อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องบุคคลที่แต่งงานกันโดยบุพเพสันนิวาส ซึ่งบาลีกล่าวไว้ชัดว่า ปุพฺเพสนฺนิวาเสนะ ปจฺจุปฺปนฺน หิเตน วา เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปลํ ว ยโถทเก คือการที่ได้เกื้อกูลกันมาแต่ปางก่อน ๑ การที่มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาตินี้ ๑ ทำให้เกิดความรักความเห็นใจกันขึ้น เปรียบเหมือนกับอุบลคือดอกบัว ที่ขาดเสียซึ่งน้ำไม่ได้

    เราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ โดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาว ก็ย่อมมีประสบการณ์อย่างนี้ และถ้าเป็นผู้ที่เห็นทุกข์เห็นโทษในวัฏสงสารจริง ๆ เมื่อมีประสบการณ์เช่นนี้ ก็ย่อมที่จะดิ้นรนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้หลุดพ้นไปจากภาวการณ์อันไม่น่ายินดีในทางธรรม การที่เราดิ้นรนให้พ้นไปนั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง เพราะว่าเพศตรงข้ามย่อมเป็นเครื่องดึงดูดโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

    การที่เราจะหลีกหนีไปให้พ้น อันดับแรก ต้องใช้อานาปานสติกรรมฐานเป็นหลัก อานาปานสติกรรมฐานเป็นการยึดโยงกำลังใจของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ทำให้เกิดกำลัง สามารถที่จะฝืน ต้านกระแสทางโลกได้ ในขณะที่ความรักหรือความใคร่ก็ตาม เกิดขึ้นท่วมท้นหัวใจของเรา ส่วนใหญ่แล้วสติสัมปชัญญะของเรา มีกำลังไม่เพียงพอที่จะไประงับยับยั้ง หักห้ามกำลังใจของตน

    การที่จะให้สติสัมปชัญญะมีกำลังเพียงพอ ในการที่จะระงับยับยั้งกำลังใจของตนได้ ก็ต้องอาศัยอานาปานสติเป็นหลัก อย่างน้อย ๆ ต้องทรงถึงระดับปฐมฌานละเอียด หรือถ้าผู้ใดทรงฌาน ๔ ไปได้เลยยิ่งดี แต่ถึงแม้จะทรงฌาน ๔ ได้ ถ้าเผลอสติ เรื่องของวาระกรรมแทรกเข้ามา ก็อาจจะผิดพลาดได้ อย่างพระฤๅษีที่เหาะผ่านอุทยานของพระเจ้าแผ่นดิน พอเห็นพระมเหสีและนางสนมกำลังเล่นน้ำในสระ เผลอสติ..ฌานเสื่อม ตกลงไปเลย

    เพราะฉะนั้น..อันดับแรกเราจึงต้องใช้อานาปานสติกรรมฐาน ในการเรียกคืนสติของตน และมีกำลังในการที่จะฝืนต้านกระแสโลกเอาไว้ให้ได้

    อันดับที่ ๒ ก็คือ ต้องพิจารณาในกายคตานุสติกรรมฐาน ให้เห็นชัดเจนว่าร่างกายของเรานั้นไม่ใช่แท่งทึบ สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงเครื่องหลอกตาอยู่ภายนอก เป็นเพียงผิวหนังที่ห่อหุ้มอยู่ชั้นหนึ่งเท่านั้น ถ้าถลกหนังออกไป ภายในก็เป็นเลือด เป็นเนื้อ เป็นไขมัน เป็นเส้นเอ็น แล้วยังประกอบไปด้วยอวัยวะภายในใหญ่น้อยทั้งปวง

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็น้อมเอามาพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเราก็เป็นเช่นนี้ ร่างกายของผู้อื่นก็เป็นเช่นนี้ เหมือนกับซากศพที่เคลื่อนที่ ถ้าเราไม่ยินดีในร่างกายของตนเองได้ ก็ไม่ยินดีในร่างกายของบุคคลอื่นเช่นกัน

    กายคตานุสติกรรมฐานเป็นกรรมฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง บุคคลที่จะก้าวเข้าถึงความเป็นอริยเจ้า ไม่มีใครที่จะสามารถเว้นจากกายคตานุสติกรรมฐานได้ เพราะเราต้องเห็นสภาพความเป็นจริงของร่างกาย จึงเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หมดความปรารถนาในร่างกายของตนเองและผู้อื่น แล้วหาทางหลีกหนีไปให้พ้นจากร่างกายที่เป็นกองทุกข์

    ถ้ากายคตานุสติกรรมฐานไม่สามารถที่จะระงับยับยั้งได้ เพราะว่าสติ สมาธิ และปัญญาของเราไม่เพียงพอ ก็ต้องสร้างความสลดใจให้เกิดขึ้นแก่ตน เอง ด้วยอสุภกรรมฐาน ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในปัจจุบันนี้ การจะพิจารณาอสุภกรรมฐานนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะจะไปหาซากศพในสภาพต่าง ๆ มาพิจารณาได้ยากอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น อุทธุมาตกอสุภ ซากศพที่อืดพอง ปุฬุวกอสุภ ซากศพที่มีหมู่หนอนชอนไช โลหิตกอสุภ ซากศพที่ประกอบไปด้วยโลหิตไหลเนืองนอง อัฏฐิกอสุภ ซากศพที่เป็นโครงกระดูก เป็นต้น

    การที่หลายท่านใช้วิธีค้นหารูปอสุภกรรมฐานต่าง ๆ มาดู อยากจะบอกกับทุกท่านว่า ช่วยอะไรแทบไม่ได้เลย เพราะเป็นเพียงแค่ตาเห็นเท่านั้น แต่ถ้าของจริงจมูกเราจะได้กลิ่นด้วย บางท่านแค่ได้กลิ่นก็ทนไม่ไหว ถึงขนาดอาเจียนแล้ว จะได้เกิดความสลดใจว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี ของเพศตรงข้ามก็ดี ที่แท้จริงมีสภาพเป็นเช่นนี้ เมื่อเป็นดังนั้น เรายังจะไปยินดีกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้อีกหรือ ? ถ้าหากว่าเกิดความสลดใจขึ้นมาจริง ๆ เกิดความสังเวชในธรรมขึ้นมาจริง ๆ เราก็จะพิจารณาหาทางหลีกหนีจากร่างกายนี้ ในเมื่อความปรารถนาในร่างกายของตนเองไม่มี ความปรารถนาในร่างกายของผู้อื่นก็ย่อมไม่มีเช่นกัน

