ติดตามสถานะการณ์

สำหรับเกาหลีเหนืออาจจะจบ แต่สหรัฐไม่จบด้วยแน่นอน เพราะสหรัฐคงไม่ต้องการให้เกาหลีอหนือมีเทคโนโลยีผลิตขีปนาวุธนิวเคลียร์ หรือแม้แต่เทคโนโลยีการผลิตขีปนาวุธยิงข้ามประเทศซึ่งขณะนี้ไปได้ถึงสหรัฐแล้ว จุดสำคัญที่สหรัฐต้องการคือนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปจากเกาหลีเหนือ และอาจจะนำไปใช้ในการพัฒนาอาวุธของสหรัฐด้วย

วันนี้เป็นต้นไป! คิมจองอึนประกาศยุติทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ มุ้งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจ

วันศุกร์ที่ผ่านมา (20 เม.ย.) สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศว่าประเทศของเขาจะยุติการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และการปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีป นับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนนี้เป็นต้นไป

คิมจองอึนระบุว่า การทดสอบในพื้นที่ภาคเหนือเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว และเนื่องจากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าอาวุธนิวเคลียร์ใช้งานได้สมบูรณ์ เกาหลีเหนือจึงไม่จำเป็นจะต้องมีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ใดๆ อีก รวมถึงการทดสอบจรวดนำวิถีข้ามทวีปด้วย

คิมจองอึนประกาศระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคแรงงานแห่งเกาหลีครั้งที่ 7 วาระที่ 3 โดยผู้นำเกาหลีเหนือยังเปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของเกาหลีเหนือด้วยว่า จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ซึ่งกำลังจะมีขึ้นวันที่ 27 เมษายนนี้ รวมทั้งจะมีการประชุมระหว่างคิมจองอึนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นมิถุนายนตามมา

ทางด้านทรัมป์ทวีตข้อความว่าคำประกาศของคิมจองอึนนั้นเป็น “ความคืบหน้าก้าวใหญ่” และเป็น “ข่าวดี” สำหรับเกาหลีเหนือและคนทั้งโลก

ส่วนทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีเหนือระบุว่า การตัดสินใจของเกาหลีเหนือบ่งชี้ถึง “ก้าวสำคัญ” สู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ให้หมดไปจากคาบสมุทรเกาหลี และจะสร้างบรรยากาศอันดีในการประชุมที่จะถึงนี้

ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า เขายินดีกับคำประกาศของเกาหลีเหนือ แต่คำประกาศนั้นจะต้องนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถตรวจสอบได้

“คำประกาศนี้เป็นท่าทีเชิงบวกที่ผมเองก็ยินดีด้วย” อาเบะกล่าวกับสื่อมวลชน “แต่สิ่งที่สำคัญคือมันจะต้องนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์และตรวจสอบได้ ผมอยากจะเน้นตรงนี้ครับ”

 

Wudhichai Maitreesophone



อิหร่านเตือนอิสราเอลว่า จะทำอะไรขอให้ยั้งคิดให้ดี เพราะตอนนี้ นิ้วของทหารอิหร่าน อยู่ที่ไกปืนแล้ว

เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพ IRGC ของอิหร่าน ออกคำเตือนไปยังอิสราเอล เมื่อวันศุกร์ วานนี้ว่า นิ้วมือของทหารอิหร่าน อยู่บนไกปืน และปุ่มขีปนาวุธ พร้อมที่จะโจมตีอิสราเอลในทุกนาที ที่ได้รับคำสั่ง

ในคำปราศรัยของนายพล Hossein Salami รองผู้บัญชาการ IRGC ว่า ในความคิดของกองทัพอิหร่าน อิสราเอลนั้น อยู่อาศัยในปากของมังกร ตั้งแต่ฐานทัพอากาศในภาคเหนือ ลงมาถึงภาคตะวันตก ของอิสราเอล ล้วนอยู่ในศูนย์เล็งของขีปนาวุธอิหร่านทั้งสิ้น

https://mobile.almasdarnews.com/article/iran-warns-israel-our-hands-are-on-the-trigger/

 

รายงานจาก สถานีโทรทัศน์ข่าวภาคภาษาอาหรับแห่งเยเมน อัล มาซีเราะห์ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ระบุว่า ขีปนาวุธของกองทัพเยเมนถูกยิงไปที่สนามบินในเมืองญิซาน ซาอุดิอาระเบีย...

(อ่านรายละเอียด)
http://www.abnewstoday.com/12873

 

สถานการณ์ความสัมพันธ์เกาหลีเหนือ และสหรัฐสุดคาดเดา เพราะเป้าหมายสุดท้ายของสหรัฐคงจะเป็นการยึดครองเทคโนโลยีสร้างนิวเคลียร์ และขีปนาวุธข้ามทวีป และพรากมันไปจากเกาหลีเหนือ ทำไมเทคโนโลยีเหล่านี้น่าสนใจ เพราะผมคิดว่ามันถูกพัฒนาตีอมาจาก เทคโนโลยีของสหภาพโซเวียต น่ะแหละครับ ต้องรอดูว่าวันที่พบกันทรัมป์จะเอาอย่างไร จะแสดงจุดยืนอย่างเด่นชัดเลยไหม และใช่อย่างที่ผมคิดไว้ คิดว่าคมนิสัยอย่างคิม จะยอมไหม แค่คิดก็น่าหวาดเสียวแล้ว

Bank of Thailand Scholarship Students



(Apr 21) ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศ “ระงับการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์” : นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่าจะระงับการทดสอบขีปนาวุธทุกรูปแบบ และจะปิดสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ในทันที

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า "นับจากวันที่ 21 เม.ย. (หรือในวันนี้) เป็นต้นไป เกาหลีเหนือจะหยุดการทดสอบนิวเคลียร์ และการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป"


นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า การตัดสินใจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อหันไปแสวงหาการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี


ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้นายคิม จอง อึน มีกำหนดจะพบกับนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และคาดว่าจะร่วมประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ในเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งหากเป็นไปตามคาดหมาย จะถือเป็นการพบปะกันครั้งแรกระหว่างผู้นำสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในตำแหน่งกับผู้นำเกาหลีเหนือ


หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับคำประกาศของผู้นำเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า "นี่เป็นข่าวดีมากสำหรับเกาหลีเหนือและโลก เป็นความคืบหน้าที่ยิ่งใหญ่"


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า "ยังมีหนทางสว่างให้เกาหลีเหนือ หลังจากปลดอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จแล้ว" และในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีมูนแห่งเกาหลีใต้ กล่าวว่า เกาหลีเหนือพร้อม "จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์" โดยเรียกร้องให้ "ใช้จินตนาการอย่างกล้าหาญ และหาทางออกอย่างสร้างสรรค์" เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการประชุมสุดยอดระหว่างสองเกาหลี และการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำเกาหลีเหนือจะประสบผลสำเร็จ


เท่าที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ ในประเด็นโครงการนิวเคลียร์มาโดยตลอด และเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ที่สามารถยิงได้ไกลถึงทุกพื้นที่บนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ถูกนานาชาติประณาม รวมถึงนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือ "ไม่สนใจมุมมองอันเป็นหนึ่งเดียวกันของประชาคมนานาชาติ"


รัฐบาลเกาหลีเหนือออกประกาศล่าสุดนี้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้กำลังดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลทั้งสองได้เปิดการสื่อสารทางโทรศัพท์สายตรง ระหว่างผู้นำทั้งสองชาติก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำสองเกาหลีในรอบกว่าหนึ่งทศวรรษด้วย


เจ้าหน้าที่ของทางการเกาหลีใต้ ระบุกับผู้สื่อข่าว หลังจากการทดสอบโทรศัพท์สายตรงดังกล่าว ซึ่งใช้เวลา 4 นาที 17 วินาทีว่า "เหมือนกับว่าเรากำลังพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน"


รัฐบาลของทั้งสองเกาหลี ตกลงเปิดโทรศัพท์สายตรงระหว่างกันเมื่อเดือนที่ผ่านมา ในช่วงที่ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เดินทางเยือนกรุงเปียงยาง เพื่อเข้าพบผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งตอบตกลงให้จัดการประชุมระหว่างผู้นำของสองเกาหลีขึ้น


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในภาวะสงคราม มาตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลีในปี 1950 ถึง 1953 ซึ่งยุติลงด้วยข้อตกลงสงบศึก โดยไม่มีฝ่ายใดสามารถอ้างชัยชนะได้อย่างชัดเจน


Source: BBC Thai http://www.bbc.com/thai/international-43847965


*********************

'คิม จอง อึน'ประกาศ เกาหลีเหนือยุติทดลองนิวเคลียร์:


นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศว่าเกาหลีเหนือจะไม่ทดลองนิวเคลียร์หรือทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปอีกต่อไป พร้อมกับสั่งปิดสถานที่ทดลองระเบิดนิวเคลียร์.


