อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -unseen-thailand-พิธีอุ้มพระ-สงฆ์.jpg

    คลิป Unseen Thailand พิธีอุ้มพระ (สงฆ์) สรงน้ำ
    ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑
    เอือ้เฟื่อโดย ชมรมโมทนาบุญพลังจิตคลิป Unseen Thailand พิธีอุ้มพระ (สงฆ์) สรงน้ำ ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕….
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ขอเชิญทุกท่านร่วมงานทำบุญประจำปีบ้านเติมบุญ พุทธศักราช ๒๕๖๑

    กำหนดการ
    วันเสาร์ที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

    เวลา ๐๗.๓๐ น. บวงสรวง
    เวลา ๐๘.๓๐ น. พระอาจารย์รับสังฆทานตามปกติ
    เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์ ๙ รูป เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล

    โมทนาค่ะ

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ภาพงานทำบุญวันสงกรานต์วัดท่าขนุน ๒๕๖๑
    วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ ทำบุญวันสงกรานต์
    วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๑ วันสงกรานต์ อุ้มพระสรงน้ำ

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุนค่ะ

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post209141">#post209141” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=209141 #post209141

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    เราเกิดมาในกองทุกข์ ยืน เดิน นั่ง นอนอยู่บนกองทุกข์ตลอดเวลา
    ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วที่จะไม่กระทบกระทั่งกับความทุกข์นั้นไม่มี
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    -ยืน.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    คาถาช่วยให้เจ้านายเมตตา

    ถาม:
    มีคาถาจัดการเจ้านายโหดหรือว่าคนที่สูงกว่าแล้วเขาทำตัวแบบไม่ค่อยมีเหตุผล ใช้แต่อารมณ์ไหมคะ ?
    ตอบ: ภาวนาคาถานี้ดีกว่าเพราะได้ทั้งสองฝ่าย คือตัวเราก็ได้สมาธิด้วย ขณะเดียวกันผลของคาถาก็ทำให้เจ้านายรักและเมตตาเราด้วย แต่ระวังเอาไว้นะ..เขาจะดีกับเราแบบผิดปกติ ต่อไปอาจจะถมงานมาให้เราเยอะกว่าเดิมอีก รักมากก็ให้มาก

    คาถาเมตตาหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ว่า “พระอะระหัง สุคะโต ภะคะวา นะ เมตตาจิต” ถึงเวลาก่อนไปทำงานก็ให้นึกถึงหน้าเจ้านายแล้วว่าคาถานี้ไปเรื่อย ๆ จนใจสบาย ภาวนาสัก ๒๐ นาที ถึงครึ่งชั่วโมง หรือไม่ก็ในระหว่างเดินทางอยู่ ให้นึกถึงหน้าเขาแล้วภาวนาว่าไปเรื่อย ๆ แล้วคอยดูผลที่ออกมาจะต่างจากเดิมเป็นฟ้ากับดินเลย

    พระอะระหัง สุคะโต ภะคะวา นะ เมตตาจิต
    จำให้ได้แล้วภาวนาไปเรื่อย ๆ ตอนแรกว่าจะให้คาถา “วัวกินนมเสือ” หรือ “หนูกินนมแมว” ถ้าได้ไปไม่สนุกแน่ ยกเว้นผู้ที่แสวงหาความตื่นเต้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กำลังกิน ๆ อยู่จะโดนตบชักหรือเปล่า ?! ฉะนั้น…เอาคาถาบทนี้ไปดีกว่า เพราะทำแล้วจะได้ผลดีอย่างเดียว

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -รุ่.jpg

    กำหนดการบวชเนกขัมมะ รุ่นที่ ๔/๒๕๖๑

    กำหนดการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๔/๒๕๖๑
    วันศุกร์ที่ ๒๗ ถึง วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

    วันศุกร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ (วันอาสาฬหบูชา หยุดราชการ งดบิณฑบาต)

    เวลา ๐๘.๐๐ น. ตรวจสอบรายชื่อและลงทะเบียนผู้สมัครบวชเนกขัมมะเฉลิมพระเกียรติ
    เวลา ๐๘.๓๐ น. พิธีบวชเนกขัมมะเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๔/๒๕๖๑
    เวลา ๐๙.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาวันอาสาฬหบูชา ๑ กัณฑ์
    เวลา ๐๙.๓๐ น. เจริญพระพุทธมนต์ รับถวายภัตตาหารสังฆทานและร่วมกันหล่อเทียนพรรษา
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ – สามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๔.๐๐ น. พระภิกษุสงฆ์ลงอุโบสถฟังพระปาฏิโมกข์และอธิษฐานพรรษา
    เวลา ๑๕.๐๐ น. เริ่มวางผางประทีป
    เวลา ๑๗.๓๐ น. ตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ถวายเป็นพุทธบูชา
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำ (รอบเดียว)
    เวลา ๒๐.๐๐ น. เวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา
    เวลา ๒๑.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

