สอบถามแนวทางการนั่งสมาธิหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tommie, 21 มีนาคม 2018.

  1. tommie

    tommie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +25
    ตอนเช้าผมจะสวดมนต์ มีบท พุทคุณ ชินบัญชร มหาจักรพรรดิ แล้วก็แผ่เมตา ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พอสวดไกลจะจบ จิตก็เหมือนจะสงบลง ลมหายใจจะช้าลง แล้วก็นั่งสมาธิต่อ ผมใช้พุทโธ นับ 1 นับไล่ไป 1-10 ถ้านับเกิน 10 จะรู้ว่าเผลอแล้ว ก็จะเริ่มนับ 1 ใหม่ พอครบ 10 แล้วก็นับถอยมา 1 นับเดินหน้าถอยหลังได้ไม่นานก็จะเหมือนจะหลับเข้าพวังไปลืมว่านับถึงไหนแล้ว แล้วก็จะ รู้สึกตัว เริ่มกลับมานับ 1 ใหม่ จะเป็นวนๆ อยู่แบบนี้ ใช้เวลานั่งสมาธิประมาณ 50 นาที ระหว่างนั่งสมาธิก็จะเห็นจิตแวบไปคิดโน่นคิดนี่บ้าง พอรู้ก็จะกลับมาที่ลมหายใจนับต่อ แต่บางทีก็ไม่เห็นว่าจิตคิดอะไร ไม่รู้ดูไม่ทัน หรือจิตจับอยู่ที่ลมหายใจไม่ได้คิดอะไร ดูเหมือนนั่งแล้วหลับไปแต่ไม่ฝัน ไม่เห็นแสง ไม่มีนิมิต ไม่เห็นอะไรเลย แล้วก็จะรู้ตัวว่าไม่ได้ท่องพุทโธ ไม่ได้นับเลข ต้องกลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่ วนๆอยู่แบบนี้

    ผมทำประมาณนี้เกือบทุกวันมาประมาณปีนึงแล้ว ที่สงสัยคืออันนี้คือการนั่งหลับๆตื่นๆหรือเปล่า แต่ตอนเช้าๆ เรานอนเต็มที่มาแล้วนั่งสมาธิก็ไม่น่าจะง่วงเร็ว คิดว่าไม่ได้หลับ เพราะบ่อยครั้งถ้าหลับ มักจะได้ยินเสียงกรนของตัวเอง แต่ตอนนั่งสมาธินี้จะไม่ได้ยินเสียงกรน

    อยากรู้ว่าจะต่อยอดยังไงดีครับ ควรจะฝึกให้มีสติรู้ตลอดเวลานั่งสมาธิให้สามารถนับ เดินหน้า 1-10 แล้ว 10 ถอยมา 1 ได้ตลอดโดยไม่หลุดไม่ลืม ทั้งชั่วโมง หรือ ควรจะทำแบบไหนดีครับ
     
  2. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    อาการเหมือน กำลังสติไม่พอ เวลาเข้าฌานแล้ว ตกภวังค์ ครับ ก็ควรฝึกสติเพิ่ม

    พรุ่งนี้ลอง เข้าสมาธิก่อนสวดมนต์ครับ ว่าดีขึ้นหรือปล่าว
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ให้ ยุบ กิจที่ได้ทำแล้ว ทั้งหมดที่เล่ามา
    ให้เปน "สัญญาอันเดียว"

    คือ เปนการระลึกได้ ในปฏิปทา

    ไม่ต้องลงมือประกอบอีก ให้เปน สัญญาอารมณ์
    ว่า กิจที่ควรทำ ทำแล้ว

    ต่อยอดเข้ามาเหน สัญญาที่ระลึกได้ว่า
    เราประกอบสมณะธรรมมา แล้วเหน
    อาการ สัญญาหมายรู้ ตัวนี้ เกิด ดับ

    นะ

    สังเกตดีๆ จริง คุณก้ปรารภ เหนความ
    ไม่เที่ยง ของปฏิปทา เดี๋ยวประกอบ
    เดี๋ยวลืม

