เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ยอดล่าสุดวันนี้ 78,240 บาท ขาดอีก 1,760 ก็จะขึ้นเลข8แล้วค่ะ ฮึ้บๆ
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    33038907_1475760665869005_2153960789394849792_n.jpg
    32752014_1475760702535668_4146536297151856640_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ยาแผนโบราณตำรับวัดท่าซุง

    (มีจำหน่ายที่บ้านซอยสายลมและวัดท่าซุง)

    หลวงพ่อได้กรุณาให้จัดยาจำหน่ายเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานดังนี้

    ๑. ยาพระนอนวัดป่าโมกข์ – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดพีดี ๔๐๐ และยาแคปซูลพีเฮิร์บ” – ซึ่งเป็นยาของท่านผกาพรหม สรรพคุณรักษาโรคได้ทุกโรคตามคำอธิบายของท่าน ซึ่งได้เคยพิมพ์แจกลูกหลานมาแล้ว

    ๒. ยาหนอนตายอยาก – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลบ้านพงษ์ประดิษฐ์” – เจ้าของยาเป็นพระธุดงค์ สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ถ้ารับประทานเป็นประจำทุกวัน จะทำให้แก่ช้า เมื่อจะรับประทานยานี้ให้ถ่ายรูปไว้ก่อน หลังจากรับประทานยาไปแล้วทุกๆ ๑ ปี ให้ถ่ายรูปเพื่อเปรียบเทียบดูกับรูปที่ถ่ายไว้ก่อนรับประทานยา เพื่อตรวจสอบผลของยา ยานี้ควรรับประทานคู่กับยาเก้าร้อยจะให้ผลดีขึ้น

    ๓. ยาเก้าร้อย – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๙๐๐” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่พระอินทร์ ประกอบด้วยพริกไทย ๓๐๐ เม็ด กระเทียม ๓๐๐ กลีบ แห้วหมู ๓๐๐ หัว ตากให้แห้งแล้วบดเข้าด้วยกัน เวลาจะรับประทานให้ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน สรรพคุณเป็นยาปรับระดับความดันของโลหิตให้พอดี คนที่รับประทานยานี้เป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง

    ๔. ยาฤาษีหายป่วย – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาระบายตราพระฤาษี” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่ชีวกโกมารภัจ ชื่อของยาหลวงพ่อได้กรุณาตั้งชื่อเอง สรรพคุณเป็นยาระบาย รับประทานทุกวันจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

    ๕. ยาบำรุงประสาท – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาถ่ายแก้วกาญจน์” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่ชีวกโกมารภัจ สรรพคุณเป็นยาบำรุงประสาท แก้โรคประสาทไม่ปกติ ความจำเสื่อม สมองเลอะเลือน จนกระทั่งถึงบ้า ท่านปู่บอกว่าคนที่เป็นโรคบ้า ๑๐๐% หลังจากรับประทานยานี้ไปแล้ว ๑๕ วัน โรคบ้าจะลดลงเหลือเพียง ๑๕%

    ๖. ยาขยายเส้น – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยากษัยเส้น” – สรรพคุณแก้อาการปวดเมื่อยเส้นตึง เหน็บชา ชาตามมือตามเท้ามากหรือเร็วอย่างผิดปกติเมื่ออยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ

    ๗. ยารักษาโรคอัมพาต – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาแก้ลม” – สรรพคุณรักษาโรคอัมพฤกษ์และอัมพาต อวัยวะบางส่วนของร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ตามปกติ เช่น ปากเบี้ยว หน้าชา ตาแข็ง แขน-ขาหมดแรง กระดิกไม่ได้หรือตายไป

    ๘. ยารักษาโรคมะเร็ง – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๒๐๐” – สรรพคุณรักษาโรคมะเร็งในร่างกายทุกชนิดให้ทุเลาและให้หายจากอาการป่วยของโรคมะเร็งได้ ถ้าผู้ป่วยยังอยู่ในสภาพที่ไม่ทรุดโทรมจนเกินไปและไม่มีโรคอื่นแทรก

    ๙. ยาฟ้าทะลายโจร – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร” – สรรพคุณเป็นยาเย็นใช้แก้ร้อน แก้พิษ บวม ผื่นคัน เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ รักษาแผลสด แผลมีหนอง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เริม งูสวัด รักษาโรคบิด ท้องร่วง กระเพาะ ลำไส้ และระบบทางเดินอาหารอักเสบ รักษาโรคหวัด ไอ เจ็บคอ ปอด ระบบทางเดินหายใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมอง ปาก ฟัน เหงือก หู ถุงน้ำดี และมดลูกอักเสบ รักษาโรคคางทูม และความดันโลหิตสูง

    ๑๐. ยาเทพประทาน – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาระบายตราเทวดานางฟ้า” – ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่พระอินทร์และท่านปู่ชีวกโกมารภัจ สรรพคุณมีผลในการรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ แก้ริดสีดวงทุกประเภท แก้โรคฝีคัณฑสูตร ขับลมดีมาก และเป็นยาระบายในตัว คนที่กินยานี้แล้วแก่ช้ากว่าปกติมาก เสียงจะใสขึ้น ถ้ารับประทานเป็นประจำจะป้องกันโรคมะเร็งได้

    ๑๑. ยาพระประทาน – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๕๐๐” – ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่ชีวกโกมารภัจ ตามตำราที่ท่านว่าไว้มีสรรพคุณแก้โรคทั้งปวง ถ้ากินได้ ๑ เดือน จะอยู่หอก, ๒ เดือนจะอยู่ดาบ กินได้ ๑ ปีจะอยู่แหลนอยู่เข็ม เสือขบไม่ตาย รูปงาม แก่แล้วเป็นหนุ่ม มีปัญญาทรงไตรเภทได้ ผิวเนื้อเหลืองดังดอกการะเกด มีกลิ่นหอมดังดอกอุบล มีกำลังเจ็ดช้างสาร เดินบนน้ำได้

    ๑๒. ยาแก้โรคมะเร็งและโรคอักเสบภายใน

    ตัวยา ขมิ้นชัน ๑ กำมือ กับหญ้าแพรก ๑ กำมือ โขลกให้ละเอียดคั้นกับน้ำปูนใส (ปูนกินกับหมาก) แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

    วิธีใช้ รับประทานครั้งละประมาณ ๑ ถ้วยชา หรือประมาณ ๓๐ ซี.ซี. รับประทานวันละ ๑ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า ๓๐ นาทีหรือ ๑๕ นาทีเป็นอย่างน้อย

    รักษา โรคมะเร็ง และโรคอักเสบต่างๆทั้งหมด เช่น โรคกระเพาะ โรคลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ ไตอักเสบ ฯลฯ หาย

    ถ้าโรคเบาหวาน ขณะที่กินยา ห้ามกินกะปิกับของแสลง คือ ของหวานในช่วงที่กินยา ๓ วันหาย

    ถ้าโรคฝีในท้อง กินเป็นระยะๆ ระยะละ ๓ วัน กินไป ๓ วัน เว้นไป ๗ วัน เป็น ๓ ระยะ ถ้าโรคไต กินวันละ ๓ ถ้วยติดต่อกัน หาย

    ๑. ยาพระนอนวัดป่าโมกข์ – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดพีดี ๔๐๐ และยาแคปซูลพีเฮิร์บ” – ซึ่งเป็นยาของท่านผกาพรหม สรรพคุณรักษาโรคได้ทุกโรคตามคำอธิบายของท่าน ซึ่งได้เคยพิมพ์แจกลูกหลานมาแล้ว

    ๒. ยาหนอนตายอยาก – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลบ้านพงษ์ประดิษฐ์” – เจ้าของยาเป็นพระธุดงค์ สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ถ้ารับประทานเป็นประจำทุกวัน จะทำให้แก่ช้า เมื่อจะรับประทานยานี้ให้ถ่ายรูปไว้ก่อน หลังจากรับประทานยาไปแล้วทุกๆ ๑ ปี ให้ถ่ายรูปเพื่อเปรียบเทียบดูกับรูปที่ถ่ายไว้ก่อนรับประทานยา เพื่อตรวจสอบผลของยา ยานี้ควรรับประทานคู่กับยาเก้าร้อยจะให้ผลดีขึ้น

    ๓. ยาเก้าร้อย – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๙๐๐” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่พระอินทร์ ประกอบด้วยพริกไทย ๓๐๐ เม็ด กระเทียม ๓๐๐ กลีบ แห้วหมู ๓๐๐ หัว ตากให้แห้งแล้วบดเข้าด้วยกัน เวลาจะรับประทานให้ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน สรรพคุณเป็นยาปรับระดับความดันของโลหิตให้พอดี คนที่รับประทานยานี้เป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง

    ๔. ยาฤาษีหายป่วย – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาระบายตราพระฤาษี” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่ชีวกโกมารภัจ ชื่อของยาหลวงพ่อได้กรุณาตั้งชื่อเอง สรรพคุณเป็นยาระบาย รับประทานทุกวันจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

    ๕. ยาบำรุงประสาท – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาถ่ายแก้วกาญจน์” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่ชีวกโกมารภัจ สรรพคุณเป็นยาบำรุงประสาท แก้โรคประสาทไม่ปกติ ความจำเสื่อม สมองเลอะเลือน จนกระทั่งถึงบ้า ท่านปู่บอกว่าคนที่เป็นโรคบ้า ๑๐๐% หลังจากรับประทานยานี้ไปแล้ว ๑๕ วัน โรคบ้าจะลดลงเหลือเพียง ๑๕%

    ๖. ยาขยายเส้น – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยากษัยเส้น” – สรรพคุณแก้อาการปวดเมื่อยเส้นตึง เหน็บชา ชาตามมือตามเท้ามากหรือเร็วอย่างผิดปกติเมื่ออยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ

    ๗. ยารักษาโรคอัมพาต – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาแก้ลม” – สรรพคุณรักษาโรคอัมพฤกษ์และอัมพาต อวัยวะบางส่วนของร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ตามปกติ เช่น ปากเบี้ยว หน้าชา ตาแข็ง แขน-ขาหมดแรง กระดิกไม่ได้หรือตายไป