    ดังนั้น..ในเรื่องที่ว่า ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน ทำให้ไม่สามารถจะตัดจะละได้นั้นไม่จริง เพราะการที่จะตัดจะละได้นั้น ขึ้นอยู่กับกำลังสติ สมาธิ และปัญญาของเรา ถ้าเราเห็นทุกข์เห็นโทษจริง ๆ ก็ย่อมสามารถที่จะก้าวล่วงพ้นไปจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้

    หรือท่านทั้งหลายอาจจะใช้พรหมวิหาร ๔ ก็ได้ แม้กระทั่งตัวของอาตมาเอง ที่ฝึกซ้อมอสุภกรรมฐานมามาก แต่เมื่อถึงวาระจริง ๆ ก็เกิดอาการที่เรียกว่า “เอาไม่อยู่” แต่โชคดีว่าพรรษานั้นได้ศึกษานักธรรมชั้นโท เรียนเกี่ยวกับอนุพุทธประวัติ เมื่อไปถึงประวัติของพระรัฐบาลเถระ พระเจ้าอุเทนได้ถามพระรัฐบาลเถระว่า “ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นคนหนุ่ม ย่อมมากด้วยกามราคะ เหตุใดจึงตั้งอยู่ในพรหมจรรย์ได้ ?”

    พระรัฐบาลเถระกราบทูลว่า “ดูก่อนมหาบพิตร…ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ คือ พิจารณาว่า

    มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งมารดา ก็ตั้งไว้ในที่แห่งมารดา

    มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว

    มาตุคามนี้สมควรตั้งในที่แห่งน้องสาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาว

    มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว

    ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ จึงทรงพรหมจรรย์อยู่ได้”


    เมื่อศึกษามาถึงตรงนี้ ก็เกิดความเข้าใจเลยว่า นี่เป็นตัวพรหมวิหาร ๔ คือ รักเขาเสมอกับคนในครอบครัวของเรา เมื่อเห็นเขาเป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูก ก็ย่อมเกิดความเมตตา กรุณา ไม่เกิดอารมณ์กามราคะขึ้น

    ดังนั้น..เราจะเห็นว่าในสัพพัตถกรรมฐาน คือกรรมฐานที่ประกอบไปด้วยประโยชน์หลายประการ ที่โบราณาจารย์กำหนดไว้ว่า ผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องศึกษาไว้ ดังที่กล่าวมาข้างต้นคือ อานาปานสติกรรมฐาน กายคตานุสติกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน และพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นสิ่งที่สามารถช่วยในการระงับยับยั้งในเรื่องของการปรารถนาในคู่ครอง ในที่นี้ที่กล่าวถึงก็คือ บุคคลที่หวังความหลุดพ้นจริง ๆ ต้องไปตัวคนเดียว เพื่อจะได้ไม่มีห่วงไม่มีกังวล

    เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเกิดความปรารถนาในคู่ครองขึ้นมา ก็ต้องใช้กรรมฐานเหล่านี้เป็นคู่ศึก เพื่อที่จะใช้ต่อต้าน และดึงตนเองให้ก้าวพ้นออกมาจากทุกข์นั้นได้ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายที่ประสบกับปัญหาในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ นำกองกรรมฐานทั้งหลายเหล่านี้ไปพิจารณา ว่าปัจจุบันนี้เราเหมาะสมกับกรรมฐานกองใด แล้วก็ปฏิบัติในกรรมฐานกองนั้นให้เต็มที่ ก็สามารถจะระงับยับยั้งกำลังใจของตน ไม่ให้ไหลตามกระแสโลกไปได้ และเมื่อสติ สมาธิ ปัญญาแก่กล้าขึ้นมา เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ยกจิตของตนออกจากร่างกาย ไม่ปรารถนาทั้งร่างกายตนเองและคนอื่น เราก็จะสามารถหลุดพ้น เข้าสู่พระนิพพานได้เช่นกัน

    อันดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .png

    ท่านเจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ท่านสอนให้เราพิจารณาคุณค่าแท้ คุณค่าเทียม อย่างลูกเชอรี่..คุณค่าแท้ ๆ ก็คืออาหาร แต่คุณค่าเทียมแสดงออกว่า ฉันกินของแพง เข้าใจหรือยัง ?

    นี่..อย่างนาฬิกา..คุณค่าแท้ก็คือเครื่องดูเวลา แต่คุณค่าเทียมก็อย่างพวกโรเล็กซ์เรือนละแสนกว่าบาท มีไว้ประดับฐานะ ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย เรือนละสามร้อยบาทก็ใช้ดูเวลาได้แล้ว แถมเวลาตกหล่นเราก็ไม่เสียดายด้วย ใส่โรเล็กซ์ไป อยู่ ๆ มืออาจจะขาด โดนคนอื่นชิงเอาไปจำนำแทน ดังนั้น..นักปฏิบัติเมื่อไปถึงระดับหนึ่งจึงเหมือนกับขวางโลก เพราะไม่เห็นประโยชน์ในสิ่งที่คนอื่นเขาเห็นกัน

    นึกหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอรูปก่อน ตอนที่น้ำมันขึ้นลิตรละ ๑๓ บาท อาตมาก็โละรถเสียจนเกลี้ยงวัด ท่านบ่นว่า “อาจารย์เล็กบ้า มีรถดี ๆ ไม่รู้จักขี่..” อาตมาบอกท่านไปว่า “จะมีประโยชน์อะไรละครับ อาจารย์เล็กนั่งสองแถวเขาก็ว่าอาจารย์เล็กรวย หลวงพ่อนั่งรถเบนซ์เขาก็รู้ว่าหลวงพ่อยืมตังค์ผมเติมน้ำมัน..!” เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่เปลือกนอก

    แต่ว่าปัจจุบันน่าเสียดายว่า บรรดานักบวชของเราหลงประเด็นไปเยอะ โดยเฉพาะหลายต่อหลายท่านที่บวชเข้ามา ตอนแรกตั้งใจมาเพื่อมาละกิเลส พออยู่ ๆ ไปกลายเป็นสะสมกิเลสโดยไม่รู้ตัว จากที่เคยทำเพื่อความสุขของคนอื่น เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ก็กลายเป็นว่าทำเพื่อความสุขของตัวเอง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ยกตัวอย่าง สร้างกุฏิตัวเองราคาหลายล้าน แต่พระลูกวัดต้องไปยัดกันอยู่บนศาลา เอาจีวรมากั้นห้อง มีจริง ๆ และหลายวัดด้วย..!