    เพียงแต่ ไม่รู้ว่า ธรรมกำลังสอนให้ต่อยอด

    ลองดูนะ

    ถ้า ยอมรับ สัจจ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดเพราะเหตุ
    ดับก้เพราะเหตุดับ การต่อยอด คือ เหน
    ฉันทะในธรรม ก้เปน สิ่งเกิดดับ

    มีปัจจัย

    มีอาหาร

    พอเหนว่ามีอาหาร ก้ ค่อยกลับไปประกอบ
    ให้มาก แต่จะไม่ใช่เพื่อให้มันเที่ยง และ
    ก้ไม่ใช่หยุดประกอบ เพราะปฏิเสธสัจจ

    จิตที่มีสิกขาแนบจิต ไม่พัก ไม่เพียร
    จิตนั้นเรียก พาดกระแส

    กิจอื่นเพื่อการเปนอย่างนี้ มีอีกแค่ไหน
    จะไม่ต้องถามใครอีก
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    มีคำภาวนา ห้ามลืมภาวนา ครับ ทำให้อารมณ์เป็นหนึ่ง ใช้คำภาวนามิให้ขาดสาย ไม่หลุดฟุ้งซ่าน จนจิตสงบลงสมาธิ ทำจิตให้เป็นสมาธิ เข้าสมาธิให้ได้ ครับ
     
  5. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +342
    สติ อ่อนครับ เพิ่มสติ ได้ ด้วยการ สวดมนต์หลายๆ บท หรือเดินจงกลม หรือ ภาวนาในระหว่างวัน พุทโธ ทั้งวัน ในจิต ดูลมทั้งวัน ตอนที่ไม่คุยกับใครก็ได้ ตอนนั้งรอรถ ตอนขับรถ ตอนเข้าห้องน้ำ ตอนกินข้าว ตอนออกกำลังกาย ฯลฯ เป็นการเพิ่มสติอย่างดี ครับ

    แล้วลองมานั้งใหม่ ทีนี้จะเห็นความแตกต่าง อันนี้เป็นวิธีปฏิบัติเบื้องต้นตาม ธรรมเทศนาของ หลวงตาบัว ครับ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : กรรมฐานสี่สิบกอง ที่เราเลือกมาปฏิบัติครั้งแรก ถ้าทำไป ๆ แล้วรู้สึกว่ายังไม่ไปไหน แล้วเปลี่ยนกองถือว่าเป็นการโลเลหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ไม่ใช่โลเล แต่จะเหมือนกับที่เคยเปรียบว่า ขุดบ่อแต่ไม่ได้น้ำ สมมติมีน้ำอยู่ในระดับ ๑๐ วา พอขุดไป ๆ ถึง ๕ วา ไม่ถึงตาน้ำสักที เราก็ย้ายที่ไปขุดใหม่ เท่ากับเราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

    ถาม : ถ้าเลือกมาสัก ๒ กองแล้วทำ
    ตอบ : ๒ กองที่คุณเลือก หรือกองเดียวที่คุณเลือก ให้เป็นอานาปานสติไว้ก่อน ๑ กอง ซึ่งกองอื่นเลือกอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก กรรมฐานทุกกองไปไม่รอด

    ถาม : แล้วถ้าวันหนึ่งจับภาพพระ อีกวันหนึ่งจับกสิณ
    ตอบ : เจริญแน่..! ทำแบบนั้นอีกกี่ชาติก็ได้แค่ทำ..!

    ถาม : เปลี่ยนไปทุกวัน
    ตอบ : ชาติหน้าตอนเย็น ๆ อาจจะได้..!

