ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “สุญญกัป ยุคมืด”

    สุญญกัป คือ ช่วงเวลาที่ไม่มีพุทธศาสนาเลย
    เกิดขึ้นในช่วงขั้นเวลาระหว่างพุทธันดร เป็นยุคมืด

    (เทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ระหว่างสุญญกัป พุทธันดรหนึ่ง ระหว่างพระพุทธเจ้าองค์นี้ต่อองค์นั้น เป็นสุญญกัปไม่มีศาสนาเลย อย่างนี้ ใครจะไปทราบได้อย่างไร ว่าบุญเป็นอย่างไร บาปเป็นอย่างไร นรกสวรรค์เป็นอย่างไร ไม่ทราบ ก็ทำตามอำเภอใจที่กิเลสบังคับบัญชาไปเท่านั้น เพราะไม่มีศาสนาพร่ำสอนให้รู้เรื่องรู้ราวในความผิดถูกชั่วดีทั้งหลาย อันนี้ก็เรียกว่าเกิดมาเป็นมนุษย์เฉยๆ และขาดทุนไปเปล่าๆ เสียประโยชน์ในภพชาติหนึ่งๆ แต่เราไม่ได้เป็นเช่นนั้น เกิดมาพบพระพุทธศาสนาด้วย ถึงความเป็นมนุษย์ด้วย และได้ประพฤติปฏิบัติศาสนธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วย จึงชื่อว่าเป็นผู้สร้างนิสัยอันดีงามไว้สำหรับตน และสร้างอุปนิสัยให้มีความแก่กล้าสามารถขึ้นภายในจิตใจด้วยความดีทั้งหลาย แล้วความดีนี้แล จะเป็นเครื่องสนองตอบแทนเรา ไปสู่สถานที่ใดก็ตาม เมื่อคนมีความดีภายจิตใจแล้ว ก็เช่นเดียวกับคนที่มีเงินติดกระเป๋าไปเป็นจำนวนมาก พอกับความต้องการ

    จะไปบ้านใดเมืองใดไปที่ไหนสะดวกสบาย เพราะเงินเป็นแก้วสารพัดนึก ใช้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างแทนตัวของเรา เป็นเครื่องสนองความต้องการของเรา บุญกุศลก็เป็นแก้วสารพัดนึก เราจะให้ทานรักษาศีลภาวนาชนิดใดก็ตาม รวมผลของการกระทำนั้นแล้ว เรียกว่า บุญด้วยกัน บุญนี้แลเป็นแก้วสารพัดนึก เรานึกน้อมอย่างไรก็เป็นมาตามความคิดความนึกของเรา เพราะตนได้สร้างไว้แล้วเช่นนั้น

    บุญนี้แลที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านสอนให้สัตว์ทั้งหลายบำเพ็ญ บาปท่านสอนให้ละ คือสิ่งที่ทำความเดือดร้อนเสียหายแก่ตนเอง ท่านสอนให้ละให้ปล่อยให้วาง ท่านสอนให้บำเพ็ญสิ่งที่เป็นผลเป็นประโยชน์เป็นเครื่องค้ำชูอุดหนุนตน ให้มีความสุขความเจริญในภพนั้นๆ ไม่ว่าปัจจุบันและอนาคต จะได้อาศัยสิ่งเหล่านี้ จึงสอนให้บำเพ็ญคุณงามความดี ไม่ให้เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ สร้าง กุสลา ธมฺมา ไว้ภายในจิตใจของเราให้เพียงพอ

    -สุญญกัป-ยุคมืด.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เมื่อจิตมีความสงบเข้าไปหลายครั้งหลายหนก็สร้างฐานของตนขึ้นให้เป็นความมั่นคง จิตสงบย่อมไม่ส่ายแส่ไปตามอารมณ์ ทรงความรู้ไว้เด่นชัดภายในจิตใจพร้อมกับความเย็นความสบายภายในใจ นี้เรียกว่าจิตสงบ เมื่อจิตสงบอย่างนี้หลายครั้งหลายหน ในขณะที่จิตสงบแต่ละครั้งๆ นั้นก็สร้างฐานแห่งความมั่นคงขึ้นที่ใจของเรา เมื่อสงบหลายครั้งเข้าไปใจก็เกิดความแน่นหนามั่นคงขึ้นมา ท่านเรียกว่าใจเป็นสมาธิ คือความตั้งมั่นของใจ เพราะมีรากฐานมั่นคงเนื่องจากความสงบเป็นเครี่องหล่อเลี้ยงจิตใจสร้างฐานขึ้นมาหลายครั้งหลายหน จนปรากฏเป็นความแน่นหนามั่นคงขึ้นที่ใจ นี่ท่านเรียกว่าใจเป็นสมาธิ นี่ก็เรียกว่าเป็นความจริงปรากฏขึ้นแล้วในผู้ปฏิบัติ