    ครั้งที่เห็นชัดที่สุด ก็ ตอนพาหลวงพ่อพระราชธรรมโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีเข้าวัง ไปรับพัดพระเทพเมธากร น่าจะประมาณปี ๔๙ ในหลวงทำบุญ ๖๐ ปีครองราชย์หรืออย่างไรก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่านิมนต์พระตามจำนวน ไม่น่าเชื่อว่าพระที่นิมนต์ ๖๐ รูป รถยนต์รวมกันราคาน่าจะถึงพันล้าน !!! เฉพาะรถยนต์ ๖๐ คันนะ คันที่แย่ที่สุดก็คือ นิสสัน รอยัลซาลูน คุณไปลองซื้อเถอะ ถ้ามีเงินไม่ถึงสิบล้านซื้อไม่ได้หรอก แล้วลองคิดดูว่าที่ดีกว่านั้นจะเป็นอะไร ??

    ไปนึกถึงหลวงปู่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ท่านนั่งโตโยต้า อาร์ที ๑๐๐ สีฟ้าเก่า ๆ ที่ตลกที่สุดคือ บรรดารถเบนซ์ รถบีเอ็ม วิ่งเข้ามาเป็นหางยาวเลยนะ แล้วทั้งหมดต้องลงจากรถไปยืนไหว้ อาร์ที ๑๐๐ เก่า ๆ แล้วอย่าไปเสียเวลาขอร้องให้หลวงปู่สมเด็จฯ ท่านเปลี่ยนรถนะ เพราะท่านบอกว่าโยมเขาปวารณาไว้ตั้งแต่ท่านยังไม่มียศมีตำแหน่งมากมายเหมือนปัจจุบันนี้ ถ้าหากจะไปไหนท่านจะโทรหาโยมที่ปวารณาก่อน และดูด้วยว่าเขาสามารถที่จะสละเวลาที่จะไปรับไปส่งท่านได้ไหม ถ้าไม่ได้ท่านถึงจะเรียกคนอื่น แต่ถ้าเป็นเราจะบอกไหมว่าไปไม่ได้ ? ไม่มีหรอก..ไปทุกครั้ง …(หัวเราะ)…

    รู้สึกว่าเป็นภาพที่ตัดฉากกันมาก ๆ เลย รถเบนซ์ รถบีเอ็ม ขี่กันมา แล้วรถราคาแพง ๆ ทั้งหมด ต้องมายืนเข้าแถวยกมือไหว้รถเก่า ๆ สะใจจริง ๆ หลวงปู่ท่านทำได้ เดี๋ยวเอาไว้อาตมาจะนั่งสองแถวไปบ้าง..!
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    เทศน์ ณ บ้านอนุสาวรีย์
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ทำอาชีพกฎหมาย

    ถาม : ผมทำอาชีพกฎหมาย บางทีต้องกระทบกับชาวบ้าน ทำอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงกรรม..?
    ตอบ : ให้ว่าตามข้อเท็จจริง ฟังให้ดี ๆ นะ ว่าตามข้อเท็จจริง เพราะว่าการที่เขาฟ้องร้องขึ้นมา ต่างคนต่างก็ยกข้อเท็จจริง คือ ทั้งเท็จและจริงขึ้นมาสู้กัน หลักฐานใครดีกว่าคนนั้นก็ชนะ ผู้พิพากษาเขามีหน้าที่พิจารณาตามข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องไปหาความยุติธรรม

    ถาม : แสดงว่าเราวินิจฉัยไปตามความรู้ ?
    ตอบ : คุณวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงเท่านั้น เราทำของเราตรงไปตรงมาตามนั้น

    ถาม : ไม่มีใครยิ้มเลยครับ ร้องไห้ทั้งสองฝ่าย ?
    ตอบ : ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ..!

    ถาม : ว่ากันตามความรู้สึกไม่ได้ ?
    ตอบ : ว่ากันตามตัวบทกฎหมายและหลักฐานที่ปรากฎเฉพาะหน้า คุณเป็นฝ่ายถูกแต่หลักฐานสู้เขาไม่ได้ คุณก็ต้องผิด

    ถาม : แต่การแปลความและตีความ มันตีได้หลายทาง ?
    ตอบ : ตีได้หลายทาง เขาจึงต้องมีการซักและซักค้าน ใครยกเหตุผลขึ้นมาได้ดีกว่า สามารถจูงใจผู้พิพากษาลูกขุนได้ดีกว่า ก็ชนะเขา

    ถาม :
    ฉะนั้น..หากเราไม่มีอคติเข้าไปเจือปน ก็ไม่มีโทษสำหรับเรา ?
    ตอบ : ไม่มีโทษสำหรับเราหรอก ทำตามหน้าที่เท่านั้น

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .png

    พระอาจารย์บอกคนที่อ่านหนังสือว่า “อ่านมูซาชิแล้วอย่าลืมอ่านซันชิโร่ด้วยนะ ตอนที่มูซาชิโดนบังคับให้ทำสมาธิ ทำให้เขารู้ว่า ก่อนที่คนจะเก่งนั้น ใจต้องนิ่งก่อน ส่วนซันชิโร่เขาอาศัยความบ้า ความบ้านะไม่ใช่ความกล้า เวลาเขาประลองกันท่ามกลางสายฝน ซามูไรคนไหนที่เงื้อดาบขึ้นก่อนมักจะโดนฟ้าผ่าตาย แต่ซันชิโร่ไม่กลัว เพราะถึงไม่โดนฟ้าผ่าตาย ตัวเองก็อาจจะตายเพราะอีกฝ่ายอยู่แล้ว คู่ต่อสู้เลยต้องทิ้งซามูไรหนี เพราะลูกบ้าของซันชิโร่มากกว่า

    ถ้าคนเราสามารถตัดใจไม่กลัวตายได้สักเรื่องหนึ่ง จะทำอะไรได้เยอะมากเลย วิถีแห่งซามูไรภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่าบูชิโดเป็นอักษรคันจิ ภาษาจีนคือบู๊เฮียบ หมายถึง จริยธรรมนักรบ ฉะนั้น..ทุกวันนี้วิถีบูชิโดหรือจริยธรรมนักรบ ก็ยังฝังอยู่ในจิตใจของชาวญี่ปุ่นอยู่เป็นปกติ เสียสละ กล้าหาญ อดทน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีทั้งหมดอยู่ ๑๒ ข้อด้วยกัน

    อย่างตอนที่เกิดสึนามิแล้วโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์รั่ว คนญี่ปุ่นเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยรับของแจก ลำบากแค่ไหนก็อดทน ไม่ปริปากบ่น นั่นก็คือจริยานักรบที่ฝังรากลึกอยู่ เพราะเขาได้รับการอบรมมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ถ้าเป็นบ้านเราไปแจกของก็คงจะเหยียบกันตาย เหยียบกันตายไม่พอ เขาจะเหยียบเราตายไปด้วย..!”

    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ถึงจะรอด.jpg

    ตื๊อเท่านั้น..ถึงจะรอด !