    ถาม : ถ้าทำอย่างนี้ชาติหน้าตอนเย็น ๆ จะได้หรือครับ ?
    ตอบ : ถ้าวันนี้คุณจับกสิณ แล้วคุณก็เลิก..ปล่อย ถ้าสมาธิคลายตัวก็ไหลตามกิเลส พอรุ่งขึ้นแทนที่คุณจะมาจับกสิณเพื่อว่ายทวนกิเลสต่อ แต่คุณไปจับอีกกองหนึ่ง แล้วคุณก็ปล่อยและก็ไหลตามไป พออีกวันคุณก็กลับไปทำอีกกอง

    ลองนึกดูก็แล้วกัน คนไหลตามกิเลสไปสองวัน แล้วว่ายกลับมา จะหาความก้าวหน้าได้อย่างไร ? ขาดทุนสะสมไปเรื่อย รอวันล้มละลาย..!

    ถาม : แล้วถ้าทำทุกวัน อย่างละกองวันละชั่วโมงละครับ ?
    ตอบ : ๒๔ ชั่วโมงยังไม่รอดเลย..!

    ตอนนี้ค่าแรง ๒๕๐ บาท ก็ตีเสียว่าชั่วโมงหนึ่ง ๑๐ บาท สิบบาทพอกินไหม ? กินซาละเปาลูกหนึ่งก็หมดเงินแล้ว

    เรื่องของการปฏิบัติ เลือกกรรมฐานกองใดกองหนึ่งแล้วทำให้ถึงที่สุดไปเลย ถ้าหากถึงที่สุดแล้วกองอื่นจะเป็นของง่ายเพราะกำลังที่ใช้เท่ากัน เปลี่ยนแค่วิธีการนิดเดียว เพราะฉะนั้น..อย่าหลายใจ กรรมฐานไม่ใช่วิชาทางโลก ที่จะได้สะสมหน่วยกิตได้ เขาต้องการความจดจ่อต่อเนื่องตลอด คุณไปสะสมหน่วยกิตก็ได้เหมือนกัน ได้แค่ในส่วนอานิสงส์ที่เป็นกุศลกรรม แต่ความสำเร็จมาถึงยาก



    รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สภาวะจมหรือแช่ในระดับสมาธิ
    ระดับใดระดับหนึ่งนั้น มันเป็นเพราะกำลังสมาธิสะสมที่จะให้ก้าวพ้นผ่านสภาวะที่จม
    หรือแช่อยู่มันไม่พอครับ
    มันไม่ใช่กำลังสติไม่พอนะครับ
    มันคนละเรื่องกัน ไม่พอในที่นี้
    ต้องบอกว่า ไม่เพียงพอที่จะเข้าใจ
    สภาวะที่ตนติดขัดอยู่ ไม่ใช่แบบว่า
    อ่อน หรือ น้อยไป แล้วไปเน้นสร้าง
    สติอย่างเดียวนะครับ

    . เปรียบเหมือนรถ
    น้ำมันหมดวิ่งต่อไปไม่ได้ แล้วไปแนะบอกว่า
    เติมน้ำเปล่าซิครับ เติมทั้งชาติ
    รถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมันจะวิ่งอย่างไรหละครับท่าน แต่สติมันทำให้รู้ว่ารถยี่ห้ออะไร เติมเชื้อเพลงอย่างไร
    เติมลมเท่าไรถึงเหมาะสมครับ
    ตรงนี้ประเด็นแรก

    ประเด็นต่อมา
    คนที่สามารถได้ยินเสียงกรนตัวเอง
    ได้ในขณะนอนหลับ
    แสดงว่ากำลังสติพอใช้ได้แล้วหละครับ
    ประกันได้ว่า หลายดวงจิต
    ที่เข้าใจว่าตนมีสติดีแล้ว เข้าใจ
    ว่าตนนั่งสมาธิได้ เดินปัญญาได้แล้ว
    ยังไม่เคยเจอกิริยาได้ยินเสียงกรน
    ตัวเองในขณะหลับด้วยซ้ำไปครับ


