นาย และทหารเกาหลีใต้ราว 300,000 เข้าร่วมปฏบัติการซ้อมรบในครั้งนี้ (มาเยอะก็ตายเยอะนะครัช อุ๊บส์! คิมน้อยไม่ได้กล่าว)

2.) วัน 19 มี.ค.61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "หมกไว้: มีรายงานหลุดออกมาว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐติดตั้งช่องทางการสื่อสารลับกับเกาหลีเหนือ" (Under Wraps: US Intel Reportedly Sets up Secret Channel With N Korea)

ก่อนที่จะเริ่มการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ ปธน.คิม จอง-อึน ในเดือนพฤษภาคม มีรายงานข่าวแจ้งว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้ใช้ช่องทางการสื่อสารทางการทูตกับเกาหลีเหนือในทางอ้อมโดยผ่านสหประชาชาติ

หลังจากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ การเจรจาของรัฐบาลสหรัฐและนาย Mike Pompeo อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองสหรัฐ (CIA) ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ฝ่ายซีไอเอรับบทเป็นผู้นำในการเจรจาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ โดยมีการติดตั้งช่องทางลับ (back channel) ช่องใหม่ขึ้นมาระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐ CBS News รายงาน โดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยการติดต่อสื่อสารกันโดยตรงระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าสหรัฐได้ติดต่อกับเกาหลีเหนือโดยผ่านองค์การสหประชาชาติ

[ซึ่งสหรัฐเคยส่งอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐซึ่งปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาฯ ยูเอ็นฝ่ายการเมืองระหว่างประเทศและคณะ ให้ไปเยือนและเจรจากับกรุงเปียงยางมาแล้ว หลังจากเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-15 ที่สามารถยิงได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐทุกจุด

มีจุดที่น่าสังเกตอยู่อย่างน้อยก็จุดหนึ่ง เกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน ยุคโอบามา สหรัฐเน้นปรองดองกับอิหร่านและดำเนินนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์กับเกาหลีเหนือ พอมาถึงยุคทรัมป์ แม้ว่าช่วงแรกจะเล่นตามน้ำ แต่สุดท้ายรัฐบาลทรัมป์กำลังพยายามจูบปากกับคิมน้อย โดยมีเกาหลีใต้เป็นพ่อสื่อ

ในขณะเดียวกัน สหรัฐภายใต้การบริหารของรัฐบาลทรัมป์ก็หันปลายกระบอกปืนไปที่อิหร่านแทน มันกลับขั้วกัน ยุคโอบามา ดูเหมือนว่าสหรัฐจะประเมินว่าอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือยังไม่น่ากลัวเท่าของอิหร่าน (นุกอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล พ่อของสหรัฐ เป็นอย่างมาก) พอมาถึงยุคทรัมป์ คิมน้อยสามารถพัฒนานุกและ ICBM ได้แบบก้าวกระโดด ล้ำกว่าอิหร่านและอิสราเอลด้วยซ้ำ ทรัมป์จึงหันมาญาติดีกับคิมน้อย แต่ก็พยายามรักษามาดเจ้าโลกเอาไว้

ถ้าสหรัฐมีมิสไซล์ติดนุกล่องหนไฮเปอร์โซนิกขั้นเทพ ที่สามารถเจาะทะลุทะลวงได้ทุกระบบป้องกัน เหมือนของรัสเซีย สหรัฐก็คงจะไม่ "สวัสดีครับท่านผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ทรัมป์น้อยขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" แน่นอน - ผู้แปล]

3.) วันที่ 19 มี.ค. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "กรุงโตเกียวขอให้กรุงโซลช่วยจัดการให้อาเบะได้พบกับคิม - รายงาน" (Tokyo Asks Seoul to Help Organize Abe-Kim Summit - Reports)

ทางการญี่ปุ่นได้ขอให้เกาหลีใต้ให้ความช่วยเหลือในการจัดการให้มีการประชุมระดับสูงร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีซินโซะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น กับประธานาธิบดีคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ สื่อเกาหลีใต้รายงาน