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ว่าสำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างจากสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือประกาศว่าเกาหลีเหนือจะไม่ทดลองระเบิดนิวเคลียร์หรือทดสอบการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปอีกต่อไป พร้อมกับสั่งปิดสถานที่ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ


คำประกาศดังกล่าวเป็นที่ต้องการอย่างมากของสหรัฐอเมริกา เพราะถือเป็นก้าวสำคัญของการดำเนินนโยบายทางการทูตของสหรัฐบนคาบสมุทรเกาหลี และมีขึ้นในช่วงเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้นก่อนถึงการประชุมสุดยอดร่วมกันระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ที่เขตปลอดทหารในวันศุกร์ที่ 27 เม.ย.นี้และก่อนที่จะมีพบหารือครั้งสำคัญระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ


สำนักข่าวเคซีเอ็นเอรายงานว่า นายคิม จอง อึน แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคนงานพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือว่า เมื่อมีการตรวจสอบด้านอาวุธเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์แล้ว ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปสำหรับเกาหลีเหนือที่จะต้องทดลองระเบิดนิวเคลียร์อีกต่อไปรวมถึงการทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยปานกลางพิสัยไกลหรือขีปนาวุธข้ามทวีปอีกต่อไป ภารกิจของการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์


เกาหลีเหนือประสบผลคืบหน้าอย่างมากในโครงการด้านอาวุธภายใต้การนำของนายคิม จอง อึน ซึ่งก็ถูกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติคว่ำบาตร รวมถึงสหรัฐ สหภาพยุโรป เกาหลีใต้และประเทศอื่นๆ


เมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุด แล้วยังทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีปซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ


Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/foreign/639221


- North Korean leader: We no longer need nuclear tests, state-run media reports: https://edition.cnn.com/2018/04/20/asia/north-korea-closes-nuclear-site/index.html


- North Korea 'halts missile and nuclear tests', says Kim Jong-un:

 

ศธ.เผย'กองทุนเสมา'มีรูรั่วพรุน ปีหลังๆโกงมากกว่าครึ่งของเงินทั้งหมด. 20 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 18:25 น.



20 เม.ย.61- นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ครั้งที่ 1/2561 ว่า ในที่ประชุมนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ได้รายงานความคืบหน้าการสืบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต และถือว่าระยะเวลา 1 เดือน กระบวนการสืบข้อเท็จจริงต่างๆ สามารถดำเนินการได้อย่างก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งทำให้เห็นรอยรั่วและความผิดพลาดของกระบวนการดำเนินการ เช่น การจ่าย รับเงินที่ไม่มีใบเสร็จ การเสนอคณะกรรมการกองทุนพิจารณาในเรื่องต่างๆ และเรื่องการปลอมแปลงเอกสารโดยบุคคลคนเดียว เป็นต้น ซึ่งเราจะนำข้อผิดพลาดตรงนี้มาปรับใช้กับการดำเนินการในกองทุนอื่นๆ ด้วย รวมถึงเรื่องการรวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย และการดำเนินการความผิดทางละเมิด ซึ่งตนได้ทำการซักซ้อมกับนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. ว่าตัวแทนผู้เสีย เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจาก ศธ. ได้อย่างไร โดยดำเนินการตามกระบวนกฎหมายเรื่องละเมิด

“นอกจากนี้ผมยังได้รายงานความคืบหน้าเรื่องสืบข้อเท็จจริงกระบวนการเช่าสัญญาณอินเทอร์ของระบบ MOENet ของ ศธ. ในที่ประชุมรับทราบด้วย รวมถึงเรื่องแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา หรือ อควาเรียม และก่อสร้างหลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน 11 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รายงานโดยพล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ.ด้วย เพราะผมต้องการให้ทุกคนใน ศธ. รับรู้ ไม่ใช่ว่าจะอ่านตามข่าวอย่างเดียว และยังชี้แจงให้ข้าราชการ ศธ.ทราบว่าไม่ต้องกุ้มใจ ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะคนที่ไม่ได้ทำผิดและรู้เห็นก็จะให้เป็นพยาน คนที่ยังอยู่ระหว่างสืบฯ ว่าจะเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ ก็จะต้องเข้าอีกกระบวนการหนึ่ง”รมว.ศธ.กล่าว

ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า ตนได้รายงานข้อมูลสรุปล่าสุดให้ที่ประชุมรับทราบว่า จากข้อมูลที่สรุปเมื่อวันที่ 18 เมษายน พบว่า จำนวนเงินที่กองทุนได้จ่ายให้กับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 41 แห่ง วิทยาลัยพยาบาล 26 แห่ง สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัด 3 แห่ง และโอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 39 คน และโอนเข้าบัญชีที่ไม่ทราบเจ้าของ 68 บัญชี รวมเป็นเงินที่ใช้โอนไปตั้งแต่ปี 2548 จำนวน 230,251,144 ล้านบาท และจากข้อมูลจะพบว่ามีอัตราการโกงเงินเพิ่มขึ้นทุกปี และในปี 2554, 2555, 2556, 2557 และ 2560 มีการโกงเงินเกินกว่าครึ่งของจำนวนเงินทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ถือว่าเราได้ข้อมูลจำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังรอข้อมูลในหลายส่วน เช่น คำชี้แจ้งของอดีตผู้บริหารระดับสูงที่หลายรายมีการขอยืดเวลา

อีกทั้งยังพบว่าบางรายปรากฏลายเซ็นต์หลายครั้ง ซึ่งต้องมีการชี้แจงใหม่ ผลการตรวจสอบยืนยันจำนวนผู้ได้รับและไม่ได้รับเงินจากกองทุนจากศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) อีก 12 จังหวัด ที่ยังไม่ได้ส่งข้อมูลมา ข้อมูลสเตทเมนท์ของสถานศึกษา เพราะที่ผ่านมามีบางสถานศึกษาได้ส่งสเตทเมนท์มาให้ตรวจ ทำให้คณะกรรมการสืบฯ พบว่าถ้าเป็นการโอนจากสำนักงานปลัด ศธ. จะมีชื่อเป็นภาษาไทยขึ้นในสเตทเมนท์ทันที แต่ในกรณีที่โอนจากบัญชีอื่นจะมีเพียงหมายเลขบัญชีเท่านั้น ซึ่งมีการโอนจากบัญชีอื่นค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเมื่อได้เสตทเมนท์มาครบแล้ว จะสามารถขยายผลไปยังเลขที่บัญชี เพื่อนำสืบต่อและอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้นก็ได้ และสำเนาหนังสือแจ้งการโอนเงินจากสถานศึกษา 65 แห่ง ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ที่พบว่าเกินครึ่งเป็นหนังสือปลอม โดยเริ่มปลอมตั้งแต่ปี 2551 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีประเด็นความผิดเพิ่มตนจะรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทันที และที่ตนทราบขณะนี้ ป.ป.ท.ได้ส่งหนังสือไปยังผู้เกี่ยวข้องเกือบทุกคนแล้ว และในส่วนของคณะกรรมการสืบฯ เองก็จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้