    ๘. ยารักษาโรคมะเร็ง – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๒๐๐” – สรรพคุณรักษาโรคมะเร็งในร่างกายทุกชนิดให้ทุเลาและให้หายจากอาการป่วยของโรคมะเร็งได้ ถ้าผู้ป่วยยังอยู่ในสภาพที่ไม่ทรุดโทรมจนเกินไปและไม่มีโรคอื่นแทรก

    ๙. ยาฟ้าทะลายโจร – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร” – สรรพคุณเป็นยาเย็นใช้แก้ร้อน แก้พิษ บวม ผื่นคัน เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ รักษาแผลสด แผลมีหนอง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เริม งูสวัด รักษาโรคบิด ท้องร่วง กระเพาะ ลำไส้ และระบบทางเดินอาหารอักเสบ รักษาโรคหวัด ไอ เจ็บคอ ปอด ระบบทางเดินหายใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมอง ปาก ฟัน เหงือก หู ถุงน้ำดี และมดลูกอักเสบ รักษาโรคคางทูม และความดันโลหิตสูง

    ๑๐. ยาเทพประทาน – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาระบายตราเทวดานางฟ้า” – ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่พระอินทร์และท่านปู่ชีวกโกมารภัจ สรรพคุณมีผลในการรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ แก้ริดสีดวงทุกประเภท แก้โรคฝีคัณฑสูตร ขับลมดีมาก และเป็นยาระบายในตัว คนที่กินยานี้แล้วแก่ช้ากว่าปกติมาก เสียงจะใสขึ้น ถ้ารับประทานเป็นประจำจะป้องกันโรคมะเร็งได้

    ๑๑. ยาพระประทาน – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๕๐๐” – ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่ชีวกโกมารภัจ ตามตำราที่ท่านว่าไว้มีสรรพคุณแก้โรคทั้งปวง ถ้ากินได้ ๑ เดือน จะอยู่หอก, ๒ เดือนจะอยู่ดาบ กินได้ ๑ ปีจะอยู่แหลนอยู่เข็ม เสือขบไม่ตาย รูปงาม แก่แล้วเป็นหนุ่ม มีปัญญาทรงไตรเภทได้ ผิวเนื้อเหลืองดังดอกการะเกด มีกลิ่นหอมดังดอกอุบล มีกำลังเจ็ดช้างสาร เดินบนน้ำได้

    ๑๒. ยาแก้โรคมะเร็งและโรคอักเสบภายใน

    ตัวยา ขมิ้นชัน ๑ กำมือ กับหญ้าแพรก ๑ กำมือ โขลกให้ละเอียดคั้นกับน้ำปูนใส (ปูนกินกับหมาก) แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

    วิธีใช้ รับประทานครั้งละประมาณ ๑ ถ้วยชา หรือประมาณ ๓๐ ซี.ซี. รับประทานวันละ ๑ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า ๓๐ นาทีหรือ ๑๕ นาทีเป็นอย่างน้อย

    รักษา โรคมะเร็ง และโรคอักเสบต่างๆทั้งหมด เช่น โรคกระเพาะ โรคลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ ไตอักเสบ ฯลฯ หาย

    ถ้าโรคเบาหวาน ขณะที่กินยา ห้ามกินกะปิกับของแสลง คือ ของหวานในช่วงที่กินยา ๓ วันหาย

    ถ้าโรคฝีในท้อง กินเป็นระยะๆ ระยะละ ๓ วัน กินไป ๓ วัน เว้นไป ๗ วัน เป็น ๓ ระยะ ถ้าโรคไต กินวันละ ๓ ถ้วยติดต่อกัน หาย

    32828409_1475766875868384_1501889100645400576_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    แก้กรรมฆ่าไก่

    ก็ขอให้ทุกคน คนที่เคยฆ่าไก่ จะด้วยเจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม
    ให้ถือว่ากรรมอันนั้นนะให้ทำด้วย ทำซะแบบนี้นะ เพราะว่ามันนิดเดียว
    ให้ทำตามแบบ คือเอาถุงยาวๆตามภาพที่เห็นใส่ธูปเข้าไปใส่เทียนเข้าไป และใส่ดอกไม้เข้าในถุงถ้าไม่มีถุงก็เอาพลาสติกห่อก็ได้ และ
    ในนั้นก็ให้ใส่รวงข้าวเข้าไป ๒ รวง
    ……ทีนี้เวลาที่แกทำแบบให้ดูเป็นรวงข้าว ก็เลยถามไปว่า ถ้าหารวงข้าวไม่ได้ เอาเมล็ดข้าวแทนได้ไหม เขาก็เลยบอกว่า ถ้าหารวงข้าวไม่ได้จริงๆก็ใช้ได้ แต่ความจริงถ้าจะหารวงข้าวก็คงจะหาได้นะ ให้ถูกตามแบบเขา
    แล้วก็นำไปบูชาพระ การบูชาพระก็บูชาแบบธรรมดาที่เรา
    เคยบูชา คือตั้งนะโม และสวดมนต์เหมือนกับที่เราเคยทำตามแบบ
    เก่ามาแล้ว เพราะมันเป็นบุญ แต่บุญอันนี้จะเจาะจงให้ไก่โดยเฉพาะ
    พอบูชาพระเสร็จ ทำอะไรเสร็จแล้ว ก็ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลว่า บุญใด
    ที่เราจะพึงได้ในคราวนี้ทั้งหมด เราขออุทิศให่แก่ไก่ที่เราทำร้ายมาแล้ว เท่านั้นยกให้เขา ต่อจากนั้นก็ใส่บาตร ถ้าหน้าบ้านมีพระมาก็ใส่
    หน้าบ้าน ถ้าไม่มีพระมาก็เอาของไปถวายพระที่วัด จะเป็นอะไรก็ได้
    เพราะทำเพียงเท่านี้ก็เป็นสังฆทานแล้ว

    …หลังจากนั้นก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่ไก่โดยเฉพาะว่า
    ” บุญใดที่เราบำเพ็ญแล้วในวันนี้จะพึงมีผลกับเราเพียงใด บุญทั้ง
    หมดนี้ขออุทิศให้แก่ไก่ที่เราเคยฆ่ามาแล้วในชาติอดีตก็ดี ในชาติ
    ปัจจุบันก็ดี ขอไก่ทั้งหมดที่เคยฆ่ามาแล้ว จงโมทนาและรับผลเช่น
    เดียวกับเราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้านิพพานและขอท่าน
    ทั้งหลายจงอโหสิกรรม ให้แก่เราตั้งแต่วันนี้ จนกว่าจะเข้าพระนิพพาน” สวัสดี.

    จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๕๑

    32835367_1475768712534867_3869117732368678912_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ยอดล่าสุดวันนี้ 84,748 บาท ค่ะ
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    32864691_1477253009053104_4350414262934437888_n.jpg
    33020266_1477253049053100_6587923354626293760_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อสนทนาธรรมกับในหลวง(ตอนที่1)
    เคยพูดถึงพระราชินีกับลูกสาวท่าน ท่านหญิงสิรินธร
    “หรือลูกสิรินธรของผมก็เหมือนกัน เขาก็ทำอยู่ทุกวันในด้านเมตตาปรานี ปรารถนาการสงเคราะห์คนอื่น เมื่อคืนเขาต้องการพบหลวงพ่อ ผมจึงให้ฆราวาสเขาไปนิมนต์”
    แหม…คุยกันตอนดึกก็ดีเหมือนกัน
    ถาม “ทำไมถึงต้องการพบตอนดึก…?”
    บอก “เช้าเขาต้องรีบไปเข้าโรงเรียน”
    คือท่านสอนเจ้าฟ้าหญิง ตอนเช้าท่านต้องไปเข้าโรงเรียน ไปถึงมหาวิทยาลัย ๒ โมงเช้า เมื่อท่านต้องไปเข้ามหาวิทยาลัย ๒ โมงเช้าก็อยากจะพบกลางคืน
    ก็เลยบอกว่า “คืออาตมารู้เหมือนกัน ว่าพระองค์จะไปนิมนต์ตอนดึก อาตมาก็เลยรีบนอนซะตอน ๔ ทุ่มครึ่ง”
    ท่านถามว่า “ทำไม เป็นเพราะอะไร…?”
    ก็เลยบอก “ตอนดึกหนักๆ เข้าก็คุยไปคุยมาก็จะหลับคุยกัน หลับคุยกันก็ต้องฝันคุยกัน เพราะทราบอยู่แล้วว่า ถ้ามาก็ถึงสว่าง”
    ท่านก็เลยหัวเราะ ท่านเลยคุยถึงเรื่องการเจริญกรรมฐาน บอก ผมเวลาเมื่อป่วยหมอเขาห้ามออกกำลังกาย ผมก็เอาเทปอันนี้ ไอ้เทปที่ไม่มี ที่ยาวๆ ของท่านล่ะนะ ตอนนั้นท่านขอบันทึกเสียง ผมขออนุญาตบันทึกเสียงครับ บอก เอ้า! อนุญาต บันทึกไปก็ได้คุยกันเยอะ ท่านก็บันทึกเสียงไว้ด้วย
    บอกว่า “เวลาผมเดินๆ ไปรอบๆ ที่อยู่ ผมก็เอาเทปสะพาย แล้วก็คาสเซทของหลวงพ่อใส่ไปด้วย ผมเดินไปผมก็ฟังเรื่อยไป”
    เป็นอันว่าในวังเวลานี้ ทั้งข้าหลวงทั้งพระราชินี ทั้งเจ้าฟ้าหญิงทั้งในหลวง เห็นเขาบอกว่าได้ยินเสียงฉันอยู่เสมอ ถ้าว่างเป็นเปิดฟัง
    ท่านบอกว่า “เมื่อก่อนนี้ผมชอบฟังเพลง เดี๋ยวนี้ผมไม่เอา ฟังธรรมะดีกว่า”
    เปลี่ยนเป็นฟังธรรมะไป ท่านก็ปรารภ บางทีหลวงพ่อบอกว่าไม่รู้ใครมาเอาเทปไปถวาย เทปที่เราสอนๆ กันอยู่นี่ มีคนส่งไปถวาย ท่านฟังหมวดท้าย
    ถามว่า “มหาบพิตรมีเทปเท่าไร…?”
    บอกว่า “เทปของหลวงพ่อมากที่สุด เทปของคนอื่นมีอยู่บ้าง ทั้งหมดเห็นจะมีอยู่ ๑๐๐ คาสเซทได้มั้ง”
    โอ้โฮ! ไม่ใช่ก้อยเลยนะ ถามว่า ร้อยฟังหมด บอกว่า ฟังหมดครับ ท่านบอก ฟังซ้ำๆ ของหลวงพ่อ ถาม ทำไม บอก เข้าใจง่ายดี ท่านมีของหลวงปู่ฝั้น ถวายท่านมา ท่านบอกท่านฟังๆแล้วท่านก็ไม่เข้าใจ หลวงปู่ฝั้นบอกทำจิตให้สบาย ก่อนหน้าที่หลวงปู่ฝั้นท่านตายสักสองเดือน ท่านบอกเพิ่งเข้าใจตอนนั้น ท่านฟังมาตั้งหลายหน คืออารมณ์เข้าถึงในการฟังธรรมปฏิบัตินี่ ถ้าอารมณ์มันไม่ถึง มันฟังไม่รู้เรื่อง
    ก็คุยกันไปสักพักก็พอดีพระราชินีท่านเสด็จ เสด็จมาท่านก็บอกว่า
    “ฉันไม่ค่อยมีเวลาปฏิบัติธรรม เพราะทำไม่ค่อยได้ ได้แต่สวดมนต์”
    “แต่พระราชินีนี่ไม่ใช่เล่นนะ สวดมนต์เป็นชั่วโมงเลย และก็ชอบให้ทาน และก็ชอบฟังพระสูตร ขอหลวงพ่อบันทึกคาสเซทมาให้ฟังได้ไหม”
    บอกว่า “ได้ ไม่เป็นไร”
    ขอพระสูตร ในหลวงขอจริต ๖ จริต ๖ ท่านบอกว่าต้องการยังงี้ จริตละเทป หมายความคาสเซทหนึ่งชั่วโมงนี่สองด้านจริตละหนึ่งเทป เพราะอะไร เพราะว่าเพื่อนๆของท่าน เพื่อนที่ปฏิบัติร่วมกัน ถ้าเขาเห็นว่าเขามีจริตยังงี้ ก็เอาเทปนี่ให้เขาไป ให้เขาไปฟัง ถ้ามีจริตบวกเอาเทปบวกเข้าไป
    ท่านบอกว่า “ลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งหมด ผมวินิจฉัยแล้ว เข้าใจว่าเป็นคนที่มีศรัทธาจริตเป็นส่วนใหญ่ เห็นจะเป็นทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านหญิงวิภาวดีนี่ มีศรัทธาจริตอย่างแรงกล้า”
    ทั้งนี้ก็เลยถวายพระพร บอกว่า “คนที่มีศรัทธาจริตแรงกล้านี่ หรือหนักไปในศรัทธาจริตนี่ เขาได้กำไร”
    ท่านถามว่า “ได้กำไรยังไง”
    บอก “ตัวนี้บรรลุง่าย เพราะว่าสอนแล้วก็จำ แล้วก็เชื่อ แต่ว่าผลก็มีอยู่ว่า แต่ต้องคนนำไปในทางที่ถูก ถ้านำไปในทางที่ผิด กลุ่มคนประเภทนี้ก็เลยหลงไปเลย พัง! สำหรับท่านหญิงวิภาวดี อาตมาว่าไม่ใช่ศรัทธาจริตอย่างเดียว เพราะเป็นพุทธจริตด้วย”
    ท่านบอกว่า “ใช่…ใช่…”
    เลยบอกท่านว่า “อย่างนี้เขาเรียกจริตบวก คือมีกำลังกล้า จริตความจริงมันมีด้วยกัน ๖ อย่าง และว่าท่านหญิงวิภาวดีมีทั้งศรัทธาจริตและก็พุทธจริต และพุทธจริตนี่เป็นคนฉลาด ศรัทธาจริตที่มีขึ้นก็เป็นคนไม่ใช่คนหัวดื้อ ลักษณะคนหัวดื้อนี่มันเป็นพวกโมหะจริตกับวิตกจริต คนพวกนี้เอาดีไม่ได้ ให้สอนจนตายก็เอาดีไม่ได้ เพราะเป็นปทปรมะ บวชอยู่สักกี่พันพรรษาก็ตาม ตายแล้วก็มีหวังลงอเวจี เพราะว่ามีสันดานหยาบไม่รับคำสอน
    นักปฏิบัติก็เหมือนกัน ฆราวาสก็เหมือนกัน ถ้าเป็นโมหะจริตกับวิตกจริต อันนี้ไม่มีทางได้ดี เพราะพวกนี้มีสันดานหยาบ มักจะไม่รู้จักความเลวของตัว คอยจะไปมองดูคนอื่นแต่ตัวไม่ดู นี่เขาเรียกโมหะจริต ไอ้โมหะมันแปลว่าหลง หลงเข้าใจว่าตัวดี แต่ไอ้ที่ทำเลวไม่รู้ ถ้าคนมีอารมณ์ประเภทนี้ก็แสดงว่าเป็นเหยื่อของอเวจีมหานรก ทำไมรู้ไหม ก็มันไม่เอาดีก็ลงอเวจี เพราะรักษาเอาแต่ความชั่วเป็นอาจิณกรรม ได้แต่มองคนอื่นเขาว่าเขาชั่ว
    ไอ้การที่ไปมองคนอื่นว่าชั่วนี่ แต่ความจริงตัวนี่ชั่วมาก ถ้าตัวเองไม่ชั่วล่ะมันไม่มองความชั่วของคนอื่น เพราะการมองและเห็นว่าเขาชั่ว มุ่งจะดูความชั่วมันเป็นคนที่ขาดพรหมวิหาร ๔ มันเป็นความเลวของจิต แต่คนที่เขามีพรหมวิหาร ๔ ประจำใจนี่ เขามองเพื่อนด้วยความเมตตา และกรุณามุทิตาพร้อมๆกันไป เพราะอะไร เพราะถ้าเห็นว่าเพื่อนทำผิด เขาจะเตือนด้วยดีใช่ไหม นี่ต้องวินิจฉัยศัพท์ให้เข้าใจ ก็มีการตักเตือนกันด้วยความหวังดี ไม่ใช่คอยจะจับผิดคิดประทุษร้าย”
    นี่ก็เลยกราบทูลบอก “ท่านหญิงวิภาวดีก็ทรงตัวอยู่ได้ดีแบบนี้ เพราะอาศัยที่มีพรหมวิหาร ๔ มา ท่านเวลาปฏิบัติจึงใช้เวลาน้อยที่สุด ที่ ๘ เดือนนี่ ไม่ใช่มานั่งรับฟังทั้ง ๘ เดือน มานั่ง…แต่ไม่ใช่มานั่งรับฟังทุกวัน คือฟังครั้งสองครั้ง อาศัยศรัทธาจริต ศรัทธามีความเชื่อ ฟังแล้วก็เชื่อทันที พอเชื่อแล้วก็อาศัยความฉลาด พุทธจริตนี่เขาเป็นคนฉลาด พอเชื่อแล้วก็เอาไปคิด คิดแล้วก็ปฏิบัติตาม”
    เป็นอันว่าประวัติของท่านหญิงวิภาวดีนี่ รู้สึกลูกเต้าเข้าหน้าไม่ค่อยติดตามปกติ นี่ขอเล่าประวัติเก่านี่ พระเจ้าแผ่นดินท่านก็บอกเหมือนกัน บอก
    “ท่านหญิงวิภาวดีเป็นคนเจี๊ยวจ๊าว หมายความโมโหง่าย คนโมโหร้ายแสดงถึงว่าเป็นคนมีอารมณ์จิตรวดเร็ว เพียงแต่พอเริ่มไปปฏิบัติกับหลวงพ่อไม่ถึงเดือนผมเห็นแปลกไปถนัด ไอ้เรื่องเหตุที่ต้องว่าต้องดุต้องด่าใครหายไปหมด มีแต่อารมณ์ยิ้ม และก็คอยจะสงเคราะห์ คอยมองดูพวกชาววังก็ตามพวกข้างนอกก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกในวัง ถ้าใครเขาทำอะไรผิดพลาดไปนิดนึง บางทีท่านก็ไม่เตือนก่อน เรียกมากินขนมบ้างมาให้ของแจกบ้าง เขาคนนั้นรู้สึกว่าจะจิตน้อมลงมาถึง ๖ เดือน นี่เป็นลักษณะของพรหมวิหาร ๔ เตือนด้วยความหวังดี”
    และท่านก็เลย ตอนนี้พระราชินียิ้มออกมา
    พระราชินีท่านก็บอกว่า “ท่านไม่ถนัดในการนั่งสมาธิ มีอารมณ์ชอบรักษาศีลและก็สวดมนต์ และก็ชอบในการให้ทาน”
    เรื่องทานบารมีของท่านนี่หนักมาก พระเจ้าแผ่นดินท่านบอกไม่ใช่เท่านั้นอย่างเดียว
    ถาม “อะไรอีก…?”
    บอก “บางทีได้จังหวะเปรี๊ยวปร๊าวๆ”
    นี่ขัดคอกันตอนนี้น่ะ พระราชินีท่านก็ยอมรับ ท่านบอกว่าบางทีมันเผลอเอาเหมือนกัน แต่ส่วนอื่นของท่านก็ส่วนใหญ่ ไม่ใช่โมโหโทโสคนภายใน ถ้าเรื่องของคนรักชาตินี่ แหม…พอจะช่วยชาติขึ้นมาก็ต้องตั้งท่าจะเอาอย่างโน้นตั้งท่าจะเอาอย่างนี้ ทำท่าใหญ่โตต้องลงทุนมากมาย อีตอนนี้ท่านก็เลยบอกมันอดโมโหไม่ได้ คนจะช่วยชาติมันไม่ต้องทำใหญ่ ทำคนละเล็กละน้อย ทุกคนต่างคนต่างทำมันก็มากไปเอง อีตอนนี้ท่านก็หวังดีนั่นเอง ท่านก็เปรี๊ยวปร๊าวตอนนี้ นี่ท่านก็ยอมรับ
    พระเจ้าแผ่นดินท่านก็ตรัสว่า “นี่เขาไม่รู้หรอกว่าเขาทำดี”
    พระราชินีตรัสถามว่า “พระองค์เห็นหม่อมฉันทำดียังไง…?”
    ท่านบอก “ที่เธอนั่งสวดมนต์น่ะ เธอรู้เรื่องไหม รู้คำสวดไหม…?”
    พระราชินีบอก “ถ้าหม่อมฉันไม่รู้ หม่อมฉันนั่งสวดไปยังไง” บอก “รู้ทุกคำ”
    ท่านบอก “รู้ทุกคำนี่มันเป็นสมาธิ”
    แน่ะ! นี่ว่ากันเองนะตอนนี้น่ะ
    ท่านบอก “นี่มันเป็นสมาธิ”
    ท่านเลยถามว่า “เวลาที่จะสวดมนต์น่ะ นึกเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไหม…?”
    พระราชินีบอก “ถ้าไม่เคารพล่ะก็ จะสวดทำไมล่ะ เพราะเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงสวด”
    บอก “นี่ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำไมจึงว่าไม่ชอบทำสมาธิ การนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นการทำสมาธิ การติดใจในการสวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิ นั่นก็เป็นบุญเป็นกุศล และการให้ทาน เรื่องทานนี่ให้มาก เขาไม่มีเรื่องอื่น วันๆหนึ่งเขาก็นั่งนึก ถ้าเขาว่างจะทำอาหารไปถวายพระที่ไหน จะทำขนมถวายพระที่ไหน จะไปทำบุญที่ไหน จะสงเคราะห์ใคร ก็นั่งนึกชาวบ้านชาวช่องที่ไปเยี่ยม ไอ้คนหมู่บ้านนั้นก็ลำบาก คนหมู่บ้านนี้ก็ยากจน จะหาอะไรไปช่วย หาเงินที่ไหน หาของไปช่วยเขา อะไรเป็นที่ถูกใจของเขา นั่งนึกแบบนี้ ผมก็ว่านี่เขาก็ทำกรรมฐานอยู่เรื่อย”
    ท่านหันมาพูดนี่นะ! ก็เลยบอกว่า “อาตมาเห็นด้วย ว่านักเจริญกรรมฐานที่ดีเขาก็ไม่มุ่งในขั้นหลับตา ถ้าหลับตาดีก็ถือว่าดีไม่ได้ ทีนี้ถ้าอารมณ์จิตคิดอยู่เป็นปกติ อย่างนี้นะจึงชื่อว่าเป็นผู้ทรงฌานในด้านกรรมฐาน เพราะว่าฌานแปลว่าการเพ่ง เพ่งก็คือนึกไว้นั่นเอง นึกว่าเราจะทำความดีส่วนโน้นส่วน
    ไม่หวั่นไหวต่อคำนินทา