หนังสือพิมพ์ Dong-A Ilbo (ของเกาหลีใต้) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวของตนเองว่า กรุงโตเกียวได้ขอให้กรุงโซลเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างอาเบะกับคิม

ข่าวนี้เกิดขึ้นไม่ถึงสัปดาห์หลังจากที่สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า กรุงโตเกียวไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการจัดประชุมระดับสูงเพื่อหารือในประเด็นต่างๆระดับทวิภาคี เมื่อวันเสาร์นี้ KCNA ของเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งโดยเรียกร้องให้กรุงโตเกียวทบทวนนโยบายของตนเองที่มีต่อกรุงเปียงยาง

ล่าสุด สื่อเกาหลีใต้ (Yonhap News) รายงานว่า เกาหลีเหนือจวกญี่ปุ่นที่พยายามบ่อนทำลายการเจรจา (สันติภาพ) ที่กำลังดำเนินไปอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือต่อไป

[ช่วงนี้สื่อเกาหลีเหนือจะหันไปเล่นงานญี่ปุ่นเป็นหลัก และมุ่งโจมตีนักการเมืองเกาหลีใต้สายอนุรักษ์นิยมที่เน้นนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ

ก่อนที่คณะทูตพิเศษของประธานาธิบดีมูน แจ-อิน แห่งเกาหลีใต้จะเดินทางไปเยือนผู้นำเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยางเมื่อเร็วๆนี้ ทางเกาหลีใต้ได้วางหมากเอาไว้ตัวหนึ่ง โดยการเผยแพร่คลิปที่แสดงหลักฐานว่าทหารญี่ปุ่นในอดีตข่มขืนและบังคับให้ผู้หญิงเกาหลี (เหนือ) เป็นหญิงบำเรอกาม (Comfort Women) ซึ่งคลิปดังกล่าวไม่เคยเปิดเผยที่อื่นมาก่อน และคณะผู้แทนของเกาหลีใต้ก็นำคลิปดังกล่าวไปให้ทางการเกาหลีเหนือดูด้วย

จากนั้นเกาหลีเหนือก็ทำตาขวางใส่ญี่ปุ่นทันที สื่อเกาหลีเหนือพากันเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมที่ป่าเถื่อนของอดีตทหารญี่ปุ่น สมัยที่รุกรานเกาหลี และเรียกร้องค่าเสียหายจากญี่ปุ่นด้วย ญี่ปุ่นยังไม่เคยจ่ายเงินชดเชยกรณี Comfort Women ให้กับเกาหลีเหนือแม้แต่สตางค์เดียว ทั้งเกาหลีใต้ จีน และเกาหลีเหนือต่างก็แท็กทีมกันเล่นงานญี่ปุ่นในจุดนี้ สื่อกระแสหลักทั่วโลกต่างก็พากันประโคมข่าวเรื่องนี้ด้วย คาดว่านี่คงจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทางการญี่ปุนก้นร้อนรีบขอให้ทางเกาหลีใต้ช่วยประสานงานให้นายกฯ อาเบะ ได้มีโอกาสเข้าพบผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือโดยเร็ว - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
20/03/2561
----------
https://www.rt.com/news/421757-pentagon-seoul-military-drills/
https://sputniknews.com/world/201803201062723860-south-korea-us-drills/
https://sputniknews.com/asia/201803201062710178-usa-korea-resume-drills-april/
https://sputniknews.com/us/201803191062692514-trump-kim-nuclear-talks/
https://sputniknews.com/asia/201803191062679236-japan-south-korea-summit/
https://sputniknews.com/asia/201803191062697173-mcmaster-south-korea-japan-meeting/
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2018/03/20/0401000000AEN20180320004100315.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2018/03/20/0401000000AEN20180320006800315.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2018/03/16/0401000000AEN20180316011054315.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2018/03/17/0401000000AEN20180317005000315.html
http://uriminzokkiri.com/index.php?lang=eng&ftype=document&no=9666