“รอยรั่วที่เราพบถือว่ามีหลายจุด โดยผมได้แบ่งสภาพปัญหาเป็น 4 กระบวนงาน คือ 1.ปัญหาจากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ไม่มีการแจ้งผลการอนุมัติกองทุนให้สถานศึกษา 2.การเสนอเพื่อขออนุมัติโอนเงินตามมติ ที่มีการอนุมัติคราวเดียวแต่ขออนุมัติโอนเงินหลายครั้ง โดยไม่ได้อธิบายเหตุผล และบันทึกการเสนอขออนุมัติ บางครั้งไม่ชัดเจน 3.การโอนเงินกองทุนไปสถานศึกษา ขาดการควบคุม ตรวจสอบขั้นสุดท้าย รับหลักฐานการจ่ายไม่สมบูรณ์มาประกอบบัญชี และ 4.การติดตามและประเมินผล ไม่มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการ”กล่าว

นอกจากนี้ยังมีบางวิทยาลัยพยาบาทที่รับเงินเกินและยังไม่ได้มีการเรียกเงินคืน จำนวน 60,000 บาท และโรงเรียนสังกัด สพฐ. จำนวน 2,114,633 บาทด้วย โดยหลังจากนี้คงต้องมีการดำเนินการเรียกเงินคืน และในส่วนของจำนวนเงินที่ จะต้องจ่ายเพิ่มให้กับวิทยาลัยพยาบาล เบื้องต้นจำนวน 30,414,000 บาท แต่ต้องรอข้อมูลจากวิทยาลัยพยาบาลอีก 12 แห่ง และสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. เบื้องต้น ขาดเงิน 11,447,181 บาท และต้องรอข้อมูลยืนยันจาก ศธจ.อีก 18 โรง ดังนั้น กองทุนฯ จะต้องหาเงินเพิ่มอีกประมาณ 42 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้วจะมีการเสนอเข้าคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเยียวยาต่อไป.


https://www.thaipost.net/main/detail/7502

 

ข้าราชการระดับท๊อปศธ.เอี่ยวทุจริต"อความเรียม-MOENet"
19 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 07:15 น.



"หมอธี"เผยระดับซี8-11ในศธ.เกี่ยวข้องกรณีทุจริตทั้งควาเรียม และMOENet “ปลัด ศธ.” จะส่งรายชื่อผู้เกี่ยวข้องซีทั้งหมดให้ในสัปดาห์หน้า ส่วน MOENet พบมีมูลมีข้าราชการซี 7 เข้ามาติดสินบนและข่มขู่ ให้ “รองปลัด ศธ.” ต่อสัญญาพร้อมส่งเรื่องนี้ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบด้วย เผยมูลค่าความเสียหายยังประเมินไม่ได้ เฉพาะสพฐ.เสียค่าอินเตอร์เน็ตปีละ 2,000 ล้าน ส่วนประเด็นข้อถกเถียงที่อ้างว่าโครงการเป็นมติของ ครม.นั้น จะส่งให้ สตง. ตรวจสอบ

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา หรือ อควาเรียม ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า ขณะนี้ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) ในฐานะประธานสืบข้อเท็จจริงเรื่องได้รายงานมาแล้วว่า พบข้อมูลชัดเจนที่มีความผิดปกติเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการขอแก้ไขสัญญาขยายงวดงานจากเดิม 26 งวดงานที่ต้องแล้วเสร็จภายในปี 2553 แต่จากการตรวจสอบมีการขยายเพิ่มอีก 6 งวดงานถึงปี 2557 การเบิกจ่ายงบประมาณล่วงหน้า และไม่มีการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ มีการทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ตั้งแต่ข้าราชการระดับ 8-11 โดยภายในสัปดาห์หน้า ปลัด ศธ.จะเสนอรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ตน เพื่อพิจารณาใช้แนวปฎิบัติคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ เรื่องแบบนี้เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมากผู้บริหารระดับสูงจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ซึ่งถ้ามีมูลความผิดบุคคลนั้นต้องถูกย้ายออกจากพื้นที่ เช่น ถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูงก็จะมีการโยกย้ายไปสำนักนายกรัฐมนตรี แต่หากเป็นบุคคลระดับล่างก็ต้องย้ายออกจากพื้นที่ หรือเป็นผู้มีอิทธิพลแต่อยู่ระดับล่างก็ถูกย้ายไปสำนักนายกฯเช่นกัน ส่วนใหญ่ที่โดนมาตรการ คสช.มีหลายส่วนเพราะโครงการนี้เริ่มมา 10 ปีแล้ว แต่ทั้งนี้ตนต้องตรวจสอบก่อนว่าตามรายงานที่เสนอมาบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องมีข้อผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน



รมว.ศธ.กล่าวอีกว่าสำหรับ ความคืบหน้าการสืบข้อเท็จจริงกระบวนการเช่าสัญญาณอินเทอร์ของระบบ MOENet ของ ศธ. นั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้รับรายงานจากนายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัด ศธ. ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าถูกเสนอสินบนให้ต่อสัญญาของ MOENet ซึ่งนายประเสริฐเอง ก็ไม่เคยเห็นการเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ต อีกทั้งตั้งแต่ได้รับตำแหน่งให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัด ศธ.ก็ถูกมอบหมายให้ดูแลเรื่องระบบ MOENet อีกทั้งนายประเสริฐยังมองว่าระบบเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตควรจะมีการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกวิธี แต่ทุกครั้งจะถูกแรงกดดันและข่มขู่ว่าหากไม่เซ็นต์จะไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้งาน ดังนั้นนายประเสริฐจึงไม่เซ็น และเมื่อไม่เซ็นต์จึงมีข้าราชการระดับ 7 เข้ามาติดสินบนและข่มขู่อีกว่าจะไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้งาน โดยขณะนี้นายประเสริฐถูกกันให้มาเป็นพยานลับ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ตนเข้ามาปฏิรูประบบ MOENet และขณะนี้นายประเสริฐก็ย้ายข้าราชการคนดังกล่าวออกจากหน่วยงานเดิมไปแล้ว


ทั้งนี้จะต้องมีการสืบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อไป เพราะมีการกล่าวหามีอดีตข้าราชการระดับรองปลัด และ ปลัด ศธ.มีการรับเงินสินบนคือ ระดับ 9 และ 11 เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนยังขอไม่ปรักปรำใคร เพราะยังเป็นประเด็นของการถูกกล่าวหาอยู่ แต่หากการตรวจสอบมีมูลตนจะส่งเรื่องนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบด้วย ส่วนประเด็นข้อถกเถียงอ้างว่าว่าโครงการ MOENet เป็นมติของ ครม.นั้น ตนจะไม่ถกเถียงด้วยแต่จะส่งเรื่องนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พิจาณาตรวจสอบว่าที่ผ่านมาดำเนินการถูกต้องหรือไม่

“โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ประเทศเรามีอินเตอร์เน็ตและราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมถามมาตลอด และก็ได้คำตอบว่ามันต้องทำไม่เช่นนั้นจะผิดข้อตกลง สำหรับเมูลค่าความเสียหายผมยังไม่สามารถตอบได้ แต่รู้ว่ามีมูลค่ามหาศาล ซึ่งปีๆนึง แค่เฉพาะ สพฐ.ต้องเสียค่าบริการอินเตอร์เน็ตกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี”รมว.ศธ. กล่าว


ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า ข้าราชการ ระดับ 7 คนดังกล่าว ได้มีการเสนอให้ตนยืดสัญญา MoeNet ออกไปเรื่อยๆ โดยหากไม่มีการดำเนินการโรงเรียนกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศจะไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ พร้อมกล่าวข่มขู่ว่าหากโรงเรียนไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ตนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันข้าราชการ ระดับ 7 คนดังกล่าว ยังได้เสนอสินบนร้อยละ 7 ให้แก่ตน โดยกล่าวอ้างว่าอดีตปลัด ศธ. ก็มีการรับเงินจำนวนดังกล่าว อีกทั้งยังคิดว่าเหตุที่ตนไม่ต่อสัญญาเพราะต้องการเรียกรับเงินจำนวนนี้ อย่างไรก็ตาม ตนจึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับ รมว.ศธ. ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมย้ายข้าราชการคนดังกล่าวออกจากตำแหน่งโดยทันที


https://www.thaipost.net/main/detail/7370

 

พส.อ้าง จนท. ตรวจรายชื่อผิด! ปัดซิกแซกเลื่อนขั้น-เพิ่มเงินเดือน ขรก.โกงเงินคนไร้ที่พึ่ง วันเสาร์ ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561, 17.50 น.