    ดังนั้นแยกดีๆนะครับ กำลังสติ ทางธรรม
    ที่ได้จากการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันนั้นมันคือตัว
    รู้ในกิริยาทางด้านนามธรรมต่างๆ
    ในขณะที่ทำสมาธินะครับ
    เช่นเจอกิริยาแบบนี้ แล้วรู้ว่าคือกิริยาอะไร ณ เวลานั้น หรือเจอผีตนนี้แล้วรู้ว่าใคร มาทำไม ต้องการอะไรควรทำอะไร เจอสถานที่นี้
    เรียกถูกว่าชื่ออะไร ประมานนี้ นะครับ
    พูดง่ายๆมันเหมือนตัวที่ทำให้เราคิดได้
    ในโหมดทำสมาธิหรือครึ่งหลับครึ่งตื่น
    โดยไม่หลุดจากอารมย์ ณ เวลานั้น
    คล้ายคิดได้เหมือนเราลืมตาปกตินี่หละครับ
    พอมองภาพออกไหมครับ


    ดังนั้นถ้าจะไปต่อ ให้มาเพิ่มกำลังสมาธิสะสมให้เพิ่มขึ้น ให้มากพอที่จะข้าม
    ที่จมหรือแช่อยู่นั้น มีประทาน๓ วิธี
    ๑.เจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น เช่นนับก้าวเวลาเดินไปไหน หรือเวลานิ่งๆให้ระลึกรู้ลมหายใจกระทบที่ปลายจมูก
    ส่วนทำงานให้ตั้งใจเต็มที่ และงดพูดเรื่องบุคคลหรืออื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับงาน ตรงนี้จะได้กำลังสติเพิ่มขึ้น จะได้เข้าใจกิริยาทางนามธรรมต่างๆได้ดีขึ้นจะเข้าใจในข้อ ๓ ได้เอง และจะได้กำลังสมาธิเล็กๆน้อยๆมาหนุน
    ๒.ให้เดินจงกลมก่อนนั่งสมาธิ ถ้าพื้นที่ไม่สดวกก็ให้เดินที่อื่นๆแต่ให้รักษาอารมย์และระบบหายใจไว้ คือหายใจเข้าออกลึกถึงท้อง
    รัลุกรู้ลมหยุดที่ปลายจมูก แต้ห้ามตามลมหายใจ(ไม่งั้นจะแป๊กที่ปฐมฌานทั้งชาติ)
    ๓.ในสภาวะเดิมที่เคยทำได้ เมื่อเข้าได้แล้ว
    ให้ใช้กำลังสติที่ได้จากข้อ ๑ ระลึกถอยอารมย์ออกมาทันที. ห้ามไปพยายามให้มันอยู่นานๆ(เพราะจิตจะเคยชินไม่ไปไหน) หรือไปพยายามรักษาสภาวะนั้นเด็ดขาด(เหมือนเราวิ่งถึงเส้นชัยตรงนี้แล้วมัวยืนชูมือถ่ายรูปไม่เดินไปไหน).
    ให้รีบถอยมาทันที แต่อย่าลืมตา แล้วก็
    เข้าและออก เข้าและออกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บ่อยๆแทน
    เพื่อเอากำลังสมาธิที่ได้จากการเข้าออกนี้
    ซึ่งมันจะสะสมเพิ่มเติมขึ้นได้เองอัตโนมัตมัติ
    ซึ่งถ้ามันมีกำลังสะสมมากพอเมื่อใด
    พอเราเข้าไป มันจะมากพอที่จะข้าม
    สภาวะที่เราจมหรือแช่นี้ได้เอง อัตโนมัติ
    ของมันเองครับ

    ปล เล่าให้ฟังถ้าอยากไปต่อนะครับ
     
  8. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่านนะครับ

    ขอแสดงอีกความเห็นหนึ่งนะครับ

    จากอาการที่เล่ามา บางครั้งก็มีสติบางครั้งก็ไม่มีสติ บางครั้งก็มีสมาธิบางครั้งก็ไม่มีสมาธิ ขาดๆเกินๆ มันเป็นธรรมดาของสมาธิที่ยังไม่มีฐานและผู้เริ่มปฏิบัติสมาธิ