    ถ้าไม่ปฏิบัติไม่รู้ เรียนสักเท่าไรก็จำได้แต่ตามตำรับตำราเท่านั้นหาความจริงไม่ได้ คำว่าสมาธิก็จำได้แต่ชื่อ องค์ของสมาธิอย่างแท้จริงไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน แต่เมื่อเราได้ปฏิบัติแล้วองค์แห่งความจริงของสมาธินั้นปรากฏขึ้นที่ใจของผู้ปฏิบัติ และเป็นสมบัติของผู้นั้นด้วยไม่เหมือนความจำ ความจำจำได้ก็จริงแต่ถ้าไม่มีภาคปฏิบัติแล้วความจำได้ก็สักแต่ว่าจำได้เท่านั้น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหาประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของกิเลสทั้งมวลนั้นไม่ได้บกบางไปเลยเพราะความจำนั้นๆ เพราะฉะนั้นเพียงความจำเท่านั้นจึงเพียงเป็นปากเป็นทาง ยังไม่จัดว่าได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงไร ต่อเมื่อเราได้นำภาคความจำนั้นเข้ามาสู่ภาคปฏิบัติจนปรากฏเป็นผลแห่งความจริงขึ้นมานั้นจึงชื่อว่าเป็นผลขึ้นมาแล้ว

    ศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาที่ทรงมรรคทรงผลมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ด้วยสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว แม้จะปรินิพพานนานเพียงไรก็ตามคำว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นธรรมขั้นใดต่อขั้นใด ทรงแสดงให้เป็นไปตามจุดหมายปลายทาง คือจุดหมายแห่งความสิ้นสุดวิมุตติพุทโธ ก็ไม่พ้นจากคำว่าสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วนี้เลย นี่เป็นภาคปฏิบัติ

    พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมครูสอนพระปริยัติธรรมรุ่นที่ ๕ ณ วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เมื่อ ๒๒ เมษายน ๒๕๓๖

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เราบวชแต่ยังเล็ก มิได้มาเลี้ยงบิดามารดาเหมือนกับคนธรรมดา แต่หล่อเลี้ยงน้ำใจของท่านด้วยเพศสมณะ ตอนนี้เราคุยโม้โอ้อวดได้เลยว่า เราเกิดเป็นลูกผู้ชาย ได้บวชแต่เล็ก มิได้เลี้ยงบิดามารดา เหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป แต่หล่อเลี้ยงน้ำใจของท่านทั้งสองด้วยทัศนะเพศสมณะ อันเป็นที่ชอบใจของท่านอย่างยิ่ง ระลึกถึงท่านอยู่เสมอว่า ลูกของเราได้บวชแล้วๆ ถึงอยู่ใกล้หรือไกลตั้งพันกิโลเมตร ก็มีความดีใจอยู่อย่างนั้น แล้วก็สมประสงค์อีกด้วย ท่านทั้งสองแก่เฒ่าลง เราก็ได้กลับมาสอนท่านให้เพิ่มศรัทธาบารมีขึ้นอีก จนบวชเป็นชีปะขาวทั้งสองคน และภาวนาเกิดความอัศจรรย์หลายอย่าง ทำให้ศรัทธามั่นคงขึ้นไปอีก เราสอนไปทางสุคติ ท่านทั้งสองก็ตั้งใจฟังโดยดี เหมือนอาจารย์กับศิษย์จริงๆ เต็มใจรับโอวาททุกอย่าง ท่านไม่ถือว่าลูกสอนพ่อแม่