    33029680_1479743895470682_3201144021695070208_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อสนทนาธรรมกับในหลวง(ตอนที่2)
    หลวงพ่อสรุปว่า นี่เป็นอันว่าน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ทรงสะเทือนในคำนินทาและสรรเสริญ ก็ทรงอุเบกขาเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นถ้าหากว่าวันนี้ อาตมาจะถวายพระพร ให้ทรงอยู่ในด้านของพรหมวิหาร ๔ ก็เห็นว่าจะไม่มีผล เพราะว่าความดี ๔ ประการนี้ พระองค์ทรงมีแล้วเรียบร้อยทุกประการ
    ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมมาพุทธเจ้าตรัสว่า “นัตถิ โลเก อนินทิโต” ซึ่งแปลเป็นใจความว่า “คนไม่ถูกนินทาเลย ไม่มีในโลกนี้”
    ฉะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงแม้ว่าจะมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ประชานิกรของพระองค์เพียงใดก็ตามที พระราชจริยาวัตรของพระองค์ ก็ย่อมไม่เป็นที่ที่ถูกใจของบุคคลบางพวก บางคณะ อาจจะมีอยู่
    ในครั้งหนึ่ง อาตมาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ได้ปรารภกับพระองค์ถึงภารกิจที่อาตมาทำว่า
    “การทำการสงเคราะห์ ปวงชนชาวไทย ตามกำลังที่จะรวบรวมได้ จากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ทำการแจกอาหารการบริโภค ยารักษาโรค สร้างโรงเรียนตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ แต่การกระทำแบบนี้ กลับมีคนบางพวกบอกว่า อาตมาเป็นพระการเมือง”
    พระองค์ก็ตรัสว่า “ผมก็ทราบเหมือนกัน เขาว่าหลวงพ่อเป็นพระการเมือง”
    แต่พระองค์ก็ทรงถามว่า “หลวงพ่อมีความรู้สึกยังไง”
    ก็เลยถวายพระพรไปว่า “อาตมาไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะถือว่าอาตมาไม่เคยสมัครสภาผู้แทนราษฏร และก็ไม่เคยอยากจะเป็นรัฐมนตรี เขาจะหาว่าการเมืองหรือการบ้านก็ช่าง ถือว่าเฉย ๆ ถือตามหลักพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า “นินทา ปสังสา” ขึ้นชื่อว่า นินทาและสรรเสริญ เป็นของธรรมดาของโลก อาตมาไม่หนักใจในคำนินทาและสรรเสริญ เพราะไม่มีความสงสัย”
    ต่อนี้พระบาทมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัสว่า “ผมก็เหมือนกันแหละขอรับ เมื่อก่อนนี้เขาลือว่าผมฆ่าพี่ แต่เวลานี้เขาลือกันว่าผมฆ่าพ่อตา”
    ความจริงช่วงหลัง อาตมาไม่ทราบจึงกราบทูลว่า “การลือที่ว่าฆ่าพ่อตานั้น มีความหมายเป็นยังไง”
    พระองค์ก็ตรัสบอกว่า “เขาลือกันว่าพ่อตาผมเป็นไข้ ผมเอาเหล้ากรอกปาก แล้วเลยพาพ่อตาไปวิ่ง พ่อตาก็เลยตาย”
    แล้วจึงได้ทูลถามพระองค์ว่า “แล้วมหาบพิตร มีความรู้สึกยังไง ในเมื่อคำนินทาปรากฏขึ้น”
    พระองค์ก็ตรัสว่า “เรื่อย ๆ ขอรับ”
    ก็หมายความว่า ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ความดีหรือความชั่วที่จะมีขึ้นได้อาศัยการกระทำเป็นสำคัญ แล้วเมื่อเราทำความดีแล้วใครจะว่าชั่ว เราก็ไม่ชั่วไปตาม ถ้าเราทำความชั่ว ใครจะสรรเสริญว่าดี เราก็ไม่ดีไปตาม
    นี่เป็นอันว่าน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ทรงสะเทือนในคำนินทาและสรรเสริญ ก็ทรงอุเบกขาเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นถ้าหากว่าวันนี้ (ประมาณปี ๒๕๓๓) อาตมาจะถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงอยู่ในด้านของพรหมวิหาร ๔ ก็เห็นว่าจะไม่มีผล เพราะว่าความดี ๔ ประการนี้ พระองค์ทรงมีแล้วเรียบร้อยทุกประการหลวงพ่อสนทนาธรรมกับในหลวง
    เคยพูดถึงพระราชินีกับลูกสาวท่าน ท่านหญิงสิรินธร
    “หรือลูกสิรินธรของผมก็เหมือนกัน เขาก็ทำอยู่ทุกวันในด้านเมตตาปรานี ปรารถนาการสงเคราะห์คนอื่น เมื่อคืนเขาต้องการพบหลวงพ่อ ผมจึงให้ฆราวาสเขาไปนิมนต์”
    แหม…คุยกันตอนดึกก็ดีเหมือนกัน
    ถาม “ทำไมถึงต้องการพบตอนดึก…?”
    บอก “เช้าเขาต้องรีบไปเข้าโรงเรียน”
    คือท่านสอนเจ้าฟ้าหญิง ตอนเช้าท่านต้องไปเข้าโรงเรียน ไปถึงมหาวิทยาลัย ๒ โมงเช้า เมื่อท่านต้องไปเข้ามหาวิทยาลัย ๒ โมงเช้าก็อยากจะพบกลางคืน
    ก็เลยบอกว่า “คืออาตมารู้เหมือนกัน ว่าพระองค์จะไปนิมนต์ตอนดึก อาตมาก็เลยรีบนอนซะตอน ๔ ทุ่มครึ่ง”
    ท่านถามว่า “ทำไม เป็นเพราะอะไร…?”
    ก็เลยบอก “ตอนดึกหนักๆ เข้าก็คุยไปคุยมาก็จะหลับคุยกัน หลับคุยกันก็ต้องฝันคุยกัน เพราะทราบอยู่แล้วว่า ถ้ามาก็ถึงสว่าง”
    ท่านก็เลยหัวเราะ ท่านเลยคุยถึงเรื่องการเจริญกรรมฐาน บอก ผมเวลาเมื่อป่วยหมอเขาห้ามออกกำลังกาย ผมก็เอาเทปอันนี้ ไอ้เทปที่ไม่มี ที่ยาวๆ ของท่านล่ะนะ ตอนนั้นท่านขอบันทึกเสียง ผมขออนุญาตบันทึกเสียงครับ บอก เอ้า! อนุญาต บันทึกไปก็ได้คุยกันเยอะ ท่านก็บันทึกเสียงไว้ด้วย
    บอกว่า “เวลาผมเดินๆ ไปรอบๆ ที่อยู่ ผมก็เอาเทปสะพาย แล้วก็คาสเซทของหลวงพ่อใส่ไปด้วย ผมเดินไปผมก็ฟังเรื่อยไป”
    เป็นอันว่าในวังเวลานี้ ทั้งข้าหลวงทั้งพระราชินี ทั้งเจ้าฟ้าหญิงทั้งในหลวง เห็นเขาบอกว่าได้ยินเสียงฉันอยู่เสมอ ถ้าว่างเป็นเปิดฟัง
    ท่านบอกว่า “เมื่อก่อนนี้ผมชอบฟังเพลง เดี๋ยวนี้ผมไม่เอา ฟังธรรมะดีกว่า”
    เปลี่ยนเป็นฟังธรรมะไป ท่านก็ปรารภ บางทีหลวงพ่อบอกว่าไม่รู้ใครมาเอาเทปไปถวาย เทปที่เราสอนๆ กันอยู่นี่ มีคนส่งไปถวาย ท่านฟังหมวดท้าย
    ถามว่า “มหาบพิตรมีเทปเท่าไร…?”
    บอกว่า “เทปของหลวงพ่อมากที่สุด เทปของคนอื่นมีอยู่บ้าง ทั้งหมดเห็นจะมีอยู่ ๑๐๐ คาสเซทได้มั้ง”
    โอ้โฮ! ไม่ใช่ก้อยเลยนะ ถามว่า ร้อยฟังหมด บอกว่า ฟังหมดครับ ท่านบอก ฟังซ้ำๆ ของหลวงพ่อ ถาม ทำไม บอก เข้าใจง่ายดี ท่านมีของหลวงปู่ฝั้น ถวายท่านมา ท่านบอกท่านฟังๆแล้วท่านก็ไม่เข้าใจ หลวงปู่ฝั้นบอกทำจิตให้สบาย ก่อนหน้าที่หลวงปู่ฝั้นท่านตายสักสองเดือน ท่านบอกเพิ่งเข้าใจตอนนั้น ท่านฟังมาตั้งหลายหน คืออารมณ์เข้าถึงในการฟังธรรมปฏิบัตินี่ ถ้าอารมณ์มันไม่ถึง มันฟังไม่รู้เรื่อง
    ก็คุยกันไปสักพักก็พอดีพระราชินีท่านเสด็จ เสด็จมาท่านก็บอกว่า
    “ฉันไม่ค่อยมีเวลาปฏิบัติธรรม เพราะทำไม่ค่อยได้ ได้แต่สวดมนต์”
    “แต่พระราชินีนี่ไม่ใช่เล่นนะ สวดมนต์เป็นชั่วโมงเลย และก็ชอบให้ทาน และก็ชอบฟังพระสูตร ขอหลวงพ่อบันทึกคาสเซทมาให้ฟังได้ไหม”
    บอกว่า “ได้ ไม่เป็นไร”
    ขอพระสูตร ในหลวงขอจริต ๖ จริต ๖ ท่านบอกว่าต้องการยังงี้ จริตละเทป หมายความคาสเซทหนึ่งชั่วโมงนี่สองด้านจริตละหนึ่งเทป เพราะอะไร เพราะว่าเพื่อนๆของท่าน เพื่อนที่ปฏิบัติร่วมกัน ถ้าเขาเห็นว่าเขามีจริตยังงี้ ก็เอาเทปนี่ให้เขาไป ให้เขาไปฟัง ถ้ามีจริตบวกเอาเทปบวกเข้าไป
    ท่านบอกว่า “ลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งหมด ผมวินิจฉัยแล้ว เข้าใจว่าเป็นคนที่มีศรัทธาจริตเป็นส่วนใหญ่ เห็นจะเป็นทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านหญิงวิภาวดีนี่ มีศรัทธาจริตอย่างแรงกล้า”
    ทั้งนี้ก็เลยถวายพระพร บอกว่า “คนที่มีศรัทธาจริตแรงกล้านี่ หรือหนักไปในศรัทธาจริตนี่ เขาได้กำไร”
    ท่านถามว่า “ได้กำไรยังไง”
    บอก “ตัวนี้บรรลุง่าย เพราะว่าสอนแล้วก็จำ แล้วก็เชื่อ แต่ว่าผลก็มีอยู่ว่า แต่ต้องคนนำไปในทางที่ถูก ถ้านำไปในทางที่ผิด กลุ่มคนประเภทนี้ก็เลยหลงไปเลย พัง! สำหรับท่านหญิงวิภาวดี อาตมาว่าไม่ใช่ศรัทธาจริตอย่างเดียว เพราะเป็นพุทธจริตด้วย”
    ท่านบอกว่า “ใช่…ใช่…”
    เลยบอกท่านว่า “อย่างนี้เขาเรียกจริตบวก คือมีกำลังกล้า จริตความจริงมันมีด้วยกัน ๖ อย่าง และว่าท่านหญิงวิภาวดีมีทั้งศรัทธาจริตและก็พุทธจริต และพุทธจริตนี่เป็นคนฉลาด ศรัทธาจริตที่มีขึ้นก็เป็นคนไม่ใช่คนหัวดื้อ ลักษณะคนหัวดื้อนี่มันเป็นพวกโมหะจริตกับวิตกจริต คนพวกนี้เอาดีไม่ได้ ให้สอนจนตายก็เอาดีไม่ได้ เพราะเป็นปทปรมะ บวชอยู่สักกี่พันพรรษาก็ตาม ตายแล้วก็มีหวังลงอเวจี เพราะว่ามีสันดานหยาบไม่รับคำสอน
    นักปฏิบัติก็เหมือนกัน ฆราวาสก็เหมือนกัน ถ้าเป็นโมหะจริตกับวิตกจริต อันนี้ไม่มีทางได้ดี เพราะพวกนี้มีสันดานหยาบ มักจะไม่รู้จักความเลวของตัว คอยจะไปมองดูคนอื่นแต่ตัวไม่ดู นี่เขาเรียกโมหะจริต ไอ้โมหะมันแปลว่าหลง หลงเข้าใจว่าตัวดี แต่ไอ้ที่ทำเลวไม่รู้ ถ้าคนมีอารมณ์ประเภทนี้ก็แสดงว่าเป็นเหยื่อของอเวจีมหานรก ทำไมรู้ไหม ก็มันไม่เอาดีก็ลงอเวจี เพราะรักษาเอาแต่ความชั่วเป็นอาจิณกรรม ได้แต่มองคนอื่นเขาว่าเขาชั่ว