วันที่ 21 เมษายน นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ออกมาชี้แจงกรณีเฟซบุ๊ก “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ออกมาตั้งข้อสังเกตการจัดการกับข้าราชการผู้เกี่ยวกับกรณีการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้และคนไร้ที่พึ่ง โดยเฉพาะการย้ายหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคมของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนกับการทุจริตโดยตรงให้มาช่วยราชการที่ พส. เมื่อวันที่ 24 มกราคม แต่ปรากฏว่ารุ่งขึ้นวันที่ 25 มกราคา กลับมีคำสั่งแต่งตั้งบุคลดังกล่าวให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น และมีสิทธิเข้าไปใช้งานระบบ “KTB Corporate Online” ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติงานด้านการรับจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ตำแหน่งสูงขึ้น เงินเดือนเพิ่มขึ้น เท่านั้น แต่ยังเป็นการแต่งตั้งที่ข้ามสายงานจากเดิมที่เป็นพยาบาลเทคนิคปฏิบัติงาน มาเป็นเจ้าพนักงานการเงิน

โดย นางนภา กล่าวว่า ก่อนจะเกิดกรณีการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้และผู้มีรายได้น้อยเกิดขึ้น พส. มีการจัดเตรียมระบบ KTB Corporate Online เพื่อใช้ในการจ่ายและรับเงิน ซึ่งเป็นระบบที่โปร่งใสที่สุด โดยรัฐบาลอยากให้ใช้ระบบนี้ในการดำเนินงาน โดยจะเปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็พยายามจะดำเนินการทำระบบนี้ให้ดีที่สุด และหลายศูนย์ที่มีการจ่ายเงินในสังกัด พส. ก็ได้คัดเลือกและส่งรายชื่อคนที่เหมาะสมมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวนี้มาให้ ซึ่งกรมก็รวบรวมรายชื่อทั้งหมดไว้เพื่อดำเนินการต่อ

ต่อมาเมื่อมีเหตุการณ์ทุจริตเกิดขึ้น และมีการสอบสวนพบว่า ผอ.ศูนย์ และหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการฯ ศูนย์ขอนแก่น มีมูลความผิด ตนจึงได้มีการสั่งย้ายทั้ง 2 คน เข้ามาช่วยราชการส่วนกลาง โดยเซ็นคำสั่งวันที่ 24 มกราคม แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเวลาที่ใกล้เคียงกัน ในวันที่ 25 มกราคม ที่มีคำสั่งดังกล่าวออกไป เจ้าหน้าที่ของ พส. อาจจะไม่ได้ดูในรายละเอียดรายชื่อ และได้นำรายชื่อเดิมที่ส่งเข้ามาเซ็นคำสั่งเพื่อดำเนินการ ซึ่งมีชื่อหัวหน้าหน้าฝ่ายสวัสดิการฯคนดังกล่าวพ่วงเข้าไปด้วย ทั้งนี้อาจจะเกิดจากการรีบดำเนินการเปิดระบบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนรายชื่อบุคคลที่มาจากศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันที่ 24 มกราคม ตนได้มีคำสั่งย้ายเข้ามาช่วยราชการที่ส่วนกลาง ดังนั้นคำสั่งวันที่ 25 มกราคม จึงไม่มีผล รวมทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ เพราะระบบดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการ และยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาที่จะช่วยเหลือแต่อย่างใด

http://www.naewna.com/local/334298

 

ลอบสังหาร ”วิศวกรปาเลสไตน์” ในมาเลเซีย ครอบครัวระบุฝีมือ “มอสสาด” โดย กองบรรณาธิการ - 21 เมษายน 2018

HAARETZ/i24NEWS – วิศวกรชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาถูกลอบสังหารเช้าวันนี้ (เสาร์ 21 เม.ย.61) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังออกจากมัสยิด ครอบครัวและองค์กร “อิสลามิกญิฮาด” กล่าวหาเป็นฝีมือของสายลับ “มอสสาด”

“นายฟาดี อัลบาทาช” (Fadi al-Batash) ถูกลอบยิงในระยะใกล้ขณะออกจากมัสยิดโดยมือปืน 2 คน ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วหลบหนีไป

ครอบครัวของอัลบาทาช กล่าวหาว่า มอสสาดอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารเขา รายงานจากสื่อปาเลสไตน์ระบุ



ครอบครัวยังกล่าวด้วยว่า อัลบาทาชมีแผนจะบินไปตุรกีในวันอาทิตย์เพื่อเข้าร่วมการประชุมทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพลังงาน

ในการให้สัมภาษณ์กับเครือข่ายโทรทัศน์อัลมิยาดิน คาลิด อัลบาทาช (Khaled al-Batash) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ “อิสลามญิฮาด” (Islamic Jihad) หนึ่งในขบวนการต่อสู้ของปาเลสไตน์ที่มีชื่อเสียง กล่าวว่า “มอสสาด” หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอลเป็นผู้ลอบสังหารวิศวกรชาวปาเลสไตน์ในครั้งนี้ เขาได้เรียกร้องให้ “เจ้าหน้าที่มาเลเซียดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดและรวดเร็วเพื่อป้องกันการหลบหนีของมือสังหาร”

รายงานของเว็บไซต์ข่าวปาเลสไตน์ระบุว่า นายฟาดี อัลบาทาช อายุ 35 ปีถูกซุ่มโจมตีเมื่อเขาออกจากมัสยิดและถูกยิงในระยะประชิด แหล่งข่างวชาวปาเลสไตน์ในประเทศมาเลเซียอ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่ระบุว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สองคนที่ยังระบุตัวไม่ได้ เป็นผู้ลงมือฆาตกรรมและยิงกระสุนมากกว่า 10 นัดไปยังบาทาช จากนั้นได้หลบหนีไป ฟาดี อัลบาทาชถูกยิงที่ศีรษะและตามร่างกายท่อนบน



สำนักข่าวเอสพีเอ (SPA) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการฮามาสกล่าวว่า อัลบาทาชมาจากเมืองจาบัลยา (Jabalya) ภาคเหนือของฉนวนกาซา ได้ทำงานในมาเลเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในฐานะวิทยากรในมหาวิทยาลัยเอกชนและเป็นอิหม่ามในมัสยิดแห่งหนึ่ง

นิวสเตรทไทมส์ของมาเลเซียรายงานว่า มือสังหารซุ่มรอให้เหยื่อออกมาเกือบ 20 นาที

ตำรวจยังไม่ทราบสาเหตุการลอบสังหารในครั้งนี้ โดยตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีนี้กล่าวว่า “เรากำลังตรวจสอบในทุกประเด็น รวมทั้งในประเด็นการก่อการร้าย อย่างไรก็ตามการสืบสวนเบื้องต้นพบว่าเหยื่อไม่ได้มีปัญหาด้านการเงินหรือมีศัตรู”

“เราจะสอบปากคำจากทางครอบครัว เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงานของเขาเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติม … ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย” หัวหน้าหน่วยสืบสวนกล่าวตามรายงานของนิวสเตรทไทมส์
http://www.publicpostonline.net/16905