    เดี๋ยวก็เห็นนู่นเห็นนี่ เดี๋ยวก็รู้ในสภาวะเดี๋ยวก็ไม่รู้ในสภาวะ เดี๋ยวก็ลึกเดี๋ยวก็ตื้น เดี๋ยวก็เกิดไอ้นั่นเดี๋ยวก็เกิดไอ้นี่ เดี๋ยวสงบเดี๋ยวไม่สงบ ตามแต่สภาวะจิตของเรา

    เวลาทำสมาธิของผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ยังไม่มีฐาน ท่านจึงเน้นการตัดการเห็นทุกสิ่งข้างทางออกไปให้หมดเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วและง่าย(แต่มันก็ไม่ง่าย)
    เหมือนกับการนั่งรถไฟที่ปิดหน้าต่างหมดทุกบานไม่เห็นอะไรข้างทาง รอให้ถึงจุดหมายเพียงอย่างเดียว

    แต่สำหรับผู้ที่มีฐานแล้ว เราจะเห็นสภาวะต่างๆที่เข้ามาและผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสภาวะทางกายทางใจ หยาบไปสู่ละเอียด เราจะเลือกหยุดดูตรงไหนก็ได้หรือจะไปสู่ความสงบเลยก็ตามแต่
    เหมือนเรานั่งรถไฟที่เปิดหน้าต่าง เห็นวิวทิวทัศน์ต่างๆที่เราผ่านมา

    ไม่ว่าจะในการใช้ชีวิตประจำวันหรือตอนนั่งสมาธิ จะเป็นเช่นนั้นได้โดยตลอด

    เราตั้งใจปฏิบัติสมาธิเพื่อสิ่งใด จิตมันจะไปค้นหาสิ่งนั้น เหมือนกับตอนที่เราใช้ชีวิตประจำวัน เราอยากได้อะไรเราก็ไปหาสิ่งนั้น แล้วเราปฏิบัติเพื่อสิ่งใด ฌาณ ความสงบ ปัญญารู้แจ้งเพื่อความหลุดพ้น แต่บางสิ่งมันก็ไม่ใช่จะค้นหาได้ง่ายๆ หากเราไม่รู้จักเครื่องมือที่จะใช้และวิธีใช้ ค้นทั้งชีวิตก็ไม่เจอ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2018
  9. ใต้สรวงสวรรค์ ตรีเอกภาพ

    ใต้สรวงสวรรค์ ตรีเอกภาพ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +11
    ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคร้าบ
    พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าผู้ว่าอยู่จักประพฤติตามซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ์ สถานะอื่นของข้าพเจ้าไม่มีพระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้าด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา ข้าพเจ้าผู้ว่าอยู่ซึ่งพระสงฆ์ได้คนควายบุญใดในบัดนี้
    จรงมีแก่ท่านเถิด สาธุ
    ___________

    อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก้ข้าพเจ้าด้วยเดชแห่งบุญนั้น
    สาธุ สาธุ สาธุ กราบกราบกราบ .สาธุ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน, กะตะโม จะ ภิกขะเว, สัมมาวายาโม อิธะ ภิกขะเวภิกขุ’ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายความพากเพียรชอบเป็นอย่างไรเล่าดูก่อนภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้คือการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเจริญภาวนาให้ถึงพร้อมด้วยยานแห้งมานะของตนทำให้มีภาระวินัยที่แข็งแรงและสมบูรณ์ ยิ่งยิ่งขึ้นไปเถิด ’สาธุ สาธุ สาธุ
    ___________
    สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ. ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดังนี้ เต (หญิงว่า. ตา) มะยังโอติณณาม์หะ, กราบ
    พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว; ชาติยา, โดยความเกิด; โดยความแก่ และความตาย รถด้วยความโศกเศร้าความร่ำไรรำพัน, ความไม่สบายกาย, ความไม่สบายใจ; ความคับแค้นใจ ทั้งหลาย; อย่าได้มีแก่เราเลยสาธุ;
     

แชร์หน้านี้

Loading...