    ไอ้การที่ไปมองคนอื่นว่าชั่วนี่ แต่ความจริงตัวนี่ชั่วมาก ถ้าตัวเองไม่ชั่วล่ะมันไม่มองความชั่วของคนอื่น เพราะการมองและเห็นว่าเขาชั่ว มุ่งจะดูความชั่วมันเป็นคนที่ขาดพรหมวิหาร ๔ มันเป็นความเลวของจิต แต่คนที่เขามีพรหมวิหาร ๔ ประจำใจนี่ เขามองเพื่อนด้วยความเมตตา และกรุณามุทิตาพร้อมๆกันไป เพราะอะไร เพราะถ้าเห็นว่าเพื่อนทำผิด เขาจะเตือนด้วยดีใช่ไหม นี่ต้องวินิจฉัยศัพท์ให้เข้าใจ ก็มีการตักเตือนกันด้วยความหวังดี ไม่ใช่คอยจะจับผิดคิดประทุษร้าย”
    นี่ก็เลยกราบทูลบอก “ท่านหญิงวิภาวดีก็ทรงตัวอยู่ได้ดีแบบนี้ เพราะอาศัยที่มีพรหมวิหาร ๔ มา ท่านเวลาปฏิบัติจึงใช้เวลาน้อยที่สุด ที่ ๘ เดือนนี่ ไม่ใช่มานั่งรับฟังทั้ง ๘ เดือน มานั่ง…แต่ไม่ใช่มานั่งรับฟังทุกวัน คือฟังครั้งสองครั้ง อาศัยศรัทธาจริต ศรัทธามีความเชื่อ ฟังแล้วก็เชื่อทันที พอเชื่อแล้วก็อาศัยความฉลาด พุทธจริตนี่เขาเป็นคนฉลาด พอเชื่อแล้วก็เอาไปคิด คิดแล้วก็ปฏิบัติตาม”
    เป็นอันว่าประวัติของท่านหญิงวิภาวดีนี่ รู้สึกลูกเต้าเข้าหน้าไม่ค่อยติดตามปกติ นี่ขอเล่าประวัติเก่านี่ พระเจ้าแผ่นดินท่านก็บอกเหมือนกัน บอก
    “ท่านหญิงวิภาวดีเป็นคนเจี๊ยวจ๊าว หมายความโมโหง่าย คนโมโหร้ายแสดงถึงว่าเป็นคนมีอารมณ์จิตรวดเร็ว เพียงแต่พอเริ่มไปปฏิบัติกับหลวงพ่อไม่ถึงเดือนผมเห็นแปลกไปถนัด ไอ้เรื่องเหตุที่ต้องว่าต้องดุต้องด่าใครหายไปหมด มีแต่อารมณ์ยิ้ม และก็คอยจะสงเคราะห์ คอยมองดูพวกชาววังก็ตามพวกข้างนอกก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกในวัง ถ้าใครเขาทำอะไรผิดพลาดไปนิดนึง บางทีท่านก็ไม่เตือนก่อน เรียกมากินขนมบ้างมาให้ของแจกบ้าง เขาคนนั้นรู้สึกว่าจะจิตน้อมลงมาถึง ๖ เดือน นี่เป็นลักษณะของพรหมวิหาร ๔ เตือนด้วยความหวังดี”
    และท่านก็เลย ตอนนี้พระราชินียิ้มออกมา
    พระราชินีท่านก็บอกว่า “ท่านไม่ถนัดในการนั่งสมาธิ มีอารมณ์ชอบรักษาศีลและก็สวดมนต์ และก็ชอบในการให้ทาน”
    เรื่องทานบารมีของท่านนี่หนักมาก พระเจ้าแผ่นดินท่านบอกไม่ใช่เท่านั้นอย่างเดียว
    ถาม “อะไรอีก…?”
    บอก “บางทีได้จังหวะเปรี๊ยวปร๊าวๆ”
    นี่ขัดคอกันตอนนี้น่ะ พระราชินีท่านก็ยอมรับ ท่านบอกว่าบางทีมันเผลอเอาเหมือนกัน แต่ส่วนอื่นของท่านก็ส่วนใหญ่ ไม่ใช่โมโหโทโสคนภายใน ถ้าเรื่องของคนรักชาตินี่ แหม…พอจะช่วยชาติขึ้นมาก็ต้องตั้งท่าจะเอาอย่างโน้นตั้งท่าจะเอาอย่างนี้ ทำท่าใหญ่โตต้องลงทุนมากมาย อีตอนนี้ท่านก็เลยบอกมันอดโมโหไม่ได้ คนจะช่วยชาติมันไม่ต้องทำใหญ่ ทำคนละเล็กละน้อย ทุกคนต่างคนต่างทำมันก็มากไปเอง อีตอนนี้ท่านก็หวังดีนั่นเอง ท่านก็เปรี๊ยวปร๊าวตอนนี้ นี่ท่านก็ยอมรับ
    พระเจ้าแผ่นดินท่านก็ตรัสว่า “นี่เขาไม่รู้หรอกว่าเขาทำดี”
    พระราชินีตรัสถามว่า “พระองค์เห็นหม่อมฉันทำดียังไง…?”
    ท่านบอก “ที่เธอนั่งสวดมนต์น่ะ เธอรู้เรื่องไหม รู้คำสวดไหม…?”
    พระราชินีบอก “ถ้าหม่อมฉันไม่รู้ หม่อมฉันนั่งสวดไปยังไง” บอก “รู้ทุกคำ”
    ท่านบอก “รู้ทุกคำนี่มันเป็นสมาธิ”
    แน่ะ! นี่ว่ากันเองนะตอนนี้น่ะ
    ท่านบอก “นี่มันเป็นสมาธิ”
    ท่านเลยถามว่า “เวลาที่จะสวดมนต์น่ะ นึกเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไหม…?”
    พระราชินีบอก “ถ้าไม่เคารพล่ะก็ จะสวดทำไมล่ะ เพราะเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงสวด”
    บอก “นี่ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำไมจึงว่าไม่ชอบทำสมาธิ การนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นการทำสมาธิ การติดใจในการสวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิ นั่นก็เป็นบุญเป็นกุศล และการให้ทาน เรื่องทานนี่ให้มาก เขาไม่มีเรื่องอื่น วันๆหนึ่งเขาก็นั่งนึก ถ้าเขาว่างจะทำอาหารไปถวายพระที่ไหน จะทำขนมถวายพระที่ไหน จะไปทำบุญที่ไหน จะสงเคราะห์ใคร ก็นั่งนึกชาวบ้านชาวช่องที่ไปเยี่ยม ไอ้คนหมู่บ้านนั้นก็ลำบาก คนหมู่บ้านนี้ก็ยากจน จะหาอะไรไปช่วย หาเงินที่ไหน หาของไปช่วยเขา อะไรเป็นที่ถูกใจของเขา นั่งนึกแบบนี้ ผมก็ว่านี่เขาก็ทำกรรมฐานอยู่เรื่อย”
    ท่านหันมาพูดนี่นะ! ก็เลยบอกว่า “อาตมาเห็นด้วย ว่านักเจริญกรรมฐานที่ดีเขาก็ไม่มุ่งในขั้นหลับตา ถ้าหลับตาดีก็ถือว่าดีไม่ได้ ทีนี้ถ้าอารมณ์จิตคิดอยู่เป็นปกติ อย่างนี้นะจึงชื่อว่าเป็นผู้ทรงฌานในด้านกรรมฐาน เพราะว่าฌานแปลว่าการเพ่ง เพ่งก็คือนึกไว้นั่นเอง นึกว่าเราจะทำความดีส่วนโน้นส่วน
    ไม่หวั่นไหวต่อคำนินทา
    หลวงพ่อสรุปว่า นี่เป็นอันว่าน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ทรงสะเทือนในคำนินทาและสรรเสริญ ก็ทรงอุเบกขาเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นถ้าหากว่าวันนี้ อาตมาจะถวายพระพร ให้ทรงอยู่ในด้านของพรหมวิหาร ๔ ก็เห็นว่าจะไม่มีผล เพราะว่าความดี ๔ ประการนี้ พระองค์ทรงมีแล้วเรียบร้อยทุกประการ
    ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมมาพุทธเจ้าตรัสว่า “นัตถิ โลเก อนินทิโต” ซึ่งแปลเป็นใจความว่า “คนไม่ถูกนินทาเลย ไม่มีในโลกนี้”
    ฉะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงแม้ว่าจะมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ประชานิกรของพระองค์เพียงใดก็ตามที พระราชจริยาวัตรของพระองค์ ก็ย่อมไม่เป็นที่ที่ถูกใจของบุคคลบางพวก บางคณะ อาจจะมีอยู่
    ในครั้งหนึ่ง อาตมาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ได้ปรารภกับพระองค์ถึงภารกิจที่อาตมาทำว่า
    “การทำการสงเคราะห์ ปวงชนชาวไทย ตามกำลังที่จะรวบรวมได้ จากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ทำการแจกอาหารการบริโภค ยารักษาโรค สร้างโรงเรียนตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ แต่การกระทำแบบนี้ กลับมีคนบางพวกบอกว่า อาตมาเป็นพระการเมือง”
    พระองค์ก็ตรัสว่า “ผมก็ทราบเหมือนกัน เขาว่าหลวงพ่อเป็นพระการเมือง”
    แต่พระองค์ก็ทรงถามว่า “หลวงพ่อมีความรู้สึกยังไง”
    ก็เลยถวายพระพรไปว่า “อาตมาไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะถือว่าอาตมาไม่เคยสมัครสภาผู้แทนราษฏร และก็ไม่เคยอยากจะเป็นรัฐมนตรี เขาจะหาว่าการเมืองหรือการบ้านก็ช่าง ถือว่าเฉย ๆ ถือตามหลักพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า “นินทา ปสังสา” ขึ้นชื่อว่า นินทาและสรรเสริญ เป็นของธรรมดาของโลก อาตมาไม่หนักใจในคำนินทาและสรรเสริญ เพราะไม่มีความสงสัย”
    ต่อนี้พระบาทมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัสว่า “ผมก็เหมือนกันแหละขอรับ เมื่อก่อนนี้เขาลือว่าผมฆ่าพี่ แต่เวลานี้เขาลือกันว่าผมฆ่าพ่อตา”
    ความจริงช่วงหลัง อาตมาไม่ทราบจึงกราบทูลว่า “การลือที่ว่าฆ่าพ่อตานั้น มีความหมายเป็นยังไง”
    พระองค์ก็ตรัสบอกว่า “เขาลือกันว่าพ่อตาผมเป็นไข้ ผมเอาเหล้ากรอกปาก แล้วเลยพาพ่อตาไปวิ่ง พ่อตาก็เลยตาย”
    แล้วจึงได้ทูลถามพระองค์ว่า “แล้วมหาบพิตร มีความรู้สึกยังไง ในเมื่อคำนินทาปรากฏขึ้น”
    พระองค์ก็ตรัสว่า “เรื่อย ๆ ขอรับ”
    ก็หมายความว่า ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ความดีหรือความชั่วที่จะมีขึ้นได้อาศัยการกระทำเป็นสำคัญ แล้วเมื่อเราทำความดีแล้วใครจะว่าชั่ว เราก็ไม่ชั่วไปตาม ถ้าเราทำความชั่ว ใครจะสรรเสริญว่าดี เราก็ไม่ดีไปตาม
    นี่เป็นอันว่าน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ทรงสะเทือนในคำนินทาและสรรเสริญ ก็ทรงอุเบกขาเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นถ้าหากว่าวันนี้ (ประมาณปี ๒๕๓๓) อาตมาจะถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงอยู่ในด้านของพรหมวิหาร ๔ ก็เห็นว่าจะไม่มีผล เพราะว่าความดี ๔ ประการนี้ พระองค์ทรงมีแล้วเรียบร้อยทุกประการ