 

คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.5 ของเขา ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสอนเลย คุณครูบอกว่า ครูรักนักเรียนเท่ากันหมดทุกคนเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนหนึ่งชื่อ "เท็ดดี้ สต๊อดดารด์" ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาระยะหนึ่งและสังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆ กับเด็กคนอื่นเท่าไหร่ เสื้อผ้าของเท็ดดี้สกปรกและตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลา และบางทีเขาก็เกเร ครูทอมป์สันตรวจงานของเท็ดดี้ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ

โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน ครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย แต่ครูทอมป์สันก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้ จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย เมื่อครูตรวจแฟ้ม ครูทอมป์สันก็แปลกใจมากที่ พบว่าครูชั้น ป.1 ของเท็ดดี้เขียนไว้ว่า "น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว" ส่วนคุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.2 เขียนว่า " เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหาเพราะแม่ของเท็ดดี้กำลังป่วยหนัก และชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ " คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.3 เขียนว่า " เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้วแต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรักความสนใจเขาเท่าไหร่ และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ " คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.4 เขียนว่า " เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควร ไม่ค่อยมีเพื่อนและหลบหนีจากห้องเรียน

ตอนนี้ คุณครูทอมป์สัน รู้ถึงปัญหาแล้วและอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก เมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้ ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้ ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว ครูทอมป์สันกัดฟัน เปิดกล่องของเท็ดดี้ดูกลางกองของขวัญอื่น ๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่า เท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำหอมอยู่ก้นขวดแก่ครู แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็กๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใด เขาสวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย เท็ดดี้ เฝ้ารออยู่จนเย็นให้นานพอที่จะพูดว่า "ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ"

หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้เป็นชั่วโมง หลังจากวันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียนและเลิกสอนเลขคณิต แต่คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนั้นเอง เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และถึงวันนี้แม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน แต่ความจริง เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น "ศิษย์โปรด" ของครูไปแล้ว

หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี หกปีต่อมา ครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้างเขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตของเขา จากนั้นสี่ปีผ่านไปจดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มาถึง ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่า คุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี ครั้งนี้เขาลงชื่อในจม.ของเขายาวขึ้นอีกหน่อย

จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ. สต๊อดดารด์

เรื่องยังไม่จบแค่นี้ ฤดูใบไม้ผลิในปีนั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนหนึ่งและก็จะแต่งงานกัน เขาบอกมาในจม. ว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและ เขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่ แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันมา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก และฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน ครูกับศิษย์กอดกันกลม

คุณหมอเท็ดดี้กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า "ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณครูมาก ที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้" ครูทอมป์สัน กระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "หมอเท็ดดี้ เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่าครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ครูไม่รู้จักการสอนที่แท้จริงเลย จนกระทั่งครูได้พบได้รู้จักเธอนั่นแหละ"

เรื่องเล่าเร้าพลังนี้สอนให้รู้ว่า...ครูสามารถเปลี่ยนชีวิตนักเรียนได้ ด้วยการเปลี่ยนวิถีการสอนของครู

Cr เรื่อง : แชร์จาก Facebook
Cr ภาพ : http://developerso.ywaaw.com/2012/10/12/992/

 

น้ำพุร้อนปะทุขึ้นกลางถนน Genesee ใกล้ I-5 ในซานดิเอโก แค่มองไปที่วิดีโอมันใหญ่มาก! (Geyser erupts in the middle of Genesee Avenue near I-5 in San Diego. Just look at the video it's huge!)
http://strangesounds.org/2018/03/geyser-genesee-avenue-san-diego-video.html

 

นักเคมีรัสเซียอ้างเคยทำงานโครงการพัฒนา ‘สารโนวิชอค’ แย้งคำพูดทางการ
เผยแพร่: 20 มี.ค. 2561 19:05: โดย: MGR Online