    วันเสาร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ (วันเข้าพรรษา หยุดราชการ งดบิณฑบาต)
    เวลา ๐๔.๐๐ น. พระอาจารย์นำเจริญพระกรรมฐาน
    เวลา ๐๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้า
    เวลา ๐๖.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๐๘.๐๐ น. พระอาจารย์รับสังฆทานและสนทนาธรรมกับญาติโยม
    เวลา ๐๙.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาวันเข้าพรรษา ๑ กัณฑ์
    เวลา ๐๙.๓๐ น. เจริญพระพุทธมนต์ รับถวายภัตตาหารสังฆทาน
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๕.๐๐ น. พักผ่อน ทำธุระส่วนตัว
    เวลา ๑๖.๓๐ น. ร่วมกันทำความสะอาดวัด
    เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง
    เวลา ๑๙.๓๐ น. พระภิกษุสามเณรจับสลากสังฆทานสลากภัต
    เวลา ๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

    วันอาทิตย์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ (วันหยุดราชการ)
    เวลา ๐๔.๐๐ น. พระอาจารย์นำเจริญกรรมฐาน
    เวลา ๐๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้า
    เวลา ๐๖.๐๐ น. พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาต อนุญาตให้ผู้ปฏิบัติธรรมไปใส่บาตรในตลาดได้
    เวลา ๐๗.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงเช้า (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๕.๐๐ น. พักผ่อน ทำธุระส่วนตัว
    เวลา ๑๖.๓๐ น. ร่วมกันทำความสะอาดวัด
    เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง
    เวลา ๑๙.๓๐ น. พระภิกษุสามเณรจับสลากสังฆทานสลากภัต
    เวลา ๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

    วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ (วันหยุดชดเชย)
    เวลา ๐๔.๐๐ น. พระอาจารย์นำเจริญกรรมฐาน
    เวลา ๐๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้า
    เวลา ๐๖.๐๐ น. พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาต อนุญาตให้ผู้ปฏิบัติธรรมไปใส่บาตรในตลาดได้
    เวลา ๐๗.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงเช้า (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. พิธีลาศีล ๘ รับศีล ๕ รับวุฒิบัตรผู้เข้าปฏิบัติธรรม
    เวลา ๑๔.๐๐ น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

    ———————

    ท่านที่ไม่สะดวกลงชื่อสมัครบวชหน้ากระทู้นี้ สามารถลงชื่อได้ทางอีเมล์ที่ Email: watthakhanun.com@gmail.com

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post209324">#post209324” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=209324 #post209324

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    สิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ต้องทำก็คือ ชำระใจของเราให้ผ่องใส
    เพื่อจะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์เสียที
    ถ้าหากมัวแต่ไปให้คนอื่นเขายึดมั่นถือมั่นในตัวของเรา
    และมาดึงให้เราติดอยู่ด้วย ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ถูกต้อง
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    [​IMG]

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง เป็นหลักธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศขึ้น ท่ามกลางความเชื่อของบุคคลในยุคนั้น ที่แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่ายด้วยกัน ฝ่ายแรกเชื่อว่าการปฏิบัติอย่างเข้มงวด เคร่งครัดด้วยการทรมานตนนั้น จะทำให้บรรลุโมกษะ คือเข้าสู่ความหลุดพ้นได้ อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าการคลุกคลีอยู่กับกามสุขต่าง ๆ นั้น ถ้ามีมากจนเบื่อ ก็จะทำให้บรรลุโมกษะได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด แต่ผู้คนในยุคนั้นก็น้อมจิตเชื่อไปในทาง ๒ สายนี้

    เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกาศทางสายกลางขึ้นมา จึงกลายเป็นหลักการใหม่ แต่เป็นหลักการใหม่ที่เพิ่งปรากฏขึ้น ในท่ามกลางความเชื่ออย่างฝังหัวของหลักการเก่า ๆ เราจะเห็นได้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ประกอบด้วยความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง ในการที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของบุคคล การที่พระองค์ท่านกล้าหาญถึงขนาดนั้น เนื่องจากว่าพระองค์ท่านถึงพร้อมด้วยทศพลญาณ ๑๐ ประการ สามารถที่จะรู้ว่าบุคคลใดที่มีวิสัยจะเข้าถึงมรรคผล ก็เสด็จไปโปรดสงเคราะห์บุคคลนั้น ๆ เมื่อประกาศหลักธรรมที่ประกอบด้วยทางสายกลาง บุคคลที่มีปัญญา มีวิสัยที่จะบรรลุมรรคผล ตรองตามแล้วเห็นจริง จึงน้อมใจเชื่อ รับเอาหลักธรรมไปปฏิบัติ จนกระทั่งสามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์ได้