    33074620_1479745072137231_8747309314781216768_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ยอดล่าสุดวันนี้ 88,902 บาท ค่ะขาดอีกเพียง 11,098 บาทก็จะครบ100,000บาท
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    33207159_1479778468800558_5213141049442041856_n.jpg
    33246679_1479778518800553_4758023521366441984_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ยอดล่าสุดวันนี้ 96,404 บาท ค่ะขาดอีกเพียง 3,596 บาทก็จะครบ100,000บาท
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    33141137_1480350732076665_4098689858963243008_n.jpg
    33180124_1480350768743328_5642354762172071936_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f64f.png ยอดล่าสุดวันนี้108,491บาทค่ะ..งานบุญนี้สำเร็จแล้วนะคะ..ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ..
    ฝนขอปิดรับงานบุญในวันนี้เลยนะคะ..สาธุค่ะ
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    33486868_1481325001979238_9206371362296299520_n.jpg
    33207230_1481325038645901_4988052078430519296_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f33a.png 1f33f.png #รับพระเคราะห์ 1f33f.png 1f33a.png
    ผู้ถาม : เรื่องทำบุญ รับพระเคราะห์ บังเอิญคนที่บ้านป่วยไม่ได้มา อีกคนหนึ่งมาไม่ได้เพราะเหตุจำเป็น ฝากเงินมาร่วมในพิธีนี้จะได้ผลสมบูรณ์แบบหรือเปล่าครับ ?
    หลวงพ่อ : #ท่านบอกว่าคนป่วยได้ #ถ้าไม่ป่วย #ท่านบอกว่าไม่มีผล
    ผู้ถาม : ก็ให้สตางค์มาแล้วล่ะครับ ?
    หลวงพ่อ : ถ้าให้ฉันน่ะมีผล ( หัวเราะ ) แต่คนที่ทำอย่าลืมว่า เขาตั้งใจทำบุญเขามีผลในเรื่องบุญ แต่พระเคราะห์ไม่มีผล ท่านสั่ง ก็ที่ #ดอนเมือง เขาถามแล้ว เขาถามว่า เมื่อก่อนนี้เมีย #พลอากาศโทอาทร เขาฝากสตางค์ #เจ้าเปี๊ยก ไว้ให้ทำที่วัด
    พอบอกมาปั๊บ ! #สมเด็จฯ ท่านบอก
    ” ไม่ได้ ! ต้องตัวใครตัวมัน ”
    พอมาถึง ดอนเมือง เขาถามถึงคนป่วย
    ท่านบอก ” #คนป่วยแทนได้ ”
    #ถ้าไม่ป่วยนี่ไม่มีผล แต่ว่าเงินของเขา ถ้ามุ่งถวายเป็นธรรมทาน สังฆทาน วิหารทาน สร้างพระพุทธรูป เขาก็มีผลถึงอานิสงส์
    ถ้ามีผลถึงการสะเดาะเคราะห์ไม่มีผลแน่
    1f33e.png 1f33a.png #เรื่องการรับพระเคราะห์ 1f33a.png 1f33e.png
    ท่านบอกให้เอาเงินจำนวนนี้ให้ถวายเป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน และสร้างพระพุทธรูป และยอดของเงินที่พระเคราะห์เขาถือนั้นเป็นพิธีการของโหร
    แต่ท่านบอกว่า ถ้ามีสตางค์น้อยก็อายุละสตางค์ ก็ ๑๐๘ สตางค์ ก็บาทกับ ๘ สตางค์ คือว่าท่านไม่ได้จำกัด
    ผู้ถาม : แล้วที่หลวงพ่อทำตู้ไว้ให้หยอดล่ะครับ ?
    หลวงพ่อ : เรื่องการหยอดตู้ต่าง ๆ จะหยอดตู้ไหนก็ได้ ไอ้ที่เขาทำ อาทิตย์ จันทร์ ถึงราหูน่ะ ก็ทำเพื่อคนติดอารมณ์เรื่องพระเคราะห์ แต่เนื้อแท้จริง ๆ ตู้ไหนก็ได้ มันเป็นการทำบุญ
    นั่นเป็นเรื่องพิธีการของโหร
    แต่ทางเราทำ #พิธีการทางพุทธศาสตร์
    แล้วก็การทำบุญ ถ้าไม่ทำตามนั้น บอก
    เอ๊ะ ! ฉันเกิดวันอาทิตย์นี่
    นี่พระอาทิตย์เสวยอายุ
    นี่พระอาทิตย์แทรก
    นี่เดี๋ยวจะไม่ถูกจังหวะ แต่ความจริงไม่จำเป็นใส่ตู้ไหนก็ได้ แต่ห้ามใส่ตู้ที่บ้าน ต้องมาใส่ตู้ที่นี่ ( หัวเราะ )
    ทีหลังก็ไม่ต้องใช้สตางค์ มันหนักใช้ธนบัตร มีสตางค์น้อยก็ใส่น้อย เราจะตั้งใจทำเท่าไรก็ใส่ไปซิ คือไม่ครบตามจำนวน ๑๐๘ เขาก็ไม่เป็นไร ยังไง ๆ ก็ต้องครบ ๑๐๘
    ถ้าใส่ไป ๕ บาท ก็เกิน ๑๐๘ สตางค์ใช่ไหม แต่ใส่ไป ๑ บาท นี่ขาดแน่ขาด ๘ สตางค์ ใส่ ๕ บาท ก็เกิน ๑๐๘ สตางค์ ใส่ไป ๑๐ บาท ก็เกิน ๑๐๘ สตางค์ นี่ใช้ได้
    ผู้ถาม : ปกติอย่างหลวงพ่อไม่ได้ทำพิธีอะไร นึกศรัทธามาก็ใส่ป๊อก ๆ อย่างนี้ได้ไหมครับ ?
    หลวงพ่อ : ก็ได้บุญเงินจำนวนนั้นเขาไปใช้ ๔ รายการ ก็ได้อยู่แล้วนี่
    #พระพุทธเจ้าท่านต้องการให้ได้รับอานิสงส์สูง ที่ทำที่วัดครั้งที่ ๓ น่ะ ไปบอกเขา
    เงินใช้ ๓ รายการคือ
    #สังฆทาน #วิหารทาน #ธรรมทาน
    พระท่านมาถึงปั๊บบอก
    #ไม่ได้หรอก #ต้องเพิ่มสร้างพระพุทธรูป #เพราะอานิสงส์สูงมาก #เพราะต้องหนีกรรมให้มีกำลังสูง ”
    นี่ท่านทำหนีนะ ! หนีกรรมชั่ว
    ผู้ถาม : ที่ว่าสร้างพระพุทธรูป หมายถึง พระองค์ใหญ่ ๔ ศอก ที่วัดปิดทองนั่นหรือครับ ?
    หลวงพ่อ : ใช่ ! เพราะว่าองค์ใหญ่ ๆ นี่ ที่ตั้งราคา ๕๐,๐๐๐ บาทนั้นไม่พอ ที่วัดตั้งราคาไม่พอ ใครไปสร้างตามนั้นก็พังทุกราย ทำทุนตามนั้นนะไม่เสร็จแน่
    ทีนี้ท่านบอกว่าให้เอาเงินที่เขาให้เฉย ๆ ไปบวกด้วย แล้วคนที่เขาไม่ได้ตั้งใจโดยเฉพาะเขาถวายเฉย ๆ หรือถวายหลวงพ่อ ถวายเฉย ๆ ก็ตามนะ อันนี้ก็ไปทำเป็นสังฆทานบ้าง วิหารทานบ้าง สร้างพระพุทธรูปบ้าง เป็นธรรมทานบ้าง เอาทุกอย่าง เป็นยาดำไปเลย
    ท่านบอก ” ไม่งั้นพวกนี้เขาจะมีโอกาสถึงอานิสงส์หรือ เขาต้องมีโอกาสด้วย ”
    #ฉะนั้น #ถือว่าสร้างพระพุทธรูปมีความสำคัญมาก ถ้าทำพิธีใหญ่ต้องมีพระสวด ๒๑ องค์เต็มอัตราตามที่ท่านสั่ง
    ผู้ถาม : พระ ๒๑ องค์เวลาทำบุญนี่ ต้องเพิ่มราคาหรือเปล่าครับ ?
    หลวงพ่อ : ก็ไม่ได้เพิ่ม เอาเฉย ๆ ( หัวเราะ ) ก็ตามใจ คือว่าเวลาที่จะไปทำที่วัดนี่อย่าไปน้อยคน ถ้าน้อยนี่จะเกรงใจพระ เพราะว่าตั้ง ๒๑ องค์ใช่ไหม
    พระมากเราก็ให้คนละเล็กละน้อย
    เขาไม่ได้ว่า เขาไม่ได้ตั้งราคานี่
    จะถวายหรือไม่ถวาย
    วัดหรือพระก็ไม่ได้ว่า
    ไอ้เราจะเกรงใจเอง
    ถวายองค์ละ ๑๐ บาท ๒๑ องค์ก็ ๒๑๐ บาท ถ้า ๒๐ บาทก็ ๔๐๐ กว่ามันก็หนักอยู่ หากว่าไปหลายคน คนละบาท สองบาท เก้าบาท สิบบาท อะไรก็ตาม ตามเรื่องตามราวก็ปนกันไป เพราะว่าท่านไม่ได้ตั้งเกณฑ์
    นี่เราเกรงใจเองนะ
    ผู้ถาม : ก็แสดงว่า #วัดท่าซุง นี้ใจดีนะ
    หลวงพ่อ : ใจดี ! ถ้าให้แล้วรับเสมอ ( หัวเราะ )
    #พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า #อย่าขัดศรัทธาญาติโยมพุทธบริษัท #ถ้าทำลายศรัทธาถือว่าเป็นการทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ไม่ได้ ! ถ้าให้ต้องรับ
    ถ้าขอ เฉย ๆ ไว้ ( หัวเราะ ) เราเป็นภิกษุ
    #ภิกษุ ” แปลว่า #ผู้ขอ
    ไม่ได้แปลว่า ผู้ให้
    #ทายก #ทายิกา แปลว่า #ผู้ให้
    เขาต้องให้ เราต้องรับ ไม่งั้นผิดระเบียบ
    โอวาทพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
    พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    ที่มาจากหนังสือธัมมวิโมกข์
    ฉบับที่ ๔๔๕ หน้า ๘๖ – ๘๘
    รูปภาพ Cr. วัดท่าซุง.คอม