เอเอฟพี – นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียคนหนึ่งบอกกับสื่อทางการในวันนี้ (20) ว่า เขาทำงานให้กับโครงการของรัฐเพื่อผลิตสารทำลายประสาทที่อังกฤษระบุว่าถูกใช้กับอดีตสายลับ เซอร์เกย์ สกรีปัล ขัดแย้งกับคำอ้างของมอสโคที่ว่า พวกเขาไม่เคยพัฒนาสารโนวิชอค (Novichok)

ลีโอนิด ริงค์ ซึ่งบอกกับอาร์ไอเอโนวอสติว่า เขาเคยทำงานให้กับโครงการที่รัฐสนับสนุนจนถึงเมื่อช่วงทศวรรษปี 1990 พร้อมเสริมว่า อดีตสายลับสองหน้ารายนี้และลูกสาวของเขาคงเสียชีวิตไปแล้วหากมอสโคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษจริง

“พวกเขายังมีชีวิตอยู่ นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่สารโนวิชอคอย่างแน่นอน หรือมันไม่ก็อาจถูกปรุงขึ้นมาอย่างไม่สมบูรณ์ และถูกใช้อย่างไม่ระมัดระวัง” เขากล่าวในการสัมภาษณ์

“หรือทันทีหลังจากการวางยาพิษ เมื่ออังกฤษใช้ยาแก้พิษ ในกรณีนี้พวกเขาน่าจะต้องรู้แล้วว่ามันเป็นพิษชนิดใด” เขากล่าว

ริงค์ กล่าวว่า เขาทำงานที่ห้องทดลองของทางกการในเมืองชิข่านเป็นเวลา 27 ปีซึ่งการพัฒนาโนวิชอคเป็นพื้นฐานของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของเขา

“ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในชิข่านและมอสโคทำการวิจัยเกี่ยวกับ ‘โนวิชอค’ " เขากล่าว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เซอร์เกย์ รยาบคอฟ กล่าวว่า มอสโคไม่เคยมีโครงการพัฒนาอาวุธเคมีชนิดดังกล่าว

“ผมต้องการบอกกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า สหภาพโซเวียตหรือรัสเซียไม่มีโครงการพัฒนาสารพิษชื่อว่าโนวิชอค”เขากล่าว

กระทรวงการต่างประเทศบอกกับเอเอฟพีในวันนี้ (20) ว่า นั่นยังคงเป็นคำยืนกรานของพวกเขา

ลอนดอนและพันธมิตร ระบุว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังความพยายามลอบสังหารครั้งนี้ในเมืองซาลิสบูรีของอังกฤษ แต่มอสโคปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเกรี้ยวกราด

นักการเมืองรัสเซียหลายคนชี้ว่า การวางยาพิษดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฝ่ายตะวันตกที่ปลุกกระแสต่อต้านรัสเซียก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์หรือการแข่งขันฟุตบอลโลก

https://mgronline.com/around/detail/9610000027985

 