    ถาม:
    (คุยเรื่องคู่ครอง)
    ตอบ: เรื่องของเนื้อคู่นี้ ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยเนื่องกันมาแต่ชาติก่อนจริง ๆ พบเจอหน้าเลี่ยงกันไม่พ้นหรอก ยิ่งเกิดมากเท่าไรความผูกพันก็มากเท่านั้น

    อาตมาสมัยบวชใหม่ ๆ เจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาก็ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่ชอบเลย รูปร่างก็ไม่ใช่ แต่มีแรงดึงดูดมหาศาลเลย ชนิดที่ทำอะไรไม่ถูก เห็นเข้า..โอ๊ย ! ตายละวา… เจ้าหนี้ตามทวง ความรู้สึกออกมาอย่างนั้นเลย สิ่งที่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองให้หลบรอดไปได้ คือ สติสัมปะชัญญะ แต่สติที่มีอยู่… เกิดหายไปเกินค่อน สมาธิก็หายไปเหมือนกัน

    ทำวัตรก็มองหน้าเขา นั่งกรรมฐานแทนที่จะหลับตาก็ลืมตามองเขาอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกบอกว่า “ถ้าพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว เราเสร็จแน่” แล้วยายนั่นเขาก็รู้เหมือนกัน ถึงเวลาก็ต้องแถเข้ามาใกล้ ๆ พอถึงเวลาเขาพูดอะไร ความรู้สึกบอกว่า ถ้าตอบแม้แต่คำเดียวเราเสร็จแน่ อาตมายอมเสียมารยาท กำลังคุยกับคนอื่น พอเขาเสียบเข้ามา เอ่ยปากถาม.. อาตมาจะเดินหนีไปเลย

    หลบอยู่ ๓ – ๔ วัน เห็นท่าไม่รอดแน่… พอดีหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งให้ไปประจำอยู่ที่หน้าตึกของท่าน ตรงจุดนั้นถ้าไม่มีธุระจริง ๆ ห้ามเข้า ก็เป็นอันว่ารอดไป..ไม่อย่างนั้นเสร็จ..!

    เรื่องพวกนี้ ถ้าช่วงวาระของเขามาถึง บุญกรรมที่ส่งมาถึงจะทำให้เราอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเราสามารถตื๊อให้พ้นช่วงนั้นไปได้ ก็จะพ้นไปเลย จนกว่าจะมาบรรจบครบรอบกันอีกครั้งหนึ่ง

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945


    ถ่ายทอดสดงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า) วัดท่าขนุน วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑
    ๐๗.๓๐ น. พิธีบวงสรวงไหว้ครูประจำปี การแสดงถวายเป็นพุทธบูชา
    ๑๐.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า)
    ๑๓.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย)
    หมายเหตุ: การเป่ายันต์เกราะเพชรรอบบ่ายจะเริ่มถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา ๑๒.๓๐ น. เป็นต้นไป

    ที่มา วัดท่าขนุน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.7 KB
      เปิดดู:
      66
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945


    ถ่ายทอดสดงานเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) วัดท่าขนุน วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑
    ๑๓.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย)
    ที่มา วัดท่าขนุน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.4 KB
      เปิดดู:
      82
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    โลกนี้เป็นภัยอันน่ากลัวอย่างยิ่ง !

    ถาม:
    …………………………….
    ตอบ: ดูคนรุ่นนี้แล้วกลัวแทนเขา จะเรียกว่าภยตูปัฏฐานญาณ ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะว่าญาณตัวนี้จะพิจารณาว่าโลกนี้เป็นภัยอันน่ากลัวอย่างยิ่ง น่ากลัวตรงไหนรู้ไหม ?

    อันดับ ๑ การอาศัยเครื่องมือเครื่องใช้อะไรต่าง ๆ มากจนเกินไป จนกระทั่งตัวเองเสื่อมสมรรถภาพไปเลย โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ สังเกตว่าเด็กสมัยนี้ลายมือห่วยแตกมาก พิมพ์แต่คอมพิวเตอร์มากไปจนกระทั่งลายมือตัวเองไม่ได้ใช้เลย

    อันดับที่ ๒ การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เขาจะค้นหาจากคอมพิวเตอร์ โดยตัวเองไม่ได้จำ ถึงเวลาถ้าคอมพิวเตอร์พังก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวตัวเอง

    อันดับที่ ๓ เครื่องอำนวยความสะดวกของเขาทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่พึ่งพาไฟฟ้า ถ้าไฟฟ้าดับ พวกนี้ตายก่อน..!

    อันดับที่ ๔ ระบบข้าวของเงินผ่อนทุกประเภท ที่เอาเงินในอนาคตมาใช้

    พวกนี้จะหลอกล่อให้เราซื้อโดยยื่นเงื่อนไขที่ล่อใจมาก ๆ ถ้าคนที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ จะโดนแรงโฆษณาและการชวนเชื่อ จนเกิดความต้องการแบบปลอม ๆ ขึ้นมา คือ รู้สึกว่าจำเป็น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็น ก็จะต้องไปซื้อเงินผ่อน เรียกได้ว่าเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ ทันทีที่ทำอย่างนั้น แปลว่า เราถูกผูกขาเป็นทาสเขา เป็นเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๑ ปี ๓ ปี ๕ ปี ๒๐ ปี ข้างหน้า เงินที่หามาได้จะกลายเป็นของคนอื่นเขา ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว

    ยิ่งบัตรเครดิตยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย เพราะใช้โดยไม่เห็นตัวเงิน กว่าจะรู้ตัวก็หมดไปเท่าไรไม่รู้ ยิ่งปัจจุบันเขายื่นเงื่อนไข ดอกเบี้ย ๐ % ใช่ไหม ? แต่บรรทัดสุดท้ายของสัญญา เขาจะเขียนว่า เขาสามารถเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยได้ตามใจของเขา ไม่ใช่ตามใจเรา เพราะฉะนั้น..ต่อไป ๆ ก็เสร็จอีก และตัวบัตรเครดิตที่ร้ายที่สุดคือ เอาเงินของเราให้เรากู้ เราต้องมีเงินสำรองในธนาคารเพียงพอ เขาถึงออกบัตรเครดิตให้เรา แล้วในหนังสือสัญญาจะบอกเอาไว้เลยว่า ทันทีที่ท่านเป็นสมาชิกของเรา ๆ จะสำรองเงินไว้ให้ท่าน