    32809628_1481334241978314_5072018461434052608_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png ขออนุญาตลงบอกบุญค่ะ
    1f432.png บอกบุญนะคะ
    1f409.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพแก้วสารพัดนึกประดับองค์ปู่ย่านาคราช(ปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีปทุมมา)ล้อมองค์หลวงปู่เทพโลกอุดร ที่สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรี
    1f607.png ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพดวงละ300บาท..ยังต้องการเจ้าภาพอีก 136 ดวงค่ะหรือเชิญร่วมบุญได้ตามกำลังนะคะ..
    1f409.png โอนร่วมบุญเป็นเจ้าภาพดวงแก้วสารพัดนึกได้ที่
    ธ.ไทยพาณิชย์406-337594-3
    พร้อมเพย์0915145635
    น้ำฝน บุญสิงห์ค่ะ
    1f33f.png 1f33a.png 1f33f.png นอกจากจะได้ร่วมบุญสร้างญานาคราชคู่แล้ว ยังได้ร่วมสร้างฐานหลวงปู่เทพโลกอุดรให้สมบูรณ์ งดงามอีกด้วยค่ะ..
    1f64f.png ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้ที่ร่วมบุญทุกๆท่านด้วยนะคะ

    33397513_1481361231975615_8981654086344507392_n.jpg
    33312925_1481361335308938_6017163256580276224_n.jpg
    33490047_1481361461975592_4636562829783072768_n.jpg
    33248064_1481361605308911_8693581923903078400_n.jpg
    33338109_1481361728642232_2029633451954536448_n.jpg
    33436539_1481361801975558_3023215058608979968_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    .คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “พระโสดาบันเป็นยากที่สุด”..
    .. เมื่อคืนนี้มีคนเขาถามปัญหาว่า
    เขาพร้อมแล้วเหลือแต่พระอนาคามี
    ความจริงถ้าเป็นพระโสดาบันหรือ
    พระสกิทาคามีแล้ว พระอนาคามีนี่ไม่ยาก
    “ที่ตัดยากจริงๆ ก็คือพระโสดาบัน”
    สาเหตุที่ยากที่สุดเพราะ “จิตมันชินกับ
    ความชั่ว” ถ้าเราเป็นพระโสดาบันแล้วจิต
    ก็ชินกับความดี
    “พระโสดาบันมี ๓ ขั้น” คือ
    ๑.”สัตตักขัตตุง” อย่างอ่อน
    ๒.”โกลังโกละ” อย่างกลาง
    ๓.”เอกพิชี” อย่างชั้นดี
    ถ้าเป็นพระโสดาบันขั้นเอกพิชี บางที
    ก็คิดพลาดไปว่าเราเป็นพระอนาคามี
    เพราะอารมณ์จิตละเอียดมาก ความโกรธ
    ไม่อยากจะมี ความรักไม่อยากจะมี ทุกสิ่ง
    ทุกอย่างถ้าปะทะหน้ากันไม่เกิดอารมณ์
    หรือบางทีพอจิตสงบมันมีขึ้นมานิดหนึ่ง
    อย่างเขาด่าเมื่อวานซืนนี้นะ กำลังนั่งอยู่
    สบายๆ นึกว่า เอ๊ะ..เมื่อวานซืนมันด่ากู
    นี่หว่า ไปแล้ว แล้วก็หายไป คือความรู้สึก
    ช้าแล้วก็หายเร็ว พอคิดมาปั๊บแล้วก็ตัดหาย
    ไปเลยไม่มี อย่างนี้คือเอกพิชี
    “เอกพิชีกับพระสกิทาคามีมีอารมณ์
    คล้ายคลึงกัน” พอถึงพระสกิทาคามี
    อารมณ์มันเฉยมาก ยึดธรรมดาเป็นที่สุด
    อารมณ์ต่างๆ เกือบจะไม่มีเลย มีหลายองค์
    ที่เป็นสกิทาคามีแล้วคิดว่าตัวเองเป็น
    พระอนาคามี
    เรียกว่าอารมณ์ความรักในระหว่างเพศ
    อารมณ์อยากรวย อารมณ์โกรธ นับเป็น
    เดือนมันจึงจะโกรธมา ๑ นาที บางทีก็โผล่
    มาแป๊บประมาณ ๑ วินาทีแล้วก็หายไป ทีนี้
    ในขณะที่ไม่เกิดขึ้นมาก็เลยนึกว่าเป็นพระ
    อนาคามี นี่พูดยาวไปขอถอยหลังมาใหม่
    เราก็ใช้อารมณ์พระโสดาบันค่อยๆ ใช้
    แต่ว่าอารมณ์แรกที่เราจะไม่ทิ้งนั่นคือ
    “ทานบารมี” จะทิ้งไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด
    ถ้าตายจากชาตินี้ไปแล้วเราก็เป็นเทวดา
    เป็นนางฟ้าได้ และทานบารมีก็เป็นพรหม
    ได้นะ
    คำว่า “ฌาน” แปลว่าอะไร
    “ฌานแปลว่าเคยชิน”
    ทีนี้คนที่ให้ทานก็ต้องมี “จาคานุสสติ
    กรรมฐานเป็นกำลัง” จิตคิดจะให้เป็นกำลัง
    ถ้าจิตคิดจะให้มันมีการทรงตัว “ก็เป็นฌาน
    ในจาคานุสสติกรรมฐาน” ก็เป็นพรหมได้
    กรรมฐานถ้าเข้าใจก็ไม่มีอะไรยาก
    ไอ้ประเภทนั่งหลับตาปี๋ เร่งฌานกัน ๒๐-๓๐
    ปีน่ะเป็นการเลอะเทอะ ดีไม่ดีลงนรกเพราะ
    “ความโง่ขาดปัญญาบารมี” เราต้องใช้
    แบบนี้ คือแบบง่ายๆ และไปดี
    การสอนนี้ไม่ใช่ของหลวงพ่อนะ เป็น
    ของพระพุทธเจ้าท่าน เพราะว่าก่อนที่จะลง
    มาท่านเตือนกันก่อน ฉันนี่ต้องเรียนทุกวัน
    นะ คือวันนี้จะลงมาคุยเรื่องอะไร ถ้าลงไป
    คุยกับแขกไปรับแขกจะคุยเรื่องอะไร
    ก่อนจะลงไปรับแขกก็จะถามว่าแขก
    วันนี้มีใครบ้าง จะมีอารมณ์ขนาดไหน ท่าน
    จะบอกรูปร่างลักษณะเครื่องแต่งตัวให้เสร็จ
    ให้เห็นภาพเลย ..
    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๒๘ หน้าที่ ๔๙-๕๑