    เราจะเห็นได้ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยแรกเริ่มที่ทรงประกาศพระศาสนานั้น ต้องต่อสู้กับความเชื่อเก่า ๆ อย่างนี้ อย่างชนิดที่เรียกว่า ลำบากยากเข็ญเป็นอย่างยิ่ง เพราะบุคคลส่วนใหญ่มีความเห็นผิดไปอย่างนั้นเสียแล้ว เมื่อพระพุทธศาสนาของเราดำเนินมา ๒๕๕๖ ปีอย่างปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะในประเทศไทยของเรา เมื่อกล่าวถึงสายกลาง พวกเรายอมรับได้โดยง่าย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะปฏิบัติได้ถูกต้อง เนื่องจากทางสายกลางนั้น ไม่มีจุดพอเหมาะพอดีที่ขีดเป็นมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ได้ เพราะทางสายกลางของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่สั่งสมมา และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายในปัจจุบัน บุคคลที่สั่งสมบุญญาบารมีมาดี มีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ทางสายกลางที่ท่านเหล่านั้นปฏิบัติ สำหรับเราอาจจะเห็นว่าเป็นอัตตกิลมถานุโยค คือทรมานตัวเองด้วยซ้ำไป

    เมื่อเป็นดังนั้น..เราจะพิจารณาอย่างไรว่า ทางสายกลางที่พอเหมาะพอควรกับเราคืออะไร สิ่งนี้เราจะรู้ได้จากการปฏิบัติภาวนาของเรา สมมติว่าเราตั้งเวลาการภาวนาของเราไว้ ๓๐ นาที เมื่อครบเวลาแล้ว ถ้ารู้สึกว่ายังสามารถปฏิบัติต่อไปได้ ก็ลองเพิ่มเวลาขึ้นไปอีกสัก ๒ – ๓ นาที หรือ ๕ นาที ถ้าทำดังนี้เราก็จะรู้ได้ว่า กำลังของเราเต็มที่ได้แค่ไหน

    แต่ขณะเดียวกันก็ให้ระมัดระวังด้วยว่า เรื่องของกิเลสจะมาหลอกลวงเรา บอกว่าไม่ไหวแล้ว..พอแล้ว ถ้าไม่ไหวแล้ว..พอแล้ว ให้ทุกคนลองฝืนดู ถ้าสามารถฝืนแล้วไปต่อได้ แสดงว่าเมื่อครู่นี้กิเลสหลอกเรา แต่ถ้าฝืนแล้วไปต่อไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งทิ้งการภาวนา แต่ให้เปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่นแทน

    อย่างสมัยก่อนที่อาตมาปฏิบัติภาวนาใหม่ ๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะค่อย ๆ มอบคาถาให้ทีละบท พอไปทำจนเกิดผล มารายงานผลต่อท่าน เมื่อท่านรับรองแล้วก็ให้คาถาบทใหม่ไปภาวนา เมื่อจะภาวนาของใหม่ ท่านให้ทวนของเก่าให้กำลังใจทรงตัวก่อน แล้วจึงภาวนาของใหม่ เมื่อนานไปคาถาก็มีมากบทขึ้น เป็นสิบ ๆ บท เมื่อเราต้องทวนของเก่าก่อนค่อยมาภาวนาของใหม่ ก็ทำให้ระยะเวลาในการปฏิบัตินั้นยืดยาวขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อระยะเวลายืดยาวขึ้นไปเรื่อย ๆ จากที่เราคิดว่านั่งกรรมฐาน ๓๐ นาทีก็แย่แล้ว กลายเป็นว่าบางที ๒ – ๓ ชั่วโมง สมาธิจิตก็ยังไม่คลายออกมา เนื่องจากสภาพจิตรู้ว่ายังมีงานทำอยู่ ยังภาวนาไม่ครบตามที่เคยตั้งไว้ เมื่อจิตไม่คลายออกมา เราก็สามารถดำรงอยู่ในสมาธิ อยู่ในความปราศจากรัก โลภ โกรธ หลงได้นานขึ้นเรื่อย ๆ

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะเห็นได้ว่า การปฏิบัตินั้น..ถ้าเราทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอในสายกลางที่พอเหมาะพอดีแก่ตนเองแล้ว ความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ แต่ถ้าเราทำผิด ทำพลาด หรือไปเชื่อกิเลสว่าทำแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะก้าวหน้าก็ไม่มี

    องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศทางสายกลางมา ๒,๖๐๐ ปีแล้ว มาถึงเราในปัจจุบัน หลักธรรมนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เหมาะสม ปฏิบัติได้ทุกวาระ ทุกโอกาส ดังนั้น..ให้พวกเราทั้งหลายหาจุดที่พอเหมาะพอดีในการปฏิบัติภาวนาของตน ในทางสายกลางของแต่ละคน เมื่อได้จุดที่พอเหมาะพอดีแล้ว ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำไป จนกว่าผลทั้งหลายเหล่านั้นจะเกิดขึ้นแก่เราอย่างแท้จริง

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ให้ทำใจสบาย ๆ คิดว่าธรรมดาของร่างกายก็เป็นอย่างนี้
    ธรรมดาของโลกเราก็เป็นอย่างนี้
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    -ๆ-คิดว่าธรรม.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    หักห้ามใจจากสิ่งเย้ายวน