    สมัยก่อนบัตรทองยี่ห้อหนึ่ง เขามาตื๊อให้อาตมาเป็นสมาชิก หนังสือสัญญาระบุว่า ทันทีที่ท่านเป็นสมาชิกของเรา ทางเราจะสำรองเงินไว้ให้ท่าน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จะไม่คิดดอกเบึ้ยจนกว่าวันแรกที่ท่านใช้บัตร อาตมานั่งอ่านดู อ้าว…แล้วเงินของเราก็มีไว้ทำไม ? ทำไมไม่เอาเงินของเรามาให้ใช้ ? เลยกลายเป็นว่าเอาเงินของเรามาให้เรากู้ คือเราต้องมีเงินประกันอยู่ถึงจะยอมออกบัตรให้เรา เงินเราก็มีคาบัญชีอยู่ แต่ไม่เอาเงินที่คาบัญชีอยู่มาให้เราใช้ แล้วเก็บค่าอำนวยความสะดวกไปเหมือนบัตรเอทีเอ็ม…ไม่ทำอย่างนั้น แต่ว่าเอาเงินตัวนี้มาให้เรากู้ ทันทีที่เรารูดบัตรก็คิดดอกเบี้ยเราเดี๋ยวนั้นเลย เรามีแต่เสียกับเสีย ได้อย่างเดียวคือความสะดวกเล็กน้อย

    ลองมาคิดถึงว่า โลกข้างหน้าจะพาให้คนเราเป็นหนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร แล้วก็จะมีแต่การอาศัยเครื่องมือต่าง ๆ อำนวยความสะดวกให้ แล้วลองคิดดูว่าคนเราจะเหลืออะไร ? คงหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ แล้วก็ร้อนรนทุกข์ทนอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดบันไดขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท วัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
    ณ วัดท่าขนุน ต.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -สมัย.jpg

    “สมัยนี้มีอาชีพบางอย่างที่เราก็นึกไม่ถึง ก็คือการไปเที่ยวแล้วมาทำรีวิวสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก เอาไปลงอินเตอร์เน็ตแล้วก็รับเงิน เท่ากับว่าได้เที่ยวไปเรื่อย ๆ มีคนจ้างให้เที่ยว…ว่าอย่างนั้น

    คราวนี้ในส่วนที่จะพูดก็คือเรื่องการกิน ส่วนใหญ่แล้วจะไปอยู่ในลักษณะที่ว่า เลือกสถานที่มีอาหารอร่อย ราคาไม่แพงได้ยิ่งดี ซึ่งในส่วนนี้แต่เดิมเรามีแต่รายการแนะนำอาหารอย่างเดียว ก็คือรายการเชลล์ชวนชิม ของหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ วัตน์ ตัวนี้ วัตนะ ที่แปลว่า หมุนวน ไม่ใช่ วัฒนะ ที่แปลว่าเจริญ

    หลังจากนั้นก็มีคนเลียนแบบ ก็คือ แม่ช้อยนางรำ ก็เลยทำให้มีหลายคนที่ไปเลือกกินตามที่เขาแนะนำ ถ้าร้านอาหาร ร้านขนม ไม่ได้โด่งดังจนเป็นที่ได้รับการแนะนำจากคนจำนวนมาก หลายคนก็ไม่เข้าเลย ไม่เลือกไม่กินอาหารของร้านนั้น

    ก็เลยไปนึกถึงที่อรรถกถาท่านขยายความ ในส่วนที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงบุคคลที่ประกอบด้วยอวิชชาแล้วหลุดพ้นไม่ได้ อรรถกถาขยายความว่า “มีบุคคลจำพวกหนึ่ง เมื่อถึงเวลาไปเกิดเป็นสัตว์ มีหญ้าเป็นอาหาร มีคูถเป็นอาหาร” คูถก็คือขี้นั่นแหละ “เพราะเขาทั้งหลายเหล่านั้น ติดในรสอาหารในขณะที่เป็นมนุษย์” ฟังแล้วสยองเหมือนกันนะ คนติดในรสอาหาร บางคนทำไม่ถูกใจก็โกรธ

    แต่สมัยนี้คนยึดติดในรสอาหารก็น้อยแล้ว เหตุที่น้อยเพราะเห็นว่าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวนุ่งน้อยห่มน้อยมาขายแทน…! หนุ่มขายทุเรียนก็ต้องถอดเสื้อโชว์กล้ามล่ำบึ้ก แสดงว่าไม่ได้ติดในรสอาหาร ค่อนข้างจะปลอดภัย ไม่รู้ว่าไปติดอะไรแทน…! ถึงเวลาแม่ค้าส้มตำก็มีรายการตำไปเด้งไป มีคนแนะนำแล้วหนุ่ม ๆ ก็แห่กันไปเพียบ”

    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ต้นแบบหลวงพ่อทองคำเสร็จสมบูรณ์แล้วครับ จะทำการหล่อองค์จำลอง (เนื้อเงิน) ในวันเสาร์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๒.๓๐ น. โดยประมาณครับ

    ที่มา บอกเล่าเก้าสิบ เว็บวัดท่าขนุน

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ขอเชิญรับชมรับชมการถ่ายทอดสดงานหล่อองค์จำลองหลวงพ่อทองคำ (เนื้อเงิน) หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ณ วัดท่าขนุน

    เชิญรับชมรับฟังการถ่ายทอดสดงานหล่อองค์จำลองหลวงพ่อทองคำ (เนื้อเงิน) หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ณ วัดท่าขนุน ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

    วันเสาร์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๑
    เริ่มถ่ายทอดสดเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. เป็นต้นไป

    เพื่อให้ผู้ที่อยู่ทางไกล ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมางานหล่อองค์จำลองหลวงพ่อทองคำ (เนื้อเงิน) หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ที่วัดท่าขนุนด้วยตนเอง มีโอกาสได้รับชมรับฟังบรรยากาศงานที่วัดท่าขนุนไปพร้อม ๆ กัน

    จึงใคร่ขอเชิญสาธุชนทั้งหลาย ที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานที่วัดท่าขนุน รับชมรับฟังการถ่ายทอดสดจากวัดท่าขนุน ในช่องทางที่จะได้ประกาศต่อไปนี้ร่วมกัน

    ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ มา ณ ที่นี้

    การรับฟังการถ่ายทอดสดเสียง
    ท่านสามารถรับฟังการถ่ายทอดเสียงสด ตามวันและเวลาดังกล่าว

    โดยท่านสามารถคลิกเปิดฟังได้ที่ลิงค์นี้

    ———————————————————————-

    สำหรับ iphone และ ipad สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า fstream แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิด fstream ขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    more->Setting จากนั้นเปิด Cellular network เพื่อให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ (สำหรับใครที่ใช้ WIFI อยู่แล้ว ไม่ต้องเปิดค่านี้)

    จากนั้นให้เลือกเมนู

    Favorites->Edit->Add new web radio

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Name : Watthakhanun
    URL : http://210.1.51.131:8000
    Encoding : UTF8

    จากนั้นกด Save แล้วเลือกเมนู Play->Watthakhanun

    ———————————————————————-

    สำหรับ android สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า A Online Radio แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Live->Add Channel