    33504512_1482456061866132_1047542613688713216_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอน(พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    เรื่อง วิธีกราบพระได้อานิสงส์มาก ๆ

    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าลูกจะขอทราบเกี่ยวกับเรื่องอานิสงส์สักเรื่องหนึ่งว่า วิธีที่จะกราบพระให้ถูกต้องตามแบบฉบับ เพื่อจะมีผลานิสงส์มาก ๆ นั้น จะต้องกราบแบบไหน ขอแบบฉบับ วัดท่าซุงเป็นตัวอย่างด้วยเจ้าค่ะ?

    หลวงพ่อ ให้กราบด้วยความเคารพอย่างเดียวพอ ให้จิตเคารพ นะ ก่อนที่จะกราบพระพุทธเจ้า นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระพุทธรูปก่อน กราบครั้งที่ ๒ กราบพระธรรม นึกถึงดอกมะลิแก้ว ให้ไหลจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า ลงหัวเรา กราบครั้งที่ ๓ นึกถึงพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่เราเคารพ… พอ เอาใจสำคัญกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ถ้าใจไม่เคารพ ไม่มีความหมาย

    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    33520975_1482501465194925_148915093202010112_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    การก่อสร้างทำให้บารมีเต็มเร็ว
    การก่อสร้าง, การเลี้ยงคน ต้องต่อสู้กับอารมณ์ทุกอย่าง ต้องใช้ปัญญาใคร่ครวญ ทำให้บารมีเต็มเร็ว หลวงพ่อพูดว่า…มาคิดว่าสมัยหนุ่มๆ บวชแล้วมัวแต่สร้างวัดมากมาย คิดแล้วเสียเวลา มาคิดว่า รู้อย่างนี้ไม่สร้างก็ดี เสียเวลา…เอาเวลามานั่งชำระจิตตัดกิเลสอย่างเดียวให้จบๆ ไปจะดีกว่า
    ปรากฏว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาตรัสกับหลวงพ่อว่า “ไม่มีทาง…ถ้าไม่ทำอย่างนี้ บารมีไม่เต็ม, เมื่อบารมีไม่เต็ม การตัดกิเลสไม่เป็นผล” ดังนั้นการทุ่มเทกับการก่อสร้างสมัยหนุ่มๆ แล้วก็หยุดสร้าง หันมาตัดกิเลสจริงจังนั่นแหละ เพราะบารมีเต็มแล้ว จิตใจก็พร้อมที่จะตัดกิเลส จึงเกิดผลรวดเร็วมาก
    งานคันถธุระ..ถ้าไม่เจอปัญหา จะมานั่งปฏิบัติอย่างเดียวบารมีไม่เต็ม เจอปัญหามากๆ มันตัดของมันเองแล้วจะเบา การสร้างวัดต้องเอาใจคนหลายประเภท บารมีเต็มเร็ว
    การทำงานในวัด เป็นการตัดห่วง ตัดนิวรณ์ เป็นกรรมฐานทำให้เกิดสมาธิขั้นฌาน การทำงานเป็น “พุทธานุสสติ..เป็นธัมมานุสสติ..เป็นสังฆานุสสติ” เป็นการทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า เพื่อหลวงพ่อและเพื่อการสงเคราะห์คนมาพัก
    ฆราวาสถ้าเขามาพักที่วัดเพื่อ…
    ทาน > เรา (พระที่วัด) ก็ได้บุญ ๑ ชั้น
    ศีล > เรา (พระที่วัด) ก็ได้บุญ ๒ ชั้น
    ภาวนา > เรา (พระที่วัด) ก็ได้บุญ ๓ ชั้น
    ถ้าเขามาพักเยอะ…ได้เยอะ, เขามาปฏิบัติ ๓ อย่างได้ ๓ ชั้น, มาเยอะได้เยอะ, มาเพื่อศีล สมาธิ ปัญญา, ใครมาพักที่วัด บารมีเราก็ได้เต็ม ๓ อย่าง
    คนบารมีเต็มจริง มันไม่กลัวอุปสรรค สู้ทุกอย่างไม่ท้อถอย,
    คนเบื่อร่างกาย ไม่ตัดกังวล ไปนิพพานไม่ได้,
    เบื่อร่างกาย ตัดร่างกาย ไปนิพพานได้,
    พระบวชแล้วต้องดีกว่าเก่า เพราะว่าเรามีทุกข์มากกว่าเก่า คือมีศีล ๒๒๗ ข้อ
    คนบารมีเต็ม คือคนที่มีจิตเป็นสุข
    การก่อสร้างของเรามีจุดจบ คือ วิหาร ๑๐๐ เมตร มีจุดจบมันก็ดี ไม่มีอะไรห่วง บางคนสร้างไม่ทันเสร็จก็ตาย มีแต่ความกังวลตลอดเวลา.
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ)

    33600775_1483117161800022_1723807917641039872_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ฆราวาสที่มีสามีหรือภรรยามีบุตรธิดายังครองเรือนตามปกติ ถ้าเป็นพระโสดาบันพระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า “พระ”
    นี่พระจริงๆอยู่ที่การตัดสังโยชน์

    ถ้าทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้บาปทั้งหมดที่เราทำมาแล้วทั้งหมดจะไม่สามารถให้ผลนำลงอบายภูมิได้เลย

    การจะต้องตกนรกเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานไม่มีอีกเพราะกำลังบุญเหลือแล้ว

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ___________
    จากหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๔๑๕ หน้า ๔๔

    33576443_1483762531735485_7110176276714881024_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “โทษของกามคุณ”..

    .. “กามฉันทะ” เห็นโทษของกามคุณ
    อาการเสวยกามคุณเป็นไปด้วยความทุกข์
    เป็นปัจจัยของความทุกข์ ซึ่งเราจะเห็นได้
    ง่ายๆ คนที่แต่งงานเขาไม่มีอะไรเป็นสุข
    อยู่คนเดียวเป็นสุขดีกว่า

    ครองคู่เข้ามาต้องเอาใจคนอีกพวกหนึ่ง
    ถ้ามีลูกมีหลานมีเหลนขึ้นมาก็ทุกข์หนัก
    มากขึ้น และกามคุณไม่ได้ให้คุณแต่
    ประการใด ดึงมาซึ่งความทุกข์อยู่ตลอด
    เวลา มีความใคร่ไม่มีที่สิ้นสุด

    เราคนเดียวมีความปรารถนาวัตถุ
    ชิ้นเดียว ถ้าอยู่สองคนครองคู่ปรารถนา
    วัตถุสองชิ้นหรือสองเท่า ถ้าหากว่ามีลูก
    มีเต้าก็มีความปรารถนามากขึ้น ต้อง
    ลำบากมากขึ้น เป็นปัจจัยของความทุกข์ ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๒๙ หน้าที่ ๑๘

    33676128_1485205444924527_3637607514666696704_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...