นักเรียน ม.1 ผูกคอเสียชีวิต พ่ออึ้ง ! พบจดหมายลา ครูตีจนไม้หัก
.
เด็กชาย ม.1 ผูกคอเสียชีวิตคาบ้าน ที่ จ.ชลบุรี พ่อกลับจากทำงานร้องไห้โฮ ใจแทบสลาย พบจดหมายลา ระบุมีแต่คนด่า คนตี ถูกครูตีจนไม้หัก เกลียดทุกคนยกเว้นเพื่อนรัก ตร.คาด เด็กไปแก้ผลการเรียนที่โรงเรียนแล้วไม่พบครู จึงน้อยใจ กลับบ้านมาผูกคอ
.
โดยในจดหมายระบุข้อความว่า…
.
“โลกไม่จำ !
.
ทำไมมีแต่คนด่า คนตี เหมือนผมไม่มีหัวใจ ทุกวันมีแต่ความกลัว กลัวทุกวัน ทำร้ายตัวเองทุกวัน เหมือนไม่มีใครรักอีกแล้ว ผมมีจิตใจเหมือนกัน แต่ไม่มีใครสนใจ เวลาจะแก้ ร. ครูไม่ให้ ม.1 – 2 แก้ ครูในโรงเรียนก็ตีแรงจนไม้หัก ทำไมทำกับเด็กยังงี้อ่ะ ผมไม่เข้าใจ สมัยแบบนี้ตายดีกว่าไหม ? สมัยนี้คนอย่างผมกลัวมากๆ ทำไรก็ไม่ถูก พยายามคิดทุกวันว่าอย่าฆ่าตัวตาย แต่ทำใจไม่ไหวแล้ว เจ็บมากๆ วันนี้ขอลาก่อนนะ”
.
และลงท้ายว่า สร้อยแหวนให้ป๋าเด้อ รวมทั้งเขียนตัวหนังสือขนาดใหญ่บริเวณพื้นที่ว่างท้ายกระดาษว่า “เกลียดทุกคน ยกเว้นเพื่อนรัก”
.
อ่านต่อที่นี่ https://goo.gl/Y7yKfL
#WorkpointNews

 

ว่าด้วยการใช้สรรพนาม “ออเจ้า”

ภาพฉากตอนหนึ่งในละครบุพเพสันนิวาส ออกอากาศทางช่อง 3
เผยแพร่ วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2561
ตามกระแสละครดังบุพเพสันนิวาสไม่ใช่เพียงแค่โบราณสถานที่มีผู้คนให้ความสนใจเดินทางไปเยี่ยมชม แต่ยังมีคำพูดฮิตที่พูดกันอย่างติดปากว่า “ออเจ้า” ไม่ว่าในกลุ่มเด็ก วัยรุ่น แม้กระทั่งผู้ใหญ่ แม่ค้าในตลาดก็เรียกกันเล่นอย่างสนุกสนาน

สรรพนามที่พูดกันอย่างติดปากเข้าใจว่าเป็นสรรพนามเรียกแทนบุคคลหนึ่ง ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่า “ออเจ้า” ใช้อย่างไรกัน? นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ กรมศิลปากร ให้ความเห็นเกี่ยวกับสรรพนาม “ออเจ้า” นี้ไว้ว่า

ในอักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อพุทธศักราช ๒๔๑๖ ระบุไว้ว่า “ออเจ้า” เป็นคำที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกผู้น้อยแต่ในบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วแต่งงานกับนางพิมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กล่าวถึงตอนนางทองประศรี (มารดาของพลายแก้ว) นำผู้ใหญ่ไปสู่ขอนางพิมพิลาไลยกับนางศรีประจัน (มารดาของนางพิม) ใช้ “ออเจ้า” เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ (แทนนางศรีประจัน) กับบุคคลระดับเดียวกันและใช้ “ออ” นำหน้าชื่อเป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ เรียกพลายแก้วว่า “ออแก้ว” ดังในบทเสภาว่า

จะขอพันธุ์ฟักแฟงแตงน้ำเต้า ที่ออเจ้าไปปลูกในไร่ข้า


แต่ยากยับอับจนพ้นปัญญา จะมาขายออแก้วให้ช่วงใช้

อยู่รองเท้านึกว่าเอาเกือกหนัง ไม่เชื่ีอฟังก็จะหาประกันให้

จะเห็นว่า “ออเจ้า” ใช้กับบุคคลที่เสมอกันไปจนถึงบุคคลที่ต่ำกว่า และ “ออแก้ว” ซึ่งหมายถึงพลายแก้วเป็นบุรุษที่ ๓ (บุคคลที่ถูกกล่าวถึง) จากตัวอย่างที่กล่าวข้างต้น “ออเจ้า” และ “ออ” ใช้ได้กับเพศหญิงและเพศชาย เช่น ออแก้ว ออพิม เป็นต้น

[ขอบคุณข้อมูลจากเพจ: กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร]

https://www.silpa-mag.com/club/miscellaneous/article_16401