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Channel URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด Add แล้วเลือกเมนู Favorites->Unname Server

    ———————————————————————-

    สำหรับ android ท่านที่เพิ่งโหลดแอพใหม่

    เนื่องจาก app “A Online Radio” เปลี่ยนชื่อเป็น “Online Radio” แล้ว

    ท่านสามารถฟังผ่าน app ชื่อ Online Radio แล้วทำการ install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Station > กด + (มุมบนขวา)

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Station Name : Watthakhanun
    Stream URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด DONE

    แล้วเลือกเมนู Your station > Watthakhanun.com

    จากนั้นกด Play (มุมขวาล่าง)

    ———————————————————————-
    หรือ You Tube โดยค้นจากชื่อ Account “Sapanboon Channel”
    ———————————————————————-

    หมายเหตุ:
    – การถ่ายทอดเสียงจะช้ากว่าเวลาจริงประมาณ ๑ นาที
    – หากเสียงมีการขาดหายไปเป็นช่วง ๆ ไม่นานนัก (ประมาณไม่เกิน ๓ วินาที) ขอให้ท่านรับฟังต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของระบบ
    – หากเสียงขาดหายไปเป็นเวลานานมากกว่านั้น ให้ท่านลองรีเฟรชหน้านั้นอีกครั้ง

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6176

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อยากจะบอกท่านทั้งหลายว่า การปฏิบัติธรรมของเรานั้น บุคคลจำนวนมากยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งเกิดความรู้สึกว่ากิเลสมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะชาวต่างชาติเข้ามาปฏิบัติแล้วบอกว่า ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองมี รัก โลภ โกรธ หลง เท่าไร ให้ลองไปปฏิบัติธรรมตามหลักของพุทธศาสนาดู ซึ่งความจริงแล้วเหตุที่เป็นดังนั้น เพราะว่าการปฏิบัติของเรานั้นดำเนินไปผิดทาง

    การที่เราเดินผิดทาง ก็เพราะว่าเมื่อถึงเวลาเราภาวนาแล้วอารมณ์ใจเริ่มทรงตัว เราไม่ได้คลายออกมาแล้วใช้กำลังจากการภาวนาไปพิจารณาวิปัสสนาญาณต่าง ๆ เมื่อจิตไม่มีสิ่งที่ดีเอาไว้ยึดไว้เกาะ ไว้พิจารณา ก็จะฟุ้งซ่านไปหา รัก โลภ โกรธ หลง ที่ตนเองเคยชิน พอจิตมีกำลังมากเพราะมีสมาธิหนุนเสริมอยู่ ก็จะฟุ้งซ่านใน รัก โลภ โกรธ หลง อย่างเป็นงานเป็นการ เป็นหลักเป็นฐานมาก ก็ทำให้ท่านที่ไม่เข้าใจไปกล่าวว่า ยิ่งปฏิบัติ รัก โลภ โกรธ หลง ก็ยิ่งมาก กิเลสก็ยิ่งมาก ถ้าเป็นดังนั้นก็ขอให้รู้ว่าเราทำผิดแล้ว

    การที่เราจะปฏิบัติให้ถูก เมื่อภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้วให้ถอยกลับมาวิปัสสนา การที่เราจะรู้ว่าอารมณ์ใจทรงตัวได้แค่ไหน ก็เหมือนกับเราก้าวไปถึงทางตัน สภาพจิตไม่สามารถดำเนินความเป็นสมาธิต่อไปได้ ก็จะถอยกลับ ในช่วงที่สมาธิจิตถอยกลับมา ถ้าเราไม่หาวิปัสสนาญานให้คิด สภาพจิตก็จะเลี้ยวไปหา รัก โลภ โกรธ หลง โดยอัตโนมัติ

    วิปัสสนาญาณต่าง ๆ ที่เราควรจะคิด ควรจะนำมาพิจารณา ได้แก่ ไตรลักษณ์ คือลักษณะความเป็นจริง ๓ ประการ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของเราก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี ร่างกายของสัตว์อื่นก็ดี วัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด นี่คืออนิจลักษณะ คือความไม่เที่ยงเป็นปกติ

    ในระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็ประกอบไปด้วยความทุกข์ ทุกข์ของการเกิด ทุกข์ของการแก่ ทุกข์ของการเจ็บ ทุกข์ของการตาย ทุกข์ของการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ของการปรารถนาไม่สมหวัง ทุกข์ของการกระทบกระทั่งกับอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น นี่คือทุกขลักษณะ อาการที่ต้องทน แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ต้องทน ก็คือทนคู่กับความเสื่อมสลายตามสภาพนั่นเอง แล้วในที่สุดไม่ว่าเป็นกายเราก็ดี กายคนอื่นก็ดี กายของสัตว์อื่นก็ดี หรือวัตถุธาตุต่าง ๆ ก็ดี ก็ไม่สามารถที่จะยืนยงดำรงอยู่เป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขาได้ ล้วนแล้วแต่ต้องเสื่อมสลายตายพังไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเป็นเราเป็นของเราเลย

    ถ้าพิจารณาอย่างนี้แล้วไม่ชัดเจน ก็ให้แยกร่างกายของเราออกเป็นธาตุ ๔ ก็คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ส่วนที่แข็งเป็นแท่ง เป็นก้อน เป็นชิ้น เป็นอัน จับได้ต้องได้ เป็นส่วนของธาตุดิน ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก เยื่อในกระดูก เส้นเอ็น ตับ ไต ไส้ ปอด อวัยวะภายในภายนอกทั้งหลายทั้งปวง ที่แข้นแข็ง สามารถจับต้องสัมผัสได้ เหล่านี้เป็นธาตุดิน เราลองแยกเอาไว้ส่วนหนึ่ง ว่ากองนี้คือดิน

    ส่วนที่เป็นของเหลว ไหลไปมาในร่างกายเรา มีความเอิบอาบ ชุ่มชื่น เคร่งตึง คือธาตุน้ำ ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำตา น้ำลาย น้ำดี เหงื่อ ไขมันเหลว ปัสสาวะ เป็นต้น เราลองแยกเอาไว้อีกส่วนหนี่ง ว่ากองนี้เป็นธาตุน้ำ

    ส่วนที่พัดไปมา เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเราได้ เรียกว่าธาตุลม ได้แก่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมตามช่องว่างของร่างกาย เช่น ลมในช่องหู ลมในช่องจมูก ลมที่ค้างอยู่ในท้องในไส้คือแก๊ส ลมที่พัดขึ้นเบื้องสูง พัดลงเบื้องต่ำ พัดไปทั่วร่างกาย คือความดันโลหิต สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จัดเป็นธาตุลม แยกเอาไว้อีกกองหนึ่ง