    สิ่งที่เย้ายวนใจขนาดนั้นอยู่ตรงหน้า แล้วสามารถหักห้ามใจได้ ถ้าเราทำอย่างนั้นได้ เรื่องการสู้กิเลสก็เป็นเรื่องเล็กมาก ถ้าเรื่องขนาดนั้นยังห้ามใจตัวเองได้ เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่านั้นหรอก

    ถาม : ใช้กำลังตรงนี้หักห้ามใจ เหมือนกับว่าห้ามทั้งชีวิตเลยนะคะ ต้องใช้กำลังใจสูงมาก เหมือนแทบเอาชีวิตเราไปเลย
    ตอบ : เรายังไม่มีประสบการณ์ อาตมาเจอประเภทที่เขาหันหลังไปแล้วน้ำตาไหล เราเองหัวใจจะขาดรอน ๆ ต้องบอกว่าโชคดีที่ไม่เจออย่างนั้น เพราะอาจจะวิ่งตามเขาไปเลย

    มาดูถึงตัวเอง เขามาทวงสัญญาจะให้สึก เราก็พยายามหนี โดยอ้างว่า พระไม่สามารถจะอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองได้ เขาก็ไปหาเพื่อนผู้ชายมา ตามไปทุบประตูเรียกมาเจรจา อยากจะบอกว่า ที่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะกำลังของครูบาอาจารย์ท่านช่วย

    ตอนช่วงนั้นมันเหมือนกับเรารู้ว่า นี่เป็นศึกสงครามครั้งสุดท้าย ถ้าไม่เขาตาย เราก็ตาย..! เหมือนกับกำลังของเราทั้งหมดที่สั่งสมมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนั้นมารวมตัวกันหมด นิ่งสุด ๆ จริง ๆ ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนทั้งน้ำตาขนาดไหนเราก็เฉย..!

    ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับเป็นหินใหญ่อยู่กลางสายน้ำ ไม่ว่าสายน้ำจะไหลมาอย่างไร มีแต่ต้องแหวกออกข้างไปเอง เราไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก พอปฏิเสธประโยคสุดท้ายออกไป เขาหันหลังร้องไห้ วิ่งหนีไปเลย

    เมื่อรู้สึกว่าเขาพ้นจากตรงหน้าแล้ว สมาธิเราก็คลายตัว โอ้โห..คราวนี้เกือบตายเลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับไม่มีกำลังเหลือ ถ้าเขาเหลียวมานิดเดียว เราจะตามเขาไปเลย โชคดีเขาไม่เหลียวมา เขาไปแล้วไปเลย

    ปกติเวลาที่เขาขับรถกลับ เขาก็จะต้องผ่านกุฏิ เราก็ไปยืนจ้องตรงหน้าต่าง “ถ้ามองมานิดเดียว จะตามไปเลย” เขาก็ไม่มอง นี่ถ้าไม่ใช่ครูบาอาจารย์ช่วยก็เสร็จไปแล้ว แค่เขาเหลือบมานิดเดียวก็จะตามไปเลย ฉะนั้น..อย่าให้เจออย่างนั้น ถ้าเจอแล้วกำลังไม่พอ..เสร็จแน่..! ตูสะสมกำลังมาสิบกว่าปี พลังวัตรยังไม่พอเลย..!

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ถ้าเราจับจุดใดจุดหนึ่งใน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ชอบใจได้
    ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำจนเกิดผล
    แล้วหลังจากนั้นถ้ายังมีอารมณ์จะทำต่อ ค่อยขยับไปที่อื่น
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ขอเชิญรับฟังการถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์


    เนื่องด้วยคณะผู้ดูแลกระดานสนทนาวัดท่าขนุน ได้กราบเรียนขออนุญาตจากพระอาจารย์ (พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.) ในการดำเนินการจัดตั้งระบบการถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์ ในวาระครบรอบ ๘๐ ปี แห่งการมรณภาพ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค) ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

    วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๑
    (ถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เป็นต้นไป จนกระทั่งจบงาน)

    เพื่อให้ผู้ที่อยู่ทางไกล ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์ ในวาระครบรอบ ๘๐ ปี แห่งการมรณภาพ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค) ด้วยตนเอง มีโอกาสได้รับฟังเสียงถ่ายทอดสด จะได้ร่วมกันกำหนดจิตน้อมใจร่วมสวดพระคาถาไปพร้อม ๆ กัน

    จึงใคร่ขอเชิญสาธุชนทั้งหลาย ที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์ ในวาระครบรอบ ๘๐ ปี แห่งการมรณภาพ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค) รับฟังการถ่ายทอดเสียงสดจากบ้านวิริยบารมี ในช่องทางที่จะได้ประกาศต่อไปนี้ร่วมกัน

    ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ มา ณ ที่นี้

    การรับฟังการถ่ายทอดสดเสียง
    ท่านสามารถรับฟังการถ่ายทอดเสียงสด ตามวันและเวลาดังกล่าว