 

ผู้นำเครือจักรภพเลือก 'เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์' สืบทอดตำแหน่งประมุขต่อจาก 'ควีนเอลิซาเบธที่2'

 

รับไม่ได้! ซาอุฯ สั่งปิดฟิตเนสกลางเมืองหลวง หลังคลิปสาวใส่ “ชุดรัดรูป” ออกกำลังกายว่อนเน็ต

เอเอฟพี - หน่วยงานด้านกีฬาของซาอุดีอาระเบียสั่งปิดฟิตเนสสำหรับสตรีแห่งหนึ่งในกรุงริยาดเมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) หลังปรากฏคลิปวิดีโอโฆษณาที่ผู้หญิงซาอุฯ สวมใส่ชุดรัดรูปออกกำลังกาย และไม่คลุมศีรษะ

คลิก>>https://mgronline.com/around/detail/9610000039409

#MGRonline #ชุดรัดรูป #ออกกำลังกาย #ซาอุดีอาระเบีย #ปิดฟิตเนส

 

ญี่ปุ่นไม่วางใจ “คิม” เลิกทดสอบนุก-จรวดข้ามทวีป ขู่จะใช้มาตรการกดดันต่อไป

เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นออกมาขานรับคำมั่นสัญญาของผู้นำเกาหลีเหนือที่ระบุว่าจะเลิกทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีปอย่างระมัดระวังวันนี้ (21 เม.ย.) ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมปลาดิบยังคงเสียงแข็ง ขู่จะใช้มาตรการกดดันขั้นสูงสุดต่อเปียงยางต่อไป

คลิก>> https://mgronline.com/around/detail/9610000039355

#MGRonline #ญี่ปุ่น #ไม่วางใจ #เกาหลีเหนือ #ทดสอบนิวเคลียร์

 

พญาอินทรีใช้ภาษีการค้าสกัดดาวรุ่งจีนที่กำลังสร้างชาติทันสมัย แต่ศึกนี้เจ็บทั้งคู่

MGR ONLINE--ณ ยามที่จีนกำลังมุ่งมั่นดำเนินนโยบาย “เมด อิน ไชน่า” Made in China ยกระดับภาคอุตสาหกรรมการผลิตสู่อุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ จากชาติที่เรืองอำนาจเศรษฐกิจจากการขายสินค้าราคาถูก มาเป็นชาติสังคมนิยมที่ทันสมัย ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญในการบรรลุความฝันยิ่งใหญ่ของจีนในกลางศตวรรษที่ 21

คลิก>> https://mgronline.com/china/detail/9610000039258

#MGRonline #จีน #Madeinchina #อุตสาหกรรมไฮเทค #โครงสร้างเศรษฐกิจ

 

Weekend Focus: ภารกิจที่ “ไม่ลุล่วง” ของสหรัฐฯ จากปฏิบัติการโจมตีซีเรีย
เผยแพร่: 21 เม.ย. 2561 09:01: โดย: MGR Online



หลังใช้เวลาทบทวนอยู่นานหลายวัน สหรัฐอเมริกาตัดสินใจหยิบยื่นบทลงโทษครั้งใหญ่ต่อซีเรียในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 13 เม.ย. โทษฐานใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้า กองกำลังสหรัฐฯ ร่วมมือกับอังกฤษและฝรั่งเศสสาดขีปนาวุธกว่า 100 ลูกถล่มฐานที่มั่น 3 แห่งของระบอบ บาชาร์ อัล-อัสซาด ก่อนจะออกมาอ้างว่าผลการโจมตีครั้งนี้ทำให้สมรรถนะในการใช้อาวุธเคมีซีเรียลดลงอย่างมาก

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อระบอบอัสซาดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ฝ่ายตะวันตกเคยทำมา แต่หากวัดกันที่ผลลัพธ์ก็แทบไม่ต่างอะไรกับคำสั่งโจมตีฐานทัพซีเรียเมื่อ 1 ปีก่อนที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าทำเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีเช่นกัน และเป็นการโจมตีแบบที่เรียกว่าจบแล้วจบเลย ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อสถานการณ์ในซีเรีย

เจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกอ้างว่า การโจมตีโดยใช้ขีปนาวุธจำนวน 105 ลูกครั้งนี้มีเป้าหมายที่สำคัญคือ ศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่งในเขตบาร์เซห์ (Barzeh) ของกรุงดามัสกัส และอาคารสถานที่อีก 2 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองฮอมส์ (Homs) และผลการโจมตีครั้งนี้ทำให้สมรรถนะทางด้านอาวุธเคมีของ อัสซาด กลายเป็นอัมพาต ส่วนตัว ทรัมป์ เองก็ได้ทวีตถ้อยคำสั้นๆ ว่า “ภารกิจลุล่วง” (Mission Accomplished) ซึ่งเป็นวลีดังที่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช เคยใช้ตอนที่สั่งให้ทหารอเมริกันบุกอิรักเมื่อปี 2003

สถานการณ์วุ่นวายที่ตามมาทำให้วลีดังกล่าวกลายเป็นเหมือนคำต้องห้ามสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่หวังจะช่วงชิงความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และยิ่งน่ากระอักกระอ่วนที่ ทรัมป์ เลือกใช้วลีนี้อีกครั้ง ทั้งที่ยังมองไม่เห็นความสำเร็จใดๆ จากปฏิบัติการโจมตีซีเรียครั้งล่าสุด

ภารกิจแบบ “ล็อกเป้าหมาย” ของสหรัฐฯ ทำลายอะไรไปได้บ้างยังคงเป็นที่ถกเถียง รายงานบางกระแสบอกว่าศักยภาพในการใช้อาวุธเคมีของ อัสซาด ไม่ได้ถูกบั่นทอนเลยแม้แต่น้อย และเช้าวันต่อมา (14 เม.ย.) กลุ่มผู้สนับสนุน อัสซาด ก็ยังออกมาชุมนุมบนท้องถนนใจกลางกรุงดามัสกัส พร้อมโบกสะบัดธงชาติและชูภาพถ่ายผู้นำที่พวกเขาเคารพรักเหมือนเดิม

ลิซ สไล ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษของวอชิงตันโพสต์ชี้ว่า ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ถูกตีความว่าเป็นชัยชนะของอัสซาด เพราะการจู่โจมแบบจำกัดเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่ามหาอำนาจตะวันตกไม่มีเจตนาที่จะท้าทายอำนาจปกครองของเขาโดยตรง

หลังถูกตะวันตกยิงถล่มเพียง 2 วัน กองทัพซีเรียก็ประกาศในวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) ว่าสามารถยึดเขตกูตาตะวันออก (Eastern Ghouta) ใกล้กรุงดามัสกัสไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว พื้นที่แถบนี้เคยเป็นเขตอิทธิพลของกบฏที่ถูกกองทัพอัสซาดปิดล้อมมานานหลายปี และเป็นจุดที่อ้างว่ามีการใช้อาวุธเคมีหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และสหรัฐฯ ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีทางอากาศ

รายงานระบุว่า นักรบกบฏที่หลงเหลืออยู่ตัดสินใจวางอาวุธ และยอมอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ซีเรียประกาศว่ากูตาตะวันออก “ปลอดจากผู้ก่อการร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ”