    ส่วนที่ให้ความอบอุนแก่ร่ายกาย คือไฟธาตุที่กระตุ้นให้ร่างกายเจริญเติบโต ไฟธาตุที่เผาผลาญให้ร่างกายนี้ทรุดโทรมลง ไฟธาตุที่ช่วยในการสันดาปย่อยอาหาร ไฟธาตุที่ยังร่างกายให้เกิดความกระวนกระวายยามเจ็บไข้ได้ป่วย สิ่งเหล่านี้เป็นธาตุไฟ แยกไว้กองหนึ่ง

    นี่เป็นดิน นี่เป็นน้ำ นี่เป็นลม นี่เป็นไฟ มาดูใหม่ให้ชัด ๆ อีกครั้งหนึ่งว่า กองนี้คือดิน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ตับ ไต ไส้ ปอด อวัยวะภายในภายนอกทั้งปวง แยกไว้หนึ่งกอง ธาตุน้ำคือเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำลาย น้ำตา น้ำดี ไขมันเหลว ปัสสาวะ แยกไว้อีกหนึ่งกอง ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมตามช่องว่างของร่างกาย ลมที่ค้างอยู่ในท้องในไส้ ลมที่พัดขึ้นเบื้องสูง พัดลงเบื้องต่ำ พัดไปทั่วร่างกาย แยกไว้อีกกองหนึ่ง ส่วนที่ให้ความอบอุ่น กระตุ้นให้ร่างกายเจริญเติบโต เผาผลาญร่างกายให้ทรุดโทรมลง ช่วยสันดาปย่อยอาหาร กระตุ้นร่างกายให้เกิดความกระวนกระวายยามเจ็บไข้ได้ป่วย แยกเอาไว้อีกกองหนึ่ง

    ส่วนนี้เป็นดิน ส่วนนี้เป็นน้ำ ส่วนนี้เป็นลม ส่วนนี้เป็นไฟ เมื่อแยกออกมาแล้วตัวตนของเราอยู่ที่ไหน ? เพราะหมดเกลี้ยง..ไม่มีอะไรเหลือเลย เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสภาพร่างกายนี้ จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา เป็นเพียงธาตุ ๔ เป็นเพียงสมบัติของโลกที่เรายืมมาใช้ชั่วคราวเท่านั้น ถึงเวลาก็เสื่อมสลาย ตาย พังไปตายสภาพ ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

    เมื่อพิจารณาถึงจุดสุดท้ายแล้วก็รวบกลับมา คือเราไม่ปรารถนาการเกิด เราปรารถนาพระนิพพานแห่งเดียว แล้วยกกำลังใจของเรา ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ หรือว่ายกจิตขึ้นสู่พระนิพพานไปเลยก็ได้ ให้ตั้งใจว่าภาพพระพุทธรูปนี้เป็นพุทธนิมิต แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน เอาจิตจดจ่อแน่วแน่อยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ตั้งใจว่าถ้าเราตายลงไปเมื่อไร ขอมาอยู่กับพระองค์ท่านที่นี่แห่งเดียว

    หลังจากนั้นก็ดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนากำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงหรือหายไป คำภาวนาหายไป ให้กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๖

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    เราลองมาทรมานตัวเองกันสักรอบหนึ่ง สร้างเสริมกำลังใจเพื่อเอาชนะไอโฟนให้ได้ ลองไม่ใช้ดูสิ จะมีความสุขมากเลย สมัยที่ทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดอยู่ อาตมาก็ซื้อรถเบนซ์ ๑ คันถวายหลวงพ่อพระเทพเมธากร เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ต้องคอยดูแลรถให้ท่านด้วย กลับเข้ามาวัดจะค่ำมืดดึกดื่นแค่ไหน ก็ต้องมาตรวจสอบน้ำ น้ำมัน น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันคลัซ เช็ดถูทำความสะอาดรถเรียบร้อย พร้อมที่จะเดินทางต่อแล้วถึงได้นอน

    ทำไปทำมาเกิดความรู้สึกว่า “ตกลงว่าเราเป็นเจ้าของรถหรือว่ารถเป็นเจ้าของเรา ?” ท้ายสุดก็สรุปได้ว่า ถ้าเรามีอะไรก็ตาม สิ่งนั้นจะเป็นเจ้าของเรา แบบเดียวกับแมว แมวอยู่ที่ไหนก็ถือว่าแมวเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้น..คนเลี้ยงแมวจึงเป็นสมบัติของแมวด้วย ถึงเวลาต้องหามาให้แมวกิน แมวกับหมาคิดคนละอย่างกัน หมาจะคิดว่าคนเป็นจ่าฝูง เป็นผู้นำ แต่แมวเห็นเจ้าของเป็นบริวารรับใช้

    เรื่องข้าวของต่าง ๆ เมื่อมีเข้ามา เราก็ต้องคอยดูแล เสร็จแล้วก็ใช้สอยแบบเพลิดเพลิน ถึงเวลาก็ขาดไม่ได้ ลองปิดโทรศัพท์ทิ้งสัก ๓ วัน มีใครตัดใจได้บ้างไหม ? จะต้องมีข้ออ้างสารพัด ท้ายสุดก็ต้องเปิด แปลว่าเราตกเป็นทาสของเทคโนโลยีแบบโงหัวไม่ขึ้น..!

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา ว่าเราคิดจะสลัดหลุดพ้นจริงไหม ? ตรงนี้แหละจะเกิด “ความอาลัย” ที่แปลว่าตัดไม่ขาด เกิดความห่วงหาอาลัย ตัดไม่ขาด ไม่อาจจะตัดใจได้ ดังนั้น..ถ้ากำลังของเราไม่สูงพอ จะตัดอะไรไม่ได้สักอย่าง ถ้ากำลังของเราสูงพอก็ตัดได้ทุกอย่างเหมือนกัน
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -หลวงปู่ดูลย์.jpg

    มีคนบอกว่า หลวงปู่ดูลย์สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างศาลา คงได้บุญมหาศาล หลวงปู่ก็หัวเราะบอกว่า ถ้าอยากได้บุญ ใครเขาจะมาเอาบุญตรงนี้กัน

    เพราะบุญประเภทนี้ยังเป็นบุญที่ต้องเกิด บุญอย่างหลวงปู่เป็นบุญที่ไม่เกิดแล้ว บุญที่ไม่เกิดแล้วก็ต้องเข้าหาเรื่องของโลกุตรธรรม เน้นในเรื่องของมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ จบได้ก็ให้จบเลย

    ฉะนั้น..ถ้าพวกเรารู้สึกว่า น่าจะจบได้ก็ไปเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจว่า “เดี๋ยว..รอหลวงพ่อก่อน..” ไม่ต้อง..ไปเลย ขืนรอหลวงพ่อก่อน หันมาอีกที ไม่รู้ใครรอใครกันแน่ …(หัวเราะ)…