    บิดาบวชเป็นชีปะขาวอยู่ได้ ๑๑ ปี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๗๗ ปี มารดาบวชเป็นชีอยู่ได้ ๑๗ ปี จึงถึงแก่กรรม อายุได้ ๘๒ ปี มารดาเสียชีวิตหลังบิดา ตอนจะตายเราก็ได้แนะนำสั่งสอนจนสุดความสามารถ เราได้ชื่อว่า ได้ใช้หนี้บุญคุณของบิดามารดา สำเร็จแล้ว หนี้อื่นนอกจากนี้ไม่มีแล้ว ท่านทั้งสองล่วงลับไปแล้ว เราก็ได้ทำฌาปนกิจศพให้สมเกียรติท่านตามวิสัยของเราผู้เป็นสมณะอีกด้วย

    ดีเหมือนกันที่เราบวชในพระพุทธศาสนา และได้อยู่นานถึงปานนี้ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังขารร่างกาย พร้อมทั้งโลกภายนอกด้วย ได้เห็นอะไรหลายอย่างทั้งดีและชั่ว เพิ่มปัญญาความรู้ของเราขึ้นมาอีกแยะ นับว่าไม่เสียทีที่เกิดมาร่วมโลกกะเขา คิดว่าเราเป็นหนี้บุญคุณโลก เอาดิน น้ำ ลม ไฟ ของเขามาปั้นเป็นรูปกาย แล้วเราจึงได้มาครองอยู่ มาบริโภคใช้สอย ของที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งนั้น ของเราแท้ๆไม่มีอะไรเลย ตายแล้วก็สละปล่อยทิ้งไว้ในโลกทั้งนั้น

    บางคนไม่คิดถึงเรื่องเหล่านี้ จึงหลงเข้าไปยึดเอาจนเหนียวแน่น ว่าอะไรๆก็ของกูๆไปหมด ผัว เมีย ลูกหลาน เครื่องใช้ในบ้าน ของกูทั้งนั้น แม้ที่สุด ของเหล่านั้นที่มันหายสูญไปแล้ว หรือมันแตกสลายไปแล้วก็ยังไปยึดว่าของกูอยู่ร่ำไป…”

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -มิได้.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “เรื่องขบขับของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม”

    (เขียนโดย พระ วีระศักดิ์ โพธิสัตย์)
    (บางตอนจาก เรื่อง “เฒ่าตื้อเจ็บเส้น”)

    หลวงปู่ชอบเวลาเล่าถึง หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เพื่อนสหายธรรมของท่าน ท่านมักจะหัวเราะในเรื่องของหลวงปู่ตื้อที่ท่านเล่า

    หลวงปู่ชอบ : “เฒ่าตื้อกินข้าวลอดช่อง ซดซ้อนเสียงดังโก๊กๆจนอาจารย์ใหญ่มั่นท่านฮ้องด่าคับศาลา ท่านตื้อ.! คือมาเฮ็ดจั่งซี้ ซดซ้อนเสียงดังโก๊กๆ เฒ่าตื้อว่า ครูบาอาจารย์ กะข้าน้อยแซ่บเน๊าะ อาจารย์ใหญ่เพิ่นกะฮ้อง อะฮู้ (อะฮู้เป็นภาษาคำอุทานของคนภูไทสกลนคร นครพนม แปลว่า โอ้โห อะไรว่ะ)

    หลวงปู่ชอบเวลาท่านเล่าเรื่องหลวงปู่ตื้อท่านมักจะหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง จนพวกเรานกกระเต็นเอ็นน้อยก็พลอยท้องขึ้นหัวเราะขำขันไปตามองค์ท่าน

    หลวงปู่ชอบ : “ท่านตื้อแบกเสาเอามาสร้างศาลาวัดป่าเมี่ยงแม่สายจนเจ้าของเอวหยอกเจ็บเส้น ท่านตื้อบอกเฮา ครูบาๆเหยียบเส้นให้ผมแน่ เฮากะเอาส้นตีนขึ้นเหยีบเส้นให้ท่านตื้อ อาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นมาเห็นเฮาขึ้นเหยีบหลังครูบาตื้อ อาจารย์ใหญ่เพิ่นหยอกท่านตื้อ อาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นขึ้นเหยียบหลังให้ท่านตื้อ เพิ่นว่า

    “คักบ่ ตื้อลูกกู บักดื้อ บักมึน”