    โดยท่านสามารถคลิกเปิดฟังได้ที่ลิงค์นี้

    ———————————————————————-

    สำหรับ iphone และ ipad สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า fstream แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิด fstream ขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    more->Setting จากนั้นเปิด Cellular network เพื่อให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ (สำหรับใครที่ใช้ WIFI อยู่แล้ว ไม่ต้องเปิดค่านี้)

    จากนั้นให้เลือกเมนู

    Favorites->Edit->Add new web radio

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Name : Watthakhanun
    URL : http://210.1.51.131:8000
    Encoding : UTF8

    จากนั้นกด Save แล้วเลือกเมนู Play->Watthakhanun

    ———————————————————————-

    สำหรับ android สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า A Online Radio แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Live->Add Channel

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Channel URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด Add แล้วเลือกเมนู Favorites->Unname Server

    ———————————————————————-

    สำหรับ android ท่านที่เพิ่งโหลดแอพใหม่

    เนื่องจาก app “A Online Radio” เปลี่ยนชื่อเป็น “Online Radio” แล้ว

    ท่านสามารถฟังผ่าน app ชื่อ Online Radio แล้วทำการ install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Station > กด + (มุมบนขวา)

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Station Name : Watthakhanun
    Stream URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด DONE

    แล้วเลือกเมนู Your station > Watthakhanun.com

    จากนั้นกด Play (มุมขวาล่าง)

    ———————————————————————-
    หรือ You Tube โดยค้นจากชื่อ Account “Sapanboon Channel”

    หมายเหตุ:
    – การถ่ายทอดเสียงจะช้ากว่าเวลาจริงประมาณ ๑ นาที
    – หากเสียงมีการขาดหายไปเป็นช่วง ๆ ไม่นานนัก (ประมาณไม่เกิน ๓ วินาที) ขอให้ท่านรับฟังต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของระบบ
    – หากเสียงขาดหายไปเป็นเวลานานมากกว่านั้น ให้ท่านลองรีเฟรชหน้านั้นอีกครั้ง

    ++++++++++++++

    รายละเอียด เพิ่มเติม ดังนี้

    ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ได้กราบนิมนต์พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เป็นประธานนำสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์ทุกพระองค์ โดยมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษีฯ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และหลวงปู่สาย เป็นที่สุด

    วันจัดงาน : พระอาจารย์เมตตารับนิมนต์เป็นประธานนำสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๑
    เวลา : ๐๗.๐๐ น. – ๑๑.๐๐ น. (เริ่มสวดประมาณ ๐๘.๐๐ น.) ซึ่งเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (วันพระใหญ่)

    ทั้งนี้ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ โดยปกติจะเป็นวันวิสาขบูชา แต่ในปีนี้มีเดือน ๘ สองครั้ง วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ แทน ดังนั้นวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๑ จึงเป็นวันอันเป็นมงคลในการจัดงาน

    สำหรับสถานที่จัดงาน : ห้องจัดเลี้ยง อาคาร ๙ ชั้น ๑ บมจ.ทีโอที สำนักงานใหญ่ ถ.แจ้งวัฒนะ ภาพนะครับ

    ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/motanaboon….48?pnref=story

    ขอให้ทุก ๆ ท่าน ร่วมเป็นทีมงานในการจัดงานร่วมกันนะครับ งานนี้ทำเพื่อบูชาพระคุณครู เหมือนที่เราเคยช่วยกันเมื่อครั้งจัดสวดที่เซ็นทรัล เวิร์ล เมื่อหลายปีก่อนครับ

    ที่ผ่านมา เราอยู่ด้วยกันมานานอาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรามีครูบาอาจารย์คนเดียวกัน คือ พระอาจารย์ และในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จะมีงานใหญ่ของทุกคน นั่นคืองานทำบุญฉลอง ๖๐ ปี ของพระอาจารย์อันเป็นที่รักและเคารพของเรา

    ดังนั้นในการสวดพระคาถาเงินล้านในปีนี้ เราจะถวาย “อภัยทานให้กันและกัน” น้อมถวายความดีนี้แด่บูรพาจารย์ โดยเราจะรวมพลังความรักและความสามัคคีในหมู่พี่น้อง ร่วมกันจัดงานทำบุญฉลอง ๖๐ ปี ของพระอาจารย์ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ดีที่สุดในชีวิตของเราทุกคน

    โมทนา

    ที่มา https://www.facebook.com/motanaboon….48?pnref=story
    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=209628

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อารมณ์ตัดร่างกาย


    ถาม: แล้วอย่างอารมณ์ตัดร่างกายนี้ ตัดตอนไหน ? หรือว่าตัดทุกตอนครับ ?
    ตอบ: ต้องรู้สึกเสมอว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถึงจะเรียกว่าตัดร่างกาย

    การปฏิบัติจะมี วิขัมภนวิมุตติ คือ หลุดพ้นด้วยความข่มไว้ ตทังควิมุตติ หลุดพ้นด้วยองค์ของวิปัสสนาญาณนั้น ๆ เป็นต้น แต่สำคัญตรงที่ สมุทเฉทวิมุตติ หลุดพ้นโดยเด็ดขาด