แทนที่ อัสซาด จะเป็นฝ่ายเดือดร้อน ผู้ที่นั่งไม่ติดตลอดสุดสัปดาห์ที่แล้วกลับกลายเป็น ทรัมป์ ทั้งเรื่องทนายส่วนตัวที่ถูกอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ สอบสวน รวมถึงการเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ “A Higher Loyalty” ของ เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อทีวีสหรัฐฯ ว่า ทรัมป์ นั้น “ศีลธรรมบกพร่อง” ไม่คู่ควรกับตำแหน่งประธานาธิบดี อีกทั้งยังแฉเรื่องที่ประมุขทำเนียบขาวเคยมั่วกับโสเภณีรัสเซียระหว่างเดินทางไปมอสโกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จนอาจตกเป็นเหยื่อการแบล็กเมล์ของรัฐบาลรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจโจมตีซีเรียแบบสายฟ้าแลบก็ช่วยกลบกระแสข่าวฉาวของ ทรัมป์ ในสหรัฐฯ ไปได้บ้าง และยังแสดงให้เห็นว่าเขานั้นแตกต่างจากอดีตผู้นำคนก่อนอย่าง บารัค โอบามา ที่ไม่กล้าใช้ปฏิบัติการทางทหารลงโทษ อัสซาด ตรงๆ หลังจากที่มีการใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนเมื่อปี 2013

คนวงในทำเนียบขาวเผยกับผู้สื่อข่าววอชิงตันโพสต์ว่า ทรัมป์ เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ซีเรียบานปลายมาถึงขั้นนี้ก็เพราะ โอบามา “ไม่เคยขีดเส้นแดง” ให้ อัสซาด เกรงกลัว

แม้ ทรัมป์ จะอุตส่าห์ยกเลิกแผนเยือนละตินอเมริกาเพื่ออยู่ปฏิบัติหน้าที่ “ผู้บัญชาการสูงสุด” ในช่วงที่มีการโจมตีซีเรีย แต่การที่เขามัวแต่ทวีตข้อความตอบโต้บทสัมภาษณ์ของ โคมีย์ ในวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) รวมถึงผลลัพธ์ของการโจมตีที่ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว กลับยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์ นั้นขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนต่อปัญหาซีเรีย และสหรัฐฯ อาจเป็นฝ่ายตกที่นั่งลำบากหาก อัสซาด ยังกล้าที่จะนำก๊าซพิษทำลายประสาทหรืออาวุธต้องห้ามอื่นๆ ออกมาใช้อีก

เกร็ก แจฟฟ์ ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงของวอชิงตันโพสต์ ชี้ว่า “หากการโจมตีแบบจำกัดของสหรัฐฯ และพันธมิตรไม่ได้ทำให้ อัสซาด เข็ดขยาด ที่จะนำอาวุธเคมีออกมาใช้ ทรัมป์จะต้องเผชิญการตัดสินใจที่ยากลำบาก ถ้าเขาเลือกที่จะยกระดับการโจมตี ก็เท่ากับดึงกองทัพสหรัฐฯ เข้าไปถลำลึกกับสงครามซีเรียซึ่งตัวเขาเองเพิ่งจะประกาศหยกๆ ว่าต้องการถอนตัว แต่หากไม่ตอบโต้อะไรเลย ก็จะถูกมองว่าอ่อนแอ”

โอบามา ซึ่งเคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้เลือกที่จะทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ติดอาวุธและสนับสนุนกบฏซีเรียให้สู้รบกับ อัสซาด เอง โดยไม่นำกองทัพสหรัฐฯ เข้าไปพัวพันมากเกินไป ขณะที่ ทรัมป์ นั้นต้องการเลิกหนุนหลังพวกกบฏและมีแผนถอนทหารอเมริกันทั้งหมดออกจากซีเรีย แม้จะแสดงความกระตือรือร้นที่จะโจมตีคลังแสงเคมีของ อัสซาด เมื่อวันศุกร์ (13) ทว่าลึกๆ แล้ว ทรัมป์ ก็ไม่ได้มีแผนที่จะให้กองทัพสหรัฐฯ ใช้กำลังปิดฉากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 ปี

อาเหม็ด พรีโม นักหนังสือพิมพ์และนักเคลื่อนไหวซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองกาเซียนเท็ปของตุรกี ออกมาแสดงท่าทีผิดหวังต่อบทลงโทษที่เบาบางของสหรัฐฯ

“เราหวังว่าอเมริกาจะตอบโต้รุนแรงกว่านี้มาก... อัสซาด อาจใช้อาวุธเคมีจริงในคราวนี้ แต่เขาก็เข่นฆ่าประชาชนแบบไม่เลือกมาหลายปีแล้ว ผู้คนเป็นหมื่นเป็นแสนต้องล้มตายและสูญหาย หลังจากสงครามยืดเยื้อมา 7 ปี เราไม่หวังแล้วว่าจะมีใครเข้ามาช่วยเหลือชาวซีเรีย”


https://mgronline.com/around/detail/9610000039326

 

“นาตาลี พอร์ตแมน” หนุน “ปาเลสไตน์” งดเยือนอิสราเอล ทำพิธีแจกรางวัล “ยิวโนเบล” ล่ม
โดย กองบรรณาธิการ - 20 เมษายน 2018

พิธีมอบรางวัล “เจเนซิส ไพรซ์” (Genesis Prize) ซึ่งเสมือน “ยิวโนเบล”ต้องประกาศยกเลิก หลังผู้ได้รับรางวัล “นาตาลี พอร์ตแมน” ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง เชื้อสายอิสราเอล-อเมริกัน ประกาศไม่ร่วมกิจกรรมใดๆ ในอิสราเอล

พิธีมอบ “รางวัลเจเนซิส” ในอิสราเอลตามกำหนดการณ์ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน ต้องยกเลิกหลังผู้ได้รับรางวัลในปี 2018 กล่าวว่าเธอจะไม่เข้าร่วมพิธีดังกล่าวอันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอิสราเอลขณะนี้ ฮาอาเร็ตส์ สื่ออิสราเอลรายงาน

นาตาลีกล่าวว่า เหุตการณ์ล่าสุดในอิสราเอลเป็นเรื่อง “น่าวิตกอย่างมาก” ทำให้เธอไม่สบายใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะใดๆ ในอิสราเอล

Advertisement
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 เม.ย.) มูลนิธิเจเนซิสไพรซ์ (Genesis Prize Foundation) ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัลที่เรียกกันว่า “ยิวโนเบล” (Jewish Nobel) แถลงว่าทางมูลนิธิ “เสียใจอย่างสุดซึ้ง” ที่นักแสดงหญิงเชื้อสายอิสราเอล-อเมริกัน ไม่ยอมมาร่วมพิธีมอบรางวัลนี้

มูลนิธิกล่าวว่า ทางตัวแทนของนาตาลี พอร์ตแมน แจ้งว่า “”เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอิสราเอลสร้างความวิตกอย่างยิ่งต่อเธอ และเธอรู้สึกไม่สบายใจที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะใดๆ ในอิสราเอล” และ “เธอไม่สามารถเข้าร่วมพิธีนี้ได้”

มูลนิธิเจเนซิสไพรส์ ได้ยกเลิกพิธีมอบรางวัลดังกล่าว โดยระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้จัดงาน “เกรงว่าการตัดสินใจของนางสาวพอร์ตแมนจะทำให้การริเริ่มในงานการกุศลของเรากลายเป็นเรื่องการเมืองขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้ทำงานอย่างหนักตลอดห้าปีที่ผ่านมาเพื่อหลีกเลี่ยง”

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอิสราเอล “นายมิริ รีเกฟ” (Miri Regev) ประณามการตัดสินใจนี้ของดาราฮอลลีวูดชื่อดัง โดยกล่าวว่า “ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบว่า นาตาลี พอร์ตแมน ตกอยู่ในมือของผู้สนับสนุน บีดีเอส (BDS องค์กรเคลื่อนไหวสนับสนุน สิทธิอันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ที่มีสาขาในหลายประเทศทั่วโลก) นักแสดงหญิงชาวยิว ที่เกิดในอิสราเอล เข้าร่วมกับผู้ที่บอกว่าความสำเร็จในการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์อันมหัศจรรย์ เป็น ‘เรื่องของความอันธการและชั่วร้าย’ ”