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เดือนเมษายน ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ทางวัดจะรับเม็ดเงินร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำจำลอง แค่วันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ต้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น (๑-๒-๓ มิ.ย. ๒๕๖๑) ถ้ายังไม่พอทางวัดจะซื้อเม็ดเงินเพิ่มเติมจนครบ ใครถวายทีหลังทางวัดจะนำไปใช้อย่างอื่นแทนครับ

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post211726">#post211726” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=211726 #post211726

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -อยากทราบว่าเวลาคนอ.jpg

    ถาม :
    อยากทราบว่าเวลาคนอื่นขอยืมเงินเรา เราให้เขายืม แต่พอเรามีปัญหา แม้เงินเราเองเราขอทวงคืน เขาก็บอกจะผ่อนให้ แต่ผ่อนได้เดือนเดียวก็ยังไม่ให้อีก เลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขา จะมีวิธีทำใจอย่างไรที่จะไม่คิดร้ายกับเขา และยังอยากได้เงินคืน ถ้าไม่ได้คืนจะทำใจอย่างไร ไม่ให้เป็นทุกข์ ?

    ตอบ : ให้เงินใครยืมให้ทำใจว่า เงินตกน้ำไปแล้ว ถ้าได้คืนถือว่าเป็นกำไร ถ้าไม่ได้คืนก็เสมอตัว

    จำไว้ว่านิสัยอย่างพวกเรา “หน้าไม่ด้าน ใจไม่ดำ อย่าไปให้เขายืมเงิน” ถึงเวลายืมเงินคนอื่นตัวเองก็อาย พอยืมได้มาก็ตะเกียกตะกายขวนขวายไปคืนเขา หาความสุขไม่ได้ พอคนอื่นยืมเราก็ดันไม่กล้าทวงอีก โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย เพราะฉะนั้น…ท่องเอาไว้ประจำใจเลยว่า “อย่าเป็นหนี้ใคร และอย่าให้ใครเป็นหนี้”
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ครูบาอาจารย์ให้การสงเคราะห์


    ถาม: กำลังนั่งสมาธิอยู่สักพักหนึ่งหลวงพ่อท่านมา ผมก็ไม่ได้คิดถึงหลวงพ่อนะครับ หลวงพ่อมาองค์ใหญ่มากเลยมานั่งอยู่หน้าห้อง ผมก็หันไปมองท่าน ทีแรกผมจำไม่ได้ท่านก็ขยับแว่น แล้วท่านก็บอกว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ฝึกมาก ๆ นะ เดี๋ยวเจอกัน ผมกราบท่านแล้วก็ร้องไห้ด้วย มีโอกาสเป็นนิมิตไหมครับ ?

    ตอบ: โอกาสอย่างนั้นหายาก ครูบาอาจารย์ที่ท่านจะมาสงเคราะห์เรา จริง ๆ งานของท่านเยอะ เวลาของเราเองถ้าหากไม่ตรงกัน ท่านก็สงเคราะห์ไม่ได้

    มีอยู่เที่ยวหนึ่งหลังจากที่หลวงพ่อท่านมรณภาพไปแล้ว อาตมาเองก็ไปอยู่ทองผาภูมิโน่น… ตอนเช้า ๆ ก็ว่าจะขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน ปรากฏว่าไปเจอหลวงพ่อไล่เคาะประตูบ้านนั้นบ้านนี้ป๊อก ๆ ไล่เคาะไปเรื่อยเดินเหงื่อท่วมเลย ก็เลยไปกราบท่าน ขำก็ขำ ถามว่าหลวงพ่อครับ ตายแล้วยังเหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือครับ ? ท่านบอกว่าตายนี่มันแย่กว่าเดิมหลายเท่าเลย เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเรียกทำเป็นไม่ได้ยินก็ได้ แต่ตายแล้วเขาเรียกได้ยินทุกทีเลย

    คราวนี้จากลักษณะนั้น ก็แสดงว่าถ้าหากว่าใครที่มีกำลังใจส่งถึงท่าน คิดถึงท่าน นึกถึงท่าน ในช่วงนั้นจะสามารถพบท่านได้ไม่วิธีใดวิธีหนึ่ง อาจจะฝันเห็นหรือว่านิมิตเห็นในขณะทำกรรมฐาน หรืออาจจะเห็นมาทั้งตัวเลย

    ถาม: แต่ท่านมาคล้าย ๆ กายทิพย์ครับ ใส ๆ ?

    ตอบ: ท่านจะต้องมีวิธีให้รู้ว่าท่านมา แต่คราวนี้จะเป็นแบบไหนเท่านั้นเอง เล่นไปไล่เคาะทีละบ้านเลย เอาไม้เท้าเคาะป๊อก ๆ เดี๋ยวไปบ้านโน้นก็ป๊อก ๆ เหมือนว่ามาแล้วอะไรอย่างนี้ คือว่าตัวคนที่อยู่นั้นเขาจะรู้เองว่า มาอย่างไร เขาอาจจะฝันเห็นเก็บไว้เป็นกำลังใจตัวเอง หรือนั่งกรรมฐานนิมิตเห็น หรือว่าอาจจะมาด้วยกายเนื้อเป็นองค์มาเลย นั่นเป็นวิธีของท่านที่ท่านจะทำ แต่ขำก็คือว่า แหม…ในนิมิตท่านเล่นเหนื่อยเหงื่อโทรมมาเลย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ท่านทำให้ดูว่างานเยอะขึ้นขนาดไหน

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    พรุ่งนี้พบกันนะครับขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดบันไดขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท วัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๗ พ.ค. ๒๕๖๑
    กำหนดการพิธีเปิดบันไดขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
    ณ มณฑลพิธีข้างสำนักงานเทศบาลตำบลท่าขนุน
    ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    ๐๗.๔๕ น. ๐๘.๐๐ น.
    ——————-
    – ทุกฝ่ายพร้อม ณ บริเวณปะรําพิธี
    – ว่าที่ร้อยตรีสุจินต์ ศรีวิเชียร นายอำเภอทองผาภูมิ
    จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
    – ศาสนพิธีกรอาราธนาศีล
    – ประธานสงฆ์ให้ศีล
    – ว่าที่ร้อยตรีสุจินต์ ศรีวิเชียร นายอำเภอทองผาภูมิ
    ทําการเปิดบันได
    – คณะสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
    – แขกผู้มีเกียรติน้อมถวายปัจจัยไทยธรรมแก่คณะสงฆ์
    – เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเดินขึ้นบันไดไปสักการะ
    รอยพระพุทธบาท

    ขอบพระคุณวีดีโอจากชมรมโมทนาบุญพลังจิตค่ะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...