    เพราะฉะนั้น..ที่บอกว่า ตัดร่างกายตัดอย่างไร ? ก็ต้องรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีความต้องการร่างกายนี้อีก ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายเช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว ให้ทรงอารมณ์อย่างนี้เป็นปกติ ให้เป็นสมุทเฉทวิมุตติ ตัดโดยเด็ดขาดและสิ้นเชิง จึงจะไม่มีการกำเริบใหม่อีก

    ถาม: อย่างที่เราคิดว่าเราไปตัดกิเลสอย่างนั้นอย่างนี้ จำเอาใช่ไหมครับ ?
    ตอบ: ถ้าหากว่าเป็นสัญญาก็ได้แค่จำ เหมือนกับว่าจำไปตอบ อย่างเช่น รู้ว่าต้องตอบอย่างนี้ ครูถึงบอกว่าถูก กลัวเสียหน้าก็เลยตอบไปตามนั้น แต่จริง ๆ แล้วใจยังไม่ยอมรับ ถ้าใจยอมรับจริง ๆ อย่างเช่น

    กำลังใจรู้อยู่เสมอว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา พอไปเห็นร่างกายคนอื่น ก็เห็นว่านั่นไม่ใช่ของเขา และไม่ใช่ของเราด้วย ก็จะไม่เกิดความอยากได้ใคร่ดีในร่างกายของคนอื่นเขา จึงจะเป็นปัญญาที่ยอมรับตามความเป็นจริง แต่ถ้าเป็นสัญญาก็แค่จำได้เท่านั้น ตัดไม่ได้ ละไม่ออก

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    อย่าให้ตัวเราต้องเป็นทุกข์เป็นโทษแก่ผู้อื่น
    แม้ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจเลย
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๑
    กำหนดการโดยย่อ
    ๗.๔๕ น. เริ่มงาน จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล ๘ และสมาทานพระกรรมฐาน
    ๘.๐๐ น. สวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์ และถวายผ้าป่าสามัคคีหลังสวดจบ
    ๑๐.๐๐ น. รับฟังโอวาทจากพระอาจารย์
    ๑๑.๐๐ น. สิ้นสุดงาน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -เม.jpg

    มีญาติโยมถามปัญหาว่า เมื่อปฏิบัติไปแล้วเข้าถึงความว่าง จะทราบได้อย่างไรว่าความว่างนั้นเป็นความว่างแบบไหน ? ซึ่งความว่างในการปฏิบัติของเรานั้นมีหลายระดับชั้นด้วยกัน

    ความว่างระดับแรกก็คือ สติ สมาธิ เริ่มทรงตัวเป็นฌาน ถ้าอย่างนี้ รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ จะโดนอำนาจของฌานกดดับลงไปชั่วคราว สภาพจิตที่เคยรุงรังด้วยกิเลสต่าง ๆ ก็สงบราบเรียบลง เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับตัวเองมาก่อน ก็จะรู้สึกว่าง เบาสบายอย่างยิ่ง อย่างนี้เรียกว่าว่างเพราะอำนาจของฌานสมาบัติกดทับกิเลสเอาไว้

    ความว่างระดับต่อไป คือ ความว่างในอากาสกสิณ เป็นการกำหนดช่องว่างส่วนใดส่วนหนึ่งจับมาเป็นนิมิตในการภาวนา ถ้าเป็นในลักษณะอย่างนั้นจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่เคยมีของเก่าในอดีต ฝึกเกี่ยวกับอากาสกสิณมาก่อน เมื่อทำไปจนสมาธิเริ่มทรงตัว ของเก่ากลับคืนมา เกิดปฏิภาคนิมิตขึ้น ก็จะรู้สึกถึงความว่างได้เช่นกัน ในส่วนนี้ถ้าจิตของเราละเอียดพอ ก็จะแยกแยะออกได้ว่า ถ้าเป็นความว่างของกสิณนั้น จะเป็นความว่างอยู่ในลักษณะที่เรากำหนดเฉพาะเจาะจงจุดใดจุดหนึ่งตรงหน้า

    ความว่างระดับถัดไปนั้นเป็นความว่างของอรูปฌาน ไม่ว่าจะเป็นอากาสานัญจายตนะฌานก็ดี วิญญาณัญจายตนะฌานก็ดี อากิญจัญญายตนะฌานก็ดี เนวสัญญานาสัญญายตนะฌานก็ดี อรูปฌานทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการที่เราเพิกรูปทิ้งไป แล้วจับความว่างของอากาศ จับความไร้ขอบเขตของวิญญาณ จับความรู้สึกที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเสื่อมสลายพังไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่ และกำหนดความรู้สึกว่ามีเหมือนกับไม่มี รู้เหมือนกับไม่รู้ เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จัดเป็นความว่างอีกอย่างหนึ่ง