    หลวงปู่ชอบ : “ครูบาตื้อพอฮู้ว่าอาจารย์ใหญ่มั่นเหยียบหลังให้ เจ้าของ ท่านตื้อกะฟ้าวลุกป่องง่องขึ้นมาเอาตีนอาจารย์ใหญ่มั่นวางใส่หัวเจ้าของ ครูบาตื้อว่ากับท่านอาจารย์ใหญ่มั่น เหยียบกิเลสในหัวใจข้าน้อยนี่ เหยียบๆ ท่านตื้อเอาตีนพ่อแม่ครูจารย์มั่นวางใส่เกล้ากระหม่อมเจ้าของ เฮาเห็นแล้วกะอยากหัวพ่อกับลูกหยอกกัน ท่านตื้อนี่ฮักพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นหลาย ตายแทนกันได้”

    เราผู้บันทึกถาม ตอนสำคัญปี ๒๔๗๘ ที่หลวงปู่มั่นท่านอยู่ถ้ำดอกคำเมืองพร้าว เชียงใหม่ ครูอาจารย์(หลวงปู่ชอบ)ก็ร้องไห้ในปรามนูธรรมธาตุขององค์ท่านหลวงปู่มั่น ตอนนั้นหลวงปู่ตื้ิอก็อยู่ด้วยกัน หลวงปู่ตื้อท่านว่ายังไงกับในเหตุการณ์นั้น

    หลวงปู่ชอบ : “พอเฮาบอกว่าพ่อแม่ครูจารย์มั่นจิตเพิ่นเป็นธรรมธาตุแล้วเด้ ครูบาตื้อเพิ่นกะฮ้องเสียงดังขึ้นคับถ้ำดอกคำเมืองพร้าว อะฮู้ๆ อัศจรรย์ใจกูเด้ๆ”

    หลวงปู่ชอบ : “ในตอนนั้น อยู่ถ้ำดอกคำ มีครูบาตื้อ(อจธัมโม) ครูบาเกตุเจดีย์หลวง(หลวงปู่เกตุ วัณณาโก) อยู่ถ้ำดอกคำนำกันวันที่อาจารย์ใหญ่มั่นท่านระเบิดปรมนูธรรมธาตุ ข้ามมาอีกวันเราไปบิณฑบาตรอยู่บ้านน้ำแพร่ เราเอาอาหารบิณฑบาตรที่เจ้าของได้รับมานั้นใส่ลงไปในบาตรของท่านอาจารย์ใหญ่มั่นทั้งหมด”

    หลวงปู่ชอบ : “เราตั้งสัจจะเจ้าของต่อหน้าท่านอาจารย์ใหญ่มั่นตอนใส่บาตรให้องค์ท่าน สาธุเด้อ.! บ่ว่าข้าน้อยนี่สิเหยียบย่ำแผ่นดินใดคำว่าอัตคัตขัดสนต่อสินทรัพย์แลปัญญานี่ในผู้ข้านั้นกะบ่ให้เป็นอุปสรรค บ่ว่าข้าพเจ้าสิเหยียบย่ำเข้าไปในแผ่นดินใดกะขอให้พวกกายทิพย์กายหยาบเมตตาในผู้ข้านี่”

    หลวงปู่ชอบ : “พอเราว่าจบสัจจะ วันนั้นครูบาตื้อจัดบาตรอาหารใส่บาตรให้พ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านตื้อกะน้ำตาย้อยปกๆ เพิ่นอาจารย์ใหญ่มั่นถามท่านตื้อ ท่านตื้อ ไห่พิสัง (ท่านตื้อร้องไห้ทำไม) ครูบาตื้อว่า กะคนมันอยากร้องไห้เน๊าะข้าน้อย อาจารย์ใหญ่เพิ่นกะตาขึงว่า อะฮู้ ขี่โย่ยแท้คนเฮา (อะไรว่ะคนเรา ทำไมเป็นคนอ่อนแอจัง)”

    หลวงปู่ชอบ : “อาจารย์ใหญ่(มั่น)พาพวกเราออกจากถ้ำดอกคำกลับมาบ้านป่าเมี่ยงแม่สาย ตอนนั่นอาจารย์เทสก์(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) อาจารย์อ่อน(หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ) อาจารย์ฝั้น(หลวงปู่ฝั้น อาจาโร) อาจารย์พรหม(หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ) พากันคุมกำลังพระเณรอยู่บ้านป่าเมี่ยงแม่สาย เราบอกอาจารย์เทสก์ พ่อแม่ครูจารย์(องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) เพิ่นระเบิดปรมนูจิตเป็นธรรมธาตุแล้วเด้อ พอเราบอกแบบนี่ อาจารย์เทสก์(เทสรังสี) เพิ่นหมอบลงกับแผ่นดินแล้วฮ้องไห่ออกมา อาจารย์เทสก์เพิ่นจับมือเฮาว่า เหลือแต่พวกเฮาเน๊าะครูบาๆ”