รางวัล “เจเนซิส ไพรซ์” (Genesis Prize) เปรียบได้กับรางวัลโนเบลของชาวยิว ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 (พ.ศ. 2555) เพื่อมอบแก่ชาวยิวที่ได้รับการยอมรับและเป็นเลิศในสาขาของตน รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาความรู้สึกภาคภูมิใจของชาวยิวทั่วโลก โดยผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเงินสดมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ

นาตาลี พอร์ตแมน เกิดในกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล เมื่ออายุ 3 ขวบได้ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อของพอร์ตแมนเป็นหมอ แม่เป็นศิลปิน ขณะที่เธอมีอายุได้เพียง 10 ขวบ บริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งมาเห็นแววเธอเข้าที่ร้านพิซซ่า จนได้เข้าวงการภาพยนต์ และมีผลงานการแสดงหลายเรื่องจนกลายเป็นดาราที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของฮอลลีวูด

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดบริเวณชายแดนฉนวนกาซา-อิสราเอล หลังชาวปาเลสไตน์ออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิในการหวนกลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคมนั้น จนถึงขณะนี้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้ว 33 คน และบาดเจ็บอีก 4,279 คนจากฝีมือของกองกำลังอิสราเอล

http://www.publicpostonline.net/16888

 

“นาตาลี พอร์ตแมน” ยันไม่ได้บอยคอตประเทศอิสราเอล แค่ต้าน “เนทันยาฮู” ส.ส.ยิวเรียกร้องถอนสัญชาติ โดย กองบรรณาธิการ - 21 เมษายน 2018


“นาตาลี พอร์ตแมน” กล่าวว่า เธอไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน “บีดีเอส” องค์กรเคลื่อนไหวสนับสนุนสิทธิอันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์และบอยคอตอิสราเอล แต่เธอประท้วงต่อต้านนโยบายของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู หลังปฏิเสธเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล “เจเนซิส ไพรซ์” จนผู้จัดต้องประกาศยกเลิก ด้านส.ส.ยิวออกโรงตะเพิด เรียกร้องถอนสัญชาติ

ในแถลงการณ์ผ่านบัญชีอินสตาแกรมชองเธอ นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังเชื้อสายยิว-อเมริกัน อธิบายการตัดสินใจของเธอที่ไม่ไปปรากฏตัวในพิธีมอบรางวัล “เจเนซิส ไพรซ์” (Genesis Prize) ว่ากำลังถูก “เข้าใจผิด” โดยระบุเหตุผลว่า “เธอไม่ต้องการปรากฏตัวในฐานะผู้สนับสนุนนายเนทันยาฮู ซึ่งจะเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีนี้”

นาตาลี ชี้แจงว่า เธอไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มบีดีเอส (BDS) หรือการคว่ำบาตรต่ออิสราเอล “ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ BDS และไม่เห็นด้วยกับองค์กรนี้ เช่นเดียวกับชาวอิสราเอลและชาวยิวหลายๆ คนทั่วโลกฉันสามารถวิจารณ์ผู้นำอิสราเอลได้โดยไม่ต้องการที่จะคว่ำบาตรประเทศแต่อย่างใด”

Advertisement
นาตาลี เสริมว่า เธอนั้นรักและหวงแหน “เพื่อนและครอบครัวชาวอิสราเอล อาหารอิสราเอล หนังสือ ศิลปะ ภาพยนตร์ และการเต้นรำ”

เธอยังระบุด้วยว่า “อิสราเอลนั้นก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 70 ก่อนเพื่อเป็นที่พำนักของผู้ลี้ภัยจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่การกระทำทารุณด้วยความโหดร้ายในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่านิยมชาวยิวของฉัน เพราะฉันห่วงอิสราเอล ฉันจึงต้องยืนหยัดต่อสู้กับความรุนแรง การทุจริต ความเหลื่อมล้ำ และการใช้อำนาจในทางที่ผิด”

นาตาลียังขอร้องผู้ติดตามเธอในอินสตาแกรมว่า “อย่าเชื่อคำพูดใดๆ ที่ไม่ได้ออกมาโดยตรงจากฉัน ที่เป็นของฉันเอง”

เธอจบข้อความด้วยการระบุว่าเธอจะบริจาคเงินรางวัลมูลค่า 2 ล้านเหรียญให้แก่องค์กรการกุศลของอิสราเอลที่จะได้รับการระบุต่อไป



ก่อนหน้านี้หลังรู้ข่าว รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอิสราเอล “นายมิริ รีเกฟ” (Miri Regev) ประณามการตัดสินใจนี้ของดาราฮอลลีวูดชื่อดัง โดยกล่าวว่า “ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบว่า นาตาลี พอร์ตแมน กลายเป็นผู้สนับสนุนบีดีเอส (BDS องค์กรเคลื่อนไหวสนับสนุน สิทธิอันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ที่มีสาขาในหลายประเทศทั่วโลก) นักแสดงหญิงชาวยิว ที่เกิดในอิสราเอล เข้าร่วมกับผู้ที่บอกว่าความสำเร็จในการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์อันมหัศจรรย์ เป็น ‘เรื่องของความอันธการและชั่วร้าย’ ”

ส.ส.พรรคลิคุดออกโรงตะเพิด เรียกร้องถอนสัญชาติอิสราเอล
ด้านนายโอเรน ฮาซาน (Oren Hazan) สมาชิกสภาอิสราเอลจากพรรคลิคุด ได้ออกมาประณามนาตาลีพร้อมเรียกร้องให้รัฐมนตรีมหาดไทยอิสราเอลถอนสัญชาติของเธอ ตามมรายงานของอิสราเอลเนชันแนลนิวส์

“ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ความคิดในการให้รางวัลเจเนซิส กับนาตาลี พอร์ทแมน นับเป็นความฟั่นเฟือนอย่างไร้ที่ติ” ฮาซานกล่าวและว่า “เธอเป็นชาวยิวอิสราเอลคนหนึ่งที่มือข้างหนึ่งใช้สถานที่เกิดของเธอเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ และอีกข้างหนึ่งรู้สึกภูมิใจกับความจริงที่ว่าเธอพยายามบ่ายเบี่ยงว่ามิใช่ผู้สนับสนุนบีดีเอส เธอเป็นนักแสดง แต่เธอไม่คู่ควรกับเกียรติใดๆ ในรัฐอิสราเอลแห่งนี้”

“ผมขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกการเป็นพลเมืองอิสราเอลของ นาตาลี เธอออกจากอิสราเอลตอนอายุสี่ขวบ และไม่มีความเชื่อมต่ออย่างแน่แท้แล้วกับรัฐแห่งนี้”

ขณะที่ไทมส์ออฟอิสราเอลก็รายงานว่า นายกิลาด อิร์ดาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ก็ออกมาประณามนาตาลี พอร์ตแมนเช่นกันว่า ถูกหลอกจากการโหษณาชวนเชื่อของ “ฮามาส” กลุ่มขบวนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์

“ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่คุณกำลังพูดถึงคือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่ชายแดนของเรากับกาซา” และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เขียนถึงนาตาลี

“ช่างน่าเศร้าที่ดูเหมือนว่าคุณได้ตกเป็นเหยื่อการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดๆ และโกหกเกี่ยวกับกาซาที่ดำเนินการโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายของฮามาส” เขายังได้กล่าวเชิญชวนให้เธอเดินทางไปที่ชายแดนที่ซึ่งชุมชนและทหารของกองกำลังอิสราเอลกำลังปกป้องมัน