    บุคคลที่เคยทรงอรูปฌานในอดีต เมื่อกระทำไปจนกระทั่งกำลังทรงตัวแล้ว เข้าถึงอรูปฌานเดิม ๆ ก็ทำให้รู้สึกถึงความว่างเช่นกัน ตรงจุดนี้ถ้าจะสังเกตแยกแยะออกก็จะต้องสังเกตว่า เรายังทรงกำลังของฌานสมาบัติอยู่ การที่เราทรงกำลังของฌานสมาบัติอยู่แม้ว่าจะเบาสบายเพียงใดก็ตาม ความที่ยังต้องทรงฌานอยู่ก็จัดเป็นความหนัก บุคคลที่มีจิตละเอียดจริง ๆ ถึงจะแยกแยะออกได้

    ประการสุดท้ายนั้นเป็นความว่างเนื่องจากจิตมองเห็นโทษของร่างกายนี้ มองเห็นโทษของสภาพจิตที่คลุกคลีอยู่กับ รัก โลภ โกรธ หลงทั้งหลาย แล้วสามารถที่จะปล่อยวางสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ลงจนหมด ยกจิตของตนเองขึ้นมาพ้นจากสภาพของราคะ โลภะ โทสะ โมหะได้ ก้าวล่วงจากสมมติเข้าสู่ความเป็นวิมุตติ ก้าวล่วงจากโลกเข้าสู่ทางธรรมแท้ ๆ

    สภาพจิตของตนจะเหลือแต่เพียงผู้รู้เด่นอยู่เท่านั้น เป็นผู้รู้ที่มีหน้าที่กำหนดรู้เฉย ๆ ไม่ไปปรุงแต่งสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดเป็น รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกับเราก้าวขาข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อข้ามฝั่งไปแล้วเราก็ไม่ย้อนกลับมาแตะต้องวอแวในสิ่งที่เคยผ่านมา ถ้าลักษณะนั้นจึงจะเป็นความว่างที่แท้จริง เป็นความว่างในลักษณะของการว่างจากกิเลส เป็นความว่าง ความใส ความสะอาด จากสภาพจิตที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นความว่างของการเข้าถึงพระนิพพานนั่นเอง

    ดังนั้น..ถ้าพวกเราต้องการจะเข้าถึงสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราก็ต้องเน้นในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา โดยเฉพาะในส่วนของปัญญาที่มองเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายนี้ ของโลกนี้ จนกระทั่งสามารถปล่อยวางได้ การที่เราจะมีกำลังมากพอที่จะยกจิตให้พ้นขึ้นมาจากร่างกายนี้ พ้นจากโลกนี้ได้ แล้วปล่อยสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ลง ก็ต้องมีกำลังสมาธิที่เข้มแข็งพอเพียง

    กำลังสมาธิจะเข้มแข็งพอเพียงได้ เราก็ต้องมีศีลอย่างน้อย ศีล ๕ เป็นพื้นฐาน เมื่อสภาพจิตของเราจดจ่ออยู่กับการระมัดระวังรักษาศีลทุกสิกขาบทไม่ให้บกพร่อง การที่เราเอาจิตจดจ่อแน่วแน่ระมัดระวังศีลอยู่นั่นเอง สมาธิก็จะเกิดขึ้น เมื่อสมาธิเกิดขึ้นทรงตัว ตั้งมั่น มีกำลังกดกิเลสดับลงได้ชั่วคราว ตัวปัญญาก็จะเด่นขึ้น ผ่องใสขึ้น ก็จะเห็นช่องทางว่าจะทำอย่างไรถึงจะสละ ตัดละ ร่างกายนี้ โลกนี้ ความยินดีต่าง ๆ

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อสละออก ตัดออก ละออกได้ ก็จะก้าวเข้าสู่ความว่างอย่างแท้จริง เป็นความว่าง ใส สะอาด ที่เปี่ยมสุข ไม่สามารถจะอธิบายรายละเอียดเป็นภาษามนุษย์ได้ ไม่สามารถที่จะอธิบายรายละเอียดเป็นภาษาหนังสือได้ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ก้าวล่วงการปรุงแต่งทั้งปวงไปแล้ว ภาษามนุษย์ก็ดี ภาษาหนังสือก็ดี ยังเป็นภาษาที่ประกอบไปด้วยการปรุงแต่งอยู่ จึงไม่สามารถที่จะอธิบายสภาวธรรมทั้งหลายเหล่านั้นได้

    มีแต่สภาพจิตของเราที่เด่น ผ่องใส สะอาด เหลือแต่ตัวรู้อย่างเดียว ไม่ไปแตะต้อง ไม่ไปปรุงแต่ง ถ้าสิ่งไหนจำเป็นก็ออกไปสัมผัสด้วยความระมัดระวัง แล้วก็ย้อนกลับเข้ามาอยู่กับความผ่องใสที่ปราศจากกิเลสของตนต่อไป ถ้าอย่างนี้จึงจะเป็นความว่างที่แท้จริง

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้าเราจะก้าวเข้าสู่ความว่างที่แท้จริงหรือสภาวะพระนิพพานนั้น ก็ต้องอาศัยศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งจะพูดให้กว้างออก ก็คือ มรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง

    สำหรับพวกเราทั้งหลายนั้นก็ต้องมาเน้นเรื่องของสมาธิ เพราะเราทั้งหมดส่วนใหญ่มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ก็ดี ศีล ๘ ก็ดี ในเมื่อศีลบริสุทธ์บริบูรณ์แล้ว ยังไม่สามารถจะก้าวล่วงไปได้ ก็แปลว่ากำลังสมาธิยังไม่เพียงพอ เราจึงต้องมาเน้นการฝึกสมาธิอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพื่อที่จะประคองจิต รักษาจิตของเราให้มีความผ่องใส จนกระทั่งกำลังสมาธิเพียงพอ ดวงปัญญาก็จะเกิดขึ้น มีความแกร่งกล้า มีความแหลมคมพอ ก็สามารถที่จะสลัด ตัด ละ ความยินดี ความพอใจในร่างกายนี้ ในร่างกายของคนอื่น ในโลกนี้และในโลกอื่น ภพภูมิอื่นลงได้ เราก็จะหลุดพ้นไปสู่ธรรมอันว่างอย่างยิ่ง ก็คือพระนิพพานนั่นเอง

    ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    เมื่อคนเราเกิดมามีปัญญา
    รู้ว่าอะไรไม่ควร อะไรดีไม่ดี
    ก็ต้องเลือกทำแต่สิ่งที่ดี ละเว้นในสิ่งที่ชั่ว
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ภาพงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์

    งานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูรพาจารย์
    วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างกล้องเว็บวัดท่าขนุนค่ะ

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post209847">#post209847” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=209847 #post209847

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    เกิดอารมณ์เบื่อ


    ถาม : ตอนนี้เหมือนกับว่างานที่ผมอยู่ทำสำเร็จดีครับ แต่เกิดความรู้สึกว่าเบื่อ
    ตอบ : เบื่อก็เลิกทำสิวะ..!

    ถาม :
    มันเบื่อเหมือนไม่อยากทำเลย ทำแล้วไม่เหมือนก่อนที่ยังสนุกอยู่ ตอนนี้ไม่อยากทำ ไม่อยากเจอ ไม่อยากพูดกับใคร ผมควรจะทำหรือปฏิบัติตัวอย่างไรดีครับ ?
    ตอบ : ไปบวชซะ..!

    การปฏิบัติพอไปถึงระดับหนึ่ง จะเกิดอารมณ์นิพพิทาญาณ คือ ความเบื่อ จัดเป็นอารมณ์ที่ดีมาก เพราะถ้าไม่เบื่อ เราก็อยากจะเกิดมาทุกข์อีก จริง ๆ แล้ว เราต้องประคับประคองความเบื่อนี้เอาไว้ แล้วพิจารณาให้เป็นธรรมดา ในเมื่อเราเกิดมา มีหน้าที่ทำมาหากินเป็นปกติอย่างนั้นเราก็ทำไป ถือแค่ว่าทำตามหน้าที่ ถ้าตายตอนนี้เราก็เลิกทำ..จบ

    ต้องพยายามคิดตรงนี้ให้ได้ ถ้าข้ามตรงนี้มาได้จะเป็นสังขารุเปกขาญาณ เป็นอารมณ์ปล่อยวาง ไม่ไปแบกเอาไว้ ความเบื่อก็ไม่มี หรือไม่ก็ใช้วิธีอย่างที่ว่า เบื่อมาก ๆ ก็ไปบวช จะได้เบื่อหนักเข้าไปอีก..!

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ถาม : ขอธรรมะที่ใช้ในการทำงาน
    ตอบ : เบื้องต้นของการทำงานต้องมีอิทธิบาท ๔ คือ ยินดีและพอใจที่จะทำ ๑ ตั้งหน้าตั้งตาทำ ๑ กำลังใจปักมั่นอยู่กับงาน ๑ ไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอว่าทำไปถึงไหนแล้ว ๑

    ส่วนข้อที่สอง ต้องมีความอดทนอดกลั้น ตรงนี้เป็นธรรมะหลักของพระพุทธศาสนาเลย พระพุทธเจ้าเริ่มโอวาทปาฏิโมกข์ก็ขึ้นด้วยขันติ การกระทบกระทั่งกันในการทำงาน ต้องมีเป็นปกติอยู่แล้ว

    ประการที่สาม รับผิดชอบงานในหน้าที่เราให้ดีที่สุด นอกเหนือจากงานของเราแล้วอย่าไปยุ่งกับใคร โดยเฉพาะแต่ละคนจะมีความภูมิใจในงานของตนเองอยู่ ถ้าหากว่าเราไปยุ่งกับงานคนอื่นเมื่อไร จะกลายเป็นเราก้าวก่ายหน้าที่เขา แล้วเขาจะไม่ชอบใจ ฟังแล้วหนักใจไหม ?
    ……………………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    -ขอธรรมะที่ใช้ในการ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...