    พอว่าจบเราผู้บันทึกสังเกตุดูกิริยาของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบท่านก็นิ่งไปสายตาขององค์ท่านมองขึ้นไปบนเพดานห้องศาลาเมรุวัดป่าโคกมน องค์ท่านว่า

    “ตอนนั่นปี ๒๔๗๓ ถ้าบ่มีอาจารย์เทสก์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) เณรสิม วงษ์เข็มมา (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) ไปตามเฮามาหาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น เฮากะบ่มีมื้อนี่ให้พวกขี้ตาโบ้ยได้เห็น เกิดเป็นคนนั่นอย่าสิไปไลลืมบันไดแรกเด้อโบ้ย”

    พอองค์ท่านหลวงปู่ชอบว่า

    “บ่ให้ไลลืมบันไดแรก
    ทำนบน้ำตาก็กลั้นกันไม่อยู่
    บ่ไลให้ลืม ” คือ (กตัญญู)

    -เรื่องขบขับของหล.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บุรุษผู้หนึ่งหิวน้ำจัด เพราะเดินทางมาไกล มาขอกินน้ำ เจ้าของน้ำก็บอกว่า น้ำนี่จะกินก็ได้ สีมันก็ดี กลิ่นมันก็ดีรสมันก็ดี แต่ว่ากินเข้าไปแล้วมันเมานะ บอกให้รู้เสียก่อน เมาจนตาย หรือเจ็บเจียนตายนั่นแหละ แต่บุรุษผู้หิวน้ำก็ไม่ฟัง เพราะหิวมากเหมือนคนไข้หลังผ่าตัดที่ถูกหมอบังคับให้อดน้ำ ก็ร้องขอน้ำกิน

    คนหิวในกามก็เหมือนกัน หิวในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ล้วนของเป็นพิษ พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ว่า รูป เสียง กลิ่นรส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น มันเป็นพิษเป็นบ่วง ก็ไม่ฟังกันเหมือนกับบุรุษหิวน้ำผู้นั้น ที่ไม่ยอมฟังคำเตือนเพราะความหิวกระหายมันมีมาก ถึงจะต้องทุกข์ยากลำบากเพียงใด ก็ขอให้ได้กินน้ำเถอะ เมื่อได้กินได้ดื่มแล้ว มันจะเมาจนตาย หรือเจียนตายก็ช่างมัน จับจอกน้ำได้ก็ดื่มเอาๆ เหมือนกับคนหิวในกามก็กินรูป กินเสียง กินกลิ่น กินรส กินโผฏฐัพพะ กินธรรมารมณ์ รู้สึกอร่อยมาก ก็กินเอาๆ หยุดไม่ได้ กินจนตาย ตายคากาม

    อย่างนี้ท่านเรียกว่าติดโลกียวิสัย ปัญญาโลกีย์ก็แสวงหารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ถึงปัญญาจะดีสักปานใดก็ยังเป็นปัญญาโลกีย์อยู่นั่นเอง สุขปานใดก็แค่สุขโลกีย์มันไม่สุขเหมือนโลกุตตระ คือมันไม่พ้นโลก

    หลวงปู่ชา สุภัทโท

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โลกนี้มันเป็นอยู่อย่างนี้ อย่าห่วงมัน
    สัตว์โลกมันกักขังตัวเองอยู่ในโลกธรรม
    เป็นเจ้าความคิด
    เป็นเจ้าของโลก
    แต่พระพุทธะนั้นวางแม้กระทั่งพระธรรม
    ไม่ยึดไม่วาง/บริสุทธิ์หมดจดต่อโลก
    จึงว่าอย่าเมาโลกอย่าหลงโลกอย่าหลงธรรม

    มหาปุญฺโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ……………………………………
    น้อมรำลึก ๑๐๘ ปี ชาตกาล
    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๕๓ – ๒๕๖๑