ทั้งนี้รางลัล “เจเนซิส ไพรซ์” (Genesis Prize) เปรียบได้กับรางวัลโนเบลของชาวยิว ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 (พ.ศ. 2555) เพื่อมอบแก่ชาวยิวที่ได้รับการยอมรับและเป็นเลิศในสาขาของตน รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาความรู้สึกภาคภูมิใจของชาวยิวทั่วโลก โดยผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเงินสดมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ปีนี้นาตาลี ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ได้รับรางวัล ซึ่งมีกำหนดจัดพิธีมอบในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้


http://www.publicpostonline.net/16897

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว #อย่ายอมให้เรื่องจบง่ายๆ เมื่อ 8 เครือข่ายนัดเคลื่อนไหวหน้ากรมปศุสัตว์เพื่อกดดัน นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีฯกับพวกลาออกรับผิดชอบ #โรคพิษสุนัขบ้าระบาดจากวัคซีนปลอม ชี้ต้นเหตุคนเสียชีวิต 7 ราย ดีเดย์รวมพล 24 เมษายนนี้ #ใครว่างก็เชิญนะคะ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตน์พงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนผู้รักสุนัข แมว และรักความเป็นธรรม ร่วมชุมนุมโดยพร้อมเพียงกันกับ 8 องค์กร โดยนัดหมายให้ออกมาพบกันวันที่ 24 เมษายนนี้เพื่อร่วมแสดงจุดยืนที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องให้อธิบดีกรมปศุสัตว์กับพวกแสดงความรับผิดชอบต่อการระบาดของพิษสุนัขบ้าจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 คน และมีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ด้วยการลาออก

อนึ่ง ทางชมรมฯได้ทำหนังสือขออนุญาตตาม พรบ.ชุมนุมสาธารณะตามกฎหมายต่อผู้กำกับ สน.พญาไท ซึ่งได้รับการอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนทุกท่าน มาร่วมกันแสดงออกเพื่อปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในครั้งนี้ เพื่อให้ข้าราชการที่ทุจริตต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย
-----------------------------------
Source : http://www.komchadluek.net/news/regional/322190

 

#มอร์มูฟสาระ เป็นบทความที่อ่านแล้วดีต่อใจมากค่ะ เกี่ยวกับ #การแก้ปัญหาการข่มขืนอย่างยั่งยืน โดยระบุว่า #เลิกโทษเหยื่อ ก่อนเลยเป็นอันดับแรก!! #อยากให้อ่าน #อย่าเลื่อนผ่าน

เคยสังเกตไหมคะ!!? พอเกิดเรื่องทำนองนี้ในประเทศไทย #คนทั่วไปมักเพ่งความสนใจไปที่เหยื่อมากกว่าผู้ข่มขืน มักมีวาทะเด็ดๆ แต่บาดใจเหยื่อราวกับถูกข่มขืนซ้ำๆ ทางสังคมประมาณว่า "ผู้เสียหายหน้าตาเป็นยังไง หน้าตาดีมั้ยถึงโดนข่มขืน? แต่งตัวโป๊มั้ย? ให้ท่าหรือเปล่า? อ่อยมั้ย? ไปเดินที่เปลี่ยวหรือเปล่า? เมามั้ย? เหตุเกิดที่ไหน คอนโดตัวเองให้เค้าเข้ามาทำไม เป็นเด็กใจแตกหรือเปล่า? ที่ร้องไห้เสียใจนั่นเสเสร้งมั้ย?"

เหล่านี้คือแนวโน้ม #โทษเหยื่อทางสังคม ทั้งโดยรู้ตัวและเผลอสนุกปากอะไรก็แล้วแต่ (ฮึ่ม!!) ซึ่งการโทษเหยื่อในสังคมไทยก้าวไกลไปมาก อาจเพราะแนวคิดที่เชื่อว่าชายเป็นใหญ่ยังมีอิทธิพลอยู่มากในสังคม ทำให้เกิดความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ถ้าผู้หญิงให้ท่า ให้โอกาส จนผู้ชายเกิดอารมณ์ทางเพศและก่อการข่มขืน มันเป็นเรื่องที่เป็นธรรมชาติ เพราะผู้ชายต้องจ้องจะสืบพันธุ์ ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน (ฮึ่ม!!!!)

ทั้งนี้ อันที่จริงสังคมควรจะตระหนักได้แล้วว่า #ไม่ว่าใครไม่ว่าจะเพศอะไรก็ไม่ควรโดนข่มขืนหรือโดนล่วงละเมิดทางเพศ และ #เหยื่อไม่มีความผิดในทุกกรณี ต่อให้มีหญิงสาวหน้าตาดีเดินแก้ผ้าในซอยเปลี่ยวก็ไม่ควรมีใครหน้าไหนมีสิทธิแม้แต่จะคิดที่จะข่มขืนเธอ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้คนมีสิทธิที่จะละเมิดกันและกัน โดยนี่เป็น 5 วิธีคิดเพื่อช่วยแก้ปัญหาการข่มขืนได้อย่างยั่งยืน #เปลี่ยนความคิดความเชื่อเสียใหม่ #เพราะการข่มขืนเป็นอาชญากรรม

#ไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยง การจะเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมได้มีองค์ประกอบ 3 ประการคือ เหยื่อ โอกาส และ อาชญากร ในเมื่อเราซึ่งเป็นเหยื่อมองหน้าแล้วไม่รู้ว่าใครคืออาชญากรบ้าง ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไม่ให้อาชญากรมีโอกาสในทุกกรณีเพื่อรักษาสวัสดิภาพของตนเอง อย่างไรก็ตามข้อความนี้เป็นแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นไม่ใช่การกล่าวโทษใครทั้งสิ้น

#การไม่โทษเหยื่อ เพราะการโทษเหยื่อ ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ ก็ตาม เช่น โทษที่เธอแต่งตัวโป๊ นอนคอนโดผู้ชาย เมา ฯลฯ กำลังทำให้เราละเลยความจริงที่ว่า #ไม่ว่าใครก็ตามไม่ควรโดนล่วงละเมิดทางเพศ และ #ไม่มีใครมีสิทธิล่วงละเมิดผู้อื่นไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม

#ส่งเสริมการเคารพสิทธิเสรีภาพของเพื่อนมนุษย์ #ถ้าทุกคนในสังคมเคารพสิทธิเสรีภาพของกันและกันการล่วงละเมิดกันจะไม่เกิดขึ้น แน่นอนว่าข้อนี้ยากมากถึงมากที่สุดในประเทศที่ยังถามซักเหยื่อข่มขืนอยู่ว่า “หนูโดนท่าไหน เสียวมั้ย โดนกี่ที?” ในประเทศที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้ควรมีหน้าที่ปกป้องเหยื่อถามคำถามเหล่านี้ราวกับการข่มขืนเหยื่อซ้ำๆ #วิธีการเหล่านี้ทำให้เหยื่อไม่กล้าเข้าแจ้งความ และทำให้อาชญากรสามารถก่อคดีซ้ำๆ และยังลอยนวลต่อไปเรื่อยๆ

#หากเป็นผู้เสียหายต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต่อจากประการที่สามคือต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากที่จะลุกขึ้นมาเอาเรื่องผู้ก่อเหตุ แต่สังคมไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ก็จากผู้กล้าเหล่านี้ และภาครัฐควรปกป้องและสนับสนุนคนเหล่านี้ ไม่ใช่ไปสนับสนุนนักข่มขืน

#ปรับโทษข่มขืนให้มีความเหมาะสม เช่น การฉีดยาระงับความต้องการทางเพศอย่างที่ประเทศเกาหลีใต้ทำ ซึ่งน่าจะสมเหตุสมผลกว่าการจับติดคุกไม่กี่เดือนหรือปรับไม่กี่บาท
-------------------------------------
Source :

 

สิ่งที่เคนย่ากำลังเผชิญ รอยแยกขยายตัวไปเรื่อยๆ

شق كينيا يواصل طريقه بشكل مستمر ومخيف
الى اين ؟هل ستنفصل حقا حسب مزاعم السكان المحليين ؟

 

อำลา บาบาร่า บุช อดีตสุภาพสตรี หมายเลข 1 สหรัฐอเมริกา

FINAL GOODBYE TO BARBARA - Watch live as family, friends and loved ones begin arriving for former First Lady Barbara Bush's funeral at St. Martin's Episcopal Church
LATEST: https://bit.ly/2HNQj3e