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    -ๆ-แรง-ก็คงจะ.jpg

    “ช่วยกันหลาย ๆ แรง ก็คงจะพอ คือตอนนี้นี่ หนูไปดูลาดเลาเกี่ยวกับเรื่องฉัตรทองคำนี้ มันยังเบา คือยังไกลเป้าเกินไป ยังไม่ถึงครึ่งที่จะได้ทำฉัตรทองถวายหลวงตามหาบัว จึงขอให้ทุกคนช่วยประชาสัมพันธ์ “.
    พระดำรัสสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เมื่อที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมทุ่งศรีเมือง โรงแรมเซ็นทาราโฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ระวังหน๋า ตอนนี้พูดกันปากกว้าง
    โสเหร่เฮฮาอย่างสูเจ้า พูดมากปากแฉะ
    ตายไปเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม
    สูเจ้านี้ต้องแจกปลาสเตอร์ปิดปากเอาไว้
    …………………………………..
    มหาปุญฺโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ……………………………………
    น้อมรำลึก ๑๐๘ ปี ชาตกาล
    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๕๓ – ๒๕๖๑

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ตอนนี้พูดกันป.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…จงกำหนดเข้าไป พิจารณาเข้าไป จิต ถ้าพูดตามหลักการพิจารณาแล้ว จิตก็เป็นตัวอนิจจัง เป็นตัวทุกขัง เป็นตัวอนัตตา เพราะยังมีสมมุติแทรกอยู่ จึงต้องเป็นลักษณะสาม คือ “ไตรลักษณ์” ได้ จงฟาดฟั่นหั่นแหลกลงไปที่ตรงน้้น

    โดยไม่ต้องยึดมั่นถือมั่นว่า จิตนี้เป็นเรา จิตนี้เป็นของเรา ไม่เพียงแต่ ไม่ยึดมั่นถือมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เท่าน้้น

    ยังกำหนดให้เห็นชัดเจนในตัวจิตอีกว่า ควรจะถือเป็นเรา เป็นของเราหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ? เอ้า! กำหนดลงไป พิจารณาลงไป แยกแยะ ให้เห็นชัดตามความเป็นจริง สิ่งที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ภายในจิตนี้ จะกระจายออกหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย เมือ่ธรรมชาตินี้ได้กระจายหายไป ไม่มีอะไรเหลือแล้ว อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่มีอยู่ภายในจิตก็หายไปพร้อมกัน เป็นจิตที่สิ้นสมมุติโดยประการท้ังปวงแล้ว คำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงไม่มีในจิตอีกต่อไปตลอดอนันตกาล…”

    หลวงตาพระมหาบัว ณาณสัมปันโน

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พิจารณาเ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…อย่างหลวงปู่ชอบ (ฐานสโม) นี่ เดินไปนี่ ทั้งวันก็อยู่ในสมาธิได้ จิตสงบอยู่อย่างนั้น เอา พุทโธ อยู่อย่างนั้น เดินไปๆ เหยียบดินก็คล้ายกับว่าเดินอยู่บนอากาศ

    ถ้าจิตฟุ้งซ่านรำคาญก็จะเป็นเหมือนเอาไฟมาเผาหัวใจอยู่นั่น จะไฟอะไรก็ไฟราคะ โทสะ โมหะ นั่นล่ะที่เผาอยู่นั่น…อันนี้ล่ะก่อกวนและปิดบังธรรมะของพระพุทธเจ้า

    ทิฐิมานะก็อีกตัวหนึ่ง ยกตัวเองอยู่นั่น แต่เห็นคนอื่นชั่วไปหมด

    แล้วอรรถธรรมของพระพุทธเจ้าจะโผล่ขึ้นได้ยังไง เพราะมันติดอยู่ จิตมันไม่สะอาด ให้ชำระจิตตนเองให้สะอาด

    วางจิตลงเป็นผ้าเช็ดเท้าหรือเป็นดินโน่น แล้วอรรถธรรมของพระพุทธเจ้าจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเอง …”

    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง ต.หนองอ้อ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ฐานสโม.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…คนที่เขาปฏิบัติ เขาได้ฌาณ เขาไม่พูดหรอก เขาตั้งใจปฏิบัติต่อไป แต่คนที่ชอบพูดกันนั้น นั่นมันเป็นวิธีหลอก มันหาเงินหาลาภสักการะเข้าตัวมัน อย่าไปยุ่งกับพวกอย่างนี้นะ อย่าไปยุ่ง อย่าไปข้องเกี่ยวนะ นั่นมันหาหลอก…”

    หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -เขาได้.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...